ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 16 โตเป็นสาว

บทที่ 16 โตเป็นสาว

บาดแผลจากการถูกเฆี่ยนของพระจันทร์เป็นรอยแตกยาว พุดจีบกับว่านเห็นแล้วแทบเบือนหน้าหนีไม่กล้ามอง ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต่างพึมพำเป็นเสียงเดียวว่าหม่อมเนียรใจร้ายกันทุกคน ทว่าพระจันทร์กลับไม่คิดตำหนิหม่อม คนที่เธอคิดว่าใจร้ายจริงๆ ก็คือคุณหญิงอังศุมาลีต่างหาก

พระจันทร์ไม่เคืองมากเท่าไรตอนที่แผลยังไม่อักเสบ แต่เมื่ออาการปวดบวมกำเริบเธอก็ห้ามโทสะไม่ได้ ฤทธิ์หวายไม่เพียงแต่ทำให้เจ็บระบมจนขยับตัวไม่ได้ ยังทำให้ไข้ขึ้นจนพลาดวันเปิดภาคเรียนและต้องลาอีกหลายวัน

ในช่วงที่ต้องนอนเปิดก้นให้คนทายาสุดแสบให้พระจันทร์นึกอยากแก้แค้นคุณหญิงเสียเหลือเกิน เธออยากสั่งสอนให้เด็กวายร้ายรู้สึกนึกเสียบ้าง ทว่าพอเวลาผ่านไป เมื่อบาดแผลและพิษไข้ทุเลาลง ความคิดอาฆาตในใจก็บรรเทาเบาบางลงตาม เผลอยกโทษให้คุณหญิง ก่อนที่เจ้าตัวจะมาขอโทษเสียอีก

คุณหญิงมาพร้อมกับรพีภัค แต่เด็กชายรออยู่ด้านนอก พอเข้ามาคุณหญิงก็ขอโทษพระจันทร์ เธอเอายาทาแผลอย่างดีมาให้ด้วย บอกว่าถ้าใช้ยาตัวนี้จะไม่เป็นแผลเป็น

พระจันทร์ไม่ห่วงเรื่องแผลเป็นเท่าไร เพราะตอนอยู่ในโลกอนาคตเธอมีแผลผ่าตัดหัวใจที่น่ากลัวกว่ารอยหวายตั้งเยอะ แต่เมื่อคุณหญิงอุตส่าห์ให้ยามาเธอก็รับไว้และยอมยกโทษให้ในที่สุด

พระจันทร์รักษาตัวอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงไปโรงเรียนได้ ในช่วงที่ขาดเรียนไปนี้ คุณชายเอาสมุดจดเนื้อหาที่เรียนในแต่ละวันมาแอบวางไว้ให้ตลอด แต่เด็กสาวก็ไม่เคยออกมาทันเห็นตัวเลยสักที จึงไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเรื่องที่ช่วยเธอเอาไว้

เด็กสาวคิดว่าถ้าไปโรงเรียนเมื่อไรก็จะขอบคุณเป็นเรื่องเป็นราว ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยอะไร คุณชายตัวร้ายก็เอื้อมมือมาดึงผมเธอเสียอย่างนั้น พอเผลอโวยวายก็หัวเราะชอบใจ ทำเอาหมดอารมณ์ขอบคุณไปเลย

การไปโรงเรียนทำให้ชีวิตที่น่าเบื่อของพระจันทร์กลับมามีสีสันอีกครั้ง แต่ก็ไม่สงบสุขนักเพราะคุณชายอังศุธรกลับมาทำตัวเป็นปรปักษ์เหมือนเดิมไม่มีผิด ดีกว่าเดิมหน่อยตรงที่แข่งกันด้วยการเรียนล้วนๆ อย่างมากก็มาแกล้งดึงผมเล่น แล้วบ่นว่าเมื่อไรจะยาวเสียที มากๆ เข้าพระจันทร์ก็ชักรำคาญ เลยตัดผมสั้นถึงติ่งหูประชดเสียเลย จึงกลายเป็นว่าผมที่ไว้มาตลอดภาคเรียนกลับไปสั้นเหมือนเมื่อวันที่คุณชายเอาปิ่นมาปาใส่

คุณชายอังศุธรโวยวายลั่น แถมยังขู่กรรโชกอีกต่างหากว่าถ้ากล้าตัดผมอีกเจอดีแน่ แต่พระจันทร์ก็เห็นเป็นเรื่องขัน เลยทำให้กลายเป็นประเด็นทะเลาะเรื่องใหม่ เวลาคุณชายมาแกล้ง เธอก็จะขู่ว่าจะตัดผม แล้วคุณชายก็จะโวยวายว่าห้ามตัด เถียงกันอย่างนี้เกือบทุกวัน จนตอนหลังพร้อมใจกันลืมไปเลยว่าทำไมต้องไว้ผมยาว รู้แต่ว่าคนหนึ่งจะตัด ส่วนอีกคนสั่งว่าห้ามเด็ดขาดเท่านั้นเอง

ทางด้านวายุตากับคุณหญิงอังศุมาลีก็กลับมาสนิทสนมกันดังเดิม แรกๆ คุณหญิงก็กลัวว่าพระจันทร์จะเอาเรื่องที่เธอแกล้งไปฟ้องวายุตา แต่พระจันทร์ก็ไม่ปริปากพูด คุณหญิงเลยสบายใจขึ้น แต่ก็คบหากันไม่สนิทใจนัก เพราะคุณหญิงรู้สึกผิดก็เลยเข้าหน้าไม่ติด เวลาเห็นพระจันทร์แล้วเธอจะนึกถึงเรื่องไม่ดีที่ทำลงไป แม้คุณหญิงจะทำดีด้วยมากขึ้น แต่พระจันทร์ก็รู้สึกได้ถึงความห่างเหิน กระนั้นก็ไม่เดือดร้อนนักเพราะชีวิตมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย

ภาคเรียนนี้พระจันทร์เรียนเกือบทุกวิชากับพวกเด็กมัธยมสาม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือระบบสอนเสริมตอนเย็นล้มเลิกไป มีเพียงคำขู่เท่านั้นว่าถ้าหากทำคะแนนได้น้อยจะกลับไปใช้ระบบเดิม พวกเด็กๆ ก็เลยขยันเรียนขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับบรรดาอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

พระจันทร์ยังคงถูกจัดให้อยู่ในชั้นพิเศษเหมือนเคย ดังนั้นก็เลยไม่มีอันดับเวลาสอบไล่ แต่หนนี้คุณชายอังศุธรไม่ยอมแพ้ ไปขอคะแนนแต่ละวิชามาจากอาจารย์ใหญ่จนได้ แล้วก็ต้องโมโหยกใหญ่เพราะผลยังคงออกมาว่าเสมอกัน

“ไว้ขึ้นมัธยมสี่ ค่อยมาแข่งกันใหม่ ต้องมาอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยเข้าใจไหม” คนเอาแต่ใจออกคำสั่ง

พระจันทร์พร้อมแข่งด้วยเสมอ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เธอเป็นแค่เด็กแปดขวบย่างเก้าขวบเท่านั้น ไม่มีโรงเรียนมัธยมปลายที่ไหนเปิดรับแน่ๆ กระนั้นพระจันทร์ก็ไม่พูดความจริงออกมาเนื่องจากไม่อยากได้ยินคุณชายจอมเอาแต่ใจโวยวาย



เมื่อสอบเสร็จช่วงเวลาปิดภาคเรียนก็เวียนมาอีกครั้งพร้อมการมาของหม่อมเจ้าทินกร ท่านชายเสด็จมาเพื่อฟังคำตอบของคุณชายอังศุธรว่ามีแผนการในอนาคตเช่นไร คุณชายคิดคำตอบเอาไว้แล้ว แต่แผนการก็มีอันต้องเปลี่ยนไปเพราะคนสองคน

คนแรกคือพระจันทร์ คุณชายเพิ่งมาคิดได้ว่าเด็กหญิงไม่สามารถตามไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายได้ก็ตอนเห็นรายละเอียดว่ารับเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป ส่วนคนที่สองที่ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดคือรพีภัค คุณหญิงแม่ของรพีภัคตัดสินใจส่งตัวลูกชายไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์กับคุณอาเพราะเชื่อว่าจะทำให้สุขภาพดีขึ้น

เมื่อไม่มีคู่แข่งและไม่มีคนต้องห่วง คุณชายก็เปลี่ยนชื่อโรงเรียนที่จะศึกษาต่อ จากโรงเรียนธรรมดาเป็นโรงเรียนประจำ ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน และเป็นโรงเรียนดังที่มีนักเรียนสอบติดได้เข้ามหาวิทยาลัย ไม่ก็ได้เรียนต่อในโรงเรียนนายร้อยมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

คุณชายมีเหตุผลที่เลือกโรงเรียนนี้ แล้วก็ได้กราบเรียนให้ท่านพ่อทราบโดยละเอียด ต่อหน้าท่านป้าและหม่อมแม่

“ชายไม่อยากไปเมืองนอกเพราะห่วงคุณแม่ พี่ชายภาสไปคนหนึ่งแล้ว ท่านพ่อก็ไม่อยู่ ที่บ้านก็เหลือแค่ชายเป็นผู้ชายคนเดียว จะทิ้งไปไกลๆ ได้อย่างไร ส่วนที่อยากเรียนโรงเรียนประจำก็เพราะชายโตแล้ว เป็นลูกผู้ชายก็ต้องหัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไปเจอความลำบากเสียบ้างจะได้ฝึกตน”

หม่อมเนียรฟังเหตุผลยาวเหยียดของลูกชายอย่างคล้อยตาม แต่ก็แทบเป็นลมล้มพับเมื่อตระหนักได้ว่าสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมดทั้งมวลเป็นการชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อเข้าสู่เหตุผลหลัก

“ชายอยากเป็นทหาร”

“แม่ไม่อนุญาตเด็ดขาด” หม่อมเนียรร้องห้ามแทบไม่ทัน

ในยุคสมัยที่ประเทศชาติเพิ่งผ่านพ้นภัยสงครามมาหมาดๆ การได้ยินว่าลูกอยากเป็นทหารสำหรับแม่บางคนแล้วไม่ต่างกับการที่ลูกบอกว่าจะไปตาย ท่านหญิงเองก็ใจหายที่ได้ยินหลานพูดอย่างนั้น นับตั้งแต่เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ไป บรรดาโอรสก็ไม่มีใครได้ข้องเกี่ยวกับการทหารอีก

“ชายศุไม่มีความคิดอยากเรียนแพทย์หรือเรียนกฎหมายอย่างท่านพ่อบ้างรึ” ท่านหญิงช่วยโน้มน้าว

ท่านชายทินกรเคยมีตำแหน่งใหญ่โตในกระทรวงยุติธรรม แม้ว่าตอนนี้จะเลือกไปเป็นผู้พิพากษาอยู่ทางเหนือ แต่ก็ยังเป็นที่นับหน้าถือตา คุณชายเองก็ภาคภูมิใจในตัวท่านพ่ออยู่ไม่น้อย

“เป็นทหารก็ต้องเรียนกฎหมายครับท่านป้า อีกอย่างคือชายคิดดีแล้ว ชายอยากจะเข้มแข็งพอที่จะปกป้องประเทศชาติ ปกป้องคนที่ตัวเองรัก”

“ดี เป็นลูกผู้ชายต้องให้ได้อย่างนี้” ท่านชายตบหัตถ์ด้วยความพอใจ “พ่ออนุญาต”

ท่านชายเข้าใจหัวอกของลูกได้ลึกซึ้งกว่าใคร สมัยท่านยังเด็กก็อยากเป็นทหารแต่ถูกหม่อมแม่กับเสด็จพ่อทัดทานก็เลยจำต้องเรียนทางด้านกฎหมายแทน

“ท่านพี่!” หม่อมเนียรอุทานอย่างไม่เชื่อหู

ส่วนท่านหญิงถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วพึมพำออกมาว่า

“ถ้าตัดสินใจดีแล้วก็ตามใจ”

ได้ยินแบบนั้นหม่อมเนียรก็เป็นลมล้มพับไปเลย

เรื่องที่คุณชายอังศุธรอยากเป็นทหารกลายเป็นเหตุทำให้หม่อมเนียรฟูมฟายตัดพ้อต่อว่าท่านชายกับลูกสารพัด แต่คุณชายก็ใจแข็งกว่าที่คิด ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิดง่ายๆ ไม่ว่าหม่อมเนียรจะเพียรพยายามกล่อมสักเท่าไรก็ไม่รับฟัง

หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย คุณชายอังศุธรก็สอบผ่านได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยสมใจ ด้วยอายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีเต็มด้วยซ้ำ

ทีแรกหม่อมเนียรก็ออกมาขู่ประกาศตัดแม่ตัดลูกอยู่เหมือนกัน โชคดีที่ได้ท่านหญิงแสงแขช่วยเกลี้ยกล่อมให้ ท่านหญิงว่านายทหารเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ส่งให้ไปรบเสมอไป ถึงไปถ้าเป็นนายร้อยก็เป็นผู้บังคับบัญชาเขา อีกอย่างยุคนี้เป็นยุคที่ทหารเป็นใหญ่ มีอำนาจล้นมือ มีลูกรับราชการทหารเสียคนหนึ่ง ย่อมเป็นที่เชิดหน้าชูตา หม่อมเนียรซึ่งเป็นแม่ก็จะพลอยมีคนนับหน้าถือตาไปด้วย หากวันหนึ่งลูกได้เป็นนายพันหรือนายพล

รับสั่งของท่านหญิงทำให้หม่อมเนียรใจอ่อนลงทีละน้อย ในที่สุดก็ยอมรับเรื่องที่คุณชายอังศุธรไปเรียนโรงเรียนนายร้อยได้ ทั้งยังเริ่มยืดอกอย่างภูมิใจเมื่อได้รับรู้ถึงอิทธิพลของทหารยศสูงๆ ในประเทศ ลูกรักคนนี้ยังคงเป็นความหวัง และหม่อมเนียรก็มั่นใจว่าลูกคนนี้จะไม่มีวันทำให้ผิดหวังอย่างเด็ดขาด



โชคชะตาทำให้พระอาทิตย์สองดวงมีอันต้องโคจรถอยห่างจากพระจันทร์ไป แต่ก็เพราะฝีมือของโชคชะตาอีกเหมือนกันที่ทำให้พระอาทิตย์ดวงที่เคยจากไปโคจรกลับมายังถิ่นฐานบ้านเกิด

ในปีที่พระจันทร์อายุสิบสองย่างสิบสามหรือก็คืออายุสิบแปดตามอายุจริง ท่านชายทินกฤตก็ส่งข่าวมาว่าจะเสด็จกลับ ท่านมีพระประสงค์จะประทับอยู่ที่ประเทศไทยชั่วระยะหนึ่งก่อนจะกลับไปศึกษาต่อ แม้ว่าจะทรงเรียนจบจนได้เป็นสถาปนิกแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองมีความรู้ไม่มากพอเลยขอเวลาเรียนต่ออีกหน่อย ซึ่งจุดนี้ไม่มีพระญาติคนใดเห็นค้าน ขอเพียงกลับมาให้พี่น้องได้เห็นหน้าบ้างและหมั่นส่งข่าวคราวมาอย่างสม่ำเสมอก็พอ

เมื่ออนุชาแจ้งมาดังนั้น ท่านหญิงแสงแขก็มีรับสั่งให้ทำความสะอาดตำหนักริมน้ำ ซ่อมแซมตกแต่งเสียใหม่ให้น่าอยู่ ท่านหญิงสั่งติดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ในห้องบรรทมกับห้องทรงพระอักษรของท่านชายด้วย เพราะห่วงว่าอยู่เมืองหนาวมานาน ต้องกลับมาในช่วงฤดูร้อนจะปรับตัวไม่ได้

พระจันทร์เป็นคนหนึ่งที่ถือว่าเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการทำงาน ตอนนี้เด็กสาวทำได้สารพัด ทั้งยังเชี่ยวชาญงานฝีมือหลายอย่าง ที่หมั่นเพียรฝึกฝนวิชาของลูกผู้หญิงมาตลอดสี่ปีเต็ม เพราะตระหนักว่าอาชีพของผู้หญิงในยุคนี้มีไม่มากเท่าไร จะให้เกาะป้าเกาะท่านหญิงไปชั่วชีวิตก็คงไม่ได้ ดังนั้นอะไรที่เรียนแล้วเกิดประโยชน์ เธอขอเรียนเอาไว้ก่อน

นับว่าโชคดีที่อาจารย์ใหญ่เห็นว่าพระจันทร์มีความรู้เกินกว่าจะสอน จึงจับไปเรียนกับชั้นเดียวกับท่านหญิงและวายุตา แล้วอนุญาตให้อ่านหนังสือตามแต่จะสนใจกับเอางานฝีมือมาทำในห้องได้

การบ้านของพระจันทร์ถ้าไม่ใช่พวกงานเย็บปักถักร้อยก็จะเป็นการสรุปความจากหนังสือที่อาจารย์ใหญ่ให้มาอ่าน พอกลับมาที่วังก็เรียนรู้การทำอาหาร แกะสลักผักผลไม้ไปตามเรื่อง ไม่นานก็ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่หลายๆ คนว่ามีความสามารถเกินเด็ก

พระจันทร์ใช้เวลาตลอดสัปดาห์ช่วยกันกับพุดจีบเย็บผ้าม่านใหม่อย่างขยันขันแข็ง เพราะมีพระจันทร์อยู่พุดจีบจึงไม่ถูกบังคับให้เรียนมัธยมปลาย แต่ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนการเรือนและเรียนตัดเย็บแทน นอกจากนี้ท่านหญิงยังเมตตาให้เรียนดนตรีไทยกับข้าหลวงของท่านด้วย พุดจีบเรียนรู้อะไรมาก็จะเอามาสอนพระจันทร์เสมอ พระจันทร์เลยใช้จักรเป็นและตัดเย็บเสื้อผ้าง่ายๆ ได้ มีเพียงวิชาดนตรีเท่านั้นที่เรียนอย่างไรก็ไม่ไหวเอาเลย จะร้องหรือจะบรรเลงก็ไม่เอาไหนทั้งนั้น เธอเลยยอมแพ้หันมาทำงานที่ตัวเองถนัดดีกว่า

พอผ้าม่านเสร็จ พระจันทร์ก็ต้องวิ่งวุ่นช่วยกันแขวนผ้าม่านและเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านชาย ท่านหญิงแสงแขมีรับสั่งว่าให้ท่านชายพักให้สบายสักคืนสองคืนก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดพิธีบุญกับรับขวัญ เสร็จแล้วจึงค่อยเป็นงานเลี้ยงต้อนรับตอนเย็น

ทุกคนในวังชื่นชีวีต่างก็เฝ้าคอยให้ท่านเสด็จมา เมื่อถึงวันหลายคนจึงมารอเฝ้ารับเสด็จตรงถนนทางเข้าวัง พระจันทร์เองก็อยากไปกับเขาด้วย แต่ก็มีอันต้องอดไปเพราะไม่สบาย

ในคืนก่อนที่ท่านชายจะเสด็จมา พระจันทร์มีอาการปวดท้อง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก พอตื่นมาเตียงนอนก็เปรอะด้วยคราบเลือดแล้ว

“ประจำเดือน” พระจันทร์พึมพำ

“เอ็งเป็นสาวแล้วนะพระจันทร์” นางสมใจว่าเมื่อเห็นคราบเลือด

ถึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่พระจันทร์ก็อดขัดเขินสายตาของคนอื่นที่มองมาตอนทราบเรื่องนี้ไม่ได้ เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงจริงๆ ก็คราวนี้ เพราะตอนก่อนย้อนอดีตมาพระจันทร์ไม่เคยมีประจำเดือนมาก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอนั่นเอง การเจริญเติบโตก็เลยพลอยช้าไปด้วย

“ไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วใช้นี่ซับเลือดไปก่อนนะ” นางสมใจส่งผ้าสะอาดที่พับซ้อนกันเป็นชิ้นให้ แล้วตะโกนให้ว่านไปหาซื้อโกเต๊กซ์มาให้พระจันทร์

เจ้าโกเต๊กซ์ที่ว่าคือผ้าอนามัยยุคบุกเบิกเจ้าแรกๆ ที่เข้ามาในเมืองไทย วิธีการใช้ต้องสวมคาดเอวและเกี่ยวกับตะขอทั้งสองข้างของตัวผ้าอนามัยเพื่อความสะดวกเวลาต้องเคลื่อนไหว เห็นแล้วพระจันทร์ก็คิดถึงผ้าอนามัยสมัยใหม่ขึ้นมาจับจิต แต่ในเมื่อหาไม่ได้ก็ต้องทนใช้ของในยุคโบราณไปตามยถากรรม ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่เลวร้ายนัก

หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นางสมใจก็ให้พระจันทร์มานั่งกลั้นหายใจถัดบันไดบ้านสามขั้น เขาว่าทำแบบนี้แล้วประจำเดือนจะมาแค่สามวัน ส่วนจริงเท็จแค่ไหนพระจันทร์บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ไม่จริง’

ประจำเดือนครั้งแรกของพระจันทร์นั้นมาเกือบเจ็ดวัน พร้อมกับอาการปวดท้องและสิ่งที่เรียกว่าไข้ทับระดู พระจันทร์ไม่เพียงแต่อดไปรับเสด็จท่านชาย แต่ยังอดร่วมงานเลี้ยงและพลาดอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างๆ น่าเจ็บใจ



นับจากวันแรกที่ได้ประทับบาทลงบนแผ่นดินเกิดจนมาถึงวันนี้ก็นับเป็นระยะเวลาร่วมสองสัปดาห์แล้วที่ท่านชายทินกฤตกลับมาประทับอยู่ที่เมืองไทย แต่ก็ไม่มีวันไหนเลยที่จะว่างเว้นจากกิจธุระ ความที่ไม่ได้กลับมาหลายปี จึงมีญาติมิตรมารอเฝ้าและมีพระญาติผู้ใหญ่ที่ต้องไปกราบหลายท่าน กว่าจะได้เจอกันครบและทักทายอย่างทั่วถึงก็กินเวลาหลายวัน

ทันทีที่คิดว่าหมดธุระแล้ว ท่านชายก็เร้นกายกลับเข้าตำหนักริมน้ำ ทรงอนุญาตให้แต่มหาดเล็กที่ติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่เมื่อครั้งเสด็จไปอังกฤษ กับข้ารับใช้ผู้ชายอีกคนคอยรับใช้ นอกนั้นไม่อนุญาตให้เข้ามาในเขตตำหนักเพราะท่านชายต้องการความเป็นส่วนตัว จะเสด็จออกมาก็เพียงกรณีเดียวเท่านั้นคือท่านหญิงให้คนมาทูลเชิญ

ท่านชายมีพระประสงค์อยากจะพักผ่อนสบายๆ อ่านหนังสือที่นำติดตัวมาสักเดือนหนึ่ง แล้วจึงค่อยกลับเข้าสังคมอีกครั้ง ดังนั้นจึงทรงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่งกายด้วยกางเกงแพรเสื้อคอกลม เดินไปไหนมาไหน ถ้าท่านพี่มาเห็นเข้าคงตำหนิว่าเหมือนชุดนอน ไม่ก็ค่อนว่ามหาดเล็กยังแต่งกายดูดีกว่า แต่ท่านก็ไม่ได้ใส่พระทัยเพราะถือว่านี่เป็นอาณาเขตส่วนตัว มารู้ว่าคิดผิดก็ตอนเจอผู้บุกรุกในยามสายของวันหนึ่ง

ท่านชายเสด็จมาเดินเล่นในสวน ขณะที่กำลังผ่อนคลายอิริยาบถก็บังเอิญเหลือบเนตรไปเห็นว่าบนต้นไม้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเด็ดชมพู่กินอย่างสบายใจ แถมยังทิ้งเศษลงมาแบบไม่เกรงใจคนอยู่ด้านล่างด้วย

“ใครน่ะ กล้าดียังไงรุกล้ำเข้ามาในตำหนักของท่านชาย แล้วยังกล้ามาขโมยของอีก” ทรงแกล้งตะโกนดังๆ หมายจะให้ขโมยตัวน้อยขวัญเสีย

ทว่าสิ่งที่ทรงได้รับกลับมากลับกลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเด็กน้อย อึดใจร่างเล็กๆ ก็กระโดดตุ้บลงมา ทำให้เห็นได้ถนัดตาว่าคนบนต้นไม้ไม่ใช่เด็กเล็กเสียทีเดียวแต่ก็ยังไม่เป็นสาวเต็มตัว เรียกให้ถูกคงต้องพูดว่าเป็นเด็กหญิงที่กำลังจะโตเป็นสาว แขนขาเริ่มยาวเรียว โครงหน้าเข้ารูป พอให้เห็นเค้าว่าเมื่อโตขึ้นจะต้องเป็นคนสวย

“พี่ชายเป็นมหาดเล็กของท่านชายใช่ไหม”

ท่านชายทรงอึ้งไปหลายอึดใจ เมื่อถูกลดขั้นลงมาให้มีตำแหน่งเป็นเพียงแค่มหาดเล็กรับใช้

“ต้องใช้แน่ๆ ในครัวเขาลือกันว่ามหาดเล็กที่ชื่อว่าตะวันทั้งหล่อ ทั้งสมาร์ท เป็นรองเสียก็แค่ท่านชายเท่านั้น”

พระจันทร์คิดว่าใช่เพราะผู้ชายร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ตรงหน้า มีผิวพรรณขาวนวลเนียนแบบคนที่ไปอยู่ต่างประเทศมาเป็นระยะเวลานานๆ

แม้จะถูกชมแต่ท่านชายก็ไม่ยินดีเลยสักนิด ทรงกระแอมเบาๆ เป็นเชิงให้แม่นกน้อยช่างพูดหยุดเจื้อยแจ้ว

“ตอบคำถามฉันมาว่าเธอเป็นใคร”

“หนูชื่อพระจันทร์ค่ะ อาศัยอยู่ในวังนี้” เด็กสาวยอมตอบในที่สุด

“แล้วไม่รู้หรือไงว่าท่านชายสั่งห้ามคนเข้ามาในเขตนี้”

“รู้ค่ะ” พระจันทร์ยอมรับแต่โดยดี “...แต่ถ้าพี่ชายไม่บอกก็ไม่มีใครรู้จริงไหม” พระจันทร์ยกมือขึ้นมาจุปาก

‘เด็กเจ้าเล่ห์’ ท่านชายนึกค่อนในใจ แต่ก็ไม่รู้สึกกริ้ว ในทางตรงกันข้ามกลับนึกสนใจเด็กน้อยหน้าใส ที่มีแววตาฉลาดเฉลียวเกินวัยคนนี้ขึ้นมา

“ถ้าฉันจะฟ้องเสียอย่าง เธอจะทำอะไรได้”

เด็กสาวไม่ว่ากระไรแต่เอาชมพู่ที่เด็ดมายัดใส่มือคนตัวโตกว่า

“กล้าให้สินบน โทษเป็นเท่าตัวนะ” ท่านชายทรงขู่เสียงเข้ม หวังจะให้รู้สึกกริ่งเกรงขึ้นมาบ้าง

ไร้ผลเช่นเคย พระจันทร์ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วพูดออกมาว่า

“ไม่ใช่สินบนค่ะ สมรู้ร่วมคิดต่างหาก”

ท่านชายถึงกับตรัสอะไรไม่ออกเลยกับความเจ้าอุบายของวายร้ายตัวจ้อย เห็นอีกฝ่ายทำหน้าอึ้งจัดพระจันทร์ก็หัวเราะเสียงใส

เด็กสาวเดินจากไปในวินาทีต่อมา พอเหลียวมองไปก็เห็นว่าอีกฝ่ายหันหลังกลับมามองเช่นกัน แม่ตัวดีก็โบกมือหย็อยๆ ให้ พลางตะโกนว่าพรุ่งนี้จะมาเล่นด้วยอีก

ท่านชายส่ายหน้าอย่างอ่อนพระทัย เมื่อร่างเล็กๆ หายลับไปจากสายตา ก็ทรงก้มลงมองชมพู่ในหัตถ์แล้วแย้มสรวลอย่างขบขัน

“สมรู้ร่วมคิดอะไรกัน นี่มันของฉันทั้งนั้น”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีท้ายตอนค่า ในที่สุดท่านชายของเดี๋ยนปรากฎกายแล้น (กัดผ้าเช็ดหน้า ดีใจน้ำตาไหลพรากๆ) พร้อมกันนี้ก็ขออนุญาตเก็บคุณชายกับรพีพักใหญ่ๆ นะคะ เปิดทางให้ท่านชายมีบทบ้างอะไรบ้าง แบบว่าต้องเอาสองหนุ่มไปฟูมฟักในเนิร์ธเซอร์รี่ ทำการพาสเจอร์ไรท์ก่อนจะนำออกสู่สาธารณะค่า แฟนคลับอดใจรอนิสนึงนะคะ ^O^

เกร็ดความรู้ประจำตอน
ว่าด้วยเรื่องของเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ สมัยปี 2500 ไทยแลนด์แดนสยามมีแอร์บ้านใช้กันแล้วนะคะ แต่ว่ายังไม่แพร่หลาย ไม่รวยจริงเลิศจริงหามาติดลำบากค่ะ
ส่วนสถานที่แรกที่ติดเครื่องปรับอากาศในไทยคือ โรงมหรสพหลวง ศาลาเฉลิมกรุง หรือ "เฉลิมกรุง" ค่ะ เป็นโรงมหรสพหลวง ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร แรกเริ่มเดิมทีเป็นโรงภาพยนตร์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เปิดฉายภาพยนตร์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2476 (สมัยรัชกาลที่ 7) นับว่าเป็นโรงภาพยนตร์ติดแอร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้ค่ะ




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2556, 00:01:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2556, 00:44:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2352





<< บทที่ 15 ปกป้อง   บทที่ 17 พี่ตะวัน >>
mottanoy 17 มิ.ย. 2556, 00:25:20 น.
คิดถึงชายศุ


konhin 17 มิ.ย. 2556, 00:40:01 น.
อ้าว อย่าบอกน้าว่าเปลี่ยนพระเอก เอ หรือเอาไปซ่อนไว้ก่อน เค้านึกว่าชายอังจะเป็นอ่ะ


คิมหันตุ์ 17 มิ.ย. 2556, 01:44:07 น.
ท่านชายนี่อายุประมาณ ยี่สิบสองเห็นจะได้ไหมคะ...ป๋าคนโตเลยนะคะเนี่ย ห้าห้า

หนุ่มๆ น่าสนใจทุกกกกกคน รอ อีกสองหนุ่มออกจากเนิสเซอรี่นะจ๊ะ อิอิ


ยัยบ๊อง555 17 มิ.ย. 2556, 01:52:12 น.
น้องว่าท่านชายคนนี้แหละพระเอก เชียร์ๆๆๆๆๆ


wii 17 มิ.ย. 2556, 04:08:24 น.
อ๋ายยยย ตายเเล้ววววว หนึ่งหญิงสามชายนะเนี่ย เเต่เเอบเชียร์พศุเค้า เพราะคอยช่วยเหลือพระจันทร์มาตลอด เเบบปิดทองหลังพระไง พระจันทรถึงใด้รอดพ้นอันตรายมาใด้จนโตขนาดนี้


OhLaLa 17 มิ.ย. 2556, 08:30:53 น.
ขอเดาท่านชายเป็นพระเอกของพระจันทร์หรือเปล่าคะ ยังคิดถึงชายศุกับรพีอยู่นะคะ


mhengjhy 17 มิ.ย. 2556, 09:35:36 น.
เปลี่ยนเป็นเชียร์ท่านชายแทนชายศุค่าาาาา 5555


ปอกะเจา 17 มิ.ย. 2556, 11:12:34 น.
หนุ่มทุกคนชื่อแปลว่าพระอาทิตย์กันหมดเลยเหรอคะ อย่างนี้ต้องพระอาทิตย์ล้อมเดือนสินะ คึๆๆๆๆ


เสรามณี 17 มิ.ย. 2556, 14:13:07 น.
ยังเชียร์ชายอังศุธร ไม่เปลี่ยแปลง


Chii 17 มิ.ย. 2556, 16:09:47 น.
....เค้าชอบคนแก่อ้ะะะะ เค้าจะให้คนนี้เป็นพระเอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก >///////<


goldensun 17 มิ.ย. 2556, 18:56:13 น.
ซนจนโตเป็นสาวเลยนะ พระจันทร์ รู้สึกรพีจะติดบ่วงสัญญากับคุณหญิงอัง คงห่างพระจันทร์มากกว่าตะวันอีกสองดวงแน่ แถมทำดีแบบไม่ให้รับรู้ซะอีก
พระจันทร์ชงกับท่านกฤตแน่ ก่อนท่านชายไปนอกก็ป่วย กลับมาพระจันทร์ก็ป่วยอีก


Zephyr 17 มิ.ย. 2556, 19:37:56 น.
อัยยะ ลำเอียงนี่ คนอื่นให้เห็นตอนไม่ฉายแววสวย
ท่านชายมาให้เจอตอนกำลังจะเป็นสาว แหม ให้คนอื่นฟูมฟักมา แล้วท่านชายมายลโฉมเป็นคนแรกหรือนี่
เฟอร์ว่าโน้มให้ท่านชายเป็นพระเอกอ่ะ เฟอร์เดาตั้งแต่ตอนนี้เลยละกัน


ลิลลี่ 17 มิ.ย. 2556, 22:56:45 น.
แอบเชียร์ชายศุ แต่พอมาเจอท่านชายคนนี้ก็เขวไปเหมือนกันแฮะ 555555555555


wane 18 มิ.ย. 2556, 01:21:07 น.
โอ๊ย! เชียร์ไม่ถูก ไม่รู้จะเลือกใคร profile เริ่ดๆ ทุกคนอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account