ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑ (๕๐%)

ภายในห้องซึ่งฉ่ำเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศ มู่ลี่ที่ปิดทึบช่วยกั้นไม่ให้แสงจากเบื้องนอกลอดผ่านเข้ามารบกวนผู้ที่หลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียงกว้าง เสียงนาฬิกาปลุกกรีดดังกังวานไปทั่วห้อง ขับไล่ความเงียบงันให้ลี้หาย พรนางฟ้ากดปิดนาฬิกา แล้วตะแคงตัวหันไปนอนกอดหมอนข้าง หลับตาอย่างสบายใจ

เสียงไก่ขันเรียกให้คนบนที่นอนขยับกายอีกหน หัวคิ้วเธอขมวดมุ่น ขณะฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ความสังหรณ์ใจแปลกๆ บังคับให้มือเลื่อนไปเปิดมู่ลี่ เพียงแสงแดดแผดจ้าสาดเข้ามาในห้อง พรนางฟ้าก็ได้สติ หันขวับไปมองนาฬิกาด้วยความตกใจ “ตายแล้ว! เราตื่นสายขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย”

ทั้งที่ใจโลดลอยไปถึงห้องน้ำแล้ว แต่สังขารและฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตกค้างในสายเลือดเป็นเหตุให้หญิงสาวทำได้เพียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำอย่างมึนๆ และก็ต้องประหลาดใจยิ่งขึ้น เมื่อพบว่าเธอหลับไปทั้งเสื้อผ้าชุดเมื่อวาน เสื้อเชิ้ตยับยู่กับกระโปรงสูทที่สภาพไม่ต่างกันเหม็นเหงื่อจนเจ้าตัวเบ้หน้า

หญิงสาวสำรวจเงาจากกระจกมองดวงหน้ามันแผลบ รอยคล้ำน่าเกลียดใต้ตา และผมซึ่งยุ่งเหยิงเป็นรังนกแล้วนึกอ่อนใจ “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย ทำไมเราจำอะไรไม่ได้เลย”

มือเรียวบางใช้ปลายนิ้วนวดหนังศีรษะเบาๆ เพื่อคลายความตึงเครียด แต่แล้วเงาสะท้อนจากอะไรบางอย่างก็หยุดสายตาเธอไว้ พรนางฟ้าลดมือลงมาหยิบจี้ที่ห้อยคออยู่ขึ้นพิจารณาด้วยความอัศจรรย์ใจ ทว่าเพียงแตะมือลงที่จี้ผีเสื้อสีเพลิง หญิงสาวก็สะดุ้งโหยงรู้สึกละม้ายมีพลังประหลาดพุ่งเข้ามาในตัวรุนแรง เธอปล่อยมือฉับพลัน เงยขึ้นมองภาพสะท้อนจากกระจกแทน ต้องเป็นอุปาทานแน่ๆที่พรนางฟ้ารู้สึกราวกับว่าปีกผีเสื้อนั้นกำลังขยับช้าๆและโบยบินผ่านหน้าเธอมาเกาะที่บ่าข้างหนึ่ง

พรนางฟ้ากะพริบตาแรงๆ แล้วภาพนั้นก็ปลิวสลายหายวับไปในอากาศ!

หญิงสาวชั่งใจ ก้มลงมองสร้อยที่กลางอกอีกครั้ง ใจหนึ่งอยากถอดออก แต่อีกใจก็ยังแหยงไม่กล้าแตะ กระแสที่พุ่งผ่านมือเข้ามาเมื่อครู่ยังทำให้รู้สึกหวั่นๆจนไม่นึกอยากเข้าใกล้มันอีก น่าแปลก...ตำแหน่งที่หินสีเพลิงสัมผัสตรงกึ่งกลางหน้าอกไร้ปฏิกิริยาใดทั้งสิ้น ทั้งยังช่วยให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย

“มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่นะ” พรนางฟ้าใช้ปลายนิ้วนวดที่ขมับทั้งสองข้าง หวังสุดหัวใจว่าจะเรียกย้อนความทรงจำเมื่อคืนให้แจ่มชัดขึ้นได้อีกครั้ง ทว่าอาการปวดศีรษะเป็นริ้วๆก็ทำให้ยอมแพ้ จำต้องก้าวไปยืนใต้ฝักบัวเปิดให้น้ำอุ่นจัดไหลผ่านตั้งแต่ศีรษะลงมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ครั้นค่อยรู้สึกผ่อนคลาย จึงเปลี่ยนไปใช้น้ำเย็นจัดกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นขึ้นแทน

พรนางฟ้าเหลือบมองนาฬิกาเรือนเล็กที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอีกครั้ง แล้วรีบลงมือจัดการกับธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเร็วที่สุด เพราะสวมเชิ้ตขาวกับกางเกงสีเทาขายาวคาดเข็มขัดเรียบๆ เจ้าตัวจึงตัดสินใจจัดสร้อยปริศนาออกมาสวมทับไว้นอกเสื้อกลายเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวที่เด่นสะดุดตาแทน

คนยังเมาค้างร้องทักบิดาซึ่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ววิ่งออกมาหน้าบ้านเลย และก็ต้องยืนอึ้งเมื่อเห็นรถเก๋งคันเล็กจอดอยู่หน้าบ้าน ครั้นตะโกนถามท่านก็ได้คำตอบว่า

“เมื่อคืนแพนเมามาก เพื่อนแพนเลยโทร.มาถามทางกับพ่อ แล้วก็ขับมาส่งน่ะ”

“เพื่อนแพนเหรอคะ” คนพูดละสายตาจากตู้รองเท้า หันกลับไปมองบิดาด้วยความฉงน “เพื่อนคนไหนเนี่ย ทำไมจำไม่เห็นได้เลย”

“เพื่อนผู้ชายน่ะลูก ตัวสูงๆแต่งตัวเก่าๆมอมๆ ไว้ผมยาวด้วย ช่วงที่พ่อไม่อยู่กรุงเทพฯ หนูคบเพื่อนแปลกๆนะลูกแพน ระวังตัวหน่อยนะ เห็นแล้วพ่อเป็นห่วงจริงๆ อีกอย่างหนูเป็นสาวเป็นนาง ออกไปดื่มจนเมามายกับเพื่อนผู้ชายแบบนั้น มันไม่ดี พ่อไม่เคยสอนให้หนูใช้ชีวิตอยู่ในความเสี่ยงแบบนั้นนะ”

“เราก็รู้นะว่าพ่อห่วง แต่พ่อสอนแบบนี้มาเป็นร้อยรอบแล้วนะ พ่อไม่เหนื่อยบ้างหรือไงเนี่ย” หญิงสาวก้มลงสวมรองเท้า “หนูสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกค่ะ พ่อสบายใจได้”

เพียงจบประโยค พรนางฟ้าก็ชะงัก “นี่เราหูฝาดไปหรือเปล่า ทำไมรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องที่บ่นอยู่ในใจดังออกมาด้วยล่ะเนี่ย”

“พ่อได้ยินนะแพน” บิดาวางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วหันมามองเธอด้วยสายตาตำหนิ

“แพนขอโทษค่ะพ่อ จะเรื่องไหนก็ไม่รู้ล่ะ แต่ตอนนี้ต้องเผ่นก่อน ไม่งั้นเราสายแน่“ พรนางฟ้ายืดตัวตรง ทำความเคารพบิดาแล้วเดินแกมวิ่งไปที่รถทันที

แต่เพียงเห็นสภาพยางเส้นหน้าขวา หญิงสาวก็อยากเอาหัวโขกกระจกรถให้รู้แล้วรู้รอด “เวรแล้วไง ทำไมต้องมายางแบนตอนนี้ด้วยเนี่ย” เธอหันรีหันขวางชั่งใจอยู่เสี้ยววินาที ก็วิ่งเข้าบ้าน เอากุญแจไปวางบนโต๊ะ “พ่อขา รถแพนยางแบน ขืนรอเปลี่ยนยางหนูไปสายแน่ หนูทิ้งรถไว้บ้านนะคะ เดี๋ยวจะโทร.เรียกช่างมาเอายางไปปะ พ่อยังไม่กลับเชียงรายใช่ไหมคะ” เมื่อท่านพยักหน้าเธอจึงรีบบอก “งั้นแพนฝากพ่อคุมช่างให้ด้วยนะคะ”

พรนางฟ้าไม่รอคำตอบ แต่เดินแกมวิ่งออกจากบ้านทันที และต้องใช้เวลาอีกเกือบห้านาทีกว่าจะมาถึงหน้าหมู่บ้าน เพราะการจราจรที่ค่อนข้างคับคั่งในช่วงเช้าทำให้รถโดยสารส่วนใหญ่ไม่ว่าง กว่าพรนางฟ้าจะได้แท็กซี่ก็เสียเวลาไปพอสมควร แถมรถคันที่เรียกได้ก็ยัง... “แอร์ก็ร้อน คนขับก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ มิน่า...รถถึงว่างจนเหลือรอดมาถึงมือเราเนี่ย!”

พรนางฟ้ามั่นใจว่าเธอคิดอยู่ในใจเท่านั้น พลันก็ต้องแปลกใจ เมื่อโชเฟอร์เบิกตากว้างหันมาทางเธอทันควัน “เรื่องแอร์ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ผมกำลังเก็บเงินไปซ่อมอยู่ ส่วนเรื่องที่ทำหน้าบึ้งให้คุณไม่พอใจ ผมยอมรับผิดครับ รถติดอย่างนี้เลยอารมณ์เสียไปหน่อย”

พรนางฟ้าอ้าปากค้าง “เราไม่ได้พูดสักหน่อย เราคิดอยู่ต่างหาก อีตาลุงนี่อ่านใจคนได้หรือไงเนี่ย”

“คุณพูดนี่ครับ ผมไม่ได้อ่านใจคุณหรอก”

ผู้โดยสารยิ่งงงหนัก ยกมือปิดปากตัวเอง “อีตาลุงนี่ท่าจะดูหนังมากไป บ้าไปแล้วมั้ง”

สีหน้าอึ้งๆของคนขับ ยังไม่ทำให้พรนางฟ้าช็อกเท่ากับการค้นพบว่าริมฝีปากที่อยู่ใต้มือเธอขยับ ลมร้อนๆที่พ่นปะทะอุ้งมือย้ำให้มั่นใจว่ามันไม่ได้แค่ดังอยู่ในใจ แต่เธอพูดประโยคนั้นจริงๆ!

พรนางฟ้าพนมมือขอโทษคนขับทันที “ขอโทษค่ะลุง หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูแค่คิดจริงๆนะคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดออกไปด้วย”

คนอายุมากกว่ามีสีหน้าแปลกๆ ก่อนหันกลับไปมองถนนตรงหน้าเงียบๆ

พรนางฟ้าจ๋อย “ตายแล้ว นี่เราบ้าไปหรือเปล่าเนี่ย ทำไมถึงพูดแบบนั้น สงสัยลุงจะโกรธจริงๆ”

เสียงที่ดังอยู่ในความเงียบทำให้ผู้โดยสารยกมือตบศีรษะตัวเอง “นี่เราต้องฝันไปแน่ๆเลย ทำไมอะไรที่เราคิดถึงดังเป็นคำพูดไปหมดอย่างนี้ล่ะเนี่ย”

คราวนี้โชเฟอร์สูงวัยหัวเราะหึๆ สีหน้าผ่อนคลายไปมาก “หนูเป็นคนตลกดีนะ”

“ไม่เห็นตลกตรงไหนเลย” ตามเคย...มันควรอยู่ในใจ แต่ถ้อยคำนั้นกลับดังสนั่นลั่นรถ “บ้าไปแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่เนี่ย” พรนางฟ้ายกมือปิดหน้า ขณะที่คนขับหัวเราะร่วน

“ไม่ขำ!” เสียงอู้อี้ดังมาจากหลังฝ่ามือนั้น ก่อนตามด้วยคำอุทาน “พุทโธ ธัมโม สังโฆ ถ้าเราฝันอยู่ก็ขอให้ตื่นเสียทีเถอะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ...” ถ้อยคำพึมพำดังตลอดเส้นทางที่เหลือจนเธอมาถึงสำนักงานในที่สุด



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2556, 00:01:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2556, 00:01:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1482





<< บทนำ (ต่อจนจบบท)   ตอนที่ ๑ (๑๐๐%) >>
สิริณ 30 ก.ค. 2556, 00:09:05 น.
ขอกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านด้วยนะค้า
อ่านจบถูกใจ ช่วยกันกด "ชอบก็จิ้มเลย" เบาๆคนละที

เช่นเคยค่ะ ใครที่ช่วยกันคอมเม้นต์
เดี๋ยวหนังสือตีพิมพ์เสร็จ
จะเอาชื่อผู้ที่คอมเม้นต์มาจับสลากแจกหนังสือ 1 เล่มสำหรับเว็บ love ค่ะ :D


ปลายสี 30 ก.ค. 2556, 00:13:39 น.
นางเอกชื่อน่ารักจังเลยค่ะ น่าติดตามมาก มีคนได้ยินเสียงที่เราคิดนี่น่ากลัวนะเนี่ย 555


Sukhumvit66 30 ก.ค. 2556, 00:45:26 น.
มันน่ากลัวเนอะ แอบคิดเงียบๆในใจก็ไม่ได้แล้วดิ น่าจะเปลี่ยนไปอ่านใจคนอื่นได้มากกว่าเนอะ


konhin 30 ก.ค. 2556, 00:59:24 น.
ฮาอ่ะ จะโดนอะไรมั่งหล่ะเนี่ย


ภาวิน 30 ก.ค. 2556, 04:21:58 น.
น่ากลัวจริงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาหมดแบบนี้ เพราะปกติจิตคนเราคิดตลอดเวลา คิดมากกว่าพูดไม่รู้กี่เท่า อย่างนี้เวลาเข้าไปในสถานที่ที่ห้ามใช้เสียงเข้าละแย่เลย


อสิตา 31 ก.ค. 2556, 18:30:54 น.
นี่ขนาดต่อหน้าคนขับแท็กซี่ รอดูต่อหน้าเจ้านายจะเป็นยังไง


จิรารัตน์ 13 ส.ค. 2556, 14:57:20 น.
ถ้าคนไทยพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจออกไปหมด.....บรื้ออออออออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account