มธุรัตน์เสน่หา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อนักเขียนสาวจิตป่วนโคจรมาพบกับหนุ่มเจ้าของไร่เจ้าระเบียบ ความหื่นฮารั่วจึงบังเกิดขึ้น:"รสจูบมันเป็นยังไง" เจ้าหล่อนไม่ถามเปล่าแต่กระชากคอเขามาจูบด้วย แถมยังจดโน้ตหน้าตาเฉยว่า'รสจูบ = กาแฟ' โอ้ยยย! อยากบ้า!
Tags: หนุ่มชาวไร่ สาวนักเขียน โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกแปลก ฮา รั่ว อ่านสบายคลายเครียด

ตอน: บทที่ 7 ความผิดพลาดที่หอมหวาน

บทที่ 7 ความผิดพลาดที่หอมหวาน

เมื่อไฟแห่งความปรารถนาและดับมอดลง สติสัมปชัญญะก็กลับคืนสู่พลวัต ชายหนุ่มระลึกได้ในทันทีว่าตัวเขาได้พรากความบริสุทธิ์ไปจากมธุรัตน์ไปเสียแล้ว

พลวัตภาวนาให้นี่เป็นเพียงแค่ความฝัน หากแต่ยิ่งหยิกตัวเองแรงเท่าไร เขาก็ยิ่งสำนึกได้ว่ามันเป็นความจริง

พลวัตกำหมัดแน่นแล้วก่นด่าความไม่รู้จักยับยั้งช่างใจของตัวเอง

‘เขามันคนเลว ฉวยโอกาสได้แม้แต่เพื่อนของน้องสาว’

พิมลตราต้องคลั่งแน่ถ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและเพื่อนสนิท ไม่แน่ว่าแม่น้องสาวตัวดีอาจจะลุกขึ้นมาประกาศตัดพี่ตัดน้อง แล้วประนามการกระทำของเขาให้คนในครอบครัวรับรู้

เรื่องของพิมลตราเป็นอีกปัญหาหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องเร่งร้อนจัดการในตอนนี้ คนที่เขาต้องรับมือคือหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายต่างหาก

สีหน้าของมธุรัตน์ในตอนนี้ดูเป็นสุขเหมือนกับว่ากำลังหลับฝันดี แต่เมื่อเธอตื่นมาพบกับความจริงอันโหดร้าย เธอคงจะยิ้มไม่ออกแน่

เขานึกภาพคนอย่างมธุรัตน์ร้องไห้ฟูมฟายไม่ออก เดาได้แค่ว่าสติเธอกลับคืนมาเมื่อไร เขาคงจะต้องเจอกับอะไรที่เลวร้ายแน่

พลวัตจะไม่ขอแก้ต่างให้กับตัวเองและจะยืดอกรับความผิดอย่างลูกผู้ชาย หากเธอจะทุบตี กรีดร้อง หรือตั้งข้อหาข่มขืนให้ เขาก็จะรับไว้เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการยินยอมพร้อมใจที่เกิดจากการขาดสติของทั้งสองฝ่ายก็ตาม

ชายหนุ่มจำลองภาพตัวเองถูกหญิงสาวประณามในใจ แล้วพยายามสรรหาคำพูดมารับมือกับอารมณ์ของหญิงสาว ซึ่งเขาก็นึกออกแต่คำว่าขอโทษเท่านั้น และจะพยายามชดใช้ให้เท่าทีทำได้ หรือหากเธอต้องการเขาก็พร้อมที่จะรับผิดชอบโดยการแต่งงานด้วย

คำว่า ‘แต่งงาน’ ไม่ทำให้พลวัตเครียดอย่างที่ควรจะเป็น ถึงเขาจะไม่ต้องการผูกมัดกับใคร แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นมธุรัตน์ คำว่าแต่งงานกลับฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ถึงเธอจะชอบทำตัวน่าโมโห แต่มธุรัตน์ก็ไม่เรียกร้อง ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วเหมือนมีช่องว่างให้หายใจ ไม่เหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาเคยใกล้ชิด ไม่แน่ว่าบางทีหญิงสาวอาจจะไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบก็ได้

ความคิดหลังทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแย่ แทนที่จะรู้สึกโล่งใจที่รอดตัว พลวัตเป็นคนมีความรับผิดชอบและมีความละอายใจอยู่ในมโนสำนึก เมื่อทำผิดต่อใครเขาก็ย่อมอยากจะชดเชยให้ให้มากที่สุด

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด แสงทองของวันใหม่ก็ค่อยๆ สาดส่องมาที่หน้าต่างทีละน้อย ไม่นานแสงจากดวงตะวันก็ส่องเข้ามาแยงตามธุรัตน์ ทำให้เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่เปิดออกในที่สุด

หญิงสาวรู้สึกปวดจี๊ดที่ศีรษะ ร่างกายเมื่อยขบ ตัวรุ่มๆ คล้ายจะมีไข้ เธอเปิดปากหาวขับไล่ความง่วงก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น แล้วก็ได้พบว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าติดกายอยู่เลย

มธุรัตน์คิดทบทวนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวหันไปมองหน้าพลวัตที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ แล้วหันไปมองที่ถังขยะข้างเตียง ในนั้นมีขยะซึ่งเป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนเธอกับพลวัตทำอะไรกันนอนนิ่งอยู่

หญิงสาวถอนใจหนักๆ ออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาพันตัวเอง แล้วขยับลุกขึ้นจากเตียง

“นั่นคุณจะไปไหน” พลวัตถามเสียงขรึม แล้วตั้งท่าจะลุกตามออกไป

เขาตื่นขึ้นมาใส่กางเกงป้องกันการความอุจาดก่อนเธอจะตื่นนานแล้ว แต่ไม่ได้สวมเสื้อเพราะหญิงสาวนอนทับมันอยู่ เขาต้องการเวลาคิดอะไรสักพัก ก็เลยไม่ปลุกเธอ

“อาบน้ำ” มธุรัตน์เอ่ยเสียงเรียบ แล้วเดินต่อไปที่ประตู

เธอเดินเซไปมาเพราะปวดกล้ามเนื้อ และยังรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีกขาดเพราะกิจกรรมเมื่อคืนอยู่ พลวัตจึงรีบปราดเข้าไปช่วยประคองตัวหญิงสาวเอาไว้

“ไหวหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย

มธุรัตน์ทำให้เขาแปลกใจที่ไม่โวยวายหรือร้องไห้ เธอยังดูปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเลยพานคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังช็อกอยู่ ก็เลยดูเงียบไป

“ไหว”

หญิงสาวหันมามองมือที่โอบตัวเธอไว้เป็นเชิงให้ปล่อย พลวัตก็เลยปล่อยให้เดินเอง ผลคืออีกฝ่ายเดินโซเซหนักยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มจึงทนดูไม่ไหวอีกต่อไป

“อย่าอวดเก่งน่า”

พลวัตย่อตัวลงช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เขาอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ แล้ววางตัวหญิงสาวลงบนบันไดตรงข้างอ่างอาบน้ำ

“อย่าเพิ่งอาบนะ รอผ้าเช็ดตัวก่อน”

ชายหนุ่มหันไปเปิดก๊อกน้ำ กดปุ่มปรับความร้อนให้น้ำออกมาอุ่นพอดี แล้วจึงกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวกับเตรียมเสื้อคลุมอาบน้ำมากให้

ถึงจะมีอะไรกันแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะละความกระดากอายที่มีต่อกันไปได้ อย่างน้อยก็เขาคนหนึ่งล่ะ ที่จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ หากต้องเปลือยต่อหน้าเธอ

“ขอบคุณ” มธุรัตน์เอ่ยก่อนรับของมาจากมือเขา

พอชายหนุ่มออกไปแล้ว หญิงสาวก็ลงไปนั่งแช่ในอ่างน้ำ

น้ำอุ่นช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก มธุรัตน์วางคอเกยกับขอบอ่าง แล้วปล่อยอารมณ์คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

เธอเคยคิดเล่นๆ เมื่อนานมาแล้วว่า อยากจะลองมีอะไรกับใครดูสักครั้งก่อนตาย เอาไว้เป็นประสบการณ์ชีวิต

มธุรัตน์อยากจะมีอะไรกับคนที่รัก แต่เธอไม่เคยรักใครหรือคิดจะผูกสัมพันธ์ทางใจกับใครทั้งสิ้น ดังนั้นชะตากรรมเธอคงไม่พ้นต้องแก่ตาย แล้วลงโลงไปโดยไม่เคยรู้ว่าเซ็กส์เป็นอย่างไร แต่จะให้ซื้อบริการหรือออกไปเที่ยวหาความสัมพันธ์แบบชั่วคืนกับคนแปลกหน้า หญิงสาวก็ไม่ต้องการ เธอไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักมาแตะเนื้อต้องตัวเธอ

การที่เธอยอมมีอะไรกับพลวัต ก็เพราะเขาแตกต่างจากคนอื่น เธอไม่เคยรังเกียจสัมผัสของเขา ในความเป็นจริงแล้วเธอออกจะชอบด้วยซ้ำ เวลาที่เขาลูบหัวเธอหรือบรรจงเช็ดผมให้

หลายวันนี้พลวัตกลับบ้านดึก มธุรัตน์จึงเหงามาก เธออยากเห็นหน้าเขา อยากได้ยินเสียงและอยากให้เขากอดเธอเอาไว้ให้แน่นๆ ดังนั้นพอมีแอลกอฮอล์มาเป็นตัวกระตุ้น เธอเลยเผลอเตลิดไปอย่างที่เห็น

หญิงสาวก็ไม่นึกเสียใจเลยจนนิดเดียวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ไม่เลวร้าย เพราะมันสนองตอบความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่เธอกำลังสนใจได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

มธุรัตน์สังเกตเห็นพลวัตดูนิ่งๆ หญิงสาวเลยทึกทักเอาเองว่าเขาไม่ถือสาเรื่องที่เธอยังบริสุทธิ์ และยอมรับความสัมพันธ์แบบชั่วคืนที่เกิดขึ้น

ที่ไหนได้ พอกินมื้อเช้าเสร็จ เขาก็จัดการลากเธอมาจับเข่าคุยกันที่ห้องนั่งเล่น

“มีอะไรจะพูดกับผมไหม โดยเฉพาะเรื่องเมื่อคืน”

ชายหนุ่มจ้องเขม็งมาที่หญิงสาว เธอไม่ยอมพูดอะไรเสียที เขาเลยรู้สึกอึดอัดจนแทบบ้า จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปเขาก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง

“ไม่มี”

“ไม่มีได้ยังไง ก็เมื่อคืนเรา...เรามีอะไรกันนี่” พลวัตเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาด้วยความกระดาก

ความจริงคนที่อายน่าจะเป็นฝ่ายหญิง แต่เจ้าหล่อนกลับดูนิ่งจนเขาต้องเป็นฝ่ายอายแทน

“แล้วไง ฉันต้องให้คะแนนหรือ” หญิงสาวย่นหัวคิ้วอย่างครุ่นคิด

เธอไม่มีตัวเปรียบเทียบเสียด้วยสิ แล้วจะให้คะแนนเขาได้อย่างไรกัน

พลวัตแทบจะหงายหลังตึงกับความคิดของหญิงสาว เซลล์สมองเจ้าหล่อนจะต้องมีอะไรผิดปรกติแน่ ถึงได้คิดไปคนละเรื่องได้แบบนั้น

“ไม่ใช่! ผมหมายถึงคุณไม่อยากให้ผมรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง”

“ไม่!” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ทำไม ผมไม่ดีพอที่จะรับผิดชอบคุณหรือไง”

มธุรัตน์ส่ายหน้าแทนคำตอบ พลวัตเป็นคนดีพร้อม แต่ที่ปฏิเสธเป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ หรือรู้สึกผิดในเรื่องที่เธอยินยอมพร้อมใจ

“แล้วทำไมล่ะ คุณไม่โกรธ ไม่โมโห หรือไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง นั่นครั้งแรกคุณนะ”

พลวัตเน้นประโยคสุดท้ายเป็นพิเศษ เผื่อว่าสามัญสำนึกแบบปุถุชนทั่วไปของหญิงสาวจะกลับมาบ้าง

“เป็นครั้งแรกของคุณเหมือนกันหรือ”

“ไม่ใช่!”

“อยากให้ฉันรับผิดชอบหรือ” หญิงสาวเดา

ที่คิดได้แบบนี้เพราะเห็นเขาตีโพยตีพายหน้าดำหน้าแดง ประหนึ่งตัวเองเป็นผู้เสียหายอย่างไรอย่างนั้น

“ผมสิต้องรับผิดชอบ ผมเป็นผู้ชายนะ แล้วก็เพิ่งพรากความบริสุทธิ์คุณไปด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงที่แทบจะตะโกน

“ฉันไม่ถือ และไม่ต้องการอะไร จะจบเรื่องได้หรือยัง” หญิงสาวพูดหน้าตาย ทำเอาคนฟังถึงกับจุกไปเลยทีเดียว

จริงอย่างที่มธุรัตน์พูดทุกอย่าง เธอเป็นผู้หญิง เธอยังไม่คิดอะไรเลย แล้วเขาผู้ชายจะมาตีโพยตีพายทำไมกัน แถมตอนมีอะไรกันพวกเขาใช้เครื่องป้องกัน เรื่องท้องหรือโรคติดต่อย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไปคงจะตีปีกที่รอดตัวไม่ต้องรับผิดชอบ หนำซ้ำยังอาจจะต้องฉลองที่ได้มีอะไรกับผู้หญิงบริสุทธิ์ แต่พลวัตกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด ท่าทีเฉยชาของมธุรัตน์ทำให้เขารู้สึกไร้ค่า เหมือนกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกฟันแล้วทิ้ง

นี่ถ้ายังอยู่บนเตียง ไม่แน่ว่าฝ่ายที่ต้องกอดหมอนแล้วร้องไห้กระซิกๆ อาจจะเป็นเขาก็ได้

‘นี่เขาเป็นบ้าอะไรไปอีก?’

พลวัตรู้สึกสับสนในตัวเองจนอยากจะร้องตะโกนออกมาสุดเสียง พอหันไปเห็นมธุรัตน์เดินอย่างสบายใจไปหยิบหนังสือมานั่งอ่าน สติของเขาก็ขาดผึงในทันที

เขากำลังเครียดจนแทบบ้า แต่เธอกับชิลล์จนน่าโมโห

“ผมจะไม่ขอยุ่งกับผู้หญิงอย่างคุณอีกแล้ว” ชายหนุ่มแผดเสียงดังลั่น แล้วเดินกระแทกเท้าออกไปจากบ้าน

มธุรัตน์ได้ยินเสียงเร่งเครื่องดังสั่น ตามมาด้วยเสียงรถยนต์เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วหันมาสบตากับเจ้าไมเคิล

“ครั้งแรกเหมือนกันแน่เลยเนอะ” หญิงสาวฟันธงกับเจ้าแมวน้อย

ถ้ามันพูดภาษาคนได้ มันคงต้องบอกแน่ว่าตัวต้นเหตุคือนายสาว แต่เนื่องจากมันเป็นแมว มันเลยได้แต่ร้องเหมียวและอ้อนมธุรัตน์ต่อไป


หลังจากพลวัตออกจากบ้านไปแล้ว ตกบ่ายสายฝนห่าใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ลมแรงหอบเอากระเบื้องหลังคาโรงอาหารปลิวหายไปหลายแผ่น กว่าพายุจะสงบก็ตกดึกมากแล้ว การตรวจตราและซ่อมแซมความเสียหาย จึงต้องทำกันในจุดที่สำคัญก่อน ส่วนอย่างอื่นยกยอดไปทำกันวันพรุ่งนี้

พลวัตฉวยโอกาสอยู่สั่งการที่ออฟฟิศจนดึก เขาใช้เวลาช่วงที่รอให้ฝนซาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ชายหนุ่มรู้สึกสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวเขาเหมือนมีแมลงวันฝูงใหญ่บินไปมา พวกมันทำให้ความรู้สึกที่ควรจะชัดพร่าเบลอไปหมด สิ่งเดียวที่แจ่มชัดในความทรงจำของเขาก็คือดวงหน้าของมธุรัตน์ และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

สัมผัสจากมือคู่น้อยของหญิงสาวยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึกเขา กลิ่นหอมเป็นธรรมชาติจากกายเธอกระตุ้นในเลือดในกายเขาเดือดพล่านทันทีที่นึกถึง แม้จะได้ครอบครองเธอแล้ว แต่เขาก็ยังต้องการเธออีกราวกับคนละโมบ และไม่ว่าจะพยายามหักใจอย่างไร เขาก็ไม่สามรถลืมรสชาติหอมหวานที่เคยได้ลิ้มลองไปได้

หญิงสาวเหมือนยาเสพติดที่เขาควรถอยห่างไปให้ไกล และไม่ควรจะเอาตัวและหัวใจไปผูกพันให้ลึกซึ้งไปกว่านี้

ชายหนุ่มตัดสินใจหักดิบตัวเองด้วยการหลบหน้าหญิงสาว เขาวางแผนว่าจะออกไปทำงานแต่เช้า และกลับมาตอนดึก ถ้าไม่ไหวจริงๆ เขาจะไปพักที่บ้านพักคนงาน อีกไม่ถึงเดือนมธุรัตน์ก็ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว อดทนให้พ้นช่วงนี้ไป ชีวิตเขาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ชายหนุ่มก็ขับรถกลับมาที่บ้าน ในวันนี้ที่โต๊ะกินข้าวไม่มีอาหารอุ่นเตรียมเอาไว้ให้ พลวัตรู้สึกว่ามันแปลก แต่ก็ต้องบอกตัวเองให้ทำเป็นไม่สนใจ

ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเข้านอน และผล็อยหลับไปโดยใช้เวลาไม่นาน เขาอยากจะหลับยาว แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน เพราะลมหนาวที่พัดเข้ามาโดนใบหน้า

ก่อนนอนเขาเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพราะเห็นว่าอากาศเย็นสบายดี แต่พอพ้นเที่ยงคืนไป อุณหภูมิภายนอกก็ลดต่ำลงมาก จนกลายเป็นหนาวจับใจ สายลมเย็นยะเยือกนี้คือสัญญาณบอกให้รู้ว่าหน้าหนาวที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ถึงที่สระบุรีอากาศจะไม่เย็นจัดอย่างทางภาคเหนือ แต่ไร่แห่งนี้ก็ติดกับภูเขา มีลมแรงพัดตลอดทั้งวัน

ชายหนุ่มถูมือเข้าด้วยกันแล้วเอาอังกับแก้มเย็นเฉียบ จากนั้นจึงหยัดตัวลุกขึ้นเพื่อไปปิดหน้าต่าง แต่ยังไม่ทันได้ลุก ก็ต้องชะงักเมื่อถูกมือของใครคนหนึ่งยึดมือเอาไว้

พลวัตสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสกับความเย็นเฉียบของมือปริศนา ชายหนุ่มนิ่งงันไปเพราะความตกใจ ขณะนั้นเองผ้าห่มตรงที่ว่างข้างตัวเขาก็เริ่มขยับเคลื่อนไหว เหมือนกับว่ามีบางสิ่งอยู่ภายใน

สักพักชายหนุ่มก็เห็นศีรษะที่มีเรือนผมสีดำยาวเหยียดโผล่ออกมาจากผ้าห่ม ก่อนที่เขาจะกรีดร้องเพราะหลงคิดว่าเป็นผีสาง เจ้าของมือปริศนาก็มุดออกมาเสยผม เผยให้เห็นใบหน้าขาวๆ คุ้นตา

“เธอเข้ามาได้ยังไง!” พลวัตตะโกนใส่มธุรัตน์เสียงดังลั่น

ทว่าคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องกลับไม่สะดุ้งสะเทือน แถมยังปั้นหน้างัวเงียไม่สร่างง่วงอีกต่างหาก

“หนาว…” เจ้าหล่อนตอบเสียงสั่น แล้วขยับตัวเข้ามาเบียดซุกตัวเขาไว้

ร่างเย็นเฉียบของหญิงสาวทำให้ขนแขนเขาลุกชัน ขณะที่ภายในใจเริ่มร้อนระอุขึ้นมา เมื่อเนินอกของเธอแนบชิดอยู่กับแผงอกเปลือยเปล่าของเขา

“กลับไปนอนห้องตัวเองไป” พลวัตชี้นิ้วไล่

เขานึกระแวงในทันทีว่าหญิงสาวจะมาไม้ไหนอีก

‘คงไม่ได้เมาแล้วมาชวนเขามีอะไรด้วยอีกหรอกนะ’

ความคิดนี้ทำให้พลวัตรู้สึกวิตกและเกลียดตัวเองไปพร้อมๆ กัน เขาไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเธออีก แต่ในใจกลับดีใจอยู่ลึกๆ ที่หญิงสาวเป็นฝ่ายมาหา

“นอนไม่ได้ ฝนมันสาด ผ้าห่มกับที่นอนเปียกหมด”

ตรงหน้าต่างห้องของมธุรัตน์ไม่มีกันสาด ต่อให้มีมุ้งลวดกั้นเอาไว้ น้ำฝนก็ยังเข้ามาได้

มธุรัตน์มารู้ตัวว่าลืมเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ก็ตอนฝนหยุดสาดแล้ว เธอเลยเสียเวลาเช็ดทำความสะอาดห้อง แล้วพยายามทำให้ผ้าห่มกับเตียงแห้ง แต่ทั้งฟูกทั้งผ้าห่มเปียกจนเกินเยียวยา เธอใช้ไดร์เป่าจนมอเตอร์แทบควันขึ้นก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา

หญิงสาวเลยเอาเชือกฟางมามัดขึงเป็นราวตากผ้า แล้วตากผ้าห่ม ส่วนเตียงทิ้งเอาไว้อย่างนั้นก่อน รอให้มีแดด แล้วค่อยเอาไปตาก

กว่าจะทำความสะอาดห้องและจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย พลวัตก็กลับมาแล้ว ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงไม่ได้เตรียมอาหารเย็นเอาไว้ให้เขา

พลวัตเชื่อคำพูดของมธุรัตน์ทั้งที่ไม่ได้ลุกไปดู เพราะเขาเคยลืมเปิดหน้าต่างห้องนั้นทิ้งไว้เหมือนกัน จึงพอจะเดาออกว่าสภาพเตียงตอนนี้เป็นอย่างไร

ชายหนุ่มถอนใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะรู้ว่าคืนนี้จะต้องยกห้องให้กับเธอ ส่วนตัวเองต้องระเห็จไปนอนหนาวที่โซฟาข้างล่าง

“คุณนอนนี่ก็แล้วกัน ผมมีถุงนอนในรถ จะไปนอนที่โซฟาเอง”

“ไม่เอา...หนาว” หญิงสาวประท้วง แล้วยึดแขนเขาเอาไว้แน่น

ในห้องนี้มีผ้าห่มผืนบางอยู่ผืนเดียว เครื่องกันหนาวเพียงเท่านี้ไม่พอทำให้คนขี้หนาวอย่างมธุรัตน์อุ่นขึ้นมาได้

“ผมไม่ใช่ฮีเตอร์นะคุณ” ชายหนุ่มโวย

ชายหนุ่มตั้งใจจะบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงจะมานอนกับเขาได้อย่างไร แต่เมื่อคิดได้ว่าเขากับเธอมีอะไรกันแล้ว คำเตือนแค่นี้คงไม่ซึมเข้าหูของเจ้าหล่อน

“ผมจะไปหาผ้าห่มเพิ่มให้ ในตู้น่าจะมี ใส่เสื้อแขนยาวกับถุงเท้าแล้วกันจะได้อุ่นขึ้น”

มธุรัตน์ทำเสียงครางในลำคอเหมือนจะประท้วงไม่ยอมรับข้อเสนอของชายหนุ่ม ตอนนี้เธอง่วงมาก และอยากจะพักผ่อนแล้ว หญิงสาวจึงหลับหูหลับตากอดเขาเอาไว้แน่น

อ้อมแขนน้อยๆ ที่รั้งร่างเขาเอาไว้เหมือนไม่อยากให้จากไปทำให้พลวัตเริ่มใจอ่อน ตัวเธอสั่นแล้วก็เย็นเฉียบจนน่าสงสาร ในสายตาเขามธุรัตน์เหมือนกับลูกนกตัวน้อยที่กำลังโหยหาไออุ่นจากอกแม่ และคนที่จะช่วยเธอได้มีแต่เขาเท่านั้น

พลวัตแอบดีใจที่เธอต้องพึ่งพาเขา ชายหนุ่มเลยกอดหญิงสาวเอาไว้แนบอก แล้วแสร้งทำเป็นเอ่ยเสียงแข็งใส่ เพื่อปิดบังความรู้สึกอาทรที่เขามีต่อเธอ

“ยอมให้หนเดียวนะ”

หญิงสาวขยับตัวขึ้นมาหอมแก้มเขาแทบคำขอบคุณ ก่อนจะซบหน้านิ่งลงกับอกกว้าง แล้วหลับตาลงอย่างเป็นสุข หญิงสาวไม่ได้แค่อุ่นกาย แต่ยังรู้สึกอุ่นใจอีกด้วย


มธุรัตน์หายไปจากห้องก่อนที่พลวัตจะตื่น ชายหนุ่มจึงควานเปะปะได้แต่ความว่างเปล่าข้างกาย ไออุ่นที่คงค้างอยู่ คือหลักฐานเดียวที่บอกว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนหลับไปตามลำพัง

พลวัตนึกสมเพชตัวเองที่หลงดีใจว่าเธอต้องการเขา ทั้งที่ความจริงแล้วเขามันก็แค่เปลี่ยนสถานะจากของใช้แล้วทิ้งมาเป็นฮีเตอร์เท่านั้นเอง พอใช้เสร็จ เธอก็ไม่สนใจไยดีเขาเหมือนเคย

ชายหนุ่มนึกน้อยใจหญิงสาว แต่เมื่อลงมาข้างล่างมาเห็นมธุรัตน์ในเสื้อผ้าตัวหนาอย่างกับนกเพนกวิน เขาก็อดหัวเราะขำไม่ได้

“มันหนาวมากขนาดนั้นเลยหรือ หิมะไม่ได้ตกนะคุณ”

“หนาวสิ หนาวมากเลย” มธุรัตน์ตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากเตาไมโครเวฟ

หญิงสาวต้มโจ๊กแบบกึ่งสำเร็จรูปด้วยเตาไมโครเวฟอยู่ ก็เลยต้องคอยดูไม่ให้เดือดจนล้นเลอะเทอะออกมา โจ๊กแบบต้มนี้เสียเวลามากกว่าแบบชงไม่กี่นาที แต่รสชาติดีกว่ากันมาก

“เอาไหม”

หญิงสาวหันมาถามเมื่อโจ๊กร้อนๆ ได้ทีแล้ว เธอไม่รอให้อีกฝ่ายตอบเหมือนเคย แต่บรรจงตักแบ่งใส่ชามไว้ให้ชายหนุ่มด้วย

เช้านั้นพลวัตเลยนั่งกินโจ๊กกับหญิงสาวแทนขนมปังที่กินทุกวัน ชายหนุ่มผิวปากอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้กินอาหารเช้าร้อนๆ ที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น กว่าจะรู้ตัวว่าหลวมตัวข้องแวะกับหญิงสาวอีก ก็ตอนขับรถมาถึงที่ออฟฟิศแล้ว

‘แกเป็นบ้าอะไรวะไอ้พล อารมณ์ดีกับแค่โจ๊กซองเนี่ยนะ’

วูบหนึ่งชายหนุ่มคิดว่าตัวเองหลงรักมธุรัตน์เข้าแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะบัดศีรษะแรงๆ ไล่ความคิดพิลึกนี้ออกไปจากหัว คนอย่างมธุรัตน์นั้นทั้งแปลกทั้งเพี้ยน มีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นกระมังที่จะไปหลงรักผู้หญิงแบบนั้นได้

พลวัตอยากมีรักแท้ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกัน อย่างที่ได้เห็นตัวอย่างจากคู่ของบิดามารดาและลุงกับป้า เขาคิดอยู่เสมอว่าอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้บ้าง แต่เมื่อผ่านพ้นไปจากวัยรุ่นเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ เขาก็ได้เรียนรู้ว่าความรักที่ได้พบเห็นมานั้นหาได้ยากยิ่ง ถึงมันจะเริ่มต้นอย่างสวยงาม แต่จุดจบมักจะลงเอยอย่างเลวร้าย ด้วยคำว่า ‘เขาคือคนที่ไม่ใช่’ เสมอ

ชายหนุ่มจึงเลิกที่จะค้นหาใครมาอยู่เคียงข้าง เขาพยายามทำตัวให้ชินกับการใช้ชีวิตลำพัง เพราะเบื่อหน่ายความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่สับสนและเปราะบาง

พลวัตบอกตัวเองว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับมธุรัตน์ก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ ที่เกิดจากความใคร่เท่านั้น พอเธอไปแล้วขี้คร้านว่าเขาจะลืมเธอได้อย่างรวดเร็ว เหมือนที่เคยลืมใครคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว

ชายหนุ่มพยายามทำงานและไม่คิดมากจนกระทั่งพักเที่ยง เขาก็นั่งกินข้าวกับผู้จัดการไร่และบรรดาลูกจ้าง

“เกลียดหน้าฝนชะมัดเลย” ลัดดาเปรยขณะมองออกไปที่หน้าต่าง

“ร้อนก็บ่น หนาวก็บ่น ฝนก็เบื่อ ไม่เห็นมีสักฤดูที่จะไม่พูดอะไร” ทวียศกระเซ้า

“ลัดดาก็ไม่เคยเห็นจะมีสักฤดูเหมือนกันที่ผู้จัดการจะไม่แขวะ” หญิงสาวย้อน

บรรดาผู้ที่ร่วมวงรับประทานอาหารด้วยกันอยู่จึงพากันหัวเราะคิกคัก เว้นเสียแต่พลวัตที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย เตือนให้เขานึกได้ว่าลืมเรื่องสำคัญไป

วันนี้ไม่มีแดดเลย ซ้ำอากาศยังชื้นมาก ที่นอนของมธุรัตน์คงยังไม่แห้ง ถ้าไม่จัดการอะไรสักอย่าง คืนนี้เขาคงได้กลายเป็นเครื่องทำความร้อนให้เธออีก

เมื่อคืนขนาดว่ารู้สึกเพลียมาก พลวัตยังต้องข่มใจแทบตาย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวหญิงสาวและตัวเขาเอง ชายหนุ่มจึงสั่งให้คนเข้าเมืองไปซื้อผ้านวมผืนหนากับอุปกรณ์กันหนาวมาให้

เมื่อกลับถึงบ้าน พลวัตก็เอาของที่ซื้อมาไปให้หญิงสาว มธุรัตน์ดูดีใจที่ได้ผ้านวมหนานุ่มมาไว้ห่ม หญิงสาวรีบซุกเข้าไปอยู่ในผ้านวม แล้วเอาผ้าห่มอีกผืนมาคลุมศีรษะ ตัวเธอเลยเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในรังไหม

“ระวังหายใจไม่ออกตายนะ” ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเธอจัดที่จัดทางตัวเองเหมือนเด็กกำลังเล่นสร้างบ้าน

“ฉันไม่เป็นไร คุณล่ะ จะไม่นอนด้วยกันจริงๆ หรือ”

พลวัตบอกว่าจะลงไปนอนที่ห้องรับแขก ทั้งที่เตียงเตียงนี้ก็ออกกว้าง

“ไม่ล่ะ ผมนอนกรน เดี๋ยวคุณจะนอนไม่หลับ” พลวัตอ้าง

มธุรัตน์ไม่เคยได้ยินเขากรนสักที แต่หญิงสาวก็ไม่ได้แย้ง ทั้งในใจอยากให้เขาอยู่กับเธอเหมือนอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา

พลวัตก็กลับลงมาข้างล่างอย่างโล่งใจ ชายหนุ่มเริ่มจัดที่จัดทางให้ตัวเอง ยังไม่ทันเสร็จ เขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นมธุรัตน์เดินลงมาในชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวติดระบายลูกไม้ ถึงจะไม่ดูยั่วยวนเท่าตัวสีม่วง แต่มันก็ยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้เหมือนกัน

“ฉันแพ้ผ้าห่ม” หญิงสาวเดินหน้าเบ้เข้ามาหา แล้วยื่นแขนไปให้ดู

ตามตัวของมธุรัตน์มีผื่นแดงเต็มไปหมด หญิงสาวแกะผ้าห่มออกมาใช้โดยที่ไม่ได้ซัก บางทีมันอาจจะมีสารเคมีที่ทำให้แพ้ปนเปื้อนมาก็ได้

“เป็นที่ชุดนอนหรือเปล่า” พลวัตสอบถามเผื่อความแน่ใจ เพราะชุดแขนยาวก็ยังไม่ได้ซักเหมือนกัน

“ไม่ใช่หรอก ลองทดสอบแล้ว”

ทีแรกมธุรัตน์ใส่ชุดแขนยาวอยู่ แล้วเกิดคันที่หน้าขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะอ่านหนังสือติดพัน ระหว่างนั้นหญิงสาวเกิดร้อนเพราะใส่เสื้อหลายชั้นเกิน ก็เลยถอดเสื้อแขนยาวออก ไม่นานก็คันทะเยอไปทั้งตัวจนต้องไปอาบน้ำ และเดินลงมาขอยาทาอย่างที่เห็น

“กินยาแก้แพ้ด้วยก็แล้วกัน เธอไม่ได้แพ้ยาแก้แพ้ใช่ไหม”

“ไม่แพ้”

เรื่องสุขภาพมธุรัตน์มีปัญหาคือผิวแพ้ง่ายกับแพ้อาหาร ส่วนอย่างอื่นนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ปรกติ

เมื่อจัดการให้หญิงสาวกินยาแล้ว พลวัตก็หยิบยาทาออกมาป้ายตามตัวให้ จากนั้นก็ขึ้นไปด้านบน เพื่อจัดการเอาผ้าห่มเจ้าปัญหาออกมาจากเตียง เขาปูผ้าปูที่นอนปลอกหมอนใหม่ ทั้งบ้านจึงมีผ้าห่มผืนไม่หนามาก กับถุงนอนเอาไว้ห่มกันหนาว

ด้วยเหตุนี้ พลกับมธุรัตน์ก็เลยต้องมานอนด้วยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ชายหนุ่มต้องนอนตาค้าง เพราะถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง


ในเช้าวันที่สาม ด้านนอกยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผ้าห่มของมธุรัตน์จะแห้งแล้ว แต่เตียงของหญิงสาวก็ยังคงชื้นและมีกลิ่นอับอยู่ ซ้ำร้ายอากาศยังเย็นลงยิ่งกว่าเดิมอีก

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าช่วงนี้มีความกดอากาศต่ำพัดจากประเทศจีนลงมา และจะทำให้ช่วงนี้มีอากาศหนาวจัด ในเขตที่เขาอยู่อุณหภูมิจะลดลงต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

มธุรัตน์ในสภาพมนุษย์เพนกวินก็เลยติดเขาหนึบ กลับบ้านไป เจ้าหล่อนก็จะมาซุกอยู่ใกล้ๆ คล้ายกับที่เจ้าไมเคิลชอบมาคลอเคลีย

สภาพที่เป็นอยู่ทำให้ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเขาเลี้ยงแมวเอาไว้ในบ้านสองตัว มธุรัตน์ในสภาพนกเพนกวินดูน่าเอ็นดูดีอยู่หรอก แต่ปัญหาใหญ่มันอยู่ตอนที่เธอมานอนกับเขานี่สิ

หญิงสาวมักจะถอดเสื้อผ้าส่วนใหญ่ทิ้ง เหลือเอาไว้แค่ชุดนอนเนื้อบางชุดเดียว เธอบอกว่าทำแบบนี้แล้วอุ่นกำลังดี คนโชคร้ายเลยเป็นเขาที่ร้อนไปทั้งตัวเพราะความปรารถนา

ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพูดกับเธอให้รู้เรื่องก่อนนอน อย่างน้อยเจ้าหล่อนจะได้หัดใส่อะไรให้มันมิดชิดกว่านี้

“เราต้องคุยกัน” พลวัตพูดในทันทีที่หญิงสาวเตรียมจะถอดเสื้อผ้าออกเพื่อเข้านอน

“ให้ฉันพูดก่อน คุณได้ห้าเต็มสิบ”

เธอคิดกับหาข้อมูลแทบตายทีเดียวก่อนจะได้ตัวเลขตัวนี้มา เพราะฉะนั้นต้องรีบบอกก่อนที่จะลืม หรือไม่มีโอกาสได้บอก

“อะไรของคุณ จะพูดอะไรก็หัดเกริ่นบ้างสิ อย่าสักแต่โพล่งออกมาทำให้ชาวบ้านเขางงได้ไหม” ชายหนุ่มติง

“คะแนนไง ที่เราคุยกันเมื่อวันนั้น”

พลวัตไม่เข้าใจในทีแรก แต่ก็นึกออกในที่สุดว่ามันคือคะแนนเรื่องเซ็กส์ จำได้ว่าเธอพูดลอยๆ ขึ้นมา ถามว่าเขาอยากให้เธอให้คะแนนหรือเปล่า

“ทำไมคาบเส้นแบบนั้นเล่า ผมห่วยนักหรือไง”

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกหยาม เขามีคู่นอนมาไม่มากก็จริง กระนั้นก็ยังมั่นใจว่าตัวเองรู้วิธีที่ทำให้ผู้หญิงมีความสุข

“ไม่แน่ใจ แต่มันไม่เหมือนในหนังสือ”

มธุรัตน์ไม่มีตัวเปรียบเทียบ ดังนั้นเธอก็เลยเอาข้อมูลจากนวนิยายที่อ่านมาอ้างอิงแทน และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ เธอเลยต้องเอาหนังสือหลายๆ เล่มมาเปรียบเทียบกัน เพื่อหาจุดเหมือนและจุดต่าง

“นิยายโรมานซ์หลอกเด็กมันใช่ความจริงซะที่ไหน” ชายหนุ่มแย้ง

ถึงจะไม่เคยอ่าน แต่เขาจะไม่ยอมโดนปรามาสเพราะเรื่องแต่งในนิยายพาฝันเด็ดขาด

“แต่มันเจ็บนี่”

“ครั้งแรกมันก็ต้องเจ็บกันทั้งนั้นแหละคุณ ความจริงก็ไม่ใช่เฉพาะครั้งแรกหรอก ต้องหลายๆ ครั้งหน่อย ให้ได้ปรับตัว มันถึงจะดีขึ้น”

พลวัตตั้งใจจะอวดภูมิ แต่กลับพลาดไปอย่างมหันต์ เพราะคำพูดเขาไปกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายให้ทำงานเสียอย่างนั้น

มธุรัตน์ผุดลุกวิ่งไปที่ห้องของตัวเอง แล้วกลับมาพร้อมโหลใส่ถุงยางอนามัยสารพัดสีที่เขากับเธอเผลอใช้ด้วยกันไปเมื่อคราวก่อน

“เผื่ออยากแก้ตัว”

หญิงสาววางโหลลงบนหัวเตียง แล้วทิ้งตัวลงมานั่งทำตาปริบๆ ข้างเขา

พลวัตเหลือบไปเห็นรอยยิ้มน้อยที่มุมปากของหญิงสาวพอดี มธุรัตน์ไม่ใคร่จะยิ้มให้เห็นบ่อยนัก อาการอย่างนี้จะต้องมีแผนอะไรอยู่แน่

‘เธอกำลังท้าทายเขาอยู่’

ชายหนุ่มรู้ในทันว่ากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย เขารู้ทันเธอแต่ก็ไม่อาจบังคับตัวเองให้หลีกหนีจากกับดักสวาทอันนี้ได้

เมื่อนึกถึงความหอมหวานที่เคยได้ ใจของพลวัตก็เริ่มปั่นป่วน สติกับเหตุผลที่เคยมีถูกพายุอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นพัดปลิวหายไปในพริบตา

‘เขาต้องการเธอเดี๋ยวนี้!’

ชายหนุ่มดึงร่างบางเข้าหาตัวทันที แล้วบดขยี้ริมฝีปากของหญิงสาวอย่างไม่ปราณีปราศรัย เขาต้องการให้เธอเรียนรู้อารมณ์และความน่ากลัวของผู้ชายเสียบ้าง จะได้สำนึกว่าเขาไม่ใช่พระอิฐปูน ที่จะได้ขยันยั่วเอาๆ อย่างที่เป็นอยู่

ปฏิกิริยาที่เขาหวังคือเธอร้องกรี๊ดแล้วดิ้นหนีไปจากอ้อมแขนเขา แต่เปล่าเลย มธุรัตน์นิ่งเฉยยอมให้เขารังแกแต่โดยดี เธอปล่อยให้เขาสอดปลายลิ้นเข้ามา แล้วเค้นคลึงเรือนร่างแบบไม่ต่อต้าน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ตอบสนอง เธอนอนนิ่งเหมือนตุ๊กตา จนเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายข่มขืน ที่กำลังกระทำชำเราเหยื่อที่หมดสติ

พลวัตถอนริมฝีปากออก แล้วผละออกมาในทันที สิ่งแรกที่เขาเห็นคือริมฝีปากของเธอแดงช้ำ มธุรัตน์หอบหายใจอย่างแรง แล้วไอถี่ๆ หลายที ใบหน้าเธอแดงก่ำ หน่วยตามีน้ำตาเล็ดออกมาจนน่าสงสาร

“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มพูดเสียงสั่น แล้วเริ่มตำหนิตัวเองในใจที่เผลอทำอะไรไม่ยั้งคิดอีกจนได้

หญิงสาวส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร พอหายใจได้เป็นปรกติแล้วเธอก็หันมาจ้องตาเขา

“ลบห้า”

มธุรัตน์ปักใจว่านี่คือการสอบใหม่ของเขา ก็เลยไม่ได้ต่อต้าน

พลวัตบอกเธอว่าฉากรักในนิยายกับชีวิตจริงมันไม่มีอะไรเหมือนกัน ฟังแล้วเธอก็นึกค้านในใจว่ามันต้องมีความจริงบ้างล่ะ และตอนนี้เธอก็หาข้อโต้แย้งเขามาได้หนึ่งข้อแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันเป็นฉากในนิยายจำพวก ‘ตบจูบ’ ชัดๆ เลย

“ผมไม่อยากได้คะแนน ผมอยากให้คุณเลิกยั่วผมสักที ไม่งั้นผมได้ข่มขืนคุณแน่”’

“เหรอ?” มธุรัตน์หันมามองด้วยดวงตาที่เป็นประกายวิบวับเหมือนอยากลองของ

“ผมจริงจังนะ นี่คุณไม่แคร์เรื่องมีเซ็กส์กับผมเลยใช่ไหม” ชายหนุ่มขึ้นเสียงใส่

“แคร์สิ ฉันจดใส่สมุดละเอียดยิบเลย อยากอ่านไหม”

ไหนๆ เธอก็มีอะไรกับเขาแล้ว ก็เลยจดเอาไว้เป็นข้อมูลกันลืม

ฟังแล้วพลวัตก็ต้องเอามือกุมขมับ เขาอยากสอนให้เธอระวังตัวเวลาอยู่กับเขา แต่ทั้งคำพูดและการกระทำจะไม่ได้ผล เพราะเธอไม่ต้องการความเป็นสุภาพบุรุษจากเขา เธออยากได้สิ่งที่จะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเธอเท่านั้น ชายหนุ่มเลยตัดสินใจคุยกันให้รู้เรื่อง

“ถ้าคุณจะมีอะไรผม ผมให้คุณได้แค่เซ็กส์เท่านั้นนะ ความรู้สึกอย่างอื่นผมให้ไม่ได้”

“ฉันก็เหมือนกัน”

คำตอบของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกแปลบในอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาอยากจะจัดการประเด็นที่ยังค้างคานี่อยู่เสียก่อน

“งั้นผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยก็แล้วกัน ผมเป็นผู้ชาย มีความต้องการ และมีอะไรกับใครก็ได้โดยที่ไม่มีความรักก็จริง แต่ผมไม่ชอบใช้อะไรร่วมกับใคร ดังนั้นคุณห้ามมีอะไรกับคนอื่นนอกจากผม หรือถ้าอยากจะมี เราก็ต้องคุยกันก่อน ยุติความสัมพันธ์ให้เป็นเรื่องเป็นราว”

พลวัตกำหนดเป็นกฎชัดเจนว่าเขากับเธอหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการยุติความสัมพันธ์นี้ ก็สามารถทำได้ในทันที โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น

มาถึงจุดนี้ เขาไม่ขอเอาความสับสนในใจมาคิดให้เหนื่อยอีกต่อไปแล้ว พยายามอยู่ห่างเธอเขาก็คลั่ง อยู่ใกล้เธอเขาก็คลั่ง ดังนั้นเขาขอเลือกหนทางที่ยังมีความหอมหวานอยู่บ้างดีกว่า

“ตกลงไหม”

“ตกลง”

มธุรัตน์หยิบสมุดขึ้นมาจดข้อตกลงทันที่เขาพูดจบ เธอเซ็นรับรองเป็นหลักประกันให้ แถมยังทำฉบับคู่สัญญาให้พลวัตเก็บไว้อีกต่างหาก

พลวัตรับมาเก็บไว้ที่ช่องตรงหัวเตียง แล้วมองหญิงสาวอย่างอ่อนใจ เขาชอบให้ชีวิตมีระเบียบและกติกาก็จริง แต่ถึงขนาดทำหนังสือสัญญานี่มันดูแปลกพิลึก พอมีมธุรัตน์เข้ามา เธอก็ทำให้ชีวิตของเขาหลุดกรอบออกจากคำว่าธรรมดาไปไกลลิบ

“ห้า กับ ลบห้า” หญิงสาวพึมพำ แล้วเขียนตัวเลขลงไปในสมุด

ไม่บอกก็รู้ว่ามันเลขอะไร พลวัตเลยโวยวายห้ามไม่ให้เธอลงคะแนน

“ห้ามนับนะ อันนั้นผมแกล้ง ผมขอแก้ตัว”

แค่ที่เป็นอยู่ ศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาก็ถูกหยามจนไม่มีชิ้นดีแล้ว เขาจะไม่มีวันยอมให้คะแนนติดลบนั่น ปรากฏอยู่ในสมุดบันทึกของเธอเด็ดขาด

“ก็เอาสิ”

มธุรัตน์ยอมขีดฆ่าตัวเลขลบห้าทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย แววตาเธอเหมือนจะท้าว่า ‘ขอให้ดีกว่าเมื่อครู่ก็แล้วกัน’

ชายหนุ่มกัดปากอย่างมันเขี้ยว แล้วพลิกตัวไปคร่อมร่างของหญิงสาวเอาไว้

“แล้วคุณจะรู้ว่าผมทำได้ดีแค่ไหน”

ร่างอบอุ่นที่ทาบทับลงมาทำให้ตัวมธุรัตน์ร้อนผ่าว เธออยากกอดเขา อยากจับต้องเขาให้มากกว่านี้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นในใจบอกให้เธอรอ เขาอยากสอบใหม่ และเธอก็คือคนในคะแนน ดังนั้นเธอจะปล่อยทุกอย่างให้อยู่ในการควบคุมของเขา

ครั้งก่อนพลวัตปล่อยให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงมากไปหน่อย ก็เลยไม่ทันสังเกตว่าเธอชอบให้สัมผัสส่วนไหนเป็นพิเศษ หนนี้ชายหนุ่มจึงบรรจงสัมผัสหญิงสาวอย่างช้าๆ ด้วยปลายนิ้วทีละส่วน

ชายหนุ่มวางมือลงบนข้างแก้มของหญิงสาว แล้วลากมือลงมาที่หัวไหล่ จากนั้นก็บรรจงประทับริมฝีปากลงที่ซอกคอ

มือเขาขยับลงไปลูบไล้ตัวเธอผ่านเนื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายเริ่มเกิดอารมณ์คล้อยตามแล้ว จึงค่อยจูบริมฝีปากของหญิงสาว

จูบของพลวัตอ้อยอิ่งแต่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนา ชายหนุ่มเพิ่มน้ำหนักมือให้มากขึ้น แล้วขยับศีรษะเลื่อนต่ำลงมาทีละน้อย

ชายหนุ่มดึงเสื้อสายเดี่ยวออกมาจากไหล่ แล้วใช้มือแหวกให้ทรวงอกนวลเนียนปรากกฎแก่สายตา

ตอนนี้ไฟทั้งห้องสว่างจ้า เขาจึงได้ประจักษ์ว่าเรือนร่างของหญิงสาวงดงามเพียงไร อกเธออวบอิ่ม เอวคอดกิ่ว อีกทั้งผิวยังเนียนนุ่ม แตกต่างจากมือหยาบและผิวสีคล้ำของคนที่ต้องกรำแดดแบบเขาอย่างสิ้นเชิง

“คุณสวยมากเลย” พลวัตเอ่ยพลางจ้องมองด้วยความพึงพอใจ

มธุรัตน์ไม่มั่นใจว่านี่เป็นเทคนิคเรียกคะแนนจากเขาหรือเปล่า เธอรู้แต่ว่าคำชมของเขาทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง

คลื่นอารมณ์ในใจของสองหนุ่มสาวถาโถมเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า มันทวีความปั่นป่วนและสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ ตรงเข้ากระแทกปราการแห่งความสุขสมให้เปิดออก

สองหนุ่มสาวหอบหายใจเมื่อบรรลุถึงจุดหมาย พลวัตทิ้งร่างชื้นเหงื่อของตัวเองลงข้างตัวหญิงสาว ส่วนมือข้างหนึ่งกอดร่างนุ่มนิ่มของเธอเอาไว้หลวมๆ

เมื่อหายหอบจนสามารถพูดได้ตามปรกติแล้ว ชายหนุ่มจึงกระซิบถามคะแนนของเขาจากเธอ

“แปดเต็มสิบ”

การร่วมรักครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่ดีมาก แต่หญิงสาวยังคงเก็บคะแนนเอาไว้ เธอรู้โดยสัญชาตญาณว่ายังมีบทรักที่วิเศษกว่านี้ให้เธอได้ทดลอง

“โอเค ขอพักห้านาที ผมจะสอบใหม่อีกรอบ”

แปดคะแนนถือว่าไม่เลว แต่คนอย่างพลวัตชอบที่จะได้คะแนนเต็มมากกว่า

++++++++
ตัดเลิฟซีนออกบางส่วนนะคะ ไม่ได้กล้าลงเต็ม ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องต้องขออภัยด้วยค่ะ ขอบคุณที่ให้การติดตามนะคะ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2554, 09:06:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2555, 14:31:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 3380





<< บทที่ 6 การยั่วยวนที่ไม่ได้เจตนา   บทที่ 8 ไปเที่ยว >>
kaze 3 มิ.ย. 2554, 09:45:24 น.
โอ๊ะ...มาเช้าดีจังค่ะ หุหุหุ


ดารานิล 3 มิ.ย. 2554, 09:51:45 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดด อาไรยะ ชั้นก็อุตส่าห์รอฉากเต็ม ดันตัดซะได้ เอามาลงเรยนะหร่อน กร๊ากๆๆ


ลูกกวาดสีส้ม 3 มิ.ย. 2554, 10:14:54 น.
ไม่มีเต็มๆให้อ่านหรือคะ


MYsister 3 มิ.ย. 2554, 10:35:36 น.
พระเอกตายก่อนแน่ถึงจะได้คะแนนเต็ม ก็ความอยากรู้อยากลองนางเองมันล้น


Pat 3 มิ.ย. 2554, 12:33:20 น.
5555 โอย ขำมากเลยตอนนี้


มะดัน 3 มิ.ย. 2554, 13:18:57 น.
ห้าเอง ห้าห้าห้า ขำกระจาย


หมูอ้วน 3 มิ.ย. 2554, 13:54:49 น.
รอหนูน้ำผึ้งให้คะแนนครั้งต่อไปค่ะ


แก้วใส 3 มิ.ย. 2554, 14:40:02 น.
เพิ่งมาเริ่มอ่านค่ะ สนุกดีค่ะ ฮาๆ


สะเรนี 3 มิ.ย. 2554, 14:46:13 น.
เลยไม่รู้รายละเอียดเลยว่าทำไมถึงได้ 8 ฮ่าๆ


ปูสีน้ำเงิน 3 มิ.ย. 2554, 15:33:04 น.
อยากอ่านแบบไม่เซ็นเซ่อ มีลงให้อ่านที่ไหนไหม๊จ๊ะ


หมวยจ้า 3 มิ.ย. 2554, 17:24:07 น.
ตามมาจากเด็กดี หายปวดคอเร็วๆนะคะ


ป้าภา 12 ก.ค. 2554, 16:02:38 น.
มีให้คะแนนด้วย จะได้เต็มมั้ยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account