ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 3 จดหมายถึงพระจันทร์

บทที่ 3 จดหมายถึงพระจันทร์

หนึ่งชั่วโมงต่อมา พระจันทร์ก็ถูกตามตัวไปพบคุณหญิง ระหว่างทางที่เดินย้อนกลับมาจนถึงเรือนรับรองพระจันทร์พยายามมองหาเพื่อนแต่ก็ไม่พบใคร

เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้งคุณหญิงก็สั่งให้พระจันทร์มานั่งตรงข้ามกับตัวเอง แล้วเริ่มถามคำถามอย่างตรงไปตรงมา

“หนูอยากเป็นลูกสาวฉัน หรืออยากได้ทุนการศึกษาแบบไม่มีเงื่อนไข”

ดวงตาของคุณหญิงที่จ้องมองมาทางพระจันทร์มีทั้งแววเมตตาและพิจารณาอยู่ในที เด็กสาวจึงสูดลมหายใจเข้าปอด เตือนตัวเองว่าต้องมีสติ แล้งจึงค่อยตอบคำถาม

“ถ้าเลือกได้หนูอยากเป็นลูกสาวคุณหญิงค่ะ” พระจันทร์เอ่ยออกมาจากใจ

“หนูทราบใช่ไหมคะว่ามีเพียงคนเดียวที่จะได้เป็นลูกสาวฉัน”

“ทราบค่ะ”

“ในเมื่อหนูอยากเป็นลูกฉัน หนูจะบอกได้ไหมว่าตัวเองมีคุณสมบัติอะไรในตัว ที่สมควรได้รับเลือก”

พระจันทร์แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบเลย เด็กสาวยิ้มน้อยๆ แล้วตอบมาอย่างมั่นใจว่า

“ไม่มีค่ะ ในบรรดาเด็กสามคน หนูเป็นคนที่คุณหญิงไม่ควรจะเลือกมากที่สุด”

สีหน้าของคุณหญิงศีตภาไม่เปลี่ยนไปเลยจนนิดเดียวเมื่อได้ยินคำตอบ เธอถามเหตุผลว่าทำไมถึงคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติด้วยน้ำเสียงราบเรียบเสียจนพระจันทร์หวั่นใจ เด็กสาวข่มอาการประหม่าเอาไว้ แล้วรวบรวมความกล้าตอบอย่างที่ใจคิด

“หนูอาจจะเนรคุณคุณหญิงได้ทุกเมื่อค่ะ”

คำพูดค่อนข้างแรงนี้ทำคนแอบฟังอยู่อย่างบงกชสะดุ้ง หญิงสาวนึกตำหนิเด็กในปกครอง ถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมาเสียก่อนเธอคงจะต้องเข้าไปขอโทษคุณหญิงแทนพระจันทร์แล้ว

“คุณหญิงอาจจะไม่ทราบว่าหนูป่วยเป็นโรคหัวใจ หมอบอกว่าหัวใจของหนูอาจจะหยุดเต้นเมื่อไรก็ได้ หากคุณหญิงให้ความรักความเมตตากับหนูแล้ววันหนึ่งหนูด่วนจากไปขึ้นมา คุณหญิงไม่เสียใจแย่หรือคะ ดังนั้นหนูเลยคิดว่าตัวเองไม่ควรค่าต่อความเมตตาของคุณหญิงค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นหนูคิดว่าใครเหมาะสมจะเป็นลูกของฉัน”

“ปียนุชค่ะ”

“หนูเลือกเพื่อนคนนี้เพราะรักมากกว่าอีกคนหรือจ๊ะ”

หม่อมราชวงศ์ศีตภาแกล้งสร้างความลำบากใจให้ แต่พระจันทร์ก็หาได้ไขว้เขว เด็กสาวยังคงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ

“หนูสนิทกับนุชมากกว่า แต่ก็ใช้เหตุผลในการเลือกค่ะ ถ้าต้องมาเป็นลูกคุณหญิงก็จะต้องเปลี่ยนสังคม ซึ่งนุชมีข้อได้เปรียบตรงที่ปรับตัวเก่งกว่าโรส หนูหมายถึงรสรินทร์น่ะค่ะ”

คุณหญิงพยักหน้ารับว่าเข้าใจ แล้วเงียบเป็นเชิงให้พระจันทร์พูดต่อ

“ข้อดีอีกอย่างของนุชคือมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวสูง รู้จักรับผิดชอบ เรียบร้อยมีระเบียบ ไม่มีทางทำให้ขายหน้าและเป็นที่พึ่งในอนาคตได้แน่นอนค่ะ ส่วนโรสถึงจะขี้อายไปหน่อยแต่โรสก็เรียนเก่งมาก ได้ที่หนึ่งเสมอ หนูรับรองได้เลยค่ะว่าโรสจะใช้ทุนการศึกษาที่คุณหญิงมอบให้อย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์”

“หนูให้ฉันเลือกเพื่อนๆ หนูอย่างนี้ ไม่เสียดายโอกาสดีๆ บ้างเหรอ ไม่คิดที่จะบอกข้อดีของตัวเองให้ฉันฟังหน่อยหรือไง”

“แค่คุณหญิงเมตตาพวกเราคนใดคนหนึ่งหนูก็รับผลประโยชน์แล้วค่ะ ถึงหนูจะเสียดายแต่หนูก็มีความสุขที่เห็นเพื่อนรักได้รับสิ่งที่สมควรจะได้ ตัวหนูเองได้รับโอกาสดีๆ จากคนอื่นมามากพอแล้วค่ะ” เด็กสาวเว้นช่วงหายใจแล้วชี้ไปที่หัวใจตัวเอง “หัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ได้เพราะความเมตตาจากบุคคลหลายท่าน ดังนั้นถ้าหนูอยากเรียนต่อก็ต้องขวนขวายด้วยตัวเอง หนูตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะสอบชิงทุนค่ะ”

คุณหญิงศีตภามองลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย ข้อความที่ได้ยินผ่านหูไม่ใช่แค่ลมปาก แต่ล้วนมาจากใจ คุณหญิงยิ้มน้อยๆ ออกมาในที่สุด คุยกันอีกสักสองสามประโยคคุณหญิงก็เรียกให้ทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องออกมา

พระจันทร์มองเห็นอยู่ว่าแม่ใหญ่แอบฟังจากห้องข้างๆ ที่มีประตูเชื่อมกัน แต่ไม่คิดเลยว่าเพื่อนทั้งสองจะนั่งหลบอยู่ด้านหลังโซฟาที่คุณหญิงนั่ง ทั้งสองคนโผเข้ามากอดเธอทันทีที่ได้รับอนุญาตให้แสดงตัว แล้วกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

“สำรวมหน่อยเด็กๆ” บงกชดุทั้งที่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ขอโทษค่ะ หนูดีใจไปหน่อย” รสรินทร์รีบสำรวม ปียนุชเองก็เงียบเสียงลงแต่กลายเป็นว่าน้ำตากลับไหลคลอหน่วยตาแทน

“เป็นอะไรไปนุช” พระจันทร์ถามด้วยความตกใจ

ปียนุชรู้สึกปีติเกินกว่าจะพูดออกมาได้เลยรีบปาดน้ำตาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ พอหันไปทางรสรินทร์เพื่อนสาวก็เอาแต่ยิ้ม พระจันทร์สุดแสนจะงงงันกับปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสองเลยผินหน้าไปทางแม่ใหญ่เพื่อขอคำชี้แจง แต่แม่ใหญ่กลับบอกให้พวกเธอรีบกราบขอบพระคุณคุณหญิงเสีย

ปียนุชกับรสรินทร์รีบกระวีกระวาดทำตามทันที แต่พระจันทร์กลับขืนตัวเองไว้ไม่ยอมนั่งลงกับพื้นตามแรงดึงของเพื่อน

“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ”

ท่าทีของพระจันทร์ทำให้คุณหญิงหัวเราะออกมาเบาๆ เธอปล่อยให้เด็กสาวทำหน้าเป๋อเหรออยู่พักหนึ่ง แล้วจึงค่อยชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้เข้าใจ

“ฉันเรียกพวกหนูมาคุยทีละคนเพราะอยากจะรู้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร แล้วก็ต้องแปลกใจมากที่สองคนแรกตอบเหมือนกันว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติ”

ปียนุชบอกว่าคุณหญิงควรจะรับพระจันทร์เป็นธิดาบุญธรรมและมอบทุนให้รสรินทร์ ส่วนรสรินทร์ก็บอกว่าคุณหญิงควรจะรับปียนุชเป็นธิดาบุญธรรมแต่ให้มอบทุนให้กับพระจันทร์ ต่างคนต่างก็ไม่เห็นแก่ตัว ด้วยเหตุนี้คุณหญิงก็เลยยื่นเงื่อนไขใหม่ให้กับเด็กทั้งสาม

“ฉันก็เลยบอกว่าจะรับอุปการะทั้งสามคน โดยมีเงื่อนไขว่าคำตอบของพระจันทร์จะต้องตอบแบบเดียวกัน แต่ถ้าไม่ฉันจะไม่รับอุปการะใครเลย เพื่อนหนูทั้งสองคนตกลง แล้วผลก็เป็นอย่างที่เห็น ฉันเลยได้รู้แล้วว่าพวกหนูเป็นเด็กดีและรักกันจริงๆ”

พระจันทร์แอบคิดในใจว่าอุบายของคุณหญิงช่างร้ายกาจเสียจริง แต่ก็ไม่โกรธเธอเลยจนนิดเดียว เด็กสาวก้มลงกราบแทบเท้าของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจและนับถือเป็นอย่างยิ่ง



เมื่อแสดงความขอบคุณกันแล้ว คุณหญิงก็ชวนให้ทุกคนอยู่รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ระหว่างนั้นก็พูดคุยว่าจะจัดการชีวิตของแต่ละคนอย่างไร

แผนการคร่าวๆ คือตอนนี้ให้อยู่ที่บ้านเด็กอบอุ่นกันไปก่อน หลังจากนั้นค่อยย้ายมาพักอยู่ที่นี่ ถึงจะไม่มีใครได้อยู่ในสถานะลูกบุญธรรมแต่คุณหญิงก็สัญญาว่าจะส่งเสียให้ทุกคนได้เรียนต่อตามความพอใจ

เด็กทั้งสามต่างก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความกังวลที่จะถูกจับแยกจากกันเมื่ออายุสิบห้ามลายหายไปสิ้น ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามีแต่อนาคตอันสดใสรออยู่

เรื่องราวดีๆ ที่น่าประหลาดใจยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากรับประทานอาหารแล้ว คุณหญิงศีตภาก็มอบหีบขนาดย่อมใบหนึ่งให้ พร้อมซองจดหมายซึ่งมีชื่อปียนุชกับรสรินทร์เขียนเอาไว้ นอกจากนี้หน้าซองยังมีข้อความกำกับเอาไว้ด้วยว่า ในซองมีกุญแจเปิดหีบอยู่ ให้เด็กสองทั้งสองเปิดมันหลังจากที่ได้รับมาสามวัน

สภาพซองที่เก่าเก็บจนตัวหนังสือซีดจางบ่งบอกว่าของทั้งหมดถูกเตรียมเอาไว้นานแล้ว เด็กสาวทั้งสองได้แต่มองของตรงหน้าด้วยความฉงน

“ใครฝากมาให้พวกเราเหรอคะคุณหญิง” ปียนุชตัดสินใจถาม

“คุณแม่ของฉันเองจ้ะ หม่อมรวิกานต์ สุรภาส”

ชื่อที่ไม่คุ้นหูทำให้พร้อมใจกันย่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย พอสบตากันก็รู้ได้ในทันทีว่าต่างคนต่างก็ไม่รู้จักสตรีสูงวัยท่านนี้

“ท่านนี่แหละจ้ะที่เป็นคนสั่งให้อุปการะพวกหนูสองคนเหมือนลูกหลาน ไว้ว่างๆ ฉันจะพาไปกราบท่านที่วัดนะ”

คำว่า ‘วัด’ ทำให้เดาได้สองทางคือถ้าหม่อมแม่ของคุณหญิงไม่บวชอยู่ก็แสดงว่าสิ้นชีวิตไปแล้ว ซึ่งทุกคนต่างก็ภาวนาให้เป็นอย่างแรก เพราะจะได้มีโอกาสไปพบเพื่อถามหาเหตุผล

พระจันทร์ฟังคำอธิบายด้วยความสนอกสนใจ เธออยากรู้เหมือนกับทุกคนในห้องนี้ว่าหม่อมรวิกานต์มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเพื่อนทั้งสอง แต่คุณหญิงศีตภาก็ไม่พูดออกมาเสียที เด็กสาวคันปากอยากถามเต็มแก่แต่ก็รู้มารยาทว่าอะไรควรไม่ควร จึงอดทนรออย่างใจเย็น ทว่ายังไม่ทันที่คุณหญิงจะได้ไขข้อข้องใจคนรับใช้ก็มาขัดจังหวะเสียก่อน

“ขอประทานโทษค่ะ คุณหญิงมีนัดตอนบ่ายนี้ใช่ไหมคะ”

หม่อมราชวงศ์ศีตภามองนาฬิกาแล้วบ่นพึมพำว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

“นี่ของพระจันทร์จ้ะ” คุณหญิงรีบยื่นซองจดหมายเก่าๆ ซองหนึ่งมาให้ “ฉันบังเอิญไปเจอเข้า คิดว่าคุณแม่น่าจะอยากฝากให้หนูแต่บังเอิญตกหล่น”

กล่าวจบคุณหญิงก็สั่งการณ์เร็วจี๋ว่าให้จัดขนมห่อกลับไปให้เด็กๆ ด้วย แล้วขอตัวไปทำธุระ เธอยกมือขึ้นรับไหว้ทุกคนก่อนที่พระจันทร์จะทันได้ขยับเสียอีก ทางท่ารีบร้อนอย่างนี้บ่งบอกว่ามีนัดหมายสำคัญ

เมื่อร่างของคุณหญิงหายลับไปจากสายตาแล้ว พระจันทร์ก็ประคองซองจดหมายเก่าโทรมขึ้นมามองอย่างพิจารณา หน้าซองมีชื่อเธอเขียนเอาไว้จริงแต่ก็เลือนรางชนิดว่าแทบอ่านไม่ออก ถ้าไม่บังเอิญมีรอยดำเหมือนถ่านเปื้อนอยู่ตรงรอยกดปากกาพอดี ก็คงมองไม่ชัดว่าเขียนอะไรเอาไว้

“ถึงพระจันทร์” เด็กสาวอ่านออกเสียง

ลายมือลักษณะนี้ไม่คุ้นตาแต่กลับรู้สึกคุ้นเคย แวบแรกที่เห็นเธอก็รู้สึกผูกพันกับเจ้าของลายมืออย่างล้ำลึกเสียแล้ว ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนคนนี้เป็นใคร



ตั้งแต่ได้รับจดหมายมาพระจันทร์ก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ยินทั้งนั้น รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นมานั่งในรถตู้เสียแล้ว

“อย่าเพิ่งแกะสิพระจันทร์ ต้องเปิดหลังจากนี้สามวันนะ”

เสียงเตือนของปียนุชบอกให้รู้ว่าพระจันทร์เผลอแกะจดหมายออกมาจากซองโดยไม่รู้ตัว

“น่าจะเปิดได้นะ ของพระจันทร์ไม่ได้บอกไว้ว่าให้เปิดตอนไหนเหมือนของพวกเรานี่” รสรินทร์ว่า แล้วชะโงกหน้ามามองจดหมายด้วยความสนใจ

พระจันทร์ถือกระดาษสีเหลืองกรอบเอาไว้ในมืออย่างชั่งใจว่าควรจะคลี่มันออกอ่านเสียเดี๋ยวนี้หรือไม่ เธอไม่ได้กลัวว่าจะทำผิดคำสั่ง แต่ห่วงว่ามันจะยุ่ยคามือเพราะสภาพเก่ามาก

“พระจันทร์ เก็บจดหมายใส่ซองเอาไว้ก่อน แล้วค่อยเปิดอ่านพร้อมกันกับของนุชกับโรส” บงกชหันมาสั่งเพราะบังเอิญได้ยินการสนทนาเข้าพอดี

“ค่ะ”

เด็กสาวรับปากแต่ร่างกายกลับขยับไปในทางตรงกันข้าม พระจันทร์คลี่มันออกมาเสียอย่างนั้น ราวกับมีอะไรดลใจว่าให้รีบอ่านเสียเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้อ่าน

ลายมือในจดหมายเป็นแบบเดียวกันกับที่เขียนจ่าหน้าซอง ลักษณะลายมือเป็นระเบียบอ่านง่าย ถึงกระดาษแผ่นนี้จะไม่มีเส้นบรรทัด แต่คนก็เขียนได้อย่างเที่ยงตรงไม่เอียงเลยแม้แต่น้อย น้ำหมึกบนกระดาษซีดจางไปมากตามกาลเวลาแต่ก็ยังมองเห็นได้ เพราะคนเขียนลงน้ำหนักพอสมควรทำให้ยังเห็นร่องรอยอยู่ หากลายมือบอกนิสัยได้จริงคงต้องพูดว่าเจ้าของลายมือนี้เป็นคนมีระเบียบหนักแน่นจริงจังและเป็น ‘ผู้ชาย’

สาเหตุที่พระจันทร์มั่นใจว่าเป็นอย่างนั้นเพราะจดหมายที่เขียนถึงเธอเป็นจดหมายรัก



‘ถึงพระจันทร์ที่รัก

แปลกใจไหมว่าเหตุใดฉันจึงเขียนจดหมายหาเธอทั้งที่เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ ฉันเองก็แปลกใจเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่ตอนที่จรดปากกาเขียนข้อความส่งถึงเธอ อาจจะเป็นเพราะแสงจันทร์คืนนี้สว่างเกินไปกระมังเลยข่มตานอนไม่ลง พอลุกขึ้นมาชมจันทร์เลยคิดถึงเธอจับใจ ทั้งที่ก็เพิ่งพบหน้าไปเมื่อตอนหัวค่ำ

เห็นทีความรักจะทำให้ฉันอาการหนักเสียแล้ว กลายเป็นคนพร่ำเพ้อจนตัวเองยังนึกรำคาญ ถ้าไม่ได้เขียนบอกเล่าความรู้สึกออกมาคงคลั่งหนัก เธออ่านแล้วคงระอา ดังนั้นช่วยเมตตารักษาฉันทีเถอะพระจันทร์ ฉันไม่หยามเกียรติเธอขนาดกล้าขอให้มาอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานหรอก แค่อยากจะขอปันเวลามาอยู่ใกล้กันมากหน่อย มาหาเร็วขึ้นสักนิดแล้วกลับช้าลงอีกหน่อยก็ยังดี…’



พระจันทร์หยุดอ่านชั่วคราวเมื่อสรุปได้ว่าคนชื่อพระจันทร์ในจดหมายไม่ใช่เธอ เด็กสาวรู้สึกแน่นหน้าอกแปลกๆ จะโกรธก็ไม่ใช่เสียใจก็ไม่เชิง กว่าจะเข้าใจว่าตัวเองกำลังผิดหวังก็เผลอกำจดหมายในมือแน่นจนยับ

เด็กสาวเผลอคิดอย่างเข้าข้างตัวเองว่าข้อความในจดหมายอาจจะเป็นเบาะแสทำให้เธอได้พบญาติหรือพ่อแม่ที่แท้จริง แต่เมื่อรู้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็เลยพานไม่อยากอ่านต่อ

พระจันทร์ไล่สายตาลงมาดูคำลงท้ายซึ่งเขียนเอาไว้ว่า ‘จากพระอาทิตย์ของเธอ’ จากนั้นก็พับจดหมายใส่ซองเก็บเอาไว้อย่างเดิม

“เขียนว่ายังไงบ้างพระจันทร์” รสรินทร์กระซิบถาม ส่วนปียนุชก็เอียงตัวมาใกล้ด้วยความอยากรู้

ยังไม่ทันที่พระจันทร์จะได้แง้มปากบอกเสียงเหล็กชนกันดังสนั่น ตัวของเธอพุ่งไปด้านหน้ากระแทกกับกับเบาะอย่างแรง เสี้ยววินาทีต่อมาศีรษะก็กระดอนไปโขกกับของแข็งทำเอาโลกมืดไปชั่วขณะ

เด็กสาวพยายามประคองสติเอาไว้ เธอจิกเบาะที่นั่งอยู่แน่น แล้วก็ต้องผวาเฮือกเพราะมันไหลลงไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว พระจันทร์กระเด็นออกมาจากท้ายรถตู้พร้อมกับเบาะที่นั่ง แล้วร่วงลงมาจากที่สูงด้วยความเร็วที่น่าใจหาย อึดใจร่างของเด็กสาวก็หล่นลงกระแทกกับพื้นถนนคอนกรีตอย่างแรงพร้อมกับความรู้สึกที่ดับวูบลง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ตอนนี้เป็นตอนที่สามแล้วนะคะ แต่เพิ่งมาทักทายกัน ต้องขอโทษด้วยค่ะที่โผล่มาช้า เอาเป็นว่าจะพยายามมาคุยกับนักอ่านให้ได้ทุกตอนนี้นะคะ
โผล่มาก็ตอนเหตุการณ์กำลังเข้มข้นพอดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพระจันทร์ดวงน้อยของเราบ้าง บอกไว้ก่อนนะคะว่าเรื่องนี้เขียนยากหนาอวบมาก ดังนั้นจำนวนตอนก็เลยเยอะหน่อย ใครตามอ่านทีหลังอย่าเพิ่งตกใจกับจำนวนตอนนะคะ เพราะคิดว่าน่าจะมีประมาณ 50-60 ตอนค่ะกว่าจะจบ
เรื่องนี้โน้มคิดพล็อตไว้เมื่อ 2-3 ปีก่อน แล้วก็เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ แต่ก็ถอดใจไม่ได้เขียนสักทีเพราะรายละเอียดปลีกย่อยหลายๆ อย่างค่ะ จริงๆ ที่หามานี่แทบไม่ได้ใส่ไว้ในนิยายเลยค่ะ แต่หามาเพื่อไม่ให้ปล่อยไก่เท่านั้น หากมีเหตุผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้กับบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลายเอาไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

หมายเหตุ อิจเมจที่เห็นเป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆ ค่ะ เอามาเพิ่มพลังหื่นในการเขียนงาน 5555 หามาไม่ถูกใจก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ แบบว่าเค้ารักเค้าหลงสามหนุ่มนี่อ่ะ >/////<



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2556, 23:58:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ค. 2556, 23:58:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 2240





<< บทที่ 2 คุณหญิงศีตภา   บทที่ 4 ชีวิตที่เลือกไม่ได้ >>
คิมหันตุ์ 22 พ.ค. 2556, 01:41:31 น.
สามตอนนี่ อุบัติการณ์เกิดขึ้นสองครั้งแล้วนะคะ.....โหดจริงๆ อิอิ


mhengjhy 22 พ.ค. 2556, 11:52:59 น.
หว๋ายยกระแทกพื้นอย่างแรง ดูน่าจะไม่รอด รวยรินแน่ๆ


หมูอ้วน 22 พ.ค. 2556, 13:38:04 น.
ตามติดค่ะ สงสารหนูพระจันทร์จังเลย ฮือ..


Zephyr 22 พ.ค. 2556, 20:42:15 น.
หูยยยย ดูนาวเยินนะคะ
ตัวพุ่ง หัวกระแทก เบาะหลุด ไหลจากรถ ตัวฟาดอีกรอบ สลบ เอิ่ม....
โน้มน้าว เธอจะรักพระจันทร์มากไปละ ร่างแหลกสลายพอดีอ่ะ
น่วมหมด หรือโน้มจะพานางข้ามเวลาแล้วชิมิ สรุปคุณหญิงก็เหลือเด็กสองคนอยู่ดี
เพราะอีกนาง เธอมีโลกส่วนตัวละ ไม่วช่โผล่ไประเบิดลงพอดีนะ หึหึ


omelate 22 พ.ค. 2556, 20:53:20 น.
เจ็บแย่เลยนะ


goldensun 22 พ.ค. 2556, 22:21:51 น.
เปิดตอนเหมือนลางร้ายจากฝันไม่เป็นจริง ที่ไหนได้ เอาละสิ พระจันทร์จะหลับแบบจิตข้ามกาลรึเปล่า แรงซะถ้ารอดก็ปาฏิหาริย์


ผักหวาน 23 พ.ค. 2556, 11:25:17 น.
ชอบมากเลยค่ะ แต่ว่า ทำไมมาสารภาพรักกันต่างภพต่างวัยแบบนี้น้อ

น่าติดตามมากค่ะ


wane 24 พ.ค. 2556, 00:29:46 น.
แม่คุณหญิงคือผู้กุมความลับทุกอย่างไว้เหรอคะ ถึงได้รู้จักทุกคนขนาดนี้


padeedee 3 มิ.ย. 2556, 11:32:29 น.
หม่อมรวิกานต์ใช่พระจันทร์หรือเปล่า......


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account