ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 19 พ่อ

บทที่ 19 พ่อ

“ลูกแกที่ไหน ลูกนังจอมใจกับคุณหลวงต่างหาก” นางสมใจเอ็ดเสียงเขียว

“ฮะๆ พี่ใจพูดอะไรอย่างนั้น แม่เขาหนีตามมากับฉันก็ต้องเป็นลูกฉันสิ”

“ไม่ใช่...แจ่มจันทร์เป็นลูกคุณหลวงที่ติดท้องมา”

“คุณหลวงเขารับเป็นลูกเสียที่ไหน ปฏิเสธออกโครมๆ ว่าไม่ใช่ พี่ใจนี่ก็แปลกคน ฉันเต็มใจยอมรับเป็นลูกดีๆ ทำไมต้องเสือกไสกันด้วย” ชายหนุ่มหันมายิ้มกว้างให้กับพระจันทร์ “แจ่มจันทร์...นี่พ่อนะลูก ไม่ต้องกลัว”

พระจันทร์พูดอะไรไม่ออกเลยตอนที่ผู้ชายคนนี้แทนตัวเองว่าพ่อ ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือเรื่องของมารดาที่เพิ่งเคยได้ยิน ถึงจิตวิญญาณของเธอจะไม่ใช่แจ่มจันทร์ตัวจริงแต่ก็ใช้ร่างนี้มานานหลายปี จนเกิดความผูกพันคิดว่าเรื่องของแจ่มจันทร์คือเรื่องของตัวเองเลยอดช็อกไม่ได้

‘มิน่าคุณป้าถึงไม่ค่อยพูดถึงแม่’

กอบการเป็นผู้ชายวัยสามสิบกลางๆ ที่ดูดีคนหนึ่ง จมูกโด่งหักปลายน้อยๆ คิ้วเข้มเฉียงขึ้น ไว้หนวดเคราแต่ก็จัดแต่งอย่างดี มีทองเส้นโตห้อยที่คอบ่งบอกฐานะ แถมยังมากับหญิงสาวหน้าตาสะสวยถึงสองคนและท่าทางความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดาเสียด้วย เพราะก่อนหน้าเห็นว่าเดินควงแขนกันอยู่

เด็กสาวพยายามมองคนที่อ้างตัวเป็นพ่ออย่างเป็นกลาง แต่ก็ไม่อาจทำใจให้รู้สึกดีด้วยได้ เธอรังเกียจเขาตั้งแต่แรกเห็น อาจจะเป็นเพราะแววตาไม่น่าไว้วางใจกับบุคลิกที่ดูวางก้ามอย่างพวกอันธพาลก็เป็นได้

“แจ่มจันทร์มาให้พ่อดูหน้าใกล้ๆ หน่อยลูก แล้วพ่อจะให้เงินค่าขนม อยากได้ไหม” กอบการหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าเพื่อหลอกล่อ

พระจันทร์มองตามแต่ก็ไม่หวั่นไหวไปกับลูกไม้หลอกเด็กตื้นๆ เลยแม้แต่น้อย

“อย่ามายุ่งกับหลานฉัน” นางสมใจตวาดลั่น แล้วกางมือออกไม่ยอมให้เข้าใกล้ ราวกับอีกฝ่ายเป็นงูพิษ

กอบการแค่นยิ้มเมื่อเห็นท่าทีรังเกียจ ชายหนุ่มหมดอารมณ์สุภาพด้วยจึงโต้ไปว่า

“แกนั่นแหละไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพ่อลูก”

“ถุยยย! พ่อประสาอะไรทิ้งลูกไปเกาะกะหรี่ตั้งแต่มันยังแบเบาะ ตอนจอมใจตายงานเผาผีแกก็ยังไม่โผล่หัวมา แล้วมาอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่ออะไรตอนนี้”

นางสมใจไม่เพียงแต่โวยใส่ ป้าแกยังด่าไฟแลบอีกชุดใหญ่จนคนฟังหน้าม้าน

“อีแก่ปากดีนี่วอนซะแล้ว” กอบการชี้หน้า

“อยากทำอะไรก็เข้ามา ข้าไม่กลัวโว้ย ให้มันรู้กันไปว่าจะแพ้ไอ้พวกเก่งแต่ตบผู้หญิงกับคนแก่”

นางสมใจเลือดขึ้นหน้าจนลืมความกลัวไปสิ้น แกถลกแขนเสื้อขึ้นตั้งท่าว่าพร้อมจะลุยจริงๆ

รวงทองเห็นท่าไม่ดี จึงเดินกลับไปตามพวกผู้ชายในร้านกับสามีออกมาช่วยระงับสถานการณ์ ไม่เกินอึดใจพวกลูกจ้างในร้านก็กรูกันเข้ามายืนคุมเชิงด้านหลังนางสมใจ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าถ้าจะมีเรื่องกันที่นี่ คนที่จะโดนรุมยำคือกอบการอย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มเห็นว่าเสียเปรียบจึงไม่ทู่ซี้อยู่ต่อ

“ฝากไว้ก่อนเถอะอีแก่” กล่าวเสร็จก็หันไปออกคำสั่งกับผู้หญิงสองคนที่มาด้วยกัน “ตามมา วันนี้หงุดหงิดโว้ย ไม่ซ้งไม่ซื้อของแล้ว”

กอบการเตะม้วนผ้าที่ขวางทางอยู่เสียจนล้ม ถ้าเป็นร้านคนไทยเจ้าของร้านคงปล่อยผ่านเพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่นี่เป็นถิ่นแขกชาวซิกข์ที่ได้ชื่อว่ายุติธรรมและไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ กอบการจึงไม่อาจจะออกจากร้านไปได้โดยง่าย

“เดี๋ยว!” ราจีฟเรียกเอาไว้ “แกทำผ้าเปื้อน จ่ายค่าเสียหายมา” ชายหนุ่มชี้ไปที่ม้วนผ้าสีขาวซึ่งเป็นรอยรองเท้า

“ไม่จ่ายโว้ย! อยากวางขวางทางเกะกะเท้าทำไม” คนที่กำลังอารมณ์เสียหันมามองตาขวาง

“เลือกเอา จะจ่ายด้วยเงินหรือจ่ายด้วยเลือด” ราจีฟยื่นคำขาด

อึดใจเดียวลูกน้องในร้านก็ตรงเข้าล้อมปิดทางออกอย่างรู้งาน ให้มันรู้กันไปว่าบังอาจมากร่างข้ามถิ่นจะต้องเจอกับอะไร

“พี่กอบ อย่ามีเรื่องเลย” รุ่งเอ่ยขึ้น

“กลับกันเถอะนะพี่ ฉันจ่ายค่าผ้าให้เอง” เฟื่องฟ้าช่วยพูดอีกแรงแล้วก้มหน้าเตรียมควักเงินออกจากกระเป๋า

กอบการทำท่าฮึดฮัดแต่ก็ยอมให้ผู้หญิงที่มาด้วยจ่ายค่าผ้าที่ตัวเองทำเสียหาย ชายหนุ่มสบถเป็นคำหยาบอีกหลายคำ ก่อนจะกระทืบเท้าปึงปังออกจากร้านไป

“คราวหน้าถ้ามันมาอีก ไล่ตะเพิดมันไปได้เลย ร้านเราไม่ต้อนรับแมงดา” ราจีฟสั่งลูกน้อง

ชายหนุ่มไม่เสียเวลาสอบถามข้อพิพาทระหว่างนางสมใจกับกอบการแม้แต่นิดเดียว เพราะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เขารักกับภรรยามานาน ทั้งยังอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่จอมใจหอบลูกหนีมาขอความช่วยเหลือด้วย ถ้าไม่มีไอ้สารเลวคนนี้ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งก็คงไม่ต้องตาย

ราจีฟ รวงทองและนางสมใจพร้อมใจกันมองมาทางพระจันทร์ สีหน้าของเด็กหญิงเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย เธอสบตาผู้ใหญ่ไล่ไปทีละคนเพื่อขอคำอธิบาย แต่ทุกคนก็พากันหลบตาหมด ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเลย

ผู้ใหญ่ทั้งสามคนต่างก็ลำบากใจที่จะพูด เพราะมันโยงใยถึงชื่อเสียงและเกียรติของมารดาเด็กน้อย ด้วยเหตุนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจึงแสร้งทำเป็นลืม ปล่อยให้เรื่องราวตายไปพร้อมกับจอมใจ อดีตจะได้ไม่กระเด็นมาเปรอะเปื้อนผ้าขาวบริสุทธิ์อย่างพระจันทร์

รวงทองคิดได้ก่อนเพื่อนว่าเธอกับสามีไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจก็เลยบุ้ยใบ้ให้นางสมใจเป็นคนจัดการ ซึ่งทางนั้นก็ส่ายหน้าดิก สายตาฟ้องชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไป

“บอกพระจันทร์เถอะพี่ใจ ด่าไปเสียขนาดนั้น เด็กมันรู้เกือบหมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร” รวงทองกระซิบ

“แต่...”

“บอกเถอะพี่ ยังดีกว่าให้รู้จากคนอื่น”

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจรวงข้าวก็เข้ามาในร้านเสียก่อน หญิงสาวไม่ทราบเหตุการณ์ก่อนหน้า จึงพูดทักทายน้องสาวด้วยรอยยิ้ม ทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลง รวงทองเห็นดังนั้นจึงชักชวนรวงข้าวไปดูผ้าที่เพิ่งสั่งมาใหม่ ทิ้งให้สองป้าหลานคุยกันตามลำพัง

นางสมใจมองหน้าหลานสาวอีกครั้ง แกรอให้พระจันทร์เอ่ยปากถามออกมาว่าผู้ชายคนนี้ใช่พ่อที่แท้จริงหรือไม่ ทางด้านเด็กสาวก็เลยรอให้ป้าเป็นผู้เฉลยเพราะไม่อยากบังคับใจ เมื่อต่างคนต่างไม่ยอมพูดความเงียบจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน สุดท้ายประเด็นนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ให้กลายเป็นเรื่องคาใจต่อไป

ที่จริงพระจันทร์ก็อยากรู้ว่าพ่อของแจ่มจันทร์คือใคร แต่ก็ขจัดความสงสัยออกไปได้อย่างรวดเร็ว จะมีพ่อเป็นคุณหลวง แมงดาหรือมหาโจรก็ไม่สำคัญเลยสักนิด ความจริงจะเป็นเช่นไรเด็กน้อยคนนี้ก็ยังเป็นลูกที่พ่อไม่ต้องการอยู่ดี



เรือนธิดาสวรรค์ คือสำนักโคมเขียวชื่อดังในย่านค้าประเวณีของพระนคร เจ้าของเป็นสตรีโฉมงามวัยสามสิบเศษนามว่าชิวหง ทุกวันนี้หญิงสาวเป็นเพียงแม่เล้างดให้บริการแขกแต่ก็ยังสวยสะพรั่ง สมกับที่เคยเป็นดาวดังในอดีต

สำนักโคมเขียวของชิวหงเป็นซ่องชั้นสูง ภายในก็ตกแต่งอย่างสวยงาม หญิงสาวที่ทำงานบริการแขกก็ล้วนหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา กิริยามารยาทดี ความที่เปิดรับแต่พวกเศรษฐีมีเงิน ชิวหงจึงไม่แต่เพียงร่ำรวย เธอยังมีผู้มีอิทธิพลหลายคนให้การสนับสนุนด้วย หนึ่งในนั้นคือเจ้าสัวเล้ง เจ้าของห้างทองใหญ่

ชิวหงมีหน้าที่จัดหาเด็กสาวบริสุทธิ์ส่งไปให้ ซึ่งก็ได้รับค่าตอบแทนอย่างงามเสมอ ทว่านับวันลูกค้ารายใหญ่รายนี้ก็ชักจะเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ หาว่าเด็กที่ส่งไปขี้ริ้วบ้าง แก่ไปบ้าง ล่าสุดเจ้าสัวเล้งมีคำสั่งลงมาว่าอยากได้อนุภรรยาสักคน แล้วก็ต้องมีกิริยามารยาทด้วย เธอก็เลยส่งเอื้อง สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่เพิ่งได้ตัวมาจากทางเหนือไปให้ ผลคือถูกส่งตัวกลับมาแทบไม่ทันแถมยังมีการโทรศัพท์มาโวยวายอีกระรอก

“ลื้อไม่มีปัญญาหาเด็กที่ดีกว่านี้มาให้อั๊วแล้วหรือไง”

“ดิฉันคัดเด็กที่สวยที่สุดและกิริยาดีที่สุดไปให้แล้วนะคะ”

“หน้าตาน่ะพอไหว แต่อีแก่ไปนี่สิ”

“สิบสี่นี่ไม่เรียกว่าเด็กอีกหรือคะ”

“จะแต่งเมียใหม่ทั้งทีอั๊วอยากได้พวกไม้อ่อนดัดง่าย จะได้ปรับตัวเข้ากับธรรมเนียมจีนได้”

ชิวหงเบะปากอย่างดูถูกเมื่อได้รู้เจตนาที่แท้จริงของโคเฒ่าวิปริต ทำเป็นอ้างเหตุผลต่างๆ นานา ที่แท้ก็อยากจะเสพสังวาสกับเด็กผู้หญิง

“ถ้าเจ้าสัวต้องการจะให้ดิฉันจัดหามาให้ตามนั้น คงต้องกราบขออภัยแล้วล่ะค่ะเพราะดิฉันไม่มีทางจัดหามาให้ท่านได้ทันใจแน่ๆ”

“อะไรกันอาหง อั๊วอุตส่าห์คาดหวังในตัวลื้อนะ ตอนแรกก็รับปากเสียดิบดีแล้วทำไมตอนนี้บอกว่าหาไม่ได้”

“ดิฉันรับปากเพราะคิดว่าเด็กของเจ้าสัวคืออายุสิบสี่นี่คะ ไม่คิดว่าจะต้องต่ำกว่านั้น ดิฉันเป็นแม่เล้าก็จริงแต่ไม่มีปัญญาไปพรากเด็กสี่ห้าขวบมาจากแม่หรอกนะคะ”

“อั๊ยย่ะ! ลื้ออย่ามาประชดอั๊วเชียว ที่อั๊วอยากได้น่ะสิบเอ็ดสิบสอง ไม่ใช่เด็กขนาดที่ลื้อว่า”

ชิวหงต้องอดทนฟังคำต่อว่าอีกหลายคำ เธออยากกระแทกหูโทรศัพท์ใส่เสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ต้องอดกลั้นเพราะเกรงต่ออิทธิพลของนายเล้ง

บทสรุปของการสนทนานี้คือชิวหงถูกต่อว่าอย่างหนักและจะต้องหาเด็กผู้หญิงหน้าตาสวย อายุไม่เกินสิบสองส่งไปให้โดยเร็วที่สุด

“ไอ้คางคกแก่วิปริต” ชิวหงด่าเสียงดัง ทำเอาคนที่เพิ่งเข้ามาสะดุ้งเกือบทำถาดของว่างในมือหล่น

ขวัญมองนายหญิงอย่างหวาดๆ แล้วยืนค้างอยู่อย่างนั้นด้วยเกรงจะเจอฤทธิ์โทสะ ทุกคนที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าสตรีโฉมงามนางนี้ร้ายกาจและเด็ดขาดเพียงไร

“ยืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้น จะเข้ามาก็เข้ามาสิ” ชิวหงเอ็ดเมื่อบังเอิญปรายตาไปเห็น

ขวัญรีบกระวีกระวาดยกถาดเข้ามา แต่ก็ยังมิวายเกือบสะดุดขาตัวเองทำของหล่น ชิวหงมองอาการงกๆ เงิ่นๆ ด้วยความรำคาญ จึงออกปากไล่ให้ไปไกลๆ เสีย ขวัญเองก็ไม่อยากจะอยู่รองรับอารมณ์ของนายหญิงอยู่แล้ว จึงจ้ำอ้าวออกไปทันที

“เดี๋ยว!” ชิวหงเรียกไว้ก่อนที่ร่างนั้นจะทันได้พ้นออกจากกรอบประตูไป “คุณกอบการกลับมาหรือยัง ถ้ามาแล้วตามมาพบฉันด้วย”

“กลับมาแล้วค่ะ แต่...”

“แต่อะไร”

“กินเหล้าอยู่ค่ะ”

ชิวหงขมวดคิ้วจนเห็นรอยย่นที่หน้าผาก กอบการเป็นพวกกินเหล้าเจ้าชู้เหมือนพวกนักเลงทั่วไปก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่เคยดื่มกลางวันแสกๆ อย่างนี้ ยกเว้นจะมีเรื่องรำคาญใจ หญิงสาวคิดไปว่าอาจจะมีปัญหากับสำนักโคมเขียวคู่แข่งก็เลยสาวเท้าออกจากห้องพัก

หญิงสาวเดินลัดเลาะผ่านประตูลับลงมาที่โถงด้านล่างซึ่งเตรียมเอาไว้บริการแขก แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องด้านหลังซึ่งใช้เก็บเหล้าราคาแพงและเป็นที่รับรองของแขกพิเศษ

“ร้านมีปัญหาอะไร”

“เปล่า” กอบการตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากแก้วเหล้า

“แล้วดื่มทำไม”

“อย่ายุ่งน่า”

น้ำเสียงหงุดหงิดของคนที่กำลังเมาแบบกรึ่มๆ ทำให้นายหญิงแห่งสำนักเรือนธิดาสวรรค์หน้าง้ำ

“เดี๋ยวนี้แกกล้าพูดกับฉันอย่างนี้แล้วเหรอ”

สรรพนามที่เปลี่ยนจาก ’คุณ’ เป็น ’แก’ แสดงว่าเจ้าหล่อนเคืองจริง กอบการถอนใจกับเสียงตวาด เขานึกรำคาญจนอยากตะคอกกลับบ้าง ยังดีที่มีสติคิดได้ว่าการทะเลาะกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เรื่องสนุก เลยพูดตัดปัญหาก่อนที่อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายจะขุ่นลงยิ่งกว่าเดิม

“ขอโทษ ผมอารมณ์ไม่ดี” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มหูขึ้น “ขออยู่คนเดียวสักพักเถอะ”

ชิวหงยังไม่ยอมขยับไปไหน กอบการจึงลุกขึ้นมาจากที่นั่งแล้วสวมกอดตัวเธอเอาไว้ ชิวหงสะบัดตัวอย่างมีจริต ชายหนุ่มจึงรัดวงแขนแน่นขึ้น

“ผมขอโทษนะที่รัก อย่างเคืองนะคนสวย”

ชิวหงกับกอบการมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันมาหลายปี แม้ความสัมพันธ์ระยะหลังจะห่างเหินกันไปบ้าง แต่กอบการก็ยังเอาใจและตามใจหญิงสาวเสมอ เพราะยังมีความสัมพันธ์แบบเจ้าของสำนักโคมเขียวกับหัวหน้านักเลงคุมซ่องช่วยผูกมัดเอาไว้อีกอย่าง

กอบการจูบซอกคอขาวเนียน แล้วใช้มือลูบไล้ตามตัวของอีกฝ่าย อารมณ์ปรารถนาถูกจุดขึ้นมาทีละนิดแต่ก็ยังน้อยเกินกว่าจะทำให้อีกฝ่ายสมยอม ชิวหงแกะมือคนที่พยายามนัวเนียเธอออก

“หอบเหล้าไปกินที่อื่น จะได้เวลาเปิดร้านแล้ว” สั่งเสร็จก็เดินกระแทกเท้าออกไป

กอบการยักไหล่อย่างไม่โกรธเคือง จุดประสงค์เดิมของเขาคือการอยู่ตามลำพังอยู่แล้ว ชายหนุ่มคว้าขวดเหล้าแล้วเดินออกจากห้องไปปลีกวิเวกอยู่ที่ลานซักล้างด้านหลังร้าน เขาหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นปูนในขณะที่ใจลอยไปถึงคนที่ไม่ได้ระลึกถึงมาแสนนาน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีท้ายตอนค่ะ ตอนนี้ชิวๆ ไม่เข้มข้นเท่าไร (มั้ง) ใครอยากรู้รายละเอียดเรื่องแม่ของพระจันทร์ติดตามได้ในตอนหน้านะคะ เรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ค่า

หมายเหตุ ขอบคุณนักอ่านทุกท่าที่ช่วยบอกเรื่องคำผิดและชื่อตัวละครที่คนเขียนมึนเขียนสับกันด้วยนะคะ ดีใจมากมายมีคนช่วยดูให้ ถึงเวลาส่งสำนักพิมพ์ กองบก จะได้ค้อนเราน้อยลง แฮปปี้ค่า ^O^

เกร็ดความรู้ประจำตอน
ว่าด้วยเรื่องของแขก ไหนๆ พ่อราจีฟสุดหล่อของดิฉันก็ออกมาแล้ว เลยขอนำเสนอสักหน่อยค่ะ ราจีฟเป็นชาวอินเดียที่นับถือศาสนาซิกข์ค่ะ
ศาสนาซิกข์เกิดขึ้นในอินเดียช่วงราวศตวรรษที่ 16 เป็นแบบเอกเทวนิยม เนื่องจากหลักความเชื่อของศาสนาซิกข์ คือ ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว คือ "วาหคุรู"

ที่น่าสนใจคือสตรีมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในสังคมของชาวซิกข์ พวกเธอจะได้รับความเคารพนับถือ ถ้าให้กำเนิดบุตรสาวจะไม่ถือว่าเป็นเรื่องอัปมงคลแต่อย่างใด และในศาสนาซิกข์จะไม่มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นการละเมิดสิทธิสตรี อย่างเช่น "พิธีซาติ" หรือ พิธีการเผาหญิงหม้ายทั้งเป็นให้ตายตามสามีของเธอไป ซึ่งเป็นประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันในศาสนาฮินดู

ที่เก๋กูดคือในศาสนาซิกข์นั้น หญิงหม้ายชาวซิกข์ทุกคนจะมีสิทธิอย่างสมบูรณ์ในการที่จะสมรสใหม่อีกครั้ง ตามแต่ความประสงค์และความสมัครใจของเธอ
สตรีชาวซิกข์จะได้รับการยอมรับในสังคมและมีสิทธิเท่าเทียมกับบุรุษชาวซิกข์ทุกประการ พวกเธอจะมีความเป็นอิสระและมีเสรีภาพทุกประการเช่นเดียวกับบุรุษ และสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นและร่วมประกอบศาสนากิจต่างๆ รวมถึง พิธีการรับน้ำอมฤต ได้อย่างบุรุษชาวซิกข์ทุกประการ

สตรีชาวซิกข์ไม่จำเป็นจะต้องสวมผ้าคลุมหน้า แต่การสวมเสื้อผ้าที่ไม่สุภาพเรียบร้อย จะถือเป็นการเสื่อมเสียเกียรติ์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ในศาสนาซิกข์นั้นจะห้ามมิให้มีการเรียกร้องค่าเลี้ยงดูจากการหย่าร้าง และการเรียกร้องสินสอดทองหมั้นจากการแต่งงานอย่างเด็ดขาด
เลิศที่สุดค่ะงานนี้ ถ้ามีหนุ่มซิกข์หล่อๆ ดิฉันก็พร้อมยกขันหมากไปขอเหมือนกันนะคะ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มิ.ย. 2556, 00:01:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2556, 00:44:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1995





<< บทที่ 18 ชาติกำเนิด   บทที่ 20 จองเวร >>
mottanoy 23 มิ.ย. 2556, 00:21:07 น.
พระจันทร์จะแย่มั้ ยเนี่ ยะมี พ่ออย่าง นี้


konhin 23 มิ.ย. 2556, 04:38:06 น.
อย่าถึงขั้นซวยโดนจับไปขายเล้ยยยย สงสารอ่ะ


dino 23 มิ.ย. 2556, 08:17:25 น.
ลางร้ายเริ่มปราฏแล้ว


ลิลลี่ 23 มิ.ย. 2556, 12:19:20 น.
ตาแก่นั่นบ้าป่าว 14นี่ก๋ว่าเด๋กแล้วนะ นี่จะเอา11-12เลยเหรอ 55555555555555
จะเอาไปเป็นเมีย รึ เอาไปเลี้ยงเป็นลูกเนี่ย


OhLaLa 23 มิ.ย. 2556, 15:38:43 น.
โอ...ไม่นะ พระจันทร์คงไม่ซวยถึงขนาดโดนจับไปขายหรอกนะ
ปล. ตอนนี้ไม่มีหนุ่มๆ เลย แอบคิดถึงนะเนี่ย


Zephyr 24 มิ.ย. 2556, 21:44:28 น.
เด็กสิบเอ็ดสิบสองคนนั้น มันต้องมา อจ๊คพอตที่พระจันทร์แน่ๆเลย
วัววิปริตนั่น มันแก่และบ้าจริงๆ หวังว่าคนเอาไปสังเวยคงไม่ใช่ กิบการนะ มิฉะนั้นจะเลว ชาติ ชั่ว ยิิ่งกว่าเดิมอ่ะ
อ่านหนุ่มซิกข์แล้วเค้าอยากอ่านตำนานรักรวงทองอ่ะจ้ะ โน้มมมมมมม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account