ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 10 กลั่นแกล้ง

บทที่ 10 กลั่นแกล้ง

หลังจากแข่งทำข้อสอบแล้วเสมอ สายตาที่คุณชายอังศุธรมองพระจันทร์ก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่คิดว่าเป็นยายตัวเล็กน่าหมั่นไส้ ตอนนี้กลายเป็นศัตรูไปเสียแล้ว เด็กชายเลิกแกล้งเตะเบาะที่นั่งของพระจันทร์ เลิกกระตุกผมเล่น แต่เปลี่ยนไปเป็นให้ของขวัญที่ไม่น่าพิสมัยแทน

ของขวัญชิ้นแรกถูกสอดไว้ใต้โต๊ะเรียน มันคือกบตัวเขื่องท่าทางน่าขยะแขยง เด็กสาวร้องยี้ในใจแต่ก็ไม่แสดงอาการให้พวกตัวการได้ใจ โชคดีที่มันเป็นกบขี้เกียจเลยนั่งหลับตาทำหน้าจิ้มลิ้มไม่ขยับเขยื้อน พระจันทร์เลยทนเรียนจนหมดชั่วโมงได้

ของขวัญชิ้นที่สองเป็นผงชอล์กที่โปรยปรายลงมาจากหน้าต่างในขณะที่กำลังจะเดินเข้ามาในอาคาร พระจันทร์หลบได้อย่างฉิวเฉียดแต่เด็กมัธยมหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านมานี่สิที่โชคร้าย โดนชอล์กย้อมผมจนกลายเป็นสีขาวโพลนในพริบตา

การกลั่นแกล้งของพวกมัธยมสามห้องกอยังคงมีมาทดสอบขันติของพระจันทร์เรื่อยๆ เด็กสาวทั้งหน่ายทั้งขำ เธออยากจะตะโกนใส่หน้าเสียจริงว่าแค่นี้มันจิ๊บๆ ก่อนมาอยู่ที่นี่เคยเจอยิ่งกว่านี้มาตั้งเยอะ

พระจันทร์เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ดังนั้นจึงตกเป็นเป้าล้อเลียนข่มเหง มีตั้งแต่ทำร้ายด้วยวาจา ทำลายข้าวของ ไปจนกระทั่งทำร้ายร่างกายและรีดไถเงิน นอกจากนี้ยังมีสิ่งมอมเมาเยาวชนและยาเสพติดอยู่รอบตัว เทียบกันแล้วที่นี่กลายเป็นโรงเรียนสีขาวไปเลย

อาจารย์ใหญ่เห็นว่าพระจันทร์สามารถมาเรียนกับเด็กโตได้และทำให้นักเรียนตั้งใจเรียนมากขึ้น ก็เลยตัดสินใจเพิ่มวิชาเรียนกับรุ่นพี่ให้พระจันทร์อีกหนึ่งวิชา นั่นก็คือวิชาภาษาไทย แต่วิชานี้ให้ไปเรียนกับพวกห้องขอ พระจันทร์ไม่เก่งภาษาไทยเหมือนกับคณิตศาสตร์ แต่ก็เรียนวิชานี้ได้ดีนักเรียนมัธยมสามห้องขอเลยต้องเรียนซ่อมกันเกือบยกห้อง

มหกรรมเรียนเสริมหลังเลิกเรียนดำเนินต่อเนื่องมาได้ระยะหนึ่ง พวกนักเรียนก็โอดครวญขอต่อรองให้ปรับลดคะแนนลง อาจารย์ใหญ่ยอมตกลง แต่มีเงื่อนไขว่าในการสอบย่อยคะแนนเฉลี่ยของทั้งห้องจะต้องดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงตั้งใจเรียน เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเรียนเพิ่มในตอนเย็น

พวกครูที่รับผิดชอบชั้นมัธยมสามต่างพากันขอบอกขอบใจพระจันทร์ ที่ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น มีแต่พระจันทร์เท่านั้นกระมังที่ไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าไร นอกจากศัตรูจะเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวแล้วเธอยังต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างตึกประถมและมัธยมวันละหลายครั้ง แถมยังต้องระวังตัวแจไม่ให้โดนเล่นงาน

พระจันทร์โอดครวญหรือต่อรองเรื่องนี้ไม่ได้ก็เลยเตรียมตัวรับการกลั่นแกล้งอย่างรอบคอบ เธอพกข้าวของทุกอย่างไว้กับตัวตลอดเวลา แต่ให้แบกตำราข้าวของรองเท้าติดตัวเสมอก็ไม่ไหว เธอเลยใช้วิธีฝากทุกอย่างไว้กับอาจารย์ใหญ่ เจอไม้นี้เข้าไปเลยไม่มีใครกล้าเสี่ยงตายเข้าถ้ำเสือขโมยของพระจันทร์ไปซ่อนเลยสักคน

เด็กสาวปกป้องตัวเองและข้าวของได้อย่างดีเยี่ยม มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ควบคุมไม่ได้คือทุกวันจะต้องมีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยมานั่งยิ้มแป้นแล้นใต้โต๊ะเสมอ แล้วก็ไม่เคยซ้ำชนิดกันเลยจนอดนับถือความพยายามไม่ได้

ความที่พระจันทร์นิ่งๆ ไม่กรี๊ดกร๊าดหรือวิ่งไปฟ้องครูทำให้พวกผู้ชายห้องกอนึกสนุก จัดการประกวดประขันขึ้นมาว่าใครจะหาของมาทำให้พระจันทร์ตกใจได้มากกว่ากัน การแข่งขันนี้ไล่เรียงไปตามเลขที่ คุณชายอังศุธรเองก็พลอยสนุกและร่วมลุ้นไปด้วย เนื่องจากอยากเห็นสีหน้าสีตาตกใจของยายเด็กน่าหมั่นไส้นี่เหลือประมาณ

วันหนึ่งเป็นเวรของเลขที่สิบสามหรือก็คือเพิ่มศักดิ์ เด็กชายเอาของมาอวดให้เพื่อนดูก่อนจะแอบยัดของเข้าไปใต้โต๊ะของพระจันทร์ สัตว์ตัวนี้เป็นที่ฮือฮาทีเดียวเพราะดูอันตรายในสายตาของเด็กๆ

ของขวัญจากเลขที่สิบสามนั่งนิ่งซุ่มอยู่ในความมืดของโต๊ะเรียนจนกระทั่งพระจันทร์หย่อนก้นลงนั่ง เสียงเลื่อนเก้าอี้ทำให้มันขยับตัวแล้วหันมามอง เลยบังเอิญสบตาเข้ากับเด็กสาวพอดี

พระจันทร์ขยับหนีเมื่อถูกงูเขียวขนาดกำลังน่ารักส่งสายตาปิ๊งปั๊งให้ เธอไม่กลัวสัตว์เลื้อยคลานแต่ที่ต้องหนีเพราะไม่มั่นใจว่ามันมีพิษหรือเปล่า

“คุณครูคะ ในโต๊ะหนูมีงู” พระจันทร์บอก

“อะไรนะ! ถอยออกมาเร็ว”

คนที่ตกใจกลับกลายเป็นครูใหญ่เสียมากกว่า แกออกคำสั่งเร็วจี๋ให้ทุกคนรีบออกจากห้อง แล้วไปตามภารโรงมาจัดการกับงู

งูเขียวตัวนี้ไม่มีพิษ แต่ข่าวลือก็แพร่ออกไปว่ามีงูอยู่ใต้โต๊ะเด็กนักเรียน ทำให้ต้องกวดขันความปลอดภัยทุกห้อง วันนั้นเลยต้องตรวจหางูกันทั้งวัน ไม่เป็นอันได้เรียน

ความกังวลของผู้ใหญ่ว่าจะมีสัตว์มีพิษหลงเข้ามากลายเป็นเรื่องสนุกของเด็ก วันต่อมาจึงมีการเสนอให้เตรียมงูมาอีก แต่ข้อเสนอนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบของคุณชายอังศุธรด้วยเหตุผลว่าผิดกติกา เพราะตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าห้ามเอาสัตว์ซ้ำชนิดมา ประเด็นเรื่องงูเลยตกไป แต่เลขที่ถัดมาก็ได้ความคิดดีๆ เรื่องสัตว์ที่ตัวเองต้องนำมา เด็กชายเลขที่สิบสี่คิดว่าพระจันทร์คงกลัวสัตว์เลื้อยคลานจำพวกตัวยาวๆ เหมือนงู ก็เลยเอาปลาไหลมาใส่ไว้ใต้โต๊ะ

พระจันทร์ตกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นเจ้าตัวนี้แวบแรก แต่พอมองดีๆ แล้วเห็นว่าเป็นปลาไหลก็เลยขออนุญาตไปห้องน้ำ เด็กสาวกลับมาพร้อมถังใส่น้ำ เธอจับปลาไหลมาใส่ไว้ในนั้นเพื่อเตรียมเอากลับบ้าน

“ทำอะไรน่ะพระจันทร์” อาจารย์ใหญ่ถาม

ท่านไม่ทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะมัวแต่สอน หันมาอีกทีก็เห็นว่าพระจันทร์มีถังอยู่ข้างตัว ในนั้นมีปลาไหลตัวอวบอ้วนอยู่

“มื้อเย็นค่ะครู จะเอาไปให้คุณป้าทำแกงเผ็ด”

“ระวังอย่าให้มันหลุดออกมานะ” เตือนเสร็จก็ทำการสอนต่อไปโดยไม่ซักต่อว่าไปได้มาจากไหน

เย็นวันนั้นคุณชายอังศุธรเลยได้นั่งรถกลับบ้านพร้อมปลาไหลตัวยาว รุ่งขึ้นจึงมีกฎว่าห้ามเอาอะไรที่กินได้มาใส่ใต้โต๊ะของพระจันทร์อย่างเด็ดขาด เพราะแกล้งไม่ได้ผลยังไม่เจ็บใจเท่าแถมมื้อเย็นให้เจ้าหล่อนเอากลับบ้าน



เมื่อนักเรียนชั้นมัธยมสามห้องกอ เวียนกันเอาสัตว์มาใส่ใต้โต๊ะครบทุกเลขที่แล้ว พวกเด็กๆ ก็พร้อมใจกันเลิกแกล้งพระจันทร์ด้วยวิธีนี้ เพราะนึกไม่ออกแล้วว่าจะหาตัวอะไรมาดี อีกเหตุผลคือจำนวนคนที่ต้องเรียนเสริมในตอนเย็นก็ลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือพวกหัวทึบกับเด็กไม่ตั้งใจเรียนไม่กี่คนเท่านั้น พวกที่เหลือจึงเลิกผูกใจเจ็บพระจันทร์ อย่างมากก็แค่หมั่นไส้ที่ยายตัวเล็กนี่ได้คะแนนมากกว่า

ที่จริงแล้วหลายคนในห้องเริ่มมองเห็นข้อดีของพระจันทร์และนับถือเธออยู่เงียบๆ เด็กผู้หญิงตัวนิดเดียวคนนี้ไม่ขี้แยไม่ขี้ฟ้อง เธอสามารถทำคนที่แกล้งถูกตีได้แต่ก็ไม่ทำ ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคงไม่กล้าปากโป้งเพราะกลัวโดนเล่นงานหนักขึ้น แต่พอมีกรณีงูกับปลาไหลขึ้นมาก็ทำให้เข้าใจว่ายายตัวเล็กกล้าคิดกล้าทำและไม่ได้หวาดกลัวพวกเด็กผู้ชายเลยสักนิด

คุณชายอังศุธรเป็นคนแรกที่มองออก แต่ไม่เคยพูดออกมาเพราะไม่เข้าใจเหตุผลของพระจันทร์ ไม่มีคิดได้หรอกว่าเด็กตัวจิ๋วอย่างพระจันทร์จะมองทุกคนในห้องนี้ด้วยสายตาของคนที่โตกว่า เธอมีประสบการณ์การรับมือพวกเด็กเกเรมาเยอะ จึงตระหนักดีว่าการฟ้องครูให้พวกนั้นถูกลงโทษไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาเสมอไป

พระจันทร์ใช้ขันติและเดินเกมมาอย่างถูกทาง สัญญาณสงบศึกระหว่างเธอกับคนในห้องจึงเริ่มเกิดขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเลิกราวีพระจันทร์ คุณชายอังศุธรคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอมหยุด เผลอทีไรเป็นต้องมาดึงผมจากด้านหลังทุกที ไม่ก็ล้อเลียนว่า ‘ยายตัวเล็ก ยายจิ๋ว ยายเตี้ย ยายหน้ากลม’ กับอีกสารพัดชื่อที่จะเอามาล้อได้ กระนั้นก็ไม่มีอะไรรุนแรง เพราะคุณชายถือทิฐิว่าจะต้องเอาชนะพระจันทร์ให้ได้ด้วยการเรียนเท่านั้น

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่พระจันทร์ก็มีคราวเคราะห์กับเขาจนได้ เมื่อเรื่องเรียนเสริมรู้ไปถึงหูผู้ปกครองและกลายเป็นความเข้าใจว่า เด็กหัวทึบสอนไม่จำจะต้องถูกจับมานั่งเรียนต่อในตอนเย็น

ผู้ปกครองคนไหนลูกไม่ต้องเรียนเสริมก็ภูมิใจยืดอกได้ว่าบุตรหลานสมองดี ส่วนใครที่ลูกถูกกักตัวหลังเลิกเรียนบ่อยๆ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาด้วยความอับอาย พวกพ่อแม่ทั้งหลายไม่มีใครอยากขายหน้าเลยพากันกดดันลูกๆ ให้ตั้งใจเรียน โดยเฉพาะผู้ปกครองของเพิ่มศักดิ์ที่เป็นคนเจ้าระเบียบและรักเกียรติมาก หากวันไหนไปรับแล้วต้องรอ เด็กชายจะถูกตีทุกครั้ง

“ทำไมแกถึงได้โง่เง่านัก อ่านหนังสือเข้าไปสิ อ่านให้เยอะๆ จะได้ทันคนอื่นเขา” คนเป็นพ่อด่าไม่พอยังตบหัวลูกแรงๆ ด้วย

เด็กชายน้ำตาไหลพราก เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็สู้เพื่อนๆ ไม่ได้สักที

“ผมอ่านหนังสือทุกวันนะพ่อ การบ้านก็ทำส่งครบ” เพิ่มศักดิ์พยายามขอความเห็นใจ

ก่อนหน้าเขาไม่ตั้งใจเรียนก็จริง แต่พอมีกฎเรื่องการเรียนเสริมก็ขยันขึ้น จริงๆ แล้วตอนเย็นครูไม่ได้สอนอะไรเพิ่มหรอก แต่ให้ทำการบ้านของวันนั้นให้เสร็จ แล้วช่วยอธิบายในส่วนที่ไม่เข้าใจเท่านั้น ซึ่งบ่อยครั้งเพิ่มศักดิ์แทบจะไม่เข้าใจคำอธิบายของครูเลย แต่ต้องพยักหน้าทำเป็นรู้เรื่องเพราะคนสอนออกอาการหงุดหงิด

“ไม่ต้องมาเถียง ถ้าแกตั้งใจจริงผลไม่ออกมาเป็นอย่างนี้หรอก”

“ผม...ผมตั้งใจแล้วนะพ่อ” เด็กชายสะอื้น

“ฉันบอกว่าห้ามแกเถียงไง ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้”

เด็กชายมองผู้ให้กำเนิดอย่างตัดพ้อ แต่ไม่มีความเมตตาในสายตาของบิดาเลยแม้แต่น้อย

“...หรือจะให้ฉันตบ” นายวิกรมเงื้อมือขึ้นมาอย่างมีโทสะ

เพิ่มศักดิ์จึงต้องรีบตบปากตัวเองด้วยความหวาดกลัว

“เบาไป...แรงอีก” เสียงตวาดดังลั่น

เด็กชายเพิ่มแรงลงไปอีก ความเจ็บปวดที่ได้รับในขณะนี้ เทียบไม่ได้เลยกับความบอบช้ำในใจ เพิ่มศักดิ์เสียใจที่พ่อไม่เข้าใจ แต่ความที่เป็นเด็กและรักพ่อจึงไม่อาจจะโยนความผิดให้พ่อได้ ดังนั้นโทสะทั้งหมดจึงถูกเอามาลงที่พระจันทร์แต่เพียงผู้เดียว



บ่ายวันพฤหัสบดีเป็นช่วงเวลาที่เพิ่มศักดิ์เกลียดที่สุด เพราะมักจะมีการสอบวิชาเลขคณิตที่เขาไม่ถนัด ตอนนี้กติกาลดหย่อนลงมาแล้วว่าใครได้คะแนนน้อยกว่าคะแนนหกสิบเปอร์เซ็นต์ของพระจันทร์ คนคนนั้นต้องเรียนเสริม พระจันทร์ได้คะแนนเต็มทุกครั้ง ดังนั้นคะแนนที่เขาจะต้องทำได้คือหกเต็มสิบ ทว่าตั้งแต่ที่สอบมา ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ยังได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

พอคิดว่าเย็นนี้จะต้องถูกตีอีก เพิ่มศักดิ์ก็หวาดกลัวไปจนถึงขั้วหัวใจ สมองน้อยๆ ครุ่นคิดวิธีการเอาตัวรอด แล้วในที่สุดแผนการร้ายเท่าที่เด็กชายคนหนึ่งจะคิดออกก็เป็นรูปร่าง เพิ่มศักดิ์ตัดสินใจขู่กรรโชกพระจันทร์ให้ทำคะแนนสอบให้น้อยลง

ตารางเรียนของพระจันทร์ในวันนี้ตอนเช้าจะอยู่ที่ตึกเด็กประถม ตกเที่ยงก็จะวิ่งมารับปิ่นโตที่พี่เลี้ยงนำมาส่งไปให้คุณหญิงอังศุมาลี กินข้าวด้วยกันเรียบร้อยพระจันทร์ก็จะเก็บปิ่นโตมาล้าง ถ้าไม่ทันก็แค่เก็บวางไว้เฉยๆ แล้วรีบวิ่งมาเรียนที่ตึกมัธยม

กิจวัตรประจำวันที่อยู่ในสายตาเด็กห้องกอตลอด เพราะเคยพยายามโปรยของลงมาแกล้งพระจันทร์ เพิ่มศักดิ์จึงรีบกินข้าว แล้วไปดักรอพระจันทร์ที่ตึกเด็กประถม

“ครูใหญ่เรียกให้ไปหา” เด็กชายว่า

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาจารย์ใหญ่ใช้ให้นักเรียนมาตามเธอ พระจันทร์จึงไม่ได้เอะใจสงสัย เด็กสาวมารู้สึกว่ามันแปลกตอนเดินตามมาที่ด้านหลังตึกมัธยมซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเก็บอุปกรณ์งานช่าง

“ไม่เห็นมีใครเลย นายหลอกฉันใช่ไหม” พระจันทร์หันมาจ้องอย่างเอาเรื่อง

เพิ่มศักดิ์ไม่ปฏิเสธ แต่พูดเรื่องของตัวเองสวนออกไป

“เธอต้องสอบให้ได้คะแนนน้อยลง ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่”

“ไม่!”

เสียงเด็ดขาดของพระจันทร์ทำเอาคนตัวโตกว่าสะดุ้ง แววตาคมกล้าของคนตัวเล็กไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลยสักนิดเดียว เด็กชายจึงตัดสินใจเพิ่มระดับการคุกคาม

“อยากเจ็บตัวหรือไง” เพิ่มศักดิ์ไม่พูดเปล่าแต่ผลักไหล่ของพระจันทร์ด้วย ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามเซไปหลายก้าว

“ถึงเจ็บตัวก็ไม่มีทาง” พระจันทร์ตะโกนกลับ ผลคือโดนผลักจนกระเด็นล้มก้นจ้ำเบ้า

เธอเริ่มจะโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว การรับมือเด็กเกเรของพระจันทร์มีอยู่สองกลยุทธ์ หนึ่งใช้ขันติ สองตาต่อตาฟันต่อฟัน วิธีหลังพระจันทร์จะใช้กับพวกเด็กเกเรที่ชอบใช้กำลังโดยเฉพาะ ความสำเร็จของวิธีนี้ไม่ได้อยู่ที่แพ้ชนะ แต่อยู่ที่เราสู้จนสุดใจ ไม่ยอมแพ้ต่อความเจ็บความกลัวของตัวเอง

พระจันทร์ลุกขึ้นจากพื้น แล้วพุ่งเข้าชนเต็มแรง อีกฝ่ายตกใจที่เด็กหญิงฮึดสู้ก็เลยผลักตัวพระจันทร์ออก แต่เธอกลับยึดแขนเขาเอาไว้แล้วกัดเต็มแรง

“โอ๊ย!” เพิ่มศักดิ์ร้องลั่น

ความเจ็บผสานกับความโมโหทำให้เขาทุบและเตะพระจันทร์สุดแรง เด็กประถมหรือจะสู้เด็กมัธยมได้ ร่างเล็กๆ ล้มคว่ำไม่เป็นท่า แต่พระจันทร์ก็ไม่ยอมแพ้ เธอเงยขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าขณะนี้จะมีหยดเลือดสีสดไหลออกมาทางจมูก เด็กสาวคลานไปคว้าข้อเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วกระชากให้ล้มลง ก่อนจะกัดเข้าที่หน้าแข้งแรงๆ จนจมเขี้ยว

ทั้งคู่ซัดกันอุตลุด ศึกครั้งนี้พระจันทร์เสียเปรียบเห็นๆ แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามโดนเลือดกระเซ็นใส่ก็ออกอาการใจเสาะ วิ่งหนีไปด้วยความกลัว

เมื่อเพิ่มศักดิ์ไปแล้ว พระจันทร์ก็ลุกขึ้นมาจากพื้น หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเลือด แล้วเดินกะเผลกไปล้างหน้าล้างตา ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมาจากใบหน้ากลมเกลี้ยง มีเพียงรอยยิ้มแห่งความภูมิใจเท่านั้นที่ฉายแววออกมาให้เห็นเด่นชัด คนที่แอบมองมาได้ระยะใหญ่จึงทั้งอึ้งและทึ่งไปพร้อมๆ กัน

คุณชายอังศุธรสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมเพิ่มศักดิ์ไม่มากินข้าวด้วยกัน พอเห็นจากชั้นสองว่าเดินไปหลังอาคารเรียนพร้อมกับพระจันทร์จึงตามไป แล้วก็ได้เห็นความใจเด็ดของยายตัวเล็กเต็มสองตา

คุณชายเชื่อหมดใจเลยว่าเจ็บหนักอย่างนี้พระจันทร์ต้องเอาไปฟ้องครูแน่ แต่จนแล้วจนรอดเด็กหญิงก็ยังไม่ปริปากอะไรออกมา เธอบอกอาจารย์ใหญ่ง่ายๆ ว่าหกล้ม ทั้งยังกลับห้องเรียนมาทำแบบทดสอบจนได้คะแนนเต็มเหมือนเคย

นี่เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่คุณชายรู้สึกในด้านบวกกับพระจันทร์ แม้จะเกลียดและหมั่นไส้เธออยู่มาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าพระจันทร์เป็น ‘คู่แข่งที่คู่ควร’ ดังนั้นหลังจากกรณีของเพิ่มศักดิ์แล้วก็ไม่มีใครกล้าแกล้งพระจันทร์อีกเลย เพราะคุณชายประกาศกับทุกคนอย่างชัดเจนว่าจะจัดการกับยายตัวเล็กนี่ด้วยตัวเอง

‘ใครกล้าแตะเป็นอันได้เห็นดีกัน’



หลังจากมีเรื่องกัน เช้าวันถัดมาเพิ่มศักดิ์ก็มาโรงเรียนพร้อมรอยเฆี่ยนที่น่อง สาเหตุเพราะบิดาคิดว่าไปมีเรื่องมา เอาแต่เกกมะเหรกเกเรไม่ตั้งใจเรียน พวกเด็กผู้ชายห้องมัธยมสามกอต่างก็พิพากษ์วิจารณ์ถึงความน่ากลัวและความใจร้ายของพ่อเพิ่มศักดิ์เสียงดังขรม

“ไอ้เพิ่มมันโดนตีประจำเพราะต้องเรียนเสริม ความผิดใครก็ไม่รู้” สมนึกว่า

แล้วสายตาทุกคู่ก็จ้องมองมาทางพระจันทร์เป็นตาเดียว พระจันทร์บ่นอุบอิบเมื่อถูกโบ้ยความผิดให้ ถ้าจะโทษต้องโทษตัวเองกับพ่อถึงจะถูก เธอเกี่ยวอะไรด้วยเล่า

ใจหนึ่งพระจันทร์ก็โกรธ ส่วนอีกใจก็สงสารเพิ่มศักดิ์ เธอเกือบจะใจอ่อนยอมแกล้งทำข้อสอบผิดแล้ว แต่เมื่อมาตรองดูก็ต้องเปลี่ยนใจวิธีนี้ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เลยตัดสินใจช่วยด้วยวิธีที่ต้องลงแรงแทน คณิตศาสตร์ไม่ใช่วิชาที่ยากอะไรเลย แต่ต้องอาศัยความเข้าใจมาช่วย คนที่เรียนไม่ได้คือคนที่ไม่เข้าใจพื้นฐาน ดังนั้นพระจันทร์จึงจะสอนบทเรียนให้

เธอคิดว่าเพิ่มศักดิ์คงไม่ยอมให้สอนโดยง่าย จึงสรุปบทเรียนกับเก็งข้อสอบเอาไว้ แล้วรอให้ถึงวันจันทร์ จากนั้นก็มาดักพบที่หน้าโรงเรียน พอเด็กชายลงมาจากรถพระจันทร์ก็ไปยืนประจันหน้าทันที

“เที่ยงนี้ไม่ต้องกินข้าว ไปเจอกันหลังตึกที่เดิม ไม่อย่างนั้นจะฟ้องครูใหญ่กับพ่อนาย” พูดเสร็จก็วิ่งหนีไปเลย

เพิ่มศักดิ์กลัวครูอยู่แล้วแต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือบิดา ถ้าพ่อรู้ว่าเขารังแกเด็กผู้หญิงตัวเท่านี้จะต้องโกรธมาก พ่อของเพิ่มศักดิ์เป็นตำรวจ ย่อมรับไม่ได้ที่ลูกชายส่อแววทำตัวเป็นอันธพาล

เด็กชายมาตามนัดหมายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยคิดว่าพระจันทร์กำลังวางแผนเอาคืน กระนั้นก็ต้องยอมเดินเข้ามาติดกับเพราะเทียบกันแล้วบิดาน่ากลัวกว่าหลายเท่าตัว

พระจันทร์ยืนรออยู่แล้วตอนเพิ่มศักดิ์มาถึง เธอถือปิ่นโตเถาเล็กด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายมีสมุดกับหนังสือเรียนอยู่

“นั่งลง” พระจันทร์ออกคำสั่ง

“ทำไม”

“นั่งลงเดี๋ยวนี้!” คนตัวเล็กกว่าสั่งเสียงเฉียบ

เพิ่มศักดิ์ซึ่งถูกกุมความลับเอาไว้จึงต้องทำตามแต่โดยดี พอเขานั่งอีกฝ่ายก็เปิดสมุดในทันที

“ฉันจะสอนหนังสือให้” พระจันทร์ชี้นิ้วไปบนหน้ากระดาษ “นี่เป็นเก็งข้อสอบของอาทิตย์นี้ เอาไปอ่านซะ เฉลยกับวิธีทำอยู่ด้านหลัง เก็บเอาไว้ทำที่บ้านล่ะ ตอนนี้จะสอนพื้นฐานก่อน”

เด็กชายทำหน้างงแล้วประท้วงว่าจะมาเรียนอะไรกันตรงนี้ แต่พระจันทร์ก็ไม่สนใจฟัง

“เงียบไปเลย แล้วฟังให้ดี ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อนาย”

ชื่อนี้ได้ผลเสมอ เพิ่มศักดิ์เลยต้องนั่งหงอยอมลงให้เด็กอายุน้อยกว่า พระจันทร์สอนอยู่พักหนึ่งก็เข้าใจแจ่มชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โง่ แต่แทบไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ถ้าให้กลับไปทำโจทย์เองเห็นทีจะไม่ไหว คงต้องใช้เวลาพักเที่ยงมาสอนอีกสักครั้งสองครั้ง

“พรุ่งนี้มาอีกเข้าใจไหม เอาข้าวมากินด้วย” พระจันทร์ว่าเมื่อเห็นว่าใกล้หมดเวลาพัก

เธอแบ่งข้าวคลุกไข่ต้มกับน้ำปลาและผัดผักของตัวเองให้อีกฝ่ายครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้รีบยัดเข้าปาก

เพิ่มศักดิ์ไม่เข้าใจการกระทำของพระจันทร์เลยสักนิดเดียว แต่ก็ทำตามอย่างขัดเสียไม่ได้ ไม่ใช่แค่เพิ่มศักดิ์หรอกที่งง คนแอบมองอย่างคุณชายเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่สามวันจนกระทั่งถึงเวลาสอบ เด็กชายทั้งสองจึงได้เข้าใจถึงเจตนาของพระจันทร์ ผลสอบออกมาว่าเพิ่มศักดิ์ได้คะแนนเก้าเต็มสิบครั้งแรกในชีวิต และนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เขาไม่ต้องสอบซ่อม


++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีตอนดึกค่า อ่านบทนี้จบแล้วขอออกตัวก่อนนะคะว่าเค้าไม่ได้รังแกพระจันทร์เลยน้า เค้าแค่ให้นางโชว์ความถึกด้วยความร้ากกกกกเท่านั้นเอง ยังคงคอนเฟิร์มว่านางเอกเรื่องนี้อจะต้องถึกทนประหนึ่งคูโบต้า แบ๊วไปแบ๊วมาอย่างเดียวคงไม่รอดหรอกจ้ะ ยังต้องเจออีกเยอะ แต่ก็จะพยายามลดความดราม่านะคะ เพื่อสุขภาพหัวใจของนักอ่าน แล้วพบกันตอนหน้าค่า ^O^

เกร็ดความรู้ประจำตอน
ว่าด้วยเรื่องของปลาไหล ตอนที่เขียนโน้มแอบหาข้อมูลสารพัดเมนูเกี่ยวกับปลาไหลมาคะ คืออยากรู้ว่านอกจากเอาไปแกงแล้วก็ทำเป็นข้าวหน้าปลาไหลแบบญี่ปุ่นแล้ว เราสามารถเอาไปทำอะไรได้อีกบ้าง เลยค้นพบเมนูน่าสนใจดังนี้
- ปลาไหลทอดกระเทียม มีคนแนะนำว่าทอดทั้งตัวเลยไม่ต้องหั่นจะได้อารมณ์สะใจเวลากิน
- ปลาไหลลวกจิ้ม อันนี้ลวกกันสดๆ เลย น้องปลาไหลที่น่าสงสารดิ้นพรวดๆ กินกับน้ำจิ้มแซ่บๆ เขาว่าเลิศมาก
- ผัดเผ็ดปลาไหล อันนี้ต้องหั่นแบบพอดีคำค่ะ แต่ว่าต้องใช้ทำให้ถูกวิธีนะคะไม่อย่างนั้นจะคาวมาก
- ปลาไหลแกงอ่อม สูตรนี้เหมือนกับแกงอ่อมทุกประการค่ะ ใช้ได้ทั้งสูตแกงอ่อมเหนือและแกงอ่อมอีสานเลยทีเดียว
- ปลาไหลต้มเปรต สูตรนี้คือสูตต้มยำดีๆ นี่เองค่ะ แต่ใส่ปลาไหลแทนเนื้อปลาปกติ

ใครอ่านแล้วน้ำลายไหลหิวกลางดึกก็เชิญหารับประทานได้ตามสบายนะคะ แต่โน้มขอผ่าน ขอกินหมูกินปลาธรรมดาดีกว่าจ้า




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2556, 00:20:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2556, 00:20:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 2021





<< บทที่ 9 นักเรียนพิเศษ   บทที่ 11 ชิ้น? >>
คิมหันตุ์ 5 มิ.ย. 2556, 00:59:11 น.
สุดยอดนางเอกถึกค่ะ.....มีเรื่องกับเด็กผู้ชาย ป.สามกับ ม.สาม แม่เจ้า...

เอาใจช่วยจ่ะ


l3al3yWhatUp 5 มิ.ย. 2556, 01:47:22 น.
นางเอกเมพจุงเบย


wane 5 มิ.ย. 2556, 02:09:17 น.
พระจันทร์สุดยอดความถึกจริงๆ ค๊าา


wii 5 มิ.ย. 2556, 06:25:41 น.
555...หนูจันทร์ถึกมากกกก เเหมนึกถึงตอนเด็กๆเลย โดนล้อโดนเเกล้งเเบบนี้เเหละ เพราะเรียนดีกว่าเพื่อนเเต่ไม่ถึงเลือดตกยางออกเหมืนอหนูจันทร์ เเค่โดนผลักตกสระที่มีเเต่โคลนเท่านั้นเอง ตัวเลยเหลืองเหมือนดินที่ผสมอยู่ในนํ้า นึกถึงดินพอกหางหมูก็เเล้วกันเป็นเเบบนั้นเเหละ


mhengjhy 5 มิ.ย. 2556, 09:50:32 น.
พระจันทร์เก๋มากจริงๆ เอาใจคุณชายไปเลย (แม้จะยังไม่รู้ว่าใครเป็นพระเอก)


jitsupa 5 มิ.ย. 2556, 11:11:11 น.
สนุกมากค่ะ นางเอกทนถึกจริงๆ ยังกะ F4 ภาคภาษาไทย
หวังว่าคุณชายจะเป็นพระเอกนะคะ


goldensun 5 มิ.ย. 2556, 11:22:11 น.
ใจสู้จริงๆ พระจันทร์ ได้ใจไปเลย ใจเย็น ไตร่ตรองแก้ปัญหาได้เก่ง ถึงจะอายุจริงอยู่วัยรุ่น โตกว่าเด็กประถมปลาย (ซึ่งยุคนั้นกลายเป็นมัธยมต้น)ก็เถอะ แต่การแก้ปัญหาแบบนี้ เป็นการชนะใจชั้นยอด ขนาดที่คุณชายอังศุธรยังคิดไม่ถึงทั้งที่เป็นหัวโจกแท้ๆ


Zephyr 5 มิ.ย. 2556, 18:24:32 น.
เหยยยยยย โน้มจัง กะลังอินนนนน
มาเจอเมนูปลาไหล เลิกกกสนใจกันเลยทีเดียว
เค้าลืมเลยจะเมนต์อะไรๆๆๆๆๆ มาทำให้อยากอ่า
ว่าแล้วเค้าไปหามากินมั่งดีกว่า แพงก็แพง แต่อยากอ่า
ปล.รู้แต่พระจันทร์น่ารัก คุณชายน่าหยิกมั่กๆๆๆๆ


windy2000 4 ส.ค. 2556, 08:34:14 น.
เจ๋งจริง น้องหนู


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account