ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ

เขา... นายตำรวจหนุ่ม

เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ

ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น

แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ

แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ

ตอน: บทที่ 1 (แรกพบ... 1)

บทที่ 1
(แรกพบ 1)

“ยอดข้าว” ร้านกาแฟขนาด 1 คูหา 3 ชั้นซึ่งตั้งอยู่มุมตึกอาคารพาณิชย์ในทำเลที่เรียกได้ว่าแพงติดอันดับต้นๆ ในย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร เพราะมีทั้งบริษัท ห้างร้าน ธนาคาร และโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ และแน่นอนว่าตั้งซึ่งอยู่ในทำเลที่ดีขนาดนี้ราคาของสถานที่ก็ต้องสูงลิ่วตามไปด้วย แต่เธอสามารถซื้อมาได้ในราคาที่ถูกเหมือนได้มาฟรีๆ เหตุผลน่ะหรอก็เพราะเธอ... “เส้นใหญ่” แต่เมื่อรวมค่าตกแต่งภายใน ค่าอุปกรณ์ทำมาหากินก็เล่นเอาเงินเก็บที่มีแทบจะเหลือแค่ก้นถัง

ภายในร้านตกแต่งไว้อย่างน่ารักแต่ก็ดูคลาสสิก ด้วยการผสมผสานระหว่างโทนสีขาว สีม่วงอ่อนและสีน้ำตาล ตามแบบที่เจ้าของร้านอยากให้เป็น ชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลธรรมชาติ ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ไม่แออัดจนเกินไป ต้นไม้กระถางขนาดกลางและเล็กจัดวางอยู่มุมต่างๆ ของร้านนั้นก็เข้ากันเป็นอย่างดี

บริเวณผนังร้านที่ติดกับถนนนั้นเป็นกระจกใสบานใหญ่ ซึ่งด้านล่างเป็นกระจกแบบขุ่นเป็นลายรวงข้าวสูงประมาณ 60 เซนติเมตรพรางสายตาจากคนด้านนอก มู่รี่ผ้าที่ตอนนี้ถูกลดระดับลงมาเพื่อพลางแสงอาทิตย์ที่เริ่มร้อนแรงขึ้น ส่วนหน้าร้านก็เป็นกระจกใสเช่นเดียวกันแต่มีสติกเกอร์ตัดเขียนเป็นชื่อร้านตัวโต และมีรูปรวงข้าวติดไว้อย่างสวยงาม

เจ้าของร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลไหม้ ผมยาวสลวยถูกรวบไว้เป็นหางม้าตึงแน่นอยู่ที่กลางศีรษะเผยให้เห็นใบหน้าเรียวได้รูป และผ้ากันเปื้อนสีขาวที่มีรอยเปื้อนอยู่เล็กน้อยผูกอยู่ที่เอว กำลังก้มๆ เงยๆ มองคุกกี้ที่อบอยู่ในเตาอย่างตั้งอกตั้งใจ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนยลอยฟุ้งทั่วหลังร้าน

เสียงดัง ติ๊ก! จากเตาอบส่งสัญญาณบอกคุกกี้ที่อบในเตาได้ที่แล้ว ดลินาจึงสวมถุงมือกันความร้อนก่อนจะหยิบถาดคุกกี้ที่เธอพึ่งอบเสร็จออกมาวางไว้บนโต๊ะไม้ตัวใกล้ๆ กันนั้นอย่างเบามือ แล้วยืนชื่นชมกับคุกกี้สีเหลืองทองอร่ามอย่างพอใจ พักคุกกี้ให้เย็นก่อนจะจัดวางเรียงลงใส่กล่องสี่เหลี่ยมขนาดกลางใสทีละชิ้นๆจนเต็มกล่อง แล้วเก็บล้างอุปกรณ์ทำขนมจนสะอาด แล้วหยิบกล่องคุกกี้เดินออกไปที่หน้าร้าน

หญิงสาววางกล่องคุกกี้ลงบนโต๊ะหลังเคาท์เตอร์ ก่อนหยิบหนังสือนวนิยายแนวผจญภัยเล่มโปรดขึ้นมาอ่านเพื่อเป็นการฆ่าเวลารอให้ลูกค้ารายแรกของวันเข้าร้าน แต่เธอพลิกหน้าหนังสือไปได้เพียง 3 หน้าเท่านั้น เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังแทบจะลั่นร้าน

“เบื่อ เบื่อ เบื่อ”

ถ้อยคำเปล่งรัวออกมาเต็มเสียงอย่างอดไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งคอตก มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรของคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยอย่างเธอจะต้องมานั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้ เพราะการทำอาชีพนี้ดลินาเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีลูกค้าก้าวเข้ามาในร้านเมื่อไหร่ บางวันไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลยก็มี

ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะมาเปิดร้านกาแฟ เธอทำงานอยู่ในบริษัทให้คำปรึกษาการลงทุนแห่งหนึ่งอยู่ประมาณ 3 ปี ซึ่งนั้นก็เพียงพอที่เธอสามารถเก็บเงินได้ก้อน(ใหญ่)หนึ่ง จนเมื่อ 5 เดือนก่อนเธอตัดสินใจลาออกจากงานแล้วมาเปิดร้านกาแฟตามความใฝ่ฝันของตัวเอง ถึงแม้รายได้ในการทำธุรกิจส่วนตัวนี้จะไม่มากมายเท่างานที่ตัวเองเคยทำอยู่ในบริษัทให้คำปรึกษาการลงทุน แต่หญิงสาวก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ หญิงสาวลองคิดเล่นๆว่าหากตนเองบริหารร้านของตัวเองเจ๊ง อดีตลูกค้ารวมทั้งเจ้านายที่บริษัทเก่าคงขนลุกกันน่าดู

“ยอดข้าว แกลาออก...ออกมาเองนะจะมาบ่นอะไรนักหนาเนี่ย”

หญิงสาวตบแก้มตัวเองเบาๆ ทั้งสองข้างอย่างเรียกกำลังใจ ก่อนลุกจากเก้าอี้ทรงสูงที่หลังเคาท์เตอร์เดินออกมาบิดซ้ายทีขวาทีอย่างเต็มรัก ก่อนจะเดินไปรอบๆ ร้านเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยภายในร้านอีกครั้งเป็นรอบที่ 5 ของวัน... ก็มันว่างอ่ะ

เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งประตูหน้าร้าน ทำให้ดลินารีบเงยหน้าจากดอกไม้ที่ปักอยู่ในแจกันซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่งภายในร้ายก่อนจะหันมามองไปยังที่ประตูทางเข้า ทันได้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำผู้หนึ่งเดินไปนั่งลงที่โต๊ะตัวที่ติดกับบานกระจกใหญ่ด้านข้างร้านใกล้กับเคาท์เตอร์ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ดลินาเห็นลูกค้ารายแรกของวันนี้เธอถึงกับสะดุ้ง เข่าอ่อนแทบทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น

ผู้ชายตัวโตรูปร่างสูงใหญ่กำยำ สีผิวเป็นสีแทนสวย เขาสวมแว่นตาดำสนิทดูน่ากลัว สวมเสื้อยึดสีดำข้างใน ทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเป็นเสื้อนอก และกางเกงยีนสีซีดที่ดูค่อนข้างเก่า แถมยังไว้หนวดไว้เครารกรุงรังดูสกปรก และเพราะเจ้าหนวดเครานั้นแหละที่ทำให้ดลินาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ผู้ชายคนนั้นอายุเท่าไหร่ แต่ที่เธอรู้แน่ก็คือ... ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

ดลินาคิดได้อย่างนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะรวบรวมกำลังใจ (และกำลังกายที่พร้อมจะวิ่งหนี) เดินเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ นี้ถือว่าเป็นการรับออร์เดอร์ครั้งแรกในชีวิตของหญิงสาวที่เจ้าตัวรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังออกไปรบ ...ฮือ! ฉันจะถูกลากไปข่มขืน แล้วฆ่าปาดคอไหมเนี่ย

“เอ่อ... รับอะไรดีคะ”

“อเมริกาโน 1 แก้ว”

ชายคนนั้นตอบเสียงเรียบแสนจะธรรมดา แต่ดลินากลับได้ยินเป็นน้ำเสียงข่มขู่เสียอย่างนั้น เหงื่อเริ่มซึมบริเวณไรผมทีละน้อย อาการชะงักข้างทำให้คนที่นั่งอยู่มองอย่างสงสัย

“คุณ คุณครับ เป็นอะไรไป”

“เอ่อ...ขะ...ขอ...ขอโทษค่ะ มะ...เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ!?”

หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงที่ไม่มั่นคงนัก รอยยิ้มนั้นแห้งแสนแห้ง

“อเมริกาโนที่นึงครับ”

เขาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ และคราวนี้เธอก็ได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน หญิงสาวขนลุกซู่เหมือนจับน้ำเสียงหงุดหงิดได้จากชายตรงหน้า ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวเขาคิดไปเอง ผิดกับชายตรงหน้าที่มองผู้หญิงที่ยืนจดรายการยุกยิกอย่างขำขัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้รู้สึกอย่างไร แต่เห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ หลังจากที่รับออร์เดอร์เรียบร้อยแล้วเธอก็เดินดุ่มๆ กลับไปที่เคาท์เตอร์ทันที ไม่สนใจว่าเขาจะต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ส่วนลูกค้ารายแรกของวันไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะเมินหน้าออกไปมองยังธนาคารที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านกาแฟแห่งนี้อย่างพินิจ

ถึงแม้ดลินาจะง่วนอยู่กับเครื่องชงกาแฟ แต่สายตาก็ทำหน้าที่เหลือบดูเขาทุกครั้งที่ขยับตัว เธอสังเกตเห็นเขาเฝ้าแต่จ้องไปยังธนาคารซึ่งอยู่ตรงข้ามร้านอย่างไม่วางตา ในใจก็จินตนาการไปต่างๆ นานาซึ่งแต่ละเรื่องมันออกไปทางไม่ดีทั้งนั้น

เสียงวางแก้วและตะกร้าหวายใบเล็กเรียกความสนใจให้กลับมาภายในร้านอีกครั้ง เขามองตะกร้าคุกกี้ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างแปลกใจ... เพราะเขาไม่ได้เป็นคนสั่ง

“คุกกี้นี่!?”

เขาบอกพลางชี้ไปที่ตะกร้าคุกกี้ตัวต้นเหตุ ดลินาสะดุ้งเมื่อเขาเอ่ยถามคอค่อยๆ เอี้ยวกลับไปมองเหมือนกับประตูที่ขึ้นสนิมมองนิ้วมือเขาที่ชี้ไปที่ตะกร้าคุกกี้ใบน้อย แล้วฉีกยิ้มแบบที่ตัวเองคิดว่าหวานสุดๆ แต่ทำไมปากมันถึงได้กระตุกๆ นะ แต่ว่าจะอ้างอะไรดีหว่าจะได้ไม่ถูกฆ่าทิ้งหากตอบไม่ถูกใจเขาขึ้นมา (คิดไปได้)

“เอ่อ... คือ เอ่อแบบว่าปกติมันอยู่ในเซ็ตน่ะค่ะ”

ดลินาพูดเร็วจี๋แล้วรีบแจ้นกลับที่หลังเคาท์เตอร์ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านโดยที่ยังคงเหลือบตาขึ้นมาสังเกตเขาเป็นระยะ แถมยังวางโทรศัพท์ไว้ใกล้มือหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้กด 191 ทัน...

ฮือ! ทำไมฉันไม่ติดกล้องวงจรปิดไว้ด้วยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้จับถูกตัว

หญิงสาวแอบชำเรืองมองลูกค้าเพียงคนเดียวของร้านที่นั่งมองไปยังธนาคารแห่นั่งด้วยความสงสัย ครั้งนี้เป็นรอบที่ 10 ภายในเวลา 2 นาที เธอไม่รู้ว่าธนาคารแห่งนั้นมันมีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด ก็แค่มีลูกค้าเดินเข้าออกมากเป็นปกติเหมือนอย่างทุกวัน... หรือว่าเขาจะมาปล้นธนาคาร เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็เบิกตากว้างเลื่อนหนังสือลงมาปิดปากที่อ้ากว้างด้วยความตกใจ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าอาการตาโตเป็นไข่ห่านตอนนี้เธอนั้นแหละที่เป็นฝ่ายถูกมองเสียเอง

“มีอะไรน่าตกใจหรือครับ”

เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นติดขำขันนั้นทำให้ดลินาถึงกับสะดุ้งปล่อยหนังสือตกลงพื้น เธอเรียบก้มลงเก็บก่อนจะมาอยู่ตัวแข็งหลังเคาท์เตอร์ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่หวาดระแวง

“มะ... มะมีอะไรหรือคะ”

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“เอ่อ... ปะเปล่าคะ ไม่มีอะไร แหะๆ”

เธอยิ้มแหยๆ ตอบก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไปด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก... เขาคงไม่ได้มาปล้นร้านฉันด้วยหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงฉันคงไม่โดยฆ่าข่มขืนแถมด้วยหรอกนะ แงๆ หนูกลัวจังเลยแม่จ๋า แต่เอ้! ทำไมเขาสุภ๊าพสุภาพจังเลย หรือว่าจะหลอกให้เราตายใจ แล้วค่อยมาบีบคอให้ตายคามือ ฮือๆ กลัวจังเลย

ขณะที่ลูกค้าเพียงคนเดียวของร้านกำลังดื่มกาแฟเฝ้ารออะไรบางอย่างอยู่นั้น เขาวางแก้วกระเบื้องเคลือบสีขาวลงทันทีที่เห็นชายคนที่เป็นเป้าหมายเดินเข้าไปในธนาคารแห่งนั้นพร้อมพวกอีก 3 คน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขด่วนที่เขาตั้งเอาไว้ สีหน้าเคร่งเครียด และประสาทตื่นตัวเต็มที่

“รหัส3 หมาป่าออกล่าเหยื่อแล้ว”

เขาเก็บโทรศัพท์ทันทีที่พูดจบ ลุกขึ้นยืนแล้ววางธนบัตรสีแดงใหม่เอี่ยม 1 ใบ ลงบนโต๊ะก่อนจะเดินหายออกไปจากร้านดั่งกับสายลม ดลินาเห็นเขาลุกพรวดพราดออกไปจากร้านอย่างนั้นก็ตกใจ เธอรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งตามเขาออกไปที่หน้าร้านอย่างลืมกลัว แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของเขา เธอยืนท้าวสะเอวปัดผมที่มาปรกหน้าเธออย่างฉุนเฉียว

“เล่นทีเพล่อนี่หว่า...นึกแล้วเชียวว่าต้องคบไม่ได้ ดีนะที่ไม่ปล้นร้านฉันแถม อย่าให้เจออีกเชียวนะแม่จะฉะให้เละเลย”

คนเคยกลัวมายืนทำเก่งอยู่หน้าร้าน ยืนพึมพำกับตัวเองอย่างโกรธๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าร้านแล้วตรงไปที่โต๊ะตัวที่เคยมีคนนั่งเมื่อสักครู่นี้อย่างหงุดหงิด แต่เมื่อเธอเห็นธนบัตรสีแดงใหม่เอี่ยมวางอยู่บนโต๊ะก็ต้องตกตะลึง ความโกรธที่มีเมื่อสักครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง

“อ้าว!!... แล้วกันจ่ายเงินแล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้ด่าอยู่ได้ตั้งนาน”

ดลินามองแบงค์ใบนั้นอย่างงงๆ เธอเก็บแก้วกาแฟที่ยังเหลืออยู่กว่าครึ่งแก้ว แต่คุกกี้ในตะกร้าไม่เหลือเลยสักชิ้นลงบนถาด แล้วเดินไปวางไว้ที่หลังร้านก่อนจะเก็บล้างให้เรียบร้อย เธอเดินกลับที่เคาท์เตอร์แล้วทำการเช็คบิล แล้วแปะใบเสร็จไว้ที่บอร์ดด้านหลังเคาท์เตอร์… ยังจะหวังว่าเขาจะกลับมาเอาเงินทอนอีกนะแม่คุณ

ปัง ปัง ปัง!!!!!!!! เสียงที่ดังขึ้นอย่างกับระเบิดดังรัวเป็นชุดออกมาจากธนาคาร ทำให้ผู้คนที่สัญจรอยู่บริเวณนั้น ต่างหนีตายหาที่หลบกันอย่างจ้าระหวั่น ดลินารีบเดินจากหลังเคาท์เตอร์มาดูเหตุการณ์นั้นอย่างตกใจ จากจุดที่เธอยืนอยู่นั้นสามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างถนัดตา ผู้ชาย 5 คนที่สวมไอ้โม่งคลุมหน้า วิ่งออกมาจากธนาคาร หนึ่งในห้าคนนั้นถือถุงกระสอบสีน้ำตาลใบขนาดกลาง ทุกคนมีอาวุธพร้อมมือ วิ่งตรงไปที่รถตู้สีดำที่จอดรออยู่ที่หน้าธนาคาร แต่ยังไม่ทันที่พวกนั้นได้ขึ้นรถ ก็มีรกสีแดงเลือดหมูสลับขาวหลายคันมาจอดล้อมหน้าล้อมหลังปิดเส้นทางหนีรถคันนั้นไว้จนหมด

เจ้าพนักงานในชุดสีกากีหลายนายเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับถือปืนจ่อไปที่รถคันนั้น โดยมีประตูรถเป็นเกราะกำบัง หญิงสาวยืนดูเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าเหตุการณ์มันอาจบานปลาย และอาจทำให้เธอโดนลูกหลงไปด้วย แต่ดูความอยากรู้อยากเห็นของเธอ ก็ทำให้เธอยังสามารถยืนดูเหตุการณ์นั้นได้อย่างไม่ยอมถอย (โธ่แม่คุณ... แทนที่จะปิดร้านหนี)

“ยอมมอบตัวซะ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมไว้หมดแล้ว นายไม่มีทางหนีแล้วนะเสือโต่ง วางอาวุธแล้วออกมาจากซะ อย่าให้เรื่องมันเลยเถิดมากไปกว่านี้เลย”

เสียงของเจ้าหน้าที่นายหนึ่งดังขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องใช้โทรโข่งช่วย แต่ก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนและทั่วถึง แต่คำตอบที่ได้มานั้นกลับเป็นกระสุนปืน 3 นัดที่กราดไปทางเขาแทน ดลินาเอามือปิดหูเพื่อลดความดังของเสียงนั้น แต่ว่าเสียงที่ดุดันนั้นมันช่างคุ้นหูเธอเสียเหลือเกิน เธอพยายามที่จะชะโงกหน้าแล้วหยีตาเพื่อที่จะได้เห็นหน้าเขาชัดๆ จังหวะเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เขาหันหน้ามา เธอถึงกับยืนมองตาค้างเลยทีเดียว ชายคนนั้นสวมเสื้อยึดสีดำข้างใน ทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเป็นเสื้อนอก และกางเกงยีนสีซีดแถมยังไว้หนวดเครารกรุงรังอีก ใช่แน่ๆ ต้องเป็นเขาแน่ๆ

“เฮ้ย!!! นั้นมันคนที่ร้านเมื่อกี้นี่ ทำไมถึงไปอยู่ตรงนั้นได้ หรือ...หรือว่า เขาเป็นตำรวจ”

หญิงสาวยืนเอามือปิดปากอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคนที่แต่งตัวและหน้าตาเหมือนโจรนั้นจะเป็นแปรงร่างจากผู้พิฆาตสันติราษฎร์กลายเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไปแล้ว



TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2556, 22:55:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2556, 12:01:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1119





<< บทนำ   บทที่ 1 (แรกพบ... 2) >>
Auuuu 2 ม.ค. 2556, 11:28:35 น.
สนุกดีค่าาา ^^


เทียนจันทร์ 2 ม.ค. 2556, 18:13:57 น.
ชื่อนางเอก แบบว่ามันอ่านแล้วขัด ๆ ยังไงไม่รู้ล่ะ
แต่รอติดตามนะคะ


TooMMeng 3 ม.ค. 2556, 16:10:33 น.
คุณAuuuu: ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ ดีใจมากค่ะ

คุณเทียร์จันทร์: 555+ ไอ้เรื่องการตั้งชื่อตัวละครเป็นอะไรที่ปวดเศียรเวียนเกล้มากๆ เลยค่ะ นึกไม่ค่อยออก แต่ก็จะพยายามต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^


ฌลารักษ์ 20 ม.ค. 2556, 23:29:22 น.
ตอนแรกนึกว่าร้านขายกาแฟเฉยๆ แต่พออ่านมาถึงตอนท้ายนี่น่าสนใจขึ้นมาทันทีเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account