เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๒ คฤหาสน์ลับกลางกรุง (...จบบท)

“ฉันน่าจะตำหนิตัวเองมากกว่าที่เป็นผู้หญิงยิงเรือ ไม่ดูให้แน่ว่าประตูปิดแน่นหนาดีหรือยัง
แต่ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าคนคนนั้นเขาเป็นใคร”

“ถ้าเดาไม่ผิด ที่คุณหนูหมายถึง ไม่ใช่คนไม่น่าไว้ใจอะไรหรอกครับ เขาเป็นสัตวแพทย์ ชื่อคุณ...”

“คงพูดถึงผมกันอยู่แน่เลยใช่ไหมครับ จากที่ได้ยิน” เสียงห้าวเจือแววโอ่อ่าที่ดูเหมือน
แกล้งทำเล่นไปอย่างนั้นของคนมาใหม่ดังขึ้น วนัสสาจำได้ทันทีโดยไม่ต้องหันไปมอง
หญิงสาวผ่อนลมหายใจด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง พยักหน้ากับเบ็นนิดหนึ่งว่าคนนี้แหละ


“คุณหมอวาริชน่ะครับ ...เพิ่งเข้ามาพักตอนดึกเมื่อวาน” เบ็นว่ายิ้มๆ “เห็นบอก
ไม่ต้องให้ขึ้นไปส่งเพราะมีไม่กี่ห้องแค่นี้ อันที่จริงก็เป็นความผิดของผมเอง
ที่ปล่อยปละไม่ดูแล ขออภัยทั้งคู่ด้วยนะครับ”

“ผมผิดเองที่ไล่คุณพ่อบ้าน...แถมยังมั่วนิ่มไปหน่อย”
วาริชพูดหน้าตายอย่างแทบไม่ได้รู้สึกผิดตามคำพูดไปด้วยเลย

“ชื่อเหมือนคนไทยเลย แต่ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์แพทย์นะคะ
จำได้ว่าคุณพูดเรื่องการทดลองปาวๆบนเวที คล่องเสียจนฉันนึกว่าคุณเป็นหมอ...รักษาคน”
วนัสสานึกอยากยวนตอบบ้าง

“ผมรู้รอบด้านครับ” เขาตอบทีเล่นทีจริง “ผมก็แค่ร่ำเรียนมาด้วยความรักหมา”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วยังกับว่าไม่แน่ใจว่าตนเองพูดจริงหรือโกหก “แล้วเรื่องคลินิกรักษาสัตว์...
เห็นพ่อแม่มีตึกว่างอยู่ เลยขอไว้เปิดร้านให้คนอื่นดูแลเป็นหลัก แต่ตัวผม
สนใจเรื่องการวิจัยที่พูดบนเวทีคืนนั้นมากกว่า”

ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ที่โต๊ะรับประทาน วนัสสาเงยสบตาสีน้ำเงินที่ยิ่งเห็นชัดในความสว่าง
กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งเก๋และคมในเวลาเดียวกัน ผมสีน้ำตาลเข้มหยิกค่อนข้างฟูอย่างที่ตอนเปียก
ไม่เห็นถูกรวบไว้ครึ่งศีรษะ เวลาเขาขึ้นพูดบนเวทีก็รวบผมไว้ตึงแน่นหมดและคงจะซ่อนปลายหาง
ไว้ในคอเสื้อเสียด้วย เธอจึงไม่ได้สังเกต นอกจากรูปโฉมแล้ววาริชไม่มีอะไรที่เหมือนคนต่างชาติเลย
กิริยา ท่าทาง น้ำเสียง เหมือนเขาเกิดและโตมาอย่างคนไทยแต่อ้อนแต่ออก

“ว่าแต่คุณ รู้จักผมแล้ว...จะไม่กรุณาแนะนำตัวเองตอบบ้างหรือ”

“วนัสสาค่ะ เรียกวนัสเฉยๆก็ได้ ฉันชอบ ไม่รุงรังดี”

“เห็นเบ็นเรียกคุณหนู เป็นคุณหนูวนัสก็น่ารักดีนะครับ”

“ยังไงก็ได้ค่ะ”

วาริชมองหญิงสาวพรายยิ้ม ไม่ใช่ว่าเธอยิ้มอย่างมั่นใจหรือเขินอาย
ดูเหมือนไม่ใช่ยิ้มกับเขาด้วย คล้ายเธอกำลังยิ้มกับตนเอง ผู้หญิงคนนี้แปลก
เหมือนมือของเธอยื่นมาสัมผัสแตะต้องความสวยงามของโลกรอบกาย
ขณะเดียวกันก็วางตัวอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่ลงมาคลุกคลี
คล้ายมีเกราะป้องกันที่แน่นเหนียวจนยากจะฝ่าเข้าไป
เขาเองก็ไม่ใช่พวกชอบเล่นเกมให้เปลืองเวลาเสียด้วย
ปกติเขาชอบผู้หญิงที่พร้อมจะให้เข้าใกล้ได้ไม่ยากเย็นมากกว่า

“คุณคงเด็กกว่าผมหลายปีแน่...” ชายหนุ่มคล้ายเปรยกับหญิงสาวและพ่อบ้านเบ็นในเวลาเดียวกัน

วาริชลองยื่นมือออกไปคล้ายอยากจับมือ เห็นวนัสสาที่ยังนั่งอยู่นิ่งไปสักหลายวินาทีมีสีหน้าประหลาดใจ
เธอยังไม่ทันจะยื่นมือมาจับตอบ ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายถอนใจชักมือกลับไปล้วงกระเป๋าเสียแทน

“ล้อเล่นน่า คุณก็เห็นว่าผมไทยจ๋าขนาดนี้ ก็อยู่ไทยมาตั้งแต่เกิด ผมไม่หลอกจับมือ
ผู้หญิงน่ารักๆทุกคนหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มป้องปาก ปรายตาไปเห็นว่าเบ็น
ถอยฉากออกไปจนพ้นระยะที่จะได้ยินแล้ว “เมื่อคืนเราก็ทำความรู้จักกันสนิทสนมกว่านี้ไปแล้ว
ถึงจะยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามกันก็เถอะ”

วนัสสายิ้มมุมปาก น่าเสียดาย ถ้าจับมือเขา สัมผัสของเธอคงอ่านความรู้สึกของเขาได้บ้าง
คงพอบอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน เขาคงเห็นว่าเธอเป็นเด็กคนหนึ่งจึงแกล้งแหย่ตามใจ
แต่เธอไม่ใช่คนรู้ไม่ทันคน อายุยี่สิบสาม...อาจไม่นับว่ามาก ทว่าหญิงสาวมักวางตัวเอง
ให้โบยบินอยู่เหนือผู้คน เฝ้ามองชีวิตเหล่านั้นตลอดมา แม้มองอยู่วงนอก แต่อาจจะใส่ใจ
เสียยิ่งกว่าคนที่เข้าไปคลุกวงในโดยไม่มีเวลาหยุดพักหายใจตั้งสติเปิดตามอง
คนอย่างผู้ชายคนนี้ ถ้ายอมให้ยั่วแหย่ก็จะคิดว่าตัวเองเป็นต่อ เพราะฉะนั้นเธอจะแกล้งเฉยเสีย
เรื่องหาทางแตะโดนตัวเขาเพื่อสัมผัสความรู้สึกในภายหลังคงไม่ยากเย็น

แต่แววตาสีน้ำเงินเข้มลึกที่มองมานั่นสิ ราวกับเขารู้ว่าเธออยากจับมืออยู่ลึกๆ
หรือวาริชจะรู้อะไรมากกว่าที่คิด หลังฟังเขาพูดคืนนั้น ช่วงเวลาที่วนัสสาลืมไป
เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและเธอ ถ้าคนคนนี้เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เธอลืม
บางทีตอนนี้เขาคงกำลังแสดงละครอยู่ก็เป็นได้ ก็หัวข้อที่เขาพูดบนเวทีน่ะ น่าสงสัยออกจะตายไป

“คืนนั้น...ฉันจำได้ว่าคุณพูดเรื่องยาแล้วก็งานวิจัยเกี่ยวกับความทรงจำของคน”

วาริชหยิบจานและเลือกตักอาหารเช้าบนโต๊ะกองใหญ่ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งลงตรงข้ามหญิงสาว
โต๊ะกลมนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักจึงให้ความรู้สึกไม่ห่างเหินจนเกินไป เขามองหญิงสาวตรงหน้ายิ้มๆ
แต่ประเมินอยู่ในที ขำที่เมื่อคืนเธอตกอกตกใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคน สงสัยอยากจะเจอผีซะมากกว่า
หรือยังง่วงไม่สร่างตอนเปิดมาเจอเขาอาบน้ำก็ไม่รู้ แต่วันนี้หญิงสาวดูมีชีวิตชีวาในเดรสแขนกุดสีพีช
ช่วงบ่าและแขนเสื้อเป็นลูกไม้โปร่งลายน่ารัก ใต้อกมีผ้าเบาๆซ้อนเป็นชั้นลงไป ชายกึ่งสั้นกึ่งยาว สดใสสมตัว

“ถูกแล้ว ผมพูดเรื่องความทรงจำที่เหมือนเก็บอยู่ในลิ้นชัก หรือกล่อง เวลาเราลืมเรื่องสำคัญ...
บางทีอาจไม่ใช่ว่าเพราะมีอะไรตกหล่นหายไป เพียงแต่เราเปิดความจำในกล่องนั้นๆออกมาไม่ได้
ก็เท่านั้นเอง”

“แต่ก็มียาซึ่งกำลังจะเป็นเหมือนกุญแจ ที่ทำให้เราจัดการกับกล่องแต่ละใบได้ ถูกไหมคะ”
วนัสสาถามอย่างจดจ่อ แม้ไม่รวมเรื่องที่เธอมาตามหาหญิงสาวก็ค่อนข้างสนใจสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
เรื่องของจิต การจัดการกับการรับรู้ เพราะความสามารถของเธอเองก็เกี่ยวพันกับมันไม่น้อย
เพียงแต่บางครั้งกล่องหรือลิ้นชักที่เธอเปิดอาจไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นความทรงจำของคนอื่น
กับบางคนก็ใช้ไม่ได้ผล แต่ส่วนใหญ่แล้ววนัสสามักสัมผัสอารมณ์ผู้อื่นได้ไม่มากก็น้อย
หากเจอคนที่อ่านอารมณ์ยากก็จะดึงดูดเอาพลังของตัวเธอในตอนนั้นออกมาจนหมดไปด้วย
ทำให้เธอต้องนอนพักสักตื่นหนึ่ง หรือรอวันใหม่ให้พลังฟื้นคืนกลับมา
ทว่าตอนนี้ความสามารถดูจะเพิ่มขึ้นมาจากที่เป็นอยู่เดิมอย่างไร้สาเหตุ ไม่สิ มันคงจะมีเหตุแน่ๆ
แต่เธอลืมมันไปแล้ว ถึงอย่างไรถ้าไม่จำเป็นจริงๆหญิงสาวก็ยังชอบที่จะอ่านความทรงจำที่ติดในสิ่งของ
เพราะมันง่ายกว่า สบายใจกว่า ทั้งไม่ต้องคอยรองรับเศษความรู้สึกหรือจิตหม่นมืดของบางคน
ที่ผ่านเข้ามาให้สัมผัส

“ดีใจที่คุณหนูวนัสสนใจ แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่เมื่อไหร่ที่มันสมบูรณ์จริงๆละก็
โลกคงสะเทือนด้วยยาตัวนี้อย่างแน่นอน” เขายังหยอกเธอด้วยเสียงเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก

เคยมีหลายคนว่าวนัสสาเองหน้าตาเหมือนสาววัยทีน ยิ่งเวลาไม่แต่งหน้าด้วยแล้ว
เธอไม่สนใจว่าวาริชจะคิดปีนเกลียวยังไง จริงๆสนิทกันเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีกับการรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา
แต่ประเมินจากลักษณะการพูดด้วยเสียงห้าวลึกในคอเหมือนอย่างกับนักเลงนั่น ทำให้เชื่อยาก
อยู่สักหน่อยว่าเจ้าตัวจะสนใจเรื่องการทดลองมากกว่าออกไปเล่นรักบี้หรือกีฬาที่ต้องเอาตัว
กระแทกกับชาวบ้านอะไรเทือกนั้น

“คุณหมอริชอยู่ไทยมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอคะ”

“ใช่ครับ ผมเป็นเด็ก...อเมริกัน มีเชื้อสายพวกพื้นเมืองฮาวายด้วยมั้ง บังเอิญไม่ได้ติดตามสืบค้นอดีต
ที่ว่าอยู่ไทยมาแต่เกิดก็คงไม่ขนาดนั้น พ่อแม่เป็นนักท่องเที่ยว พาลูกมาด้วยแล้วเกิดประสบอุบัติเหตุ
ทั้งสองคนเสียชีวิตไปพร้อมกัน น่าสงสาร...เหลือไว้แต่ลูกนี่เอง” ชายหนุ่มยักไหล่ราวกับไม่ได้พูดถึง
เรื่องของตัวเอง “พอดีได้พ่อแม่ปัจจุบันที่เป็นหมอ เขาไม่มีลูก เลยช่วยเอาผมมาอุปการะ
ก็โตมาแบบอบอุ่นดี...อุ่นจนร้อนเลย ใกล้จะเกรียมอยู่แล้ว พอเริ่มโตแก่แดดแก่ลมเขาเลยชักจะเบื่อ
หนีเที่ยวกันตลอด คงอยากพักกันแล้ว ทิ้งผมไว้คนเดียวจนผมโหยหาความอบอุ่นขึ้นมา
อยู่บ้านโล่งๆมันก็เบื่อนะครับ เลยหาเรื่องมาพักที่นี่เสียเลย ถูกใจบรรยากาศตั้งแต่มาบรรยายในงานคราวก่อน”

วนัสสาเห็นสัตวแพทย์หนุ่มพูดเป็นชุด ก่อนเขาจะยกแก้วน้ำส้มสดขึ้นดื่มอึกใหญ่
คล้ายว่าอาหารกำลังจะเริ่มติดคอเพราะพูดไปกินไปอย่างคนที่มีความสุขกับการกินเอามากๆ
เธอจึงผันตัวเองเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวก เลื่อนตะกร้าของหวานไปใกล้เขา
ให้กำลังใจด้วยสายตาอยู่เงียบๆว่าคนตรงหน้าจะกินอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ

วาริชยิ้มกว้าง เรื่องเมื่อคืนที่เขาไปโผล่ในห้องเธอนั้นอาจจะดีก็ได้
เพราะมันทำให้มีโอกาสมาสนิทกันง่ายขึ้น แต่ที่ไม่ได้บอกออกไป...เขาเองก็จำเธอได้
ผมยาวเก๋เป็นคลื่น ม้วนเป็นหลอดตรงปลาย กับผมม้าสั้นค่อนข้างมากที่ตัดโค้งไปตามรูปหน้าผาก
เผยเค้าหน้าอ่อนเยาว์เกือบจะเป็นรูปหัวใจทว่าเรียวสวย วันนั้นเธอสวมหน้ากากปิดช่วงตาไว้
แต่วันนี้ไม่มี ทำให้สังเกตเห็นแก้วตาสีน้ำตาลอ่อนกว่าคนไทยทั่วไปได้ชัด ขนตายาวสีจาง
ขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆจุดแต้มตรงหางตาซ้ายทำให้ดูมีเสน่ห์เพิ่มเติมมาอย่างช่วยไม่ได้ ปากสีชมพูใส
ทั้งหยักสวยและอิ่มเต็มอย่างที่เรียกว่าน่าจูบ ผิวขาวละเอียดราวตุ๊กตาแก้ว
แบบที่สมควรวางอยู่ในห้องนอนมืดๆของใครสักคนมากกว่าห้องรับแขก

จำได้ว่าความคิดแรกในคืนนั้นยามเห็นท่าเดินราวกับจะล่อยลองไปได้ของผู้หญิงคนนี้
เขาอยากชวนเธอเต้นรำ...

วาริชมีธุระกับเรื่องทางวิชาการที่ตนเองร่วมค้นคว้าจนได้ขึ้นพูดบนเวทีในคืนดังกล่าว
ทว่าเขาเพิ่งมารู้ซึ้งเอาตอนนี้เอง ว่ามันน่าเศร้าแค่ไหน เคยคิดว่าตนเองรู้แผนการล่วงหน้า
ของคนที่ทำงานด้วย แต่แล้วเวลาสองเดือนของเขากลับหายไปแบบโง่ๆ ไม่รวมถึง
เวลานานนับปีก่อนนั้นที่เสียแรงไว้ใจ พวกพ้องของอาจารย์หมอกฤษณะยังทำกับเขาได้
คิดแล้วก็เจ็บใจ เวลานี้เวชกุลดูเหมือนจะกันเขาออกมาวงนอก แต่สิ่งที่วาริชจะทำ
คือการกลับมาทวงถามหาความทรงจำและเวลาที่เสียไปของเขาคืนมา
เขาต้องรู้จักเธออยู่แล้ว เพราะเธอคือวนัสสา เวชกุล ทว่าสาวน้อยน่ารักตรงหน้านี้ไม่รู้อะไร
เกี่ยวกับเขาเลย ...และคงยิ่งไม่รู้ ว่าการย่างเท้าเข้ามาที่นี่ หมายถึงการเล่นกับไฟ

“อิ่มแล้วครับ” วาริชพูดอย่างอิ่มเอม “เห็นผมตุนพลังงานไว้มากแบบนี้ผมก็ใช้พลังงานคุ้มเหมือนกันนะ
ผมชอบดวลเทนนิส ตีแบตก็ไม่เกี่ยง กีฬาทุกประเภท ขอให้ท้ามาได้เลย เผื่อว่าคุณหนูวนัสสา
ของลุงเบ็นจะสนใจบ้าง เย็นนี้เลยก็ยังได้”

“ฉันมันพวกปวกเปียกค่ะ ชอบหมกตัวอยู่คนเดียวมากกว่า วาดรูป สีน้ำ สีน้ำมันอะไรพวกนั้น”

“อ้อ ศิลปิน... แล้วชอบวาดอะไรเป็นพิเศษ มีไหมครับ”

“น่าจะเป็นดอกไม้”

“ที่คฤหาสน์สีน้ำเงินนี่สวนเขาก็จัดไว้ก็สวยเชียว ยังไม่ได้สำรวจให้ทั่วเลย”

“ฉันก็อยากดูเหมือนกัน”

ทั้งสองคนลุกจากโต๊ะ เดินออกสู่สวนที่ติดกับลานใต้ชายคาซึ่งเป็นที่รับประทานอาหารเช้า
ลอดผ่านซุ้มไม้เลื้อยเขียวครึ้มออกไปสู่สวนร่มรื่น ทางเดินแคบขนาบด้วยกำแพงต้นไม้พาทั้งคู่
ไปสู่พื้นที่วงกลมใต้ร่มไม้ใหญ่ ชั้นเชิงดอกไม้สลับสีจัดไว้สวยราวขั้นบันไดบนเนินยกตัวสูงขึ้นไป
บรรยากาศเย็นชื่นด้วยลำธารจำลองซึ่งโรยกรวดสีฟ้าสลับขาวไว้น่าดู

“สวนนี้ใหญ่มาก จริงๆเนื้อที่ของที่นี่ก็กว้าง แถมอยู่กลางเมืองจนน่าเอาไปทำคอนโดหรือโรงแรมหรูๆ
เจ้าของคงรวยไม่รู้เรื่อง” วาริชเปรย

“แค่ขายบ้านนี่เจ้าของเก่าคงได้เงินไปอื้อน่ะค่ะ แต่เจ้าของใหม่คงเป็นพวกมีอารมณ์ศิลป์
ถึงได้รักษามันไว้เปิดเป็นที่พักแบบนี้” ...หรือไม่ก็อาจจะมีแผนบางอย่าง วนัสสาคิดต่อในใจ

คืนวันที่มีงานเต้นรำที่นี่ เป็นงานเต้นรำซึ่งน่าประทับใจที่สุดในชีวิตของเธอ
ทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนเที่ยงคืน วนัสสายังจำได้ดี เธอได้เต้นรำกับใครคนหนึ่งในคืนนั้น
มันมืดจนมองไม่เห็นหน้าค่าตา ทว่ายังจำความสนุกสนานเป็นสุขในชั่วขณะที่เต้นไปด้วยกันได้ไม่ลืม
ตั้งใจจะถามชื่อ ตั้งใจจะชวนคุย แต่แล้วเมื่อเพลงจบลง นาฬิกาตีบอกวันใหม่ ความทรงจำของเธอก็หยุดลง...

ขณะที่ปล่อยความคิดให้ลอยไป สายตาของหญิงสาวเหลือบเห็นการเคลื่อนไหวตรงมุมหนึ่งของพุ่มไม้
เธอหันไปมองทันที พาให้วาริชหันตาม

“นาเดีย”

“อะไรนะครับ”

“พนักงานต้อนรับของที่นี่ค่ะ เมื่อวานคุณเบ็นแนะนำให้ฉันรู้จัก เธอเป็นฝรั่งแต่ตัวเล็กกว่าฉันอีก น่ารักเชียว”

วาริชเลิกคิ้วโค้งได้รูปขึ้น คำว่าน่ารักนั้นทำให้เขาสนใจ แต่จะน่ารักกว่าคนพูดได้หรือ เห็นท่าจะยากเต็มที

ที่พุ่มกุหลาบดอกจิ๋วๆมีร่างของใครอีกคนหนึ่งกำลังก้มๆเงยๆทำอะไรง่วนอยู่ ดูคล้ายถอนวัชพืช
เมื่อเห็นสองหนุ่มสาวกำลังเดินเข้าใกล้เจ้าตัวก็ไม่หลบ เงยขึ้นขยับหมวกคล้ายจะเปิดหมวกทักทายอยู่ในที
วนัสสาเห็นว่าผมของเขาเป็นสีทองสวยทีเดียว

“สวัสดีค่ะ พูดไทยได้ไหมเอ่ย”

“ผมเอเดน เป็นคนสวนของที่นี่ครับ หวังว่าดอกไม้ของเราคงจะช่วยให้
คุณอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้ออกมาเดินเล่น” เด็กหนุ่มอวดภาษาไทยของเขาทันทีที่ได้โอกาส

หญิงสาวยิ้มชื่นชม สำเนียงอาจยังไม่ชัดดีนัก ทว่าด้านความหมายและเนื้อคำ
นับว่าพูดได้สวยไม่เลว หนุ่มหน้ามนคนนี้แม้จะยังเก้งก้างแต่ก็ไหล่กว่าง
หน่วยก้านดีราวกับนายแบบนิตยสารรุ่นเล็ก
ทั้งชื่อของเขายังไปคล้ายกับสวนสวรรค์อีเดนเข้าอีก เวลาพูดเด็กหนุ่มยิ้มกว้าง
เห็นฟันขาวเรียงเรียบ ชวนให้คิดว่าเจ้าตัวจะช่วยเปลี่ยนสวนสวยๆนี้ให้กลายเป็นสวรรค์ได้จริงๆ

“ฉันชื่อวนัสสาค่ะ คุณจะเรียกคุณหนูวนัสเหมือนพ่อบ้านเบ็นก็ได้ แล้วก็คนนี้หมอวาริช
เพิ่งเข้าพักเมื่อวานเหมือนกัน”

“เกือบจะแย่งห้องพักกันเสียด้วย” วาริชผิวปากหวือเบาๆ วนัสสาหันไปยิ้มให้กับ
ความทะเล้นช่างยั่วของเขา ก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย ปล่อยให้เด็กหนุ่มคนสวนทำงานต่อไป

ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวต่อ สายตาเจ้ากรรมก็พลันไปสะดุดกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
ที่ขยับขลุกขลักอยู่แทบพื้น “นั่นมันนกนี่คะ ยังไม่ตายด้วย” เธอชี้ให้วาริชดู

สัตวแพทย์หนุ่มตรงไปดูอาการเจ้านกกระจอกที่กำลังประสบเหตุอยู่บนพื้น ช้อนตัวมันขึ้นมา
“ปีกคงจะเจ็บ” อันที่จริงอาการเพียงเท่านี้ เขาจะรักษามันที่นี่...ตอนนี้เลยก็ยังได้
แต่ถ้าทำแบบนั้นคุณหนูผู้น่ารักคงต้องรู้ว่าตัวเขามีอะไรผิดปกติ

มือขาวบอบบางเอื้อมไปแตะนกตัวน้อยในมือใหญ่ สีสดใสของพลังชีวิตจากตัวมันยังแผ่ซ่าน
นกตัวนี้ยังมีโอกาสรอด

“เดี๋ยวผมจะพามันไปที่คลินิก แค่นี้ไม่เท่าไหร่ครับ”

“ฉันขอไปด้วยคน...” หญิงสาวชิงพูด

“ก็ว่าจะชวนอยู่พอดี”

คลินิกรักษาสัตว์ของวาริชนั้นเรียกว่ามีขนาดกลางๆ แต่ก็เห็นท่าว่าคงมีวงจรการรักษา
เครื่องมือเครื่องไม้ครบครัน ร้านดูใหม่ ทั้งหมอและเด็กในร้านเท่าที่เห็นก็เป็นมิตร
ตั้งอยู่กลางเมืองแบบนี้คงคิดราคาค่ารักษาได้แพงอยู่หรอก ไหนจะคนที่เอาสัตว์มาฝาก
ตึกก็เป็นของเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอะไร

ชายหนุ่มหายเข้าห้องไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมนกกระจอกที่ดูอบอุ่น
ซุกนิ่งตากลมอยู่กับมือเขาจนแทบไม่อยากไปไหน

“คุณทำได้ยังไงคะ ดูมันดีขึ้นมาก เหมือนไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย”

“มันคงโชคดีครับ ที่มาเจอมือเทวดาอย่างผม” วาริชเอียงคอยิ้มแยกเขี้ยว

“เบื่อจริงเชียว” วนัสสาแกล้งต่อว่าคนขี้โอ่ทั้งรอยยิ้ม

“รับเจ้านกอ้วนนี่ไปทีสิครับ เดี๋ยวผมว่าจะไปดูหมาน้อยเคสสองวันก่อนเสียหน่อย ไหนๆก็เข้ามาแล้ว”

วนัสสายื่นมือออกไป และอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในวินาทีนั้น...มือของทั้งคู่ก็สัมผัสกัน




{โปรดติดตาม...ความทรงจำที่ ๓ ตามรอยผีเสื้อ}



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2556, 10:32:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2556, 10:32:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1508





<< ความทรงจำที่ ๒ คฤหาสน์ลับกลางกรุง (ต่อ)   ความทรงจำที่ ๓ ตามรอยผีเสื้อ >>
อสิตา 18 ก.ค. 2556, 10:33:42 น.
คุณดังปัณณ์ – ดีใจที่แวะมาอ่านค่ะ จะไม่ทำให้ผิดหวังน้างานนี้ *-*/
หนูอุ๊อิ๊ –ประเด็นเยอะก็จริง แต่จะทยอยเปิด-ปิดปมนะ เรื่องนี้เขียนแบบตั้งใจเรียบเรียงให้เจิดสุดๆ
เฟอร์- ก็ตอนแรกคิดว่าเป็นผีนิ ...แล้วหลังจากออกมาก็ไม่ได้อะไรมาก มะม้าไม่ชอบคนโวยวายไร้สติ
ตั้งสติแล้วใช้สมองดีกว่า การโวยวายมันเป็นการยั่วยุผู้ชายมากกว่า หนวกหูเหมือนหนังน้ำเน่าด้วย ไม่ชอบ
คุณภาวิน เพื่อนร่วมทีม – วาริช...ชายหนุ่มคนนี้ยิ่งเขียนยิ่งรัก (สมกับที่ส่งไปวิ่งเล่นในดั่งราตรีสีขาว)
คุณพันธุ์แตงกวา – จะส่งสัตวแพทย์อีกคนมาให้เป็นคู่เกย์กันหรือคะ เริ่มออกนอกลู่ละ... แต่วาริชน่ะ
ทำอาชีพนี้เพราะเหตุผลที่ไม่ใช่รักสัตว์หนา
คุณเลิฟหมวย – หนุ่มๆในเรื่องกินกันไม่ลงค่ะ เคยมีคนชมว่าสร้างผู้ชายได้สมจริงน่ารับประทาน เรื่องนี้เลยจัดเต็ม
คุณอมาริลิส – ชอบเขียนอะไรที่ให้อารมณ์ลึกลับค่ะ แต่ตัวละครก็ยังต้องมีความเป็นคนอยู่ เลยมีบทพูดขำบ้างชวนจิ้นบ้างแบบนี้
คุณเมล็ดทานตะวัน – จริงๆฟองที่ปิดส่วนล่างมันก็ปิดไม่มืดหรอก แต่พอช่วยพรางๆได้ไง^^
คุณหมูอ้วน – มาแล้วๆๆๆ เกาคางคุณหมูน้อยๆ ไม่ได้เจอกันนานนะคะ คราวนี้หอบหนุ่มสามนายมาฝาก จับตาให้ดี
คุณโกลเด้นซัน พระอาทิตย์สีทองผ่องไพศาล – คอมเม้นต์เรียกสติคนเขียนอีกแล้วค่ะ เลยทำให้
ได้เขียนเติมเน้นไปอีกนิด ว่าวาริชถูกปล่อยให้ขึ้นมาเองได้เพราะอะไร ขอบคุณนะคะ เลิฟๆ
(เพราะฮีไล่พ่อบ้านนี่เอง)
กระต่ายผ้าขี้ริ้วตัวเน่า – ขอบคุณที่มาอ่านจ้ะแม่กระต่าย ขอให้สนุก ฟิน จิ้น สมใจอยากนะ
คุณSukhumvit66 – ใจเย็นๆนะคะ สำหรับหนุ่มอีกสอง เปิดตัวอลังการแน่นอน
คุณริญจน์ธร – ขอบคุณที่มาเชียร์ อย่าสิ เดี๋ยวคนคิดว่าเราเป็นเจ้าแม่ฉากหวิว เหอๆ แค่อาบน้ำ อร๊าง


ปลายสี 18 ก.ค. 2556, 11:02:33 น.
อ่านตอนนี้แล้วต้องย้อนกลับไปอ่านตอนที่แล้ว อยากรู้ว่าเจอกันอีท่าไหน 5555 ทีแท้ก็ท่าอาบน้ำนี่เอง


ภาวิน 18 ก.ค. 2556, 11:03:28 น.
อะไรเนี่ย สัมผัสแล้วตัดฉับ ตั้งชื่อนกกระจอกว่านังผ้าถุงสิ


บุลินทร 18 ก.ค. 2556, 11:21:56 น.
55555 เจ้าแม่หวิวประจำ สนพ.


ริญจน์ธร 18 ก.ค. 2556, 11:46:21 น.
แล้วไงต่อ มาต่อด้วยยยยย สัมผัสแล้วไงต่อล่ะเนี่ย


ดังปัณณ์ 18 ก.ค. 2556, 15:32:46 น.
555+ ง่า...ค้าง มือแตะ ตัดจบเบย แง้ รอตอนต่อไปค้า


Auuuu 18 ก.ค. 2556, 16:17:06 น.
สงสัยจะเห็นความสามารถพระเอกแล้วแน่เลย โฮะๆๆๆ เรื่องนี้มีพลังดันทั้งนั้น ชอบๆๆๆ


goldensun 18 ก.ค. 2556, 18:14:10 น.
ความทรงจำหายสองเดือนแบบเดียวกันเลย จะเป็นหนุ่มปริศนาของวนัสรึเปล่า
ท่าทางคุ้นเคยกับเวชกุล ที่ถูกลบความจำน่าจะเข้าใจว่าวนัสรู้เรื่องด้วย ต่างฝ่ายต่างสื
จะร่วมมือกันตอนไหน ใครรู้ความลับก่อน สัมผัสนกคงบอกอะไรวนัสได้บ้าง ว่าริชพิเศษด้านสัมผัสรักษา
คลีนิกใกล้บ้านหรือคะ


พันธุ์แตงกวา 18 ก.ค. 2556, 18:30:15 น.
สป๊าคกันมั้ยๆ โอ๊ะโอ อยากเป็นนกน้อยๆ ในมือเธอ


SunSeed 18 ก.ค. 2556, 21:07:56 น.
โว๊ะ พี่แป้งงงง ค้างงงง
ตอนแรกนกที่บาดเจ็บยังเป็นนกน้อยอยู่เลย พอถูกหมอ (วา) ริช รักษาเข้ากลายเป็นนกอ้วนไปซะงั้น หุหุ


lovemuay 18 ก.ค. 2556, 21:20:16 น.
จับแล้วจะรู้สึกคุ้นเคยบ้างมั้งน้อ อิอิ
ว่าแต่ทำไมถึงลืมหว่า?


Sukhumvit66 19 ก.ค. 2556, 12:04:13 น.
ยิ่งอ่านยิ่งลึกลับ ยิ่งอ่านยิ่งสงสัย มาเร็วๆนะคร้า


Zephyr 19 ก.ค. 2556, 21:05:14 น.
สัมผัสปุ๊บบบบบบ สปาร์คปั๊บเลยยยยยย 5555
อดีตวิ่งพล่านนนนน วันวานลุกโชนนนนน วิ้วๆๆๆๆ
หงะ ไม่ใช่เหรอ โธ่ มะม้าอ่า อะไรนะ เก็บไว้ให้อีกสองคนสปร์คด้วย อืมๆๆๆๆ แหมมมม
วาริชผิดปกติ วาริชชอบม่วงๆๆ เหรอ อิอิอิอิ
อ้าว ไม่ใช่ อ้อๆๆๆ ออร่า มีออร่ารักษาสินะ แตะปุ้บหายปั้บ ใช่ป่ะ แต่ๆๆๆๆ แตะกันแล้วๆๆๆ ยังงี้ ต้องรู้ความลับซึ่งกันและกันสิ ไม่ก้อ.... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชัวร์!!!


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 19 ก.ค. 2556, 22:33:19 น.
อยากเจออีกสองหนุ่มเร็วๆจัง แค่หนุ่มคนแรกก็น้ำลายสอแว้วววว อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account