ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 13 เพื่อนรัก

บทที่ 13 เพื่อนรัก

ตลอดช่วงปิดภาคเรียนวายุตาให้คนรถขับรถพาไปที่วังชื่นชีวีทุกวัน วันไหนรถไม่ว่างเพราะพวกพี่ๆ หรือคุณแม่ใช้ เธอก็จะเดินไปเอง ระยะทางระหว่างบ้านของเด็กหญิงกับวังชื่นชีวีอยู่ห่างกันประมาณห้าร้อยเมตร ซึ่งก็ไม่ไกลเกินว่าจะเดินเท้าถึง เพียงแต่เวลาไปเองจะต้องแอบไปแล้วสั่งห้ามพี่เลี้ยงไม่ให้ปากโป้ง เพราะบิดามารดาคิดว่าเธอยังเด็กเกินกว่าจะไปไหนมาไหนตามลำพัง

เนื่องจากคุณหญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเล่นข้างนอก และพระจันทร์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาเล่นบนตึก วายุตาก็เลยมาหาคุณหญิงในตอนเช้า รับประทานอาหารเสร็จแล้วค่อยไปหาพระจันทร์

แรกๆ เธอทนเล่นพวกตุ๊กตากับกับคุณหญิงได้อยู่ แต่นานเข้าก็เบื่อเพราะการละเล่นที่นี่จำกัดไปเสียหมด วิ่งไม่ได้ ส่งเสียงดังไม่ได้ แม้แต่จะเล่นขายของยังออกไปเก็บอะไรต่อมิอะไรมาเล่นเองไม่ได้เลย ต้องให้บ่าวจัดเตรียมมา

“เราเบื่อจะเล่นแต่ตุ๊กตาแล้วนะหญิงอัง” วายุตาพูดตรงๆ

“ถ้าอย่างนั้นเล่นขายของไหม” คุณหญิงเอ่ยอย่างเอาใจ

เธอรีบกุลีกุจอเปิดหีบไปยกชุดหม้อข้าวหม้อแกงเล็กๆ ที่หม่อมแม่สั่งทำมาให้เป็นพิเศษออกมา

“นั่นก็เบื่อแล้ว ไม่เห็นสนุกเลย คนซื้อก็มีแค่กุ้งนางคนเดียว”

“เล่นเปียโนไหม” คุณหญิงเสนออีกครั้ง

“อย่าเลย ถ้าหม่อมแม่คุณหญิงรู้จะถูกดุอีก”

ช่วงนี้คุณหญิงกำลังเริ่มเรียนดนตรี พอจะดีดเพลงง่ายๆ ได้ เลยสอนวายุตาให้เล่นบ้าง แต่ความที่ยังเด็ก สอนใครยังไม่เก่ง แล้ววายุตาก็ซนเหลือเกิน จึงกดแป้นมั่วๆ ทำเสียงดังรบกวนหม่อมเนียรจนถูกเอ็ด

“ถ้าอย่างนั้น นุ้ยลองเสนอมาสิ ว่าอยากเล่นอะไร”

ประโยคนี้วายุตารอมานานแล้ว พอคุณหญิงพูดขึ้นมาเลยได้ทีเสนอ

“เล่นทำขนมครกกัน ขนมครกจริงๆ นะ กินได้ด้วย”

“ไม่ได้” คุณหญิงส่ายหน้าดิก “คุณแม่ไม่ให้เล่นไฟ”

เวลาอยู่กับอื่นคุณหญิงจะแทนตัวหม่อมเนียรว่า ‘หม่อมแม่’ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันกับคนในครอบครัวหรือกับเพื่อนสนิท เธอจะเรียกว่า ‘คุณแม่’ แบบเดียวกับที่พวกพี่ๆ ของเธอเรียก

“ไม่ต้องห่วงหรอก ไปเล่นที่เรือนพระจันทร์ แอบไปกันตอนบ่ายๆ ก็ได้ ช่วงที่หม่อมแม่หญิงอังหลับ แล้วค่อยแอบกลับมา ใครจะรู้กับเราล่ะจริงไหม”

วายุตาสังเกตจนรู้ว่าหม่อมเนียรมักจะนอนกลางวันหลังอาหารในช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสองเสมอ เลยกะจะพาคุณหญิงไปซนเต็มที่

“ไม่ได้หรอกไม่ได้” คุณหญิงยังคงปฏิเสธ

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า อย่างมากแค่โดนดุนิดหน่อยหรือไม่ก็โดนตีทีสองที รับรองว่าเจ็บจิ๊ดเดียว”

เด็กซนอย่างวายุตาโดนดุโดนตีมาเยอะ แต่ก็ไม่เคยเข็ดหลาบ กลับกลายเป็นเรื่องชินชาเสียอีก ผิดกับเด็กเรียบร้อยอย่างคุณหญิง แค่ขู่ว่าจะดุยังกลัวลนลาน นับประสาอะไรกับถูกตี

“หญิงกลัว อย่าเล่นอะไรแผลงๆ เลยนะ” คุณหญิงอ้อนวอน

“ไม่รู้ล่ะ หญิงอังต้องแอบออกไป ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มาเล่นด้วยอีกแล้ว”

ไม้ตายของวายุตาทำให้คุณหญิงอังศุมาลีหน้าซีด เธอมีเพื่อนอยู่คนเดียวเท่านั้นคือวายุตา ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วยเด็กน้อยก็ไม่เหลือใคร แต่เธอก็กริ่งเกรงหม่อมแม่เกินกว่าจะตามใจเพื่อน เลยเฝ้าอ้อนวอนให้วายุตาเปลี่ยนความคิด กระนั้นเพื่อนรักก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้

วายุตาไม่มีความคิดที่จะเลิกเล่นกับคุณหญิงเลยสักนิด เธอแค่ขู่เพราะอยากกระตุ้นให้คุณหญิงมีความกล้าเท่านั้น เธอไม่ได้มีเจตนาจะทอดทิ้งเพื่อนเลย น่าเศร้าที่ในมุมมองของเด็กโดดเดี่ยวเช่นคุณหญิงกลับมองเป็นอย่างอื่น เด็กน้อยคิดว่าวายุตาจะไม่มาที่นี่อีกแล้วจริงๆ เลยร้องไห้ออกมา

เสียงร้องไห้ทำให้พี่เลี้ยงที่เฝ้าอยู่ห่างๆ รีบมาดู กุ้งนางตำหนิวายุตาในทันทีว่าแกล้งคุณหญิงของเธอทำไม

“เปล่านะ ไม่ได้แกล้งสักหน่อย” วายุตาลนลานพูด เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าเพื่อนร้องไห้

“ไม่ได้แกล้งแล้วทำไมคุณหญิงร้องไห้ละคะ” กุ้งนางเอ็ด

หญิงสาวไม่ค่อยชอบวายุตานัก เพราะเด็กหญิงมักจะซนเล่นเลอะเทอะ ไม่ก็ทำเสียงดัง นอกจากจะเป็นภาระให้เก็บกวาดแล้ว ยังทำให้หม่อมเนียรตำหนิเธอด้วย

“อยู่ๆ หญิงอังก็ร้องเอง ไม่เชื่อลองถามดูสิ”

ถ้าคุณหญิงหยุดร้องไห้แล้วอธิบายว่าไม่มีอะไร วายุตาคงเปลี่ยนใจเรื่องแอบไปเล่นบ่ายนี้ แต่คุณหญิงกลับไม่หยุดร้อง เธอยังคงสะอึกสะอื้นจนหน้าแดงก่ำ

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะคุณหญิง โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ เดี๋ยวกุ้งนางจะตีเด็กเกเรคืนให้” กุ้งนางหันมาทางวายุตาอย่างเอาเรื่อง “รีบมาขอโทษคุณหญิงเดี๋ยวนี้เลยนะ”

หญิงสาวเงื้อมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าถ้าไม่ทำตามจะลงโทษจริงๆ วายุตาเห็นท่าว่าไม่ดีก็เลยถดตัวถอยออกมาให้เกินช่วงเอื้อม

“เราไม่ได้ทำผิดสักหน่อย ทำไมต้องขอโทษ”

“ไม่ต้องมาเถียงเลย ที่บ้านไม่ได้อบรมมาหรือไงคะว่าห้ามเถียงผู้ใหญ่”

ถูกต่อว่าอย่างนี้มีหรือวายุตาจะไม่ฉุนโกรธ

“เป็นแค่ขี้ข้ากล้าว่านายได้ยังไง” เด็กสาวตอบโต้กลับไปอย่างไม่กลัว แถมท้ายด้วยคำด่าเผ็ดร้อนที่ทำให้ต้องสะดุ้ง

เรื่องนิสัยปากไวนี้เด็กสาวรับเอามาจากมารดาหลายส่วน พวกคำด่าร้ายๆ ถึงจะไม่รู้ความหมายแต่ก็ใช้คล่องก็แล้วกัน

“อี...อีเด็กปากกล้านี่ มานี่เลยนะ มาให้สั่งสอน” กุ้งนางกระโจนเข้าใส่

วายุตาเตรียมระวังตัวอยู่แล้วเลยวิ่งหนีได้ทัน พริบตาเดียวก็หายไปเสียแล้ว ทิ้งให้กุ้งนางกระทืบเท้าทำกระฟัดกระเฟียดด้วยความเจ็บใจ เมื่อจัดการตัวการไม่ได้เธอก็เอาโทสะมาระบายกับคุณหญิงที่ยังคงร้องไห้ได้อย่างน่ารำคาญ

“หยุดร้องได้แล้วค่ะ ถ้าหม่อมแม่รู้กุ้งนางจะถูกว่านะคะ”

“ฮื่อ...ก็....นุ้ย...” เด็กน้อยพยายามพูดแต่ไม่เป็นภาษาเพราะอาการสะอื้น

“ก็อะไรคะ พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย”

น้ำเสียงหงุดหงิดของพี่เลี้ยงทำให้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำผิดมากขึ้น ในอกน้อยๆ อัดแน่นความคับข้องใจจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร เด็กหญิงพยายามอธิบายแล้วว่าวายุตาไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่กุ้งนางก็ไม่ยอมรับฟัง นอกจากจะดุว่าพูดอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว หญิงสาวยังสั่งกึ่งบังคับว่า

“ต่อไปนี้ไปนี้คุณหญิงไม่ต้องไปเล่นกับมันแล้วนะคะ”

แน่นอนว่าคุณหญิงย่อมไม่ยอมรับปาก เด็กหญิงร้องไห้ประท้วงอีกครั้ง กุ้งนางทั้งโมโหทั้งอ่อนใจ เมื่อสุดจะทนจึงไปตามหม่อมเนียร แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้กับวายุตา เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ



เมื่อพี่เลี้ยงนำเรื่องมาฟ้องว่าลูกถูกรังแก หม่อมเนียรที่เป็นผู้ปกครองมีหรือจะปล่อยให้เรื่องจบลงโดยง่าย เธอโทรศัพท์ไปตำหนิคุณนายกิมสั่ว มารดาของวายุตาถึงบ้าน นางกิมสั่วซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ขอโทษเอาไว้ก่อนเพราะเกรงว่าหม่อมเนียรจะเอาเรื่อง

พอหม่อมอารมณ์เย็นลงแล้ว จึงค่อยซักว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ได้ทราบมาคือวายุตาทำคุณหญิงอังศุมาลีร้องไห้ ซักต่อก็ได้แต่คำตอบมาว่าวายุตาไปรังแกคุณหญิงเธอ แต่รังแกแบบไหน พูดจาว่าร้ายหรือทำร้ายร่างกายอย่างไรหม่อมเนียรไม่สามารถอธิบายได้

ฟังเท่านี้นางกิมสั่วก็รู้แล้วว่าเป็นแค่เรื่องทะเลาะกันธรรมดาของเด็กๆ วายุตาอาจจะแก่นซนคล้ายเด็กผู้ชาย แต่ไม่มีทางทำร้ายใครอย่างไร้เหตุผล ความที่รู้ว่าลูกของตนเป็นอย่างไร จึงอดพูดไม่ได้ว่า

“ดิฉันว่าพวกผู้ใหญ่อย่างเราอย่าไปยุ่งเรื่องของเด็กดีกว่านะคะ พรุ่งนี้เจอหน้ากันก็ลืมเรื่องทะเลาะแล้ว”

ทว่าหม่อมเนียรกลับไม่เข้าใจ เธอว่ากิมสั่วให้ท้ายลูกจนเสียเด็ก

“หญิงอังร้องไห้เป็นชั่วโมงเลยนะคุณกิมสั่ว ไม่รู้ล่ะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่พามาขอโทษ ก็ไม่ต้องให้แม่นุ้ยมาเล่นกับหญิงอังอีก เพราะวังนี้ไม่ต้อนรับอันธพาล

คุณนายกิมสั่วไม่ชอบที่หม่อมเนียรเป็นพวกเจ้ายศเจ้าอย่าง วางอำนาจเกินควรมานานแล้ว พอมาเจอคำพูดแรงๆ เข้าไป เธอเลยหมดความอดทนที่จะรักษามารยาท

“ถ้าแม่นุ้ยเป็นอันธพาล เห็นทีหญิงอังของหม่อมคงจะต้องไปคบกับเทวดานางฟ้าเป็นเพื่อนแล้วล่ะค่ะ มนุษย์ปกติทั่วไปเห็นทีจะไม่คู่ควร” พูดจบก็วางโทรศัพท์ทันที

เย็นวันนั้นวายุตาถูกมารดาอบรมเสียยืดยาวแต่ก็ไม่ได้ถูกทำโทษ เพียงแต่สั่งห้ามว่าไม่ให้ไปเล่นกับคุณหญิงอังศุมาลีอีก

วายุตาเป็นเด็กแต่ก็เดาได้ว่าหม่อมเนียรคงโกรธที่เธอทำคุณหญิงร้องไห้ กระนั้นก็ยังคิดในแง่ดีว่าอีกสามสี่วันหม่อมคงยกโทษให้ ไม่นานเด็กหญิงก็ลืมเรื่องนี้ไป ผิดกับผู้ใหญ่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างหม่อมเนียร เธอโกรธวายุตาและคุณนายกิมสั่วเป็นจริงเป็นจัง ถึงขนาดหมายหัวเอาไว้ว่าจะไม่มีทางข้องเกี่ยวกับสองแม่ลูกอีก



ทางด้านเด็กน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างคุณหญิงอังศุมาลีก็เฝ้าคอยเพื่อนรักทุกวัน เธอตื่นแต่เช้าตรู่ออกมายืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสองเพื่อรอให้รถของวายุตาแล่นเข้ามาในบ้าน

หนึ่งวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว จนเข้าวันที่ห้าเด็กหญิงก็ยังไม่เห็นแม้เงาของเพื่อน คุณหญิงแทบจะร้องไห้เมื่อนึกไปว่าวายุตาคงเกลียดเธอจริงๆ และคงจะไม่เล่นด้วยกันอีกแล้ว เธอสะดุ้งตื่นในสภาพน้ำตาเปียกหมอนทุกคืนเพราะฝันร้ายว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว

ในฝันคุณหญิงต้องนั่งกินข้าวตามลำพัง เวลาครูให้จับคู่หรือจับกลุ่มก็ไม่มีเพื่อนยอมมาอยู่ด้วย ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยเธอ ไม่ก็กลั่นแกล้ง คุณหญิงเรียกหาวายุตาขอให้ช่วยเหลือ แต่วายุตากลับเมินหน้าหนี แล้วจับมือพระจันทร์ไปวิ่งเล่นด้วยกันสองคน

เด็กน้อยฝันเรื่องในทำนองนี้ซ้ำซากเพราะจิตใต้สำนึกหวาดระแวงพระจันทร์มาโดยตลอดว่าจะแย่งเพื่อนรักของเธอไป ที่โรงเรียนวายุตาแสดงออกชัดว่าชอบพระจันทร์มาก ทั้งสองคุยกันถูกคอ แต่เพราะพระจันทร์ต้องไปเรียนกับชั้นอื่น ทำให้ไม่มีเวลาเล่นด้วย คุณหญิงจึงยังเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของวายุตาอยู่ ทำให้พอทำใจให้สงบลงได้ ทว่าพอปิดภาคเรียนวายุตากลับเอาแต่พูดถึงพระจันทร์ แล้วทำท่าว่าอยากเล่นกับเด็กคนนั้นมากกว่าเธอ คุณหญิงเลยกลัวจับจิตจับใจว่าจะถูกแย่งเพื่อนไปจริงๆ

สำหรับคุณหญิงอังศุมาลีแล้ว วายุตาไม่ใช่แค่เพื่อนคนแรกและคนเดียวของเธอ แต่ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและที่พึ่งในยามมีปัญหาด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตคุณหญิงไม่สามารถพูดหรือระบายความรู้สึกกับใครได้เลย หม่อมแม่ก็เคร่งครัดอย่างที่เห็น พี่เลี้ยงก็เจ้าอารมณ์ พี่ชายคนเดียวก็ไม่เหลียวแล เธอทำได้อย่างมากก็แค่คุยกับตุ๊กตาเท่านั้น

“หญิงไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียวอีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว” เด็กหญิงคร่ำครวญทั้งน้ำตา



หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป การรอคอยของคุณหญิงก็สัมฤทธิ์ผล รถยนต์สีดำของวายุตาแล่นเข้ามายังทางเข้าวังชื่นชีวี คุณหญิงยิ้มอย่างยินดีแล้วรีบลงไปรับที่ด้านล่าง ทว่ารถยนต์คันนั้นกลับไม่ยอมจอดที่หน้าตำหนักของเธอ กลับแล่นเลยด้านในไปทางตำหนักของท่านป้า

คุณหญิงได้แต่มองอย่างสงสัยเหตุใดรถจึงแล่นเลยไป รออยู่อึดใจรถคันเดิมก็ขับกลับออกมา เห็นอยู่ลิบๆ ว่าภายในไม่มีผู้โดยสาร เธอเลยคิดไปตามประสาว่าคนที่มาคงเป็นมารดาของวายุตา

เด็กน้อยถอนใจออกมาเมื่อต้องพบกับความผิดหวัง กระนั้นก็ยังไม่เลิกรอ ตกเย็นรถคันเดิมก็แล่นเข้ามาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าอาจจะมารับคุณนายกิมสั่วแต่คุณหญิงก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ว่าในรถอาจจะมีวายุตาอยู่

คุณหญิงน้อยต้องผิดหวังซ้ำสองเมื่อในรถว่างเปล่า เธอทรุดลงนั่งกับพื้น พิงเสาเย็นเฉียบด้วยความเศร้า เด็กหญิงนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพี่เลี้ยงตามมาพบแล้วเอ็ดว่า

“มานั่งตรงนี้ได้ยังไงคะ ชุดกระโปรงสกปรกหมดพอดี”

ไม่ว่าจะได้ออกไปข้างนอกหรือไม่ คุณหญิงอังศุมาลีก็จะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย อยู่ในชุดกระโปรงสวยๆ เสมอ

คุณหญิงไม่ยอมลุกขึ้น กุ้งนางจึงต้องมาดึงตัวขึ้น ตอนนั้นเองที่รถคันสีดำแล่นผ่านมา แม้จะมองเห็นได้จากระยะไกลแต่เธอก็เห็นชัดว่าในรถมีวายุตานั่งอยู่ วายุตามาที่นี่จริงๆ แต่ไม่ยอมมาหา ไม่ยอมมาเล่นกับเธอ

‘ฝันร้ายกลายเป็นจริงแล้ว ในที่สุดวายุตาก็ถูกแย่งไป’



หลังจากวันนั้นวายุตาก็มาที่วังชื่นชีวีทุกวัน แต่ก็ไม่ได้แวะมาหาคุณหญิงอังศุมาลีเลย เด็กหญิงทั้งโกรธทั้งเสียใจ โดยหารู้ไม่ว่าวายุตาได้พยายามมาหาตัวเองตั้งแต่สองวันแรกที่ทะเลาะกันแล้ว ความที่มารดาลงโทษว่าห้ามไปไหนสักระยะก็เลยไม่ได้ใช้รถ ต้องแอบออกจากบ้านแล้วเดินมาเอง พอมาถึงกุ้งนางก็ขัดขวางไม่ยอมให้ขึ้นตำหนัก ทั้งยังขู่จะฟ้องหม่อมเนียรอีก

วายุตาแอบหนีมา ดังนั้นถ้าเรื่องรู้ถึงผู้ใหญ่จะต้องมีปัญหาแน่ เด็กหญิงเลยต้องล่าถอย แต่ก็แอบออกมาดักรอคุณหญิงอยู่แถวตำหนักหลายวันอยู่เหมือนกัน ทว่าคุณหญิงก็ไม่เคยออกมานอกตำหนักเลย

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป มารดาก็อนุญาตให้ออกไปข้างนอกได้ แต่ก็ยังห้ามไม่ให้เล่นกับคุณหญิง เธอเลยอ้างว่าจะไปเล่นกับพระจันทร์แทน คุณนายกิมสั่วได้ยินเรื่องราวของพระจันทร์มามาก ถึงจะเป็นลูกคนรับใช้ในวังแต่ก็เป็นเด็กดี เธอจึงอนุญาตให้ออกไปเล่นได้

วายุตาคิดหาทางไปเจอคุณหญิงทุกวัน แต่ก็นึกไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรเพราะทั้งเธอและพระจันทร์ต่างก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้บริเวณตำหนักของท่านชายทินกร

“ถ้าคุณชายอังศุธรอยู่ก็ดีหรอก จะได้ขอร้องให้ช่วย” วายุตาว่า

“ใกล้เปิดเรียนแล้วอีกเดี๋ยวก็คงจะกลับค่ะ แต่ถึงคุณชายไม่ยอมช่วย ก็ได้เจอกันตอนเปิดเรียนอยู่ดี ถึงตอนนั้นคุณนุ้ยต้องง้อคุณหญิงดีๆ นะคะ” พระจันทร์เตือน

“รู้แล้ว ก็ทำของง้ออยู่นี่ไง”

ตอนแรกวายุตายืนกรานหนักแน่นว่าตัวเองไม่ผิด แต่เมื่อมีเวลาคิดก็ได้สำนึกว่าตัวเองผิดที่ไปชวนคนอื่นซุกซน ก็เลยมาปรึกษากับพระจันทร์ แล้วช่วยกันทำของขวัญให้คุณหญิงอย่างที่เห็น

ของขวัญที่ว่าคือชุดตุ๊กตาที่ตัดเย็บเอง กะขนาดเอาจากตุ๊กตาของวายุตาที่เป็นแบบเดียวกันกับของที่คุณหญิงมี

วายุตาไม่เก่งงานฝีมือและเด็กเกินว่าจะทำของประณีตอย่างนี้ได้ แต่พระจันทร์นั้นทำได้คล่องเพราะช่วยทำงานประดิษฐ์สำหรับวางขายเพื่อหาเงินเข้ามูลนิธิมานักต่อนัก เธอเลยสอนให้วายุตาหัดทำและช่วยเย็บในส่วนที่ยากๆ ให้

“โอ๊ย! เข็มแทงอีกแล้ว ปวดนิ้วไปหมดเลย

เด็กหญิงถอนใจนั่งไหล่ห่อ ทำเหมือนเหนื่อยหนักหนาทั้งที่เพิ่งจะเย็บผ้าได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“วันนี้พักก่อนได้ไหม”

“ก็ได้ค่ะ แต่ต้องกลับมาทำต่อนะคะ จะได้ให้คุณหญิงเร็วๆ”

พอวายุตารับปากพระจันทร์จึงยอมออกไปเล่นด้วย เธอวางตัวกับเพื่อนคนนี้อย่างพี่สาวเพราะรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายอย่างน้อง บางครั้งก็ลืมตัวเข้มงวดด้วยแต่เด็กหญิงก็ไม่ถือสา เนื่องจากพระจันทร์มีวิธีพูดวิธีปรามที่ทำให้คนอย่างเธอยอมรับ

“เล่นหมาไล่ห่านกันนะ ชวนปิงกับคนอื่นๆ ด้วย”

ตั้งแต่วายุตามาขลุกอยู่กับพระจันทร์ เด็กอื่นๆ ก็ยอมมาเล่นด้วย เหตุเพราะทั้งปิงและวายุตาต่างก็ช่วยกันยืนยันว่าพระจันทร์ไม่ใช่ผีและวายุตาก็มักจะมีขนมติดไม้ติดมือมาแบ่งปันเด็กอื่นเสมอ แม้แต่เปรี้ยวเองก็ยอมอ่อนข้อให้เมื่อได้รับผลประโยชน์

เมื่อรวมพลได้มาจำนวนหนึ่งแล้ว เด็กๆ ก็ทำการโอน้อยออกหาคนเล่นเป็นหมากับห่าน โดยหมาจะทำหน้าที่ไล่จับห่าน ส่วนผู้เล่นที่เหลือก็จะล้อมวงจับมือกันเป็นรั้ว พอจวนตัวห่านจะหนีเข้ามาในรั้ว คนเป็นรั้วจะต้องพยายามกันไม่ให้หมาเข้ามาในวง

เด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนต่างก็มัวจดจ่ออยู่กับการละเล่น จึงไม่มีใครสังเกตเห็นการมาของคุณหญิงอังศุมาลี

ช่างประจวบเหมาะเหลือเกินที่คุณหญิงรู้สึกอยากจะง้อเพื่อนเช่นเดียวกับวายุตา เธอไม่อยากปล่อยให้เพื่อนรักถูกพระจันทร์แย่งชิงไป จึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าอย่างที่สุดในชีวิตหนีหม่อมแม่กับพี่เลี้ยงออกมาหา

เธอคิดว่าวายุตาเองก็คงกำลังเศร้าและคิดถึงเธออยู่เหมือนกัน ทว่าภาพที่ปรากฏแก่สายตากลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม วายุตาจับมือกับคนอื่นและกำลังหัวเราะสุดเสียง เวลาอยู่ด้วยกันวายุตาไม่เคยดูมีความสุขเท่านี้มาก่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนรักของเธอถูกแย่งชิงไปโดยสมบูรณ์แล้ว

คุณหญิงอังศุมาลีทั้งเจ็บปวดและเสียใจที่ถูกทอดทิ้ง ทว่าเธอก็ไม่โทษวายุตา เด็กหญิงเอาความขุ่นข้องหมองใจทั้งหมดไปลงที่พระจันทร์คนเดียว เธอเคยอยู่กับเพื่อนรักของเธอดีๆ แต่พอมีพระจันทร์เข้ามาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ความเสียใจกลับกลายเป็นความแค้น ตั้งแต่เกิดจนโตมานี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่คุณหญิงน้อยมีอารมณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในใจ เด็กหญิงสาบานกับตัวเองว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงเพื่อนรักคืนมา แล้วก็จะทำทุกทางให้พระจันทร์ได้รับบทเรียนว่าต่อแต่นี้อย่าได้มายุ่งกับของของเธออีก

คุณหญิงอังศุมาลีกำหมัดแน่น แล้วร้องไห้วิ่งกลับตำหนักไปพร้อมจิตมุ่งมาดคาดร้าย

++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีตอนดึกค่ะ คาดว่าหลายคนตามอ่านมาถึงตอนนี้ก็ชักเริ่มสนุกกับเกร็ดความรู้ท้ายตอน คนเขียนก็แฮปปี้จ้ามีหลายคนมาช่วยแชร์ความรู้ด้วย ซึ่งบางอันโน้มก็เพิ่งมารู้นี่เอง ขอบคุณมากนะคะ
บางท่านสะกิดถามอยากได้ข้อมูลละเอียดไม่ก็ลิงค์อ้างอิง คือจริงๆ โน้มอยากให้นะคะ แต่ว่ามันไม่มีอ่ะตัวเอง เป็นความรู้จากที่อ่านมา + หาเอาในอินเตอร์เนต แล้วก็ก็อปแปะลงไฟล์เวิร์ดอย่างเดียวเลยค่ะ (หั่นมาเฉพาะท่อนที่ปลื้มด้วยนะ มั่วมาก 5555)
ผลจากการไร้ระเบียบเลยมีคลังข้อมูลสารพัดพิษซึ่งไร้ที่มาที่ไปอยู่กองใหญ่ จะใช้ทีก็ต้องเปิดอากู๋เช็กว่ามันชัวร์ไม่มั่วนิ่ม ดังนั้นแนะนำอยากได้ข้อมูลเพิ่ม อากู๋ช่วยท่านได้ค่ะเพราะคนเขียนก็พึ่งพาฮีมากว่าสิบปีแล้ว กราบขออภัยมิตรรักนักอ่านเรื่องลิงค์กับหนังสืออ้างอิงที่อยากได้มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (โค้งงามๆ)

เกร็ดความรู้ประจำตอน
ว่าด้วยเรื่องของรถยนต์ รถยนต์คันแรกของโลกมีที่มาอย่างไรโน้มลืมไปแล้วค่ะ 5555 จำได้แต่บริษัท BMW เมื่อก่อนเขาทำเครื่องบินรบนะคะ โลโก้เลยเป็นรูปใบพัดบนพื้นสีฟ้า ต่อมาหมดยุคสงครามก็เลยหันมาผลิตรถยนต์แทน
ส่วนรถคันแรกของสยามประเทศนั้นถูกนำเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ห้าค่ะ มีบันทึกไว้ว่าเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กราบทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า
“รถยนต์คันแรกในประเทศไทยรูปร่างคล้ายรถบดถนน ล้อยางตัน มีหลังคาเป็นปะรำ มีที่นั่งสองแถว ใช้น้ำมันปิโตรเลียม ไฟหน้าลักษณะคล้ายเตาฟู่ เช่นเดียวกับรถยุคแรกๆ ส่วนใหญ่เครื่องยนต์มีกำลังเพียงพอสำหรับวิ่งบนที่ราบ แต่ไม่เพียงพอที่จะขึ้นสะพานได้ ข้อด้อยดังกล่าวจึงจึงทำให้การใช้งานมีขีดจำกัด เนื่องจากบางกอกสมัยนั้นใช้การขนส่งทางเรือเป็นหลัก สะพานข้ามคลองจึงต้องยกสูงเพื่อให้เรือลอดได้ แต่กลับเป็นปัญหาสำคัญในการใช้รถยนต์ หรือยวดยานที่มีล้อ”
คนที่นำเข้ามาเป็นชาวต่างชาติค่ะ ต่อมาก็ขายให้กับจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ก่อกำเนิดยุครถยนต์ในประเทศไทย
แต่ท่านเจ้าพระยาซื้อมาก็ขับเองไม่เป็นนะคะ ต้องให้น้องชายคือ พระยาอนุทูตวาที (เข็ม แสงชูโต) เป็นคนสอน ท่านพระยาอนุทูตเคยไปอยู่ที่อังกฤษมาค่ะ ท่านเลยสามารถขับรถยนต์ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเกียรติว่าเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถขับรถยนต์ได้ในประเทศไทย



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2556, 00:01:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2556, 00:44:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2263





<< บทที่ 12 เรื่องของเด็ก   บทที่ 14 ขโมย >>
wane 11 มิ.ย. 2556, 00:14:35 น.
พระจันทร์งานเข้าแล้ว


คิมหันตุ์ 11 มิ.ย. 2556, 00:37:29 น.
น่าสงสาร คุณหญิงน้อยจัง


wii 11 มิ.ย. 2556, 04:48:44 น.
ใด้เกร็ดความรู้ด้วยนะเนี่ย


goldensun 11 มิ.ย. 2556, 05:40:40 น.
เรื่องไม่เป็นเรื่อง กลับเป็นเรื่องเพราะทิฏฐิของผู้ใหญ่แท้ๆ พระจันทร์จะโดนอะไรอีกนะ


mhengjhy 11 มิ.ย. 2556, 13:21:33 น.
อ่าว คุณหญิง
จะกลายเป็นเรื่องฝังใจเเน่ๆ เลย


Zephyr 11 มิ.ย. 2556, 18:49:20 น.
อ้าว เพราะหม่อมเนียรเลยนะเนี่ย หญิงน้อยเลยกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
เฮ้อ เธองานเข้าอีกแล้วพระจันทร์ ซวยตลอดจริงๆ
ตอนนี้ฝ่ายชายหายเข้ากลีบกระดาษไปหมดเลยอ่ะ


konhin 11 มิ.ย. 2556, 19:50:42 น.
น่านนเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งโดนหมายหัวซะงั้น สงสัยว่าคุณหญิงจะฟ้องหม่อมแม่ไม่ให้พระจันทร์ไปเรียน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account