เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์

ตอน: บทที่ี่่่ี่ 17

บทที่ 17

สื่อต่างๆ ของประเทศต่างเสนอข่าวการยักยอกเงิน และแผนการฆาตกรรมของสัญชัย หุ้นส่วนสำคัญอีกคนของทรัสต์คอเปอเรชั่นที่อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของเมรยา และบวร

สัญชัยร้อนตัวเมื่อเมรยาตรวจสอบบัญชีของสมาชิกในครอบครัวอมรวัฒนกุลทุกคนตามคำสั่งของธนาดลทำให้สัญชัยกลัวความชั่วของตนจะถูกเปิดเผย สัญชัยคิดว่าธนาดลได้กลิ่นของการทุจริตในบริษัทจึงสั่งฆ่าเมรยา บวร และชุติมาเพื่อให้ธนาดลหยุดการสืบหาความจริง โชคดีที่เมรยาได้บันทึกการสนทนาที่ตนถูกข่มขู่ไว้ในแผ่นซีดีซึ่งสอดไว้ในสมุดจดงานเล่มสีนำ้ตาลนั่นเอง อีกทั้งยังมีสมุดบัญชีของหญิงสาวที่แจ้งการโอนเงินจำนวนมากของสัญชัยเพื่อปิดปากตนเรื่องการทุจริตก่อนฆาตกรรมอีกด้วย

สัญชัยคอตกเมื่อหลักฐานมัดตนแน่นหนา ชายหนุ่มยอมสารภาพ ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีทำให้คดีความต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


คลื่นสาดซัดเข้าฝั่ง หญิงสาวในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกระโปรงยาวกรอมเท้าสีเข้ากับเสื้อยังเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ สองเท้าเหยียบย่ำบนทรายละเอียดสีขาว ดวงตากลมโตเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย หญิงสาวยังจำความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นได้ดีในช่วงสองเดือนแรกที่ชายผู้เป็นที่รักหายไปจากชีวิต...ความสุขที่หล่นหาย

บ่อยครั้งที่ความรู้สึกเจ็บแปลบจู่โจมจิตใจอ่อนแอของหญิงสาว แต่ระยะเวลาที่ผ่านไป ความเศร้าของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย สิ่งแวดล้อมทำให้เธอชินชากับความโดดเดี่ยว และเข้าใจกับคำว่าคิดถึงแทบขาดใจ

กระโปรงยาวกรอมเท้าถูกน้ำซัดจนเปียกทว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขวดเล็กสีชาที่เธอเพิ่งจะซื้อมาจากร้านค้าข้างทาง รัตติกาลถึงกับหน้าเบ้กับความขมของมัน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้ลิ้มรสมัน

เวลาที่ผ่านไป ทว่าความเศร้าของเธอไม่ได้ลดลงเลย

รัตติกาลนั่งลงบนชายหาดนั่งมองดวงอาทิตย์ดวงกลมโตที่ลับขอบฟ้าไป ก่อนท้องฟ้ายามโพล้เพล้มีดวงดาวพราวระยับแต่งแต้ม

หลังจากที่จบการศึกษาเธอได้ขอเวลาเติมพลังให้ตัวเองแทนที่จะทำงานเลยอย่างที่นิสิตใหม่อย่างเธอพึงจะทำ มารดาของเธอโล่งใจด้วยซ้ำที่เธอเรียนจบ และไม่ได้ถามถึงเรื่องที่จะเรียนต่อของเธอเลย

การพบกันของบิดาผู้หายไปจากความทรงจำในวัยเยาว์ ทำให้รัตติกาลเบนเข็มชีวิตเล็กน้อย จากที่วางแผนว่าจะหางานทำที่กรุงเทพฯ มาเป็นพักผ่อนตามเกาะเล็กๆ สงบเงียบในทะเลอันดามัน หญิงสาวพยายามตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อรักษาให้หัวใจได้เข้มแข็ง เธอทราบดีว่ามันยากเกินจะเยียวยาเพราะนี่ก็เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่เธอเดินทางไปทั่วทะเลไทยแต่ลึกๆ จนสุดท้ายมาจบลงที่นี่...เกาะมุก

รัตติกาลรู้ตัวว่าเธอยังทำใจไม่ได้เมื่อยอมติดต่อกับภานุมาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้รับการ์ดสีชมพูจากเพื่อนรักที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่กับคนรักอย่างสักรินทร์ เธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญความจริงอีกครั้งจึงกังวลไปหมดว่าหากพบกับชายหนุ่มที่อยู่ในความทรงจำมาตลอดสามปีจะทำอย่างไร หัวใจของเธอเข้มแข็งพอที่จะยิ้มให้เขา และทักทายตามประสาคนรู้จักแล้วเดินจากไปได้หรือไม่

“คุณครับ มืดแล้วผมว่าคุณอย่าไปนั่งคนเดียว มันอันตราย” เสียงของชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยเธอที่กระโดดลงจากเรือข้ามฟากบอกเธออย่างเป็นห่วง

“ค่ะ เดี๋ยวฉันก็จะกลับเข้าไปแล้ว” รัตติกาลบอกก่อนหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

หญิงสาวชักอยากลงหลักปักฐานยู่บนเกาะมุกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ที่นี่สงบแล้วก็เธออยู่แล้วสบายใจ รัตติกาลบอกกับตนเองว่าจะต้องติดต่อกับเจ้าของเกาะว่าพอจะมีงานให้เธอทำหรือไม่ จะเป็นตำแหน่งแม่บ้านหรืออะไรก็ตามเธอก็ไม่เกี่ยง ขอเพียงแค่ให้เธอได้ต่อลมหายใจของเธอที่นี่ คิดได้เช่นนี้รัตติกาลจึงกลับเข้าที่พักอย่างว่าง่าย หญิงสาวต้องการกลับไปหาหลักฐานที่จะสามารถนำไปใช้สมัครงานในวันพรุ่งนี้

ลับหลังหญิงสาว เมธัสมองตามร่างค่อนข้างสูงไปจนสุดสายตา เขาเพิ่งรับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวจากบิดา หลังจากที่ชายหนุ่มได้สอบถามจากประชาสัมพันธ์ก็ทราบว่ารัตติกาลได้พักที่นี่มากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว และยังไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


“ค่ะแม่” รัตติกาลกำลังเช็ดผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเบ้หน้ามองอุปกรณ์สื่อสารที่เจ้าตัวเพิ่งเปิดเครื่องหลังจากที่ปิดใช้งานมันมานานเสียจนจำไม่ได้ “ตอนนี้นิกซ์มาเที่ยวต่างจังหวัดคะ ยังไม่แน่ใจว่าจะกลับเมื่อไหร่”

มารดาถามสารทุกข์สุขดิบสองสามคำก่อนวางสายไปยังไม่วายบ่นเรื่องที่ไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ หญิงสาวได้แต่หัวเราะกับมารดาเบาๆ หล่อนคงแปลกใจที่คนที่หายตัวไปนานๆ คราวนี้เป็นลูกสาว

เราก็เจ๊ากันนะแม่

คืนนี้เป็นคืนแรกที่รัตติกาลนอนหลับสนิทเพราะมีมารดาที่คอยห่วงใย แม้ว่าจะแสดงความห่วงใยน้อยกว่ามารดาของคนอื่นก็ตาม อีกทั้งยังมีข้อความแสดงความรัก และเป็นห่วงจากภานุมาศ นที และน่านนำ้ที่ส่งมาแทบจะทุกวันที่ไม่สามารถติดต่อเธอได้ รัตติกาลยิ้มอย่างมีความสุขที่มีมิตรแท้ที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ

รุ่งเช้า หลังจากที่รัตติกาลยื่นเอกสารสมัครงาน หญิงสาวยังคงใช้เวลาส่วนมากกับการอ่านหนังสือ และนอนเล่นบนเปลญวน หญิงสาวมองใบตอบรับการเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทที่อังกฤษอย่างชั่งใจก่อนสอดเก็บมันไว้ในนิตยสารแฟชั่นที่ขอยืมจากพนักงานประชาสัมพันธ์ที่ตอนนี้สนิทกับเธอ เสียงพูดคุยกันของแขกต่างชาติที่มาพักทำลายความสงบของเธอ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาลงแล้วเอานิตยสารบังหน้าตนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ตัว

“ขอรบกวนสักครู่นะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ

รัตติกาลไม่ว่าอะไรเพียงแต่เลื่อนนิตยสารให้ดวงตาเธอสามารถมองเห็นคนที่รบกวนโลกส่วนตัวของเธอในเวลาพักผ่อน

“ผมชื่อเมธัสครับ เป็นเจ้าของเกาะ ผมเห็นว่าคุณสนใจอยากร่วมงานกับเรา”

“ค่ะ ฉันไปสมัครเป็นแม่บ้านหรือไม่ก็ตำแหน่งอะไรก็ตามที่ว่าง”

“ผมค่อนข้างเสียดายความรู้ของคุณนะคุณรัตติกาล เอาเป็นว่าเราจะคุยเรื่องงานระหว่างที่ไปดำน้ำกันนะครับ”

ระหว่างบทสนทนา รัตติกาลแอบสำรวจว่าที่นายจ้างของตนว่าเธอจะไว้เนื้อเชื่อใจเขาได้มากเพียงใด คนฝากชีวิตไว้กับโชคชะตาประเมินสถานการณ์ และความเป็นไปได้ งานดีแถมสวัสดิการที่พักฟรีกำลังกวักมือเรียกเธออยู่ ถ้าปฏิเสธเขาก็ไม่มีอะไรทำเพราะหนังสือที่ฝากประชาสัมพันธ์สาวเพื่อนใหม่ซื้ก็อ่านหมดแล้ว อินเทอร์เน็ตก็เบื่อแล้ว นอนก็นอนจนตัวกลมแล้ว อย่าพูดถึงกินเลย เธออยู่ที่ที่แค่สามวันก็ทราบเมนูเด็ดของที่นี่

“...”

“ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไป รัตติกาลรีบตะโกนเรียก

“เอ่อ...ไปสิคะ”

จากนั้นความสัมพันธ์ของรัตติกาล และเมธัสก็เริ่มพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จากคนแปลกหน้าเป็นนายจ้าง ลูกจ้าง จากนายจ้าง ลูกจ้างเป็นคนรู้จัก จากคนรู้จักกลายเป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่เธอไว้ใจ

อาจเพราะวัยที่ไม่ห่างกันมาก อีกทั้งยังมีความชอบคล้ายๆ กันทำให้ทั้งคู่รักษาความสัมพันธ์ไว้ไม่ให้ใกล้ชิด และห่างเหินกันมากเกินไป

รัตติกาลอยู่บนเกาะไข่มุกมากว่าสามเดือนแล้ว เกาะที่ไร้แสงสีมีเพียงธรรมชาติที่สวยงามที่เจ้าของยังคงอยากรักษาไว้ไม่ได้ทำให้รัตติกาลรู้สึกเบื่อเลย หญิงสาวรับหน้าที่รีเซ็พชั่นควบคู่ไปกับดูแลกรุ๊ปนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยามร่วมกิจกรรมของรีสอร์ท

“เวลาผ่านไปเร็วจังนะ” รัตติกาลพูดขณะที่ทั้งคู่นอนชมดวงจันทร์เต็มดวงที่ระเบียงบ้านปีกไม้ บ้านพักส่วนตัวของเมธัส

“อืม แล้วตัวจะกลับเมื่อไหร่”

“อาทิตย์หน้า แต่เรายังไม่อยากกลับไปเลย เราไม่อยากกลับไปเจอความเป็นจริง...มันโหดร้ายเกินไป” บทสนทนาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะจมกับความคิดตัวเอง

เมธัสยังจำคำบอกเล่าจากเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี นึกสงสารเธออยู่ในใจ โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเธอกัน หากเป็นเขาก็คงรับไม่ได้เหมือนกันที่คนรักของตนจะกลายเป็นน้องสาวที่ไม่เจอกันนานสิบแปดปี มันปวดร้าวเกินไป แล้วยิ่งความรักนั้นมีความผูกพันทางกายด้วย เขาเองก็ยากจะหาคำตอบให้ตัวเองเหมือนกันว่าจะใช้ชีวิตต่อไปเช่นไรดี

เขาเองก็มีน้องสาวคนหนึ่ง เมธาวีนั้นมีชีวิตที่ตรงกันข้ามกับเขาทุกด้าน เขารักธรรมชาติ รักสงบ แต่น้องสาวเขารักความหรูหรา ชอบเข้าสังคม ตอนนี้เธอยังคงวิ่งตามความฝันอยู่ที่ฝรั่งเศส สำหรับเขาแล้ว เมธาวีก็ยังคงเป็นน้องน้อยอยู่เสมอ


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ด้านธนาดลที่เชียงใหม่นั้นก็ใช่ว่าจะหัวใจแข็งแรงกว่ารัตติกาลนัก ชายหนุ่มเกลียดตนเองเมื่อนึกถึงวันหวานกับหญิงสาวในห้วงความทรงจำ เจ็บปวดที่สุดก็คงเป็นภาพที่เธอลูบท้องตัวเองเบาๆ ถ้าเกิดว่าเธอท้องแล้วเขาจะทำอย่างไรดี

ตอนนี้เขาหมั้นกับพริมา นางแบบสาวลูกครึ่งไทย - จีน - สิงคโปร์ เขาเจอเธอโดยบังเอิญที่มิลานเมื่อไปพักผ่อนตอนซัมเมอร์ที่แล้ว พริมาไปเดินแฟชั่นที่นั่นทำให้กำหนดการหนึ่งอาทิตย์เป็นหนึ่งเดือนในการทัวร์ยุโรป ความจริงเขากับเธอน่าจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่เขาเอ่ยปากขอหมั้นเธอในวันคริสตมาสต์ปีเดียวกัน

แสงไฟจากห้องทำงานของธนาดลยังคงสว่าง อภิรักษ์ ผู้เป็นประมุขของบ้านมองประตูบานนั้นอย่างหนักใจ

เสียงเคาะประตูทำให้ธนาดลต้องลุกไปเปิดประตูอย่างช่วยไม่ได้ ผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้เป็นใครไม่ได้นอกจากบิดา

“มีอะไรหรือเปล่าครับพ่อ”

“ทะเลาะกับหนูพรีมรึเปล่า” สายตาของบิดามองอย่างจับผิด

“เปล่านี่ครับ”

“ปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่าลูก” อภิรักษ์ถามพลางสำรวจผู้เป็นลูกชาย สามปีแล้วสินะที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มสดใส และสามปีเช่นเดียวกันที่ลูกชายของเขาทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายทำให้ทรัสต์ คอเปอเรชั่นรุดหน้าจนมีสาขาทั่วทั้งประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากแต่มันได้พาลูกชายคนเดิมของเขาได้ด้วย

“ดลรักหนูพรีมหรือเปล่าลูก”

“ผม...” ธนาดลพูดไม่ออก

“ดลอยู่กับพ่อมากี่ปี่แล้ว พ่อพอดูออกนะลูก”

“...”

“ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้อาจทำให้ลูกเสียใจ และดีใจที่สุด มันคือความลับที่มีคนรู้แค่สองคนคือพ่อ และแม่...พ่ออยากให้ดลรู้ไว้พ่อรักดลเสมอ”

ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกวางบนโต๊ะ ธนาดลเปิดอ่านดู ดวงตาของเขาสั่นระริก มือไม้ของเขาไร้เรี่ยวแรงทำให้กระดาษขนาดเอสี่ร่วงบนพื้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาย

หนังสือรับรองจดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมของนายอภิรักษ์ อมรวัฒนกุล และภรรยา

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


นอกจากธนาดลจะเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของสักรินทร์เพื่อนรักพร้อมกันนั้นก็กลับมาตามหาหัวใจที่ได้ทำหล่นหายไปเมื่อสามปีก่อน

ชายหนุ่มชุดสูทสีดำ คนขับรถของบริษัทเดินนำกระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถพร้อมกับซองเอกสารที่สักรินทร์ฝากมาให้เขา

รูปถ่ายขนาดโปสการ์ดจำนวนสิบใบของรัตติกาลเวอร์ชั่นปัจจุบัน ผมสีดำของหญิงสาวกลายเป็นสีนำ้ตาลเมื่อโดนแดด และลมทะเลทำร้ายบ่อยๆ คิ้วหนาของธนาดลขมวดโดยไม่รู้ตัวเมื่อรูปถ่ายหลากหลายอิริยาบทปรากฏใบหน้าของใครที่เขาไม่รู้จัก...ใครที่เป็นเพศเดียวกับเขา ดูเหมือนว่าเธอกับเขาจะสนิทสนมกันดี

ร่างสูงพิงกับเบาะนุ่มในรถยุโรปอย่างอ่อนแรง บางทีเขาอาจจะเสียเธอไปแล้วก็ได้ หากแต่ความคิดในด้านมืดของเขาบอกเธอว่าเธอเป็นของเขาเพราะฉะนั้นเขาก็สามารถแย่งเธอกลับคืนมาได้เช่นกัน

งานมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ในรอบปีถูกจัดในห้องแกรนด์บอลลูนโรงแรมหรูใจกลางกรุง ท่ามกลางความยินดีของสักขีพยานหลายร้อยคน ภายในงานประดับประดาด้วยดอกลิลลี่สีขาวซึ่งเป็นดอกไม้สุดโปรดของเจ้าสาว และยังมีช็อคโกแลตทำมือจากสวิสเซอร์แลนด์เสิร์ฟตลอดงาน

“ไงครับเจ้าสาวแอบมากินช็อคโกแลตอยู่นี่เอง” เสียงทุ้มดังทำเอาเจ้าสาวหมาดๆ เงยหน้าขึ้นมาพบใบหน้ากวนของคนที่เธอจะฝากชีวิตไว้ด้วย

สักรินทร์หัวเราะกับการกระทำของเธอที่มุดใต้โต๊ะกับช็อคโกแลตจานโต ชายหนุ่มสั่งให้ลูกน้องตามหาเธอเสียทั่วงานหากพบแต่ชายกระโปรงที่โผล่พ้นโต๊ะออกมา

“แหม คุณก็” ภานุมาศยิ้มอาย หน้าแดงก่อนยื่นมือให้กับสักรินทร์ดึงเธอให้ลุกขึ้น

“ผมว่าคุณน่ะหวานอยู่แล้ว ไม่ต้องเพิ่มความหวานอีกก็ได้”

“ไม่พูดกับคุณด้วยแล้ว” เจ้าสาวพูดด้วยใบหน้าใสแดงระเรื่อทำท่าเหมือนจะเดินจากไป

“เดี๋ยวครับเจ้าสาว ผมว่าเราน่าจะออกไปรับแขกได้แล้วนะ…ผมอยากถึงเวลาเข้าหอเร็วๆ” ประโยคหลังสุดเขากระซิบกับเธอเบาๆ จนพวงแก้มของเธอแดงระเรื่ออีกครา

ภานุมาศในชุดเจ้าสาวเกาะอกยืนเคียงข้างสักริทร์ในชุดสูทสีขาวเช่นกัน ทั้งคู่ต้อนรับแขกอย่างเปี่ยมสุข หากแต่ใบหน้าของเจ้าบ่าวที่แจกยิ้มให้กับแขกเหรื่อหุบลงฉับพลันเมื่อเจอน่านน้ำ และนที

“ยินดีด้วยนะพลัม คุณริน” สองหนุ่มสองมุมยื่นของขวัญกล่องโตแสดงความยินดีกับชีวิตคู่ของภานุมาศ และสักรินทร์

“ไม่เห็นต้องลำบากเลยนะคะพี่น้ำ พี่ที” ใบหน้าหวานคลี่ยิ้ม

ภานุมาศทราบดีว่าสักรินทร์นั้นยังหึงตนกับแฟนเก่า หญิงสาวไม่ทราบว่าเมื่อไหร่สักรินทร์จะลดความหึงลงได้บ้าง

สองหนุ่มหัวเราะคิกกับอาการของเจ้าบ่าวที่เจ้าสาวหัวร่อต่อซิกกับคนอื่น ผู้ชายด้วยกันดูออกว่าเป็นอาการหึงหวงคนรักนั่นเอง เห็นทีคราวนี้ภานุมาศเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้ว คนหนึ่งก็ขี้หึงกลัวเขาไม่รัก อีกคนก็หว่านเสน่ห์คนอื่นกลัวเขาไม่หึง

ให้ได้อย่างนี้สิ

ร่างระหงในชุดเดรสสีเขียวน้ำทะเลขับผิวขาวของรัตติกาลให้ผุดผาด ใบหน้าหวานแต่งแต้มให้เปรี้ยวเฉี่ยว รัตติกาลควงชายหนุ่มร่างสูง หุ่นดีที่เนคไทสีเข้ากับชุดของรัตติกาล ความสนิทสนมของรัตติกาล และเมธัสทำให้บทสนทนาของคนทั้งสี่ชะงัก

“ใครน่ะพลัม” สักรินทร์พูดอย่างละเมอ รัตติกาลนั้นยังพอจะจำได้หากแต่บุรุษที่เคียงข้างหล่อนเล่า...คือใคร?

“ไม่รู้...เหมือนกัน”


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


สักรินทร์ยังเคยพูดทีเล่นทีจริงว่าหลังจากที่รัตติกาลเลิกรากับธนาดลไป หล่อนสวยขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวยหวานหยดเหมือนภานุมาศ แต่เป็นสวยแบบเซ็กซี่ ลึกลับ หลอมละลายใจชายมากกว่า ชายหนุ่มไม่ทราบว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันขนาดไหน อาจมากกว่าธนาดลก็เป็นได้ สักรินทร์เริ่มกังวลใจแทนเพื่อนรัก

“มีความสุขมากๆ นะเจ้าบ่าวเ จ้าสาว” รัตติกาลบอกพลางยื่นซองสีขาวและซองสีชมพูให้กับทั้งคู่

“สวัสดีคะพี่น้ำ พี่ที” หญิงสาวประนมมือทำความเคารพรุ่นพี่ที่เธอเคารพรัก

“สวัสดีนิกซ์” สองหนุ่มรับไหว้หญิงสาว แล้วส่งสายตาแห่งความสงสัยไปให้ชายหนุ่มข้างๆ เธอ

“อ๋อ นี่เมธัส ว่าที่คู่หมั้นของนิกซ์คะ”

“หมั้น ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” ภานุมาศถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“แหมเร็วอะไร ช้าไปด้วยซ้ำดูเธอสิแต่งงานแล้ว”

“อ่า อย่าลืมไปร่วมงานให้ได้นะครับ” เมธัสพูดตามที่ได้ซักซ้อมมา ชายหนุ่มยอมทำตามความต้องการของรัตติกาล

หลังจากที่ทำความรู้จักกันแล้ว รัตติกาล เมธัส น่านน้ำและนทีก็เข้าไปในงาน ฉับพลันสายตาของรัตติกาลก็ปะทะกับคนคุ้นเคย...ธนาดล

คนที่รัตติกาลไม่ได้เจอมานาม แม้จะนานแต่ไม่เคยลืม ข้างกายของธนาดลมีสาวสวยทำให้รัตติกาลทราบดีว่าเธอ และเขาไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว

โง่สิ้นดี ทำไมเธอจะไม่รู้จัก ‘พริมา’ นางแบบสาวชื่อดังมีดีกรีถึง Asia Supermodel 2006 คู่หมั้นธนาดล อมรวัฒนกุล ประธานบริษัท ทรัสต์ คอเปอเรชั่น คนปัจจุบันที่มีข่าวหมั้นอึกทึกครึกโครมเมื่อสองปีที่แล้ว...สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก

“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวสักเท่าไหร่หรอกนะดล” พริมายิ้มมุมปาก

“ทำไมล่ะพรีม” ธนาดลเองก็ยังไม่แน่ใจนักกับคำบอกกล่าวของเธอ หากแต่นั่นทำให้หัวใจห่อเหี่ยวของเขาพองโตอีกครั้ง

“เชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันไม่โกหกคุณหรอก” ดวงตาของพริมามองตามร่างของเมธัสที่รับแก้วเครื่องดื่มจากบริกรอย่างชื่นชม เขายังคงเหมือนเดิม ผมทรงสกินเฮดที่เจ้าตัวชอบนักหนา ไม่ว่ากี่ปีเขายังไม่เปลี่ยน

เมธัส พี่ชายที่แสนดีที่อยู่ในหัวใจเธอเรื่อยมา เขาก็ยังเป็นคนเดิม คนเดิมที่ไม่เคยมองเธอไปมากกว่าเพื่อนของน้องสาวเลย

“คุณชอบเขารึไง” เสียงทุ้มต่ำบอกอย่างรู้ทันทำให้ดวงตาที่เขาว่าเหมือนนางกวางป่ากระตุกวูบ

“คุณทราบ” น้ำเสียงของพริมาถามอย่างแปลกใจ

“ก็เวลาที่คุณมองเขาน่ะเปี่ยมไปด้วยความรักนี่ครับ และถ้าผมจำไม่ผิด ผมว่าผมเห็นรูปเขาที่ห้องคุณด้วยนะ” คำตอบของธนาดลต้อนให้พริมาจนมุม พวงแก้มเธอชมพูระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้

“ชิ ทำไมไม่มีใครบอกฉันก่อนหน้านี้เลยนะว่าคุณน่ะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้” พริมาตีแขนธนาดลที่ไม่ยอมบอกเธอแต่แรก ปล่อยให้เธอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม...บางทีเราสองคนอาจถูกกั้นด้วยคำว่ารักและผูกพันก็ได้

สำหรับคนที่น้อยใจไม่ได้รู้สึกดีกับการหยอกล้อของคนทั้งคู่ รัตติกาลมองคนธนาดล และพริมาอย่างคนหัวใจแตกสลาย

นี่เธอหวังอะไรอยู่นะรัตติกาล เขาก็มีคนของเขา ดูสิ ดูให้เต็มตาว่าเขารักกัน คงไม่มีช่องว่างให้เธอหรอก แล้วอีกอย่างเธอเป็นน้องสาวของเขานะ ที่สำคัญไปกว่านั้นเธอกับเมธัส เรากำลังไปกันด้วยดี

“เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะตัว”

“ให้เราไปส่งไหม” เมธัสถามอย่างเป็นห่วง เขารู้ว่าเธออ่อนแอมากเพียงใด หากแต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ

“เราไปได้ เราไม่เป็นไร” เมธัสมองตามร่างระหงของว่าทีคู่หมั้นไปอย่างไม่สบายใจนัก

ไม่มีใครทราบว่าเธอขอให้เขาหมั้นด้วยน้ำตา ยิ่งเขาเป็นผู้ชายประเภทที่แพ้น้ำตาผู้หญิงเสียด้วยด้วย


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


หันซ้ายสามสิบองศา เชิดหน้าสี่สิบห้าองศา เผยอปากเล็กน้อย ร่างของสตรีในชุดเดรสเว้าหลังสีโอรสก้าวมาหยุดที่ตรงหน้าเมธัส “สวัสดีค่ะ”

บุรุษผู้นั้นยกมือลูบผมทรงสกินเฮดอย่างประหม่า มองคนตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เธอสวยมากแม้ว่าใบหน้าจะแต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบา “อ่าสวัสดีครับ...คุณ”

“พี่เม พรีมไงค่ะ” คำทักทายที่แสนจะคุ้นเคยทำให้เมธัสจำได้กับใบหน้ากระจ่างของเด็กน้อยที่คอยป้วนเปี้ยนที่บ้านเขากับเมธาวีน้องสาว

“ไม่เจอกันนานนะเรา โตขึ้นกี่เซ็นล่ะเนี่ย”

“แหมพี่เมก็” พริมายิ้มกับอารมณ์กวนๆ ของพี่ชายเพื่อนสนิท เพราะเขาแสนดีอย่างนี้ทำให้เธอไม่เคยลบเขาจากหัวใจได้เลย

คนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมชวนเมธัสคุยจนชายหนุ่มลืมว่าที่คู่หมั้นของตนเสียสนิท พริมาใช้โอกาสนี้เปิดอกคุยกับเมธัสเรื่องของรัตติกาล และธนาดล

รัตติกาลเติมแป้ง ทาลิป และปัดมาสคาร่าเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง เมื่อคืนเธอน่าจะเปลี่ยนสีเล็บเป็นสีทองจะได้เข้ากับกระเป๋าถือ

ไม่น่าลืมเลยเพราะมัวแต่คิดถึงคนใจร้าย

รองเท้าส้นเข็มเปลือยส้นกระทบพื้นหินอ่อน หากเดินออกมาจากห้องน้ำกลับโดนมือลึกลับปิดปากพลางดันให้เธอเข้าไปในห้องเก็บของ

รัตติกาลดิ้น หากแต่นั่นกลับทำให้ร่างของเธอแนบชิดกับร่างของบุรุษลึกลับ มือหนาข้างหนึ่งปิดปากที่พยายามส่งเสียงไว้ ส่วนอีกมือลูบไล้ทั่วร่างของเธอ ฉับพลันกลับกลายเป็นกอดเธอไว้ด้านหลัง

“พี่...เอ่อ คุณธนาดล” หญิงสาวถูกพลิกให้หันมาประจันหน้ากับชายหนุ่ม ใบหน้าคมคายก้มลงมาประทับจูบเร่าร้อน สองมือคล้องคอเขาไว้อย่างหาที่พึ่งพลางเบียดกายชิดใกล้ ปล่อยใจไปกับเขา หากแต่เสี้ยววินาทีที่นิ้วเขาเกี่ยวสายชุดเดรสลงทำให้สติสัมปะชัญญะของเธอกลับคืนมา “พอ...พอเถอะค่ะ”

ไม่ว่าเปล่า รัตติกาลผลักเขาออกเต็มแรง เสื้อผ้าหน้าผมของทั้งคู่อยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก ธนาดลยืนพิงประตูอย่างอ่อนแรง ส่วนรัตติกาลทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยอาการที่ไม่ต่างกันนัก

เกือบนาทีที่เงียบงัน ไร้บทสนทนาของทั้งคู่

“กลับเข้าไปในงานกันเถอะค่ะ นิกซ์ออกมานานแล้ว เดี๋ยวเมธัสเขาจะเป็นห่วง”

“ไม่ พี่ไม่ให้นิกซ์ไปไหนทั้งนั้น” ธนาดลปฏิเสธเฉียบขาด ดวงตาของเขาประกายกล้าเมื่อเธอกล่าวถึงใครอีกคน

“คุณไม่มีสิทธิทำแบบนี้ ฉันกำลังจะหมั้น” หญิงสาวพยุงตัวขึ้น สองมือกำแน่นยืนจังก้ามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่มีทางที่เธอจะกลับไปผิดพลาดเหมือนอดีต

ไม่มีทาง

ธนาดลตัวแข็งเมื่อได้ยินสรรพนามเรียกที่เปลี่ยนไปซึ่งแสดงถึงความห่างเหินอย่างชัดเจน “ทำไมนิกซ์ตัองโกหกตัวเอง ในเมื่อเราก็ไม่ได้รู้สึกต่างกัน”

“ฉันไม่ได้โกหกตัวเองแต่ฉันทำสิ่งที่ถูกต้อง” รัตติกาลมองเขาอย่างตัดพ้อ

ทำไมเขาต้องกลับมารื้อฟื้นเรื่องราวที่เป็นยิ่งกว่าฝันร้ายที่เธอได้เจอมาทั้งชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ เขาก็รู้ เขากับเธอเป็นเหมือนถนนที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดของมันจะบรรจบที่ตรงไหน

“มันไม่ได้สำคัญ มันอยู่ที่ว่านิกซ์ยังรักพี่อยู่หรือเปล่า”

“รักงั้นหรือ จะมีความหมายอะไร คุณก็รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นเป็นไปไม่ได้ เชื่อฉันนะ เดี๋ยวเราก็ผ่านไปได้ อาจใช้เวลานานสักหน่อยก็เท่านั้นเอง”

“อีกนานไหมกว่าเราจะทำใจได้ นี่ก็สามปีแล้วนะนิกซ์...พี่ว่าเราน่าจะ” ธนาดลอยากอธิบายเรื่องราวที่เขาได้รับรู้มานัก

“พอเถอะคุณดล อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลย ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันมีความสุขดีกับเมธัส และยังไม่ได้คิดว่าจะเลิกกันเมื่อไหร่ ส่วนคุณก็ดูแลคนของคุณเถอะคะ”

“ผมกับพรีมเรา...”

“เก็บคำพูดของคุณไว้เถอะคุณดล ฉันไม่...” ไม่ทันที่เธอจะได้พูดต่อ คำพูดของรัตติกาลได้ถูกธนาดลลบจนหมดเมื่อเขาจูบเธออย่างจาบจ้วง เรียกร้อง ร่างบางเบียดหาชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว

“คุณนี่ดื้อไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” ธนาดลหักห้ามใจตัวเอง กอดเธอไว้หลวมๆ ริมฝีปากซุกไซร้ซอกคอเธอ

“พอ...พอเถอะค่ะ แล้วไว้เราค่อยพูดกันอีกที หลังงานเลิกฉันจะรอคุณที่ล็อบบี้ที่โรงแรมนะ”

รัตติกาลตัดบท จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ธนาดลก็ติดกระดุมเสื้อของตัวเองไปเงียบๆ หญิงสาวยกมือขึ้นดูนาฬิกา ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยเพราะป่านนี้นอกจากเมธัสแล้ว สักรินทร์และภานุมาศอาจกำลังตามหาเธออยู่แน่ๆ เธอกลับเข้าไปในงานเป็นเวลาที่คู่บ่าวสาวตัดเค้กแต่งงานพอดี

แขกเหรื่อต่างพากันชื่นชมคู่บ่าวสาวว่าสมกันที่สุด บรรยากาศของงานดำเนินมาด้วยดีจนถึงการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว รัตติกาลกระซิบกระซาบให้เมธัสตามออกไปนอกงาน ท่ามกลางความชุลมุนของบรรดาหญิงสาวที่ครองตัวเป็นโสดมาทุกวันนี้ที่ต้องการครอบครองกุหลาบช่อนี้มาครอบครอง

สาวเจ้าหลายคนส่งสายตาหื่นกระหายเอ๊ยหมายมาดราวกับว่ามันคือทรัพย์สมบัติล่ำค่าก็ไม่ปาน

มามะมาอยู่กับฉันซะดีๆ

แน่นอนว่างานนี้นางสาวพริมาไม่พลาด ขอรับรองด้วยเกียรติของเนตรนารีเลยเอา แต่ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอทำบุญมาน้อยหรือไร ถึงมีมารที่ชื่อธนาดลตามมาล้างผลาญทำให้ความหวังที่จะลงจากคานทองฝังเพชรนั้นริบหรี่ยิ่งนัก

“จะบ้าหรือไง ฉันไม่ยอมไปกับนายตอนนี้หรอก” พริมาบอกอย่างอารมณ์เสีย

“แค่ดอกไม้ช่อเดียว อยากได้เดี๋ยวซื้อให้อ่ะ ช่อใหญ่กว่าด้วย”

ธนาดลต่อรอง ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าบอกแล้วกระชากลากถูให้พริมาตามเขามา ตะกี้เขาเห็นรัตติกาลลากไอ้คนนั้นตามมาด้วย เขาไม่ได้เฉลียวใจว่าเธออาจเล่นไม่ซื่อ

“มันไม่เหมือนกันนี่”

“เออน่า มันก็แค่ดอกไม้ช่อเดียว”

“ไม่เอาก็ได้ย่ะ” พริมาเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาแรงที่ไหนมาต่อสู้กับเขา สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม

หากแต่ทั้งคู่ได้เห็นเพียงแต่ท้ายรถสปอร์ตสีขาวที่เพิ่งแล่นออกไปเท่านั้นเอง

“ไม่ทันแล้ว แฮ่ๆ” พริมาบอกพลางยิ้มเจื่อนๆ โดยที่ธนาดลมองอย่างคาดโทษ

“ก็เพราะใครเล่า” อดีตผู้ชายปากจัดอดแขวะไม่ได้

ธนาดลมั่นใจว่าอีกไม่นานเขาจะตาหาอ้อมกอดที่อบอุ่นนั้นได้ คอยดูเถอะรัตติกาล ต่อให้ต้องตามหาเธอจนพลิกแผ่นดิน...เขาก็จะทำ

ทั้งคู่กลับเข้าไปในงานอย่างไม่สบอารมณ์ คนหนึ่งไม่ได้ช่อดอกไม้ ส่วนอีกคนตามหญิงไม่ทัน


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รถสปอร์ตสมรรถนะดีเยี่ยมแปลงร่างเป็นจรวดพาผู้โดยสารลงจอดที่ใต้สะพานพระรามแปด หนึ่งหนุ่มชุดสูทหรูราคาแพง และหนึ่งสาวชุดราตรีสุดเซ็กซี่แต่หน้าแต่เซ็กซ์เสื่อมเพราะรัตติกาลร้องไห้มาตลอดทาง ตาบวมตุ่ย มาสคาร่าขวดพันกว่าที่เจ้าของบรรจงแต่งแต้มกลับไหลเป็นคราบ จมูกแดงราวกับตัวโจ๊กเกอร์ ผมเผ้าที่ลงทุนเข้าร้านเสริมสวยบัดนี้ไม่เป็นทรงเมื่อคุณเธอทิ้งผมตัวเอง

หง่ะภาพรวมคือดูไม่ได้

“ทำไมตัวต้องหนีเขาด้วยล่ะ” เมธัสถามอย่างไม่เข้าใจ ก็เธอบอกว่าเธอทำใจได้แล้ว

“เขากลับมาทำให้เราสับสน เขาทำให้เราอ่อนแอ” รัตติกาลตอบเพียงเท่านี้ก็หันหน้าไปมองข้างทางแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นทาง

“เราขอโทษนะ เราไม่น่าถามตัวเลย”

“เราต่างหากต้องขอโทษตัว เรายังลืมเขาไม่ได้แล้วยังขอให้ตัวมารักเค้าอีก”

“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา เรารักตัวนะ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนเราจะไม่ทิ้งตัว”

“งั้นเรากลับกันเถอะ เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”

“ได้สิ ตัวจะหลับไปเลยก็ได้นะ ร้องไห้มากจะปวดหัว ปวดตาเปล่าๆ ” เมธัสส่งยาพาราเซตามอนพร้อมหยิบนำ้เปล่าหลังรถใด้หญิงสาว

รัตติกาลหลับไปอย่างรวดเร็ว เมธัสยังคงทำหน้าที่สารถีอย่างดีเยี่ยม หากแต่เขาเปลี่ยนเส้นทางจากจุดหมายเป็นทิศทางตรงกันข้าม

บนถนนสายเอเชีย รถยุโรปคันคุ้นตาจอดใกล้กันกับรถสปอร์ตที่ส่งสัญญาณไฟกระพริบ ปราศจากบทสนทนาของทั้งคู่ มีเพียงการจับมือกันตามธรรมเนียม

“ดูแลเธอให้ดี” คำพูดสุดท้ายก่อนที่รถสปอร์ตจะเคลื่อนตัวออกไป

ธนาดลไม่ตอบ มีเพียงแต่ดวงตาที่แน่วแน่ยืนยันว่าเขาจะดูแลหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจให้ดีที่สุด รัตติกาล ผู้เป็นทุกอย่างของชีวิต...เป็นมากกว่ารัก

รัตติกาลรู้สึกตัวเกือบรุ่งสาง จากที่คิดว่าตนนั้นอยู่บนรถกับเมธัสกลับกลายเป็นนอบนเตียงนิ่ม เมื่อพลิกตัว ร่างบางสัมผัสกับร่างของใครสักคน เธอทะลึ่งพรวดขึ้นมาอย่างตกใจ

“ตัว...มานอนกับเขาได้ยังไง ทำไมตัวไม่นอนที่โซฟา” หญิงสาวว่าอย่างเคืองๆ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากเขา เธอจึงสงบลง

“สงสัยจะเหนื่อย”

รัตติกาลไม่ว่าอะไรจึงล้มตัวนอนต่อ ในความมืดนั้นชายผู้นั้นยิ้มอย่างยินดีที่มุมปากตามฉบับผู้ชายเจ้าเล่ห์ จอมวางแผน และร้ายกาจ

รัตติกาลตื่นอีกทีก็สายแล้ว หญิงสาวมองไปรอบห้องอย่างแปลกใจ สภาพห้องไม่เหมือนที่โรงแรม ข้าวของที่ประดับประดาก็มีราคา พอหันมองดูคนที่ร่วมเตียงด้วยก็เหลือเพียงรอยบุ๋มที่หมอน เมื่อก้าวลงจากเตียงก็เหยียบรองเท้าราตรีของตน

หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ถ้าให้เดาก็คงเป็นเมธัสอีกนั่นแหละที่ถอดให้เธอ

สายตาของเธอสะดุดกับถาดเงินที่มุมห้อง ข้าวต้มปลากับน้ำส้ม นั่นไม่สะดุดตาเท่ากระดาษโน้ตที่มีดอกกุหลาบสีแดงทับไว้กับตัวหนังสือคุ้นตา

‘พี่ทราบว่านิกซ์ไม่หิวแต่บ่ายๆ นี้พี่จะกลับมา หวังว่าข้าวต้มคงไม่เป็นหมัน’

แม้ไม่ลงชื่อหากลายมือหวัดแบบนี้เธอจำได้...จนตาย

ร่างบางทรุดลงอย่างหมดแรง ไวเท่าความคิดเธอถลาไปที่ประตู มือเรียวบิดลูกบิดแต่มันเปิดไม่ได้ เขาคงล็อกประตูจากด้านนอก ที่สำคัญห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงกระจกบานใหญ่กับผ้าม่านเท่านั้นเอง

รัตติกาลถือชามข้ามต้มเทมันลงชักโครกหน้าตาเฉย เธอได้แต่นับเวลารอให้เขากลับมา เท่านี้ที่เธอทำได้

“แล้วเรามาดูกันว่าใครจะแน่กว่ากัน”

เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในตัวบ้านอย่างรวดเร็วตามแรงอารมณ์ของผู้ควบคุมมัน ธนาดลที่เร่งจัดการเอกสารให้เรียบร้อย เพราะเขามีเรื่องที่ต้องสะสางให้เรียบร้อย มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต

เขาหยิบกุญแจที่เก็บไว้ในเสื้อสูทออกมาเปิดประตูห้องที่ได้ขังรัตติกาลไว้ หญิงสาวยังอยู่ในชุดราตรีชุดเดิม

“คุณจับฉันมาทำไม”

“...”

“ปล่อยฉันไปเถอะนะ”

“...”

“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้อง”

“...”

ไม่ว่าคำถาม คำร้องขอ หากเขามองดูเธอโดยไม่พูดอะไร การนิ่งเงียบของเขาทำให้เธอร้อนใจ นี่เขาต้องการอะไรจากเธอนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

“พี่รักนิกซ์นะ รักมากด้วย” เขาตอบไม่ตรงประเด็น

“แล้วไงคะ คำว่ารักของคุณเก็บไว้ให้คนอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่อยากฟังเพราะอีกไม่นานฉันก็จะหมั้นกับเมธัสแล้ว เราอาจจะแต่งงานกัน”

ธนาดลอยากจะจับรัตติกาลมาจูบแทนที่จะให้เธอประชดประชันลอยหน้าลอยตาอย่างนี้ เธอคงไม่รู้สินะว่าเขาทราบความจริงจากเมธัสแล้วว่าคนที่อยู่ในหัวใจของเธอตลอดคือเขา ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็ยังเป็นคนเดิม ปากเก่ง ชอบยั่วโมโหเขา แต่ก็นั่นแหละ ยังไงเขาก็รักเธอ

“แล้วนิกซ์คิดหรือว่าพี่จะปล่อยให้นิกซ์กลับไป”

รัตติกาลมองใบหน้าถมึงทึงนั้นอย่างไม่รู้อารมณ์ของเขา...นี่เขาจะมาไม้ไหนอีกหละเนี่ย

“หึ แล้วคุณไม่คิดหรือไงว่าเมธัสจะปล่อยให้ว่าที่คู่หมั้นของเขาหายไปโดยไม่ทำอะไรเลย”

“นิกซ์คิดว่าเขาจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยหรือไง” ธนาดลอดแขวะไม่ได้...เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เมธัสน คอยดูเถอะ เขาจะทำให้เธอขาดเขาไม่ได้เลย คอยดู

“ใช่ ฉันรักเขา และเขาก็รักฉัน”

พูดถึงตรงนี้ ธนาดลก็กัดฟันกรอด เขาไม่ชอบให้เธอพูดแบบนี้เลย ให้ตายสิ

“ก็ได้ งั้นเรามานับเวลาถอยหลังกัน พี่จะคอยดูเวลาที่เจ้าชายของนิกซ์มาช่วยนิกซ์ให้รอดจากอสูรอย่าพี่ก็แล้วกัน”

“จำคำของคุณไว้ก็แล้วกัน คุณธนาดล อมรวัฒนกุล” เธอชี้หน้าเขา ตาจ้องตาไม่มีใครยอมใคร

เสียงปิดประตูดังโครมทำให้เธอสะดุ้ง รัตติกาลนั่งสงบสติอารมณ์บนเตียง นี่เธอจะทำอย่างไรดีนะที่จะติดต่อเมธัสได้ หากแต่ความคิดของเธอถูกขัดจังหวะโดยผู้หญิงสูงวัยที่นำเสื้อคลุมสีขาวมาให้เธอพร้อมกับคำสั่งของธนาดล

“คุณดลบอกให้คุณอาบน้ำได้แล้วค่ะ”

ลับหลังเธอคนนั้น รัตติกาลหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าห้องน้ำไป “คอยดูเถอะพี่ธนา ชาตินี้อย่าได้ญาติดีกันเลย”
ขณะที่เธอมีความสุขกับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำนั้นก็ลืมไปสนิทเลยว่าเมื่ออาบน้ำแล้วจะเอาชุดอะไรใส่ ร่างบางเลือกที่จะออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตาดีกว่าสวมชุดราตรีชุดเดิม

“นี่คุณไหนล่ะเสื้อผ้าของฉัน” รัตติกาลเอ่ยถามเสื้อผ้าจากชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง หญิงสาวเดาว่าเขาคงจะกลับมาในห้องหลังจากที่เธออาบนำ้นั่นเอง

“จะใส่ทำไม เดี๋ยวก็ต้องถอด” ธนาดลว่าขณะถอดเสื้อเชิ้ต และเนคไทพาดที่ขอบเตียง

“นี่ทำไมหัวสมองคุณมีแต่เรื่องอย่างว่าอย่างนี้นะ” รัตติกาลกำสาบเสื้อคลุมตัวเองไว้แน่นเมื่อเห็นสายตาวับวาวจากชายหนุ่ม

เธอไม่ใจ!!

“ก็ไม่เชิงนะ ตลอดสามปีที่ผ่านมาพี่ไม่ติดใจใครเท่านิกซ์” ธนาดลยังกล่าวเนิบๆ พลางส่งสายตามองปราดทั่วเรือนร่างรัตติกาล

หญิงสาวมองเขาโกรธๆ ยามที่เขาลุกจากเตียงก้าวมาหาเธอ “คุณดล! ”

รัตติกาลอยากกรีดร้องนักด้วยคิดว่าเขาอยากยั่วโมโหเธอ หากแต่เขาปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด ที
ละเม็ด จนเสื้อเชิ้ตสีขาวหล่นไปกองที่พื้น หัวใจของเธอก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ เรา เอ่อ เราเป็นพี่น้องกัน” เธอพูดเร็วและรัวจนฟังไม่เป็นภาษา

“นิกซ์แคร์ด้วยหรือ...นิกซ์ทำอย่างกับไม่เคยนอนกับพี่อย่างนั้น”

“แต่นั่น...นั่นเราไม่รู้ อย่าทำให้เราต้องผิดไปที่มากกว่านี้เลยนะ” นี่เขาลืมไปแล้วหรือไงว่าเพราะอะไรที่เขาทิ้งเธอไป

คนใจร้าย ทิ้งเธอไปตั้งสามปี แล้วกลับมาก็จะพาเธอขึ้นเตียงหน้าตาเฉย แล้วนี่เธอกับเขา เขาไม่ละอายใจเลยใช่ไหม

“ถ้านิกซ์ยอมฟังอะไรมากกว่านี้ นิกซ์อาจจะเปลี่ยนใจ”

“ไม่มีทาง” เธอปฏิเสธทันควัน

ฉับพลันธนาดลกระชากรัตติกาลเข้าสู่อ้อมแขน หญิงสาวหวีดร้องเมื่อจู่ๆ ก็ถูกดึงปลิวติดอกหนา ลมหายใจของเธอติดขัดอย่างช่วยไม่ได้

“พี่มีอะไรให้นิกซ์ดู” น้ำเสียงของเขานุ่มลง ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมีเพียงกางเกงตัวเดียวที่ปกปิดร่างกายเดินไปหยิบเอกสารที่เก็บไว้ในลิ้นชักส่งให้เธอ

“นี่มัน...” ดวงตาสีดำกวาดสายตามองแผ่นกระดาษอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ดวงตามีน้ำรื้นคลอหน่วย รัตติกาลเงยหน้ามองธนาดลด้วยความโล่งใจ “หยิกนิกซ์ทีได้ไหมคะว่าไม่ได้ฝันไป”

“เปลี่ยนเป็นจูบได้ไหม” ธนาดลว่าทีเล่นทีจริง

ร่างบางที่นั่งแปะบนเตียงหลังจากที่รับรู้การส่งสารลุกขึ้นกอดชายหนุ่มอย่างเต็มใจ “มากกว่านั้นก็ได้ค่ะ”

ธนาดลสวมกอดเธออย่างเป็นสุข มือหนากระตุกเชือกผูกเสื้อคลุมอาบนำ้โดยที่รัตติกาลไม่รู้ตัว ริมฝีปากบางของธนาดลเล็มริมฝีปากหนาของรัตติกาลราวกับชิมขนมหวานชิ้นอร่อย

รัตติกาลทราบดีว่าความคิดถึงที่กักเก็บไว้นานกว่าสามปีกำลังจะปุทะขึ้นในอีกไม่ช้า หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงเอ่ยห้ามการกระทำดังกล่าวได้เพราะเธอเองก็โหยหามานาน เพียงครู่เดียวเธอก็ทราบว่าเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ รัตติกาลปลดเข็มขัด และกางเกงของธนาดลอย่างเร่งรีบโดยที่ทั้งคู่ยังไม่ถอนจุมพิต

ธนาดลอยากจะกดร่างบางแล้วพารัตติกาลไปยังดินแดนที่สวยงามเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขายังยั้งตัวเองไว้ได้ไม่ให้ทำอะไรที่เป็นการเอาแต่ใจ ชายหนุ่มตั้งใจไว้ว่าคืนนี้เขาจะทบทวนความจำกับหญิงสาวทั้งวันเลยทีเดียว
ตลอดทั้งบ่่าย รัตติกาลถูกธนาดลเรียกร้องความรักที่ไม่อาจมีหญิงสาวคนไหนสามารถเติมเต็มได้นอกจากเธอเพียงคนเดียว เตียงนุ่มนั้นกลายเป็นสมรภูมิรบชั้นยอดที่ถูกเผาไหม้ด้วยไฟเสน่หาของหนุ่มสาว

ธนาดลมองคนที่หลับสนิทซบอกเขาหาความอบอุ่นอย่างเอ็นดู ต่อไปนี้เขาจะได้นอนหลับสนิทซักที ความฝันของเขาที่เข้านอน และตื่นขึ้นมาพร้อมกับเธอคงเป็นจริงสักที เห็นทีต้องยกความดีความชอบให้กับเมธัสซะแล้ว

สักรินทร์เพื่อนรักเอ๋ย คราวนี้คงต้องรีบสละโสดเพื่อให้ทันเสียแล้ว นี่เขาให้เพื่อนรักแซงหน้าไปไกลโขอยู่เหมือนกัน

อีกไม่นาน เขาก็จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ มีเขา รัตติกาล และลูก...คงไม่นานเกินรอ


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


เหลืออีกบทเดียวนะคะสำหรับเรื่องเสน่หาในเพลิงแค้น นุ่นจะลงตอนสุดท้ายให้พร้อมกับเรื่องใหม่เลย อิอิ จะได้ไม่ขาดตอนกันเนอะ ขอบคุณสำหรับมิตรรักแฟนเพลงนะคะที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้ นุ่นเขียนเรื่องนี้ตอนม.4 ค่ะ ตอนนั้นว่างมาก ปิดเทอมก็ขีดๆ เขียนๆ ไปตามเรื่องตามราว พอไปเจอแผ่นซีดีที่ไรท์ไว้เลยนำมาปัดฝุ่นใหม่ เพิ่มตัวละคร และเรื่องราวขึ้นไม่ต่างจากก่อนหน้านักค่ะ :]

@ คุณ angle101 นุ่นก็คิดถึงนักอ่านที่น่ารักทุกคนเหมือนกันค่ะ

@ คุณ นิชาภา ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ ดีใจจริงๆ ที่พี่โน้มมาอ่าน เอาเป็นว่านุ่นจะพัฒนาการเขียนต่อไปนะคะ :)

ป.ล. ฝากนิยายของคุณนิชาภาหรือพี่โน้มของนุ่นไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ หลายคนคงไปอ่านมาบ้างแล้ว นุ่นก็ได้คุณนิชาภานี่แหละค่ะคอยผลักดันให้มีแรงฮึดเขียนนิยายอีกครั้ง ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ





เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2554, 16:14:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2554, 16:20:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 2222





<< บทที่ 16   บทที่ 18 >>
angle101 1 มิ.ย. 2554, 16:56:41 น.
ชอบบบมากเลยเรื่องนี้อ่ะจะติดตามต่อไปน๊าจ๊ะ


lovemuay 1 มิ.ย. 2554, 19:37:55 น.
สนุกมากเลย จะรออ่านเรื่องต่อไปด้วยนะคะ เริ่มแพลนไว้รึยังเอ่ย? ^^


ปูสีน้ำเงิน 1 มิ.ย. 2554, 20:27:04 น.
จะรออ่านตอนจบนะคะ
ขอหวานๆ ชนิดที่อ่านแล้วน้ำตาลในขี้นสูงเลยนะ


นิชาภา 2 มิ.ย. 2554, 00:39:51 น.
หนูนุ่นเอามาโฆษณาให้ซะพี่ขวยเขินเลย รัวไลค์ให้หมดใจเลยจ้ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account