ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 6 หนูชื่อพระจันทร์

บทที่ 6 หนูชื่อพระจันทร์

สิ่งแรกที่พระจันทร์ต้องทำเพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย คือทำให้ทุกคนเชื่อว่าเธอคือแจ่มจันทร์จริงๆ จะได้ไม่ถูกเข้าใจผิดว่าผีเข้าหรือเป็นบ้า ความที่ไม่รู้จักนิสัยใจคอของเด็กน้อยเลยสักอย่าง เด็กสาวเลยตัดสินใจปั้นเรื่องขึ้นมาหลอกคนรอบตัว ไหนๆ คนที่นี่ก็มีความเชื่อเรื่องผีสางกันอยู่แล้ว เอามาใช้มันให้เกิดประโยชน์สักหน่อยจะเป็นไร

พระจันทร์บอกกับทุกคนว่าเธอจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองแทบไม่ได้ จำได้แต่ชื่อว่าแจ่มจันทร์ รู้ว่านี่คือคุณป้าสมใจ นี่คือพี่พุดจีบและนี่คือพี่ว่านเท่านั้น สาเหตุที่เป็นอย่างนี้อาจจะเป็นเพราะเธอกินขนมของคุณยายคนหนึ่งเข้าไปก็ได้ เด็กสาวแต่งเรื่องว่าหลังจากเธอจมน้ำแล้วหมดสติไป ตื่นขึ้นมาก็อยู่ในบ้านกับยายคนหนึ่งแล้ว ยายใจดีคนนั้นบอกว่าอยากรับเธอเป็นลูก แต่เธอไม่ยอมร้องไห้งอแงอยากกลับ ยายคนนั้นก็เลยเอาขนมนมเนยให้กิน บอกว่ากินแล้วจะลืมทุกอย่าง แล้วก็ลืมจริงๆ เสียด้วย

“แล้วเอ็งกลับมาได้ยังไง” นางสมใจถามด้วยความสนใจ สีหน้าแววตาฟ้องชัดว่าเชื่อหมดใจเลยทีเดียว

“หนูจันทร์เบื่อก็เลยแอบยายออกมาวิ่งเล่น แล้วก็ได้ยินเสียงคุณป้าเรียกค่ะ เลยวิ่งตามไป พอฟื้นขึ้นมาก็กลับมาที่นี่แล้ว”

“โชคดีจริงๆ ที่เอ็งมันซุกซน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลับมา” นางสมใจยกมือขึ้นมาขอบคุณคุณพระคุณเจ้า

ว่านกับพุดจีบก็เชื่อเรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดโดยไม่แคลงใจเลยสักนิดเดียว พระจันทร์รู้สึกโล่งใจแต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต้องหลอกลวงคนอื่น

เด็กสาวบอกตัวเองว่าจะไม่โกหกมากไปกว่านี้แล้ว แต่ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องพูดปดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะข่าวลือเรื่องแจ่มจันทร์ถูกผีพรายลักไปซ่อนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งวัง เธอเลยต้องเล่าเรื่องแต่งของตัวเองให้คนอื่นๆ ฟังอีกหลายรอบ ระหว่างนั้นก็พยายามหลอกถามผู้คนไปด้วยว่าใครเป็นใคร ที่นี่คือที่ไหน

พระจันทร์ต้องการรู้ทุกอย่างให้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม สมัยเด็กเธอเคยได้ฟังนิทานเกี่ยวกับลาโง่ซ้ำๆ เลยจำฝังหัวว่าความไม่รู้จะนำพาตัวเองสู่อันตราย ถ้าอยากอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยก็ต้องเรียนรู้ผู้คนกับสังคมให้มากที่สุด นอบน้อมกับคนเป็นใหญ่ในที่นั้น แล้วจะได้อยู่อย่างสงบ

เด็กสาวเก็บข้อมูลอยู่ประมาณสามวันก็สรุปคร่าวๆ ได้ว่าตัวเองอยู่ในวังของหม่อมเจ้าหญิงแสงแข สุรภาส วังแห่งนี้มีชื่อว่า ‘วังชื่นชีวี’ แต่เดิมเป็นของเสด็จพระองค์หนึ่งซึ่งมีศักดิ์เป็นพระมาตุจฉาของท่านหญิง เสด็จพระองค์นี้มิได้ทรงอภิเษกสมรส จึงมอบมรดกจำนวนมหาศาลให้ท่านหญิงแสงแขกับหม่อมเจ้าที่เป็นพระนัดดาสายตรงอีกสององค์

วังจึงแบ่งโฉนดออกเป็นสามผืน ตามตำแหน่งที่ตั้งตำหนักของหม่อมเจ้าแต่ละองค์ ตำหนักซึ่งเป็นที่ประทับเดิมของเสด็จกลายเป็นของหม่อมเจ้าแสงแข ตำหนักที่อยู่ติดถนนที่สุดเป็นตำหนักสร้างใหม่ของหม่อมเจ้าทินกรอนุชาองค์รอง ส่วนตำหนักริมน้ำที่เคยเป็นเรือนรับรองแขกกลายเป็นของหม่อมเจ้าทินกฤต อนุชาองค์เล็ก

ความที่เป็นพี่ใหญ่และขณะนี้หม่อมเจ้าชายทั้งสองไม่ได้ประทับอยู่ที่วังนี้ สิทธิ์ขาดและอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างจึงเป็นของท่านหญิงโดยชอบธรรม แต่ท่านก็เมตตาเลี้ยงคนเก่าแก่เอาไว้ หรือใครมีลู่ทางที่ดีกว่าก็ปล่อยให้ออกไป กว่าครึ่งสมัครใจอยู่ต่อวังนี้จึงยังครึกครื้นไม่เหมือนวังอื่นที่พอเจ้านายสิ้นพระชนม์ก็กระจัดกระจายกันไปเหมือนยามแพแตก

เมื่อรู้ว่าเจ้านายคือใครแล้วก็ต้องไล่เรียงเรื่องบ่าวไพร่เป็นลำดับต่อไป พระจันทร์นึกโล่งใจที่ตัวเองไม่ได้อยู่ลำดับต่ำสุดเพราะเป็นหลานของนางสมใจซึ่งมีฐานะเป็นคนสนิทคนหนึ่งของท่านหญิง ถึงไม่มีตำแหน่งเป็นข้าหลวง แต่ก็เป็นที่นับหน้าถือตาที่สุดในบรรดาบริวารทั้งหลาย สังเกตจากที่ได้อยู่บนเรือนซึ่งปลูกแยกออกมาต่างหากและทุกคนพร้อมใจใช้คำว่าคุณนำหน้าชื่อ

ส่วนเรื่องของแจ่มจันทร์พระจันทร์ไม่รู้มากนัก ถามว่านิสัยอย่างไรพวกผู้ใหญ่ก็บอกว่าเป็นเด็กดีมีซนบ้างตามประสา ยิ่งเรื่องผู้ให้กำเนิดยิ่งแล้วใหญ่ นางสมใจเหมือนจะบ่ายเบี่ยงไม่อยากเอ่ยถึง ต้องเก็บเล็กผสมน้อยเอา หลอกถามคนนั้นบ้าง คนนี้บ้างถึงรู้ว่าที่จริงแล้วแจ่มจันทร์กับพุดจีบเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ส่วนว่านนั้นเป็นแค่สาวใช้ธรรมดาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด

พุดจีบเป็นลูกของน้องชายนางสมใจ บิดามารดาประกอบอาชีพค้าขายมีฐานะพอควร แต่หย่าร้างกันนานแล้ว ตอนนี้ต่างคนต่างมีคู่ชีวิตใหม่ นางสมใจจึงเอาตัวมาอยู่ด้วย ทางด้านแจ่มจันทร์ เด็กหญิงเป็นลูกของน้องสาวนางสมใจกับคุณหลวงคนหนึ่งซึ่งก็ไม่เคยมาดูดำดูดีลูก ส่วนมารดานั้นไม่ต้องถามถึงเพราะสิ้นใจไปตั้งแต่เด็กหญิงยังเล็กมาก สรุปแล้วไม่ว่าอยู่ในร่างไหนพระจันทร์ก็ยังเป็นกำพร้าอยู่ดี

พระจันทร์ลองถามคนที่บ้านนี้ดูว่าตอนนี้เป็นปีพุทธศักราชเท่าไรแล้ว พอบอกปีมาก็ต้องถอนใจเพราะอยู่ห่างจากปีที่เคยอยู่หกสิบกว่าปี เด็กสาวแทบไม่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับช่วงเวลานี้เลย ทราบก็แต่ว่าเป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งยุติไปได้สี่ห้าปี หนำซ้ำยังไม่มั่นใจด้วยว่าที่นี่ใช่มิติเดียวกันกับโลกที่เธอจากมาหรือไม่

เด็กสาวออกอาการวิตกจริตจนนึกรำคาญตัวเอง โชคดีที่ได้ยาขนานเอกมาระงับใจให้สงบ ยาขนานเอกที่ว่าคือพระนามของพระมหากษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์อยู่ในขณะนี้ พระองค์ท่านมีพระนามเดียวกันกับพระมหากษัตริย์ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมแห่งจิตใจในโลกที่จากมา

ใครจะว่าพระจันทร์คลั่งเจ้าก็ตามใจ ตัวเธอเองรู้ดีที่สุดอยู่แล้วว่ารักเคารพพระองค์ท่านจากใจไม่ใช่แสร้งทำ ชีวิตของพระจันทร์มีลมหายใจมาได้จนอายุสิบสี่เพราะความเมตตาของพระองค์ท่าน โรคหัวใจที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เด็กกำพร้าอย่างพระจันทร์คงตายไปนานแล้วถ้าไม่ได้เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชูประถัมภ์

ตอนเริ่มหายจากอาการป่วยแม่ใหญ่บอกให้พระจันทร์ไหว้ขอบคุณคุณหมอ แต่คุณหมอกลับบอกให้พระจันทร์ขอบคุณพระองค์ท่าน ตอนนั้นพระจันทร์ยังเล็กนักจำได้แค่ว่าท่านเป็นพระราชาและมีบุญคุณด้วยเท่านั้น เติบโตขึ้นจึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวง พระจันทร์ทั้งทึ่งและซาบซึ้งใจกับความเสียสละที่พระองค์ท่านมอบให้ปวงชน

ในสายตาพระจันทร์ไม่มีใครประเสริฐเท่ากับในหลวงอีกแล้ว เธอเชื่ออย่างหมดใจเลยว่าแผ่นดินใต้การปกครองของพระองค์ท่านจะต้องสุขสงบ พอคิดว่ามีที่พึ่งก็คลายใจและกลับมาเป็นปกติในที่สุด



เวลาค่อยๆ หมุนไปตามจังหวะของมัน กระนั้นก็ยังรวดเร็วในความรู้สึกของพระจันทร์ เผลออึดใจก็ร่วมเดือนแล้วที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในวังชื่นชีวี ตอนนี้พระจันทร์ปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้แล้ว ความเป็นอยู่ที่นี่เรียบง่ายผิดคาด แทบไม่มีกฎเกณฑ์อะไรยุ่งยากเหมือนอย่างที่กลัวเลย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพระจันทร์ยังเด็กและเป็นแค่ลูกหลานบริวาร จึงไม่จำเป็นต้องฝึกหัดอะไรมาก

สังคมที่พระจันทร์ต้องอยู่ไม่มีความบันเทิงอื่นใดเลยนอกจากวิทยุ พอถามถึงหนังสือกับโทรทัศน์พวกผู้ใหญ่ก็หัวเราะ แล้วบอกว่าของอย่างนั้นมีในร้านกาแฟกับบนตำหนักเท่านั้น เธอเลยไม่มีอะไรทำนอกจากเที่ยวเล่นไปตามประสาเด็ก

ในความเป็นจริงพระจันทร์ไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว ทั้งยังไม่คุ้นเคยกับการว่างงาน ความที่อยากทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง เลยเที่ยววุ่นวายขอช่วยงานใครต่อใครเขาไปทั่ว

ทุกเช้าพระจันทร์จะตื่นแต่ไก่โห่ ล้างหน้าล้างตาแล้วก็จะไปช่วยงานในครัว ทีแรกนางชม้อยซึ่งเป็นแม่ครัวใหญ่ออกจะรำคาญพระจันทร์อยู่ไม่น้อยหาว่าเกะกะ แต่พระจันทร์ก็ทำหูทวนลมแล้วช่วยเป็นลูกมืออย่างทะมัดทะแมง และไม่หยิบกินอะไรก่อนได้รับอนุญาต นางชม้อยเลยเลิกบ่นและยอมให้พระจันทร์เป็นเด็กคนเดียวที่สามารถเข้าออกครัวได้

ช่วยงานในครัวเสร็จแล้วเธอก็จะไปที่ท่าน้ำกับนางสมใจเพื่อตักบาตร นางสมใจจะต้องได้ตักบาตรทุกเช้า ทำกับข้าวเองบ้าง สั่งแม่ครัวทำให้บ้าง แม้แต่วันฝนตกยังออกไปกางร่มรอ ทั้งยังไปฟังเทศน์ทุกวันพระอีกด้วย พระจันทร์เลยแอบมอบตำแหน่งพุทธศาสนิกชนตัวอย่างให้

เช้าวันนี้นางสมใจเข้าครัวเองและทำกับข้าวชุดใหญ่เตรียมเอาไว้ใส่ปิ่นโต พระจันทร์ช่างสังเกตอยู่แล้วจึงรู้ว่ามีอะไรพิเศษ

“คุณป้าจะไปวัดเหรอคะ”

“ใช่ เอ็งไปกับป้านะ ไปทำบุญวันเกิดกันหน่อย”

“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณป้า ขอให้คุณป้ามีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง” พระจันทร์อวยพร

“ใช่วันเกิดป้าซะที่ไหน” นางสมใจยิ้มขัน “วันเกิดเอ็งต่างหาก”

พระจันทร์เลยได้รู้ตอนนั้นเองว่าวันเกิดของแจ่มจันทร์คือวันที่ 20 กรกฎาคม เด็กสาวรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้รู้ตัวเลขชัดเจนอย่างนี้ สมัยก่อนถ้าเกิดเป็นลูกชาวบ้านทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่มีใครจำวันเกิดได้หรอก แค่จำเดือนได้ก็เก่งแล้ว นางสมใจไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ แต่จำได้แม่นยำอย่างนี้แสดงว่าคงรักแจ่มจันทร์มาก

เตรียมอาหารเสร็จแล้วพระจันทร์ก็รีบมาอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวด้วยชุดสะอาดสะอ้านเตรียมพร้อมไปรับบุญ หลวงตาที่เป็นเจ้าอาวาสเห็นว่าเป็นวันเกิดเด็กน้อย ท่านจึงเทศน์ฉบับย่อเป็นนิทานเกี่ยวกับความกตัญญูให้ฟัง แล้วแถมเรื่องกรรมดีกรรมชั่วมาให้ด้วย

คำสอนในเชิงอุปมาอุปไมยเป็นเรื่องยากที่เด็กแปดขวบจะเข้าใจ แต่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเด็กอายุสิบสี่ พระจันทร์เข้าใจทุกอย่างชัดเจนและย้อนกลับมาถามตัวเองอย่างหดหู่ว่าทำกรรมอะไรเอาไว้ถึงต้องมาเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้

พระจันทร์ไม่เคยคิดโทษใครที่เกิดมาด้อยกว่าคนอื่น เรื่องเดียวที่เด็กสาวปล่อยวางไม่ได้จนต้องตัดพ้อคือ

‘ทำไมโชคชะตาถึงต้องพรากเธอจากคนที่รักและผูกพันด้วย’



หลังจากกลับจากวัดพระจันทร์ก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องของนางสมใจ เธออาศัยหลับนอนในห้องนี้กับผู้เป็นป้า ส่วนพุดจีบกับว่านนอนด้วยกันที่ห้องข้างๆ ปกติเวลากลางวันจะไม่มีใครมาอุดอู้อยู่ในนี้ มักจะรวมตัวกันฟังวิทยุอยู่นอกชาน ไม่ก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่

พระจันทร์จึงฉวยโอกาสนี้ใช้เวลาส่วนตัวนี้คิดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป เด็กสาวเคยมีความคิดแผลงๆ ว่าอยากลองจมน้ำดูสักครั้งเผื่อวิญญาณจะออกจากร่างอีก แต่ก็ไม่ได้ลองทำเพราะไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าจะไม่ตายเปล่า สุดท้ายเลยต้องยอมรับความจริงว่าคงติดอยู่ในร่างนี้ตลอดกาล

การต้องทนอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน พระจันทร์คิดถึงเพื่อนรักสองคนจับจิต ป่านนี้ปียนุชกับรสรินทร์จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ จะบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไหม หากไม่เป็นไรแล้วจะรับได้หรือเปล่าที่เธอเปลี่ยนเป็นอีกคนหรืออาจจะตายไปแล้ว

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเพื่อนทั้งสองลอยมาอยู่ตรงหน้าพระจันทร์ ปียนุชคงร้องมากกว่าใครเพราะเป็นคนอ่อนไหวง่าย ไม่มีเธออยู่เสียคนหนึ่งคงลำบากน่าดู รสรินทร์เองก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันนัก เด็กสาวขี้อายและมีโลกส่วนตัวสูงจึงแทบไม่มีเพื่อน ถ้าปล่อยให้ทำตามใจคงเอาแต่เก็บตัวกลายเป็นคนไม่น่าคบไปจริงๆ

ความกลัดกลุ้มรุมเร้าพระจันทร์จนขอบตาร้อนผ่าว เด็กสาวชันเข่าขึ้นมากอด ปล่อยความคิดฟุ้งซ่านให้เตลิดออกเต็มที่เพราะอ่อนล้าเกินกว่าจะห้ามตัวเองไหว จริงๆ แล้วพระจันทร์ไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เธอเปราะบางยิ่งกว่าปียนุช หวาดกลัวโลกใบนี้มากกว่ารสรินทร์ แต่ที่ยังยิ้มอยู่ได้เพราะทิฐิตัวเดียว

พระจันทร์เป็นเด็กกำพร้า ใครมองมาก็ให้ความสงสารเวทนา เด็กสาวปฏิเสธไม่ได้ว่าอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้เพราะความเวทนานี้ กระนั้นในใจก็ยังร่ำร้องอยู่เสมอว่าเธอเองก็อยากมีศักดิ์ศรี ไม่อยากให้ใครมองว่าน่าสงสารไปมากกว่านี้อีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องฝืนยืนหยัดทำเป็นเข้มแข็ง คอยปกป้องคนอื่น ทั้งที่ตัวตนจริงๆ อ่อนแอ

ปียนุชกับรสรินทร์ต่างถูกหลอกให้หลงเชื่อว่าต้องพึ่งพาเธอ แต่ความจริงแล้วพระจันทร์ต่างหากที่ขาดเพื่อนไม่ได้ พอไม่มีเพื่อนทั้งสองเด็กสาวก็ปราศจากหลักยึด เหมือนถูกปล่อยให้ลอยเคว้งอยู่ในความมืด ความอ้างว้างกระตุ้นให้ต่อมน้ำตาเปิดออก แล้วน้ำใสๆ ก็ไหลทะลัก พระจันทร์ซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วปล่อยโฮออกมาเต็มที่จนสาแก่ใจ

เสียงร้องของพระจันทร์ดังลั่นบ้าน พุดจีบที่บังเอิญอยู่แถวนั้นจึงขึ้นมาดู เด็กสาวตกใจไม่น้อยที่เห็นน้องร้องไห้เสียงดัง

“เป็นอะไรไปหนูจันทร์ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ยังไม่ทันได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยก็โผเข้ามากอดเธอแน่น แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พุดจีบก็ลูบหลังเด็กหญิงและปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะหนูจันทร์ พี่จะปกป้องหนูเอง นิ่งเสียเถอะ”

คำพูดที่แสนอ่อนโยนและจริงใจนี้กระตุ้นให้น้ำตายิ่งไหลหนัก เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่ใช่เด็กน้อยคนที่พุดจีบให้ความเอ็นดู

พระจันทร์แหกปากร้องไห้จ้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่พุดจีบก็ไม่แสดงท่าทีรำคาญออกมาเลย เด็กสาวให้สัญญากับตัวเองตั้งแต่วันที่ปล่อยปละละเลยน้องจนตกน้ำแล้วว่าต่อไปนี้จะเป็นพี่ที่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะไม่มีวันทิ้งน้องอย่างเด็ดขาด



พระจันทร์ร้องไห้ไม่หยุดเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เสียงร้องของเธอเรียกใครต่อใครให้เข้ามาดูมากมาย ผู้ใหญ่ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็ไม่ใส่ใจจะตอบ พระจันทร์ร้องไห้จนหมดแรงเปล่งเสียง ร้องจนน้ำตาเหือดไปไม่ไหลออกมาอีก แม้จะแสบร้อนนัยน์ตาไปหมดแต่การร้องไห้ก็ช่วยสลายความเครียดที่สะสมมานานและทำให้ห้วงความคิดกระจ่างขึ้น

พระจันทร์ตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะไม่ยอมให้โชคชะตากลั่นแกล้งอีกต่อไป ถึงจะต้องติดอยู่ที่นี่เธอก็จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง จะไม่กังวลเกี่ยวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงอีก

นับว่ายังโชคดีที่เด็กสาวหยุดร้องได้ทันก่อนที่จะมีการตามหมอผีมาอีกหน ครั้งนี้เลยเจอแค่น้ำมนต์ที่นางสมใจได้จากหลวงตามาเมื่อเช้าพรมลงบนตัว

“แจ่มจันทร์ผีเข้าผีออกอย่างนี้ไม่ไหวนะคะคุณป้า คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่อย่างนั้นอิฉันก็ไม่กล้าอยู่ด้วยแล้วล่ะค่ะ” ว่านกระซิบกระซาบ

“เด็กมันร้องไห้เพราะฝันร้ายมากกว่า เอ็งก็คิดมากเกินไป” นางสมใจเอ็ด “ใช่ไหมลูก ฝันไม่ดีล่ะสิ”

พระจันทร์พยักหน้าทันทีเพราะต้องการเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาอยู่แล้ว

“ถ้าใช่แล้วทำไมคุณป้าเอาน้ำมนต์มาพรมละคะ”

“เอาไว้ไล่ฝันร้ายไง เอ็งไม่รู้เรื่องอะไรอย่ามาพูด”

ว่านหงอไปในทันที รู้กันอยู่ว่านางสมใจนั้นดุแค่ไหน ปกติแกจะไม่พูดอะไรมากก็จริงแต่อย่าให้ได้ด่าเชียว แสบถึงทรวงไม่พอ สามวันสามคืนก็ไม่หายระคายหู

พระจันทร์รอให้ทุกคนเงียบ แล้วจึงค่อยพูดสิ่งที่เตรียมเอาไว้ออกมา

“หนูฝันว่ายายคนที่พาหนูไปกลับมาหาจ้ะ”

พูดได้เท่านี้ว่านก็กระโดดไปกอดนางสมใจในทันที

“นั่นไงคะคุณป้า อิฉันบอกแล้วว่าผี”

“จริงๆ หรือหนูจันทร์ แล้วยายคนนั้นพูดอะไรบ้าง เขาทำอะไรหนูหรือเปล่า” พุดจีบที่นั่งอยู่ข้างกันรีบถาม

“ยายบอกจะพาหนูไปให้ได้ แต่อยู่ๆ ก็มีหลวงตารูปหนึ่งมาห้ามไว้ แล้วก็ไล่ยายไป หลวงตาบอกหนูจันทร์ว่าถ้าไม่อยากให้วิญญาณร้ายมายุ่งอีกก็ต้องเปลี่ยนชื่อ”

“อีผีเวรนี่มันยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับหลานข้าอีกหรือนี่ มันน่าสาปแช่งให้ยมบาลมาลากคอไปลงนรกนัก” นางสมใจเอ่ยอย่างโมโห

ครั้งนี้ก็ไม่มีใครคิดอีกเหมือนเคยว่าพระจันทร์โกหก พอถูกถามว่าหลวงตาที่เห็นมีหน้าตาอย่างไร เธอก็เลยบอกไปมั่วๆ บังเอิญว่าลักษณะไปตรงกับหลวงตาที่นางสมใจเคารพนับถือ หลวงตาท่านมรณภาพไปนานแล้ว นางสมใจเลยยิ่งเชื่อว่าท่านมาคุ้มครองหลานตามที่เคยอธิษฐานขอพรเอาไว้

“พรุ่งนี้เราไปวัดกันอีกนะลูก ป้าจะให้หลวงพ่อท่านตั้งชื่อใหม่ให้”

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณป้า เพราะหลวงตาในฝันท่านตั้งให้แล้ว”

“ท่านตั้งว่าอะไรจ๊ะ” พุดจีบถาม

“พระจันทร์ค่ะ”

“ชื่อผีที่มาสิงก่อนหน้านี้นี่!” ว่านอุทาน

“ใช่จริงๆ ด้วย” นางสมใจพึมพำ แกเงียบไปอึดใจเพื่อหาเหตุผลว่าทำไมเป็นชื่อนี้

พระจันทร์เตรียมคำชี้แจงไว้อีกเหมือนกันแต่ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพราะว่านร้องอ๋อขึ้นมาก่อน

“หลวงพ่อท่านตั้งแบบนั้นเพื่อแก้เคล็ดแน่เลยค่ะคุณป้า ตอนอยู่บ้านนอกว่านเคยได้ยินมาว่าถ้าผีมันจะเอาคนไปก็ตั้งชื่อใหม่เป็นหมูหมากาไก่ซะ หลอกให้ผีมันสับสน หลวงตาตั้งให้แบบนี้เพราะต้องการให้ผีงงแน่ๆ”

แล้วทุกคนก็คล้อยตามว่านอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง พระจันทร์จึงได้กลับมาใช้ชื่อเดิมสมความปรารถนา เด็กสาวคิดอย่างมุ่งมั่นว่าต่อแต่นี้จะใช้ชีวิตใหม่ในฐานะของ ‘พระจันทร์’ โดยไม่หวั่นต่อโชคชะตา

+++++++++++++++++++++++++
สวัสดีตอนดึกค่ะ วันนี้มาแจ้งให้ทราบนะคะว่าจะขอเปลี่ยนเวลาลงนิยาย จากหลังเที่ยงคืนเป็นตอนสายไม่ก็บ่ายแทน นักอ่านที่น่ารักจะได้ไม่นอนดึกกันค่ะ แล้วก็จะพยายามปรับเวลาเพื่อสุขภาพของตัวเองด้วย
หลายคนตามอ่านประจำจะรู้ว่าพยายามมาหลายรอบแล้วแต่เหลวตลอด 5555 รักการนอนดึกค่ะ แบบว่ากลางคืนสมาธิมันดีกว่า คราวนี้มาดูกันว่าจะรอดเกิดสองอาทิตย์หรือเปล่า เอาเป็นว่าตอนใหม่จะมาตอนเช้าไม่ก็สายๆ วันที่ 30 นะคะ ^O^

เกร็ดความรู้ประจำตอน
ปีที่พระจันทร์ย้อนเวลามาคือปี พ.ศ. 2493 ค่ะ เป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งจะสงบได้ประมาณ 5 ปี
สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นที่ยุโรปเมื่อปี พ.ศ. 2482 ที่ยุโรปค่ะ ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่แปด ไทยเราถูกบังคับให้เข้ารวมสงครามในอีกสามปีต่อมา และประกาศทำสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอย่างเต็มตัว
สงครามโลกครั้งที่สองยุติลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2488 ค่ะ พูดกับตามตรงแล้วไทยเราถือว่าเป็นผู้แพ้สงครามนะคะ แต่ด้วยกุศโลบายทางการเมืองประเทศไทยเลยรอดจากการเป็นอาชญากรสงครามมาได้และคงความเป็นเอกราชสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2556, 00:27:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2556, 00:27:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 2032





<< บทที่ 5 ไล่ผี   บทที่ 7 คุณหญิงคุณชาย >>
คิมหันตุ์ 28 พ.ค. 2556, 01:29:04 น.
เมื่อไรหนุ่มๆจะออกมาให้เพ้อน้อ??


mhengjhy 28 พ.ค. 2556, 07:59:57 น.
เริ่มต้นการสู้ชีวิต 5555


Zephyr 28 พ.ค. 2556, 11:18:47 น.
อ่ะ นางได้กลับมาแก่นแก้วสมใจอยากละ
โน้มอ่า เอาหนุ่มๆมาเปิดตัวมั่งเร้ววววว


goldensun 28 พ.ค. 2556, 21:38:58 น.
มิน่า จดหมายจากอดีตถึงส่งให้พระจันทร์ ฉลาดมาก
แต่ไม่ว่ายุคไหน ก็ไม่ขาดคนรักและเอ็นดูนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account