ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 7 คุณหญิงคุณชาย

บทที่ 7 คุณหญิงคุณชาย

พระจันทร์เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวังชื่นชีวีอย่างสงบเสงี่ยมในตอนแรก ทว่าพอเริ่มคุ้นเคยกับผู้คนรู้นิสัยใจคอกันมากเข้า ความซุกซนที่เป็นนิสัยแต่เก่าก่อนก็เริ่มออกลายทีละน้อย ขนาดตอนเป็นโรคหัวใจพระจันทร์ยังวิ่งเล่นเป็นทโมนแบบไม่กลัวตายเลย ได้มาอยู่ในร่างที่แข็งแรงสมบูรณ์นี้มีหรือจะอยู่เฉย

เด็กสาวเที่ยวซอกแซกไปทั่ววัง เจออะไรแปลกหูแปลกตาหน่อยก็นั่งมองอย่างสนใจ ไม่ก็ไปขอช่วยเขาทำ อย่างการรีดผ้า พระจันทร์คุ้นแต่เตารีดไฟฟ้า เพิ่งเคยเห็นเตารีดที่เป็นเหล็กต้องใส่ถ่านร้อนๆ ไว้ด้านในก็ตอนมาอยู่ที่นี่เอง เวลาจะรีดผ้าสักทีช่างดูยุ่งยากเสียเหลือเกิน ไหนจะต้องก่อไฟ รอถ่านแดงแล้วเอามาใส่เตารีด เสร็จแล้วใช่ว่าจะรีดได้เลยทันที ต้องหาใบตองมาลองความร้อนของเตารีดก่อน ถ้าใบตองไหม้ก็ต้องคีบถ่านออก กว่าจะรีดผ้าเสร็จก็เหงื่อท่วมตัวพอดี

นางสมใจกับพุดจีบไม่ยอมให้พระจันทร์ได้ลองรีดผ้าเพราะเกรงว่าจะถูกลวก ผู้ใหญ่คนอื่นก็เหมือนกัน มีแต่แม่ชม้อยที่เป็นแม่ครัวใหญ่เท่านั้นที่ยอมให้พระจันทร์ทดลอง ด้วยเหตุผลว่ารำคาญลูกตื๊อเต็มแก่ พระจันทร์รีดผ้าได้เรียบไม่เหมือนเด็กหัดใหม่แต่ใช้เวลานาน เพราะกำลังของเด็กไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ แม่ชม้อยบ่นว่าเปลืองถ่าน จึงไล่ให้ออกไปเล่นข้างนอก ซึ่งก็พอดีกับที่พระจันทร์หมดความสนใจในเตารีดถ่าน

ด้านนอกมีเด็กๆ กำลังเล่นตั้งเตกันอยู่ การละเล่นนี้เป็นการกระโดดขาเดียวเข้าไปในช่องที่ขีดเอาไว้บนพื้นเรียงกันเป็นตาราง พระจันทร์เคยเล่นกับพวกน้องๆ ที่สถานสงเคราะห์อยู่เหมือนกัน เห็นแล้วก็อดนึกถึงที่ที่จากมาไม่ได้

“ให้พระจันทร์เล่นด้วยสิ” เด็กสาวร้องขออย่างนึกสนุก

ข่าวเรื่องที่เธอเปลี่ยนชื่อแพร่ไปทั้งวังแล้วแต่บางคนก็ยังติดเรียกแจ่มจันทร์ พระจันทร์เลยตัดสินใจแทนตัวเองกับใครๆ ว่า ‘พระจันทร์’ ไปเลยเพื่อตัดปัญหา

เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่เล่นอยู่ชะงักในทันที คนที่กระโดดถึงกับล้มกลิ้งเมื่อเห็นหน้าเด็กหญิง

“ผีมา หนีเร็ว” เปรี้ยว ลูกสาวของแม่ครัวชี้หน้าพระจันทร์แล้วร้องลั่น

เด็กอื่นๆ ก็เลยพร้อมใจกันแหกปากร้องว่าผีตาม แล้ววิ่งหนีไปราวกับผึ้งแตกรัง เหลือเอาไว้ก็แต่เด็กชายอายุประมาณห้าขวบคนหนึ่งที่บังเอิญหกล้มเลยหนีไม่ทัน

พระจันทร์จึงเข้าไปหาหมายจะช่วยฉุดขึ้นมา แต่เด็กน้อยกลับร้องไห้จ้า

“ผี...ผีหลอก ฮื่อ…แม่จ๋าช่วยด้วย” ปิงสะอื้น

เด็กชายกลัวจนแข้งขาอ่อนก้าวไม่ออก ได้แต่ยืนตัวสั่นหลับตาปี๋

“ผีที่ไหน คนต่างหาก ไม่รู้สึกเหรอว่าตัวอุ่น” พระจันทร์เอามือมาแตะที่แขน

คำพูดของเธอทำให้เด็กชายค่อยๆ เปิดตาขึ้นมามอง สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าเป็นมิตรของเด็กผู้หญิงอายุมากกว่า ตัวเธออุ่นจริงอย่างที่บอก แถมยังไม่ดูน่ากลัวอย่างที่พี่สาวว่าเลย

พระจันทร์ไม่รู้ว่าเปรี้ยวกับแจ่มจันทร์เป็นปรปักษ์กันอยู่ ถึงจะมีเรื่องทะเลาะกันแบบเด็กๆ แต่เปรี้ยวก็ผูกใจเจ็บพระจันทร์ ก็เลยเป่าหูเด็กคนอื่นรวมถึงน้องชายว่าพระจันทร์เป็นผีอย่าไปเล่นด้วยเป็นอันขาด

พวกเด็กกลุ่มนี้ต่างก็เป็นลูกบ่าว ไม่มีใครอบรมสั่งสอน เปรี้ยวที่ตั้งตัวเป็นลูกพี่พูดอะไรมาทุกคนก็ต้องคล้อยตาม ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเด็กคนไหนกล้าเข้าใกล้พระจันทร์เลย เด็กสาวสังเกตเห็นอยู่เหมือนกันว่าเด็กอื่นคอยหลบเลี่ยงเธอแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

“คนจริงๆ นะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเป็นผีเขาก็ต้องหาหมอผีมาปราบใช่ไหมล่ะ ไม่ปล่อยให้เดินเพ่นพานในวังอย่างนี้หรอก”

ปิงคิดตามและยอมเชื่อในที่สุด แต่พระจันทร์ก็ต้องเบ้ปากเมื่อเด็กชายลุกจากพื้นในสภาพกางเกงเปียกแฉะ สาเหตุเพราะกลัวจนปัสสาวะราด พระจันทร์เลยต้องเป็นธุระช่วยพาไปอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนชุดให้

เด็กสาวไม่ได้เล่าเรื่องปิงฉี่ราดให้ใครฟังเนื่องจากไม่เห็นเป็นสาระสำคัญของชีวิต แต่ปิงกลับมองพระจันทร์อย่างเทิดทูนนับถือ เพราะถ้าเป็นพี่สาวตัวเองมาพบเข้าคงจะร้องแรกแหกกระเชอให้เด็กอื่นมารุมล้อเลียนอย่างสนุกสนาน

ความประทับใจเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยทำให้ปิงสมัครใจมาเป็นลูกไล่ของพระจันทร์ การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับเปรี้ยวเป็นอย่างมากแต่ปิงก็ไม่ยี่หระ ถูกขู่ตัดพี่น้องก็ไม่สนเพราะตัวเองได้พี่พระจันทร์มาเป็นพี่สาวคนใหม่ ซึ่งพี่คนนี้ดีกว่าคนเดิมเป็นร้อยเท่า



เด็กคนแรกที่พระจันทร์ได้คุยด้วยคือปิง ส่วนคนถัดมานั้นคือหม่อมราชวงศ์อังศุมาลี ธิดาคนเล็กของท่านชายทินกร เธอมีโอกาสได้รู้จักคุณหญิงเพราะหม่อมเนียร มารดาของคุณหญิงมีความประสงค์จะให้เด็กในบ้านตามไปเรียนเป็นเพื่อนลูก

ก่อนหน้านี้คุณหญิงอังศุมาลีเธอเคยไปโรงเรียนมาก่อน แต่ไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องเลิกเรียนเพราะถูกแกล้ง คุณหญิงเธอเป็นเด็กเรียบร้อย มีอะไรก็ไม่กล้าฟ้องครู ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ พอเหลืออดมากเข้าก็จับไข้เพ้อออกมาว่าไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว

หม่อมเนียรสงสารธิดาจึงจ้างครูมาสอนหนังสือที่บ้าน พออายุเก้าขวบคุณหญิงก็บอกอยากไปโรงเรียนอีกครั้ง หม่อมเนียรเกรงว่าจะซ้ำรอยเดิมจึงหาทางป้องกันไว้ก่อน มีอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียนบ่าวจะได้มารายงานตน

ในบรรดาตำหนักของหม่อมเจ้าทั้งสามพระจันทร์ชอบตำหนักของท่านชายทินกรมากที่สุด เพราะเป็นตึกสไตล์ยุโรปที่ออกแบบอย่างสวยงามและยังใหม่มาก ตอนเดินตามนางทองสุขเข้าไปด้านในจึงอดที่จะมองสำรวจรอบๆ ไม่ได้

พระจันทร์มัวเหม่อจนเกือบจะเลี้ยวผิดเดินไปที่ห้องรับแขกแทนห้องนั่งเล่น นางสมใจเลยต้องจูงมือเอาไว้ แม้จะได้เห็นห้องรับแขกเพียงแวบเดียวแต่ก็รู้ว่าสวยหรูมาก ส่วนห้องนั่งเล่นที่ต้องไปรอหม่อมเนียรตกแต่งอย่างเรียบง่ายกว่ากันมาก กระนั้นก็ดูดีเพราะมีชุดรับแขกหรูสไตล์วิกตอเรียตั้งเด่นเป็นสง่า พระจันทร์นึกอยากขึ้นไปลองนั่งบนโซฟายาวสีน้ำตาลขาวดู แต่ถ้าทำอย่างนั้นเห็นทีจะถูกตีหลังลาย

“กราบท่านงามๆ อย่างที่ป้าสอนนะพระจันทร์” นางสมใจย้ำ

“ค่ะคุณป้า” พระจันทร์รับปากแข็งขัน

กระนั้นผู้เป็นป้าก็ยังไม่คลายใจ หันมาจัดท่าจัดทางพระจันทร์อีกรอบ

เด็กสาวเคยไปกราบท่านหญิงแสงแขเพื่อขอบพระคุณท่านเรื่องที่กรุณาประทานยามาให้ตอนที่ป่วย ตอนนั้นนางสมใจยังดูสบายๆ ไม่เคร่งระเบียบกับเธอเท่านี้ คงจะจริงอย่างที่เขาลือกันว่าหม่อมเนียรเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างมาก โกรธขึ้นมาก็จะสั่งลงโทษโดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น

รออยู่พักหนึ่งหม่อมเนียรพร้อมด้วยคุณหญิงอังศุมาลีและคนรับใช้คนสนิทก็เข้ามาในห้อง พระจันทร์แอบมองก็เห็นว่าหม่อมเนียรเป็นสตรีวัยสามสิบปลายๆ ดวงหน้าสวยคม กิริยาตลอดจนท่วงท่าการเดินดูสง่า ส่วนคุณหญิงอังศุมาลีธิดาของท่านเป็นเด็กหญิงที่ดูน่ารักราวกับตุ๊กตา ผมดำขลับยาวสยายถึงกลางหลังหยักศกเป็นลอนเหมือนคลื่น พอแต่งกายด้วยชุดกระโปรงบานฟูฟ่องก็ดูไม่ต่างจากนางฟ้าองค์น้อยๆ เลย

พระจันทร์มัวแต่ชื่นชมความน่ารักของคุณหญิงจนเกือบลืมกราบหม่อมเนียร ดีที่นางสมใจช่วยสะกิดไม่อย่างนั้นก็คงโดนเอ็ดว่าเป็นเด็กไม่สำรวม

“นี่รึหลานที่เอ็งว่า”

“ใช่ค่ะหม่อม”

หม่อมเนียรมองอย่างพิจารณา เด็กน้อยมีกิริยาเรียบร้อยใช้ได้ สังเกตจากท่ากราบที่ถูกต้องตามแบบแผน เวลานั่งพับเพียบรู้จักวางมือไว้ที่ตัก ประเมินอายุแล้วก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับลูกหญิง

‘หน่วยก้านพอไหว’

“รู้หนังสือบ้างไหม”

“ท่องสระกับพยัญชนะได้ค่ะ แต่ยังอ่านเป็นคำได้กระท่อนกระแท่น เรื่องบวกเลขก็พอบวกได้นิดหน่อย”

ก่อนจมน้ำนางสมใจสอนหนังสือให้หลานทุกวัน แต่หลังจากหายป่วยก็ไม่ได้สอนอีกเพราะต้องไปรับใช้ท่านหญิงที่ตำหนักแทนข้าหลวงที่ขอลากลับบ้าน

“ยังมีเวลา เร่งสอนให้คล่องเข้า อย่างไรเสียก็ต้องสอบเข้าปอสามให้ได้”

โรงเรียนที่คุณหญิงจะไปเรียนจะจัดชั้นตามความสามารถของเด็ก ถ้าไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนก็จะต้องเริ่มตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งเลย แต่ถ้าเคยเรียนมาแล้วก็จะมีการทดสอบความรู้ หม่อมเนียรต้องการให้ธิดามีเพื่อนเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นก็เสียแรงที่ส่งไป

“ไม่ข้ามขั้นไปหรือคะ พระจันทร์มันเพิ่งจะแปดขวบเท่านั้น”

“ฉันจะให้แบบเรียนไป เร่งให้ท่องจำเข้า อีกสองอาทิตย์จะมีสอบ ต้องสอบให้ผ่านด้วยล่ะ” หม่อมเนียรสั่งเสียงเข้ม เป็นอันรู้กันว่าคำประท้วงไม่ได้ผล

โอกาสที่พระจันทร์จะสอบผ่านช่างริบหรี่เหลือเกินในความรู้สึกของนางสมใจ คนเป็นป้าทั้งเครียดทั้งกังวล เพราะถ้าพระจันทร์สอบไม่ผ่านก็จะไม่ได้ไปเรียนโรงเรียนเดียวกันกับคุณหญิง ต้องเรียนโรงเรียนวัดซึ่งสิ่งแวดล้อมแย่กว่า

นางสมใจไม่เคยทะเยอทะยานอยากให้หลานได้ดีเทียมเทียบลูกท่าน เธอแค่อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพระจันทร์เท่านั้น ลำพังตัวเธอเองคงไม่มีปัญญาส่งพระจันทร์เรียนสูงๆ หวังพึ่งได้ก็แต่บารมีของท่านหญิงและสติปัญญาของเด็กน้อยเท่านั้น

“อิฉันจะพยายามค่ะ” นางสมใจแบ่งรับแบ่งสู้

หม่อมเนียรพึมพำว่าดี ฟังการสนทนาได้เท่านี้พระจันทร์ก็รู้แล้วว่าหม่อมเนียรมีนิสัยเผด็จการไม่ชอบให้ใครขัดใจ

“รออีกสองอาทิตย์นะ แล้วแม่จะให้หญิงอังไปโรงเรียน” หม่อมเนียรบอกลูกสาว

น้ำเสียงของหม่อมอ่อนลงกว่าตอนพูดกับคนรับใช้แต่ก็ยังดูวางท่าห่างเหิน ด้วยถือตัวว่าเป็นผู้ดีจะต้องไม่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นจนเกินงาม แต่หม่อมเนียรยึดมั่นถือมั่นมากไปก็ปฏิบัติอย่างตึงเกินพอดี คุณหญิงอังศุมาลีจึงไม่กล้าแสดงอารมณ์ออกมาเพราะกลัวจะถูกตำหนิ

“ขอบพระคุณค่ะคุณแม่” คุณหญิงพนมมือไหว้มารดา

“เงยหน้าขึ้นมาอีกหน่อยซิ” หม่อมเนียรสั่งห้วนๆ

ประโยคนี้หม่อมหมายถึงพระจันทร์ นางสมใจกลัวหลานจะไม่รู้ก็เลยกระซิบบอก พระจันทร์เงยหน้าขึ้นมา ในจังหวะที่หม่อมเนียรหันมาสั่งกับธิดาให้ทำความรู้จักกับเธอเอาไว้

“ชื่ออะไรจ๊ะ” คุณหญิงถามด้วยเสียงค่อนข้างเบา

ดูเธอค่อนข้างขี้อาย พระจันทร์จึงยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วตอบเสียงดังฟังชัดว่า

“ชื่อพระจันทร์ค่ะคุณหญิง”

หากเป็นเด็กทั่วไปหลังจากถามชื่อแส้กันเสร็จแล้วก็คงได้จูงมือกันไปเล่น แต่สิ่งที่แสนปกติธรรมดานี้ไม่มีทางเกิดขึ้นที่นี่ หม่อมเนียรไม่ต้องการให้ธิดาคนสุดท้องลดตัวลงไปเล่นกับบ่าวไพร่ ด้วยเกรงว่าจะติดกิริยาหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมา เมื่อลูกหญิงไม่ถามอะไรต่อการสนทนาระหว่างเด็กน้อยทั้งสองก็จบลงเพียงเท่านี้



พระจันทร์กลับออกจากตำหนักของหม่อมเจ้าทินกรพร้อมแบบเรียนกองโตสำหรับเด็กประถมหนึ่งถึงสาม พระจันทร์รู้สึกไม่คุ้นกับคำว่าเลขคณิตบนหน้าปก เพราะในยุคของเธอใช้คำว่าคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีหนังสือหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมด้วย เห็นแล้วก็นึกเสียดายที่ในยุคของเธอวิชานี้หายไปเสียแล้ว และกลายเป็นแค่บทเรียนบทสั้นๆ ของวิชาสังคมศึกษาเท่านั้น เพราะหลักสูตรการศึกษามันเปลี่ยนไปหรือเปล่าหนอ คนในปัจจุบันก็เลยไม่ตระหนักถึงหน้าที่และไม่ค่อยมีความผิดบาป

เด็กสาวมัวแต่ก้มหน้าอ่านชื่อหนังสือจึงไม่ทันเห็นว่ามีเด็กผู้ชายขี่จักรยานมาทางนี้

“หลีกไป!” เด็กชายร้องบอก

หนังสือในมือของพระจันทร์หล่นเกลื่อนพื้น บางเล่มถูกล้อรถจักรยานทับ แต่ยังโชคดีที่เด็กหญิงกระโดดหลบทันเลยไม่ได้รับอันตราย พระจันทร์จ้องมองเจ้าของจักรยานอย่างเอาเรื่อง ทว่าเด็กผู้ชายคนนั้นไม่เพียงแต่ไม่ขอโทษยังต่อว่ากลับมาด้วย

“ตาบอดหรือไงถึงไม่รู้จักดูทาง”

พระจันทร์ฟังแล้วก็ฉุนเลยเถียงกลับ

“นายต่างหากที่ไม่รู้จักดูทาง ขี่รถแข็งหรือเปล่าเนี่ย ถนนออกตั้งกว้างยังพุ่งมาชนคนได้ เงอะงะไม่พอ ทำผิดแล้วยังไม่รู้จักขอโทษอีก”

หม่อมราชวงศ์อังศุธรอึ้งไปเลยเมื่อถูกต่อว่าชุดใหญ่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีบ่าวไพร่คนไหนกล้าตำหนิเขาอย่างนี้ แล้วยายจิ๋วนี่เป็นใคร กล้าดีอย่างไรถึงได้มายืนเท้าเอวพูดใส่หน้าฉอดๆ

ไม่เพียงแต่คุณชายเท่านั้นที่อึ้งนางสมใจก็พลอยตกใจไปด้วย กล้าว่าลูกท่านก็ถือว่าผิดแล้ว แต่นี่กลับไปมีเรื่องกับคุณชายซึ่งเป็นลูกคนโปรดของหม่อมเนียร เห็นทีจะได้หลังลายไม่ได้ไปโรงเรียนก็งานนี้ แกเลยรีบตรงเข้าไปปิดปากพระจันทร์แล้วขอโทษขอโพยคุณชายเป็นการใหญ่

“อิฉันผิดเองค่ะคุณชายที่อบรมหลานสาวไม่ดี คุณชายอย่าถือเลยนะคะ พระจันทร์มันตาต่ำเองเลยไม่เห็นสง่าราศีของคุณชายเลยไม่รู้ว่าเป็นลูกท่าน มันเลยเผลอกำเริบใส่ คุณชายให้อภัยอิฉันกับหลานไม่ได้เรื่องเถอะนะคะ”

เห็นนางสมใจยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ สีหน้าของคุณชายอังศุธรก็คลายลง แต่ก็ยังคงจ้องเขม็งมาที่พระจันทร์ ดวงตาคมกล้าของเด็กหญิงอ่อนวัยกว่าฉายแววความเป็นปรปักษ์ตรงข้ามกับท่าทีของป้า

“ชื่ออะไร” เด็กชายถามพระจันทร์

พระจันทร์ไม่อยากตอบคนเกเรเลยสักนิดเดียว แต่เธอก็รู้สถานะของตัวเองดี แล้วก็รู้ด้วยว่าทิฐิอาจจะทำให้นางสมใจเดือดร้อน ดังนั้นจึงฝืนตอบคำถามออกไป

“ดิฉันชื่อพระจันทร์ค่ะ”

คำแทนตัวแบบผู้ใหญ่ทำให้คุณชายหมั่นไส้ยายตัวเล็กนี่เหลือเกิน ก่อนจะปั่นรถจักรยานหายลับไป เลยหันมาจ้องหน้าถลึงตาใส่อย่างคุกคาม ประหนึ่งจะบอกว่า

‘ระวังเอาไว้ให้ดี ฉันหมายหัวเธอไว้แล้ว’

พระจันทร์แอบแลบลิ้นไล่หลังจอมเกเร ผลคือถูกนางสมใจเอ็ดว่าห้ามแสดงกิริยาอย่างนี้อีก

“ท่านเป็นเจ้านาย โกรธขึ้นมาเราจะเดือดร้อน เป็นบ่าวเขาต้องอยู่อย่างถ่อมตน ไม่อย่างนั้นขี้กลากจะกินหัวเข้าใจไหม”

พระจันทร์ไม่เถียงนางสมใจเลยสักคำ เธอเข้าใจความปรารถนาดีของผู้สูงวัย ก็เลยปล่อยให้แกบ่นไปตลอดทางกลับเรือน



ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อยู่ในสายตาของเด็กชายที่นั่งตรงริมหน้าต่างตลอด รพีภัคบังเอิญมองออกมาพอดีตอนที่รถจักรยานกำลังจะพุ่งชนพระจันทร์ เด็กชายยิ้มอย่างชอบใจที่มีคนกล้าต่อกรกับคุณชายจอมเอาแต่ใจ

รพีภัคแก่กว่าคุณชายอังศุธรปีครึ่งแต่ต้องเกรงใจอีกฝ่ายเพราะคุณชายมีศักดิ์เป็นน้า ที่จริงแล้วหม่อมราชวงศ์วนันดา มารดาของเขาเป็นราชนิกุลคนละสายสกุลกับพวกสุรภาส ที่มีความสัมพันธ์เหมือนญาติสนิทได้เพราะท่านหญิงแสงแขรับคุณหญิงวนันดาเป็นธิดาบุญธรรม

รพีภัคสุขภาพไม่แข็งแรงตั้งแต่เกิด คุณหญิงวนันดาเองก็เหมือนมีกรรมที่มีลูกน้อย ถ้าไม่แท้งก็ตายเสียตั้งแต่ยังเล็ก เหลือรพีภัคคนเดียวก็ยังมาเจ็บออดๆ แอดๆ ทำท่าว่าจะจากไปได้ทุกขณะ คุณหญิงมีความเชื่อว่าเพราะกรรมในอดีตลูกทุกคนจึงมีอันเป็นไป เลยตัดสินใจยกลูกให้ท่านหญิง แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ให้มีความหมายว่าพระอาทิตย์ คล้องกับชื่อของทุกคนในวังนี้ ป่วยเมื่อไรก็จะพามาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นการแก้เคล็ด

ครั้งนี้ก็เช่นกัน รพีภัคป่วยเป็นหวัดแต่อาการไม่หนักหนา พักคืนเดียวก็หาย พอไข้ลดคุณชายอังศุธรก็มาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน เรื่องวิ่งเล่นเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคนสุขภาพไม่แข็งแรงอย่างเขา แต่ความที่นึกสนุกเลยแอบหนีออกมาจนได้ เสียดายที่ถูกคนรับใช้ของหม่อมเนียรจับได้เสียก่อน เลยถูกหม่อมเนียรสั่งให้มารอในห้องหนังสือจนกว่าคนของท่านหญิงจะมารับ

เขานึกว่าวันนี้จะเป็นวันที่แสนกร่อยเสียแล้ว โชคยังดีที่ได้เห็นอะไรน่าสนใจ

“พระจันทร์” เด็กชายพึมพำชื่อของเด็กน้อยแล้วอมยิ้ม


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีคนเรียกร้องว่าให้เอาหนุ่มๆ ออกมาโชว์ตัวบ้าง เอาออกมาแล้วนะคะ แต่ละคนยังเป็นเบบี๋อยู่เลย 5555 เรื่องนี้เตรียมใจได้เลยนะคะ 20 บทแรกจะอารมณ์ประมาณวรรณกรรมเยาวชนค่ะ ชีวิตของพระจันทร์จะเป็นเสตปๆ ตามช่วงอายุค่ะ มีสี่ช่วงคือ 8 ขวบ 12-13 17 แล้วก็ 20-22 ไม่ต้องห่วงว่าเรื่องนี้จะขาดความหวานนะคะ 100 หน้าหลังหนุ่มๆ ทุ่มสุดตัว ชิงดำกันสุดฤทธิ์ โน้มเองก็วางแผนทรมานแต่ละคนเอาไว้แล้ว โฮะๆ หายห่วงค่ะหายห่วง

เกร็ดความรู้ประจำตอน
อ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมีอาการสับสนเรื่องเจ้าไทยเล็กน้อย ประมาณว่าทำไมท่านชายใช้ราชาศัพท์ แล้วทำไมคุณชายถึงพูดกันอย่างธรรมดา คืออย่างนี้ค่ะ ถัดจากหม่อมเจ้า (ท่านหญิงท่านชาย) ลงมา จะมีคำนำหน้าชื่อเฉพาะ แต่จะถือว่าเป็นสามัญชนค่ะ
ดังนั้นเวลาพูดกับหม่อมราชวงศ์หรือหม่อมหลวงจึงไม่ใช้ราชาศัพท์ ส่วนคำแทนตัว หม่อมราชวงศ์จะเรียก คุณชายหรือคุณหญิงค่ะ ส่วนหม่อมหลวงไม่ได้เรียกว่าหม่อมนะคะ หลายคนสับสน ต้องเรียกว่า ‘คุณ’ ตามด้วยชื่อค่ะ ส่วน ‘หม่อม’ นั้นเป็นคำเรียกภรรยาเจ้าค่ะ อย่างในเรื่องหม่อมเนียรเป็นภรรยาของหม่อมเจ้าทินกร ก็เลยต้องมีคำว่าหม่อมนำหน้าชื่อ ส่วนภรรยาหม่อมราชวงศ์หรือหม่อมหลวงเป็นคนธรรมดาค่ะ ดังนั้นไม่มีคำเรียกเฉพาะ




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2556, 09:27:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2556, 09:27:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 2020





<< บทที่ 6 หนูชื่อพระจันทร์   บทที่ 8 ไปโรงเรียน >>
คิมหันตุ์ 30 พ.ค. 2556, 10:30:06 น.
ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรุ้จ้ะ. ชอบๆ
ปล.กว่าจะโตยี่สิบบทกันเลยทีเดียวรึนี่ เลี้ยงต้อยรอดีกว่า. อิอิ


Zephyr 30 พ.ค. 2556, 14:25:26 น.
โชว์มาสอง คนแรกโชว์ไปตอนอุ้มแล้วสินะ
คนอื่นๆยังเตาะแตะอยู่เลย คนแรกโตเป็นหนุ่มสุดแล้ว จะเรียกต้อยมากไปป่ะ
โหยยยย เอาเด็ก มัธยมสอง มาสอบ ประถมสาม
เอิ่ม มันคงไม่ได้มั้งคะ หม่อมเนียรรรรร


mhengjhy 30 พ.ค. 2556, 14:30:43 น.
แหม่ ผู้ชายเยอะไปหมดดดด อิจฉาาาา


wane 30 พ.ค. 2556, 22:38:44 น.
หนุ่มคนไหนเป็นพระเอกตัวจริงเนี่ย เยอะเชียว


goldensun 31 พ.ค. 2556, 20:59:38 น.
หนุ่มๆ มากกว่าสาวๆ แน่เลย งานนี้ ทั้งรุ่นโต รุ่นเล็ก
ส่วนเรื่องเรียน พระจันทร์ได้เปรียบเห็นๆ เล่นมาแบบโคนันเลย จากม.ปลาย กลายเป็นเด็กประถมซะงั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account