เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต
ตอน: ความทรงจำที่ ๒ คฤหาสน์ลับกลางกรุง (ต่อ)
หญิงสาวเคลิ้มหลับสนิทลงอย่างง่ายดายทั้งที่ไฟโคมสีส้มใกล้กระจกเงายังถูกเปิดสว่างทิ้งไว้
ไม่ได้รับรู้เลยเมื่อประตูค่อยๆแง้มเปิดออก และใครบางคนก้าวเข้ามาเงียบกริบ!
ดึกสงัด เสียงบางอย่างแว่วยินมาจากในห้องน้ำค่อยๆปลุกเจ้าของร่างซึ่งซุกกายอบอุ่นบนเตียง
ให้ตื่นจากหลับใหล วนัสสาเลิกผ้าห่มช้าๆในขณะที่ลุกขึ้น เอาอีกแล้ว... คราวนี้เป็นเสียงอาบน้ำ
คลับคล้ายว่าก่อนจะตื่นเธอได้ยินเสียงฮัมเพลงแว่วมาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีเพียงหยดของน้ำฝักบัว
เท้าพาร่างบางก้าวเข้าใกล้ห้องน้ำไปทุกที หญิงสาวเอื้อมเปิดประตู พยายามให้ไม่มีเสียง
ไอน้ำอุ่นลอยตัวอยู่ภายในนั้นยามเธอก้าวเข้าไป ม่านลายหรูกั้นส่วนฝักบัวปิดอยู่
น้ำพลันหยุดลงกะทันหัน หญิงสาวยืนนิ่งไม่ส่งเสียงเล็ดลอดจากปาก ดวงตากลมโต
หรี่ลงอย่างกังขา แต่แล้ววนัสสาก็ทำในสิ่งที่ใจซึ่งกระซิบสั่งอยู่ในอกบงการ มือเรียวขาว
เอื้อมไปข้างหน้า กระชากม่านกั้นส่วนอาบน้ำนั้นเปิดออกโดยแรง!
“เฮ้ยยย!!! ”
เสียงอุทานลั่นจากปากเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งหันมาประจันหน้ากับวนัสสาแทบจะในระยะประชิด
เขาเป็นคนต่างชาติ ผิวแทนตัดกันฉับกับฟองขาวของครีมอาบน้ำ ดวงหน้าคมเข้ม
เห็นได้ชัดว่าเรื่อแดงขึ้นเมื่อหันมายังเธอที่ยังไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แม้ว่าคนคนนี้
จะเป็นเพียงความทรงจำที่ติดอยู่ในห้อง มิใช่มนุษย์มีเลือดเนื้อ แต่นี่ถ้าไม่มีฟองฟูฟ่อง
ปิดส่วนสำคัญไว้แล้วละก็ เห็นทีวนัสสาคงจะต้องเป็นตากุ้งยิงในวันรุ่งขึ้นแน่ๆ
...เขาตกใจอะไร หรือเคยมีคนเปิดเข้ามาเหมือนอย่างที่เธอกำลังทำ
...แปลก ไม่เคยเห็นความทรงจำใดในวัตถุที่ปรากฏซ้ำขึ้นมาให้เห็นชัดเจน
เท่าเขาที่อยู่ตรงหน้านี้มาก่อนเลย หรือเป็นเพราะพลังจิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากสองเดือนนั่น
“นี่คุณ! เป็นสาวเป็นนาง บุกห้องน้ำชาวบ้านแล้วยังมาจ้องอยู่ได้ เขินบ้างอายบ้างเป็นไหม”
เสียงที่ได้ยินนั้นทั้งห้าวและแหบมาจากในคอ แถมยังทำเอาเธอแสบแก้วหูได้เสียอีก...
“ยะ อย่าบอกนะว่าคุณเป็นคน! ” หญิงสาวกะพริบตา อุทานเสียงไม่ดังนักคล้ายยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ก็คนสิครับ ให้ผมเป็นผีบ้านผีเรือนหรือไง”
“หา---! ” วนัสสาร้องเสียงหลง กระชากม่านปิดแทบไม่ทัน รีบถอยกรูด
“คุณแอบเข้ามาในห้องผมได้ยังไง เป็นเมดก็ไม่ใช่” อีกฝ่ายส่งเสียงลั่นๆตามหลัง
หญิงสาวผลุนผลันออกห่างห้องน้ำ ถึงเธอจะผิดที่ไปจ้องเขาเพราะคิดไปว่าเขาไม่ใช่คน
แต่ผู้ชายคนนี้ผิดยิ่งกว่า จู่ๆมาอาบน้ำในห้องพักของคนอื่น ใครจะเป็นฝ่ายเข้าใจผิด
หรืออะไรยังไง ทว่าด้วยความกระดากอายที่เพิ่งผุดประดังขึ้นมาเหมือนท่อน้ำแตก
ทำให้วนัสสาโวยไว้ก่อน เอาเสียงเป็นตัวช่วย
“คุณนั่นแหละบ้า! มาอาบน้ำในห้องคนอื่นก็ได้” ทั้งโมโหก็โมโห แต่อีกใจก็ขำจนเกือบจะ
หลุดเสียงหัวเราะออกมา ถ้าไม่เกรงว่าเขาจะคิดว่าวนัสสาพอใจที่ได้ดูผู้ชายโป๊ละก็
หญิงสาวคว้าเอาเสื้อคลุมตัวหนามาสวมทับชุดนอนมิดชิด นี่มันห้องพักของเธอ
ห้องที่เคยมาอยู่ในช่วงเวลาที่ความทรงจำหายไปด้วยซ้ำ อย่างไรเธอก็ไม่ยอมไป
จากห้องนี้แน่ เขานั่นแหละที่จะต้องไป ผู้ชายคนนี้เข้าใจผิด อีกไม่กี่อึดใจคงได้รู้กัน
ไม่ต้องเสียเวลารอนานเลยเมื่อชีเปลือยที่เห็นเมื่อครู่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ
น้ำยังเกาะพราวไปทั่ว เรือนร่างสูงใหญ่แลดูแข็งแกร่ง ยิ่งทำให้ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง
ดูหดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น แถมความอายและตกใจของเขาที่มีอยู่เมื่อครู่ก็โบยบิน
หนีไปแล้วอย่างไม่เหลือเค้า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง”
ขณะที่กล่าวหาเธอนั้นตาเขาหรี่ลง สุ้มเสียงห้าวห้วนกวนอารมณ์จนวนัสสา
ต้องสืบเท้าเข้าไปใกล้เพื่อพูดใส่หน้าให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าใครกันแน่ที่บ้า
“นี่มันห้องของฉัน ไม่เชื่อจะโทร.เรียกคุณเบ็นมาช่วยยืนยันตอนนี้เลยยังได้”
เนื่องจากที่นี่จัดเอาไว้ให้บรรยากาศเหมือนบ้านส่วนตัว มีห้องชุดสุดหรูให้แขก
ได้พักอย่างมากสุดก็สิบ ถ้าดันเกิดจะมีคนบ้าไม่ดูตาม้าตาเรือสักคนเข้าห้องผิด
ก็ไม่ใช่วนัสสาแน่ เพราะตอนเข้ามาชายชราผู้ดูแลที่นี่มาส่งเธอถึงห้อง
อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นคนปิดประตูให้ และเพราะว่าประตูไม่ได้ล็อกอัตโนมัติ
แถมวนัสสายังมุ่งสนใจแต่ข้าวของในห้องจนลืมหันกลับไปมอง
เห็นทีต่อไปต้องระวังให้จงหนัก
เมื่อเห็นหญิงสาวถลันเข้าไปยังโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่อีกมุม ร่างสูงซึ่งยังเปียกปอน
ก็สวนเข้ามาขวาง แย่งหูโทรศัพท์จากมือบอบบางไปวางคืนลงอย่างเก่าจนเนื้อตัวเขา
เบียดเสียดเข้ามาใกล้ พาให้เธอสะดุ้ง ถอยห่างออกไปอย่างระแวง
“ไม่ต้องโทร. ไม่แน่อาจมีคนเข้าใจผิด ไม่ผมก็คุณ แค่นี้เคลียร์กันเองได้ อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
คนพูดเท้าสะเอวจ้องหน้าวนัสสายิ้มๆ เลิกคิ้วโค้งได้ทรงรับกับรูปตาขึ้นเย้าๆ
ดูเขาจะอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อตั้งตัวติด แววตานั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนไม่เคอะเขิน
กับผู้หญิงแต่อย่างใด ออกจะเป็นผู้คุมเกมเสียจนเคยด้วยซ้ำ วนัสสานิ่งอั้นเมื่อสบตาเขา
ไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์หรืออะไรหรอก
แต่บางอย่างที่แสงเพิ่งส่องให้เห็นพลันกระตุ้นเตือนความทรงจำอันตกตะกอนนอนก้นขึ้นมา
ตาของเขา...ดวงตาสีน้ำเงินที่เธอไม่มีทางลืม
ในคืนวันเกิดเหตุเป็นงานเต้นรำสวมหน้ากาก คล้ายว่ามันคือการจงใจอำพรางบางอย่างไว้
แม้หลายคนจะรู้จักวนัสสาในฐานะลูกสาวพ่อที่อยู่ในแวดวงเดียวกับลุงหมอกฤษณะเจ้าของบ้าน
แต่เธอไม่รู้จักคนเกือบค่อนที่มางาน ภายใต้หน้ากากมากมาย ใต้รอยยิ้ม เสียงเพลง และความรื่นรมย์
เธอก็ยังอุตส่าห์ได้เห็นดวงตาคู่นี้
“นี่คุณ คือคนที่ขึ้นไปพูดบนเวทีวันนั้น ที่ว่าเป็นหมอ...”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างไม่แน่ใจว่าควรมีปฏิกิริยาเช่นไรกับคำพูดของสาวน้อยตรงหน้า
“ฉันยืนติดเวที เลยเห็นว่าตาคุณสีน้ำเงิน ยังอดคิดไม่ได้ว่าอาจเป็นเพราะแสงสะท้อน
แต่นึกดูแล้วก็ยังจำแววตากับน้ำเสียงคุณได้อยู่ดี”
“หึ ถึงคืนนั้นเขาให้สวมหน้ากาก...แต่ผมก็ไม่ได้สวมเพราะอยากปิดบังตัวเองอยู่แล้ว”
เจ้าตัวคนพูดเอ่ยเยาะๆ คล้ายพูดให้เห็นว่าไม่ใช่วนัสสาเก่ง ทว่าเพราะเขาเองจงใจให้คนจำ
นอกจากเสียงจะห้าวเป็นพิเศษ ผู้ชายคนนี้ยังหุ่นหนาเหมือนนักกีฬา ทั้งสูงทั้งแน่น
แต่ก็ดูคล่องตัวไม่เทอะทะ ร่างของเขาพราวไปด้วยน้ำ ยังคงยืนอย่างมั่นใจแม้จะเริ่มสงสัย
ว่าไม่ใช่ที่ทางของตน คล้ายอยากข่มให้หญิงสาวตัวบางๆอย่างวนัสสารู้สึกว่าเป็นเธอเอง
ที่เกินมาในพื้นที่ของเขา ดูเจ้าตัวจะพอใจไม่น้อยที่ได้ยิ้มยั่วเย้า คล้ายย้ำเตือน
ให้นึกถึงสถานการณ์ล่อแหลมในห้องน้ำเมื่อครู่ แม้ตอนแรกเป็นเขาเองที่ตกใจ
วนัสสาต้องเบือนหน้าหนีจนได้ เธอไม่ได้กลัวหรือหวั่นไหวไปกับดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นหรอก
ก็แค่เกรงว่าไอ้ผ้าเช็ดตัวผืนแคบที่พันไว้หมิ่นเหม่นั่นจะหลุดลงมากองในวินาทีใดวินาทีหนึ่งมากกว่า
“แล้วเราเอาไง ตกลงว่านี่ห้องใคร หรือว่า...จะแชร์ห้องกัน”
“ฝันไปเถอะ คุณนั่นแหละที่ต้องออกไป”
เรื่องเมื่อคืนผ่านพ้นไปด้วยการที่สุดท้ายผู้บุกรุกยอมรับง่ายๆว่าคงจะเข้าห้องผิด
เขายอมลากกระเป๋าออกไปทั้งที่ยังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างนั้น วนัสสาบอกกับตัวเอง
เชื่อเลย...คนบ้าและหน้าด้านได้โล่มีอยู่จริงๆ เขาดูผ่อนคลายและไม่ค้านหัวชนฝา
ทั้งยังมองทุกสิ่งเป็นเรื่องตลกหญิงสาวก็เลยไม่ได้รู้สึกเกลียดขี้หน้าอีกฝ่าย
ออกจะขำเพราะมันทำให้นึกถึงกลุ่มเพื่อนเพี้ยนๆแต่น่ารักที่ศิลปากรอยู่เหมือนกัน
วนัสสาคิดๆอยู่ว่าอยากจะรู้ชื่อเขา แต่เธอหาจังหวะเหมาะไม่ได้ กลัวจะโดนหาว่า
อยากทอดไมตรี ส่วนอีกฝ่ายนั้นก็เดินหน้ามึนออกไปง่ายๆ เขาอาจเห็นว่าดึกแล้ว
รั้งอยู่นานจะน่าเกลียด ...แต่สำคัญตรงที่เขาเป็นหมอ ถ้ามีความลับอันตรายเกี่ยวกับ
เวชกุลก็ไม่แปลกที่หมอสักคนจะเข้ามามีเอี่ยว การที่เขาปรากฏตัวในคืนนั้นและเธอก็จำเขาได้
แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของการมาตามหาความจริงของวนัสสาจะต้องเป็นผู้ชายตาสีน้ำเงินคนนี้
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวลงไปยังพื้นที่รับประทานอาหารเช้า พื้นฝังลายหินอยู่ภายใต้ชายคา
แต่มีผนังเป็นโครงเหล็กพันซุ้มไม้เลื้อยซะสองด้าน อีกด้านเป็นซุ้มเขียวสบายตาเช่นกัน
แต่ถูกเจาะเป็นช่องโค้ง เปิดโล่งออกไปเห็นสวนร่มรื่น
แปดโมงครึ่ง...เดาว่าเธอคงไม่ใช่คนแรกที่ลงมาทานอาหาร แต่เวลานั้นก็ไม่มีใครนอกจาก
พ่อบ้านเบ็น วนัสสาเตรียมลงมือกินอาหารที่ตนเลือกตักใส่จานเรียบร้อย เธอเอ่ยถามเบ็น
ซึ่งเข้ามาดูแลเครื่องดื่มให้ถึงเรื่องที่ยังค้างคา
“คุณเบ็นพอจะบอกลูกค้าได้บ้างไหมคะ เรื่องโปรไฟล์ของเจ้าของใหม่
ที่ซื้อคฤหาสน์นี้ต่อมาจากคุณศศิราศีน่ะค่ะ เขาเป็นใคร หรือเกี่ยวข้องกับเจ้าของเดิมยังไง”
วนัสสายิ้มเหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศเรื่อยไป
ชายชราเลิกคิ้ว ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมตอบโดยดี “ความลับคือผมไม่ทราบชื่อ
เจ้าของคนปัจจุบันที่เป็นเจ้านายตัวจริงของผมด้วยซ้ำ เขาคงจะงานยุ่งน่ะครับ
แต่ไม่ต้องห่วง มีผู้จัดการไว้ทำหน้าที่ติดต่อหาคนมาดูแลอีกที ผมทำงานกับคุณศศิราศี
ที่เป็นที่ปรึกษาของเจ้านาย เพราะเธอเป็นเจ้าของเก่า เลยได้รับความไว้ใจมากทีเดียว”
“งั้นหรือคะ ถ้าฉันอยากพบเธอบ้างจะมีโอกาสไหม” วนัสสาเก็บความแปลกใจเอาไว้
ศศิราศีไม่ได้หนี หรือเวลานี้สตรีผู้นั้นกำลังต้องการเงิน ทั้งที่ลุงหมอกฤษณะเคยรวยมหาศาล
แต่มีมากเท่าไหร่ก็ใช้หมดได้ถ้าเอาไปลงในทางผิด ภรรยาของเขาดูฉลาด แต่คนเราก็
พลาดได้ตลอดเวลายิ่งเมื่อคบหาคนที่ไม่น่าคบไว้ใกล้ตัว เท่าที่เดาศศิราศีคงรู้จัก
พวกคนมีอิทธิพลในทางมืดอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลย
“เธอก็ว่าจะแวะมาอยู่เหมือนกันครับ”
“อ้อค่ะ งั้นคงมีโอกาสได้เจอ ถ้าทราบว่าเธอจะเข้ามาตอนไหน วานบอกฉันด้วยก็แล้วกัน”
“ครับ”
“แล้วก็ คือว่ามีอีกเรื่อง...เมื่อคืนมีผู้ชายต่างชาติหลงเข้ามาในห้องฉันคนหนึ่ง
แต่เขาพูดไทยชัดมาก สุดท้ายก็ยอมออกไปด้วยดี เห็นบอกว่าคงเข้าห้องผิด
คงอยู่ห้องติดๆกันนั่นแหละ ไม่รู้เมาหรือมึน”
“คุณหนูคงกำลังว่าระบบรักษาความปลอดภัยของเราหละหลวม” เบ็นพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจริงจัง
“ผมเข้าใจครับ เรื่องประตู ทางเราจะรีบจัดการเปลี่ยนให้เป็นระบบล็อกอัตโนมัติ แต่ก่อนนี้
ผู้จัดการกลัวว่ามันจะให้ความรู้สึกทันสมัยจนดูไม่เป็นบ้าน คราวนี้คงต้องคิดใหม่”
“อ๋อ ไม่หรอกค่ะ แบบนี้ดีแล้ว ฉันน่าจะตำหนิตัวเองมากกว่าที่เป็นผู้หญิงยิงเรือ
ไม่ดูให้แน่ว่าประตูปิดแน่นหนาดีหรือยัง แต่ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าคนคนนั้นเขาเป็นใคร”
“ถ้าเดาไม่ผิด ที่คุณหนูหมายถึง ไม่ใช่คนไม่น่าไว้ใจอะไรหรอกครับ เขาเป็นสัตวแพทย์ ชื่อคุณ...”
“คงพูดถึงผมกันอยู่แน่เลยใช่ไหมครับ จากที่ได้ยิน” เสียงห้าวเจือแววโอ่อ่าที่ดูเหมือน
แกล้งทำเล่นไปอย่างนั้นของคนมาใหม่ดังขึ้น วนัสสาจำได้ทันทีโดยไม่ต้องหันไปมอง
หญิงสาวผ่อนลมหายใจด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง พยักหน้ากับเบ็นนิดหนึ่งว่าคนนี้แหละ
“คุณหมอวาริชน่ะครับ ...เพิ่งเข้ามาพักตอนดึกเมื่อวาน” เบ็นตอบยิ้มๆ
ไม่ได้รับรู้เลยเมื่อประตูค่อยๆแง้มเปิดออก และใครบางคนก้าวเข้ามาเงียบกริบ!
ดึกสงัด เสียงบางอย่างแว่วยินมาจากในห้องน้ำค่อยๆปลุกเจ้าของร่างซึ่งซุกกายอบอุ่นบนเตียง
ให้ตื่นจากหลับใหล วนัสสาเลิกผ้าห่มช้าๆในขณะที่ลุกขึ้น เอาอีกแล้ว... คราวนี้เป็นเสียงอาบน้ำ
คลับคล้ายว่าก่อนจะตื่นเธอได้ยินเสียงฮัมเพลงแว่วมาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีเพียงหยดของน้ำฝักบัว
เท้าพาร่างบางก้าวเข้าใกล้ห้องน้ำไปทุกที หญิงสาวเอื้อมเปิดประตู พยายามให้ไม่มีเสียง
ไอน้ำอุ่นลอยตัวอยู่ภายในนั้นยามเธอก้าวเข้าไป ม่านลายหรูกั้นส่วนฝักบัวปิดอยู่
น้ำพลันหยุดลงกะทันหัน หญิงสาวยืนนิ่งไม่ส่งเสียงเล็ดลอดจากปาก ดวงตากลมโต
หรี่ลงอย่างกังขา แต่แล้ววนัสสาก็ทำในสิ่งที่ใจซึ่งกระซิบสั่งอยู่ในอกบงการ มือเรียวขาว
เอื้อมไปข้างหน้า กระชากม่านกั้นส่วนอาบน้ำนั้นเปิดออกโดยแรง!
“เฮ้ยยย!!! ”
เสียงอุทานลั่นจากปากเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งหันมาประจันหน้ากับวนัสสาแทบจะในระยะประชิด
เขาเป็นคนต่างชาติ ผิวแทนตัดกันฉับกับฟองขาวของครีมอาบน้ำ ดวงหน้าคมเข้ม
เห็นได้ชัดว่าเรื่อแดงขึ้นเมื่อหันมายังเธอที่ยังไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แม้ว่าคนคนนี้
จะเป็นเพียงความทรงจำที่ติดอยู่ในห้อง มิใช่มนุษย์มีเลือดเนื้อ แต่นี่ถ้าไม่มีฟองฟูฟ่อง
ปิดส่วนสำคัญไว้แล้วละก็ เห็นทีวนัสสาคงจะต้องเป็นตากุ้งยิงในวันรุ่งขึ้นแน่ๆ
...เขาตกใจอะไร หรือเคยมีคนเปิดเข้ามาเหมือนอย่างที่เธอกำลังทำ
...แปลก ไม่เคยเห็นความทรงจำใดในวัตถุที่ปรากฏซ้ำขึ้นมาให้เห็นชัดเจน
เท่าเขาที่อยู่ตรงหน้านี้มาก่อนเลย หรือเป็นเพราะพลังจิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากสองเดือนนั่น
“นี่คุณ! เป็นสาวเป็นนาง บุกห้องน้ำชาวบ้านแล้วยังมาจ้องอยู่ได้ เขินบ้างอายบ้างเป็นไหม”
เสียงที่ได้ยินนั้นทั้งห้าวและแหบมาจากในคอ แถมยังทำเอาเธอแสบแก้วหูได้เสียอีก...
“ยะ อย่าบอกนะว่าคุณเป็นคน! ” หญิงสาวกะพริบตา อุทานเสียงไม่ดังนักคล้ายยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ก็คนสิครับ ให้ผมเป็นผีบ้านผีเรือนหรือไง”
“หา---! ” วนัสสาร้องเสียงหลง กระชากม่านปิดแทบไม่ทัน รีบถอยกรูด
“คุณแอบเข้ามาในห้องผมได้ยังไง เป็นเมดก็ไม่ใช่” อีกฝ่ายส่งเสียงลั่นๆตามหลัง
หญิงสาวผลุนผลันออกห่างห้องน้ำ ถึงเธอจะผิดที่ไปจ้องเขาเพราะคิดไปว่าเขาไม่ใช่คน
แต่ผู้ชายคนนี้ผิดยิ่งกว่า จู่ๆมาอาบน้ำในห้องพักของคนอื่น ใครจะเป็นฝ่ายเข้าใจผิด
หรืออะไรยังไง ทว่าด้วยความกระดากอายที่เพิ่งผุดประดังขึ้นมาเหมือนท่อน้ำแตก
ทำให้วนัสสาโวยไว้ก่อน เอาเสียงเป็นตัวช่วย
“คุณนั่นแหละบ้า! มาอาบน้ำในห้องคนอื่นก็ได้” ทั้งโมโหก็โมโห แต่อีกใจก็ขำจนเกือบจะ
หลุดเสียงหัวเราะออกมา ถ้าไม่เกรงว่าเขาจะคิดว่าวนัสสาพอใจที่ได้ดูผู้ชายโป๊ละก็
หญิงสาวคว้าเอาเสื้อคลุมตัวหนามาสวมทับชุดนอนมิดชิด นี่มันห้องพักของเธอ
ห้องที่เคยมาอยู่ในช่วงเวลาที่ความทรงจำหายไปด้วยซ้ำ อย่างไรเธอก็ไม่ยอมไป
จากห้องนี้แน่ เขานั่นแหละที่จะต้องไป ผู้ชายคนนี้เข้าใจผิด อีกไม่กี่อึดใจคงได้รู้กัน
ไม่ต้องเสียเวลารอนานเลยเมื่อชีเปลือยที่เห็นเมื่อครู่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ
น้ำยังเกาะพราวไปทั่ว เรือนร่างสูงใหญ่แลดูแข็งแกร่ง ยิ่งทำให้ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง
ดูหดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น แถมความอายและตกใจของเขาที่มีอยู่เมื่อครู่ก็โบยบิน
หนีไปแล้วอย่างไม่เหลือเค้า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง”
ขณะที่กล่าวหาเธอนั้นตาเขาหรี่ลง สุ้มเสียงห้าวห้วนกวนอารมณ์จนวนัสสา
ต้องสืบเท้าเข้าไปใกล้เพื่อพูดใส่หน้าให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าใครกันแน่ที่บ้า
“นี่มันห้องของฉัน ไม่เชื่อจะโทร.เรียกคุณเบ็นมาช่วยยืนยันตอนนี้เลยยังได้”
เนื่องจากที่นี่จัดเอาไว้ให้บรรยากาศเหมือนบ้านส่วนตัว มีห้องชุดสุดหรูให้แขก
ได้พักอย่างมากสุดก็สิบ ถ้าดันเกิดจะมีคนบ้าไม่ดูตาม้าตาเรือสักคนเข้าห้องผิด
ก็ไม่ใช่วนัสสาแน่ เพราะตอนเข้ามาชายชราผู้ดูแลที่นี่มาส่งเธอถึงห้อง
อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นคนปิดประตูให้ และเพราะว่าประตูไม่ได้ล็อกอัตโนมัติ
แถมวนัสสายังมุ่งสนใจแต่ข้าวของในห้องจนลืมหันกลับไปมอง
เห็นทีต่อไปต้องระวังให้จงหนัก
เมื่อเห็นหญิงสาวถลันเข้าไปยังโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่อีกมุม ร่างสูงซึ่งยังเปียกปอน
ก็สวนเข้ามาขวาง แย่งหูโทรศัพท์จากมือบอบบางไปวางคืนลงอย่างเก่าจนเนื้อตัวเขา
เบียดเสียดเข้ามาใกล้ พาให้เธอสะดุ้ง ถอยห่างออกไปอย่างระแวง
“ไม่ต้องโทร. ไม่แน่อาจมีคนเข้าใจผิด ไม่ผมก็คุณ แค่นี้เคลียร์กันเองได้ อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
คนพูดเท้าสะเอวจ้องหน้าวนัสสายิ้มๆ เลิกคิ้วโค้งได้ทรงรับกับรูปตาขึ้นเย้าๆ
ดูเขาจะอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อตั้งตัวติด แววตานั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนไม่เคอะเขิน
กับผู้หญิงแต่อย่างใด ออกจะเป็นผู้คุมเกมเสียจนเคยด้วยซ้ำ วนัสสานิ่งอั้นเมื่อสบตาเขา
ไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์หรืออะไรหรอก
แต่บางอย่างที่แสงเพิ่งส่องให้เห็นพลันกระตุ้นเตือนความทรงจำอันตกตะกอนนอนก้นขึ้นมา
ตาของเขา...ดวงตาสีน้ำเงินที่เธอไม่มีทางลืม
ในคืนวันเกิดเหตุเป็นงานเต้นรำสวมหน้ากาก คล้ายว่ามันคือการจงใจอำพรางบางอย่างไว้
แม้หลายคนจะรู้จักวนัสสาในฐานะลูกสาวพ่อที่อยู่ในแวดวงเดียวกับลุงหมอกฤษณะเจ้าของบ้าน
แต่เธอไม่รู้จักคนเกือบค่อนที่มางาน ภายใต้หน้ากากมากมาย ใต้รอยยิ้ม เสียงเพลง และความรื่นรมย์
เธอก็ยังอุตส่าห์ได้เห็นดวงตาคู่นี้
“นี่คุณ คือคนที่ขึ้นไปพูดบนเวทีวันนั้น ที่ว่าเป็นหมอ...”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างไม่แน่ใจว่าควรมีปฏิกิริยาเช่นไรกับคำพูดของสาวน้อยตรงหน้า
“ฉันยืนติดเวที เลยเห็นว่าตาคุณสีน้ำเงิน ยังอดคิดไม่ได้ว่าอาจเป็นเพราะแสงสะท้อน
แต่นึกดูแล้วก็ยังจำแววตากับน้ำเสียงคุณได้อยู่ดี”
“หึ ถึงคืนนั้นเขาให้สวมหน้ากาก...แต่ผมก็ไม่ได้สวมเพราะอยากปิดบังตัวเองอยู่แล้ว”
เจ้าตัวคนพูดเอ่ยเยาะๆ คล้ายพูดให้เห็นว่าไม่ใช่วนัสสาเก่ง ทว่าเพราะเขาเองจงใจให้คนจำ
นอกจากเสียงจะห้าวเป็นพิเศษ ผู้ชายคนนี้ยังหุ่นหนาเหมือนนักกีฬา ทั้งสูงทั้งแน่น
แต่ก็ดูคล่องตัวไม่เทอะทะ ร่างของเขาพราวไปด้วยน้ำ ยังคงยืนอย่างมั่นใจแม้จะเริ่มสงสัย
ว่าไม่ใช่ที่ทางของตน คล้ายอยากข่มให้หญิงสาวตัวบางๆอย่างวนัสสารู้สึกว่าเป็นเธอเอง
ที่เกินมาในพื้นที่ของเขา ดูเจ้าตัวจะพอใจไม่น้อยที่ได้ยิ้มยั่วเย้า คล้ายย้ำเตือน
ให้นึกถึงสถานการณ์ล่อแหลมในห้องน้ำเมื่อครู่ แม้ตอนแรกเป็นเขาเองที่ตกใจ
วนัสสาต้องเบือนหน้าหนีจนได้ เธอไม่ได้กลัวหรือหวั่นไหวไปกับดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นหรอก
ก็แค่เกรงว่าไอ้ผ้าเช็ดตัวผืนแคบที่พันไว้หมิ่นเหม่นั่นจะหลุดลงมากองในวินาทีใดวินาทีหนึ่งมากกว่า
“แล้วเราเอาไง ตกลงว่านี่ห้องใคร หรือว่า...จะแชร์ห้องกัน”
“ฝันไปเถอะ คุณนั่นแหละที่ต้องออกไป”
เรื่องเมื่อคืนผ่านพ้นไปด้วยการที่สุดท้ายผู้บุกรุกยอมรับง่ายๆว่าคงจะเข้าห้องผิด
เขายอมลากกระเป๋าออกไปทั้งที่ยังนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างนั้น วนัสสาบอกกับตัวเอง
เชื่อเลย...คนบ้าและหน้าด้านได้โล่มีอยู่จริงๆ เขาดูผ่อนคลายและไม่ค้านหัวชนฝา
ทั้งยังมองทุกสิ่งเป็นเรื่องตลกหญิงสาวก็เลยไม่ได้รู้สึกเกลียดขี้หน้าอีกฝ่าย
ออกจะขำเพราะมันทำให้นึกถึงกลุ่มเพื่อนเพี้ยนๆแต่น่ารักที่ศิลปากรอยู่เหมือนกัน
วนัสสาคิดๆอยู่ว่าอยากจะรู้ชื่อเขา แต่เธอหาจังหวะเหมาะไม่ได้ กลัวจะโดนหาว่า
อยากทอดไมตรี ส่วนอีกฝ่ายนั้นก็เดินหน้ามึนออกไปง่ายๆ เขาอาจเห็นว่าดึกแล้ว
รั้งอยู่นานจะน่าเกลียด ...แต่สำคัญตรงที่เขาเป็นหมอ ถ้ามีความลับอันตรายเกี่ยวกับ
เวชกุลก็ไม่แปลกที่หมอสักคนจะเข้ามามีเอี่ยว การที่เขาปรากฏตัวในคืนนั้นและเธอก็จำเขาได้
แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของการมาตามหาความจริงของวนัสสาจะต้องเป็นผู้ชายตาสีน้ำเงินคนนี้
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวลงไปยังพื้นที่รับประทานอาหารเช้า พื้นฝังลายหินอยู่ภายใต้ชายคา
แต่มีผนังเป็นโครงเหล็กพันซุ้มไม้เลื้อยซะสองด้าน อีกด้านเป็นซุ้มเขียวสบายตาเช่นกัน
แต่ถูกเจาะเป็นช่องโค้ง เปิดโล่งออกไปเห็นสวนร่มรื่น
แปดโมงครึ่ง...เดาว่าเธอคงไม่ใช่คนแรกที่ลงมาทานอาหาร แต่เวลานั้นก็ไม่มีใครนอกจาก
พ่อบ้านเบ็น วนัสสาเตรียมลงมือกินอาหารที่ตนเลือกตักใส่จานเรียบร้อย เธอเอ่ยถามเบ็น
ซึ่งเข้ามาดูแลเครื่องดื่มให้ถึงเรื่องที่ยังค้างคา
“คุณเบ็นพอจะบอกลูกค้าได้บ้างไหมคะ เรื่องโปรไฟล์ของเจ้าของใหม่
ที่ซื้อคฤหาสน์นี้ต่อมาจากคุณศศิราศีน่ะค่ะ เขาเป็นใคร หรือเกี่ยวข้องกับเจ้าของเดิมยังไง”
วนัสสายิ้มเหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศเรื่อยไป
ชายชราเลิกคิ้ว ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมตอบโดยดี “ความลับคือผมไม่ทราบชื่อ
เจ้าของคนปัจจุบันที่เป็นเจ้านายตัวจริงของผมด้วยซ้ำ เขาคงจะงานยุ่งน่ะครับ
แต่ไม่ต้องห่วง มีผู้จัดการไว้ทำหน้าที่ติดต่อหาคนมาดูแลอีกที ผมทำงานกับคุณศศิราศี
ที่เป็นที่ปรึกษาของเจ้านาย เพราะเธอเป็นเจ้าของเก่า เลยได้รับความไว้ใจมากทีเดียว”
“งั้นหรือคะ ถ้าฉันอยากพบเธอบ้างจะมีโอกาสไหม” วนัสสาเก็บความแปลกใจเอาไว้
ศศิราศีไม่ได้หนี หรือเวลานี้สตรีผู้นั้นกำลังต้องการเงิน ทั้งที่ลุงหมอกฤษณะเคยรวยมหาศาล
แต่มีมากเท่าไหร่ก็ใช้หมดได้ถ้าเอาไปลงในทางผิด ภรรยาของเขาดูฉลาด แต่คนเราก็
พลาดได้ตลอดเวลายิ่งเมื่อคบหาคนที่ไม่น่าคบไว้ใกล้ตัว เท่าที่เดาศศิราศีคงรู้จัก
พวกคนมีอิทธิพลในทางมืดอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลย
“เธอก็ว่าจะแวะมาอยู่เหมือนกันครับ”
“อ้อค่ะ งั้นคงมีโอกาสได้เจอ ถ้าทราบว่าเธอจะเข้ามาตอนไหน วานบอกฉันด้วยก็แล้วกัน”
“ครับ”
“แล้วก็ คือว่ามีอีกเรื่อง...เมื่อคืนมีผู้ชายต่างชาติหลงเข้ามาในห้องฉันคนหนึ่ง
แต่เขาพูดไทยชัดมาก สุดท้ายก็ยอมออกไปด้วยดี เห็นบอกว่าคงเข้าห้องผิด
คงอยู่ห้องติดๆกันนั่นแหละ ไม่รู้เมาหรือมึน”
“คุณหนูคงกำลังว่าระบบรักษาความปลอดภัยของเราหละหลวม” เบ็นพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจริงจัง
“ผมเข้าใจครับ เรื่องประตู ทางเราจะรีบจัดการเปลี่ยนให้เป็นระบบล็อกอัตโนมัติ แต่ก่อนนี้
ผู้จัดการกลัวว่ามันจะให้ความรู้สึกทันสมัยจนดูไม่เป็นบ้าน คราวนี้คงต้องคิดใหม่”
“อ๋อ ไม่หรอกค่ะ แบบนี้ดีแล้ว ฉันน่าจะตำหนิตัวเองมากกว่าที่เป็นผู้หญิงยิงเรือ
ไม่ดูให้แน่ว่าประตูปิดแน่นหนาดีหรือยัง แต่ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าคนคนนั้นเขาเป็นใคร”
“ถ้าเดาไม่ผิด ที่คุณหนูหมายถึง ไม่ใช่คนไม่น่าไว้ใจอะไรหรอกครับ เขาเป็นสัตวแพทย์ ชื่อคุณ...”
“คงพูดถึงผมกันอยู่แน่เลยใช่ไหมครับ จากที่ได้ยิน” เสียงห้าวเจือแววโอ่อ่าที่ดูเหมือน
แกล้งทำเล่นไปอย่างนั้นของคนมาใหม่ดังขึ้น วนัสสาจำได้ทันทีโดยไม่ต้องหันไปมอง
หญิงสาวผ่อนลมหายใจด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง พยักหน้ากับเบ็นนิดหนึ่งว่าคนนี้แหละ
“คุณหมอวาริชน่ะครับ ...เพิ่งเข้ามาพักตอนดึกเมื่อวาน” เบ็นตอบยิ้มๆ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2556, 13:37:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2556, 13:37:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 1690
<< (แก้)ความทรงจำแรก"ข้อความที่เหลือไว้" - ความทรงจำที่ 2 คฤหาสน์ลับกลางกรุง | ความทรงจำที่ ๒ คฤหาสน์ลับกลางกรุง (...จบบท) >> |

อสิตา 15 ก.ค. 2556, 13:38:36 น.
คุณภาวิน เพื่อนร่วมทีม – เรื่องม้วนผมอันที่จริงแค่ให้นางเอกทำเพื่อจะได้บรรยายลักษณะ เห็นทีต่อไปคงต้องเปลี่ยนมุกบ้างแล้ว
คุณพันธุ์แตงกวา – ชายหนุ่มคนแรกออกมาละ ไว้ใจดีไหมน้า หนุ่มๆน่ารักทุกคนเลย -.,- ขอบคุณที่มาอ่านนะคะ จูบๆ
คุณเลิฟหมวย – นางเอกคงต้องพยายามนึกต่อไปอีกนานค่ะ แต่ระหว่างนั้นก็มีเรื่องอื่นให้ลุ้นได้ตลอด
คุณเฟอร์ – เรื่องนี้ได้เดานั่นนี่กันสนุกแน่ ว่าแต่เป็นหมอแล้วยังกลัววังเวงอีกเหรอ กุ๊กๆกู๋ ผีมาแล้วววววววๆๆๆ
คุณผักชีปลายหวีเหี่ยว อะไรนะไม่ใช่กล้วยเหรอ... – ตัวอื่นก็จะมีพลังจิตนะ แต่ไม่มีแบบวูฟเวอรีนหรอก
คุณโกลเด้นซัน พระอาทิตย์สีทองผ่องไพศาลของเค้า – คิดถึงจังค่ะ ดูเหมือนหนูวนัสจะกล้ากลับมาเพราะรู้สึกว่า
ตัวเองมีพลังเพิ่มขึ้นด้วย จะค่อยๆโปรยไว้ตามรายทางค่ะ ถ้าไม่รังเกียจช่วยอสิตาจับผิดไปเรื่อยๆนะคะ ชอบมาก
คุณเมล็ดทานตะวัน – ท่าทางเราจะถูกกับพระอาทิตย์ คิดถึงนักอ่านที่น่ารักเหมือนกันค่ะ อันนี้ก็มีแนวสืบๆปนเหนือจริง แต่พี่แป้งไม่เคยอ่านโคนัน เชยจัง
คุณSukhumvit66 เห็นชื่อแล้วสงสัยเลยค่ะว่าซอยนี้มีอะไร – อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^


คุณภาวิน เพื่อนร่วมทีม – เรื่องม้วนผมอันที่จริงแค่ให้นางเอกทำเพื่อจะได้บรรยายลักษณะ เห็นทีต่อไปคงต้องเปลี่ยนมุกบ้างแล้ว
คุณพันธุ์แตงกวา – ชายหนุ่มคนแรกออกมาละ ไว้ใจดีไหมน้า หนุ่มๆน่ารักทุกคนเลย -.,- ขอบคุณที่มาอ่านนะคะ จูบๆ
คุณเลิฟหมวย – นางเอกคงต้องพยายามนึกต่อไปอีกนานค่ะ แต่ระหว่างนั้นก็มีเรื่องอื่นให้ลุ้นได้ตลอด
คุณเฟอร์ – เรื่องนี้ได้เดานั่นนี่กันสนุกแน่ ว่าแต่เป็นหมอแล้วยังกลัววังเวงอีกเหรอ กุ๊กๆกู๋ ผีมาแล้วววววววๆๆๆ
คุณผักชีปลายหวีเหี่ยว อะไรนะไม่ใช่กล้วยเหรอ... – ตัวอื่นก็จะมีพลังจิตนะ แต่ไม่มีแบบวูฟเวอรีนหรอก
คุณโกลเด้นซัน พระอาทิตย์สีทองผ่องไพศาลของเค้า – คิดถึงจังค่ะ ดูเหมือนหนูวนัสจะกล้ากลับมาเพราะรู้สึกว่า
ตัวเองมีพลังเพิ่มขึ้นด้วย จะค่อยๆโปรยไว้ตามรายทางค่ะ ถ้าไม่รังเกียจช่วยอสิตาจับผิดไปเรื่อยๆนะคะ ชอบมาก
คุณเมล็ดทานตะวัน – ท่าทางเราจะถูกกับพระอาทิตย์ คิดถึงนักอ่านที่น่ารักเหมือนกันค่ะ อันนี้ก็มีแนวสืบๆปนเหนือจริง แต่พี่แป้งไม่เคยอ่านโคนัน เชยจัง
คุณSukhumvit66 เห็นชื่อแล้วสงสัยเลยค่ะว่าซอยนี้มีอะไร – อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^




ดังปัณณ์ 15 ก.ค. 2556, 14:06:49 น.
แอ๊! ตอนแรกนึกว่าผี 555+ กรี๊ดเลยยยยยย
แอ๊! ตอนแรกนึกว่าผี 555+ กรี๊ดเลยยยยยย

Auuuu 15 ก.ค. 2556, 14:18:28 น.
ประเด็นเยอะมากกก นางเอกเราเปรี้ยวแฮะ มีพลังแล้ว ไอ้หย่ะะะ สงสัยทุกๆคนในบ้านนี้เลย
ประเด็นเยอะมากกก นางเอกเราเปรี้ยวแฮะ มีพลังแล้ว ไอ้หย่ะะะ สงสัยทุกๆคนในบ้านนี้เลย

Zephyr 15 ก.ค. 2556, 15:27:02 น.
ลูกมะม้าแต่ละคนช่างสะกดคำว่าเขินไม่เป็นเนอะ เวลาเจอผู้ชายเปลือย อืมมมม
เอ หรือว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนาง(เอก)ให้ดูมะม้า อืมมมม อืมๆๆๆๆ
มาละคนนุง คุณหมอ สัตวแพทย์ งิงิ ตาน้ำเงินด้วย ว้าวๆๆๆๆ
ลูกมะม้าแต่ละคนช่างสะกดคำว่าเขินไม่เป็นเนอะ เวลาเจอผู้ชายเปลือย อืมมมม
เอ หรือว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนาง(เอก)ให้ดูมะม้า อืมมมม อืมๆๆๆๆ
มาละคนนุง คุณหมอ สัตวแพทย์ งิงิ ตาน้ำเงินด้วย ว้าวๆๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 15 ก.ค. 2556, 18:49:16 น.
เจ้ซับน้ำหมาก กับชายหนุ่มคนที่หนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว แผล็บๆว่าแต่หมอวาริช จะรู้จักกับหมอวสุ(สัตว์แพทย์)เรื่องลับลมคมรักมั่ยเนี่ย555
เจ้ซับน้ำหมาก กับชายหนุ่มคนที่หนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว แผล็บๆว่าแต่หมอวาริช จะรู้จักกับหมอวสุ(สัตว์แพทย์)เรื่องลับลมคมรักมั่ยเนี่ย555

lovemuay 15 ก.ค. 2556, 18:54:02 น.
ว้าว หนุ่มคนแรกเป็นสัตวแพทย์ตาฟ้า แล้วคนที่สองหล่ะ? อิอิ
ว้าว หนุ่มคนแรกเป็นสัตวแพทย์ตาฟ้า แล้วคนที่สองหล่ะ? อิอิ

Amarilys 15 ก.ค. 2556, 19:14:48 น.
ขอบคุณนะคะที่ชมว่าชื่อเพราะ ตอนนี้มีบางพารากราฟอ่านแล้วสะดุ้งต้องอ่านใหม่ แล้วมานั่งหัวเราะกับความอะไรดี..อืมมม ลามะกะของตัวเอง 555 บรรยากาศออกจะโกธิค ยังอุตสาห์มีเรื่องให้น้ำหมากกระจาย โฮะโฮะ
ขอบคุณนะคะที่ชมว่าชื่อเพราะ ตอนนี้มีบางพารากราฟอ่านแล้วสะดุ้งต้องอ่านใหม่ แล้วมานั่งหัวเราะกับความอะไรดี..อืมมม ลามะกะของตัวเอง 555 บรรยากาศออกจะโกธิค ยังอุตสาห์มีเรื่องให้น้ำหมากกระจาย โฮะโฮะ


SunSeed 15 ก.ค. 2556, 20:19:17 น.
ต๊ายย หนูวนัสเนียนแอบดูผู้ชายอาบน้ำ หุหุหุหุ แต่น่าฉงฉานโดนพี่แป้งสกัดดาวรุ่งด้วยการเขียนฟองฟูฟ่องปิด...ซะนี่ เอามันออกปายยยยฟองอ่ะ
ต๊ายย หนูวนัสเนียนแอบดูผู้ชายอาบน้ำ หุหุหุหุ แต่น่าฉงฉานโดนพี่แป้งสกัดดาวรุ่งด้วยการเขียนฟองฟูฟ่องปิด...ซะนี่ เอามันออกปายยยยฟองอ่ะ


หมูอ้วน 16 ก.ค. 2556, 14:05:40 น.
ตามติดขอบจอค่ะ ตอนแรกไม่ได้เม้นท์ เสียใจจังเลย
ตามติดขอบจอค่ะ ตอนแรกไม่ได้เม้นท์ เสียใจจังเลย

goldensun 16 ก.ค. 2556, 18:10:01 น.
หมอวาริชมีเจตนาแน่ เปิดตัวกับวนัสได้ติดตาอย่างยิ่ง อารมณ์คิดว่าผีหลอก กลายเป็นคนจริงๆ เลยกระเจิงเลย 55555
คราวนี้ วนัสคงคิดว่ามาแบบเหมือนจริง ว่าแต่คุณหมอขึ้นห้องไม่มีพ่อบ้านพามาส่งหรือคะ หรือจงใจรับน้องใหม่อย่างที่คิด
หมอวาริชมีเจตนาแน่ เปิดตัวกับวนัสได้ติดตาอย่างยิ่ง อารมณ์คิดว่าผีหลอก กลายเป็นคนจริงๆ เลยกระเจิงเลย 55555
คราวนี้ วนัสคงคิดว่ามาแบบเหมือนจริง ว่าแต่คุณหมอขึ้นห้องไม่มีพ่อบ้านพามาส่งหรือคะ หรือจงใจรับน้องใหม่อย่างที่คิด


Sukhumvit66 17 ก.ค. 2556, 10:51:19 น.
อยากเห็นหนุ่มอีกสองคนแล้วอะคะ โอ้ย โอ้ย......
อยากเห็นหนุ่มอีกสองคนแล้วอะคะ โอ้ย โอ้ย......
