เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๓ ตามรอยผีเสื้อ(...จบบท)

ต้นปีนับว่ายังเป็นหน้าหนาวที่ไม่ค่อยหนาว แต่กระนั้นก็มืดเร็ว ไม่ทันทุ่มฟ้าก็มืดลงเกือบจะสนิท
แสงดาวรางๆจุดขึ้นพอให้เห็นประปรายบนฟ้ากว้างของเมืองหลวง วนัสสารู้สึกว่าในคืนนี้
มาดของคนซึ่งเดินเคียงกันมาทำให้ใจเต้นอย่างไรพิกล
เธอควรระวังวาริช...แต่ขณะเดียวกันก็ควรหาทางเข้าใกล้เขาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าสัตวแพทย์ผู้นี้
เกี่ยวข้องหรือไม่กับสิ่งที่เธอมาตามหา ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไป หญิงสาวเองสวมชุดราตรีสั้น
ส่วนเขาไม่รู้ว่าจะไปพบปะเพื่อนรอบดึกที่ไหน แต่อยู่ในชุดลำลองมากถึงมากที่สุดคือเสื้อยืดพอดีตัว
กับกางเกงยีนค่อนข้างหลวม เมื่อก้าวเท้าไปยังโรงจอดรถของแขกที่เข้าพักด้วยกันเธอรู้สึกว่าตนเอง
เตี้ยกว่าวาริชมากแม้จะใส่ส้นสูงแล้วก็ตาม คนคนนี้อาจจะสูงถึงร้อยแปดสิบปลายๆเลยทีเดียว

ลมเย็นพัดพรูเอากลิ่นดอกไม้หอมๆของยามค่ำคืนโชยมา จังหวะหนึ่งที่เดินมาชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
วนัสสาเอามือแตะแขนเขากันไว้บางเบา กระแสสีน้ำเงินจางๆเท่านั้นที่สัมผัสได้ เป็นความนุ่มลึก
ชวนให้รู้สึกสบายและรื่นรมย์แต่เพียงอย่างเดียว หญิงไม่ได้พยายามจะรู้อื่นใดมากไปกว่านั้น
บางอย่างในใจกระซิบบอก หากเขาจะเป็นคนร้าย ขอแค่คืนนี้ ที่เธอจะยังไม่ต้องรับรู้
ความร้ายกาจเหล่านั้นก็เพียงพอ

รถเริ่มเคลื่อนออก ชายหนุ่มเจ้าของรถก็เริ่มชวนคุย
“วนัสนี่ก็แปลก ทั้งที่ผมเห็นคุณเป็นคุณหนู แต่ไม่ยักเรียกรถที่บ้านมารับ ผมรู้ว่าคุณมี”

“ฉันชอบอยู่คนเดียว”

“หลายคนมองคนขับรถเป็นสิ่งของ”

“แต่ฉันเห็นว่าเป็นคน อาจจะเอาข้อมูลไปฟ้องแม่เลี้ยงฉันก็ได้ด้วย ถึงฉันจะไม่ได้กลัวอะไรก็เถอะ...
เฮ้อ พอพูดไปแล้วก็ชักรู้สึกว่าตัวเองเด็กอย่างที่หมอริชว่าจริงๆ”

“ผมว่างั้นหรือ ตอนนี้ชักลืมๆไปแล้วนะ เอาเป็นว่าจะเรียกคุณหนูต่อไปเพราะคุณเอาแต่ใจนิดๆ
แล้วก็น่ารักหน่อยๆ ดูมาสองวันแล้วก็ต้องบอกว่าคุณไม่เด็ก แล้วผมก็อยากรู้จักคุณมากขึ้นไปอีกนิด...เอ้า
อยากรู้จักเยอะๆก็ได้” เขายอมรับในรถมืดๆนั้นเอง

วนัสสาไม่ได้หันไปมอง แต่อาการทอดถอนใจยิ้มๆ จากปลายน้ำเสียงแหบซึ่งพร่าหายไปในคอ
ทั้งยังเจือกระแสแปลกๆแม้จะเพียงหนึ่งส่วนร้อย วาริชกำลังเขินงั้นหรือ หนุ่มมาดแมน
ผู้พร้อมจะแจกรอยยิ้มกว้างขวางให้สาวทุกคน เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นจะเขินอะไรกัน
อยากรู้จักอย่างนั้นหรือ...ถ้าหมอวาริชเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับการที่เธอลืมอดีตจริง
เขาต้องรู้ที่มาของเธอดีอยู่แล้ว หรือแค่อยากดูปฏิกิริยาของวนัสสา เห็นเธอเป็นหนึ่งในตัวอย่างทดลอง
มีคนบางจำพวกที่เห็นคนด้วยกันเป็นสิ่งของแบบนั้น เคยเจอด้วยซ้ำไป แล้วเมื่อกี้ เขาเองก็เพิ่งพูดออกมา

สัตวแพทย์หนุ่มไม่ได้คิดอะไรใกล้เคียงกับที่คนนั่งอยู่ข้างเขาเดาเลย ชายหนุ่มแอบโคลงศีรษะกับตนเอง
ว่าจะไม่สนใจเธอมากขนาดนั้นแล้วเชียว เขาควรจะอดใจเอาไว้ หรือไม่ต้องอด...
“ถึงชื่อวาริชจะแปลว่าดอกบัว ผมก็อยากบอกไว้ว่าตัวเองไม่ใช่พ่อพระนะคุณหนูวนัส
ไม่ได้ชอบขับรถรับส่งใครต่อใครเสมอไปหรอก แต่ผม...จะมารับคุณก็ได้คืนนี้ ถ้าคุณอยากให้มา หรือว่าไง”

วนัสสาหันไปมองคนถามที่แสร้งหันดูรถดูราไปเรื่อย แสงซึ่งส่องมาจากไฟถนนทำให้เห็นว่าเขา
ไม่ได้โกนหนวดโกนเคราให้เรียบร้อย แต่สมัยนี้ก็กำลังนิยมผู้ชายแนวๆอยู่พอดีไม่ใช่หรือ
เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายบนอกดูตัดกับผิวสีแทนสวยเห็นชัดในแสงสลัว
ปกติแล้วเธอไม่ค่อยคุ้นกับคนต่างชาติ เพราะรู้สึกแปลกปลอมจนไม่อาจเข้ากันเป็นหนึ่ง
แต่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยก่อความรู้สึกแบบนั้น จนแทบจะนึกตลอดเวลาว่าเขาเป็นคนไทยแท้ๆ จะผิดอะไร
เมื่อวาริชเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันจากที่เขาเคยบอก ว่าแต่...เขาถามเธอว่าอะไรนะ จะมารับงั้นหรือ

“ดีใจที่มีคนอาสานะคะ แต่คืนนี้ฉันจะไปค้างกับเพื่อนสนิท นัดกันไว้แล้ว”
หญิงสาวชี้ชวนให้เขามองจุดหมาย ตึกบลูไดมอนด์สูงราวสามสิบชั้น ฐานตึกหนาจนขึ้นไปถึงกึ่งกลาง
ตึกจึงถูกตัดเป็นเชิงไว้วางโดมกระจกเป็นลูกกลมขนาดยักษ์ซึ่งประกอบกันขึ้นมาดูคล้ายเป็นเหลี่ยมเพชร
น้ำงามตั้งอยู่ ก่อนที่ชั้นบนจากนั้นของตึกจะสอบแคบลงกว่าส่วนฐาน

“สาวสวยเปรี้ยวคนเดียวกับที่คุณพูดถึงเมื่อวานหรือ”

“จำได้แม่นเลยนะคะ แต่คนนี้ห้ามจีบ ขอบอกไว้เลย”

วาริชหักเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่อันเป็นจุดหมายพลางถอนใจ “ทำไมล่ะครับคุณหนู หรือว่าคุณจะหวงผมไว้เอง”
สัตวแพทย์หนุ่มหัวเราะเบาๆ แต่ประโยคดักคอของเขาเจือรอยคาดหวังทีเล่นทีจริง

วนัสสากำลังเตรียมตัวจะลงจากรถ “ไม่หวงหรอกค่ะ แต่ฉันกลัวเพื่อนตกอยู่ในอันตราย”
เธอเขินกับวาจาของเขาอยู่เหมือนกันจึงเร่งพูดรัวเร็ว “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ขับรถดีๆล่ะ...”
อาจเพราะในรถแบบนี้ทำให้อยู่ใกล้กันเกินไป แล้วคำพูดที่เหมือนกระซิบวอนขอด้วยเสียงแหบห้าว
แต่น่ารักของเขาก็ออดอ้อนเกินไป เธอจะต้องหนีออกไปให้พ้นโดยไม่หันกลับไปสบตาวาริช
ไม่งั้นเขาอาจเห็นความเขินอายของเธอได้ “เค้าว่าพวกหมอน่ะเจ้าชู้ สัตวแพทย์ก็ไม่เว้นเหมือนกัน”

“ครับ น่าเสียดาย คืนนี้คุณสวยเหมือนเจ้าหญิง แต่เจ้าชายคงจะรอคุณอยู่ในงานแล้วละมั้ง”
วาริชพยักหน้าให้วนัสสาที่ลงไปยืนนอกรถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเลยเผลอสบตาและยิ้มให้เขาจนได้

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ก็หวังว่าจะเจอเจ้าชายสมพรปาก”

แสงไฟจากนอกรถส่องกระทบแก้วตาสีน้ำเงินเข้มราวไพลินนั้น ชั่วเสี้ยววินาที
ก่อนที่ประตูรถจะปิดลงด้วยแรงผลักของเธอเอง

เมื่อพาหนะคันสีดำปลาบของวาริชจากไป วนัสสายังยิ้มพลางถอนใจ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าชาย...
อาจไม่ใช่คนที่คิดจะไปตามหาเอาข้างหน้า แต่คือคนที่กำลังจากไปพร้อมราชรถของเขา เมื่อกี้นี้เอง




“โอ้โหเพื่อนเรา หนีจากบ้านมาอยู่บ้านพักตากอากาศกลางกรุงไม่กี่วัน สวยขึ้นเป็นกอง
ทีตอนไปเยี่ยมทำหน้าเหี่ยวหน้าแห้งเหมือนจะตาย”

นั่นคือคำทักที่วนัสสาได้ยินจากปากเพื่อนสาวร่างสูงโปร่ง วันนี้อีกฝ่ายสวยสะดุดตาในชุดสีเทาเงินเข้ารูป
เพื่อนเธอ มีชื่อเล่นกับชื่อจริงเป็นชื่อเดียวกัน สั้นๆง่ายๆ คือเฟย์ ความมั่นใจฉายชัดจากผมทรงสไลซ์
เทมาด้านหน้า ตัดให้ซ้ายสั้นเพียงครึ่งหูเห็นตุ้มหูทองคำขาวประดับเพชรมากกว่าหนึ่งห่วง
ผมด้านขวายาวลงมาพอดีบ่า ส่วนเบื้องหลังนั้นไถเปิดท้ายทอยขึ้นไปเสียอีก
ดวงตาเขียนไว้คมกริบบาดคนได้ แต่ปากเป็นสีชมพูหวานวับวาวตัดกันอย่างน่าดู

“มาถึงนานหรือยัง”

“นานพอจะเห็นว่างานนี้มีหนุ่มน่าสนใจหลายคน” เฟย์ยักคิ้ว


ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะทำลืมเรื่องที่หลายวันก่อนยังทะเลาะกันแทบตาย ทันทีที่รู้ว่า
วนัสสาจะย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังที่จำได้ก่อนจะหายตัวไปถึงสองเดือน

‘รู้หรือเปล่าว่าคนข้างหลังเธอเขาหัวหมุนกันแค่ไหนตอนเธอหายไป
ฉันนี่แทบจะซี้กับแม่เลี้ยงเธอไปเลยทั้งที่แต่ก่อนไม่ถูกกันสักเท่าไหร่’

‘งั้นเหรอ ก็คงคืนสภาพเป็นเหมือนเดิมแล้วนี่เท่าที่เห็น’

‘ก็ไม่ได้มีธุระจำเป็นจะให้คุยอีก แต่การที่เธอจะรั้นเอาตัวไปเสี่ยงกับเรื่องเป็นเรื่องตาย
เพราะประเด็นพ่อหายตัวไปตั้งนานแล้วมันถูกที่ไหน เรื่องของพ่อก็น่าจะให้มันจบไป
ฉันรู้ว่าเธอเฮิร์ต แต่แบบนี้ก็เท่ากับเหมือนคนตายขายคนเป็น ถึงจะไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน
แต่‘หนี้’อื่นที่พ่อสร้างไว้ ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องเป็นคนชดใช้
...พ่อคงไม่ชอบที่ลูกสาวจะต้องมาถึงกับตายตกตามไปด้วยกัน’

เฟย์ใช้คำพูดค่อนข้างแรงแต่ตรงจุดอย่างเคยจนวนัสสาเถียงไม่ออก รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่รักเธอ
หนึ่งในไม่กี่คนที่เหลืออยู่ แต่เธอไม่มีทางที่จะพาใจถอยไปจากเรื่องนี้ได้เลยจริงๆ
ในเมื่อคนอื่นเชื่อว่าบิดาเธอตายไปแล้ว แต่วนัสสาเองไม่เชื่อ

‘ฉันจะไป ถ้ายังเป็นเพื่อนกันอยู่ก็อย่ามาห้ามอีก เพราะถ้าเธอเป็นฉัน เธอก็จะทำแบบเดียวกัน’

‘เออ...ก็น่าจะใช่’ เฟย์ชะงักไปหน่อย ‘มันไม่มีวิธีที่อันตรายน้อยกว่านี้แล้วหรือไง’

‘เรื่องพ่อน่ะไม่มีใครอยากยุ่งแล้ว ถึงตำรวจยังตามเรื่องที่ฉันหายตัวไปอยู่ แต่บอกตรงๆนะ
พยานหลักฐานที่มีก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นของจริงหรือปลอม’

‘แล้วเธอเก่งแค่ไหนวนัส ถึงเธอจะมีความสามารถแปลกๆที่คนอื่นทำไม่ได้อยู่หลายอย่างก็เถอะ...
เฮ้อ! ห้ามไปก็ไม่เชื่ออยู่ดี งั้นยุส่งเลยดีไหม’

นั่นละ อีกฝ่ายไม่ใช่เข้าใจอะไรยากเย็น แม้ไม่สมเหตุสมผลแต่ถ้าคนรู้จักเพื่อนดีพอก็จะรู้ว่า
ทางเลือกของใจที่จะเดินต่อไปนั้นหาอะไรมาขวางได้ยาก ลงท้ายเฟย์ก็เลยเลิกบ่น แถมคล้ายจะ
ช่วยอยู่กลายๆด้วยการหาทางพาวนัสสามาใกล้ศศิราศีในคืนนี้

“ไหนล่ะ หนุ่มที่เธอสนใจ” วนัสสาแหย่

“แหม เดี๋ยวชี้ให้ดู ไปทักเจ้าของงานกันก่อนละกัน”

ทั้งสองควงคู่กันเข้าไปอวยพรเจ้าของงานหมั้นพอเป็นพิธี จากนั้นจึงเลี่ยงออกมาจากห้องจัดงาน
เพราะเฟย์บ่นอยากเติมหน้าสักหน่อยในห้องน้ำ วนัสสากอดอก หันหลังเอาสะโพกพิงอ่างล้างหน้า
รอเพื่อนอยู่ในห้องน้ำกว้างขวางที่ไม่ค่อยจะมีคนนั้นเอง

“ต๊าย วนัส เธอไปสักมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”

คนเป็นเพื่อนตีแขนวนัสสาดังเพียะ พยายามจับร่างบางที่เล็กกว่าหมุนกลับเพื่อดูตรงหลังให้ชัดๆ
หญิงสาวขืนตัวไว้ หันหลังให้กระจกเพื่อมองมันด้วยตาตนเอง แม้จะมีเส้นสายระย้าสีดำวิบวับ
ของตัวเสื้อพรางไว้บางส่วน แต่ก็มองทะลุเข้าไปเห็นชัดทีเดียวถึงรอยสักกลางหลังช่วงบน
เป็นรูปปีกผีเสื้อสยายออกไปทั้งสองข้าง

“เอ่อ...” หญิงสาวพูดไม่ออก ก็จะบอกออกไปได้อย่างไรกันล่ะ ว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีของแบบนี้
มาอยู่บนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้พอเดาได้ว่ามันต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาสองเดือนที่หายไปของตน
แต่วนัสสาก็อึ้ง กว่าจะสักแล้วรอให้แผลหายสนิทดี นี่แปลว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะเกิดขึ้น
อย่างช้าสุดภายปลายเดือนแรกที่เธอหายไป มิน่าถึงได้รู้สึกยิบๆที่หลังชอบกล
เหมือนว่าร่องรอยอาจยังไม่เข้าที่เข้าทางดี จะให้ยายเฟย์มาจดจ้องมากไปกว่านี้ไม่ได้...

“เดี๋ยวนี้ชักจะเปรี้ยวเกินหน้าเกินตากันแล้วนะ” เฟย์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะพลางล้างมือในอ่าง
ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะเห็นเพื่อนเคยบ่นอยากมีรอยสักสวยๆสักรอยบนเรือนร่างมาหลายปีแล้ว
แม้ยังไม่รู้จะมีไว้ให้ใครชมก็ตาม

“หิวแล้ว ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” วนัสสาชิงตัดบทแต่เพียงเท่านั้นแล้วลากเพื่อนพ้นห้องน้ำไป

“เดี๋ยวสิ ขอดูชัดๆหน่อยก่อน”

“ยุ่งจริง ไว้วันหลังค่อยดูก็แล้วกัน”

ทั้งคู่หาค็อกเทลกับขนมชิ้นเล็กแสนสวยใส่ท้องพอให้ไม่หิว ก่อนยืนจิบไวน์กันไปดูอะไรกันไปพลาง
งานนี้ทำท่าว่าลงเงินไปไม่น้อยแต่ก็จัดแบบไม่มีโต๊ะนั่ง ให้แขกทั้งหนุ่มสาวและกลางคนได้เดิน
สนทนาปราศรัยกันทั่วไปโดยไม่นั่งติดอยู่แต่กับที่

“วนัส ดูเหมือนจะมีแค่เราสองคนนะที่มางานโดยไม่ได้สนใจเจ้าภาพเท่าไหร่เลย”

“เธอก็รู้ดีพอๆกับฉันละยายเฟย์ ว่าคนอื่นก็เป็นอย่างนั้น งานแต่งหรืองานเลี้ยงหมั้นคนไม่สนิท
ก็ใช้เป็นที่แสดงตัวว่ามาแล้วตามมารยาท เอาเข้าจริงก็แค่มาเจอกลุ่มเพื่อนฝูงของตัวแล้วก็ต่างคนต่างเมาท์กันไป”

“แต่เธอมีเป้าหมายพิลึกอยู่หรอก เพราะตั้งใจมารอเจอยายศศิราศี แม่หม้ายพันปี”

“หม้ายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พันปีอะไรกันอายุเขาก็ยังไม่สามสิบแปดเลยมั้ง ก็สมควรหรอกที่จะดูสาว
เรียกว่ามาดูท่าทีก่อนมากกว่า แต่จะเข้าไปคุยด้วยหรือเปล่าต้องขอคิดก่อน”

“เรียกพันปีเพราะยายนั่นให้อารมณ์จิกๆเหมือนแม่มดหรอก คงจะยืนหัวสูงอยู่ตรงไหนสักแห่งแถวนี้แหละ”
เฟย์ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ “ความสนุกเพิ่งเริ่มเท่านั้น มาหาอะไรทำฆ่าเวลากันดีกว่า”

วนัสสามองตามเล็บยาวที่ฉาบไว้ด้วยสีขาวเงินของเพื่อนชี้ไปยังชายหนุ่มขรึมร่างสูงมาดดีคนหนึ่ง
เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“ได้เป้าหมายแล้วสิ”

“ก็แค่อาหารตา”

“ทำเป็นซ่า ไม่เห็นจะกล้าจริงสักที”

“เธอก็ช่วยฉันสิ”

วนัสสามองตามการเคลื่อนไหวของชายคนที่ว่า เห็นเขาเพิ่งวางจานใบเล็กลงบนถาดเปล่า
ในขณะที่ไม่มีคนสนใจนั้นเองหญิงสาวจึงโฉบเข้าไป มือแตะลงบนรอยจับซึ่งยังอุ่นอยู่
ส่ายหน้ายิ้มๆและหยิบจานนั้นขึ้นมาถือไว้เองเพื่อประทับรสสัมผัสซ้ำรอยให้สนิทยิ่งขึ้น
ก่อนจะวางมันลงแล้วเดินกลับมาหาเฟย์เพื่อรายงาน

“เพิ่งกินเลเมอนพายไป คงจะชอบของเปรี้ยว”

“เปรี้ยวอมหวานกลมกล่อมแบบฉันหรือ” เฟย์ยืดอกขึ้นนิดหนึ่ง

“สภาวะอารมณ์ดีเยี่ยม แล้วก็ดูเหมือนว่ากำลังมองหาสาวๆที่น่าสนใจในงานนี้เหมือนกัน”

“ให้มันได้อย่างนี้!”

“คนอุตส่าห์ช่วยแล้ว งานนี้ก็ลุยซะที”

“ก็ได้ๆ”

วนัสสาปิดปากหัวเราะเมื่อเห็นเฟย์เดินขาขวิดเข้าไป อาจจะเริ่มการสนทนาด้วยคำถามบางอย่าง
เช่นถามหาใครสักคนในงาน ถามว่าขนมอร่อยไหมถ้าหากอยากจะลองเลม่อนพาย ใครจะรู้
แต่เพื่อนเธอก็ไหวพริบดีพอใช้ ความลับที่คนเชียร์เพื่อนเก็บไว้กับตัวคือผู้ชายคนนั้นไม่ได้อารมณ์ดีอยู่หรอก
กำลังเบื่อต่างหาก แต่ขืนบอกไปคนที่แกล้งมั่นเกินจริงอย่างเฟย์อาจถอย ทำเป็นเจ้าชู้แต่เลือกเยอะ
เอาเข้าจริงน่าจะเรียกว่าพวกหาคนถูกใจยาก อย่างที่เคยบ่นอยู่ตลอดเวลาหลังจากเลิกสนใจใครบางคน

‘ยี้ คนบ้าอะไรหล่อเนี้ยบ แต่ขนจมูกแพลมออกมาสามวา’
หรือ ‘กลิ่นจากกลีบปากพ่อเจ้าประคุณงี้เหมือนไม่ได้แปรงฟันมาทั้งชีวิต’
‘เพิ่งเจอกันก็ถามน้ำไหลไฟดับเรื่องสมบัติติดตัว แทบจะอยากรู้ไปถึงว่าขนจั๊กกะแร้พ่อฉันยาวกี่เซ็น มีกี่เส้น’

และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจริงๆเหตุผลที่เพื่อนเธอเบื่ออาจไม่ใช่เพราะไอ้ที่กล่าวมา
แต่เพราะฝ่ายชายทำท่าว่าจะเจ้าชู้หรืองี่เง่าอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า

เธอยินดีช่วยเพื่อนจีบหนุ่มอื่น แต่ทำไมถึงหวงห้ามวาริชตอนเขาแกล้งทำหูผึ่งเรื่องเพื่อนสาวสุดเปรี้ยวของเธอ
วนัสสาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“เพราะคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นไว้ใจไม่ได้ทั้งหมดน่ะแหละ จะยอมให้มาคบหากับยายเฟย์ได้ยังไง”
หญิงสาวพึมพำหาข้ออ้างให้ตัวเอง



วนัสสากำลังจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มเพิ่ม ในขณะที่เท้าของเธอสะดุดเบาๆกับอะไรบางอย่างบนพื้น
ก้มลงดูก็พบว่าเป็นตัวหนีบเกล้าผมขนาดไม่ใหญ่โต ที่สำคัญมันเป็นรูปผีเสื้อตัวสวยระยิบระยับทีเดียว
เพชรปลอม... แต่ทำขึ้นมาอย่างประณีต เกือบๆจะคล้ายของจริงเลยทีเดียว

ขณะที่หญิงสาวเงยขึ้นมองไปรอบๆเผื่อว่าอาจเจอเจ้าของ สายตาเธอพลันไปหยุดตรงร่างสูงร่างหนึ่ง
ซึ่งยืนฟังคนสนทนาอยู่ไม่ห่างออกไป อะไรบางอย่างดึงดูดเธอในทันที เขาใส่หมวกแก๊ปปิดหน้าทั้งที่
อยู่ในงานราตรี กับท่วงท่าที่ดูเหมือนมาอยู่ผิดที่ผิดทางชอบกลอีกละ
ทว่าก่อนวนัสสาจะก้าวเท้าไปยังเป้าหมายก็มีเสียงเรียกดังขึ้นข้างตัว
“นั่นกิ๊บฉันเอง หาแทบแย่เลยค่ะ”

“ค่ะ กำลังมองหาเจ้าของอยู่พอดี” วนัสสายื่นคืนให้

“เพชรแท้เสียด้วย ถ้าหายไปคงแย่” คนพูดหัวเราะระรื่น

วนัสสายิ้มบางๆ ที่ปลอมเห็นจะไม่ใช่เพชร แต่เป็นเจ้าของกิ๊บมากกว่า ต่อให้เป็นเพชรปลอม
ถ้าคนใส่เป็นของจริง มันก็ดูมีค่าขึ้นมาได้ตามตัว แต่หากว่าคนใส่นั้นปลอมเสียแล้ว
ก็คงไม่มีอะไรให้ช่วยให้จริงขึ้นมาได้เลย

น่าเสียดาย เมื่อหันกลับหลังคนที่เธอมองอยู่ทีแรกก็หายตัวไปแล้ว หญิงสาวถอนใจ
เธอจะมัวมองอะไร ไม่ใช่พวกชอบหาอาหารตาเหมือนอย่างยายเฟย์สักหน่อย
เธอมาเพื่อจะดูว่าศศิราศีจะโผล่มางานนี้ในมาดไหนไม่ใช่หรือไง

เท้าในส้นสูงสีดำเป็นเส้นสานรัดกระชับเริ่มก้าวไป ผ่านวงคุยรื่นเริงของแขกเหรื่อ
จนที่สุดหญิงสาวก็เห็นสตรีที่ดูคุ้นตาผู้นั้นจากด้านหลัง ศศิราศีในวัยสามสิบปลายแต่งตัวโฉบเฉี่ยว
ลดอายุลงไปสิบปี แต่หากเห็นหน้าอีกฝ่ายก็อาจเข้าใจไปว่าเธออายุยังน้อยจริงๆก็เป็นได้
ลุงหมอกฤษณะเพิ่งแต่งงานเอาเมื่ออายุมากแล้ว กับผู้หญิงที่อ่อนกว่านับยี่สิบปี
แต่ด้วยการวางตัวสง่า ไว้ท่าทุกครั้งที่ได้พบเจอ ภรรยาของเพื่อนพ่อคนนี้ก็ดูเหมือนคนอายุมาก
เกินจริงไปอย่างกับห่างกันหลายรุ่นกับวนัสสา

ในขณะที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวและกำลังเจรจาเพลินนั้นหญิงสาวก็ลอบเข้าไปใกล้ร่างสง่า
เพียงพอจะได้ยินบทสนทนาจากสตรีไหล่ตั้งหลังตรงที่เกล้าผมทรงสูงมากจนพาให้ร่างซึ่งชะลูดอยู่แล้ว
ดูสูงยิ่งขึ้นไปอีก เธอหันหลังชนหลังอีกฝ่าย เสหยิบเครื่องดื่มจากถาดของบริกรมาละเลียดไม่ให้ผิดสังเกต
สายตาก็ทำเป็นมองโน่นนี่เรื่อยไป

“พวกคุณคิดว่าจิตใจคนเราเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยอะไรบ้างล่ะคะ” ศศิราศีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจริงจัง
สะกดคนฟังไว้ได้เสมอ

“การฝึกจิตให้นิ่งกระมังคะ” คุณนายกลางคนที่เป็นญาติฝ่ายไหนสักฝ่ายของเจ้าภาพกล่าว

“ก็ถูกครึ่งหนึ่งค่ะ แต่เดี๋ยวนี้เราอาจบอกได้ว่ามียาบางตัวที่ช่วยเพิ่มพลังใจให้เข้มแข็งขึ้นได้แล้ว”

“งานอีกตัวของคุณหมอกฤษณะหรือคะ เห็นก่อนนี้เวชกุลก็เพิ่งเปิดตัวยาที่ช่วยเรื่องความจำไป...
น่าเสียดายที่คุณหมอมาหายตัวไป แต่เราก็ยังรอดูปรากฏการณ์ใหม่ๆในวงการ
ที่เวชกุลจะแสดงให้เราเห็นต่อไปอยู่นะคะ”

“มีแน่นอนค่ะ ยาตัวที่กำลังวิจัยกันอยู่นี่ยากขึ้นไปอีกขั้น แต่ทางคุณเทวัญเองก็ยังพร้อม
ให้เงินทุนสนับสนุนเต็มที่ตลอดเวลา ตอนนี้รอให้พร้อมก็แต่บุคลากร”

“โถ แต่เรื่องด็อกเตอร์กฤษณะตำรวจก็ยังว่าไม่หมดหวังเสียทีเดียวไม่ใช่หรือคะ ใช่ไหมคะคุณศศิราศี”
คนถามทำเสียงสั่นเครือเกินจริงไปบ้างเพื่อเอาใจ

“ปีกว่าแล้วนะคะ...แต่ไม่แน่หรอก วันพรุ่งนี้สามีฉันอาจกลับมา แล้วบอกว่าหนีไปทำการวิจัย
ที่เกาะส่วนตัว ได้ผลงานชั้นเยี่ยมกลับมา นั่นแหละเขาละค่ะ” คนเป็นภรรยาตอบด้วยน้ำเสียงฮึดสู้
บ่งบอกว่ายังไม่ยอมสิ้นหวัง

มาถึงตรงนี้วนัสสาก็เกือบจะเชื่อว่าศศิราศีไม่ได้กำลังเล่นละคร แค่เกือบเชื่อเท่านั้นเอง

“คุณกฤษณะเขาสนใจเรื่องพวกนี้มาก พลังของจิตใจ เรียกง่ายๆว่าการทดลองเรื่องพลังจิตน่ะค่ะ”

“เรื่องแบบนี้มันมีจริงๆหรือครับ แต่ถ้าคนอย่างหมอกฤษณะเป็นคนเริ่ม
ผมเองก็อยากจะเชื่อมากกว่าคนอื่นพูด”

“ค่ะ สามีฉันพูดอยู่เสมอว่าอยากหาตัวอย่างทดลองที่เป็นคนพลังจิตสูงมาวิเคราะห์
ว่าใช้สารกระตุ้นจำพวกไหนแล้วจะคุมจิตได้ดีขึ้น...ทำนองนั้นค่ะ เคยได้ยินไหมคะพลังจำพวก
ที่ใช้เยียวยารักษาคนอื่น กับพลังในการอ่านความรู้สึกที่ติดอยู่ในสิ่งของและก็อีกหลายอย่าง
เราอยากรู้ว่าสมองพวกเขาผลิตสารแบบไหนออกมาในเวลาแบบนั้น แล้วจะหาทางทำให้เกิด
ในคนทำธรรมดาได้บ้างไหม”

“น่าทึ่งจังเลยนะคะ ถ้าทำได้จริงคงจะก้าวนำวงการของต่างประเทศเสียอีก”
คนในวงสนทนาวิจารณ์

ถึงตอนนี้วนัสสาก็รู้สึกขนลุกแปลกๆ ก็ไอ้ที่พูดมามันเกี่ยวกับเธอไม่ใช่หรือไง
แล้วถ้าเธอถูกจับตัวไปทดลองจริง ศศิราศีจะเอามาพูดในที่สาธารณะด้วยเหตุผลอะไร
หรือว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเธอมาที่นี่และกำลังฟังอยู่ หรือนี่คือกับดัก
คนอย่างสตรีที่หันหลังอยู่ชิดกับเธอนั้นเป็นคนรอบคอบและหลักแหลมไม่ใช่น้อย เท่าที่วนัสสาจำได้
ตลอดมาแม้ลุงหมอกฤษณะจะเป็นคนฉลาดมาก แต่เมียที่อายุน้อยกว่าของเขาก็มีส่วนในการ
ช่วยคุมเกมอยู่เหนือคู่แข่งเสมอมา

หญิงสาวค่อยๆเอี้ยวตัวกลับไป อยากสังเกตวงสนทนาให้ถี่ถ้วนขึ้น
แล้วเธอก็เพิ่งเห็นว่าเขาเข้ามาฟังอยู่ด้วย ผู้ชายคนนั้น... หมวกแก๊ปสีเทาดำเรียบๆหลุบลงมาปิดหน้า
การแต่งตัวของเขายิ่งดูยิ่งไม่เข้ากับคนอื่นๆในงานอย่างเห็นได้ชัด กางเกงยีนสีเหลือบเขียว
เสื้อหนังแขนยาวสีดำ แต่แปลกที่ไม่มีใครสนใจสงสัย รวมถึงศศิราศีเองก็ยังเอ่ยเรื่อยไปอย่างมีจุดหมาย

วนัสสาเห็นเขาค่อยๆเผยยิ้มมุมปาก ราวกับเพิ่งได้ฟังเรื่องที่อยากฟัง
เมื่อวงสนทนาทำท่าจะสลายตัว ร่างสูงก็ก้าวถอยหลังออกไปจากวง
บางอย่างในรอยยิ้มนั้นสะกิดใจให้หญิงสาวอยากตามเขาไป เธอผละจากเป้าหมายเดิม
ค่อยๆลัดเลาะตามการเคลื่อนที่อันพลิ้วไหวของชายผู้ทำตัวเป็นส่วนเกิน
อันกลมกลืนกับงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ร่างสูงเลี่ยงออกพ้นห้องบอลรูม แวบเดียวก็เข้าสู่ทางเดินเงียบๆ
วนัสสาตามไปแล้วก็ตกใจ เขาหายไปไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอเริ่มหายใจแรงด้วยความรีบร้อน
ไม่มีทางอื่น นอกจากประตูหนีไฟตรงนั้น หญิงสาวขยับตามไป พบว่าประตูฝืดกว่าที่คิด
ราวกับไม่มีใครเปิดมันมานาน แต่ในที่สุดเธอก็เปิดออกไปจนได้
ที่พบคือบันไดสลัวซึ่งวนลึกลงไปทุกทีๆ นี่มันไม่ใช่ทางหนีไฟจริงๆอย่างที่คิดเสียแล้ว

เอาเถอะ เธอเห็นเขาครั้งแรกเพราะก้มลงเก็บกิ๊บรูปผีเสื้ออันนั้น
ไม่ว่าอย่างไรวนัสสาก็บอกตัวเองว่าควรจะตามรอยที่ผีเสื้อชี้ทางไป...

เมื่อลงไปตามทางวนลึกลงใต้ดินถึงชั้นที่ห้า วนัสสาพบบานประตูถึงสามบาน
เอาละสิ...หวังว่าเธอคงไม่หลงทางก็แล้วกัน

หญิงสาวเลือกเปิดเข้าไปในบานแรกสุด ไม่นานก็มองเห็นเงาอยู่ข้างหน้า
เขามุ่งไปตามทางเร็วมาก เดี๋ยวเลี้ยวซ้าย เดี๋ยวเลี้ยวขวา พักเดียวก็หายไปอีกแล้ว
ข้างหน้าเป็นประตูลิฟต์ กลิ่นอันตรายในหนทางเริ่มโชยชัด
วนัสสารู้ตัวว่าควรจะหันกลับ ทว่าใจที่อ่อนแอเรื่องพ่อกลับเป็นแรงผลักดันให้ไปต่อ
เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะตามรอยที่ผีเสื้อชี้ทาง จะทิ้งไปได้อย่างไร ยิ่งหากเขาที่เธอตามมาเป็นคนนั้น...
คนที่เธอลืมไปแล้ว อย่างน้อยก็ต้องการจะเห็นหน้าสักนิดก็ยังดี

วนัสสาก้าวเข้าไปในลิฟต์ซึ่งพาเธอสูงขึ้นไปหลายชั้น พอประตูลิฟต์เปิด
อากาศเย็นเป็นไอหลั่งไหลเข้ามาสวนกับร่างแบบบางที่ก้าวออกไป
เธอพบลังบรรจุสินค้ามากมาย
แต่ที่น่าสนใจ...ลังพวกนั้นประทับตราแฉกดอกไม้ห้ากลีบทรงคุ้นตา เป็นสัญลักษณ์ของเวชกุล!

หญิงสาวมองซ้ายมองขวา หามุมซึ่งเธอจะเห็นคนที่เข้ามาใกล้ได้ก่อน ห้องนี้เพดานสูงมาก
มีลิฟต์สำหรับยกของสูงขึ้นไป เหมือนทางลำเลียงสินค้าซึ่งอาจเข้ามาจากประตูหลากหลายบาน
ที่พบตลอดทาง อุณหภูมิเย็นลง เดาได้ว่าพวกมันคงจะใช้เป็นทางผ่านของยาหรือวัตถุดิบบางชนิด
บนลังเหล่านั้นยังมีตราสัญลักษณ์อีกหลายอย่าง คงเป็นเรื่องลับสุดขีดที่ไม่อยากให้ใครแตะต้อง
หญิงสาวเห็นคอมพิวเตอร์ควบคุมติดไฟเขียวเรืองอยู่มุมหนึ่ง
เธอเดินเข้าไปใกล้ช้าๆ ยังไม่ทันจะแตะต้องเครื่องนั้นก็เอ่ยออกมาเป็นเสียงของสตรีที่ไร้ความรู้สึก

“โปรดยืนยันตัวตน ท่านคือด็อกเตอร์กฤษณะ สรภพ ใช่หรือไม่”

วนัสสาผงะถอยออกมาในทันที นี่หมายความว่าอย่างไร
ถ้าลุงหมอเพื่อนพ่อตายไปแล้วหรือหายตัวไปจริง เครื่องคงไม่ระบุว่าคนที่จะควบคุมมันได้คือเขา
ในขณะที่หญิงสาวกำลังตะลึง เงาร่างหนึ่งก็เคลื่อนมาซ้อนอยู่ข้างหลังเธอ!
แม้ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวหรือลมหายใจ
แต่คนมีประสาทสัมผัสละเอียดอ่อนเกินปกติอย่างวนัสสาก็หันขวับไปทันที

ผู้ชายใส่หมวกคนนั้น บัดนี้เขามายืนประจันหน้ากับเธอแล้ว!

“คุณ...” หญิงสาวกลืนน้ำลาย รังสีบางอย่างจากตัวเขาบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้แผ่ความรู้สึกออกมาได้
อารมณ์ของเขาเป็นสีน้ำเงินเย็นเฉียบ เหน็บหนาวยิ่งกว่าบรรยากาศรอบกาย
แล้วเขาก็พาให้ทุกสิ่งรอบตัวเธอเย็นเยือกลงไปพร้อมกันแทบจะถึงจุดเยือกแข็ง

“คุณเป็นใครกันคะ”

“พวกนั้นกำลังมาที่นี่”

เสียงนั้นราวกับจะเป็นคำสั่งให้หนี วนัสสาก็รู้ เมื่อเธอเข้าใกล้เครื่องนั่น
มันคงส่งสัญญาณบอกใครบางคนแล้วว่ามีคนแปลกปลอมพยายามพยายามเข้ามาหาความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้

“ทางนี้...”

เขานำเธอวิ่งไปสู่ทางอันมืดมิดพาเลี้ยวลับไปอีกมุมหนึ่ง วนัสสาเริ่มจะได้ยินเสียงคนเอะอะ
มาจากทางทิศที่ตนเข้ามา ไม่มีทางเลือกนอกจากเร่งตามเขาไปให้ไวและเงียบที่สุด

เขานำเธอขึ้นลิฟต์อีกตัว ขึ้นบันไดที่คล้ายบันไดแรก จนออกถึงประตูที่น่าจะเป็นจุดปลอดภัย
เธอยังตามเขาไปจนห่างออกมาจากจุดอันตรายไกลโข มาทะลุถึงมุมชมสวนที่ชั้นสองอันเป็นห้องกระจก
แสงไฟจากเมืองหลวงเจือด้วยแสงดาวบางเบาสาดเข้ามาในห้องค่อนข้างสลัวซึ่งมีโซฟานั่งเล่นอยู่หลายตัว
แต่เวลานี้ไม่มีใครเลยนอกจากเขาและเธอ

“คุณเป็นใคร ทำไมถึงช่วยฉัน...” หญิงสาวถามทั้งที่ยังหายใจแรงเพราะรีบร้อนตามเขามา

ชายแปลกหน้าผู้ยังซ่อนดวงหน้ากว่าครึ่งไว้ใต้เงาหมวกขยับปากเหมือนจะตอบ
“...” แต่แล้ว กลับเป็นความเงียบงัน

ในวินาทีนั้น วนัสสารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใคร
มือบอบบางเอื้อมไปหมายจะสัมผัสตัวคนตรงหน้า แต่แล้วที่คว้าได้กลับเป็นอากาศ
เมื่อมือของเธอทะลุผ่านร่างของเขาไป!

หญิงสาวได้แต่เผยอปากค้าง เบิกตากว้าง
เมื่อร่างที่เสมือนยืนอยู่ต่อหน้าเธอเมื่อครู่กำลังค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตา...



{โปรดติดตาม ...ความทรงจำก่อนลืมเลือน : ค่ำคืนที่หายไป}



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2556, 13:21:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2556, 13:21:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1573





<< ความทรงจำที่ ๓ ตามรอยผีเสื้อ   ความทรงจำก่อนลืมเลือน ค่ำคืนที่หายไป >>
อสิตา 25 ก.ค. 2556, 13:22:43 น.
คุณบุลินทร(บุลินธาร) – ปกต้องสวยแน่ แสยะ ส่ายก้น เต้นเซิ้ง
คุณเลิฟหมวย – ความลับอาจแฝงมากับหนังสือ อ๊ะ อ๊าววว... ในไม่ช้าก็ต้องอ่านแหละค่ะ
คุณเฟอร์ – คิดว่าลุงริชต้องการทิปลามก ทะลึ่งตึงตัง แบบหมอแถวนี้ละสิ ขนาดเป็นผญ.แท้ๆชิๆ
...


อสิตา 25 ก.ค. 2556, 13:23:16 น.
คุณดังปัณณ์ – นกตัวเมียแน่นอน ...ตอนนี้หนุ่มอีกคนก็ออกมาแวบๆแล้ว ได้กลิ่นความหล่อเร้าใจกันเลยทีเดียว

คุณพันธุ์แตงกวา – พี่แตงเม้นต์ได้ใจคนเขียนมากค่ะ ได้อารมณ์อย่างบอกไม่ถูก อย่ากินกระจอกน้อยเลยเนื้อไม่พออิ่มหรอก กินหนุ่มๆดีก่า

คุณสุขุมวิท66 - เป็นวงดนตรีแนวๆเหรอคะ... คนเขียนเชยมาก ไม่รู้จัก บรึ๊ยๆ เห็นทีจะต้องไปเปิดฟังในยูทูปบ้างละ
ไม่ว่าจะเลือกชอบหนุ่มคนไหน รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะเรื่องนี้

คุณพระอาทิตย์สีทอง – ให้สัมผัสแล้วรู้เร็วนักไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวไม่ลุ้น หนังสือความลับฯก็ใกล้จะได้อ่านละ ตอนนี้หมอริช
เริ่มจะใจอ่อนกับหนูวนัส แต่ความชอบพอจะมีผลนำอย่างอื่นแน่หรือเปล่า


คุณเมล็ดทานตะวันซันซี๊ดดดด – ตอนพี่แป้งอายุ23ก็คิดแบบนางเอกนี่แหละค่ะ(หนักกว่าอีก) อันที่จริงตอนเด็กก็ด้วย เหมือนเป็นคนที่ไม่เคยผ่านคำว่าไร้เดียงสา ...แสยะ

ด.ญ.ภาวิน – เชียร์หมอริชเพราะไปวิ่งเล่นเรื่องตัวเองน่ะสิ ไม่แน่ตอนหลังอาจกลับมาเชียร์นวาระนะ เห็นหมอริชเป็นของตาย

คุณก้อนหิน- คุณก้อนหิน กลับมาแล้ววววววววววว กอดรัด ยินดีที่ได้พบกันใหม่ และมาร่วมเดินทางไปด้วยกันอีกครั้ง เพราะทางที่ปราศจากก้อนหินย่อมเป็นทางที่ไม่สวยงาม เริ่มเพ้อละ *-*

ด.ญ.ริญจน์ธร – หุหุ ผชคนใหม่ออกมาแล้ว... สีน้ำเงินๆๆ ทุกคนคือสีน้ำเงินนนน

(คุณ)กระต่ายผ้าขี้ริ้ว – มาปิดท้ายตลอดนะคะ เห็นความใส่ใจ รู้เลยว่าต้องตอบว่า-ไม่ได้เป็นคนแรก ขอเป็นคนสุดท้ายของเธอ อะไรปามางนั้นง่ะ


ภาวิน 25 ก.ค. 2556, 14:20:34 น.
แหมๆมาเป็นเงาให้หลงใหล คว้าจับไม่ได้ คนนี้ดูท้าทายกว่าหมอริชอีกแฮะ ปล่อยหมอริชไว้กับนกและหมาแมว มาไล่จับเงาหนุ่มหล่อดีกว่ามั้ง


อสิตา 25 ก.ค. 2556, 14:23:27 น.
คนข้างบนนนน เปลี่ยนใจเร็วไปแล้ว


จิรารัตน์ 25 ก.ค. 2556, 14:48:10 น.
มาให้กำลังใจผีเสื้อตัวน้อย


บุลินทร 25 ก.ค. 2556, 15:43:49 น.
มากดปุ่มชอบก็จิ้มเลย ฮ่าๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 25 ก.ค. 2556, 16:39:52 น.
อุต๊ะ คนที่สองมาแร้ววว เป็นเงาแบบนี้ จะสปาร์คผ่านมือยังไงละแม่นาง


Sukhumvit66 25 ก.ค. 2556, 18:56:16 น.
โอ๊ย หนุ่มคนที่สองเป็นอะไรอ่ะ วิญญาณเหรอ บรื้อ!


goldensun 25 ก.ค. 2556, 20:01:02 น.
เริ่มเขินกันแล้วไง ทั้งวาริช ทั้งวนัสเลย แต่ยังมีแอบกั๊กนิดๆ
เจอหนุ่มพลังจิตที่ถอดจิตได้อีกคนแล้ว หรือเจอวิญญาณกันแน่ มิน่าคนอื่นถึงมองไม่เห็น
แต่วนัสตามเก่ง เห็นแว่บๆ ยังตามถูกเลย ขึ้นลิฟต์ก็ยังถูกชั้น หรือเป็นลิฟต์ที่ล็อกชั้นไว้แล้ว


konhin 25 ก.ค. 2556, 20:02:55 น.
มีพลังพิเศษ ถอดจิตได้ ว้าววววววว คนนี้เท่ห์กว่าหมออ่ะ หึๆๆ


SunSeed 25 ก.ค. 2556, 21:47:23 น.
ครายยยยอ่ะ ผู้ชายคนใหม่นี่ หายตัวได้ด้วย พี่แป้งมาต่อเร็วๆเลย


sai 25 ก.ค. 2556, 22:04:23 น.
มาแล้วๆๆๆๆ มาตามอ่านตามทีสัญญาไว้แล้ว

เรื่องนี้หล่อๆ ลึกลับ กันทุกคนเลยยยย

ปล.นางเอกเรียนจบที่เดียวกะแกะน้อยเลย งั้นอนุมานว่า แกะน้อยเป็นนางแอกนะ


Zephyr 26 ก.ค. 2556, 00:32:36 น.
เปิดตัวมาแค่นี้เหรอ
เหม่ หายตัวได้ซะด้วย หรือทำตัวโปร่งแสงได้นะ
หรือถอดจิตได้ อืมๆๆๆ มาสองคนละ
คนสุดท้ายๆๆๆๆ ออกเร็วๆๆๆๆ


ดังปัณณ์ 26 ก.ค. 2556, 11:31:40 น.
ง่ะ! คู่แข่งหมอริช ม่ายยยยยยยน้า 55+ ยกพู่เชียร์หมอริชสองมือเลยค้า


lovemuay 26 ก.ค. 2556, 13:26:41 น.
ใครกัน? เปิดตัวมาได้พระเอกมาก +55


หมูอ้วน 27 ก.ค. 2556, 12:51:58 น.
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ ช่วงนี้หมูอ้วนเป็นนินจา ผลุย ๆ โผล่ ๆ อย่างอนกันนะค่ะ


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 27 ก.ค. 2556, 21:35:11 น.
มาช้ายังดีกว่าไม่มาน้าาาาาาา แต่รู้สึกชอบหนุ่มคนที่สองจังเลยค่ะ ลึกลับดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account