เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต
ตอน: ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู
“จริงๆนะคุณหนูวนัส ผมไม่เคยเจอใครที่เห็นหน้าแล้วก็เกลียดขี้หน้ากันทันทีอย่าง
ไอ้ตี๋ที่ขับรถมาชนผมเมื่อวานเลย มันว่าไงรู้ไหมครับ...มันว่ามันอยู่แต่เมืองนอก
ไม่ชินกับรถพวงมาลัยขวา ลองคิดดูนะ ฝรั่งอย่างผมถูกไอ้ตี๋คนนึงพูดใส่หน้ายังงั้นน่ะ”
วาริชว่าพลางหัวเราะร่วน เหมือนไม่ได้โกรธเกรี้ยวอะไรตามที่บอกว่าโกรธเลย
เมื่อวนัสสาซึ่งออกมาเดินเล่นตอนสายเห็นเขาเอารถสีบรอนซ์คันใหม่มาจอดเปลี่ยนไว้แทนที่คันดำ
“ดีนะคะ แค่รถพัง คนไม่พังไปด้วย”
“ครับ เพราะถ้าเป็นงั้นก็คงไม่มีใครรับซ่อม ไม่มีใครดูแล...แย่”
วนัสสาหัวเราะกับน้ำเสียงของเขาที่ดูเป็นการแหย่ให้เธอขำมากกว่าการจีบจริงจัง
ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ เห็นเจ้าของร่างบางยกแขนขึ้นกอดอกคล้ายพยายามสร้างเกราะป้องกัน
ที่มองไม่เห็นด้วยอาการนั้น เขาตัวใหญ่ แล้วก็รู้สึกว่าเธอตัวเล็กนิดเดียว สวยน่ารักด้วยผิวขาวแปลกตา
ผมสีน้ำตาลไหม้ กับดวงตาน้ำตาลอ่อนกว่าสาวไทยทุกคนที่เคยพบ ทั้งยังถูกขับให้ชวนมองยิ่งขึ้นด้วยขี้แมลงวัน
ที่ริมหางตาข้างซ้าย วาริชถามตัวเองว่าจะจัดการอย่างไรดีให้สมกับความน่ารักของเธอ จีบจริงๆเสียเลยดีไหม...
เจอคนสวยมาก็มาก แต่อย่างเธอที่อยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ บอกตรงๆว่านางเอกแถวหน้าก็คงสู้รัศมีได้ยาก
ทว่าชั่วอึดใจนั้น เสียงคำรามของรถญี่ปุ่นคันหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมกับกระบังหน้าของรถสีขาวนั้น
เคลื่อนเข้ามาจ่อ ยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะเข้าจอดให้ได้ตรงช่องจอดรถที่ทั้งคู่ขวางอยู่
“อะไรของมัน ที่ว่างมีตั้งเยอะไม่รู้จักเสียบเข้าไป”
เมื่อเห็นวาริชยังยืนกร่างคล้ายอยากจะท้าทายวนัสสาจึงเป็นฝ่ายดึงแขนเขาหลบ
“คงคิดว่าจอดตรงนี้เดินใกล้ดีมังคะ”
หญิงสาวเปรยทั้งที่ก็รู้สึกขวางเจ้าของรถที่ทำเร่งเครื่องใส่อย่างเสียมารยาทอยู่เหมือนกัน
“เห็นแล้วอารมณ์เสีย ไอ้รถนี่หน้าตายังกับรถคันเมื่อวานที่ผม...”
ประตูด้านคนขับเปิดออก และทันทีที่วาริชเห็นตัวคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้พักรายใหม่
วนัสสาก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มนิ่งอั้นไป ก่อนจะสบถออกมา
“ไอ้หมอนี่เลย! ไอ้ตี๋คนเมื่อวาน ซวยจริงๆ ดันมาเจอเข้าอีก” สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยเสียงต่ำห้าว
วนัสสาเห็นตัวเขาทีหลังเพราะวาริชเอาร่างสูงหนาบังเธอไว้ครึ่งๆ หญิงสาวก้าวออกไปมองอย่างสนอกสนใจ
คนมีเรื่องกันเกิดจะมาพักอยู่บ้านเดียวกันงั้นหรือ แบบนี้ท่าจะไม่ค่อยดี ทว่าทันทีที่เห็นเขา
เธอกลับตะลึงยิ่งกว่าวาริช รู้สึกราวความจำในห้วงลึกถูกกระตุกแรง ไม่ใช่ความจำในช่วงที่หลงลืมไป
แต่เป็นเวลาก่อนหน้านี้นานหลายปี...
ที่จริงไม่ควรจะเรียกว่าไอ้ตี๋ได้เลย แต่เพราะวาริชคงมีอคติเต็มเหนี่ยวกับผู้ชายตรงหน้า
ดวงตาคมปานเหยี่ยว คิ้วที่ปาดป้ายเฉียงขึ้นไปราวกับถูกวาดไว้ด้วยพู่กันจีน จมูกเขาโด่ง
หน้าขาวเรียวได้รูปเฉียบเหมือนมีเชื้อคนตะวันตกอยู่ส่วนหนึ่งแม้จะไม่มากเท่าวาริช
และส่วนสูงของเขาก็ดูจะน้อยกว่าสัตวแพทย์หนุ่มหุ่นนักว่ายน้ำโอลิมปิกที่ยังยืนปักหลัก
แผ่รังสีอำมหิตคล้ายจะคุ้มกันเธอไว้จากชายผู้มาใหม่อยู่กลายๆ
ร่างสูงเพรียวได้ส่วนเดินมาเปิดกระโปรงท้ายรถ คว้าของที่ต้องการเสร็จก็ปิดมันลงแรงๆ
ยามเมื่อถือกระเป๋าหนังดำทรงเหลี่ยมซึ่งดูแพงระยับดีไซน์ทันสมัยนั้นไว้ไหล่กว้างของเขา
แทบไม่ลู่ลงตามน้ำหนักของมันเลย บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนทระนงและรักษามาดพร้อมไว้เสมอ
เขาคงจะเห็นแต่แรกแล้วว่ามาเจอเอากับคู่กรณีเมื่อวันวานอีกหนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมเขายังเหมือนอย่างที่วนัสสาจำได้คือแสกข้าง ตัดไว้คล้ายผมของสตรีแต่ช่วงปลายถูกซอยให้
โค้งงอหลบเข้าหาท้ายทอย ชายหนุ่มเอาผมทัดหูไว้ทั้งสองข้าง เปิดให้เห็นไรเคราและจอนสีเขียวจางๆ
ตัดกับผิวขาวเหลืองอย่างน่าดู หน้าตาแบบนี้ บุคลิกโดดเด่นอย่างนี้ ไม่มีทางที่วนัสสาจะลืมอีกฝ่ายได้เลย
คนมาใหม่ตวัดหางตามองวาริชยามเดินผ่าน แล้วตาเรียวคมนั้นก็ย้ายมาสบกับสายตาของวนัสสา
เธอเห็นมันเปลี่ยนไปวูบ แต่แล้วเขาก็เดินผ่านหน้าทั้งคู่ไป ไม่คิดหยุดทักทาย
“รอยบุบเมื่อวานยังอยู่เลย หิ้วกระเป๋าเสียหรู แต่สงสัยไม่มีรถคันอื่นจะใช้” วาริชรำพึง
ตอนนั้นหญิงสาวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ได้แต่มองตามการเคลื่อนไหวของเขาไป
พร้อมๆกับที่ความทรงจำเก่าก่อนกำลังค่อยๆหลั่งไหลผุดขึ้นในใจ ถาโถมเข้ามาเหมือนกับสีสันที่พร่างพราย
คืนนั้นก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังจำทุกฉากทุกตอนได้ดี ที่สำคัญ เขาเป็น...ผู้ชายอีกคน
ที่เธอเคยสัมผัสได้ถึง ‘สีน้ำเงิน’ น้ำเงินเข้มลึกแต่สดใส...อย่างที่เรียกว่าอินดิโก้บลู
หลายปีก่อน เธอตัดสินใจออกไปเที่ยวกลางคืนกับเฟย์ครั้งแรก
ไม่แปลกสำหรับวัยรุ่นชายหญิงสมัยนี้ที่จะอยากรู้อยากเห็นโลกซึ่งตนเองไม่เคยพบพาน
เฟย์โตกว่าวนัสสาปีหนึ่งจึงอายุยี่สิบพอดี แต่เธอเองยังอายุสิบเก้า เรียกได้ว่าไม่ถึงเกณฑ์
จะเข้าสถานบันเทิงยามราตรีที่บางแห่งสิบแปดก็ปล่อยเข้าแล้ว แต่บางแห่งต้องยี่สิบเป็นมาตรฐาน
‘น่า นะคะ พี่รูปหล่อให้เพื่อนพวกหนูเข้าไปด้วยเถอะ อีกไม่กี่เดือนก็ยี่สิบแล้ว หยวนๆหน่อยนะ’
อาจเพราะหน้าตาดีจนใช้ช่วยยกระดับสถานที่ได้ด้วยอย่างหนึ่ง สุดท้ายเธอก็หลุดผ่านคนเฝ้าประตู
เข้าไปจนได้เพราะเพื่อนๆช่วยกันใช้ลูกอ้อน ก็อย่างว่า สมัยนี้ลองมีเงิน ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ
วนัสสาเองเป็นคนกล้า อีกอย่างเธอก็ไม่อยากจะทำให้งานกร่อยเมื่อคนอื่นที่อยากสนุกจะต้องมาติดแหง่ก
เพราะตัวเองเข้าไม่ได้คนเดียว ลงตัดสินใจออกมาด้วยกันแบบนี้ ถึงไหนก็ต้องถึงกัน...
เพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างเฟย์นั้นสวมกระโปรงยีนกับเสื้อยืดมีสายเชือกโยงไปผูกไว้หลังคอ
ทับเกาะอกสีสดข้างใน ส่วนวนัสสาเองเป็นกางเกงยีนและเสื้อกล้ามสปอร์ตสีเหลืองเข้มตัวโปรด
พิมพ์ลายตัวเขียนอ่อนช้อยสีดำไว้ที่อกว่า Lady และบรรทัดล่าง LoveLess พร้อมทั้งรูปหัวใจถูกขีดฆ่า
อย่างกับจะท้าทายให้ใครมาพิชิตใจอย่างไรอย่างนั้น เธอคิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะเพื่อนชายสามคน
ที่เรียนมาด้วยกันไม่ใช่พวกฉวยโอกาส และก็คงจะปกป้องผู้หญิงทั้งห้าซึ่งพวกเขาพามาเป็นอย่างดี
มาย้อนคิดดูแล้ว คืนนั้นอาจยังเป็นโชคดีของวนัสสาที่ไม่ต้องเจอบทเรียนหรือประสบการณ์แย่ๆ
อาจเพราะสถานที่ที่เธอกับเพื่อนเลือกไปไม่ได้เลวร้ายแต่อยู่ในระดับดีพอใช้ มีผับส่วนกลาง
แล้วก็มีแยกแตกแขนงออกไปเป็นห้องคาราโอกะห้องใหญ่น้อยกั้นด้วยกระจกใส
ดังนั้นเมื่อชักเริ่มเบื่อกับบรรยากาศโหวกเหวกทั้งกลุ่มก็ย้ายกันเข้าไปในห้องคาราโอเกะ
ซึ่งเป็นสัดส่วนกว่ากัน
ในขณะที่เพื่อนๆดื่มเบียร์ เฟย์กับวนัสสายืนยันจะดื่มเป๊บซี่ที่ถูกเพิ่มราคาจนแพงหูฉี่ในสถานที่เช่นนี้
น้ำเมาน่ะหรือ ไม่ว่าใครต่อใครลองถ้าได้เข้าคณะอย่างศิลปกรรมก็ถูกรุ่นพี่บังคับให้กระดกตั้งแต่รับน้อง
หรือตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นแล้ว ตอนนี้พวกเธออยู่ปีสาม เลยช่วงที่จะตื่นเต้นกับของแบบนั้นมานานโข
‘ขมจะตายไปไม่เห็นอร่อย พวกเรามันผู้หญิงหวานซ่าเนอะเฟย์’
วนัสสาทำท่าโงนเงนอย่างแกล้งเมาดิบเอ่ยสนุกสนาน
‘นั่นสิ เพราะคิดตรงกันตลอดอย่างนี้ปะป๊าเธอถึงได้ว่าเราเป็นแฝดคนละฝาอยู่เรื่อย เฮ้อ
ก็มีแต่พ่อเธอนี่แหละน้าวนัส ที่ชอบฉัน พ่อแม่คนอื่นรวมถึงแม่เลี้ยงเธอเอาแต่จะว่าฉันพาลูกเสียเด็ก’
ทั้งหมดร้องคาราโอเกะกันทั้งเพลงไทยและเทศไปจนถึงลูกทุ่ง โดยมีวนัสสาซึ่งเก่งเรื่องเต้นกว่าใคร
ทำหน้าที่เป็นแด๊นเซอร์ให้เพื่อนๆได้กรี๊ดกร๊าดและเต้นตามกัน แม้แต่พวกผู้ชายก็ลุกขึ้นส่ายสะโพกไปด้วย
รวมๆแล้วก็ออกมาเป็นภาพที่น่าขำสิ้นดี
ทีแรกไม่มีใครสังเกต ว่ามีฝรั่งผมทองตาน้ำข้าวหน้าทะเล้นคนหนึ่ง เริ่มจากมายืนดูพวกเขาเงียบๆอยู่หน้าห้อง
กระจก พอวนัสสาเห็นจึงสะกิดให้เฟย์ดูหนุ่มคนดังกล่าว
‘บ้าจริงเชียว สุดหล่อนี่เสียมารยาทมายืนมองสาวเต้น’
เฟย์บ่นคิกคัก ยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายชักเริ่มออกท่าเต้นตามอยู่นอกห้อง
‘ดีเนอะ ถ้าหน้าเห่ยคงว่าโรคจิต พอหล่อหน่อยแถมเป็นฝรั่ง ทำอะไรก็น่ารักไปหม๊ด---’
เพื่อนชายคนหนึ่งส่งเสียงอ้อแอ้ล้อเลียนอย่างไม่จริงจัง
‘แน่ะดูสิ เต้นท่าเซิ้งก็เป็นด้วย’ เพื่อนสาวอีกสองคนอุทานอย่างเอ็นดู
สุดท้ายชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ถูกดึงตัวเข้ามาเต้นด้วยกันในห้องท่ามกลางเสียงหัวเราะ
เขาเมาหน่อยๆและพอจะพูดไทยแบบเพี้ยนๆได้ ซึ่งเพื่อนทุกคนแม้แต่พวกผู้ชายก็เห็นว่าตลกดี
‘พ้มนายลอเรนซ์คร้าบ ยินดีที่ได้รู้จัก’
‘เป็นนักท่องเที่ยวเหรอคะ’ เฟย์ชวนคุย
‘เพิ่งย้ายมาทำงานที่เมืองทายคร้าบ คนปราเทศนี้น่ารักทุกคนเลย’ หนุ่มผมทองเริ่มหยอดด้วยมุก
ที่คงจะใช้ได้ผลมาหลายทีแล้วก่อนจะเต้นสะบัดต่อไปตามเพลง เต้นไปเม้าท์ตอบเหล่าเจ้าบ้านที่
สนุกกับการยั่วแหย่ไม่หยุดหย่อนไป
ดีตรงเพื่อนชายที่มาด้วยกับกลุ่มของวนัสสานั้นก็พอจะดูคนเป็น ไม่ใช่เห็นคนแหยมเข้ามาก็เขม่นแหลก
จึงไม่มีใครว่าอะไรกับการที่มีเพื่อนใหม่ต่างชาติมาดึงความสนใจของสาวๆในกลุ่มไป ลอเรนซ์สนุกสนาน
อยู่กับหนุ่มๆสาวๆชาวไทยเป็นครู่ใหญ่ จนที่สุด คนในห้องก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนจับจ้องเข้ามา
เขาไม่จ้องเปล่า ยังเดินมาเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาอีกด้วย
‘โอ้ว-- แย่แล้ว เพื่อนพ้มมาตามจิก’
ชายต่างชาติร้องด้วยสำนวนไทยๆสมัยใหม่ที่คงจะติดมาจากคนรอบข้าง เรียกเสียงหัวเราะขึ้นได้อีก
คนหล่อระเบิดที่มาใหม่นั้นมีเค้าหน้าเหมือนคนไทยผสมจีนฮ่องกงรวมกันแต่หนักไปทางจีนเป็นเอก
โดยเฉพาะทั้งคิ้วและตาของเขาที่ราวกับตวัดเอาไว้ด้วยพู่กันฝีมือศิลปิน แต่บางอย่างในรูปหน้า
ก็พอจะบอกได้ว่ามีเชื้อตะวันตกปนเปอยู่ในสายเลือดของเขาด้วย
‘ขอโทษที เพื่อนผมเมาแล้วชอบทำตัวเกะกะ ผมจะลากมันกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ’ หนุ่มหน้านิ่งผู้มาใหม่ว่า
‘โอ๊ย--- อะไรกันคะกำลังสนุกกันอยู่เลย อย่าเพิ่งไปซี่ ว่าแต่คุณเถอะ ถ้าไม่รังเกียจก็มาแด๊นซ์กับพวกเรา
แบบลอเรนซ์ไม่ดีกว่าเหรอคะ’ สาวๆไม่พูดเปล่า พากันช่วยปิดทางหนีของหนุ่มหล่อเสียอีกด้วย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ไม่เชิงว่าจะยิ้มแต่ก็ไม่บึ้ง เขาเอียงคอมองแต่ละคนเต้นกระแทกกระทั้น
ไปตามจังหวะหนักหน่วงของดนตรี วนัสสาคิดว่าหากเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยมาพอสมควรคงดูรู้
ว่ากลุ่มของเธอไม่ใช่พวกกร้านราตรี แต่ก็มีใจเสรีพอที่จะไม่เคอะเขินกับเพื่อนใหม่ เขามองไล่ไปทีละคน
แล้วก็มาหยุดตรงวนัสสานี่เอง
ท่ามกลางแสงไฟหลากสีซึ่งฉาบฉายลงมา ไล่เป็นเฉดอย่างมีศิลป์
เขียว เหลือง แสด แดง ชมพู ม่วง คราม...น้ำเงิน แล้วเธอก็เห็นว่าเขาดูเหมาะกับโทนสีสุดท้ายเป็นที่สุด
‘อินดิโก้ ชาง ผมเรียกมัน อินดี้... แต่แกชอบให้เพื่อนคนไทยเรียกว่าไงนะ’
เจ้าตัวไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้าปรามลอเรนซ์
‘ชื่ออินดี้น่ารักดี’ เพื่อนของวนัสสาเอ่ย ‘มาร่วมวงกับพวกเราเถอะค่ะ คุณพูดไทยได้นี่ ร้องเพลงไทยเป็นหรือเปล่า’
‘ผมไม่ถนัด’ ชายหนุ่มว่า
‘เต้นล่ะ’ สาวคนเดิมยังเย้า
‘ท่าทางจะไม่ไหวหรอก ให้เขานั่งดูคนอื่นไปแล้วกัน’ วนัสสาเห็นคนหน้าขรึมแล้วก็หมั่นไส้เลยพูดแบบนั้นออกไป
เขาหันมายังเธออีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่คล้ายจะถือตัวทว่าดวงตานั้นมีแววยิ้มๆ กึ่งเยาะกึ่งขำเอ็นดู
อย่างไรบอกไม่ถูก คล้ายเจ้าตัวก็ยังไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเธอที่ดูเป็นของแปลกในสายตาเขา
คงเหมือนกับใครๆซึ่งแปลกใจยามเห็นสาวรูปร่างหน้าตาเหมือนตุ๊กตาเต้นได้แทบไม่ต่างจากชากีร่า
ที่กำลังส่ายสะโพกดอกไม้ไหวกับ Whenever Wherever เพลงซึ่งแม้จะออกมาหลายปีแล้ว
แต่ก็เป็นเพลงดังข้ามโลกที่ใครไม่รู้จักก็เห็นจะไม่ใช่หนุ่มสาวของยุคนี้อย่างแน่นอน
ทุกคนดูเหมือนจะคาดไม่ถึง เมื่อหนุ่มตี๋อินเตอร์ก้าวยาวๆไปยืนต่อหน้าวนัสสา แล้วเริ่มเต้นประชัน
กับเธออย่างไม่ยอมแพ้ สาวๆส่งเสียงกรี๊ดกันจนห้องแทบแตก ...ในขณะทำเรื่องสุดโต่งนั้น
หน้าเขาแทบไม่ได้เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแววตาที่เจิดจ้า ท้าทาย
หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ หายากที่จะมีผู้ชายเต้นสู้เธอได้ขนาดนี้ อย่างน้อยเขาก็คงจะเรียนมา
หรือสนใจอย่างจริงจัง แน่ละ เธอเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน กับเพลงนี้เธอเต้นตามได้เป๊ะอย่างกับ
เจ้าของเพลงมาเอง เพราะติดใจลีลาเหมือนนักระบำหน้าท้องยุคใหม่ เอามาหัดเต้นตามได้ทั้งเพลง
แต่ดูท่าคู่ต่อสู้เองก็เต้นได้โดยไม่ต้องดูจอเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นพวกตุ้งติ้ง ถึงได้แม่นท่าเพลงที่
ครองใจชาวสีม่วงแบบนี้ ทว่าท่าเต้นของเขาแม้จะพลิ้วไหวก็ยังดูหนักแน่นอย่างผู้ชายมากกว่า
บ้าจริง...เจ้าพวกนี้เห็นเธอกับนายอินดิโก้เต้นกันได้แบบสุดๆเลยกดเพลงเดิมซ้ำรอบสอง
วนัสสาก็เลยจำต้องส่ายแบบไม่ให้พลาด ไม่คิดจะยอมแพ้เขาเหมือนกัน คนอะไร ทำหน้านิ่งๆ
แต่ยังทะลึ่งมาเต้นประชันเธอได้เป็นวรรคเป็นเวร จะหลุดยิ้มสักนิดก็ไม่มี
‘เพื่อนคุณชื่ออะไร ลีลาใช้ได้’
แน่ะ แทนที่จะถามกับตัวเธอเขากลับหันไปถามยายเฟย์เสียอีก ซึ่งฝ่ายนั้นก็หัวเราะร่วน ตอบยาวแบบไม่กั๊ก
‘วนัสสาค่ะ คนตั้งจงใจให้หมายถึงผีเสื้อ มาจากคำว่าวาเนสซ่า
น่าจะเรียกง่ายกว่าถ้าสำหรับคนพูดไทยไม่ชัดแบบลอเรนซ์ ใช่ไหมวนัส’
‘ผีเสื้องั้นเหรอ...’ ชายหนุ่มหันมาเปรยกับเธอ แล้วก็เผยยิ้มมุมปากออกมาหน่อยหนึ่งเป็นครั้งแรก
ยิ่งทำให้หน้าของเขาเฉี่ยวชวนมองยิ่งขึ้นไปอีก
หญิงสาวเมินไปจากตาเรียวคมสองชั้นหลบใน แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่หยุดเต้นเธอเองก็ไม่หยุด
จนเพลงเปลี่ยนไปหลายเพลง บริทนี่ย์ สเปียร์ ไล่มาบียอนเซ่ พอไม่รู้ท่าเต้นทั้งคู่ก็ยังด้นสด
กันไปได้เองจนคนดูเหนื่อยแทน จังหวะหนึ่งมีเพื่อนตัวดีแกล้งเต้นเอาสะโพกมาชนวนัสสา
จนหญิงสาวเซไปปะทะเขาเข้า มือของอินดิโก้สัมผัสแขนเธอ ดูเหมือนเขาจะตกใจเล็กน้อย
คิดว่าเธอเต้นมากจนลมจับหรืออะไรแบบนั้น ทั้งคู่ไม่มีเหงื่อเพราะอากาศในนี้เย็นเฉียบ
แต่วนัสสากำลังเขินจนรู้สึกว่าหน้าจนตลอดไปถึงตัวเธอคงจะแดงเป็นกุ้งไปหมดแล้ว
ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็ยังงันไปกับสีสันแห่งความรู้สึกของเขาที่เธอได้เห็น สีน้ำเงิน...
ไม่ใช่อารมณ์โศกเศร้า แต่ดูเย็นเยือกลึกซึ้งราวกับเขาจะเป็นสีนี้อยู่ตลอดเวลา
น้ำเงินที่ลึกลับและซ่อนเร้น เป็นประกายราวหมอกควันระยิบระยับม้วนเกลียวอยู่รอบๆตัวเธอ
‘ดูท่าทางอินดี้จะถูกใจเพื่อนฉัน...’ เฟย์พูดเสียงไม่เบาเลย
‘แต่วนัสคงไปกับหนุ่มต่างชาติได้ยากหน่อย เพราะแม่คนนี้ปวารณาตัวจะถือเพศพรหมจรรย์
จนกว่าจะสิ้นอายุขัยไปเลยละมั้ง’ เพื่อนหญิงอีกคนหัวเราะ
‘ก็จริงนะ แล้วก็อย่าคิดลองดีเลย เพราะพ่อเขาเป็นมาเฟียเมืองไทย
ตามเก็บหนุ่มๆไปเสียนักต่อนักละ ไม่ได้ล้อเล่นนะ’ เพื่อนชายในกลุ่มเอ่ยอย่างอยากจะแกล้งขู่
สองคนที่กำลังถูกพูดถึงเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น มีแต่ลอเรนซ์ซึ่งเมาได้ที่
เลยส่งเสียงหัวเราะร่วนเอิ๊กๆแทนเพื่อน
อินดิโก้มองเธอนิ่ง ยังมีรอยยิ้มพราวในดวงตาของเขาเมื่อวนัสสารู้สึกตัวในที่สุดและรีบร้อนผละออก
ก่อนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อาจคิดไปเองว่าสายตานั้นยังมองตามเธอมาไม่หยุดหย่อน
แต่แล้วในค่ำคืนที่กำลังสนุกสนานนั้นเอง เธอกลับได้รับโทรศัพท์ด่วนว่าพ่อมีอาการโรคหัวใจกำเริบ
หญิงสาวเลยโทรหาเฟย์ที่เร่งร้อนตามออกมาด้วยเพื่อไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อน เป็นอันว่าไม่ได้
กลับไปบอกลาใคร และหลังจากหายป่วยครั้งนั้นเพียงไม่นานบิดาของวนัสสาก็มีอันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นั่นยิ่งทำให้เธอไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น รวมถึงแทบไม่ได้คิดถึงชายคนที่เข้ามากวนใจผู้มีนามเป็น
เฉดหนึ่งของสีน้ำเงินคนนั้นอีกเลย
...แสง สี เสียงในความคิดถอยหลังห่างออกไป
เฉดสีความรู้สึกของเขายังเป็นอินดิโก้บลูที่สดใสและสวยงามสมชื่ออยู่ไหม
แต่สายตาของเขาวันนี้มองเธอไม่เหมือนคราวนั้น จำเธอไม่ได้หรือ... เป็นไปไม่ได้หรอก
แต่จะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปไหม คนอย่างเขา การไปพบเจอสาวคนใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน
คิดอีกทาง ถ้าเรื่องราวซึ่งซ่อนอยู่ในความทรงจำที่หายไปของวนัสสาคือสาเหตุให้เขาปรายตา
มองเธออย่างที่เห็นล่ะ เกิดอะไรไม่ดีขึ้นรึเปล่า
ก็ทั้งที่น่าจะมีสายตาที่แสดงให้เห็นว่ารู้สึกดีๆต่อกันกว่านี้ไม่ใช่หรือยังไง
เต้นเก่งถึงอย่างนั้นและวนเวียนมาเกี่ยวข้องกับที่นี่ ...เป็นไปได้ไหมว่าคนที่เต้นรำกับเธอ
คืนสวมหน้ากากนั้นจะเป็นเขา หรือมันจะเป็นการเชื่อมโยงที่ไกลเกินไป
ชายผู้เป็นแขกคนใหม่ของคฤหาสน์สีน้ำเงินกวาดตาไปทั่วๆ ใช้เวลาเพียงวูบ
แต่ก็ไม่คิดจะพลาดรายละเอียดแม้เพียงเสี้ยวเดียว... ขาพาร่างสูงก้าวยาวๆผ่านโถง
ตรงไปยังบันไดโดยไม่รั้งรอหัวหน้าพ่อบ้านชราที่พยายามก้าวตามมาให้ทัน
“เดี๋ยวครับมิสเตอร์อินดิโก้ คุณมาถึงก่อนเวลา ข้าวของบางอย่างในห้องอาจยังเตรียมไว้ไม่พร้อมนัก”
“ช่างเถอะ...คุณอยากจะไปทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกับผมหรอก”
ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าของตนขึ้นไปจนถึงกลางบันไดหันไปส่งสายตาเย็นเยียบ
เสียงเขาเรียบทว่ากดดันในที ท่ายืนตัวตรงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าขณะกล่าว
“ผมไม่สนใจเรื่องจุกจิกพวกนั้น แล้วก็รู้ดีว่าที่นี่อะไรเป็นอะไร...เบ็น”
พ่อบ้านผู้ผึ่งผายเกินวัยคล้ายสะดุ้งน้อยๆกับคำเรียกชื่อ ชายชราหลบตาชายหนุ่มวูบ
ก่อนจะตัดสินใจโค้งสุภาพแล้วถอยจากไปเงียบๆ ไม่รบกวนผู้มาใหม่อีกต่อไป
ไอ้ตี๋ที่ขับรถมาชนผมเมื่อวานเลย มันว่าไงรู้ไหมครับ...มันว่ามันอยู่แต่เมืองนอก
ไม่ชินกับรถพวงมาลัยขวา ลองคิดดูนะ ฝรั่งอย่างผมถูกไอ้ตี๋คนนึงพูดใส่หน้ายังงั้นน่ะ”
วาริชว่าพลางหัวเราะร่วน เหมือนไม่ได้โกรธเกรี้ยวอะไรตามที่บอกว่าโกรธเลย
เมื่อวนัสสาซึ่งออกมาเดินเล่นตอนสายเห็นเขาเอารถสีบรอนซ์คันใหม่มาจอดเปลี่ยนไว้แทนที่คันดำ
“ดีนะคะ แค่รถพัง คนไม่พังไปด้วย”
“ครับ เพราะถ้าเป็นงั้นก็คงไม่มีใครรับซ่อม ไม่มีใครดูแล...แย่”
วนัสสาหัวเราะกับน้ำเสียงของเขาที่ดูเป็นการแหย่ให้เธอขำมากกว่าการจีบจริงจัง
ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ เห็นเจ้าของร่างบางยกแขนขึ้นกอดอกคล้ายพยายามสร้างเกราะป้องกัน
ที่มองไม่เห็นด้วยอาการนั้น เขาตัวใหญ่ แล้วก็รู้สึกว่าเธอตัวเล็กนิดเดียว สวยน่ารักด้วยผิวขาวแปลกตา
ผมสีน้ำตาลไหม้ กับดวงตาน้ำตาลอ่อนกว่าสาวไทยทุกคนที่เคยพบ ทั้งยังถูกขับให้ชวนมองยิ่งขึ้นด้วยขี้แมลงวัน
ที่ริมหางตาข้างซ้าย วาริชถามตัวเองว่าจะจัดการอย่างไรดีให้สมกับความน่ารักของเธอ จีบจริงๆเสียเลยดีไหม...
เจอคนสวยมาก็มาก แต่อย่างเธอที่อยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ บอกตรงๆว่านางเอกแถวหน้าก็คงสู้รัศมีได้ยาก
ทว่าชั่วอึดใจนั้น เสียงคำรามของรถญี่ปุ่นคันหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมกับกระบังหน้าของรถสีขาวนั้น
เคลื่อนเข้ามาจ่อ ยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะเข้าจอดให้ได้ตรงช่องจอดรถที่ทั้งคู่ขวางอยู่
“อะไรของมัน ที่ว่างมีตั้งเยอะไม่รู้จักเสียบเข้าไป”
เมื่อเห็นวาริชยังยืนกร่างคล้ายอยากจะท้าทายวนัสสาจึงเป็นฝ่ายดึงแขนเขาหลบ
“คงคิดว่าจอดตรงนี้เดินใกล้ดีมังคะ”
หญิงสาวเปรยทั้งที่ก็รู้สึกขวางเจ้าของรถที่ทำเร่งเครื่องใส่อย่างเสียมารยาทอยู่เหมือนกัน
“เห็นแล้วอารมณ์เสีย ไอ้รถนี่หน้าตายังกับรถคันเมื่อวานที่ผม...”
ประตูด้านคนขับเปิดออก และทันทีที่วาริชเห็นตัวคนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้พักรายใหม่
วนัสสาก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มนิ่งอั้นไป ก่อนจะสบถออกมา
“ไอ้หมอนี่เลย! ไอ้ตี๋คนเมื่อวาน ซวยจริงๆ ดันมาเจอเข้าอีก” สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยเสียงต่ำห้าว
วนัสสาเห็นตัวเขาทีหลังเพราะวาริชเอาร่างสูงหนาบังเธอไว้ครึ่งๆ หญิงสาวก้าวออกไปมองอย่างสนอกสนใจ
คนมีเรื่องกันเกิดจะมาพักอยู่บ้านเดียวกันงั้นหรือ แบบนี้ท่าจะไม่ค่อยดี ทว่าทันทีที่เห็นเขา
เธอกลับตะลึงยิ่งกว่าวาริช รู้สึกราวความจำในห้วงลึกถูกกระตุกแรง ไม่ใช่ความจำในช่วงที่หลงลืมไป
แต่เป็นเวลาก่อนหน้านี้นานหลายปี...
ที่จริงไม่ควรจะเรียกว่าไอ้ตี๋ได้เลย แต่เพราะวาริชคงมีอคติเต็มเหนี่ยวกับผู้ชายตรงหน้า
ดวงตาคมปานเหยี่ยว คิ้วที่ปาดป้ายเฉียงขึ้นไปราวกับถูกวาดไว้ด้วยพู่กันจีน จมูกเขาโด่ง
หน้าขาวเรียวได้รูปเฉียบเหมือนมีเชื้อคนตะวันตกอยู่ส่วนหนึ่งแม้จะไม่มากเท่าวาริช
และส่วนสูงของเขาก็ดูจะน้อยกว่าสัตวแพทย์หนุ่มหุ่นนักว่ายน้ำโอลิมปิกที่ยังยืนปักหลัก
แผ่รังสีอำมหิตคล้ายจะคุ้มกันเธอไว้จากชายผู้มาใหม่อยู่กลายๆ
ร่างสูงเพรียวได้ส่วนเดินมาเปิดกระโปรงท้ายรถ คว้าของที่ต้องการเสร็จก็ปิดมันลงแรงๆ
ยามเมื่อถือกระเป๋าหนังดำทรงเหลี่ยมซึ่งดูแพงระยับดีไซน์ทันสมัยนั้นไว้ไหล่กว้างของเขา
แทบไม่ลู่ลงตามน้ำหนักของมันเลย บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนทระนงและรักษามาดพร้อมไว้เสมอ
เขาคงจะเห็นแต่แรกแล้วว่ามาเจอเอากับคู่กรณีเมื่อวันวานอีกหนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมเขายังเหมือนอย่างที่วนัสสาจำได้คือแสกข้าง ตัดไว้คล้ายผมของสตรีแต่ช่วงปลายถูกซอยให้
โค้งงอหลบเข้าหาท้ายทอย ชายหนุ่มเอาผมทัดหูไว้ทั้งสองข้าง เปิดให้เห็นไรเคราและจอนสีเขียวจางๆ
ตัดกับผิวขาวเหลืองอย่างน่าดู หน้าตาแบบนี้ บุคลิกโดดเด่นอย่างนี้ ไม่มีทางที่วนัสสาจะลืมอีกฝ่ายได้เลย
คนมาใหม่ตวัดหางตามองวาริชยามเดินผ่าน แล้วตาเรียวคมนั้นก็ย้ายมาสบกับสายตาของวนัสสา
เธอเห็นมันเปลี่ยนไปวูบ แต่แล้วเขาก็เดินผ่านหน้าทั้งคู่ไป ไม่คิดหยุดทักทาย
“รอยบุบเมื่อวานยังอยู่เลย หิ้วกระเป๋าเสียหรู แต่สงสัยไม่มีรถคันอื่นจะใช้” วาริชรำพึง
ตอนนั้นหญิงสาวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ได้แต่มองตามการเคลื่อนไหวของเขาไป
พร้อมๆกับที่ความทรงจำเก่าก่อนกำลังค่อยๆหลั่งไหลผุดขึ้นในใจ ถาโถมเข้ามาเหมือนกับสีสันที่พร่างพราย
คืนนั้นก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังจำทุกฉากทุกตอนได้ดี ที่สำคัญ เขาเป็น...ผู้ชายอีกคน
ที่เธอเคยสัมผัสได้ถึง ‘สีน้ำเงิน’ น้ำเงินเข้มลึกแต่สดใส...อย่างที่เรียกว่าอินดิโก้บลู
หลายปีก่อน เธอตัดสินใจออกไปเที่ยวกลางคืนกับเฟย์ครั้งแรก
ไม่แปลกสำหรับวัยรุ่นชายหญิงสมัยนี้ที่จะอยากรู้อยากเห็นโลกซึ่งตนเองไม่เคยพบพาน
เฟย์โตกว่าวนัสสาปีหนึ่งจึงอายุยี่สิบพอดี แต่เธอเองยังอายุสิบเก้า เรียกได้ว่าไม่ถึงเกณฑ์
จะเข้าสถานบันเทิงยามราตรีที่บางแห่งสิบแปดก็ปล่อยเข้าแล้ว แต่บางแห่งต้องยี่สิบเป็นมาตรฐาน
‘น่า นะคะ พี่รูปหล่อให้เพื่อนพวกหนูเข้าไปด้วยเถอะ อีกไม่กี่เดือนก็ยี่สิบแล้ว หยวนๆหน่อยนะ’
อาจเพราะหน้าตาดีจนใช้ช่วยยกระดับสถานที่ได้ด้วยอย่างหนึ่ง สุดท้ายเธอก็หลุดผ่านคนเฝ้าประตู
เข้าไปจนได้เพราะเพื่อนๆช่วยกันใช้ลูกอ้อน ก็อย่างว่า สมัยนี้ลองมีเงิน ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ
วนัสสาเองเป็นคนกล้า อีกอย่างเธอก็ไม่อยากจะทำให้งานกร่อยเมื่อคนอื่นที่อยากสนุกจะต้องมาติดแหง่ก
เพราะตัวเองเข้าไม่ได้คนเดียว ลงตัดสินใจออกมาด้วยกันแบบนี้ ถึงไหนก็ต้องถึงกัน...
เพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างเฟย์นั้นสวมกระโปรงยีนกับเสื้อยืดมีสายเชือกโยงไปผูกไว้หลังคอ
ทับเกาะอกสีสดข้างใน ส่วนวนัสสาเองเป็นกางเกงยีนและเสื้อกล้ามสปอร์ตสีเหลืองเข้มตัวโปรด
พิมพ์ลายตัวเขียนอ่อนช้อยสีดำไว้ที่อกว่า Lady และบรรทัดล่าง LoveLess พร้อมทั้งรูปหัวใจถูกขีดฆ่า
อย่างกับจะท้าทายให้ใครมาพิชิตใจอย่างไรอย่างนั้น เธอคิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะเพื่อนชายสามคน
ที่เรียนมาด้วยกันไม่ใช่พวกฉวยโอกาส และก็คงจะปกป้องผู้หญิงทั้งห้าซึ่งพวกเขาพามาเป็นอย่างดี
มาย้อนคิดดูแล้ว คืนนั้นอาจยังเป็นโชคดีของวนัสสาที่ไม่ต้องเจอบทเรียนหรือประสบการณ์แย่ๆ
อาจเพราะสถานที่ที่เธอกับเพื่อนเลือกไปไม่ได้เลวร้ายแต่อยู่ในระดับดีพอใช้ มีผับส่วนกลาง
แล้วก็มีแยกแตกแขนงออกไปเป็นห้องคาราโอกะห้องใหญ่น้อยกั้นด้วยกระจกใส
ดังนั้นเมื่อชักเริ่มเบื่อกับบรรยากาศโหวกเหวกทั้งกลุ่มก็ย้ายกันเข้าไปในห้องคาราโอเกะ
ซึ่งเป็นสัดส่วนกว่ากัน
ในขณะที่เพื่อนๆดื่มเบียร์ เฟย์กับวนัสสายืนยันจะดื่มเป๊บซี่ที่ถูกเพิ่มราคาจนแพงหูฉี่ในสถานที่เช่นนี้
น้ำเมาน่ะหรือ ไม่ว่าใครต่อใครลองถ้าได้เข้าคณะอย่างศิลปกรรมก็ถูกรุ่นพี่บังคับให้กระดกตั้งแต่รับน้อง
หรือตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นแล้ว ตอนนี้พวกเธออยู่ปีสาม เลยช่วงที่จะตื่นเต้นกับของแบบนั้นมานานโข
‘ขมจะตายไปไม่เห็นอร่อย พวกเรามันผู้หญิงหวานซ่าเนอะเฟย์’
วนัสสาทำท่าโงนเงนอย่างแกล้งเมาดิบเอ่ยสนุกสนาน
‘นั่นสิ เพราะคิดตรงกันตลอดอย่างนี้ปะป๊าเธอถึงได้ว่าเราเป็นแฝดคนละฝาอยู่เรื่อย เฮ้อ
ก็มีแต่พ่อเธอนี่แหละน้าวนัส ที่ชอบฉัน พ่อแม่คนอื่นรวมถึงแม่เลี้ยงเธอเอาแต่จะว่าฉันพาลูกเสียเด็ก’
ทั้งหมดร้องคาราโอเกะกันทั้งเพลงไทยและเทศไปจนถึงลูกทุ่ง โดยมีวนัสสาซึ่งเก่งเรื่องเต้นกว่าใคร
ทำหน้าที่เป็นแด๊นเซอร์ให้เพื่อนๆได้กรี๊ดกร๊าดและเต้นตามกัน แม้แต่พวกผู้ชายก็ลุกขึ้นส่ายสะโพกไปด้วย
รวมๆแล้วก็ออกมาเป็นภาพที่น่าขำสิ้นดี
ทีแรกไม่มีใครสังเกต ว่ามีฝรั่งผมทองตาน้ำข้าวหน้าทะเล้นคนหนึ่ง เริ่มจากมายืนดูพวกเขาเงียบๆอยู่หน้าห้อง
กระจก พอวนัสสาเห็นจึงสะกิดให้เฟย์ดูหนุ่มคนดังกล่าว
‘บ้าจริงเชียว สุดหล่อนี่เสียมารยาทมายืนมองสาวเต้น’
เฟย์บ่นคิกคัก ยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายชักเริ่มออกท่าเต้นตามอยู่นอกห้อง
‘ดีเนอะ ถ้าหน้าเห่ยคงว่าโรคจิต พอหล่อหน่อยแถมเป็นฝรั่ง ทำอะไรก็น่ารักไปหม๊ด---’
เพื่อนชายคนหนึ่งส่งเสียงอ้อแอ้ล้อเลียนอย่างไม่จริงจัง
‘แน่ะดูสิ เต้นท่าเซิ้งก็เป็นด้วย’ เพื่อนสาวอีกสองคนอุทานอย่างเอ็นดู
สุดท้ายชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ถูกดึงตัวเข้ามาเต้นด้วยกันในห้องท่ามกลางเสียงหัวเราะ
เขาเมาหน่อยๆและพอจะพูดไทยแบบเพี้ยนๆได้ ซึ่งเพื่อนทุกคนแม้แต่พวกผู้ชายก็เห็นว่าตลกดี
‘พ้มนายลอเรนซ์คร้าบ ยินดีที่ได้รู้จัก’
‘เป็นนักท่องเที่ยวเหรอคะ’ เฟย์ชวนคุย
‘เพิ่งย้ายมาทำงานที่เมืองทายคร้าบ คนปราเทศนี้น่ารักทุกคนเลย’ หนุ่มผมทองเริ่มหยอดด้วยมุก
ที่คงจะใช้ได้ผลมาหลายทีแล้วก่อนจะเต้นสะบัดต่อไปตามเพลง เต้นไปเม้าท์ตอบเหล่าเจ้าบ้านที่
สนุกกับการยั่วแหย่ไม่หยุดหย่อนไป
ดีตรงเพื่อนชายที่มาด้วยกับกลุ่มของวนัสสานั้นก็พอจะดูคนเป็น ไม่ใช่เห็นคนแหยมเข้ามาก็เขม่นแหลก
จึงไม่มีใครว่าอะไรกับการที่มีเพื่อนใหม่ต่างชาติมาดึงความสนใจของสาวๆในกลุ่มไป ลอเรนซ์สนุกสนาน
อยู่กับหนุ่มๆสาวๆชาวไทยเป็นครู่ใหญ่ จนที่สุด คนในห้องก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนจับจ้องเข้ามา
เขาไม่จ้องเปล่า ยังเดินมาเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาอีกด้วย
‘โอ้ว-- แย่แล้ว เพื่อนพ้มมาตามจิก’
ชายต่างชาติร้องด้วยสำนวนไทยๆสมัยใหม่ที่คงจะติดมาจากคนรอบข้าง เรียกเสียงหัวเราะขึ้นได้อีก
คนหล่อระเบิดที่มาใหม่นั้นมีเค้าหน้าเหมือนคนไทยผสมจีนฮ่องกงรวมกันแต่หนักไปทางจีนเป็นเอก
โดยเฉพาะทั้งคิ้วและตาของเขาที่ราวกับตวัดเอาไว้ด้วยพู่กันฝีมือศิลปิน แต่บางอย่างในรูปหน้า
ก็พอจะบอกได้ว่ามีเชื้อตะวันตกปนเปอยู่ในสายเลือดของเขาด้วย
‘ขอโทษที เพื่อนผมเมาแล้วชอบทำตัวเกะกะ ผมจะลากมันกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ’ หนุ่มหน้านิ่งผู้มาใหม่ว่า
‘โอ๊ย--- อะไรกันคะกำลังสนุกกันอยู่เลย อย่าเพิ่งไปซี่ ว่าแต่คุณเถอะ ถ้าไม่รังเกียจก็มาแด๊นซ์กับพวกเรา
แบบลอเรนซ์ไม่ดีกว่าเหรอคะ’ สาวๆไม่พูดเปล่า พากันช่วยปิดทางหนีของหนุ่มหล่อเสียอีกด้วย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ไม่เชิงว่าจะยิ้มแต่ก็ไม่บึ้ง เขาเอียงคอมองแต่ละคนเต้นกระแทกกระทั้น
ไปตามจังหวะหนักหน่วงของดนตรี วนัสสาคิดว่าหากเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยมาพอสมควรคงดูรู้
ว่ากลุ่มของเธอไม่ใช่พวกกร้านราตรี แต่ก็มีใจเสรีพอที่จะไม่เคอะเขินกับเพื่อนใหม่ เขามองไล่ไปทีละคน
แล้วก็มาหยุดตรงวนัสสานี่เอง
ท่ามกลางแสงไฟหลากสีซึ่งฉาบฉายลงมา ไล่เป็นเฉดอย่างมีศิลป์
เขียว เหลือง แสด แดง ชมพู ม่วง คราม...น้ำเงิน แล้วเธอก็เห็นว่าเขาดูเหมาะกับโทนสีสุดท้ายเป็นที่สุด
‘อินดิโก้ ชาง ผมเรียกมัน อินดี้... แต่แกชอบให้เพื่อนคนไทยเรียกว่าไงนะ’
เจ้าตัวไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้าปรามลอเรนซ์
‘ชื่ออินดี้น่ารักดี’ เพื่อนของวนัสสาเอ่ย ‘มาร่วมวงกับพวกเราเถอะค่ะ คุณพูดไทยได้นี่ ร้องเพลงไทยเป็นหรือเปล่า’
‘ผมไม่ถนัด’ ชายหนุ่มว่า
‘เต้นล่ะ’ สาวคนเดิมยังเย้า
‘ท่าทางจะไม่ไหวหรอก ให้เขานั่งดูคนอื่นไปแล้วกัน’ วนัสสาเห็นคนหน้าขรึมแล้วก็หมั่นไส้เลยพูดแบบนั้นออกไป
เขาหันมายังเธออีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่คล้ายจะถือตัวทว่าดวงตานั้นมีแววยิ้มๆ กึ่งเยาะกึ่งขำเอ็นดู
อย่างไรบอกไม่ถูก คล้ายเจ้าตัวก็ยังไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเธอที่ดูเป็นของแปลกในสายตาเขา
คงเหมือนกับใครๆซึ่งแปลกใจยามเห็นสาวรูปร่างหน้าตาเหมือนตุ๊กตาเต้นได้แทบไม่ต่างจากชากีร่า
ที่กำลังส่ายสะโพกดอกไม้ไหวกับ Whenever Wherever เพลงซึ่งแม้จะออกมาหลายปีแล้ว
แต่ก็เป็นเพลงดังข้ามโลกที่ใครไม่รู้จักก็เห็นจะไม่ใช่หนุ่มสาวของยุคนี้อย่างแน่นอน
ทุกคนดูเหมือนจะคาดไม่ถึง เมื่อหนุ่มตี๋อินเตอร์ก้าวยาวๆไปยืนต่อหน้าวนัสสา แล้วเริ่มเต้นประชัน
กับเธออย่างไม่ยอมแพ้ สาวๆส่งเสียงกรี๊ดกันจนห้องแทบแตก ...ในขณะทำเรื่องสุดโต่งนั้น
หน้าเขาแทบไม่ได้เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแววตาที่เจิดจ้า ท้าทาย
หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ หายากที่จะมีผู้ชายเต้นสู้เธอได้ขนาดนี้ อย่างน้อยเขาก็คงจะเรียนมา
หรือสนใจอย่างจริงจัง แน่ละ เธอเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน กับเพลงนี้เธอเต้นตามได้เป๊ะอย่างกับ
เจ้าของเพลงมาเอง เพราะติดใจลีลาเหมือนนักระบำหน้าท้องยุคใหม่ เอามาหัดเต้นตามได้ทั้งเพลง
แต่ดูท่าคู่ต่อสู้เองก็เต้นได้โดยไม่ต้องดูจอเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นพวกตุ้งติ้ง ถึงได้แม่นท่าเพลงที่
ครองใจชาวสีม่วงแบบนี้ ทว่าท่าเต้นของเขาแม้จะพลิ้วไหวก็ยังดูหนักแน่นอย่างผู้ชายมากกว่า
บ้าจริง...เจ้าพวกนี้เห็นเธอกับนายอินดิโก้เต้นกันได้แบบสุดๆเลยกดเพลงเดิมซ้ำรอบสอง
วนัสสาก็เลยจำต้องส่ายแบบไม่ให้พลาด ไม่คิดจะยอมแพ้เขาเหมือนกัน คนอะไร ทำหน้านิ่งๆ
แต่ยังทะลึ่งมาเต้นประชันเธอได้เป็นวรรคเป็นเวร จะหลุดยิ้มสักนิดก็ไม่มี
‘เพื่อนคุณชื่ออะไร ลีลาใช้ได้’
แน่ะ แทนที่จะถามกับตัวเธอเขากลับหันไปถามยายเฟย์เสียอีก ซึ่งฝ่ายนั้นก็หัวเราะร่วน ตอบยาวแบบไม่กั๊ก
‘วนัสสาค่ะ คนตั้งจงใจให้หมายถึงผีเสื้อ มาจากคำว่าวาเนสซ่า
น่าจะเรียกง่ายกว่าถ้าสำหรับคนพูดไทยไม่ชัดแบบลอเรนซ์ ใช่ไหมวนัส’
‘ผีเสื้องั้นเหรอ...’ ชายหนุ่มหันมาเปรยกับเธอ แล้วก็เผยยิ้มมุมปากออกมาหน่อยหนึ่งเป็นครั้งแรก
ยิ่งทำให้หน้าของเขาเฉี่ยวชวนมองยิ่งขึ้นไปอีก
หญิงสาวเมินไปจากตาเรียวคมสองชั้นหลบใน แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่หยุดเต้นเธอเองก็ไม่หยุด
จนเพลงเปลี่ยนไปหลายเพลง บริทนี่ย์ สเปียร์ ไล่มาบียอนเซ่ พอไม่รู้ท่าเต้นทั้งคู่ก็ยังด้นสด
กันไปได้เองจนคนดูเหนื่อยแทน จังหวะหนึ่งมีเพื่อนตัวดีแกล้งเต้นเอาสะโพกมาชนวนัสสา
จนหญิงสาวเซไปปะทะเขาเข้า มือของอินดิโก้สัมผัสแขนเธอ ดูเหมือนเขาจะตกใจเล็กน้อย
คิดว่าเธอเต้นมากจนลมจับหรืออะไรแบบนั้น ทั้งคู่ไม่มีเหงื่อเพราะอากาศในนี้เย็นเฉียบ
แต่วนัสสากำลังเขินจนรู้สึกว่าหน้าจนตลอดไปถึงตัวเธอคงจะแดงเป็นกุ้งไปหมดแล้ว
ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็ยังงันไปกับสีสันแห่งความรู้สึกของเขาที่เธอได้เห็น สีน้ำเงิน...
ไม่ใช่อารมณ์โศกเศร้า แต่ดูเย็นเยือกลึกซึ้งราวกับเขาจะเป็นสีนี้อยู่ตลอดเวลา
น้ำเงินที่ลึกลับและซ่อนเร้น เป็นประกายราวหมอกควันระยิบระยับม้วนเกลียวอยู่รอบๆตัวเธอ
‘ดูท่าทางอินดี้จะถูกใจเพื่อนฉัน...’ เฟย์พูดเสียงไม่เบาเลย
‘แต่วนัสคงไปกับหนุ่มต่างชาติได้ยากหน่อย เพราะแม่คนนี้ปวารณาตัวจะถือเพศพรหมจรรย์
จนกว่าจะสิ้นอายุขัยไปเลยละมั้ง’ เพื่อนหญิงอีกคนหัวเราะ
‘ก็จริงนะ แล้วก็อย่าคิดลองดีเลย เพราะพ่อเขาเป็นมาเฟียเมืองไทย
ตามเก็บหนุ่มๆไปเสียนักต่อนักละ ไม่ได้ล้อเล่นนะ’ เพื่อนชายในกลุ่มเอ่ยอย่างอยากจะแกล้งขู่
สองคนที่กำลังถูกพูดถึงเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น มีแต่ลอเรนซ์ซึ่งเมาได้ที่
เลยส่งเสียงหัวเราะร่วนเอิ๊กๆแทนเพื่อน
อินดิโก้มองเธอนิ่ง ยังมีรอยยิ้มพราวในดวงตาของเขาเมื่อวนัสสารู้สึกตัวในที่สุดและรีบร้อนผละออก
ก่อนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อาจคิดไปเองว่าสายตานั้นยังมองตามเธอมาไม่หยุดหย่อน
แต่แล้วในค่ำคืนที่กำลังสนุกสนานนั้นเอง เธอกลับได้รับโทรศัพท์ด่วนว่าพ่อมีอาการโรคหัวใจกำเริบ
หญิงสาวเลยโทรหาเฟย์ที่เร่งร้อนตามออกมาด้วยเพื่อไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อน เป็นอันว่าไม่ได้
กลับไปบอกลาใคร และหลังจากหายป่วยครั้งนั้นเพียงไม่นานบิดาของวนัสสาก็มีอันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นั่นยิ่งทำให้เธอไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น รวมถึงแทบไม่ได้คิดถึงชายคนที่เข้ามากวนใจผู้มีนามเป็น
เฉดหนึ่งของสีน้ำเงินคนนั้นอีกเลย
...แสง สี เสียงในความคิดถอยหลังห่างออกไป
เฉดสีความรู้สึกของเขายังเป็นอินดิโก้บลูที่สดใสและสวยงามสมชื่ออยู่ไหม
แต่สายตาของเขาวันนี้มองเธอไม่เหมือนคราวนั้น จำเธอไม่ได้หรือ... เป็นไปไม่ได้หรอก
แต่จะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปไหม คนอย่างเขา การไปพบเจอสาวคนใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน
คิดอีกทาง ถ้าเรื่องราวซึ่งซ่อนอยู่ในความทรงจำที่หายไปของวนัสสาคือสาเหตุให้เขาปรายตา
มองเธออย่างที่เห็นล่ะ เกิดอะไรไม่ดีขึ้นรึเปล่า
ก็ทั้งที่น่าจะมีสายตาที่แสดงให้เห็นว่ารู้สึกดีๆต่อกันกว่านี้ไม่ใช่หรือยังไง
เต้นเก่งถึงอย่างนั้นและวนเวียนมาเกี่ยวข้องกับที่นี่ ...เป็นไปได้ไหมว่าคนที่เต้นรำกับเธอ
คืนสวมหน้ากากนั้นจะเป็นเขา หรือมันจะเป็นการเชื่อมโยงที่ไกลเกินไป
ชายผู้เป็นแขกคนใหม่ของคฤหาสน์สีน้ำเงินกวาดตาไปทั่วๆ ใช้เวลาเพียงวูบ
แต่ก็ไม่คิดจะพลาดรายละเอียดแม้เพียงเสี้ยวเดียว... ขาพาร่างสูงก้าวยาวๆผ่านโถง
ตรงไปยังบันไดโดยไม่รั้งรอหัวหน้าพ่อบ้านชราที่พยายามก้าวตามมาให้ทัน
“เดี๋ยวครับมิสเตอร์อินดิโก้ คุณมาถึงก่อนเวลา ข้าวของบางอย่างในห้องอาจยังเตรียมไว้ไม่พร้อมนัก”
“ช่างเถอะ...คุณอยากจะไปทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกับผมหรอก”
ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าของตนขึ้นไปจนถึงกลางบันไดหันไปส่งสายตาเย็นเยียบ
เสียงเขาเรียบทว่ากดดันในที ท่ายืนตัวตรงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าขณะกล่าว
“ผมไม่สนใจเรื่องจุกจิกพวกนั้น แล้วก็รู้ดีว่าที่นี่อะไรเป็นอะไร...เบ็น”
พ่อบ้านผู้ผึ่งผายเกินวัยคล้ายสะดุ้งน้อยๆกับคำเรียกชื่อ ชายชราหลบตาชายหนุ่มวูบ
ก่อนจะตัดสินใจโค้งสุภาพแล้วถอยจากไปเงียบๆ ไม่รบกวนผู้มาใหม่อีกต่อไป
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2556, 06:16:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2556, 06:16:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 1461
<< ความทรงจำก่อนลืมเลือน ค่ำคืนที่หายไป | ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู (จบบท) >> |
อสิตา 1 ส.ค. 2556, 06:22:35 น.
คุณดังปัณณ์(หนอนน้อย) – อาทิตย์ที่แล้วทำไรน็อกคะ งานหนักหรือไร... ทำป้ายไฟเชียร์ไว้ให้ครบดีกว่า
หนุ่มอีกสองคนเค้าก็มั่นใจว่าเค้าเด็ดนะ ไม่มีใครยอมใครแน่ เดี๋ยวก็รู้ *0*
คุณพันธุ์แตงกวา – ตอนเขียนคนเขียนก็ตาเยิ้ม ฉากเต้นรำ ฉากเต้นแซบๆตอนนี้ก็เยิ้มไปอีกแบบ งั่กๆๆ
คุณหนูอุ๊อิ๊ – ตัวละครหล่อมากจริงๆ คนพวกนี้โดนกระทำเยอะมาก แล้วคราวนี้ก็จะโดนอีก เขียนยาก
แล้วก็สนุกมากๆเลยตอนเขียน มันสะใจ*-*
คุณภาวิน – ตัวละครที่เต้นรำกันยังกั๊กไว้อีกนานกว่าจะบอก แต่เราจะสร้างปมและเฉลยส่วนอื่นไปพลางๆ
ตลอดทาง
คุณสุขุมวิท66 – อีกหนุ่มออกมาแล้วน้า หล่อมากๆอเมริกัน+ไชนีส+ไทย แต่นิสัยนี่สิน่าสนใจกว่าความหล่ออีก
คุณเลิฟหมวย – นางเอกและหนุ่มๆมีภารกิจระทึกให้ทำตลอดแน่ค่ะที่ในคฤหาสน์สีน้ำเงินลึกลับแห่งนี้ โอ้ๆๆ
คุณพระอาทิตย์สีทองแสงผ่องใส – คุณโกลเด้นซัน เหมาะจะเป็นบ.ก.มากเลยนะคะ เคยทำงานอะไร
เกี่ยวข้องกับสายนี้ไหมคะ เป๊ะมาก เวลาเม้นต์คำที่เขียนผิดก็รู้สึกจะไม่เคยเห็นเลย ปลาบปลื้ม
คนที่เต้นก็น่าจะอยู่ในสองหนุ่มนั้นค่ะ แต่จะใช่คนรักหรือเปล่าน้า...
คุณก้อนหิน – นั่นสิคะ คำว่าเสียสละ พอตัวเองต้องมาโดนเองบ้างมันคงไม่ง่ายอย่างนั้น เดี๋ยวคงมี
ช่วงที่จะสั่งสอนให้คนพวกนี้รู้สำนึกบ้างแหละ ถึงตอนนั้นเงิบแน่นอน -3-***
คุณแกะน้อย เนื้อนุ่มหางเหนียวเคี้ยวมัน – บ่นทั้งเรื่องฉีดยาและเรื่องกลัวเข็มสัก
มาจากจิตที่หวาดระแวงกลัวเข็มด้วยแน่ๆ เป็นนางเอกของอสิตาต้องทำใจนะคะ
ไม่ได้ตำแหน่งมาสบายๆแน่ๆ เหอๆๆ น่วมมมม
คุณเฟอร์ ลูกสาวหางกระดกก้นกระเดิด – ยาอายุวัฒนะต้องไปตามเอาจากเรื่อง “ดั่งราตรีสีขาว”
เป็นผีเสื้ออีกตัวในชุด “ความลับของผีเสื้อ” ลองอ่านดูนะ พระเอกเจอคำทำนายว่าสตรีที่สำคัญกับฮี
จะทำให้ชีวิตฮีสั้นลง เนี่ยก็หน้าแก่เกินวัยไปหน่อยละ (แต่หล่อกำลังกิน ยังไม่เหี่ยว) ...พล็อตแนวอยู่นะ
ป.ล. มะม้าบอกเหรอว่าตัวละคร 5 ตัวนี้ลืมอดีตหมดทุกตัวอ่า อย่าเอาแพทเทิร์นมาตัดสินนิยายมะม้าเซ่
แถมอีกตัว ทำไมต้องเป็นตัวร้ายล่า แบร่ๆๆ แง่วๆๆ
คุณดังปัณณ์(หนอนน้อย) – อาทิตย์ที่แล้วทำไรน็อกคะ งานหนักหรือไร... ทำป้ายไฟเชียร์ไว้ให้ครบดีกว่า
หนุ่มอีกสองคนเค้าก็มั่นใจว่าเค้าเด็ดนะ ไม่มีใครยอมใครแน่ เดี๋ยวก็รู้ *0*
คุณพันธุ์แตงกวา – ตอนเขียนคนเขียนก็ตาเยิ้ม ฉากเต้นรำ ฉากเต้นแซบๆตอนนี้ก็เยิ้มไปอีกแบบ งั่กๆๆ
คุณหนูอุ๊อิ๊ – ตัวละครหล่อมากจริงๆ คนพวกนี้โดนกระทำเยอะมาก แล้วคราวนี้ก็จะโดนอีก เขียนยาก
แล้วก็สนุกมากๆเลยตอนเขียน มันสะใจ*-*
คุณภาวิน – ตัวละครที่เต้นรำกันยังกั๊กไว้อีกนานกว่าจะบอก แต่เราจะสร้างปมและเฉลยส่วนอื่นไปพลางๆ
ตลอดทาง
คุณสุขุมวิท66 – อีกหนุ่มออกมาแล้วน้า หล่อมากๆอเมริกัน+ไชนีส+ไทย แต่นิสัยนี่สิน่าสนใจกว่าความหล่ออีก
คุณเลิฟหมวย – นางเอกและหนุ่มๆมีภารกิจระทึกให้ทำตลอดแน่ค่ะที่ในคฤหาสน์สีน้ำเงินลึกลับแห่งนี้ โอ้ๆๆ
คุณพระอาทิตย์สีทองแสงผ่องใส – คุณโกลเด้นซัน เหมาะจะเป็นบ.ก.มากเลยนะคะ เคยทำงานอะไร
เกี่ยวข้องกับสายนี้ไหมคะ เป๊ะมาก เวลาเม้นต์คำที่เขียนผิดก็รู้สึกจะไม่เคยเห็นเลย ปลาบปลื้ม
คนที่เต้นก็น่าจะอยู่ในสองหนุ่มนั้นค่ะ แต่จะใช่คนรักหรือเปล่าน้า...
คุณก้อนหิน – นั่นสิคะ คำว่าเสียสละ พอตัวเองต้องมาโดนเองบ้างมันคงไม่ง่ายอย่างนั้น เดี๋ยวคงมี
ช่วงที่จะสั่งสอนให้คนพวกนี้รู้สำนึกบ้างแหละ ถึงตอนนั้นเงิบแน่นอน -3-***
คุณแกะน้อย เนื้อนุ่มหางเหนียวเคี้ยวมัน – บ่นทั้งเรื่องฉีดยาและเรื่องกลัวเข็มสัก
มาจากจิตที่หวาดระแวงกลัวเข็มด้วยแน่ๆ เป็นนางเอกของอสิตาต้องทำใจนะคะ
ไม่ได้ตำแหน่งมาสบายๆแน่ๆ เหอๆๆ น่วมมมม
คุณเฟอร์ ลูกสาวหางกระดกก้นกระเดิด – ยาอายุวัฒนะต้องไปตามเอาจากเรื่อง “ดั่งราตรีสีขาว”
เป็นผีเสื้ออีกตัวในชุด “ความลับของผีเสื้อ” ลองอ่านดูนะ พระเอกเจอคำทำนายว่าสตรีที่สำคัญกับฮี
จะทำให้ชีวิตฮีสั้นลง เนี่ยก็หน้าแก่เกินวัยไปหน่อยละ (แต่หล่อกำลังกิน ยังไม่เหี่ยว) ...พล็อตแนวอยู่นะ
ป.ล. มะม้าบอกเหรอว่าตัวละคร 5 ตัวนี้ลืมอดีตหมดทุกตัวอ่า อย่าเอาแพทเทิร์นมาตัดสินนิยายมะม้าเซ่
แถมอีกตัว ทำไมต้องเป็นตัวร้ายล่า แบร่ๆๆ แง่วๆๆ
อสิตา 1 ส.ค. 2556, 06:23:00 น.
คุณเมล็ดทานตะวัน – แง่ว หนุ่มดอกไม้ของผีเสื้อค่ะ นางเอกตะหากที่เป็นผีเสื้อ วนัสสา – วาเนสซ่า
เป็นชื่อผีเสื้อกลุ่มหนึ่งจำพวกหนึ่ง แต่ไม่ระบุพันธุ์ชัดเจนหรอกนะในเรื่อง เพราะนางเป็นผีเสื้อแบบนามธรรม
มโนเอาว่างั้น ผีเสื้อแฟนตาซีปีกสวยเท่าที่คนอ่านจะจิ้นได้
*วาริช...ดอกบัว
*อินดิโก้ ต้นคราม...ก็มีดอก
*นวาระ...กุหลาบ
คุณด.ญ.ริญจน์ธร – ดีใจที่ยังอ่านอยู่นะ ระวังหลงพี่ครามล่ะ หรือหมอริชก็น่าสน แต่นวาระก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน
คุณด.ช.บุลินทร – หมอริชรึ เรียกเค้าว่าคุณหมอริชชี่แล้วกัน แรดดี -..- หึหึหึ แสยะ
คุณมิ้งค์ๆนณกร – เอิ่ม แฟนอัคนิย่องตามรอยอุ้งมาหร๋าคะ เรื่องนี้ก็มีแมวนะ แต่เป็นแค่ลูกแมวอ้วนๆเท่านั้นเอง
คุณเมล็ดทานตะวัน – แง่ว หนุ่มดอกไม้ของผีเสื้อค่ะ นางเอกตะหากที่เป็นผีเสื้อ วนัสสา – วาเนสซ่า
เป็นชื่อผีเสื้อกลุ่มหนึ่งจำพวกหนึ่ง แต่ไม่ระบุพันธุ์ชัดเจนหรอกนะในเรื่อง เพราะนางเป็นผีเสื้อแบบนามธรรม
มโนเอาว่างั้น ผีเสื้อแฟนตาซีปีกสวยเท่าที่คนอ่านจะจิ้นได้
*วาริช...ดอกบัว
*อินดิโก้ ต้นคราม...ก็มีดอก
*นวาระ...กุหลาบ
คุณด.ญ.ริญจน์ธร – ดีใจที่ยังอ่านอยู่นะ ระวังหลงพี่ครามล่ะ หรือหมอริชก็น่าสน แต่นวาระก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน
คุณด.ช.บุลินทร – หมอริชรึ เรียกเค้าว่าคุณหมอริชชี่แล้วกัน แรดดี -..- หึหึหึ แสยะ
คุณมิ้งค์ๆนณกร – เอิ่ม แฟนอัคนิย่องตามรอยอุ้งมาหร๋าคะ เรื่องนี้ก็มีแมวนะ แต่เป็นแค่ลูกแมวอ้วนๆเท่านั้นเอง
ภาวิน 1 ส.ค. 2556, 06:33:33 น.
อินดิโก้ดูมีลับลมคมในนะ เป็นบุคคลสำคัญของคฤหาสน์หลังนี้หรือเปล่า
อินดิโก้ดูมีลับลมคมในนะ เป็นบุคคลสำคัญของคฤหาสน์หลังนี้หรือเปล่า
พันธุ์แตงกวา 1 ส.ค. 2556, 08:02:42 น.
วันนี้เต้นแซ่บจริงไรจริง อยากขยับขาตาม หมอวาริชเจ๋งอ่ะ หุ่นนักว่ายน้ำโอลิมปิก กิ๊บกิ้ว
วันนี้เต้นแซ่บจริงไรจริง อยากขยับขาตาม หมอวาริชเจ๋งอ่ะ หุ่นนักว่ายน้ำโอลิมปิก กิ๊บกิ้ว
ดังปัณณ์ 1 ส.ค. 2556, 09:31:16 น.
ง่า....เหมือนวาริชจะตกป๋องแล้วคร้า แอร๊ยยยยยยย หนุ่มใหม่น่าค้นหา (เปลี่ยนใจไวไปมั้ยเท้อออออออออ) คุณแป้ง หนุ่มคนนี้คะแนนนำหมอริชฝุดๆเลยคร้าาาาาาา อั้ย พอเขาออกมาหมอริชชิดซ้ายเล้ย
ง่า....เหมือนวาริชจะตกป๋องแล้วคร้า แอร๊ยยยยยยย หนุ่มใหม่น่าค้นหา (เปลี่ยนใจไวไปมั้ยเท้อออออออออ) คุณแป้ง หนุ่มคนนี้คะแนนนำหมอริชฝุดๆเลยคร้าาาาาาา อั้ย พอเขาออกมาหมอริชชิดซ้ายเล้ย
konhin 1 ส.ค. 2556, 09:39:27 น.
มาลงชื่อไว้ก่อน กันลืม ยังไม่ได้อ่านเลยค่าา พระเอก(ตัวเลือก)อีกคนเปิดตัวแล้ววว
มาลงชื่อไว้ก่อน กันลืม ยังไม่ได้อ่านเลยค่าา พระเอก(ตัวเลือก)อีกคนเปิดตัวแล้ววว
ริญจน์ธร 1 ส.ค. 2556, 10:11:55 น.
โอ๊ย หลายคน เลือกยากนะเนี่ย
โอ๊ย หลายคน เลือกยากนะเนี่ย
sai 1 ส.ค. 2556, 16:43:49 น.
อ้ากกกก เพลงนี้ชอบมากกกก ฟังตอนม.4-5 เต้นตามคงผอมเพรียววว
ทำไมหนุ่มๆเยอะขนาดดด นางเอกอย่างเราอยากเก็บไว้ทุกคนเลยยยยย
อ้ากกกก เพลงนี้ชอบมากกกก ฟังตอนม.4-5 เต้นตามคงผอมเพรียววว
ทำไมหนุ่มๆเยอะขนาดดด นางเอกอย่างเราอยากเก็บไว้ทุกคนเลยยยยย
Sukhumvit66 1 ส.ค. 2556, 18:37:59 น.
แล้วหนุ่มคนสุดท้ายเชื้อชาติอะไรค่ะ จะได้เชียร์ถูก
แบบว่าเริ่มเอียงไปทางครามแล้วอ่ะ
แล้วหนุ่มคนสุดท้ายเชื้อชาติอะไรค่ะ จะได้เชียร์ถูก
แบบว่าเริ่มเอียงไปทางครามแล้วอ่ะ
lovemuay 1 ส.ค. 2556, 19:34:08 น.
มีหนุ่มใหม่โผล่มาซะแล้ว แบบแต่ตอนนี้ยังชอบคุณสัตวแพทย์หนุ่มมากกว่านะคะ อิอิ
มีหนุ่มใหม่โผล่มาซะแล้ว แบบแต่ตอนนี้ยังชอบคุณสัตวแพทย์หนุ่มมากกว่านะคะ อิอิ
บุลินทร 1 ส.ค. 2556, 19:39:49 น.
นิยายอสิตามีชายหนุ่มเป็นจุดขายหรือนี่
นิยายอสิตามีชายหนุ่มเป็นจุดขายหรือนี่
ree 1 ส.ค. 2556, 20:25:36 น.
ซับซ้อนจัง
ซับซ้อนจัง
goldensun 1 ส.ค. 2556, 21:27:50 น.
งานไม่เกี่ยวกับหนังสือเลยค่ะ จบวิทย์ ทำงานโรงงาน ชอบอ่านหนังสือ ชอบภาษาไทยค่ะ
หนูวนัสเจอคนเคยแข่งเต้นแล้ว เล่นเอาหมอริชชิดซ้ายให้หนุ่มในความทรงจำไปเลย
อินดี้จำหนูวนัสได้แน่ แต่เก๊กทำไม แต่อย่างว่า ตอนแรกพบก็ไม่คุยกันตรงๆ อยู่แล้วนี่นา เอาแต่มอง
เหลือหนุ่มกุหลาบอีกคน กะอีกหนึ่งสาว ค่อยๆลุ้น ว่าแต่ tag คราม มาจากอะไรหรือใครคะ
งานไม่เกี่ยวกับหนังสือเลยค่ะ จบวิทย์ ทำงานโรงงาน ชอบอ่านหนังสือ ชอบภาษาไทยค่ะ
หนูวนัสเจอคนเคยแข่งเต้นแล้ว เล่นเอาหมอริชชิดซ้ายให้หนุ่มในความทรงจำไปเลย
อินดี้จำหนูวนัสได้แน่ แต่เก๊กทำไม แต่อย่างว่า ตอนแรกพบก็ไม่คุยกันตรงๆ อยู่แล้วนี่นา เอาแต่มอง
เหลือหนุ่มกุหลาบอีกคน กะอีกหนึ่งสาว ค่อยๆลุ้น ว่าแต่ tag คราม มาจากอะไรหรือใครคะ
Zephyr 2 ส.ค. 2556, 22:15:02 น.
เดาไงมะม้า เฟอร์เดา ชึชึ
อินดิโก้เหรอ ชื่อเท่น้าาาา เอ ชื่อไทย ครามป่ะ ถ้านวาระ มันดูอลังการไป หึหึ
เฟอร์ไปอ่านผีเสื้อทุกสีอ่ะแหละ ขาว สีเพลิง สีน้ำเงิน อืมมม ร่วมร่างเป็นสีรุ้งอีกเรื่องมะ หึหึ
คู่แข่งที่สูสี เหมือนฝายชายจะไม่ลืม แต่ เก๊กกกก ทั้งสองคน คนที่สามมาเมื่อไหร่ๆๆๆๆ
เดาไงมะม้า เฟอร์เดา ชึชึ
อินดิโก้เหรอ ชื่อเท่น้าาาา เอ ชื่อไทย ครามป่ะ ถ้านวาระ มันดูอลังการไป หึหึ
เฟอร์ไปอ่านผีเสื้อทุกสีอ่ะแหละ ขาว สีเพลิง สีน้ำเงิน อืมมม ร่วมร่างเป็นสีรุ้งอีกเรื่องมะ หึหึ
คู่แข่งที่สูสี เหมือนฝายชายจะไม่ลืม แต่ เก๊กกกก ทั้งสองคน คนที่สามมาเมื่อไหร่ๆๆๆๆ
Pat 4 ส.ค. 2556, 09:08:36 น.
หนุ่มคนใหม่นี่บรรยายเสียน่าสนใจ รู้สึกตอนนี้หมอวาริชตกเป็นรองเลย
หนุ่มคนใหม่นี่บรรยายเสียน่าสนใจ รู้สึกตอนนี้หมอวาริชตกเป็นรองเลย