ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑ (๑๐๐%)

สำนักงานของบริษัทโทเทิ่ลเน็ตเวิร์กโซลูชั่นหรือทีเอ็นเอสอยู่ในอาคารขนาดใหญ่กลางกรุงเทพ เมื่อมาถึงออฟฟิศ พรนางฟ้าดูนาฬิกาด้วยความร้อนใจ เข็มยาวเพิ่งเดินผ่านเวลาเคารพธงชาติไปนิดเดียว บอกให้รู้ว่าเธอมาถึง ‘ก่อน’ เข้างานตามกฎบริษัทเกือบสามสิบนาที แต่นั่นยังดีไม่พอ ถ้าเทียบกับปกติที่เธอควรมาถึงสำนักงานตั้งแต่ก่อนเจ็ดนาฬิกาเพื่อรอรับหน้า ‘เจ้านาย’ ซึ่งมักมาถึงออฟฟิศตอนเจ็ดโมงตรงทุกวัน!

เมื่อขึ้นมายังชั้นสำนักงาน พรนางฟ้าเดินแกมวิ่งเข้าออฟฟิศและลนลานเก็บกระเป๋าใส่ลิ้นชักด้านหลัง ยังไม่ทันนั่งประจำเก้าอี้ ประตูห้องทำงานของสุภัทรชาก็เปิดผาง เจ้าของห้องก้าวพรวดมายืนจังก้า สีหน้าไม่พอใจ โวยวายลั่น “แพน! เกรซโทร.หาตั้งแต่เมื่อวานเป็นร้อยรอบแล้ว ทำไมถึงไม่รับสาย!”

เรื่องที่อยู่ในใจสุภัทรชาคงหนักหนาไม่น้อย เพราะปกติไฮโซสาวไม่เคยโกรธจนคุมสติไม่อยู่ขนาดนี้มาก่อนเลย และแม้ไม่ต้องมองรอบๆ พรนางฟ้าก็เดาได้ว่าพนักงานเกินกว่าครึ่งชั้นซึ่งเป็นลูกน้องของสุภัทรชา และต้องมาทำงานตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า คงจะหันมามองที่เธอเป็นตาเดียวแน่นอน

หญิงสาวลุกลี้ลุกลนหันไปรื้อกระเป๋า ดึงโทรศัพท์มือถือออกมาสำรวจ แล้ววางไว้บนโต๊ะ สารภาพเสียงอ่อย “แพนปิดเสียง แล้วลืมเปิดน่ะ ก็เลยไม่ได้ยิน ขอโทษด้วยนะ”

“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาทำงานป่านนี้ นี่มันกี่โมงแล้ว” เจ้านายเอ็ดซ้ำอีกคำรบ

พรนางฟ้าหน้าม่อย ที่ผ่านมาบางทีแค่มาถึงออฟฟิศหลังเจ็ดนาฬิกาเพียงสองสามนาที เธอยังต้องหาข้ออ้างแก้ตัวแทบแย่ ทุกครั้งที่โดนตั้งคำถามแบบนี้ หญิงสาวเคยแต่อธิบายอยู่ในใจ “บริษัทจ้างเราทำงานแปดโมงครึ่งถึงห้าโมงครึ่งนะ นี่เพิ่งแปดโมงเอง ถ้านับจริงๆก็ต้องบอกว่ายังไม่ใช่เวลาเข้างานของเราด้วยซ้ำ”

แล้ววันนี้พรนางฟ้าก็ต้องช๊อกเมื่อได้ยินตัวเองพูดแบบนั้นดังๆ!

สุภัทรชาเบิกตากว้าง มองมาราวกำลังเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกผุดขึ้นตรงหน้า แต่กิริยานั้นเกิดขึ้นเพียงครู่เดียว แล้วเธอก็ควบคุมสติได้ดังเดิม “ไปหัดพูดจายอกย้อนแบบนี้มาจากไหน ถ้าแพนคิดอย่างนั้น งั้นเดี๋ยว ‘แปดโมงครึ่ง’ แล้ว เข้ามาพบเกรซหน่อยนะ มีเรื่องงานจะคุยด้วย” น้ำคำที่ย้ำชัดบางตอนบอกให้รู้ว่าตั้งใจประชด

พรนางฟ้ามองตามหลังผู้เป็นนายลับเข้าห้องทำงานไปด้วยความแปลกใจ ทั้งกับตัวเองและกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ประการแรกหญิงสาวไม่เคยคาดว่าจะกล้าโพล่งคำพูดแบบนั้น และยิ่งฉงนเมื่อพบว่าสุภัทรชาซึ่งเคยอ่อนหวานอยู่เสมอ จะประชดประชันเธอกลับมาเช่นกัน

พรนางฟ้ายืนนิ่ง จากปลายตาเห็นชัดว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนพากันมองเธอตาค้าง เมื่อเหลียวไปตรงๆ ใบหน้าเหล่านั้นก็หลบแวบ บางคนกล้ามากหน่อยก็แอบยกนิ้วโป้งให้ด้วย

“เราบ้าไปแล้วหรือไง ถึงไปย้อนเกรซแบบนั้น” หญิงสาวก้มหน้างุด เหลือบไปทางประตูห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ อาการเมาค้างทำให้หัวหนักๆมึนๆ ตัดสินใจไม่ตกว่าควรเข้าไปตอนนี้เลยไหม สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกเดินไปเคาะประตูที่เปิดกว้างอยู่ เดาได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าไปในห้องว่า ประโยคแรกที่จะได้ยินคืออะไร “ถ้าเล่นสนุกพอแล้วก็รีบเข้ามาทำงานซะที”

“ค่ะ” พรนางฟ้าเข้ามานั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“แพนรู้หรือยัง ว่าไอ้ดนัยมันจะแทรกเข้ามาแย่งงานของเกรซน่ะ”

“ค่ะ”

สุภัทรชาหันขวับมาทางเพื่อนสนิททันที “พูดคำอื่นนอกจากนี้ไม่เป็นหรือไง”

“พูดเป็น แต่เรารู้ว่าพูดไปคงมีแต่ทำให้คุณเกรซอารมณ์เสียมากขึ้น”

แม้สุภัทรชาจะเป็นเพื่อนสนิทของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แต่พรนางฟ้าก็ต้องเรียก ‘คุณเกรซ’ ทุกคำ เพราะมารดาฝ่ายนั้นเคยบอกไว้ตอนไปบ้านเพื่อนครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน

‘คุณชวดเกรซเป็นต้นนามสกุลพระราชทานเชียวนะ นี่ถ้าใช้นามสกุลเดิมของป้า เกรซต้องมี ณ อยุธยาต่อท้ายด้วยซ้ำ อย่าว่าป้าเข้มงวดเจ้ายศเจ้าอย่างเลยนะ แต่ป้าว่าหนูเรียกเพื่อน ‘คุณเกรซ’ จะดีกว่า’

พรนางฟ้าจึงจำต้องเรียกเพื่อนเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้

สุภัทรชาตะลึงที่ถูกย้อนตรงๆ “บ้า! เลิกเล่นลิ้นล้อเลียนได้แล้ว ไปเอาแฟ้มงานของกระทรวงป้องกันสาธารณภัยเข้ามาเดี๋ยวนี้ ดูสิว่ามีตรงไหนที่ไอ้ดนัยจะใช้เป็นช่องโหว่แย่งโปรเจ็คต์ของเกรซไปได้บ้าง” ยิ่งพูดสุภัทรชาก็ยิ่งเสียงดังขึ้น แถมความอ่อนหวานที่เคยแทรกอยู่ในทุกถ้อยคำก็ยังแปรไปเป็นคำพูดโผงผางอีกด้วย

“ค่ะ” พรนางฟ้าลุกขึ้น ขยับจะออกจากห้องไปหยิบเอกสารตามที่อีกฝ่ายสั่ง ทว่ายังไม่ทันพ้นประตู...

“บ้าที่สุด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทำให้พรนางฟ้าหันกลับไปมองด้วยความตกใจ กล่องบรรจุกระดาษโน้ตกำลังพุ่งมาตรงหน้าอย่างรุนแรงตามโทสะของผู้ที่ขว้างมันมา กล่องใบเล็กไม่พลาดเป้า มุมแหลมปักเข้าตรงตีนผมด้านหนึ่งของพรนางฟ้าก่อนร่วงลงบนพื้น กระดาษแผ่นจิ๋วปลิวว่อนไปในอากาศ

พรนางฟ้าสะดุ้งโหยงยกมือกุมศีรษะ ดวงตาที่มองสบกับเพื่อนมีร่องรอยตระหนก เพราะไม่เคยเห็นอิริยาบถแบบนี้ของไฮโซสาวเป็นเช่นนี้มาก่อน “คุณเกรซ!”

“อย่ามารับคำค่ะๆๆๆ ประชดกันแบบนี้ให้ได้ยินอีกนะ เกรซไม่ชอบ!” แม้สายตาบอกชัดว่ารู้สึกผิด แต่สุภัทรชากลับไม่ขอโทษ ทั้งยังแก้เกี้ยวด้วยการเอ็ดตะโรลั่น

คนเป็นลูกน้องรีบลนลานไปค้นแฟ้มเอกสารและถือติดมือกลับมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นพรนางฟ้าย่อตัวลงเก็บกระดาษโน้ตที่ปลิวเกลื่อนอยู่หน้าห้อง อีกฝ่ายจึงบอก “ทิ้งไว้นั่นแหละ เดี๋ยวค่อยเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาด ตอนนี้เข้ามาคุยงานกันก่อน” สุภัทรชายืนสง่าสั่งการ สีหน้าแสดงชัยชนะ ภาคภูมิใจในอำนาจของตน

พรนางฟ้าเม้มปากก้มหน้าซ่อนสายตาเจ็บช้ำ นำแฟ้มไปวางบนโต๊ะให้สุภัทรชา แล้วยืนนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว...วัดใจกัน! หญิงสาวย้ำกับตัวเองในใจ “เราไม่ผิด เราไม่จำเป็นต้องขอโทษ”

สุภัทรชาตวัดตามองมาด้วยอาการคล้ายตกตะลึง เธองันไปครู่ใหญ่ก่อนสูดหายใจเข้าลึกแล้วป้ายยิ้มแบบที่คนมองคุ้นตา “โอเค ยอมรับก็ได้ว่าเกรซผิดเอง แพนจ๋า...ขอโทษนะ เมื่อกี้เกรซอารมณ์เสียไปหน่อย ความผิดแพนนั่นแหละที่ทำให้เกรซโกรธ”

“อ้อ...เราผิดตลอด...ว่างั้น”

“มาทำงานกันดีกว่านะเพื่อนเลิฟ” สุภัทรชาทำไม่รู้ไม่ชี้เปิดแฟ้มแล้วนั่งลง “เจ็บมากหรือเปล่า แพนอย่าโกรธเลยนะที่เกรซร้อนใจจนทำอะไรแรงๆไปน่ะ เกรซเพิ่งรู้เมื่อคืนนี้ว่าไอ้ดนัยจะมาแทรกในงานประมูลที่กระทรวงป้องกันสาธารณภัย แล้วดูสิ มารู้เอากระชั้นชิดก่อนยื่นซอง[1]แค่วันเดียว ใครจะไปแก้ไขอะไรได้ทัน เกรซติดต่อหาแพนยังไงก็ไม่ยอมโทร.กลับ นี่ถ้าเกรซไม่ได้งานนี้นะ ต้องโทษว่าเป็นความผิดของแพนคนเดียว” คนพูดทำสีหน้าและน้ำเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนทุกครั้ง

“โอ๊ย! เราไม่สำคัญขนาดนั้นหรอกมั้ง ‘คุณเกรซ’ กำลังจะเป็นถึงผู้อำนวยการเชียวนะ เรื่องแค่นี้จัดการได้สบายมากแน่นอน” พรนางฟ้าประชด...ในใจ หารู้ไม่ว่ามันดังออกมาจริงๆ คำพูดเธอปนกันไปหมดทั้งความในใจและสิ่งที่พูดตามมารยาท

“จริงด้วย!” สีหน้าสุภัทรชาตกใจแท้จริง “แฟรงค์บอกว่าสามเดือนนี้จะจับตาดูผลงานของเกรซอย่างใกล้ชิด ก่อนเลื่อนตำแหน่งให้เกรซ ตายแล้ว! นี่ถ้าเกรซประเดิมด้วยการปล่อยให้โปรเจ็กต์นี้หลุดมือ ตำแหน่งผู้อำนวยการของเกรซก็ต้องลอยลมไปด้วยน่ะสิ!” คนพูดก้มหน้ากุมศีรษะกลัดกลุ้ม

พรนางฟ้าไม่สนใจ ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม เปิดแฟ้มข้อมูลอ่านซ้ำเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน พร้อมกับจดข้อความสำคัญใส่สมุดโน้ตคู่ใจเล่มเล็กเท่าฝ่ามือ ระหว่างอ่านเนื้อหาในแฟ้ม เธอกลับตั้งคำถามโพล่งขึ้นลอยๆโดยไม่รู้ตัว “ทั้งที่เราเป็นคนเตรียมเอกสารแล้วก็วาดแบบโครงการมาตั้งแต่ต้น แต่ทำไมเกรซกลับไม่ยอมให้เครดิตเราบ้างนะ รู้หรอกว่าขอมากไป แต่อย่างน้อยก็น่าจะใส่ชื่อเราเป็นผู้รับผิดชอบโปรเจ็กต์นี้ร่วมกันก็ยังดี”

“แพนพูดอะไรหรือจ๊ะ”

พรนางฟ้าเงยขึ้นทันควัน “แพนไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”

“ไม่จริง เมื่อกี้เกรซได้ยินนะ แพนบอกว่าเกรซไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ”

สุภัทรชาเห็นชัดว่าสีหน้าของลูกไล่ตลอดกาลมีแววไม่มั่นใจวาบขึ้น ท่าทางนั้นเหมือนเดิมแทบทุกประการ ถ้าจะมีอะไรที่เพื่อนรักของเธอเปลี่ยนไป ก็คงเป็นวิธีพูดนั่นเอง วันนี้ไม่เพียงพรนางฟ้าเสียงแข็งอย่างประหลาด แต่ยังพูดจาแปลกๆแบบที่ไม่เคยเป็นอีกด้วย แต่ละคำล้วนแล้วแต่แทงใจดำคนฟังจนแทบอยากปรี่เข้าไปเอาผ้ามัดปากไม่ให้พูดได้อีกเหลือเกิน

“ท่าทางจะกลัวเสียโปรเจ็กต์นี้ไปจริงๆแฮะ สติแตกจนหมดมาดเลยเพื่อนฉัน!” นั่นไง...เอาอีกแล้ว!

“มันจะไม่มากไปหน่อยหรือแพน ทำไมถึงพูดแขวะเกรซแบบนี้ล่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะ”

“แพนไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”

“แพนหาว่าเกรซไม่ยุติธรรมที่ไม่ใส่ชื่อแพนเป็นคนทำโปรเจ็กต์นี้ด้วย แถมยังว่าเกรซสติแตกอีก”

พรนางฟ้าชะงัก “แพนพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ”

“ใช่ แล้วบอกให้รู้เลยนะจ๊ะ ว่าเกรซไม่ชอบ”

“อ้อ...รับความจริงไม่ได้ ว่างั้นเหอะ แหม...ทีเราทำงานแทบตาย เพื่อให้เกรซได้หน้าไปคนเดียวมาตลอดสองปีนี้น่ะ เรายังไม่เห็นเคยบ่นสักคำ”

สุภัทรชาอ้าปากค้าง แต่ไหนแต่ไรพรนางฟ้าไม่เคย ‘หือ’ หรือแสดงกิริยาแข็งกระด้างแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งเพื่อนยอมเป็นเบี้ยล่าง และไม่ว่าเธอเรียกร้องหรืออ้อนวอนอะไร พรนางฟ้าจะโอนอ่อนตามตลอด หลายครั้งที่สุภัทรชามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจและไม่เห็นด้วยชนิดค้านหัวชนฝา แต่เธอก็โน้มน้าวขอร้องจนพรนางฟ้าจำต้องตามใจในที่สุด นี่เป็นครั้งแรกที่สุภัทรชาสังหรณ์ใจว่ามันอาจไม่ง่ายดังเคยเสียแล้ว

“แพนอยากได้ค่าคอมมิชชั่นเหรอ” ผู้จัดการถามเสียงอ่อย “ไม่ต้องใส่ชื่อหรอก เดี๋ยวเกรซแบ่งให้เอง”

“เราไม่อยากได้คอมมิชชั่น เราอยากได้ผลงาน อยากให้แฟรงค์รู้ว่าเราทำงานนี้ด้วยต่างหากละ” พรนางฟ้าโต้ทันควัน

“แล้วถ้าเกรซว่าไม่ล่ะ”

“พูดง่ายนี่ งั้นถ้าเราก็หาทางแก้ให้เกรซไม่ได้เหมือนกัน อยากรู้นักว่าเกรซจะทำยังไง” คนพูดปิดแฟ้มแล้ววางปากกาในมือลง ทำท่าสบายใจ “แพนอ่านทวนในเอกสารแล้ว จนปัญญาจะกันคุณดนัยออกจากงานนี้จริงๆ ขอโทษด้วยนะ เอาสิ! ถ้าเก่งนักก็เชิญแก้ปัญหาเองตามสบายเล้ย”

สุภัทรชาอ้าปากค้าง “นี่พูดเล่นใช่ไหม แพนเพิ่งดูแฟ้มไปไม่กี่หน้าเอง”

“ถึงดูจนจบก็หาทางแก้ไม่เจอหรอกค่ะ เพราะเราไม่ได้คิดจะแก้ให้อยู่แล้ว”

คนเป็นผู้จัดการเม้มปากแน่น เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังถือไพ่แต้มต่ำกว่า มองเห็นลางแพ้อยู่รำไร “แล้ว...ถ้าเราใส่ชื่อแพนเป็นคนทำโครงการนี้ด้วยกันล่ะ แพนคิดว่าจะแก้ปัญหาได้ไหม”

“พูดกันอย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย แต่มันก็ยังเป็นแค่ ‘ถ้า’ อยู่ดีน่ะแหละ นึกว่าเรารู้ไม่ทันหรือไง” พรนางฟ้ายิ้มนิดๆเหมือนเพื่อนหัวเก่าคนเดิมของเธอเปี๊ยบ ”เอาเป็นว่าแพนจะพยายามก็แล้วกันค่ะ”

สุภัทรชาชั่งใจแค่เสี้ยววินาทีจึงตัดสินใจ “ถ้าแพนหาทางแก้ได้ เกรซจะใส่ชื่อแพนลงในโครงการนี้ด้วย”

พรนางฟ้ามีท่าทางดีใจ รีบเปิดแฟ้มอ่านอีกครั้ง ท่าทางนั้นดูใจเย็นจนคนมองร้อนใจมากขึ้นทุกที เจ้าของห้องเหลือบมองนาฬิกาซ้ำๆพลางเร่ง

“คิดเร็วๆหน่อยสิ นี่ใกล้เวลาที่เกรซต้องออกจากออฟฟิศแล้วนะ ถ้าช้ากว่านี้เราเอาซองไปยื่นที่กระทรวงฯไม่ทันแน่”

“รู้ละ!” พรนางฟ้าเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เธอ “แพนจะพิมพ์เอกสารเพิ่มอีกหนึ่งฉบับเพื่อสอดใส่ซองประมูล แล้วก็โทร.ขอความช่วยเหลือจากลุงตงนิดหน่อย เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา”

สุภัทรชาหูผึ่ง ลุงตงที่อยู่ในประโยคนั้นคือตงยู...คู่ค้าชาวสิงคโปร์ซึ่งเอ็นดูพรนางฟ้าเหมือนลูกสาว ทั้งที่เธอทั้งสวยกว่า น่ารักกว่า แล้วก็ดูดีกว่า แต่ไอ้เฒ่าตาถั่วนั่นกลับเมินมองผ่านเธอไปสนิมสนมกับเพื่อนผู้แสนจืดชืด ทั้งสอนงาน ทั้งช่วยเหลือ ทั้งให้กำลังใจกันตลอด น่าหมั่นไส้!

“เอกสารที่ว่านั่นน่ะมันเอกสารอะไร”

“คุณเกรซไม่ต้องทราบรายละเอียดก็ได้ รู้แค่ว่าโครงการนี้เป็นของ ‘เราสองคน’ แน่นอนก็พอ“ หญิงสาวเก็บรวบรวมข้าวของใส่อ้อมแขนแล้วลุกขึ้น ทำท่าจะออกจากห้อง โดยไม่วายทิ้งท้าย “ระหว่างที่แพนจัดการเรื่องเอกสาร รบกวนคุณเกรซเขียนเมลยืนยันเรื่องใส่ชื่อแพนลงในโปรเจ็กต์นี้ แล้วนี้ส่งถึงแพนให้ทีได้ไหม อ้อ...อย่าลืมทำสำเนาให้แฟรงค์ด้วยนะ แพนอยากมีผลงานบ้าง เผื่อปลายปีจะได้โบนัสเหมือนใครๆเขาบ้าง”

“ได้จ้ะ” สุภัทรชาพยักหน้ายิ้มประจบ เห็นโอกาสว่าจะเอาช่องโหว่ตรงไหนมา ‘เล่นเฉโก’ กับข้อเสนอของเพื่อน จะไปยากอะไร ก็แค่หน่วงเวลาส่งเมลไว้ก่อน อ้างว่าลืมก็ได้ รอให้ผู้ช่วยทำเอกสารเสร็จ ส่งซองไปยื่นประมูลเรียบร้อย แค่นี้...พรนางฟ้าก็ไม่มีอะไรมาต่อรองให้เธอต้องแบ่งความดีความชอบครึ่งหนึ่งให้แล้ว!

ทว่า...สุภัทรชากลับต้องหุบยิ้มทันควัน เมื่อได้ยินคำสำทับ

“เอ...เราควรบอกเกรซดีไหมนะ ว่าถึงเราจะพิมพ์เอกสารเร็วก็จริง แต่เครื่องพิมพ์มันไม่ค่อยดี ถ้าเราได้รับเมลเมื่อไหร่ เอกสารก็พิมพ์เสร็จเมื่อนั้น ให้มันรู้ไปสิว่าใครกันแน่ที่จะรอบคอบกว่ากัน!”

ประโยคนั้นบอกชัด...อีกฝ่ายรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของเธอทุกประการ!

สุภัทรชาจำต้องเขียนจดหมายแสดงความชื่นชมผู้ช่วยส่วนตัว ส่งให้พนักงานทั้งแผนกและทำสำเนาให้แฟรงคลินผู้เป็นนายใหญ่รับทราบด้วย เนื้อหาในอีเมลไม่ยาวนัก แต่คนเขียนกลับรู้สึกว่าการคั้นแต่ละตัวอักษรให้มีเนื้อหาตามที่พรนางฟ้าต้องการ โดยไม่ให้กระทบ ‘ภาพลักษณ์’ ผู้หญิงเก่งของเธอมันช่างยากเย็นนัก!

สุภัทรชามองนาฬิกาอย่างร้อนใจ ถ้ารอช้าอีกห้าหรือสิบนาที เธออาจขับรถนำซองไปยื่นที่ฝ่ายจัดซื้อของกระทรวงฯไม่ทัน คราวนี้ละชวดงานจริงๆแน่นอน หญิงสาวมองทะลุกระจกห้องทำงานไปยังโต๊ะผู้ช่วย เห็นพรนางฟ้านั่งนิ่งกำลังมองมาที่เธอ แค่นั้นก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายจัดการงานในส่วนของตนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกวาดสายตาอ่านอีเมลเป็นครั้งสุดท้าย แล้วรีบกดปุ่ม ‘ส่ง’



ความขลุกขลักที่เกิดขึ้นกับงานประมูลโปรเจ็กต์ของกระทรวงป้องกันสาธารณภัย พรนางฟ้าแก้ไขจนผ่านพ้นไปด้วยดี ดิฉันเห็นว่าเธอควรได้รับคำชมสำหรับความพยายามนี้เช่นกัน และหากมีความสำเร็จใดเกิดขึ้น ดิฉันขอมอบเครดิตความสำเร็จนี้ให้กับทีมงานทุกคนได้ร่วมฉลองด้วยกัน

สุภัทรชา นาริยะสกุล

ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ



ผู้จัดการสาวเพ่งมองเพื่อน เห็นฝ่ายนั้นตั้งใจอ่านข้อความบนหน้าจอชั่วครู่ แล้วพรนางฟ้าก็หยิบเอกสารจากเครื่องพิมพ์เข้ามาวางบนโต๊ะ รายงานด้วยท่าทีนอบน้อมจนเธอข้องใจว่าจินตนาการคำพูดรู้ทันแปลกๆเมื่อครู่ไปเองหรือเปล่า

“โปรเจ็กต์นี้ระบุว่าผู้ยื่นซองประมูลต้อง ‘เป็น’ ตัวแทนขายสายเคเบิ้ลในเมืองไทยด้วย แพนเช็กแล้ว บริษัทของคุณดนัยจะเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายกับลุงตงตอนสิบโมงวันนี้ แพนเลยโทร.หาลุงตง ขอให้ชะลอการเซ็นสัญญาแต่งตั้งไปเป็นช่วงบ่าย หมายความว่าขณะที่ยื่นซองตอนสิบโมง บริษัทของคุณดนัย ‘ยัง’ ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย เพราะฉะนั้นบริษัทของเขาก็ขาดคุณสมบัติแน่นอน” พรนางฟ้าอธิบาย

“แล้วถ้าเขาตะแบงว่าตอนเปิดซอง เขาเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ จะอ้างว่ายังไง”

“แพนถึงพิมพ์เอกสารใหม่ระบุชัดเจนว่า ณ เวลาสิบโมงของวันนี้ ทีเอ็นเอส ‘มี’ คุณสมบัติครบถ้วน อ้อ...แพนโทร.บอกบริษัทคู่ฮั้ว[2]ให้ทำเอกสารแบบเดียวกันแนบในซองที่จะยื่นแล้ว ถ้ายันกันด้วยเอกสาร บริษัทคุณดนัยตกสเป็คแน่นอน คุณเกรซไม่ต้องห่วง รับรองว่างานนี้เป็นของ ‘เราสองคน’ แน่นอน”

สุภัทรชายอมรับว่าเธอหงุดหงิดที่ได้ยินน้ำเสียงมั่นใจท้ายประโยคนั้น “แพนเก่งจัง แก้ปัญหาได้ดีทีเดียว ที่จริงเกรซก็คิดเหมือนแพนแหละ เพียงแต่ตอนนั้นกำลังกังวล เลยไม่แน่ใจว่ามันเป็นวิธีที่ง่ายเกินไปหรือเปล่า”

จัดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชีวิตเลย ที่พรนางฟ้าเหยียดริมฝีปากด้วยอาการเย้ยหยัน “โอ้โห...แก้ตัวเพราะกลัวเสียหน้าใช่ไหมเนี่ย ไม่เนียนเลยนะเพื่อน!”

สุภัทรชาอึ้ง ที่ถูกถามแทงใจดำ เธอย้อนถามด้วยความไม่พอใจ “แพนว่าอะไรนะ”

“แพนไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย” พรนางฟ้าย่นคิ้วทั้งยังส่ายหน้าพร้อมกัน “ถ้าคุณเกรซไม่มีอะไรแล้ว แพนขอกลับไปทำงานต่อนะ” พรนางฟ้าก้มศีรษะแทนการขอตัว

“เดี๋ยวสิจ๊ะแพน ไหนบอกให้เกรซฟังทีสิ ว่าทำไมรูปถึงไปอยู่ที่โต๊ะของแพนล่ะ ถ้าแพนหวงนักก็น่าจะบอกกันตั้งแต่เมื่อวาน จะได้ไม่ต้องให้แม่บ้านมายกขึ้นลงให้ลำบากกันไปทุกคน” ปลายประโยคยังคงเป็นน้ำเสียงตำหนิอย่างสุภาพตามเคย

“พอดีคุณคิรินทร์มาดูว่าแพนเอารูปวางตรงไหน แล้วเขาก็แนะนำว่าวางตรงนั้นจะเหมาะกว่า เขาเลยจัดการย้ายให้แพนน่ะ” พรนางฟ้าหมุนกายออกจากห้อง ประโยคสุดท้ายที่ดังลอยตามลมมาก็คือ “จะว่าไปมันก็เป็นรูปของเรานี่นา เราเอาไปไว้ที่โต๊ะตัวเองก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ เกรซมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจก็ไม่รู้ เฮ้อ...”

คำพูดจากใจนั้นจุดอารมณ์คนฟังได้ชะงัดนัก สุภัทรชาตวาดแหวทันที “บ้า! ฉันไม่ต้องทำอะไรทุเรศๆแบบนั้นหรอก ถ้าอยากได้ของสั่วๆนี่ ฉันซื้อเองได้ ไม่ต้องมานั่งแบมือรอใครมายกให้เหมือนทำทานอย่างเธอ แพนน่าจะทำตัวให้มีศักดิ์ศรีกว่านี้นะ ไปรับของเขามาง่ายๆแบบนี้ คนเขาจะมองไม่ดี” ตอนท้ายสุภัทรชาไม่ลืมเปลี่ยนมาเป็นโหมดเพื่อนที่แสนดี

พรนางฟ้าเบะปาก “เราต้องขอบคุณ สำหรับความหวังดีที่เราไม่ต้องการไหมเนี้ย!”



>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

[1] ในการประกวดราคาของหน่วยงานราชการ ผู้ประมูลต้องยื่นซองบรรจุราคา แนบแผ่นพับของสินค้าทุกชนิดรวมถึงใบอนุญาตและเอกสารต่างๆตามที่ทางการแจ้งความจำนงตามวันเวลาที่กำหนด

[2] กลุ่มบริษัทที่จับมือกันทำราคาเพื่อยื่นประมูลให้แตกต่างกันไม่มาก โดยกำหนดตัวผู้ชนะการประมูลไว้แล้ว บรรดาคู่ฮั้วทั้งหลายมักได้ค่าตอบแทนสำหรับการขอยืมชื่อมายื่นซองประกวดราคา



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2556, 00:00:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2556, 00:00:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1558





<< ตอนที่ ๑ (๕๐%)   ตอนที่ ๒ (๕๐%) >>
สิริณ 1 ส.ค. 2556, 00:07:46 น.
ไหนใครเคยเจอเจ้านาย - เพื่อนร่วมงานแบบนี้บ้าง ยกมือขึ้นนนน 5555
มาเม้าธ์มอยกันได้นะคะ
หรือถ้าจะช่วยกัน กดปุ่ม "ชอบก็จิ้มเลย" ก็จะขอบคุณมากๆๆๆๆ :D


อสิตา 1 ส.ค. 2556, 06:25:48 น.
ข้อมูลสาวออฟฟิศเป๊ะมาก วันนี้ผีเสื้อสามสีบินเรียงกันมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางยันเช้า


ภาวิน 1 ส.ค. 2556, 06:35:11 น.
คุณเกรซนี่ น่ากลัวจริงๆ


ปลายสี 1 ส.ค. 2556, 09:43:43 น.
คุณเกรซน่าหมั่นไส้มากก


ริญจน์ธร 1 ส.ค. 2556, 10:12:15 น.
วันนี้มีผีเสื้อสามสีเลย


Sukhumvit66 1 ส.ค. 2556, 18:18:09 น.
พรนางฟ้า เปลี่ยนไป๊!


บุลินทร 1 ส.ค. 2556, 19:44:12 น.
ผีเสื้อสามสีบินเรียงกันสวยงาม


จิรารัตน์ 13 ส.ค. 2556, 14:58:28 น.
เป็นเจ้านายที่ไม่น่าคบหาที่ซู้ดดดด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account