ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 14 ขโมย

บทที่ 14 ขโมย

คุณชายอังศุธรกลับมาจากเชียงใหม่ก่อนวันเปิดภาคเรียนสามวัน มาถึงก็เข้าไปกราบท่านป้าก่อนแล้วค่อยขอร้องให้ท่านป้าพูดกับท่านแม่ให้ คุณชายเลยรอดมาจากไม้เรียวของหม่อมเนียรได้อย่างหวุดหวิด

หม่อมเนียรยอมยกโทษให้เพราะเห็นแก่หม่อมเจ้าแสงแข อีกทั้งลูกชายยังเข้ามากราบขอโทษและพูดในทำนองว่าหม่อมใหม่ของท่านพ่อไม่เห็นจะสวยสง่าเท่าหม่อมแม่เลย ใจดีรึก็ไม่ใจดีเท่า ได้ยินอย่างนั้นหม่อมเนียรก็รู้สึกว่าลูกยังเป็นพวกของตัวเองอยู่ จึงตำหนิเรื่องหนีเที่ยวพอเป็นพิธี แล้วจัดหาอาหารกับขนมนมเนยที่ลูกชอบมาให้

คุณชายนึกขอบคุณรพีภัคอยู่ในใจที่ช่วยวางแผนการรับมือหม่อมแม่ให้ เสียดายว่าไม่ได้กลับมาด้วยกันเพราะต้องกลับพร้อมคุณหญิงวนันดา

พอรู้ว่าลูกหนีไปเชียงใหม่ คุณหญิงวนันดาก็แทบจะขึ้นรถไฟตามไปทันที เสียแต่ว่าสามีรั้งไว้บอกว่าจะจัดการเอง คุณหญิงก็เลยต้องรั้งอยู่ที่พระนคร แต่ก็ทนได้ไม่นานนักไม่เกินสองสัปดาห์ก็ตามขึ้นมาจนได้ ก่อนกลับคุณหญิงอยากได้ผ้าทอของทางเหนือ แต่ติดปัญหาเรื่องการขนส่งก็เลยกลับมาช้ากว่ากันสองวัน

คุณชายทำตัวเรียบร้อยให้หม่อมแม่สบายใจอยู่หนึ่งวันเต็ม จากนั้นจึงค่อยออกไปเล่นข้างนอก ที่แรกที่ไปก็คือเรือนของนางสมใจ มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงปาของบางอย่างใส่พระจันทร์ในทันที

“อะไรคะ” พระจันทร์ก้มลงมองของที่ลอยมาใส่ตัวงงๆ

“ไม่รู้จักปิ่นหรือไง”

ปิ่นปักผมอันนี้ตัวปิ่นทำมาจากไม้ ส่วนสายที่ห้อยลงมาเป็นเงินมีรูปนกตัวเล็กๆ ประดับด้วยพลอยสีแดงกับลูกปัดสีฟ้าขาว ดูสวยน่ารักทีเดียว

“รู้จักค่ะ ที่ถามเพราะอยากรู้ต่างหากว่าเอามาโยนใส่ทำไม”

“ของไม่ได้ใช้เลยโยนทิ้ง”

“คุณชายให้พระจันทร์เหรอคะ” เด็กสาวเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ

“ไม่ได้ให้ บอกแล้วไงว่าทิ้งเป็นขยะแล้ว ใครอยากเก็บก็เก็บไป”

ถึงคำพูดจะไม่ค่อยเข้าหู แต่ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าจงใจเอามาให้ เด็กสาวแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้รับของฝากจากคุณชายจอมเกเร หายไปเชียงใหม่ไม่กี่วันเพี้ยนไปเสียแล้วหรือนี่ เธอพิจารณาปิ่นที่ตกอยู่บนพื้น มองดูแล้วก็เห็นว่าสวยดี เลยตัดสินใจก้มลงเก็บขึ้นมา

“ขอบคุณนะคะ” พูดจบก็พึมพำต่อว่า “ดีเลย พี่พุดจีบจะต้องชอบแน่ๆ”

ได้ยินแบบนั้นคุณชายอังศุธรก็โวยวายลั่น

“ห้ามให้คนอื่น ต้องใช้เองเท่านั้น ไม่งั้นยึดคืน”

“อ้าว! ไหนว่าทิ้งแล้ว”

“ไม่รู้ล่ะต้องใช้เอง”

“จะใช้ยังไงละคะ ไม่เห็นเหรอเนี่ยว่าผมสั้นจะตาย”

พระจันทร์เพิ่งจะตัดผมเตรียมรับเปิดภาคเรียนไปเมื่อไม่กี่วันนี่เอง ตอนนี้เลยอยู่ที่ระดับติ่งหูเป๊ะ คุณชายอังศุธรลืมคิดข้อนี้ไปเสียสนิท เห็นว่าหม่อมบัวคำใช้ปิ่นมวยผมแล้วสวยดี พอไปเจอที่ตลาดบ้างก็เลยเผลอซื้อติดมือมา

อึ้งไปได้อึดใจหนึ่ง คุณชายก็พบทางออก

“ไว้ยาวเดี๋ยวนี้เลย นี่เป็นคำสั่ง”

พูดจบก็สาวเท้ายาวๆ กระโดดขึ้นคร่อมจักรยานแล้วปั่นหนีไปโดยไม่สนใจจะฟังคำตอบเหมือนเคย

พระจันทร์ส่ายหน้าอย่างระอาแต่ก็อดขันคนท่ามากไม่ได้ เธอเลยเก็บปิ่นปักผมอันนี้เอาไว้กับเครื่องใช้ส่วนตัว รอวันให้ผมยาวพอที่จะสามารถใช้มันได้



หลังจากคุณชายอังศุธรเอาปิ่นปักผมมาให้ วันถัดมาคุณหญิงอังศุมาลีก็มาหาพระจันทร์ถึงเรือน แล้วยื่นตุ๊กตาให้ เธอบอกว่ายกให้พระจันทร์ พูดจบก็วิ่งหนีไป

เด็กสาวรู้สึกว่าสองพี่น้องนี่แปลกพิลึก แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากไปกว่านั้น ใครเลยจะคิดว่าตกเย็นตุ๊กตาตัวน้อยที่ดูไร้พิษสงจะนำภัยมาสู่ตัวพระจันทร์

อยู่ๆ กุ้งนางก็มาหาเธอที่เรือน ตอนนั้นทั้งนางสมใจและพุดจีบต่างก็อยู่ที่ตำหนักของท่านหญิง ส่วนว่านไปช่วยงานในครัว เหลือก็แต่พระจันทร์ที่ปัดกวาดเรือนตามหน้าที่

“พี่กุ้งนางมีอะไรคะ”

“ตุ๊กตาตัวโปรดของคุณหญิงหายไป แกเอาไปหรือเปล่า”

พระจันทร์รีบปฏิเสธทันทีแต่มีหรือกุ้งนางจะฟัง หญิงสาวเดินอาดๆ ขึ้นมาบนเรือน เปิดประตูพรวดเข้าไปในห้องของนางสมใจโดยไม่ได้รับอนุญาต

“พี่เข้ามาไม่ได้นะ นี่มันห้องคุณป้า” พระจันทร์ร้องห้ามพลางตรงมาฉุดแขนไว้

“คำสั่งหม่อมท่านบอกให้ค้นก็ต้องค้น ถ้าแกไม่ได้เอาไปก็อย่าโวยวาย”

คนรับใช้ที่นี่ส่วนใหญ่ต่างก็เกรงใจนางสมใจ จะมีก็แต่คนของหม่อมเนียรเท่านั้นที่ไม่ค่อยให้เกียรติเพราะถือว่ามีเจ้านายให้ท้าย โดยเฉพาะกุ้งนางที่ผยองกว่าเพื่อนเนื่องจากถือว่าตัวเองไม่ใช่แค่พี่เลี้ยงธรรมดา แต่ยังมีความสัมพันธ์เป็นญาติห่างๆ กับหม่อมเนียรด้วย ถึงจะเป็นแค่หลานของลูกสะใภ้ของลูกพี่ลูกน้องท่านก็ตาม

“พระจันทร์ไม่ได้เอาไปจริงๆ นะ จะค้นก็ได้ แต่รอคุณป้ากลับมาก่อน” พระจันทร์ฉุดแขนเอาไว้สุดแรง

ถึงจะรู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่เธอก็จะไม่มีวันยอมให้ใครมาข่มเหงอย่างเด็ดขาด

“ปล่อยนะ นังนี่นี่ น่ารำคาญจริง แกเอาไปใช่ไหมถึงได้มีพิรุธ”

กุ้งนางไม่เพียงแต่กล่าวหายังทำร้ายพระจันทร์ด้วยการหยิกแรงๆ และผลักจนล้ม กระนั้นคนที่อยู่ในร่างเด็กตัวจ้อยก็ไม่ละความพยายาม ลุกขึ้นมาได้ก็กระโดดเกาะขาอีกฝ่าย กอดไว้ไม่ให้รื้อค้นข้าวของได้โดยสะดวก

พระจันทร์หลับตาแน่นเพราะเดาได้ว่าต้องถูกทุบตีอย่างแรง แต่สิ่งที่คิดไว้ก็ไม่เกิดขึ้นเมื่อสายตาของกุ้งนางบังเอิญเหลือบไปเห็นของที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง

“นี่ไงตุ๊กตาของคุณหญิง อีเด็กขี้ขโมย อีงูพิษเลี้ยงไม่เชื่อง”

กุ้งนางด่าว่าพระจันทร์อย่างหยาบคาย เสียงของเธอดังจนว่านที่เพิ่งกลับมาจากครัวได้ยิน หญิงสาวรีบวิ่งขึ้นไปแล้วก็เห็นว่ากุ้งนางกำลังลงมือทำร้ายเด็กน้อย

“หยุดนะอีกุ้งนาง เอ็งจะทำอะไร” ว่านชี้หน้า แล้วรีบดึงตัวพระจันทร์มาหลบข้างหลังตัวเอง

“ข้าจะลงโทษขโมย เอ็งอย่ามาห้ามนะ”

“พระจันทร์ไม่ได้ขโมยอะไรนะคะ ตุ๊กตาตัวนั้นคุณหญิงให้พระจันทร์มาเอง” พระจันทร์พูดแทรก

“โกหก หลักฐานก็เห็นกันคาตา เอ็งหลบไปเลยนะอีว่าน”

“ไม่หลบโว้ย กล้าก็เข้ามา แม่จะตบให้เลือดกบปาก”

ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแต่ว่านก็เข้าข้างพระจันทร์เต็มที่ ท่าทีเอาจริงของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายผงะไปเหมือนกัน ถึงรูปร่างจะพอๆ กันแต่เรื่องกำลังว่านเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด สมัยอยู่บ้านนอกก็ช่วยพ่อทำนาปลูกข้าว พอมาอยู่กับนางสมใจก็ทำงานครัว หาบน้ำกับงานจิปาถะ ย่อมแข็งแรงกว่าคนที่วันๆ มีหน้าที่แค่เลี้ยงเด็กกับทำงานบ้านนิดหน่อย

กุ้งนางกลืนน้ำลายลงคอ ใจกริ่งเกรงฝ่ายตรงข้ามไม่น้อย แต่เพราะมีศักดิ์ศรีค้ำคอเอาไว้ ปากจึงตะโกนโต้กลับไปอย่างอวดดี

“เอ็งบังอาจมาท้าข้าหรืออีบ้านนอก ได้เลย...แม่จะตบให้คว่ำมันทั้งเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่”

กุ้งนางกระทืบเท้าแรงๆ แล้วมายืนจังก้าตรงหน้าว่าน หากปล่อยไปอย่างนี้ไม่กี่อึดใจคงต้องมีเรื่องกันแน่ พระจันทร์ไม่อยากให้ว่านต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอจึงตัดสินใจห้าม

“อย่ามีเรื่องเลยพี่ว่าน ก็แค่เข้าใจผิดกัน คุณหญิงเธอให้ตุ๊กตาพระจันทร์มา แต่พี่กุ้งนางคิดว่าพระจันทร์ขโมย”

“อีเด็กตอ...” กุ้งนางทำท่าจะด่าพระจันทร์เมื่อได้ยินคำแก้ตัว แต่ชะงักไปเมื่อว่านเงื้อมือแล้วถลึงตาใส่

“เอ็งได้ยินแล้วใช่ไหมว่าคุณหญิงให้มา พระจันทร์มันไม่โกหกหรอก”

“ก็คุณหญิงบอกเองว่าหาของไม่เจอ เอ็งจะกล่าวหาหรือไงว่าคุณหญิงโกหก”

“จะไปรู้เหรอ ของเล่นคุณหญิงตั้งมาก อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ เอ็งดูดีหรือเปล่า ยิ่งโง่ๆ อยู่”

สองสาวเถียงกันไปเถียงกันมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดละ พระจันทร์เลยต้องห้ามอีกครั้ง

“พวกพี่ๆ อย่าเถียงกันเลย ไปถามคุณหญิงก็รู้ความจริงแล้ว”

“เออดี...ไปถามให้รู้เรื่องกันไปเลย” กุ้งนางสนับสนุน

พระจันทร์มองแววตามั่นใจของกุ้งนางแล้วก็รู้สึกแปลกๆ กระนั้นก็ยังเชื่อว่าคุณหญิงอังศุมาลีจะช่วยให้เธอพ้นผิดได้ จึงเดินเข้าไปในตำหนักอย่างไม่กลัว ทว่าการณ์กลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิงเมื่อคุณหญิงปฏิเสธชัดว่าไม่ได้มอบตุ๊กตาตัวนี้ให้กับพระจันทร์



คุณชายอังศุธรกับรพีภัคนั่งคุยกันอยู่ในห้องสมุดตอนที่พระจันทร์กับว่านเดินตามกุ้งนางเข้ามาในตำหนัก พอเห็นคู่อริคุณชายก็ชี้ให้รพีภัคดูว่านี่คือพระจันทร์

“ไม่รู้ยายตัวแสบมาที่นี่ทำไม ไปแอบดูกัน” คุณชายชวน

รพีภัคลุกตามไปโดยไม่อิดออด เพราะให้ความสนใจในตัวพระจันทร์ไม่แพ้เพื่อน เด็กทั้งสองย่องมาที่ห้องนั่งเล่น แล้วแอบฟังการสนทนาเงียบๆ อยู่ที่กรอบประตู

“แกกล้าดียังไงย่องมาขโมยของในตำหนักนี้” หม่อมเนียรเอ่ยเสียงเข้ม

“พระจันทร์ไม่ได้ขโมยนะคะ คุณหญิงให้ตุ๊กตาพระจันทร์มาจริงๆ”

เสียงของยายตัวแสบดังแว่วตามมา แม้จะเบากว่าเสียงของหม่อมแม่แต่ก็หนักแน่นชัดเจน

“หญิงไม่ได้ให้นะคะ หญิงวางเอาไว้ในห้องแล้วมันก็หายไป” คุณหญิงอังศุมาลียืนกราน

“คุณหญิงอย่าล้อเล่นสิคะ ก็คุณหญิงเป็นคนให้พระจันทร์มาเองกับมือ”

“พระจันทร์ขโมยของหญิงต่างหาก” เด็กหญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น

คำพูดของเด็กน้อยทำเอาพระจันทร์ช็อกไปเลย ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าคุณหญิงจะจงใจใส่ร้ายเธอ

ในสายตาคุณหญิงพระจันทร์คือขโมยที่แสนร้ายกาจ เพียงแต่สิ่งที่ขโมยไม่ใช่ตุ๊กตาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ คุณหญิงเธอคิดตามประสาเด็กว่าจะต้องทำให้วายุตาเกลียดพระจันทร์ พอเกลียดแล้ววายุตาก็จะกลับมาหาเธอเอง คนที่วายุตาเกลียดมีอยู่ไม่กี่จำพวก พวกแรกคือพวกที่ชอบโกหก พวกที่สองคือพวกชอบขโมย ซึ่งตอนนี้พระจันทร์ได้กลายเป็นคนสองจำพวกนั้นแล้ว

พระจันทร์มองแววตามาดร้ายของคุณหญิงด้วยความงงงวย เธอไม่เคยเห็นดวงตาของเด็กเล็กคนไหนเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นอย่างนี้มาก่อน เด็กสาวจำไม่ได้เลยสักนิดว่าไปทำให้เธอขุ่นข้องหมองใจตอนไหน เล่นด้วยกันรึก็แทบไม่เคย หนำซ้ำคุณหญิงยังมีทุกอย่างเพียบพร้อมเกินกว่าจะมาอิจฉาคนอย่างเธอด้วย

“พระจันทร์ไม่ได้ขโมยของจริงๆ นะคะหม่อม พระจันทร์สาบานได้”

เด็กสาวยังคงยืนยันทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีใครเชื่อ

“แกจะบอกว่าตุ๊กตามันมีขาเดินไปหาแกเองได้หรือไง” กุ้งนางเอ่ยด้วยความหมั่นไส้ “หม่อมไม่ต้องไปสอบสวนมันแล้วค่ะ ลงโทษเลยดีกว่า กุ้งนางเห็นนะคะ ว่ามันมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว พอปลอดคนเลยเข้าไปขโมยของ”

“นอกจากตุ๊กตาแล้ว แกยังเอาอะไรออกไปจากตำหนักนี้อีก” หม่อมเนียรถามอย่างโกรธๆ

เธอรังเกียจพวกไพร่ไร้การอบรมเป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งได้รู้ว่ามีบ่าวเลี้ยงไม่เชื่องริอ่านทำตัวเป็นขโมยตั้งแต่เด็ก หม่อมเนียรก็ยิ่งปล่อยเอาไว้ไม่ได้

“พระจันทร์ไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้น”

“ให้กุ้งนางไปค้นเรือนมันอีกรอบดีไหมคะ เผื่อมีของมีค่าหายไป”

หม่อมเนียรตรองอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า

“บอกฉันมา ถ้าแกไม่ได้มีเจตนาขโมย แล้วแกมาป้วนเปี้ยนที่ตำหนักนี้ทำไม”

“คุณนุ้ยเธอฝากพระจันทร์มาค่ะ”

ชื่อวายุตาทำให้สีหน้าของคุณหญิงอังศุมาลีเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มีผู้ใหญ่ในที่นั้นสังเกตเห็น

“ยายเด็กนั่นเกี่ยวอะไรด้วย”

“คุณนุ้ยอยากจะคืนดีกับคุณหญิงค่ะ ก็เลยนั่งทำชุดตุ๊กตามาให้ แต่เพราะเธอถูกห้ามไม่ให้เข้ามา ก็เลยฝากพระจันทร์เอามาให้ พระจันทร์เองก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ เลยมาด้อมๆ มองๆ ดู เผื่อว่าคุณหญิงเธอจะลงมา”

เมื่อรู้ว่าวายุตายังมีใจห่วงใยตน ความโกรธในใจของคุณหญิงก็คลายลง ความรู้สึกผิดเอ่อล้นเข้าในหัวใจของเด็กหญิง กระนั้นก็ยังน้อยกว่าความริษยากับความเห็นแก่ตัว เธอโกหกไปแล้วถ้ากลับคำก็เท่ากับรับความผิดมาใส่ตัว ดังนั้นคุณหญิงจึงเม้มปากแน่น ปิดผนึกไม่ให้คำสารภาพเล็ดลอดออกมา

“อีนี่มันตอแหลค่ะหม่อม มันเล็งอยากได้ตุ๊กตาของคุณหญิงมานานแล้ว อิฉันเห็นค่ะว่าตอนคุณหญิงเอาไปโรงเรียนด้วย มันงี้จ้องตาเป็นมันเชียว” กุ้งนางใส่ไฟ

พระจันทร์กัดฟันเพื่อข่มอารมณ์ เธอจับมือว่านซึ่งรู้สึกคับข้องใจไม่ต่างกันเอาไว้แน่น เป็นเชิงให้กำลังใจและเตือนว่าอย่างเพิ่งผลีพลาม ไม่อย่างนั้นจะพลอยติดร่างแหไปด้วย

กุ้งนางเห็นว่าทั้งสองไม่โต้ตอบ จึงได้ทีต่อว่าต่อ

“นี่วางแผนมาดิบดีถึงขนาดตัดชุดเอาไว้รอเลยหรือยะ อีลูกโจรนี่มันร้ายจริงๆ เลวโดยสันดาน พวกไม่มีพ่อมีแม่มันก็...”

“เงียบก่อน ใครใช้ให้แกพูด” หม่อมเนียรเอ็ดด้วยความรำคาญ แล้วจึงตวัดสายตามาทางพระจันทร์ “ฉันจะถามแกอีกครั้ง แกขโมยอะไรไปบ้าง”

“พระจันทร์ไม่ได้ขโมยอะไรไปเลยจริงๆ ค่ะ”

หญิงสาวมองสบลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย แววตาของพระจันทร์ดูราวกับผืนน้ำใสสะอาดที่ปราศจากความขุ่นมัว สามารถมองลึกลงไปได้ถึงจิตใจ ใครเห็นก็คงต้องใจอ่อนยอมเชื่อว่าเธอไม่ผิดจริงๆ ทว่าในสายตาของผู้ใหญ่ที่มีหัวใจอคติ ภาพเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์กลับกลายเป็นภาพของปีศาจร้าย

“ในเมื่อแกยืนยันอย่างนั้น ก็ไม่ต้องซักให้มากความ” หม่อมเนียรผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง “กุ้งนาง แกไปเอาไม้เรียวมา ฉันจะฟาดมันจนกว่ามันจะสารภาพ”

หม่อมเนียรไม่เพียงแต่เรียกหาไม้เรียวเท่านั้น ยังให้บริวารคนอื่นที่อยู่ในที่นั้นจับตัวพระจันทร์เอาไว้ด้วย เด็กสาวเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจหนี

“พี่ว่านวิ่งเร็ว รีบไปหาคุณป้ากัน”

ได้ยินคำสั่งของพระจันทร์ ว่านก็ลุกขึ้นวิ่งทันที หญิงสาววิ่งนำไปที่กรอบประตูโดยมีพระจันทร์ตามมาติดๆ เคราะห์ร้ายที่ช่วงก้าวของเด็กหญิงสั้นกว่าผู้ใหญ่ แล้วบังเอิญว่าตรงนั้นมีคนยืนอยู่พอดี พอได้ยินคำสั่งให้จับ หญิงสาวร่างอวบก็ตะครุบตัวพระจันทร์เอาไว้ เป็นเหตุให้มีแค่ว่านคนเดียวที่วิ่งหนีไปได้

“รีบไปตามคุณป้ามา ไม่ต้องห่วงพระจันทร์” เด็กสาวตะโกนบอก

“ได้…รอเดี๋ยวนะ” ว่านเหลียวหลังมามองอึดใจแล้ววิ่งไปยังตำหนักของท่านหญิงแสงแขสุดกำลัง

เมื่อรวบตัวผู้ต้องหาได้ หม่อมเนียรก็สั่งให้คนจับพระจันทร์มัดแล้วล่ามไว้กับเสาด้วยเชือกเส้นใหญ่ เนื่องจากเธอฤทธิ์มาก ทั้งดิ้นทั้งร้องไม่ยอมรับโทษทัณฑ์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ

“หาไม้เรียวไม่มีเลยค่ะ ใช้หวายแทนได้ไหมคะ” กุ้งนางว่า

ที่จริงแล้วมีไม้เรียวอันเล็กๆ อยู่แต่เธอทำเป็นไม่เห็นเพราะอยากได้ความสะใจในการลงโทษ

“หวายก็ดี มันจะได้หลาบจำ” หม่อมเนียรรับไม้มา

คุณชายอังศุธรและคุณหญิงอังศุมาลีมองภาพการลงโทษด้วยความตกตะลึง สองพี่น้องต่างก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะลงเอยในรูปแบบนี้ คุณชายคิดว่าหม่อมแม่ทำเกินกว่าเหตุ ส่วนคุณหญิงนั้นหน้าซีดเผือดตอนเห็นหวายในมือมารดา เธอนึกว่าพระจันทร์จะโดนฟาดด้วยไม้บรรทัดอันเล็กหลายๆ ที ไม่ก็ถูกตีด้วยมือมากกว่าจะลงโทษรุนแรงอย่างนี้

“ทำยังไงดีรพี” คุณชายเอ่ยอย่างร้อนรน

ทว่าคนที่เขาคิดว่าอยู่ข้างกายมาโดยตลอดกลับไม่อยู่ตรงนี้เสียแล้ว รพีภัคหายไปไหนตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้ คุณชายทั้งสงสารทั้งเป็นห่วงพระจันทร์ ได้แต่คิดอย่างร้อนรนว่าจะช่วยยายตัวเล็กอย่างไรดี

ทางด้านพระจันทร์ แม้จะถูกจับมัดเธอก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับโชคชะตา เด็กสาวตะโกนลั่นว่า

“พระจันทร์ไม่ผิด พระจันทร์ไม่ได้ขโมยของ หม่อมไม่ยุติธรรม หม่อมลงโทษคนผิด”

เสียงแหลมเล็กตะโกนกรีดร้องอยู่อย่างนี้ไม่มีหยุด จนคนรับใช้ที่ออกมามุงดูเริ่มเวทนา

อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็คิดว่าหม่อมเนียรทำเกินไป ที่ผ่านมาถึงจะมีการขู่ว่าระวังจะโดนท่านสั่งเฆี่ยนหลังลาย แต่ในความเป็นจริงแล้วแทบไม่เคยมีการโบยตีบ่าวไพร่ให้เห็น เนื่องจากท่านหญิงปกครองบริวารด้วยความเมตตา หากไม่หนักหนาสาหัสจริงๆ ก็ยากนักที่จะมีการลงโทษ

หลายคนอยากช่วยเหลือพระจันทร์ แต่ก็เกรงอำนาจหม่อมเนียรเกินกว่าจะเข้าไปขัดขวาง จึงได้แต่ยืนมองด้วยความสงสาร

“หุบปากนะอีขี้ขโมย” หม่อมเนียรตวาด

“ไม่ พระจันทร์ไม่ได้ทำ พระจันทร์ไม่ผิด” เด็กสาวยังคงกรีดร้อง

“ก็ได้ แกไม่ยอมรับ ฉันก็จะลงโทษจนกว่าแกจะบอกว่าขโมยอะไรไปบ้าง”

ขาดคำหม่อมเนียรก็ฟาดไม้ลงไปเต็มแรง ร่างเล็กๆ ทรุดลงกับพื้น ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้น้ำตาของพระจันทร์ไหลอาบสองข้างแก้ม ทั้งเจ็บตัวและปวดใจกับความอยุติธรรมที่ได้รับ

“จะยอมรับไหม” หม่อมเนียรถามอีกครั้ง

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดเตือนให้พระจันทร์รีบอ้อนวอนหม่อมเนียรแล้วยอมรับผิด ทว่าเด็กสาวกลับไม่ยอมปริปากแม้แต่คำเดียว เพราะทิฐิในใจอยู่เหนือกว่าอะไรทั้งหมด

“ไม่! พระจันทร์ไม่ผิด”

หม่อมเนียรผงะกับเสียงตวาด หญิงสาวคาดหวังว่าจะได้เห็นเด็กอวดดีก้มลงกราบกรานขอความเห็นใจ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตาแข็งกร้าวเกินเด็ก ราวกับต้องการท้าทายอำนาจของตน เธอจึงหวดก้นพระจันทร์เต็มแรงอีกครั้ง

เสียงหวายกระทบเนื้อดังสนั่น สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ แต่ไม่มีเสียงหวีดร้องแม้แต่ประโยคเดียวเล็ดลอดออกมาจากปากของคนถูกลงโทษ

พระจันทร์อาจจะเป็นลูกกำพร้า อาจจะเกิดมาต้อยต่ำ แต่ในความยากแค้นนั้นก็ยังมีศักดิ์ศรีเหลือให้ต้องรักษา ถึงจะถูกเฆี่ยนปางตายพระจันทร์ก็ไม่มีวันที่จะยอมรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เธอยอมตายดีกว่าถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกหกหรือหัวขโมยตลอดชีวิต

++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีท้ายตอนค่า บทนี้คุณชายอังศุธรออกมาเรียกเรตติ้งพอเป็นกระษัย ส่วนหนูพระจันทร์ เกิดเป็นนางเอกต้องอดทนนะลูกนะ “สู้ต่อไปนะหนูคูโบต้า!!!” \(‵▽′)ψ

เกร็ดความรู้ประจำตอนว่าด้วยเรื่องของปิ่นปักผม อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับสาวๆ ในปัจจุบัน แต่สำหรับในอดีตเรานั้นผู้หญิงไทยไม่นิยมไว้ผมยาวกันค่ะ ปิ่นปักผมก็เลยหายไปด้วย
หากจะถามว่าทำไมก็ต้องย้อนไปเลยตั้งแต่สมัยอยุธยา สมัยนั้นมีการยกทัพจับศึกบ่อย ผู้หญิงเลยต้องไว้ผมสั้นเพื่อความสะดวกในการปลอมตัวและจะได้ปลอดภัยในการเดินทาง
ต่อมาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น สาวๆ ก็ยังนิยมไว้ผมสั้นกันอยู่ จนกระทั่งมาเปลี่ยนแปลงเอาตอนสมัยรัชกาลที่ห้า ที่ไทยเริ่มรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา สตรีไทยในราชสำนักที่นำแฟชั่นหันมาไว้ผมยาวเป็นท่านแรกๆ คือ คุณจอมมารดาแพรหรือเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ สนมเอกในรัชกาลที่ห้าค่ะ
ส่วนท่านที่นำเอาแฟชั่นปิ่นเข้ามาในราชสำนักจริงๆ นั้นขอยกตำแหน่งนี้ให้เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ห้าค่ะ ท่านเป็นธิดาของเจ้าครองนครเชียงใหม่ ซึ่งในสมัยต้นรัชกาลที่ห้าเมืองเชียงใหม่ยังไม่ถูกผนวกเข้ากับไทยโดยสมบูรณ์เป็นเพียงเมืองขึ้นค่ะ ดังนั้นธรรมเนียมจึงต่างกัน
แม้จะถูกส่งตัวมาในราชสำนักไทยแต่เจ้าดารารัศก็ยังยืนกรานที่จะนุ่งผ้าซิ่น ไว้ผมยาวอย่างธรรมเนียมทางเหนือ แล้วม้วนเกล้าเอาไว้ด้วยปิ่น ซึ่งปิ่นนี้ทางลาวล้านช้างจะเรียกว่า “หมั้นเกล้า” นอกจากนี้ยังประดับผมด้วย ‘ดอกไม้ไหว’ ซึ่งสาวๆ ล้านนานิยมเหน็บดอกไม้ไหวเวลาไปวัดค่ะ ดังคำกล่าวที่ว่า “เหน็บดอกไม้เพื่อบูชาหัวและเพื่อก้มหัวบูชาพระเจ้า” นั่นเอง




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2556, 00:01:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2556, 00:44:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 5008





<< บทที่ 13 เพื่อนรัก   บทที่ 15 ปกป้อง >>
Auuuu 13 มิ.ย. 2556, 00:47:28 น.
สงสารพระจันทร์มากเลย


คิมหันตุ์ 13 มิ.ย. 2556, 00:48:19 น.
ถ้าจะเริ่มร้ายกาจแบบนี้ คุณหญิงอัง ก็ไม่น่าสงสารแล้วหล่ะนะ ฮึ่ย

นางเอกคูโบต้า


wind 13 มิ.ย. 2556, 00:51:05 น.
ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ นิสัยแบบนี้ใครจะคบ


konhin 13 มิ.ย. 2556, 01:56:51 น.
แล้วก็จะไม่มีเพื่อนแท้เหลืออยู่ น่าสงสาร แต่ทำตัวเอง


l3al3yWhatUp 13 มิ.ย. 2556, 03:52:04 น.
พระจันทร์เค้าเข้มเเข็งดีเนอะ


wii 13 มิ.ย. 2556, 06:06:11 น.
หญิงอังต้องเป็นตัวอิจฉาเเน่ๆเลยเมื่อโตขึ้น หม่อมเนียรก็ทำเกินไป ทำไมต้องจงเกลียดจงชังพระจันทร์ซะขนาดน๊านนนนน เเล้วใครล่ะที่มาทำให้หม่อมเนียรสำนึก สมเเล้วที่ผัวทิ้งไปมีเมียใหม่


mhengjhy 13 มิ.ย. 2556, 06:30:46 น.
โอ่ย คุณหญิงอัง ไม่น่าเล้ย วายุตาได้เกลียดจริงๆ แล้วล่ะ


wane 13 มิ.ย. 2556, 06:50:12 น.
บีบคั้นหัวใจ สงสารพระจันทร์มว๊าาาาก


jitsupa 13 มิ.ย. 2556, 12:59:25 น.
เป็นนางเอกเรื่องนี้ต้องทนถึกจริง ๆ รออ่านต่อค่ะ ว่าจะมีใครมาช่วยพระจันทร์


goldensun 13 มิ.ย. 2556, 16:24:24 น.
ร้ายจริง คุณหญิงอัง โกหก ให้ร้าย พระจันทร์เลแย่ไปเลย น่าสงสาร


mottanoy 13 มิ.ย. 2556, 20:43:58 น.
โหยเล่นหวายเลยเหรอ


pkka 13 มิ.ย. 2556, 22:02:13 น.
ทนหน่อยน๊า


Zephyr 13 มิ.ย. 2556, 22:20:56 น.
ต้นเหตุเป็นประการฉะนี้เอง
ไว้อาลัยให้คุณหญิงสองนาที จากนี้ไป หมดซึ่งแรงเชียร์
นางจะเป็นนางร้ายทุกรูปแบบสินะ ขนาดเด็กยังเป็นแบบนี้
โตมาคง........ไม่มีคำบรรยาย
นัง เอ้ย ยายกุ้งนางอีก โดนหมายหัวละนะ ไม่ชอบคนแบบนี้เลยอ่ะ
พระจันทร์ นางถึกต่อไปนะลูกนะ ส่งแรงใจ ให้นางถึก ทน อด ได้ต่อนะจ้า
หลังจากนางทนได้และผ่านไป คนเขียนจะให้รางวัลเองลูก ทนไปก่อนนะ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account