ดวงใจจ้าวรัตติกาล โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
'นางคือจันทราสว่างไสว นางคือจอมใจเมื่ออยู่เคียงขวัญ นางคือคู่แท้แห่งนิรันดร์ นางคือชีวันจ้าวรัตติกาล'
เขาไม่เคยเห็นค่าของสิ่งที่มีจวบจนวันที่เสียไป สายไปไหมหากจะวอนขอให้จันทร์จ้าวกลับมาอยู่เคียงข้าง
Tags: โรแมนติก เจ้าหญิงเจ้าชาย พระเอกขรึม นางเอกขรึมกว่า ความรัก การเมืองเล็กๆ

ตอน: บทที่ 4 ปริศนา 2

บทที่ 4 ปริศนา 2

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้ามหาวิหารทั้งหลังก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงเสียงสวดจากเหล่าของนักบวชเท่านั้นที่ดังกังวาน ผู้ที่ร่วมพิธีบุญต่างพากันคุกเข่าก้มหน้า มือประสานกันไว้แนบอกอย่างสำรวม บรรยากาศจึงเปี่ยมไปด้วยความขลัง

ตามลำดับพิธีแล้วหลังบทสวดจบจะเป็นพิธีถวายเครื่องสักการะ ซึ่งพิธีในส่วนหลังนี้จ้าวทิวากับจ้าวนิศามณีจะทำกันเพียงลำพัง

เสร็จพิธีแล้วก็เสด็จกลับมาที่ส่วนใน ทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลทั้งหมดออกไป เพื่อที่จะได้ทรงสนทนากันตามประสาพี่น้องได้สะดวกขึ้น

“พี่หญิงไม่ได้บอกจ้าวรัตติกาลหรือว่าจะค้างที่นี่” จ้าวทิวาทรงเปรยขึ้นมา

หลังพิธีสวดจบมีองครักษ์มารายงานว่าจ้าวรัตติกาลส่งคนมาตามเจ้านิศามณีกลับ แสดงว่าไม่ทรงทราบเรื่องพักค้างแรม พระพี่นางเองก็ไม่ยอมกลับ ป่านนี้จ้าวรัตติกาลคงกริ้วไปแล้ว

“ห่วงพี่รึ อย่ากังวลเลยทินกร พี่รับมือได้ ท่านจ้าวอาจจะดูดุแต่เนื้อแท้แล้วไม่มีอะไรหรอก”

เจ้านิศามณีไม่ได้กราบทูลเรื่องค้างคืนเพราะกลัวจ้าวรัตติกาลจะไม่อนุญาตให้มา ทรงคิดไว้แต่แรกแล้วว่าท่านจ้าวต้องกริ้วแน่ แต่วันนี้มีเพียงปีละครั้งและเป็นวันสำคัญยิ่ง ต่อให้ต้องทะเลาะหรือถูกตำหนิสักเพียงไหน พระนางก็ยังต้องเสด็จออกมา

“ไม่มีอะไรแล้วเหตุใดเมื่อคืนพี่หญิงถึงถูกท่านจ้าวตำหนิเรื่องกลับดึกได้”

จ้าวทิวาทรงไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานการเมืองแบบนี้มาตั้งแต่ต้น ทรงหวงแหนพระพี่นางเสียยิ่งกว่าราชบัลลังก์ แต่ครั้นจะเหนี่ยวรั้งไม่ให้อภิเษกกับใครก็เกรงว่าจะเป็นการเห็นแก่ตัว ด้วยรู้อยู่แก่พระทัยดีว่าที่พระพี่นางยังไม่ออกเรือนไปก็เพราะเป็นห่วงพระองค์

พอเหล่าขุนนางเสนอชื่อจ้าวรัตติกาลขึ้นมาจึงไม่ได้ทรงคัดค้านการอภิเษก ด้วยเห็นว่าถึงพระพี่นางจะแต่งไปแล้วก็ยังไปมาหาสู่กันสะดวก ท่านจ้าวเป็นยอดบุรุษคงให้ความสุขแก่พระพี่นางได้ ใครเลยจะคิดว่าชีวิตสมรสของพระพี่นางจะมีแต่ความห่างเหินเย็นชา ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้คงคัดค้านเสียตั้งแต่ทีแรก ไม่ปล่อยให้เรื่องล่วงเลยมาจนป่านนี้หรอก

“ใครเล่ากัน อย่าไปเชื่อบุหรงกับวิฬาร์นักเลย ชอบทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เรื่อย”

“ไม่ใช่พวกคุณข้าหลวงหรอกพี่หญิง น้องให้ภุมรินแอบตามไปส่ง”

ภุมรินคือหนึ่งในเจ็ดองค์รักษ์แสง ร่างแปลงของภุมรินคือแมลงแต่จะเป็นอะไรนั้นแม้แต่เจ้าตัวก็บอกไม่ได้เพราะจะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่แปลงร่าง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสมัยยังเด็กราชองครักษ์คนนี้เคยได้รับพิษทำให้ธาตุในกายผันผวนร่างแปลงจึงไม่เสถียร เพราะความสามารถนี้เองก็เลยได้รับตำแหน่งหน่วยข่าวกรองประจำวังฝั่งขวาไปด้วย

“ที่แท้ผีเสื้อที่พี่เห็นหน้าตำหนักก็คือภุมรินนี่เอง อย่าให้แอบตามพี่มาบ่อยนักเลย ถูกจับได้ขึ้นมาจะกินแหนงแคลงใจกันเปล่าๆ”

องครักษ์และขุนนางของวังทั้งสองเขม่นกันอยู่เนืองๆ หากมีใครรู้ว่าคนของวังฝั่งขวาลอบเข้าออกตำหนักในของวังฝั่งซ้ายคงกลายเป็นเรื่องใหญ่

“น้องลืมคิดไป มัวแต่ห่วงพี่หญิง จริงสิ! พรุ่งนี้น้องไปส่งเองเลยดีกว่า มีน้องอยู่ท่านจ้าวคงไม่ว่ากระไรหรอก”

ถึงจะเป็นสามีที่เย็นชาแต่ข้อดีของจ้าวรัตติกาลก็มีอยู่มาก อย่างหนึ่งคือให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอ ไม่เคยยกตนข่มจ้าวทิวาที่พระชนมายุอ่อนพรรษากว่าเลย คุยกันด้วยเหตุผลก็คงหายกริ้วได้

“ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วง แต่อย่าเลย เรื่องแค่นี้พี่จัดการเองได้” เจ้านิศามณีตรัสอย่างไม่ทุกข์ร้อน

จ้าวทิวาจึงทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง เห็นจะมีแต่พระพี่นางคนเดียวกระมัง ที่เห็นความพิโรธของจ้าวรัตติกาลเป็นเรื่องเล็ก

คุยกันได้สักครู่ระฆังของวิหารก็ดีบอกเวลาห้าทุ่ม จ้าวทิวารู้สึกหิวขึ้นมาจึงทรงหันไปถามพระพี่นาง

“น้องให้คนยกขนมกับผลไม้มาดีไหม รองท้องสักหน่อยเพราะคืนนี้ยังต้องอยู่อีกนาน”

พระพี่นางก็ไม่ยอมตรัสตอบพระองค์ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ยินรับสั่ง พอถามซ้ำสีพระพักตร์ก็ดูเคร่งเครียดจนผิดสังเกต อยู่ๆ ก็ทรงผุดลุกขึ้นแล้วเสด็จไปที่ทวารประตูทางออกไปยังธารน้ำศักดิ์สิทธิ์

“เกิดอะไรขึ้นหรือพี่หญิง” เจ้าทินกรเสด็จตามออกมาอย่างกระชั้น

“เจ้าอยู่นี่ คอยกันไม่ให้ใครเข้าไปที่ธารน้ำ”

สิ่งที่เจ้านิศามณีได้ยินก่อนหน้าไม่ใช่คำถามของพระอนุชา แต่เป็นเสียงของพรายกระซิบมากระซิบบอกว่ามีเหตุไม่ชอบมาพากลใกล้ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ พอไปถึงก็เห็นว่ามีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินตามเสือโคร่งมา

“ยิงเหยี่ยวตัวนั้นให้ตก อย่าให้ถึงตาย” เจ้านางรับสั่งกับคนที่ล่องหนอยู่

ฉับพลันธนูแสงก็พุ่งตรงไปยังตัวเหยี่ยวได้แม่นราวจับวาง ส่งผลให้เหยี่ยวตัวนั้นดิ่งผสุธาลงกระแทกพื้นดัง ‘อั๊ก!’

เสียงหัวเราะเบาๆ ของมือธนูล่องหนดังขึ้นข้างพระวรกายของเจ้านิศามณี พร้อมกับเสียงฝีเท้าสวบสาบที่ย่องตามเจ้านางไปอย่างกระชั้น

แสงจันทร์สลัวทำให้มองเห็นว่าร่างที่สลบไสลอยู่นั้นเป็นหนึ่งองครักษ์เงา จึงทรงร้องห้ามไม่ให้เสือโคร่งทำร้ายชายหนุ่ม

“ขอรากไม้ล่องหนให้เราหน่อย พอสัททุลไปเจ้าก็จัดการลบความทรงจำของชายผู้นี้เสีย” เจ้านิศามณีตรัสกับพรายกระซิบ

ไม่นานเกินรอรากไม้อันหนึ่งก็ลอยมาวางอยู่บนพระหัตถ์ เจ้านิศามณีทรงมอบรากไม้กับห่อผ้าที่แอบซ่อนไว้ให้เสือโคร่งไป แล้วจึงเสด็จกลับเข้าวิหารส่วนในอย่างผิดหวัง

แท้ที่จริงแล้วพิธีบุญของเจ้าอรุณาเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น ที่ประทับค้างคืนเพราะมีนัดหมายสำคัญกับบุคคลผู้หนึ่ง และเสือโคร่งตัวนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้นำสารของคนผู้นั้น

“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่พี่หญิง” จ้าวทิวาทรงปราดเข้ามาถามในทันทีที่เจ้านิศามณีเสด็จเข้ามา

“มีเหตุนิดหน่อย คืนนี้เราคงไม่ได้พบกับคนผู้นั้นแล้ว”

ได้ฟังข่าวร้ายใบหน้าของจ้าวทิวาก็สลดวูบ แต่ก็ยังทรงฝืนยิ้มปลอบใจพระพี่นางว่าปีหน้ายังมี

“ไม่มีปีหน้าอีกแล้วทินกร องครักษ์เงามาพบสัททุลเข้า เราคงต้องเปลี่ยนสถานที่นัดพบ พี่ให้คนของพี่จัดการปกปิดร่องรอยแล้วคงเบาใจได้ว่าเรื่องนี้ยังเป็นความลับ”

ชื่อองครักษ์เงาทำให้จ้าวทิวาอดวิตกไม่ได้ แต่เมื่อพระพี่นางยืนยันว่าไม่เป็นไร พระองค์ก็จะไม่ดิ้นรนทำอะไรให้เป็นพิรุธ ได้ชื่อว่าคนของพระพี่นาง คนของพระองค์สักร้อยยังเทียบฝีมือไม่ติด เพราะคนผู้นี้ไม่ใช่ผีไม่ใช่คนแต่เป็นอมนุษย์ล่องหน ที่แม้แต่จ้าวทิวาเองก็ไม่เคยพบเห็น

ใครเลยจะรู้ว่าพรายกระซิบของเจ้านิศามณีนั้นเดิมทีก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง จะแตกต่างจากผู้อื่นตรงที่มีพลังเวทแก่กล้าเท่านั้น หากเกิดในเมืองที่มีความเจริญคงมีคนเอาไปชุบเลี้ยงในราชสำนักให้เป็นใหญ่เป็นโต เพราะผู้วิเศษล้วนเป็นที่ต้องการของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์

ทว่าชะตากลับเล่นตลกให้ไปเกิดในถิ่นกันดารที่ไม่มีความเข้าใจในพลังเหนือธรรมชาติ พอพลังเวทอุบัติขึ้นตอนอายุหกปี เด็กน้อยจึงถูกกล่าวหาว่ามีปีศาจร้ายสิงสู่อยู่ในร่าง โดนจับมัดติดกับแพแล้วปล่อยให้ลอยไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก หากไม่จมน้ำตายก็ต้องอดตายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่เด็กน้อยดวงแข็งก็รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์และถูกตาเฒ่าคนหนึ่งเก็บไปเลี้ยง

ตาเฒ่าเลี้ยงดูเด็กน้อยอย่างทารุณ ให้ทำงานหนักแลกข้าว ชื่อมีก็ไม่เคยเรียก เรียกแต่ ‘เจ้าโง่ ไอ้บ้า เด็กเหลือขอ’ ซึ่งล้วนแต่เป็นคำด่าทอทั้งสิ้น พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็ถูกขายให้ชายแปลกหน้าในราคาถูกเสียยิ่งกว่าหมูหมา

เด็กน้อยถูกพาเข้าป่าลึกเพื่อฝึกฝนศิลปะวิชาและมนตรา ในที่สุดก็เติบโตขึ้นมากลายเป็นนักฆ่ามนตร์ดำ มีหน้าที่หลักคือลอบสังหารคนตามคำสั่ง

มาบัดนี้เด็กน้อยลืมเลือนหน้าตาของมารดากับชื่อที่แท้จริงของตนไปจนสิ้น รู้จักเพียงกลิ่นคาวเลือดและการเข่นฆ่าเท่านั้น จะลูกเล็กเด็กแดงหรือสตรีอ่อนแอก็ไม่ต่างกันนักหรอก ฆ่าเสร็จก็จบกัน หากอยากมีลมหายใจต่อไปก็ต้องท่องเอาไว้ว่าถ้าไม่ฆ่าเขาก็ต้องถูกเขาฆ่า

แล้ววันหนึ่งนักฆ่ามนตร์ดำผู้ไร้นามก็ได้รับมอบหมายให้ลอบสังหารเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่แล้วก็พลาดท่าถูกทำร้ายอาการสาหัสเจียนตาย ถึงจะหนีการจับกุมไปได้แต่ก็ซมซานกลับไปยังสำนักไม่ได้อยู่ดี ที่นั่นคนทำงานพลาดมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่ง

ในขณะที่ทรุดกายลงกับผืนดิน นอนทิ้งร่างอย่างหมดอาลัยในชีวิต สตรีนางหนึ่งก็มาพบเข้า นางเป็นหญิงงามยิ่งกว่าสตรีใดๆ ที่เคยพบเห็น สตรีนางนั้นคลี่ผ้าเช็ดหน้าหอมกรุ่นออกมาห้ามเลือดที่ต้นแขนให้ แล้วตามคนมาช่วย

หลังต่อสู้กับความเป็นความตายอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้และได้รู้ว่าผู้ที่ช่วยชีวิตตนไว้คือเจ้านิศามณี พระพี่นางของคนที่เคยหมายชีวิต เจ้านางไม่แค้นเคืองอาฆาตแต่กลับหยิบยื่นชีวิตใหม่ให้

‘หายดีแล้วมาอยู่กับเราไหม’

ความเมตตานั้นทำให้รู้สึกตื้นตันจนร่ำไห้ออกมา ประหลาดแท้ที่ถูกคมดาบแทงจนมิดด้ามยังไม่เคยคิดจะร้อง ทำไมหนอกับแค่คำพูดประโยคเดียวน้ำตามันถึงไหลออกมาไม่หยุด

นักฆ่ามนตร์ดำพยักหน้าอย่างไม่รั้งรอ วินาทีนั้นเขาได้สาบานกับตัวเองว่าจะขอถวายชีวิตที่ได้กลับคืนมานี้แก่เจ้านาง

‘เจ้าชื่ออะไร’

คำถามของเจ้านางทำให้ต้องส่ายหน้า ด้วยจำชื่อเดิมของตัวเองไม่ได้เสียแล้ว ชื่อที่เป็นคำด่าก็น่าอายจนไม่อยากให้เจ้านางได้รับรู้

‘ถ้าเช่นนั้นเราตั้งให้นะ กรวินท์ที่แปลว่าทับทิมเป็นอย่างไร นัยน์ตาเจ้าเวลาต้องแสงอาทิตย์อัสดงจะเป็นสีแดงงดงามเหมือนกับทับทิมไม่มีผิด’

นับจากวันนั้นนักฆ่ามนตร์ดำก็ใช้ชื่อว่ากรวินท์เรื่อยมา แล้วถูกส่งไปสังกัดอยู่ในหน่วยลับของจ้าวทิวาองค์ก่อน ทว่าคนที่กรวินท์ภักดีด้วยอย่างแท้จริงมีเพียงเจ้านิศามณีเท่านั้น กรวินท์จึงพยายามหาทางให้ได้รับใช้ใกล้ชิดเจ้านางให้จงได้

‘ทำอย่างไรถึงจะได้เป็นองครักษ์ของเจ้านิศามณี’ กรวินท์เอ่ยถามนายทหารผู้หนึ่ง

‘ก็ต้องเก่งให้ได้ทัดเทียมกับองครักษ์ส่วนพระองค์ เจ้าน่ะยังห่างชั้นนัก ถึงได้ถูกเล่นงานกลับมาปางตายอย่างไรเล่า’

คำพูดนั้นทำให้กรวินท์หนีออกจากวัง กลับไปยังสถานที่ที่ฝึกฝนให้ตนเป็นนักฆ่าแล้วขโมยสุดยอดเคล็ดวิชาแห่งขมังเวทออกมา

สามปีผ่านไปกรวินท์ก็ฝึกเคล็ดวิชาสำเร็จและสามารถเอาชนะผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของตนได้ เมื่อคิดว่าตนเก่งกาจพอแล้วก็บุกเข้าวังหลวง มาหมอบกราบอยู่แทบเท้าเจ้านิศามณีขอเป็นข้าช่วงใช้ไปจนวันตาย

ท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลายคน เจ้านางกลับไว้ใจยอมให้มารับใช้ข้างกาย กรวินท์จึงยิ่งพลีกายถวายชีวิตให้ คอยอยู่ห่างๆ ในฐานะอากาศธาตุที่ไร้ตัวตนและปรากฏกายยามเจ้านางเรียกใช้

ถึงจะเป็นเพียงเสียงกระซิบหรือแค่เรียกในใจ ขอเพียงเจ้านางนึกถึงกรวินท์ กรวินท์ก็จะมาหา

คืนนี้เจ้านางเรียกมาช่วยคุ้มกัน กรวินท์ก็มาในฐานะสายลมเย็นที่พัดอยู่ข้างพระวรกายเจ้านาง ใจกรวินท์อยากจะสังหารคนจุ้นจ้านที่มาทำลายนัดหมายของเจ้านางให้สิ้นซาก แต่เมื่อเป็นรับสั่งของเจ้านางอดีตนักฆ่าจึงพาองครักษ์เงามาขังไว้ในห้องสี่เหลี่ยมไร้ประตูหน้าต่าง แล้วเริ่มบริกรรมคาถาลบความทรงจำของราชองครักษ์

เมื่อท่องมาถึงปลายบทร่างของจรีก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากแท่นพิธี ดวงตาของชายหนุ่มเหม่อลอย มองผิวเผินแล้วก็ไม่ต่างจากตุ๊กตาตัวโตที่ไร้ชีวิตนัก

“เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาเจ้าจะลืมเลือนเรื่องที่ได้พบเห็นมาที่มหาวิหารไปจนสิ้น” เอ่ยจบกรวินท์ก็สะบัดผ้าคลุมย้ายร่างของราชองครักษ์ไปไว้ที่หลังม้าตามเดิม


จรีผวาตื่นขึ้นมาบนหลังม้าเพราะแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่สาดส่องลงมา ราชองครักษ์หนุ่มสะบัดศีรษะอย่างงงงันแล้วนึกทบทวนว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

นิ่งตรองอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออกว่าตนมารับเจ้านางแต่องครักษ์ของวังฝั่งขวาไม่ยอมให้ขึ้นเฝ้า ก็เลยขี่ม้าอ้อมมาทางนี้ตั้งใจจะแปลงเป็นเหยี่ยวบินย้อนธารน้ำตกขึ้นไปยังมหาวิหาร ความทรงจำทุกอย่างหยุดที่ตรงนี้ส่วนเวลาที่หายไป ตนไปทำอะไรที่ไหนมาจรีจำไม่ได้เลย

‘หรือเราจะเผลอหลับคาหลังม้า’

ราชองครักษ์สุดซื่อคิดหาเหตุผลมาได้เพียงเท่านี้ ก็เลยรีบควบม้าไปยังทางขึ้นของมหาวิหาร ที่นั่นกำลังมีการตั้งขบวนเสด็จเตรียมกลับวังของจ้าวทิวากับเจ้านิศามณีอยู่ ราชองครักษ์หนุ่มก็เลยไปเข้าร่วมขบวนกับเขาด้วย

จรีไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่ตนกำลังกลับวังไปพร้อมกับขบวนเสด็จ ด้านหลังห่างไปไม่ไกลกันนัก พรายกระซิบล่องหนของเจ้านิศามณีกำลังหมายหัวจรีเอาไว้

หากคราวหน้ายังมาสอดรู้เรื่องของเจ้านางอีกล่ะก็ จะฆ่าเสียให้ตายคามือ

คนซื่อดวงซวยจึงรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เป็นระยะ ทั้งยังจามเสียจนจมูกบานไปตลอดทางกลับวัง


เจ้านิศามณีเสด็จกลับถึงวังหลวงในตอนใกล้เที่ยง ยังไม่ทันย่างพระบาทเข้าไปในตำหนักพระสวามีก็มาดักรออยู่ก่อนแล้ว

“เหนื่อยไหมนิศามณี หากไม่เหนื่อยเดินเล่นในอุทยานด้วยกันหน่อยจะเป็นไร” จ้าวรัตติกาลตรัสทันทีที่พบหน้า สีพระพักตร์ไม่มีเค้าว่าจะกริ้วแม้แต่น้อย

หากเจ้านิศามณีโง่กว่านี้อีกนิดซื่อกว่านี้อีกหน่อย ก็คงจะดีพระทัยเป็นแน่ที่พระสวามีเป็นห่วงเป็นใย ทั้งยังอยากจะอยู่ด้วยกันตามลำพังเพราะความคิดถึง แต่บังเอิญว่าเจ้านิศามณีไม่ได้โง่ ดูก็รู้แล้วว่านี่เป็นการชวนหาเรื่องทะเลาะแบบเป็นส่วนตัว ให้พ้นหูพ้นตาข้าราชบริพารทั้งหลาย

เจ้านางคนงามเลี่ยงได้แต่ไม่อยากเลี่ยงด้วยรู้สึกผิดต่อจ้าวรัตติกาล ทั้งเรื่องที่ไม่ยอมกลับและเรื่องการนัดพบเมื่อคืนนี้ จึงทรงยอมให้ตำหนิแต่โดยดี

ทั้งสองพระองค์เสด็จชมอุทยานตามลำพังจนมาถึงมุมลับตาคน สีพระพักตร์เรียบเฉยของจ้าวรัตติกาลก็แปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึง สายพระเนตรคมสบลึกเข้าไปในพระเนตรของพระชายาอย่างเอาเรื่อง

“ทำไมต้องทำประชดข้า”

จ้าวรัตติกาลกริ้วจนบรรทมไม่หลับทั้งคืน นึกอยากจะลงโทษนางให้สาสมที่บังอาจขัดรับสั่ง แต่คิดจนหัวแทบระเบิดก็นึกวิธีการลงโทษไม่ออก

‘นั่นก็แรงไป นี่ก็ไม่ควร’

นึกแล้วก็หงุดหงิดใจนักที่ได้พระชายาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในราชสำนัก ลองแตะนางแม้แต่ปลายก้อยสิ วังซ้ายขวาคงได้แตกหักกันไปข้าง

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”

เจ้านิศามณีทรงยอมรับด้วยสำนึกในความผิด ทว่าจ้าวรัตติกาลกลับคิดว่านี่เป็นเล่ห์กลในการรับมือพระองค์ของเจ้านาง ครั้งนี้จึงไม่ทรงอภัยให้โดยง่าย

“เจ้าก็ดีแต่ขออภัย หัดสำนึกแล้วปรับปรุงตัวเสียบ้าง จะให้ย้ำกี่ครั้งกันถึงจะสำนึกตนว่าเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว”

จ้าวรัตติกาลทรงตำหนิพระชายาอย่างรุนแรง แต่ร้อยคำพันประโยคก็ไม่ทำร้ายหัวใจของเจ้านิศามณีเลยสักนิด ทรงก้มพระพักตร์ให้บ่นจนพอพระทัย เสร็จแล้วเจ้านิศามณีก็ย่อกายแสดงความเคารพต่อพระสวามีอีกครั้ง

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

“ข้าดุเจ้าอยู่ยังจะมาตีหน้าระรื่นขอบคุณอีก จะประชดข้าไปถึงไหน” หางเสียงเบาลงหน่อยอย่างอ่อนพระทัย ทั้งกับเรื่องพระชายาและเรื่องของพระองค์เอง

จ้าวรัตติกาลไม่เข้าพระทัยเช่นกันว่าเหตุใดจึงทรงหงุดหงิดนัก ทั้งที่พระชายาก็มิได้โต้เถียง ยิ่งบ่นก็ยิ่งรู้ตัวว่าพระองค์กำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่

ในความเป็นจริงคนที่สมควรจะโวยวายน่าจะเป็นนางเสียมากกว่า พระองค์ปล่อยให้นางเป็นพรหมจรรย์มาถึงป่านนี้ เป็นคนอื่นคงร้องไห้ช้ำใจไม่ก็เกลียดพระองค์ไปแล้ว แต่นางก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ตัดพ้อเลยสักคำ

ถึงจะแยกกันอยู่ทันทีนางก็ไม่ว่ากระไร พระองค์ร้อนมานางก็อ่อนให้ คิดดูแล้วนี่ก็คือการแต่งงานแบบถ้อยอาศัยในอุดมคติของพระองค์ทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ทั้งยังอธิบายไม่ได้ว่าความคับข้องใจนี้คืออะไร เจอหน้านางทีไรต้องเผลอพาลใส่แบบไร้เหตุผลอยู่ร่ำไป ทั้งที่ทรงบอกตัวเองนับพันครั้งว่าควรจะทำดีกับนางบ้าง

“หม่อมฉันขอบคุณเรื่องผ้าห่มที่ส่งไปให้ที่มหาวิหารเพคะ เตรียมไปแต่ผืนบางๆ ไม่คิดเลยว่ากลางคืนจะหนาวมาก ถ้าไม่ได้ของที่ฝ่าบาทประทานให้คงแย่”

เมื่อคืนจ้าวรัตติกาลให้คนส่งผ้าห่มไปให้เจ้านิศามณี ทรงกำชับไม่ให้บอกว่ามาจากพระองค์ แต่เจ้านางก็ยังสู้อุตส่าห์จับได้เพราะอักษรย่อบนผ้าห่มผืนหนาบ่งว่าเป็นของจ้าวรัตติกาล ของของท่านจ้าวหากไม่มีรับสั่งมีหรือมหาดเล็กจะกล้าหยิบเอามาให้ตามชอบใจ

“ข้าเปล่าสักหน่อย หมดเรื่องแล้วจะไปไหนก็ไปเสีย”

คนถนัดปิดทองหลังพระรีบหมุนตัวหนีเพื่อซ่อนสีหน้า ด้วยเกรงว่าจะถูกจับได้แล้วอีกฝ่ายจะยิ่งได้ใจไปกันใหญ่

“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ” เจ้านิศามณีตรัสแล้วก็แย้มโอษฐ์จนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม

นี่เขาเรียก ‘ปากร้ายใจดี’ หรือ ‘ปากไม่ตรงกับใจ’ กันแน่หนอ

แต่จะแบบไหนเจ้านางก็ไม่นึกโกรธเลยสักที เนื่องจากเห็นอยู่เต็มสองตาว่าตัวตนที่แท้จริงของพระสวามีนั้นไม่ได้ร้ายดั่งคำพูด

จ้าวรัตติกาลทรงเหลียวมาแอบมองพระชายาในจังหวะที่เจ้านางทรงแย้มยิ้ม รอยยิ้มผิดจากทุกทีที่เคยเห็นตรึงสายพระเนตรไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่ทรงรู้สึกว่าพระชายาของพระองค์มิได้ไร้อารมณ์ดังที่ทรงคิด



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2554, 09:03:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2555, 14:54:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1834





<< บทที่ 3 ปริศนา 1   บทที่ 5 ปริศนา 3 >>
ลูกกวาดสีส้ม 31 พ.ค. 2554, 12:27:33 น.
สนุกค่ะ แล้วรีบมาอัพน้าาา


dino 31 พ.ค. 2554, 13:54:24 น.
สนุกดีค่ะ ชอบแนวๆๆนี้


หมูอ้วน 31 พ.ค. 2554, 14:41:08 น.
พรายกระซิบจ๋า อย่าฆ่าจรีเลยนะ
ทำไปเพราะหน้าที่จ้าาา


เรือใบ 31 พ.ค. 2554, 22:13:57 น.
ลองอ่านดูแล้วชอบค่ะเรื่องนี้ น่าสนใจดี กลัวแต่จ้าวรัตติกาลจะเข้าใจผิดเรื่องเสืออ่ะ ว่าเป็นตัวเดียวกับที่ทำให้เจ้าอรุณาตายรึเปล่าน้ออ


Pat 1 มิ.ย. 2554, 08:14:55 น.
สองเรื่องสองอารมณ์ คนละบรรยากาศ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account