เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต
ตอน: ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู (จบบท)
ชายผู้เป็นแขกคนใหม่ของคฤหาสน์สีน้ำเงินกวาดตาไปทั่วๆ ใช้เวลาเพียงวูบ
แต่ก็ไม่คิดจะพลาดรายละเอียดแม้เพียงเสี้ยวเดียว... ขาพาร่างสูงก้าวยาวๆผ่านโถง
ตรงไปยังบันไดโดยไม่รั้งรอหัวหน้าพ่อบ้านชราที่พยายามก้าวตามมาให้ทัน
“เดี๋ยวครับมิสเตอร์อินดิโก้ คุณมาถึงก่อนเวลา ข้าวของบางอย่างในห้องอาจยังเตรียมไว้ไม่พร้อมนัก”
“ช่างเถอะ...คุณอยากจะไปทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกับผมหรอก”
ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าของตนขึ้นไปจนถึงกลางบันไดหันไปส่งสายตาเย็นเยียบ
เสียงเขาเรียบทว่ากดดันในที ท่ายืนตัวตรงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าขณะกล่าว
“ผมไม่สนใจเรื่องจุกจิกพวกนั้น แล้วก็รู้ดีว่าที่นี่อะไรเป็นอะไร...เบ็น”
พ่อบ้านผู้ผึ่งผายเกินวัยคล้ายสะดุ้งน้อยๆกับคำเรียกชื่อ ชายชราหลบตาชายหนุ่มวูบ
ก่อนจะตัดสินใจโค้งสุภาพแล้วถอยจากไปเงียบๆ ไม่รบกวนผู้มาใหม่อีกต่อไป
ชายหนุ่มยังยืนอยู่ตรงชั้นพักกลางบันไดก่อนแยกออกเป็นทางขึ้นสองฝั่งปีกตึก เขาถอนใจ
นี่มันเหมือนกับชีวิตที่อาจมาถึงทางเลือกสำคัญ ยืนอยู่ท่ามกลางอันตรายทั้งซ้ายและขวา
ไม่แน่เขาอาจพ้นไปจากมันแล้วก็ได้ ถ้ายอมจบเรื่องเสียแค่นั้นโดยไม่หวนกลับมาที่นี่อีก
แต่จะแน่ใจได้หรือ แล้วอีกอย่างเขาจะตัดใจปล่อยให้เวลาสองเดือนนั่นหายไปเฉยๆได้ยังไง
สองเดือนที่ไม่รู้ว่าตนเองหายไปทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร...
บ่ายนั้นชายผู้มาใหม่กำลังลงมารอข้าวของที่ตนเองสั่งให้คนขนตามมา อุปกรณ์เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า
เขามีงานค้างคาอยู่กับโปรเจ็กต์ใหญ่ของแบรนด์เสื้อดัง ต้องสานต่อให้ลุล่วงแม้จะย้ายมาพักยังคฤหาสน์แห่งนี้
จริงอยู่ ถึงภาระเกี่ยวกับที่นี่จะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย
แต่หากทำงานไม่ทันทั้งที่รับปากแล้ว...นั่นก็หมายถึงให้เขาตายเสียดีกว่าเหมือนกัน
อีกไม่กี่วันแล้วด้วยซ้ำที่จะมีงานใหญ่ การเดินแบบคอลเลคชั่นพิเศษรอบโซนเอเชียที่คราวนี้เลือกจัดขึ้น
ในเมืองไทย เป็นการฉลองครบรอบการก่อตั้งมายาวนานหลายสิบปีของแบรนด์เสื้อเลื่องชื่อ
แล้วเขาก็ถูกเลือกเป็นดีไซเนอร์หลักของงานเสียด้วย เสื้อผ้าพวกนั้นเสร็จไปนานแล้วก็จริง
แต่สำหรับงานต่อมาและต่อมาที่เข้าคิวรออยู่ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน เพราะคิวชีวิตต้องมาวุ่นวาย
ด้วยการที่เขาหายไปถึงสองเดือน แล้วตอนนี้ความวุ่นนั่นก็ยังไม่จบสิ้นเสียด้วย
“หุ่นลองเสื้อนั่นขนขึ้นไปเลย วางข้างหน้าต่างบานที่สาม ตรงกลางห้อง” เขากอดอกสั่งการเรียบๆ
“ครับคุณคราม” คนรับคำสั่งซึ่งมาคุมคนงานขนของอีกทีคุ้นเคยนิสัยกันดี รู้ว่าเจ้านายหนุ่มจะพูดแค่ครั้งเดียว
และมันต้องเป็นไปตามนั้น เพราะระวังในเรื่องนี้เขาถึงทำงานเป็นผู้ช่วยของอีกฝ่ายมาได้นานเกือบสองปีแล้ว
ซึ่งนับว่าเป็นสถิติอันมหัศจรรย์ถ้าฟังจากปากคำของคนในแวดวงแฟชั่นที่รายล้อมเขาอยู่
เมื่ออินดิโก้ ชาง หรือที่คนสนิทเรียกว่าครามแสดงความประสงค์จะย้ายกลับมาอยู่ไทยด้วยกิจธุระ
ชวนกังขาหลังมรณกรรมของมารดาเมื่อหลายเดือนก่อน คราแรกนั้นผู้ช่วยยังไม่ได้รับคำสั่งให้ตามมาด้วย
ทว่าพอครามหายตัวไปถึงสองเดือน ทุกคนช่วยกันตามหา ทั้งตำรวจทั้งคนรู้จัก แต่ไม่มีใครเจอวี่แวว
ผู้ช่วยต้องบินมาสานต่องานของเจ้านายที่เมืองไทยให้ จนเมื่อเดือนที่แล้ว ครามกลับมาปรากฏตัว
หน้าบ้านบิดาเลี้ยงในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นทั้งยังมีรอยไหม้ ทว่าร่างกายไม่มีบาดแผลรุนแรงอย่างใด
เป็นการกลับมาที่ปราศจากการอธิบาย ว่าหายไปทำอะไรที่ไหนมา และก็ไม่มีใครง้างปากชายหนุ่ม
ได้อีกตามเคย แล้วนอกจากนั้นครามเองก็ยังมุงานได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ครามผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ถึงการย้ายเข้าและข้าวของจะมาถึงเรียบร้อยดี ทว่าความรู้สึกระคายใจ
บางอย่างกลับก่อกวนเขา เพราะภาพเมื่อตอนสาย...คนสองคนที่เขาพบที่นี่
เขาจำเธอได้ดีเชียวละ ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ แต่การที่อีกฝ่ายดันมาปรากฏตัวอยู่กับชายปากเสีย
ที่มีเรื่องรถเฉี่ยวชนกับเขาเมื่อวานนั่นกลับรบกวนใจเขาได้มากจนคร้านจะเอ่ยทักในเมื่อบรรยากาศ
แถวนั้นมันเน่าเสีย แต่ทำไมเขาจะต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดด้วย แค่หลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
ในตอนนี้มันก็มากเกินพอแล้ว
ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้อารมณ์ขุ่นมัวลงไปได้มากกว่านั้น ทว่าเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินขึ้นบันได
นำหน้าพ่อบ้านเบ็นมา ชายหนุ่มก็ยิ่งทั้งไม่พอใจและหลากใจไปพร้อมๆกัน
“มาที่นี่ทำไม...คุณดาหวัน อย่าบอกนะว่าตามผมมา”
“คุณคราม คุณพี่ชายคะ จะบอกให้นะว่าคุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ดาจะพิศวาส
แล้วก็รู้นี่ว่าดาไม่ใช่พวกปากไม่ตรงกับใจ พูดตรง ทำตรงอยู่ตลอด”
ครามหรี่ตามองน้องสาวลูกติดพ่อเลี้ยงที่มองตอบเขาอย่างถือดี ดาหวันเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยคมอยู่พอตัว
ผิวสองสีค่อนข้างเข้มเพราะได้เชื้อคนใต้จากเทวัญผู้เป็นพ่อ ผมตัดสั้นซอยเข้ากับรูปหน้าพอดิบพอดี
แม้น่ามองเพียงใดก็ไม่ใช่สำหรับเขา เขาเป็นลูกติดข้างแม่ เธอเป็นลูกติดข้างพ่ออายุน้อยกว่ากันไม่กี่ปี
ครามไม่เคยจะนับอีกฝ่ายเป็นน้องสาว เหมือนที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่ เธอไม่ชอบแม่เขา
เขาเองก็ชังพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงทั้งคู่แสดงออกว่าต้องการเมินเฉยในตัวกันและกันตลอดมา
ดาหวันมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร น่าสงสัย... สองเดือนของเขาที่หายไปอาจจะเกี่ยวกับเทวัญพ่อเลี้ยง
ยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้แต่ทีแรก ครามยังไม่เข้าใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าที่นี่อันตรายอีกฝ่ายจะส่งลูกสาว
เพียงคนเดียวมาเสี่ยงเชียวหรือ รึว่าดาหวันเองที่ดึงดันจะมา
ชายหนุ่มไม่เอ่ยวาจากับลูกสาวพ่อเลี้ยงอีก แต่ในเวลาที่เขามีเรื่องจะต้องมาค้นหาความจริง
การเข้ามาของดาหวันยิ่งทำให้สับสน
หญิงสาวเดินตามหลังเขาขึ้นมาทางปีกตึกซ้าย พร้อมทั้งเอ่ยเหมือนพูดลอยๆ “จะบอกอะไรให้นะ
ถ้าคุณตาไม่บอด จะเห็นว่าดาจองห้องไว้ก่อนคุณเสียอีก ห้องแรก ตรงมุมสุดระเบียงโน่นเลย
ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ใกล้กันเกินไปนัก เพราะยังมีห้องมหึมากั้นเราเอาไว้ตั้งสองห้องแน่ะ”
ยามเดินผ่านเขาไปดาหวันสบตาแข็งกร้าวของพี่ชายซึ่งเป็นลูกติดมารดาเลี้ยง
สตรีผู้นั้นเพิ่งจะเสียชีวิตไปด้วยการฆ่าตัวตาย ถ้าเอาตามที่เป็นข่าวโดยไม่สนใจความเป็นจริง...
แล้วคนเป็นลูกชายก็เลยข้องใจกับการตายนั้น อุตส่าห์อพยพกลับมาจากเมืองนอกเมืองนาที่ไปอยู่มา
เสียกว่าครึ่งชีวิต ดาหวันคิดดูแคลน สายเกินไปไหมที่จะมาสนใจแม่ที่ตอนมีชีวิตเขาเองก็แทบจะไม่เคยสน
ถ้านับเอาจากเท่าที่เธอเห็น
ดาหวันเห็นครามเป็นคนไม่เอาใคร ตอนเด็กอาจรักแม่ แต่ได้ยินมาว่าตั้งแต่ถูกเอาตัวไปอยู่กับพ่อ
ที่เป็นลูกจีนอเมริกา อินดิโก้ ชางก็แหกคอกจนถึงกับหนีออกจากบ้าน ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นบ้านแตก
แทบจะใช้ชีวิตเหมือนพวกโฮมเลส จนไต่เต้าขึ้นมาในวงการแฟชั่นได้ด้วยตัวเอง
เขาอยู่โดดเดี่ยวอย่างนั้นมาจนโต เธอจินตนาการไปไม่ถึงได้เลย ในใจของเขาจะเป็นเช่นไร
ทั้งที่ดูภายนอกเนี้ยบเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทว่าในแววตานั้นมีอารมณ์ดิบแฝงอยู่เต็มร้อย
แม้เธอจะกล้ารวนเขาต่างๆนานา แต่ก็ทนสู้ตาเขาไม่ได้อย่างใจเสียที แต่เอาเถอะ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนเลวเกวเกินไปนัก ก็วัดเอาจากที่เคยเห็นมาอีกนั่นแหละ...
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากลัวอะไรในตัวชายคนนี้ หรือจะเป็นอำนาจ... ที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครอื่นได้รับรู้
มีเพียงเธอที่รู้ดี ดาหวันมีโอกาสได้รู้ เพราะเธอเองก็มีอำนาจคล้ายๆอย่างที่ว่า
เพียงแต่ยังห่างชั้นกับเขาอยู่หลายส่วน
ครามยังไม่รู้ แท้จริงแล้วดาหวันมาตามคำสั่งของนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังเวชกุลอีกทีอย่างเทวัญ ศรีบริรักษ์
พ่อของเธอเองนั่นแหละ ด้วยการบีบคั้นจนเคยชิน นับวันความเป็นพ่อลูกดูเหมือนจะจางไปจากใจยิ่งขึ้นทุกที
หญิงสาวถูกส่งมาที่นี่ในฐานะหนูทดลองดื้อรั้นตัวหนึ่งที่พ่อให้โอกาสแก้ตัว แต่เธอไม่ยอมเป็นแค่นั้นแน่
จะต้องหาทางออกให้ตัวเองและทำให้เรื่องได้ยุติลงเสียที
วาริชปลีกตัวไปคลินิกตั้งแต่หลังจากวนัสสาขอตัวเข้าห้อง เขารู้สึกเซ็งนิดหน่อยกับการต้องมี
ไอ้หนุ่มตี๋อินเตอร์คนนั้นมาร่วมบ้านอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทนไปอีกช้านานเท่าไร
แต่พอไปถึงร้านชายหนุ่มก็ยิ้มแย้มตามปกติ ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องทำงาน
วันนี้เขาไม่อยู่ในอารมณ์จะไปช่วยดูเรื่องเคสสัตว์เลี้ยงที่เข้ามา ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ
สัตวแพทย์ประจำไปก็แล้วกัน
ตกบ่าย ผู้ช่วยสาวของคลินิกเลียบๆเคียงๆเยี่ยมหน้าเข้ามาหาคนเป็นนายจ้าง
สีหน้าอมยิ้มนั้นคล้ายมีลับลมคมในจนวาริชต้องออกปาก
“เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นชั้นล่างหรือไง ผมไม่ยักได้ยินเสียงนะ”
“เปล่าค่ะ แต่มีเรื่องจะบอกหมอริชหน่อย” หญิงสาวยังพูดยิ้มๆอมพะนำอยู่ในที
“ให้ไว”
“เอ่อ ก็...เมื่อเช้ามีเจ้าของแมวเอาแมวมาทิ้งไว้ค่ะ พร้อมเงินสดในซองแล้วผลุบหายไปเลย
มีเขียนมาว่าขอฝากแมวเอาไว้ก่อน ยังไม่รู้นานแค่ไหนถึงจะมารับกลับได้”
“บอกแล้วไง เคสแบบนี้ไม่รับ” วาริชก้มลงดูบิลค่าใช้จ่ายของร้านบนโต๊ะต่อ
“ไม่ได้รับนี่คะ เขาเอามาวางปุแล้วก็ชิ่งหนีเลย แต่ว่าหมอคะ...เราไม่รู้จะทำยังไงกับมันนี่นา”
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคลินิกเราคงกลายเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์อนาถา”
วาริชหัวเราะด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งชอบกล
“ไม่อนาถานะคะหมอ ลูกแมวน่ารักมาก น่ารักสุดๆ น่ารักที่สุดตั้งแต่หนูเคยเห็นแมวมาเลย”
สาวเจ้ายังคงกล่อมเสียงยานคาง
“ไม่อนาถายังไงเล่า ก็แมวโดนเจ้าของทิ้งน่ะ”
“ชั่วคราวค่ะ ใครทิ้งแมวแบบนี้ได้ก็บ้าแล้ว”
ก่อนที่วาริชจะบ่นอะไรไปกว่านั้นก็มีเสียงร้อง หม๊าว ดังหน้าห้องทีหนึ่ง สัตวแพทย์หนุ่มเงยจากโต๊ะทำงาน
เลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น ถอนหายใจ ผู้ช่วยหนุ่มอีกคนที่ยืนรอหน้าห้องเห็นได้จังหวะจึงก้าวเข้าไป
พร้อมตะกร้าหวายใบย่อมที่มีสิ่งมีชีวิตอ้วนปุยตัวหนึ่งเยี่ยมหน้าขึ้นมาเกาะขอบตะกร้าไว้แน่น
เมื่อตะกร้าถูกวางบนโต๊ะ เจ้าของคลินิกก้มลงมองมันใกล้ชิด ดูแวบเดียวก็รู้ว่าแมวตัวนี้น่าจะเป็นลูกครึ่ง
สก็อตติชหูลู่ สังเกตได้จากหูเล็กจิ๋วของมัน คงผสมมากับอเมริกันช๊อตแฮร์ อาจจะมีปนเอ็กโซติกช๊อตแฮร์ด้วย
ทำให้หน้ามันกลมเพิ่มขึ้นอีก เรียกว่าน่ารักสมคำอ้างของผู้ช่วยสาวประจำคลินิกจริงๆ
“เขียนบอกไว้ว่าชื่อเจ้าโดร่าค่ะ ตัวผู้”
“อ้วนปุ๊ก แถมลายเทา...เทาฟ้า ชวนนึกถึงโดราเอม่อนจริงๆ ยิ่งใส่ปลอกคอสีแดงกับกระดิ่งทองนี่ด้วยแล้ว
เจ้าของมันจงใจแต่งตัวให้น่ารักชัดๆ”
“ครับ เห็นแล้วก็ใจอ่อนใช่ไหมครับหมอ” ผู้ช่วยหนุ่มวัยละอ่อนที่ตามเข้ามาเอ่ยเสริม
“ฮึ่ม จนได้...เอาก็เอา เห็นว่าเจ้านี่มันเหมือนตัวการ์ตูนโปรดผมหรอก จะเลี้ยงไว้แถวนี้แล้วกัน
ให้เป็นแมวประจำคลินิกชั่วคราว แมวนางกวัก ไม่แน่ถ้ามันใช้การได้จริงตอนเจ้าของมาทวงคืน
เราก็ไม่ต้องคืน ยึดไว้นี่ซะเลย” วาริชคำรามในคออย่างนิสัยไม่ค่อยจะดีตามประสา
แต่ลูกน้องทั้งคู่ก็เห็นงามด้วย
ในที่สุดหนุ่มสาวทั้งคู่ก็ล่าถอยออกไปเมื่อเจ้าของคลินิกที่เป็นคนเพี้ยนอยู่แล้วตามปกติทำท่าคล้าย
อยากจะสนทนากับแมวเป็นภาษาเฉพาะของตนลำพัง สัตวแพทย์หนุ่มอุ้มลูกแมวอ้วนกลมขึ้นมาจากตะกร้า
กองมันแปะไว้บนโต๊ะทำงาน เจ้าโดร่าเอียงคอมองมาอย่างกังขา มันดูแสนรู้ทีเดียว
และดูเหมือนจะสนใจจ้องหน้าชายหนุ่มตอบมากกว่าหาเรื่องเล่นซุกซนตามวัย
“เจ้าโดร่า...แกมีของวิเศษที่ช่วยเรียกความทรงจำกลับมาไหม”
คิ้วโค้งได้รูปของคนพูดเลิกขึ้นราวกับกำลังคาดคั้นแมวเหมียวตรงหน้าเอาจริงจัง
แมวทำท่าชะงักนิ่งลงยิ่งกว่าเดิม แต่แววตาของมันดูจะรำคาญใจกับวาริชซึ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเก่า
ลูกแมวจึงยกขาสั้นๆของมันขึ้น ใช้อุ้งเท้านุ่มๆที่เหมือนสวมถุงเท้าสีขาวปุยยันปากของสัตวแพทย์หนุ่มไว้
ไม่ให้เขาเข้าใกล้ยิ่งกว่านั้น
“หึ คงไม่มีสินะ” ชายหนุ่มขยับปากอุบอิบทั้งที่เท้าเจ้าเหมียวยังคาปาก “จะบ่นว่าคราวนี้โนบิตะ
ต้องหัดช่วยตัวเองงั้นหรือโดร่า แต่บอกซะก่อน ว่าโหดอย่างฉันไม่ใช่พวกอ่อนแอแบบเจ้าเด็กนั่นแน่”
วาริชยิ้มเหี้ยมเกรียมกับแมว “ใครบังอาจมาลบความทรงจำของฉันไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
มันจะต้องจ่ายคืนแพง...แพงสุดขั้วทีเดียว”
ครามใช้เวลาสำรวจนั่นนี่ในห้องจนพอใจ ห้องของเขาเป็นโทนสีเทาดำขรึมเข้มเจือเขียวจางๆอย่างที่ชอบ
แต่เปล่าเลย เขาไม่ได้ระบุว่าต้องการเช่นนี้ หรือเป็นบริการระดับสูงของที่พักซึ่งอุตส่าห์สืบเสาะรสนิยม
ของแขกเป็นอย่างดี ถ้าเป็นแบบนั้นก็คุ้มราคาที่นับว่าสูงลิ่วอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าจะรู้ดี รู้ดีเกินไป
จนเขาชักไม่ชอบใจ เพราะสังหรณ์ว่าภายใต้สิ่งเหล่านี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่
หรือนี่คือการบอกใบ้ให้ระวังตัว เขารู้สึกเหมือนถูกทดสอบทางจิตวิทยาจากสิ่งที่มองไม่เห็นตัวตน
นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้ามายังคฤหาสน์เลยก็ไม่ผิด
ตอนนี้เพิ่งห้าโมงเย็น เวลาอาหารค่ำที่นี่เริ่มตั้งโต๊ะตอนหกโมง เขาทอดตามองลงไปยังสวน
เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว คราวนี้เธออยู่ลำพัง ภายในรอบรั้วนี้กว้างขวางมาก แต่หลายส่วน
ก็ปิดไว้ไม่ให้คนนอกล่วงล้ำเข้าไป ทั้งส่วนหลังของตัวคฤหาสน์ และรวมถึงสวนด้านหลังก็ปิดด้วยเหมือนกัน
“เช้าเดินเล่น เย็นเดินเล่น หรือว่าที่จริงกำลังสำรวจหาอะไรรอบๆบ้านนี้กันแน่...หึ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆกับตนเอง เกิดความคิดวูบหนึ่งว่าจะลงไปก่อกวนความสงบของผู้หญิงคนนี้ดูเล่นๆสักที
ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด ทำไมนึกอยากทำแบบนั้นขึ้นมาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แล้วความคิดนั้น
ก็จางหาย อย่าไปสนใจเลย ก็แค่ผู้หญิงที่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ได้สลักสำคัญอะไร...
จวนถึงเวลาอาหารเย็น วนัสสากลับเข้ามาในคฤหาสน์ กับบรรยากาศภายในนี้
เธอแน่ใจว่าเคยมีประสบการณ์กับมันมาระยะหนึ่งถึงจะไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่เธอไม่คุ้นเคยกับ
สวนกว้างใหญ่ นอกไปเสียจากส่วนที่เป็นลานเต้นรำคืนนั้น มูนแด๊นซ์ แสงจันทร์รำไรที่ไม่ได้ส่อ
งให้เห็นใบหน้าของคู่เต้น แต่กลับฝังใจไม่รู้ลืม ความรู้สึกจะเลื่อนลอยเพราะเครื่องดื่มที่ได้รับเข้าไป
ทว่ายังจำได้ด้วยซ้ำ...ว่ามือเขาที่สัมผัสกับเธออบอุ่นเพียงไรแม้จะไม่ได้นุ่มนวลนัก แล้วเพราะมือคู่นั้น
อีกหรือเปล่า ที่ชักพาสู่ห้วงเวลาดำมืดจนความทรงจำของเธอหายไป หรือว่าเขาคือคนที่ช่วยให้รอดพ้นมา
วนัสสาจะต้องค้นหาความลับที่เกิดขึ้นภายใต้ชายคาคฤหาสน์ ทั้งเรื่องคนหลายคนที่พบเจอ
และสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกลงไป งานเลี้ยงเย็นนี้อาจมีสิ่งใดแอบแฝง...หรืออาจไม่มี แต่มันก็เหมือนการ
ประกาศกลายๆ ว่าตอนนี้ผู้เล่นพร้อม สถานที่พร้อม และเกมกำลังจะเริ่ม ไม่มีใครช่วยให้
รอดปลอดภัยไปได้ นอกจากตัวของตัวเองเพียงอย่างเดียว
หญิงสาวกำลังก้าวไปสู่ห้องรับประทานอาหารเย็น เคยเห็นห้องที่ว่ามาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรก
ที่จะได้รับประทานอาหารเย็นซึ่งทางที่พักจัดไว้ให้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ทุกวันๆก็มีอันจะต้องออกไปข้างนอก
ตลอดในช่วงเวลาเย็นจนถึงค่ำมืด วันนี้ทุกอย่างดูจะลงตัวเหมาะสม อีกทั้งพ่อบ้านเบ็นยังแจ้งไว้ล่วงหน้า
ว่านี่จะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ฉลองเปิดที่พักและต้อนรับแขกซึ่งเริ่มทยอยเข้ามาร่วมชายคา
ระหว่างเดินตัดผ่านหน้าบันไดกลางไปสู่ห้องรับประทานอาหารทางปีกขวาของคฤหาสน์
วูบหนึ่งอะไรสีน้ำเงินบอบบางลอยโฉบผ่านไปในเสี้ยวอึดใจ วนัสสาเหลียวตาม
ผีเสื้อ...มันบินหายไปตรงประตูทางเข้าส่วนหลังคฤหาสน์ที่ดูคล้ายจะซ่อนลึกอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน
ชั้นสองซึ่งชะโงกเงื้อมลงมา ประตูบานประกบนั้นปิดเอาไว้ตลอด เพราะเป็นส่วนที่ไม่เปิดใช้งาน
และเธอก็รู้ดีว่าหากเบ็นไม่เปิดให้ก็คงยากที่จะเข้าถึงมัน
“ไว้ค่อยหาทางทีหลังแล้วกัน”
เมื่อเริ่มหิว วนัสสามีนิสัยน่ารักอยู่อย่างที่จะไม่อารมณ์เสีย เวลาคิดว่าจะได้กินโดยเฉพาะอย่างยิ่งของอร่อย
เธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้เอาเข้าจริงอาจชิมแค่จานละนิดจานละหน่อย
นาเดียและแม่บ้านร่างท้วมที่ดูอาวุโสกว่ายิ้มแย้มต้อนรับอย่างกันเอง วนัสสารู้สึกดีตรงคนพวกนี้
ไม่ทำตัวเป็นหุ่นอย่างคนรับใช้ที่ต้องเคร่งครัดเว้นระยะห่างทุกกระเบียดนิ้ว คงศึกษามาแล้วว่า
จะทำอย่างไรให้บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านสำหรับคนไทย จะทำอย่างไร...ให้ตายใจมากที่สุด
“คุณหนูวนัสสาคะ นี่คุณอีกริต จะมาเป็นหัวหน้าแม่บ้าน หัวหน้าพวกสาวๆทั้งหลายอีกทีค่ะ”
“ยินดีที่ได้รับใช้ค่ะคุณหนู...หวังว่าที่นี่จะทำให้รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองนะคะ” อีกริตย่อตัวทักทาย
เมื่อวนัสสายื่นมือออกไปจับ หญิงวัยกลางคนก็จับตอบ หญิงสาวคล้ายเห็นแววลังเลวูบหนึ่ง
หรือเพราะสตรีตรงหน้านี้รู้ว่าเธอมีความสามารถเช่นไร ทว่าสีสันความรู้สึกซึ่งสัมผัสได้จาก
อีกริตกลับเต็มไปด้วยความรื่นรมย์แฝงอารมณ์ดี สีสันสดใสของผักผลไม้ เนื้อไก่อบชุ่มฉ่ำ
ไหนจะยังของหวานที่เตรียมไว้อีก สีชมพูที่ดูใสเป็นวุ้น หยุ่นเหมือนเยลลี่ ทำให้เธอเองก็พลอย
สดใสไปด้วยกับทุกสีสันนั้นเช่นกัน
บนโต๊ะอาหารตัวยาว วนัสสาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้เข้าพักคนใหม่ชื่อดาหวันซึ่งหน้าคม
ผิวค่อนข้างเข้มอย่างสาวใต้ แม้สายตานั้นจะมีความเป็นมิตร แต่ดูว่าเจ้าตัวจะไม่อยากพูดจานัก
นอกจากเป็นฝ่ายฟังคนอื่นคุย ถัดมาคือสองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ออกตัวว่ามาหาที่ฮันนีมูน
ราคาแพงกันเอากลางเมืองอย่างนี้นี่เอง เผื่อมีงานด่วนของบริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่พวกตนเป็นเจ้าของอยู่
จะได้วิ่งรถไปทันท่วงที ฝ่ายหญิงชื่อสายชล ออกจะเป็นสาวร่างอวบยิ้มเก่ง ส่วนเชนทร์ผู้เป็นสามี
หน้าตาแจ่มใสเข้ากับเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวาริช
“นี่ถ้ารู้ว่ามีร้านหมอเชื่อมือได้อยู่แถวนี้ หลายเดือนก่อนเจ้าเท็ดหมาผมอาจไม่ตาย”
“ผมว่าถ้าต้องอยู่อย่างทรมานสู้ไปสบายดีกว่านะครับ...ไม่ว่าคนหรือสัตว์
ว่าแต่แค่เห็นหน้าก็เชื่อมือผมแล้วหรือครับคุณเชนทร์” วาริชยกแก้วขึ้นดื่มให้กับคำพูดถูกใจ
“ว่าไม่ได้หรอกคนเรา ดูแววตาก็รู้แล้วว่าเป็นคนเอาจริงไหม เอาถ่านหรือเปล่า
เราพอจะดูกันออกใช่ไหมครับว่าคนมี ‘ใจ’ ในทุกเรื่องที่ทำน่ะแววตายังไง”
“ขอบคุณครับ ผมใส่ใจก็จริง แต่เฉพาะกับเรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้นนะ”
สัตวแพทย์หนุ่มหรี่ตายิ้มๆ “อาจไม่ใช่ทุกเรื่อง”
“เอาน่า มีหลายเรื่องก็ยังดี” เชนทร์สรุปเอาเองง่ายๆ
ความดึงดูดคนของวาริชคงไม่ใช่แค่กับเชนทร์ เพราะดูเหมือนทั้งดาหวันหรือใครต่อใคร
ก็สนใจฟังเขาพูดกันหมด มีเพียงคนเดียวที่นั่งรับประทานอาหารของตัวไปเงียบๆ
แต่กลับเป็นคนที่วนัสสาแอบมอง แล้วก็มองได้ชัดเสียด้วยเพราะเขาบังเอิญมานั่งตรงข้ามเธอพอดี
อินดิโก้...เขาบอกชื่อนั้นออกมาทีแรก แต่ให้คนอื่นเรียกชื่อไทยง่ายๆว่าคราม
ดูเขาก็เหมือนลูกไทยจีนมากกว่าฝรั่ง ถ้าให้เดาคงจะเป็นพวกลูกเสี้ยว หน้าเรียวขาวสดชื่นสะอาดสะอ้าน
ของชายหนุ่มบ่งบอกว่าเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ผมที่คงจะทัดหูไว้จนโค้งอย่างถาวรถูกจัดทรงไว้อย่างดี
ลูกคางตัดเหลี่ยมตรงปลายดูสมชาย ดีว่ายังไม่ถึงขนาดมีรอยบุ๋มอย่างซุปเปอร์แมนแถมมาด้วย
บวกกับไรเคราเขียวจางแถวแนวขากรรไกรชัด ช่วยให้ดวงหน้าโดยรวมไม่สำอาง
คิ้วเรียวคมปลาบเหมือนปาดไว้ด้วยพู่กันสะบัด หัวคิ้วขมวดมุ่นนิดๆอย่างไม่สบอารมณ์หลายครั้ง
ที่ได้ยินวาริชพูดอะไรแปลกๆ เขาก้มหน้าก้มตากินเสียส่วนมาก กินอย่างเรียบร้อยไม่มูมมาม
แต่กินเร็ว กินได้มาก จนเหมือนทั้งนายคนนี้และวาริชซึ่งพูดไปกินไปได้อย่างคล่องปากกำลังแข่งกัน
ทำลายอาหารจนเกิดเป็นสงครามเย็นกลายๆที่ไม่มีใครรู้สึกนอกจากวนัสสา
ครามใช้เวลาในช่วงมื้อนั้นจับสังเกตทุกคนเช่นกัน รวมถึงผู้หญิงที่มองเขาเอาๆตรงหน้าด้วย
ดูเธอจะอยากถามเต็มที ว่าเขาจำเธอได้บ้างไหม แต่คงไม่ใช่ต่อหน้าคนมากมายให้ต้องเท้าความ
กันยืดยาว เขาเองก็ลอบมองเธอ แล้วก็ยิ่งเห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ามองอย่างประหลาด
...เขาเองจำเธอได้ดี แต่ออกตัวอยู่ในใจว่าไม่ได้สนใจเป็นการส่วนตัวในเชิงชู้สาวหรืออะไรแบบนั้น
ทว่าก็ต้องยอมรับว่าขี้แมลงวันใต้หางตาซ้ายนั่นยิ่งทำให้ดวงตาน้ำตาลใสของเธอสวยขึ้นไปอีก
รับกับหน้าตาสะสวยหาตัวจับยากได้เหมาะเจาะ รูปร่างสะโอดสะองเดินเหินราวกับจะลอยล่อง
ไม่ช้าไม่เร็วแต่สง่า ทั้งที่ส่วนสูงคงไม่ถึงร้อยหกสิบห้าด้วยซ้ำ ธรรมดาสำหรับสาวไทย
แต่เตี้ยมากสำหรับเขาที่คุ้นเคยกับการจับนางแบบร่างชะลูดมาแต่งตัวเดินแบบ
ไม่รู้ทำไมคราวนี้ชักนึกอยากเล่นแต่งตัวตุ๊กตาตรงหน้านี่มากกว่าตัวไหนๆที่เคยผ่านมือ
ถ้ามีโอกาสก็คงดี เสียแต่ว่าช่วงนี้เขากำลังยุ่ง
วนัสสาคงไม่ได้คิดไปเอง ที่ว่าชายหนุ่มผู้นั่งตรงข้ามลอบสังเกตเธออยู่ มือเธอวางบนโต๊ะ
มือเขาก็เช่นกัน วูบหนึ่งที่สายตาสองคู่ประสาน ความรู้สึกบางอย่างพลันผุดขึ้นในใจหญิงสาว
“อยากได้เครื่องดื่มร้อนๆหลังอาหารไหมครับ” เบ็นที่เพิ่งกลับเข้ามาเอ่ยเหมือนชี้ชวน
ให้หันไปสนใจมากกว่าจะต้องการคำตอบจริงจัง
‘อยากได้เครื่องดื่มสมุนไพรอะไรร้อนๆเป็นพิเศษไหมครับ’
ประโยคในอดีตดังซ้อนทับขึ้นมาในสมองของวนัสสา แน่นอนว่าคนพูดคือเบ็น...
‘หึ ในสถานการณ์ตกกระไดพลอยโจนที่มีเรื่องร้ายกาจเกินคาดเดารออยู่ข้างหน้า
บางทีคุณควรจะคั้นน้ำใบ “โฟร์ลีฟโคลเวอ” มาให้เราดื่มละมั้ง...’
เป็นเสียงของครามที่วางมืออยู่บนโต๊ะประชดตอบไป
นี่เธอกำลังอ่านความรู้สึกจากตัวเขา รวมกับเศษความทรงจำที่มีร่วมกัน เกิดเป็นความรับรู้
ที่กระจ่างชัดขึ้นมา เธอเคยมานั่งตรงนี้ มีเบ็นที่ตั้งคำถาม มีมิสเตอร์อินดิโก้หรือนายคราม
และกำลังจะต้องเผชิญสถานการณ์อะไรไปด้วยกันงั้นหรือ อะไรที่เขาเรียกว่ามันคือการ
‘ตกกระไดพลอยโจน’ ในคำพูดนั่น
เมื่อทุกคนอิ่มอาหารทั้งคาวหวาน เบ็นก็ชี้ชวนให้แขกที่เข้ามาพักตามตนไปสู่พื้นที่ของโถงกลาง
แต่คราวนี้พ่อบ้านชราถูมืออย่างมีลับลมคมใน ก่อนจะผายมือไปยังประตูสู่ส่วนหลังคฤหาสน์
อันซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปภายใต้เงาเงื้อมของราวระเบียงชั้นบน ประตูที่วนัสสาเพิ่งจะเล็งไว้
ตอนนี้ประตูนั้นเปิดอยู่ เห็นแสงสีฟ้าเรืองวาววามมาจากข้างใน
“เชิญครับ...ผมจะพาไปชมส่วนอภินันทนาการที่เราเตรียมไว้ให้ มีทั้งโต๊ะพูล
ตู้หยอดเหรียญสารพัดแบบ บาร์ที่ชั้นใต้ดิน สระว่ายน้ำในร่ม ห้องซาวน่ารวม
พักที่นี่คุณจะสบายเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยเชียว”
“ไม่เห็นบอกล่วงหน้าเลยนะคะ ว่ามีแถมให้ขนาดนี้ แล้วก็ไม่ยักรู้ว่าที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย”
สายชลเอ่ยร่าเริงพลางบีบแขนสามี “ฉันชอบน้ำ เหมือนชื่อละค่ะ แต่ว่ายเท่าไหร่หุ่นก็ไม่ลดเสียที
นี่ถ้ารวมระยะทางที่ว่ายมาตลอดชีวิต คงว่ายจากอ่าวไทยไปถึงฮาวายได้แล้ว” หญิงสาวร่างอวบพูดติดตลก
“อย่าลดเลย ผมชอบแบบนี้” เชนทร์โอบภรรยาเข้ามาหอมตรงขมับแรงๆ
“หายากนะคะผู้ชายดีๆแบบนี้ ส่วนใหญ่ตัวเองหัวล้านลงพุงได้ แต่เมียห้ามอ้วน”
ดาหวันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งชัดว่าชมหรือเสียดสีผู้ชายทั้งโลก
“ตอนนี้ยังดีอยู่ค่ะ น้ำต้มผักยังหวานๆ รออีกสักสิบปีจะคอยดูว่าพูดเหมือนเดิมไหม”
สายชลหัวเราะเปิดเผย ไม่ถือสาประโยคเถรตรงของดาหวันซึ่งดูเป็นคนที่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด
วนัสสารู้สึกได้ชัดว่าหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งจัดจนออกคล้ำเนียนอย่างดาหวันคงเป็นคุณหนูพันธุ์ถึก
เป็นลูกคนมีเงินที่ตามใจตนเองเสียเคย ขณะเดียวกันก็เอานิสัยนั้นไปใช้ลุยทุกอย่าง
แต่บุคลิกชนตรงแบบนี้บางทีอาจจะอันตรายน้อยกว่าคนวางแผนทำเรื่องซับซ้อนอยู่ในใจก็เป็นได้
“เอาครับ ไปกัน...พร้อมหรือยัง” เบ็นและพวกพนักงานต้อนรับของที่พักซึ่งแต่งตัวเหมือนหนุ่มสาว
รับใช้โอบเข้ามา คล้ายจะช่วยประกบทุกคนให้ก้าวสู่โลกแห่งยามราตรีที่รอคอย แต่แล้วกลับมีอยู่คน
ที่เลือกจะก้าวพ้นวงล้อมนั้นไป
“ขอตัวนะ ผมมีธุระ” ครามเอ่ยเรียบๆ
แต่ดูจากย่างก้าวยาวๆของเขาจนถึงตอนขึ้นบันไดไปนั้นก็ดูว่าคงจะรีบจริงๆ
วนัสสาแอบได้ยินเสียงวาริชร้องเฮอะออกมาเบาๆ ...ผู้ชายสองคนนี้ไม่ถูกชะตากัน
เพราะเรื่องรถเฉี่ยวรถชนหรือจะมากกว่านั้น บางทีศึกชิงความเป็นจ้าวผู้อยู่เหนือกว่าในทางอารมณ์
ของหนุ่มๆก็พอกับเด็กตีกันในสายตาคนนอก แต่สำหรับพวกเขาคงเหมือนคู่ต่อสู้ที่ยืนคุมเชิงกันอยู่คนละ
ฟากฝั่งแม่น้ำเชี่ยวกราก ประหัตประหารกันด้วยสายตา รอว่าใครจะทนไม่ไหวและกระโจนบุกน้ำไปหาอีกฝ่าย
ซึ่งแน่นอนว่าคนเสียการควบคุมก่อนเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ทั้งหมดเดินเข้าสู่ประตู ผ่านอุโมงค์ที่เรืองรองด้วยแสงไปจนพบห้องกว้างขวางว่างเปล่า
แต่แล้วโดยไม่ให้เสียเวลารอ พื้นห้องอันแนบเนียนนั้นกลับเลื่อนเปิดออกช้าๆอย่างน่าตะลึง
วนัสสาเดาได้ทันทีว่าตำรวจที่เข้ามาสืบค้นคงไม่ได้เห็นภาพอะไรอย่างนี้
“เข้าใจทำนะคะ” ดาหวันยักไหล่ แต่ในน้ำเสียงนั้นคล้ายจะบอกว่าไม่ได้ทึ่งอะไรนัก
ในขณะที่สายชลหันไปตื่นเต้นกับสามี ก็มีเพียงวนัสสาที่สบตาวาริชเงียบๆ เห็นชายหนุ่มมองมา
คล้ายกังวลใจแต่ก็ปลอบประโลมอยู่ในที ว่าอย่างน้อยยังมีเขามาด้วย
วาริชคิดว่าเธอบอบบางอย่างนั้นหรือ เธอนี่แหละ จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครถ้ามีเรื่อง
และจะยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย แม้ว่าคนรอบกายจะล้มลงนอนตายไปหมดแล้ว วนัสสามั่นใจ...
ช่องทางนั้นมีบันไดเลื่อนลงสู่ชั้นล่าง เสียงเพลงประกอบบรรยากาศบางเบาดังเหมือนน้ำหยดในถ้ำคริสตัล
สะกดให้เคลิ้มไปว่ากำลังล่วงเข้าสู่แดนฝัน แต่วนัสสาตั้งใจไว้แล้ว ตราบใดที่พลังจิตเข้มแข็ง
คราวนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายเธอได้
“อยู่ข้างๆผมนะคุณหนูวนัส” วาริชพูดลอยๆ พอให้ได้ยินกันเพียงเขาและเธอซึ่งยืนเคียงกัน
บนบันไดเลื่อนที่กว้างกว่าตามห้างสรรพสินค้าสักเกือบเท่าตัว “เผื่อว่า...จะมีอันตราย”
“ทำไมคะ หมอริช คุณช่วยฉันได้หรือถ้ามีมาเฟียรอเราอยู่ในคาสิโนข้างล่าง”
“ก็น่าจะพอช่วยได้บ้าง” วาริชตอบกลั้วเสียงฮึมฮัมอารมณ์ดีในคอ
ทั้งหมดลงถึงชั้นล่างซึ่งอยู่ลึกลงไปมากพอสมควร สาวๆต่างห่อปาก ส่งเสียงจิ๊จ๊ะถูกใจ
กับความหรูหราอลังการ เพดานสูงรวมถึงแม้แต่ในผนังก็ดูราวกับประดับไว้ด้วยเกล็ดคริสตัลเงินยวง
เสาต้นสูงสีเงินอีกเช่นกัน ไม่ใช่เงินวาวอย่างหยาบๆ แต่เนื้อละเอียดอ่อนและทั้งทันสมัยน่าดูชม
“ทั้งด็อกเตอร์กฤษณะกับคุณศศิราศีภรรยาที่เป็นเจ้าของเก่าที่นี่สร้างไว้ดีมากนะครับ” เบ็นชื่นชม
วนัสสาหรี่ตา สองคนนั้นมีทรัพย์สินขนาดนี้ แปลว่าเวชกุลมีอำนาจอยู่ในมือมากยิ่งกว่าที่เธอเคยคิด
พวกเขาทำอะไร ที่ผ่านมาพ่อเธอทำอะไร
พ่อคะ...ตอบหนูหน่อยได้ไหมว่าทำไมพ่อถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูเข้าใจชีวิตของพ่อจริงๆเลยสักที
จนวันหนึ่งชีวิตนั้นกลืนกินตัวพ่อไป จนตอนนี้หนูจะยอมให้มันกลืนกินตัวหนูไปด้วยอีกคน
ถ้าหากมันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้พ่อกลับมา อย่างน้อยก็ขอให้เราได้พบกันอีกครั้ง
แม้คนอื่นจะเชื่อว่าพ่อเธอตายไปแล้ว แต่วนัสสาเองรู้และเข้าใจถึงราคาของอัจฉริยภาพในตัวบิดาดียิ่ง
เธอไม่เชื่อว่าเวชกุลจะยอมแลกความลับราคาแพงขนาดไหนก็ตามกับมันสมองของพ่อ
เพราะไม่มีใครจะมาแทนที่นักวิทยาศาสตร์อย่างคนชื่อศิวัฒน์ได้อีกแล้ว ไม่มีทาง
ไอเย็นเจือจางลอยเรี่ยพื้นคล้ายมีไว้เพิ่มบรรยากาศ แต่กลับทำให้รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเดินลึกเข้าไป ผ่านส่วนบันเทิงอันชวนให้ตื่นตา
“ที่นี่ดูอันตรายนะครับ ผมชักเสียวๆสันหลังยังไงบอกไม่ถูก” วาริชเปรยดังๆ
“ไม่เลยครับ รับรองว่าระบบทุกอย่างข้างใต้นี้ปลอดภัยดี คุณหมอวาริชต้องประทับใจแน่”
เบ็นเรียกอย่างให้เกียรติ ด้วยพอจะรู้มาว่านอกจากงานประจำสาขาอาชีพที่ร่ำเรียนมา
วาริชยังมีความรู้ทางรักษาคนอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าแพทย์ปริญญาบางคนเสียด้วยซ้ำ
“คนของเราพร้อมแล้วที่จะแนะนำ เชิญแยกย้ายกันสนุกตามใจชอบเลยครับ”
พ่อบ้านชรายิ้มอยู่ใต้หนวดสีออกเทาเมื่อมองหนุ่มสาวทั้งห้าแยกย้ายกันไป แขกยังมาไม่ครบ
ตอนนี้ยังต้องรอไปก่อน เบ็นถอนใจก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“ไม่อันตรายหรอกครับ อย่างน้อย...ถึงจะอันตรายก็ยังไม่ใช่วันนี้ก็แล้วกัน”
หลังแยกตัวจากทุกคน ครามเลี่ยงเข้าห้อง ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ธุระที่ต้องทำก็ไม่ใช่อะไร
จุดประสงค์ของเขาก็อยู่ร่วมทางกับคนพวกนั้น เขามีวิธีจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง วิธีปลอดภัยกว่า
ที่อาจใช้นำพาตนเองไปสู่ความลับสองเดือนที่หายไป
ครามนอนลงบนเตียงทั้งเสื้อผ้าครบชุด ประสานมือบนอก ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็ลุกขึ้นยืน
ก้มมองมือและหันไปมองตัวเองอีกคนที่ยังนอนอยู่!
ถ้าจะพูดให้ถูก ตัวจริงของเขายังนอนบนเตียง ส่วนตัวเขาตอนนี้คนอื่นอาจจะมองเห็น หรือว่าไม่เห็น
ตามแต่ระดับความเจือจางของร่างที่เขาเองจงใจสร้างขึ้นมาในแต่ละครั้ง แต่ไม่ว่าอันตรายใดๆ
ก็จะมาสัมผัสถึงตัวไม่ได้
เขาอาจจะนั่งลืมตาอยู่ยามส่งตัวเองอีกคนออกไปดูอะไรต่างๆที่ต้องการ แต่วันนี้ชายหนุ่มเลือกจะ
อยู่ในท่านอนหลับตาซึ่งจะก่อเกิดสมาธิสูงสุด เขาไม่ได้หลับ สติยังรู้พร้อมจนสามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกเวลา
โดยที่ร่างอากาศยังไม่จางหายไป แต่ก่อนยังทำไม่ได้ขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมหลังจากเขาหายตัวไปและถูกพาตัว
กลับมาทิ้งไว้ความสามารถกลับเพิ่มพูน และตอนนี้ ครามจึงต้องกลับมาหาคำตอบนั้นให้กระจ่างชัดด้วยตัวเอง
ร่างสูงก้าวห่างมาจากเตียง เป้าหมายไม่ใช่ประตู แต่เป็นกำแพง...
ครามเอื้อมมือไปหามัน ก่อนร่างเขาจะทะลุผ่านออกไปอย่างไร้ร่องรอย!
{{ขอบคุณสำหรับทุก Like ด้วยนะคะ...
โปรดติดตาม : ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา}}
แต่ก็ไม่คิดจะพลาดรายละเอียดแม้เพียงเสี้ยวเดียว... ขาพาร่างสูงก้าวยาวๆผ่านโถง
ตรงไปยังบันไดโดยไม่รั้งรอหัวหน้าพ่อบ้านชราที่พยายามก้าวตามมาให้ทัน
“เดี๋ยวครับมิสเตอร์อินดิโก้ คุณมาถึงก่อนเวลา ข้าวของบางอย่างในห้องอาจยังเตรียมไว้ไม่พร้อมนัก”
“ช่างเถอะ...คุณอยากจะไปทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกับผมหรอก”
ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าของตนขึ้นไปจนถึงกลางบันไดหันไปส่งสายตาเย็นเยียบ
เสียงเขาเรียบทว่ากดดันในที ท่ายืนตัวตรงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าขณะกล่าว
“ผมไม่สนใจเรื่องจุกจิกพวกนั้น แล้วก็รู้ดีว่าที่นี่อะไรเป็นอะไร...เบ็น”
พ่อบ้านผู้ผึ่งผายเกินวัยคล้ายสะดุ้งน้อยๆกับคำเรียกชื่อ ชายชราหลบตาชายหนุ่มวูบ
ก่อนจะตัดสินใจโค้งสุภาพแล้วถอยจากไปเงียบๆ ไม่รบกวนผู้มาใหม่อีกต่อไป
ชายหนุ่มยังยืนอยู่ตรงชั้นพักกลางบันไดก่อนแยกออกเป็นทางขึ้นสองฝั่งปีกตึก เขาถอนใจ
นี่มันเหมือนกับชีวิตที่อาจมาถึงทางเลือกสำคัญ ยืนอยู่ท่ามกลางอันตรายทั้งซ้ายและขวา
ไม่แน่เขาอาจพ้นไปจากมันแล้วก็ได้ ถ้ายอมจบเรื่องเสียแค่นั้นโดยไม่หวนกลับมาที่นี่อีก
แต่จะแน่ใจได้หรือ แล้วอีกอย่างเขาจะตัดใจปล่อยให้เวลาสองเดือนนั่นหายไปเฉยๆได้ยังไง
สองเดือนที่ไม่รู้ว่าตนเองหายไปทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร...
บ่ายนั้นชายผู้มาใหม่กำลังลงมารอข้าวของที่ตนเองสั่งให้คนขนตามมา อุปกรณ์เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า
เขามีงานค้างคาอยู่กับโปรเจ็กต์ใหญ่ของแบรนด์เสื้อดัง ต้องสานต่อให้ลุล่วงแม้จะย้ายมาพักยังคฤหาสน์แห่งนี้
จริงอยู่ ถึงภาระเกี่ยวกับที่นี่จะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย
แต่หากทำงานไม่ทันทั้งที่รับปากแล้ว...นั่นก็หมายถึงให้เขาตายเสียดีกว่าเหมือนกัน
อีกไม่กี่วันแล้วด้วยซ้ำที่จะมีงานใหญ่ การเดินแบบคอลเลคชั่นพิเศษรอบโซนเอเชียที่คราวนี้เลือกจัดขึ้น
ในเมืองไทย เป็นการฉลองครบรอบการก่อตั้งมายาวนานหลายสิบปีของแบรนด์เสื้อเลื่องชื่อ
แล้วเขาก็ถูกเลือกเป็นดีไซเนอร์หลักของงานเสียด้วย เสื้อผ้าพวกนั้นเสร็จไปนานแล้วก็จริง
แต่สำหรับงานต่อมาและต่อมาที่เข้าคิวรออยู่ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน เพราะคิวชีวิตต้องมาวุ่นวาย
ด้วยการที่เขาหายไปถึงสองเดือน แล้วตอนนี้ความวุ่นนั่นก็ยังไม่จบสิ้นเสียด้วย
“หุ่นลองเสื้อนั่นขนขึ้นไปเลย วางข้างหน้าต่างบานที่สาม ตรงกลางห้อง” เขากอดอกสั่งการเรียบๆ
“ครับคุณคราม” คนรับคำสั่งซึ่งมาคุมคนงานขนของอีกทีคุ้นเคยนิสัยกันดี รู้ว่าเจ้านายหนุ่มจะพูดแค่ครั้งเดียว
และมันต้องเป็นไปตามนั้น เพราะระวังในเรื่องนี้เขาถึงทำงานเป็นผู้ช่วยของอีกฝ่ายมาได้นานเกือบสองปีแล้ว
ซึ่งนับว่าเป็นสถิติอันมหัศจรรย์ถ้าฟังจากปากคำของคนในแวดวงแฟชั่นที่รายล้อมเขาอยู่
เมื่ออินดิโก้ ชาง หรือที่คนสนิทเรียกว่าครามแสดงความประสงค์จะย้ายกลับมาอยู่ไทยด้วยกิจธุระ
ชวนกังขาหลังมรณกรรมของมารดาเมื่อหลายเดือนก่อน คราแรกนั้นผู้ช่วยยังไม่ได้รับคำสั่งให้ตามมาด้วย
ทว่าพอครามหายตัวไปถึงสองเดือน ทุกคนช่วยกันตามหา ทั้งตำรวจทั้งคนรู้จัก แต่ไม่มีใครเจอวี่แวว
ผู้ช่วยต้องบินมาสานต่องานของเจ้านายที่เมืองไทยให้ จนเมื่อเดือนที่แล้ว ครามกลับมาปรากฏตัว
หน้าบ้านบิดาเลี้ยงในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นทั้งยังมีรอยไหม้ ทว่าร่างกายไม่มีบาดแผลรุนแรงอย่างใด
เป็นการกลับมาที่ปราศจากการอธิบาย ว่าหายไปทำอะไรที่ไหนมา และก็ไม่มีใครง้างปากชายหนุ่ม
ได้อีกตามเคย แล้วนอกจากนั้นครามเองก็ยังมุงานได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ครามผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ถึงการย้ายเข้าและข้าวของจะมาถึงเรียบร้อยดี ทว่าความรู้สึกระคายใจ
บางอย่างกลับก่อกวนเขา เพราะภาพเมื่อตอนสาย...คนสองคนที่เขาพบที่นี่
เขาจำเธอได้ดีเชียวละ ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ แต่การที่อีกฝ่ายดันมาปรากฏตัวอยู่กับชายปากเสีย
ที่มีเรื่องรถเฉี่ยวชนกับเขาเมื่อวานนั่นกลับรบกวนใจเขาได้มากจนคร้านจะเอ่ยทักในเมื่อบรรยากาศ
แถวนั้นมันเน่าเสีย แต่ทำไมเขาจะต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดด้วย แค่หลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
ในตอนนี้มันก็มากเกินพอแล้ว
ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้อารมณ์ขุ่นมัวลงไปได้มากกว่านั้น ทว่าเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินขึ้นบันได
นำหน้าพ่อบ้านเบ็นมา ชายหนุ่มก็ยิ่งทั้งไม่พอใจและหลากใจไปพร้อมๆกัน
“มาที่นี่ทำไม...คุณดาหวัน อย่าบอกนะว่าตามผมมา”
“คุณคราม คุณพี่ชายคะ จะบอกให้นะว่าคุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ดาจะพิศวาส
แล้วก็รู้นี่ว่าดาไม่ใช่พวกปากไม่ตรงกับใจ พูดตรง ทำตรงอยู่ตลอด”
ครามหรี่ตามองน้องสาวลูกติดพ่อเลี้ยงที่มองตอบเขาอย่างถือดี ดาหวันเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยคมอยู่พอตัว
ผิวสองสีค่อนข้างเข้มเพราะได้เชื้อคนใต้จากเทวัญผู้เป็นพ่อ ผมตัดสั้นซอยเข้ากับรูปหน้าพอดิบพอดี
แม้น่ามองเพียงใดก็ไม่ใช่สำหรับเขา เขาเป็นลูกติดข้างแม่ เธอเป็นลูกติดข้างพ่ออายุน้อยกว่ากันไม่กี่ปี
ครามไม่เคยจะนับอีกฝ่ายเป็นน้องสาว เหมือนที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่ เธอไม่ชอบแม่เขา
เขาเองก็ชังพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงทั้งคู่แสดงออกว่าต้องการเมินเฉยในตัวกันและกันตลอดมา
ดาหวันมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร น่าสงสัย... สองเดือนของเขาที่หายไปอาจจะเกี่ยวกับเทวัญพ่อเลี้ยง
ยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้แต่ทีแรก ครามยังไม่เข้าใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าที่นี่อันตรายอีกฝ่ายจะส่งลูกสาว
เพียงคนเดียวมาเสี่ยงเชียวหรือ รึว่าดาหวันเองที่ดึงดันจะมา
ชายหนุ่มไม่เอ่ยวาจากับลูกสาวพ่อเลี้ยงอีก แต่ในเวลาที่เขามีเรื่องจะต้องมาค้นหาความจริง
การเข้ามาของดาหวันยิ่งทำให้สับสน
หญิงสาวเดินตามหลังเขาขึ้นมาทางปีกตึกซ้าย พร้อมทั้งเอ่ยเหมือนพูดลอยๆ “จะบอกอะไรให้นะ
ถ้าคุณตาไม่บอด จะเห็นว่าดาจองห้องไว้ก่อนคุณเสียอีก ห้องแรก ตรงมุมสุดระเบียงโน่นเลย
ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ใกล้กันเกินไปนัก เพราะยังมีห้องมหึมากั้นเราเอาไว้ตั้งสองห้องแน่ะ”
ยามเดินผ่านเขาไปดาหวันสบตาแข็งกร้าวของพี่ชายซึ่งเป็นลูกติดมารดาเลี้ยง
สตรีผู้นั้นเพิ่งจะเสียชีวิตไปด้วยการฆ่าตัวตาย ถ้าเอาตามที่เป็นข่าวโดยไม่สนใจความเป็นจริง...
แล้วคนเป็นลูกชายก็เลยข้องใจกับการตายนั้น อุตส่าห์อพยพกลับมาจากเมืองนอกเมืองนาที่ไปอยู่มา
เสียกว่าครึ่งชีวิต ดาหวันคิดดูแคลน สายเกินไปไหมที่จะมาสนใจแม่ที่ตอนมีชีวิตเขาเองก็แทบจะไม่เคยสน
ถ้านับเอาจากเท่าที่เธอเห็น
ดาหวันเห็นครามเป็นคนไม่เอาใคร ตอนเด็กอาจรักแม่ แต่ได้ยินมาว่าตั้งแต่ถูกเอาตัวไปอยู่กับพ่อ
ที่เป็นลูกจีนอเมริกา อินดิโก้ ชางก็แหกคอกจนถึงกับหนีออกจากบ้าน ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นบ้านแตก
แทบจะใช้ชีวิตเหมือนพวกโฮมเลส จนไต่เต้าขึ้นมาในวงการแฟชั่นได้ด้วยตัวเอง
เขาอยู่โดดเดี่ยวอย่างนั้นมาจนโต เธอจินตนาการไปไม่ถึงได้เลย ในใจของเขาจะเป็นเช่นไร
ทั้งที่ดูภายนอกเนี้ยบเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทว่าในแววตานั้นมีอารมณ์ดิบแฝงอยู่เต็มร้อย
แม้เธอจะกล้ารวนเขาต่างๆนานา แต่ก็ทนสู้ตาเขาไม่ได้อย่างใจเสียที แต่เอาเถอะ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนเลวเกวเกินไปนัก ก็วัดเอาจากที่เคยเห็นมาอีกนั่นแหละ...
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากลัวอะไรในตัวชายคนนี้ หรือจะเป็นอำนาจ... ที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครอื่นได้รับรู้
มีเพียงเธอที่รู้ดี ดาหวันมีโอกาสได้รู้ เพราะเธอเองก็มีอำนาจคล้ายๆอย่างที่ว่า
เพียงแต่ยังห่างชั้นกับเขาอยู่หลายส่วน
ครามยังไม่รู้ แท้จริงแล้วดาหวันมาตามคำสั่งของนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังเวชกุลอีกทีอย่างเทวัญ ศรีบริรักษ์
พ่อของเธอเองนั่นแหละ ด้วยการบีบคั้นจนเคยชิน นับวันความเป็นพ่อลูกดูเหมือนจะจางไปจากใจยิ่งขึ้นทุกที
หญิงสาวถูกส่งมาที่นี่ในฐานะหนูทดลองดื้อรั้นตัวหนึ่งที่พ่อให้โอกาสแก้ตัว แต่เธอไม่ยอมเป็นแค่นั้นแน่
จะต้องหาทางออกให้ตัวเองและทำให้เรื่องได้ยุติลงเสียที
วาริชปลีกตัวไปคลินิกตั้งแต่หลังจากวนัสสาขอตัวเข้าห้อง เขารู้สึกเซ็งนิดหน่อยกับการต้องมี
ไอ้หนุ่มตี๋อินเตอร์คนนั้นมาร่วมบ้านอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทนไปอีกช้านานเท่าไร
แต่พอไปถึงร้านชายหนุ่มก็ยิ้มแย้มตามปกติ ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องทำงาน
วันนี้เขาไม่อยู่ในอารมณ์จะไปช่วยดูเรื่องเคสสัตว์เลี้ยงที่เข้ามา ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ
สัตวแพทย์ประจำไปก็แล้วกัน
ตกบ่าย ผู้ช่วยสาวของคลินิกเลียบๆเคียงๆเยี่ยมหน้าเข้ามาหาคนเป็นนายจ้าง
สีหน้าอมยิ้มนั้นคล้ายมีลับลมคมในจนวาริชต้องออกปาก
“เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นชั้นล่างหรือไง ผมไม่ยักได้ยินเสียงนะ”
“เปล่าค่ะ แต่มีเรื่องจะบอกหมอริชหน่อย” หญิงสาวยังพูดยิ้มๆอมพะนำอยู่ในที
“ให้ไว”
“เอ่อ ก็...เมื่อเช้ามีเจ้าของแมวเอาแมวมาทิ้งไว้ค่ะ พร้อมเงินสดในซองแล้วผลุบหายไปเลย
มีเขียนมาว่าขอฝากแมวเอาไว้ก่อน ยังไม่รู้นานแค่ไหนถึงจะมารับกลับได้”
“บอกแล้วไง เคสแบบนี้ไม่รับ” วาริชก้มลงดูบิลค่าใช้จ่ายของร้านบนโต๊ะต่อ
“ไม่ได้รับนี่คะ เขาเอามาวางปุแล้วก็ชิ่งหนีเลย แต่ว่าหมอคะ...เราไม่รู้จะทำยังไงกับมันนี่นา”
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคลินิกเราคงกลายเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์อนาถา”
วาริชหัวเราะด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งชอบกล
“ไม่อนาถานะคะหมอ ลูกแมวน่ารักมาก น่ารักสุดๆ น่ารักที่สุดตั้งแต่หนูเคยเห็นแมวมาเลย”
สาวเจ้ายังคงกล่อมเสียงยานคาง
“ไม่อนาถายังไงเล่า ก็แมวโดนเจ้าของทิ้งน่ะ”
“ชั่วคราวค่ะ ใครทิ้งแมวแบบนี้ได้ก็บ้าแล้ว”
ก่อนที่วาริชจะบ่นอะไรไปกว่านั้นก็มีเสียงร้อง หม๊าว ดังหน้าห้องทีหนึ่ง สัตวแพทย์หนุ่มเงยจากโต๊ะทำงาน
เลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น ถอนหายใจ ผู้ช่วยหนุ่มอีกคนที่ยืนรอหน้าห้องเห็นได้จังหวะจึงก้าวเข้าไป
พร้อมตะกร้าหวายใบย่อมที่มีสิ่งมีชีวิตอ้วนปุยตัวหนึ่งเยี่ยมหน้าขึ้นมาเกาะขอบตะกร้าไว้แน่น
เมื่อตะกร้าถูกวางบนโต๊ะ เจ้าของคลินิกก้มลงมองมันใกล้ชิด ดูแวบเดียวก็รู้ว่าแมวตัวนี้น่าจะเป็นลูกครึ่ง
สก็อตติชหูลู่ สังเกตได้จากหูเล็กจิ๋วของมัน คงผสมมากับอเมริกันช๊อตแฮร์ อาจจะมีปนเอ็กโซติกช๊อตแฮร์ด้วย
ทำให้หน้ามันกลมเพิ่มขึ้นอีก เรียกว่าน่ารักสมคำอ้างของผู้ช่วยสาวประจำคลินิกจริงๆ
“เขียนบอกไว้ว่าชื่อเจ้าโดร่าค่ะ ตัวผู้”
“อ้วนปุ๊ก แถมลายเทา...เทาฟ้า ชวนนึกถึงโดราเอม่อนจริงๆ ยิ่งใส่ปลอกคอสีแดงกับกระดิ่งทองนี่ด้วยแล้ว
เจ้าของมันจงใจแต่งตัวให้น่ารักชัดๆ”
“ครับ เห็นแล้วก็ใจอ่อนใช่ไหมครับหมอ” ผู้ช่วยหนุ่มวัยละอ่อนที่ตามเข้ามาเอ่ยเสริม
“ฮึ่ม จนได้...เอาก็เอา เห็นว่าเจ้านี่มันเหมือนตัวการ์ตูนโปรดผมหรอก จะเลี้ยงไว้แถวนี้แล้วกัน
ให้เป็นแมวประจำคลินิกชั่วคราว แมวนางกวัก ไม่แน่ถ้ามันใช้การได้จริงตอนเจ้าของมาทวงคืน
เราก็ไม่ต้องคืน ยึดไว้นี่ซะเลย” วาริชคำรามในคออย่างนิสัยไม่ค่อยจะดีตามประสา
แต่ลูกน้องทั้งคู่ก็เห็นงามด้วย
ในที่สุดหนุ่มสาวทั้งคู่ก็ล่าถอยออกไปเมื่อเจ้าของคลินิกที่เป็นคนเพี้ยนอยู่แล้วตามปกติทำท่าคล้าย
อยากจะสนทนากับแมวเป็นภาษาเฉพาะของตนลำพัง สัตวแพทย์หนุ่มอุ้มลูกแมวอ้วนกลมขึ้นมาจากตะกร้า
กองมันแปะไว้บนโต๊ะทำงาน เจ้าโดร่าเอียงคอมองมาอย่างกังขา มันดูแสนรู้ทีเดียว
และดูเหมือนจะสนใจจ้องหน้าชายหนุ่มตอบมากกว่าหาเรื่องเล่นซุกซนตามวัย
“เจ้าโดร่า...แกมีของวิเศษที่ช่วยเรียกความทรงจำกลับมาไหม”
คิ้วโค้งได้รูปของคนพูดเลิกขึ้นราวกับกำลังคาดคั้นแมวเหมียวตรงหน้าเอาจริงจัง
แมวทำท่าชะงักนิ่งลงยิ่งกว่าเดิม แต่แววตาของมันดูจะรำคาญใจกับวาริชซึ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเก่า
ลูกแมวจึงยกขาสั้นๆของมันขึ้น ใช้อุ้งเท้านุ่มๆที่เหมือนสวมถุงเท้าสีขาวปุยยันปากของสัตวแพทย์หนุ่มไว้
ไม่ให้เขาเข้าใกล้ยิ่งกว่านั้น
“หึ คงไม่มีสินะ” ชายหนุ่มขยับปากอุบอิบทั้งที่เท้าเจ้าเหมียวยังคาปาก “จะบ่นว่าคราวนี้โนบิตะ
ต้องหัดช่วยตัวเองงั้นหรือโดร่า แต่บอกซะก่อน ว่าโหดอย่างฉันไม่ใช่พวกอ่อนแอแบบเจ้าเด็กนั่นแน่”
วาริชยิ้มเหี้ยมเกรียมกับแมว “ใครบังอาจมาลบความทรงจำของฉันไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
มันจะต้องจ่ายคืนแพง...แพงสุดขั้วทีเดียว”
ครามใช้เวลาสำรวจนั่นนี่ในห้องจนพอใจ ห้องของเขาเป็นโทนสีเทาดำขรึมเข้มเจือเขียวจางๆอย่างที่ชอบ
แต่เปล่าเลย เขาไม่ได้ระบุว่าต้องการเช่นนี้ หรือเป็นบริการระดับสูงของที่พักซึ่งอุตส่าห์สืบเสาะรสนิยม
ของแขกเป็นอย่างดี ถ้าเป็นแบบนั้นก็คุ้มราคาที่นับว่าสูงลิ่วอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าจะรู้ดี รู้ดีเกินไป
จนเขาชักไม่ชอบใจ เพราะสังหรณ์ว่าภายใต้สิ่งเหล่านี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่
หรือนี่คือการบอกใบ้ให้ระวังตัว เขารู้สึกเหมือนถูกทดสอบทางจิตวิทยาจากสิ่งที่มองไม่เห็นตัวตน
นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้ามายังคฤหาสน์เลยก็ไม่ผิด
ตอนนี้เพิ่งห้าโมงเย็น เวลาอาหารค่ำที่นี่เริ่มตั้งโต๊ะตอนหกโมง เขาทอดตามองลงไปยังสวน
เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว คราวนี้เธออยู่ลำพัง ภายในรอบรั้วนี้กว้างขวางมาก แต่หลายส่วน
ก็ปิดไว้ไม่ให้คนนอกล่วงล้ำเข้าไป ทั้งส่วนหลังของตัวคฤหาสน์ และรวมถึงสวนด้านหลังก็ปิดด้วยเหมือนกัน
“เช้าเดินเล่น เย็นเดินเล่น หรือว่าที่จริงกำลังสำรวจหาอะไรรอบๆบ้านนี้กันแน่...หึ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆกับตนเอง เกิดความคิดวูบหนึ่งว่าจะลงไปก่อกวนความสงบของผู้หญิงคนนี้ดูเล่นๆสักที
ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด ทำไมนึกอยากทำแบบนั้นขึ้นมาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แล้วความคิดนั้น
ก็จางหาย อย่าไปสนใจเลย ก็แค่ผู้หญิงที่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ได้สลักสำคัญอะไร...
จวนถึงเวลาอาหารเย็น วนัสสากลับเข้ามาในคฤหาสน์ กับบรรยากาศภายในนี้
เธอแน่ใจว่าเคยมีประสบการณ์กับมันมาระยะหนึ่งถึงจะไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่เธอไม่คุ้นเคยกับ
สวนกว้างใหญ่ นอกไปเสียจากส่วนที่เป็นลานเต้นรำคืนนั้น มูนแด๊นซ์ แสงจันทร์รำไรที่ไม่ได้ส่อ
งให้เห็นใบหน้าของคู่เต้น แต่กลับฝังใจไม่รู้ลืม ความรู้สึกจะเลื่อนลอยเพราะเครื่องดื่มที่ได้รับเข้าไป
ทว่ายังจำได้ด้วยซ้ำ...ว่ามือเขาที่สัมผัสกับเธออบอุ่นเพียงไรแม้จะไม่ได้นุ่มนวลนัก แล้วเพราะมือคู่นั้น
อีกหรือเปล่า ที่ชักพาสู่ห้วงเวลาดำมืดจนความทรงจำของเธอหายไป หรือว่าเขาคือคนที่ช่วยให้รอดพ้นมา
วนัสสาจะต้องค้นหาความลับที่เกิดขึ้นภายใต้ชายคาคฤหาสน์ ทั้งเรื่องคนหลายคนที่พบเจอ
และสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกลงไป งานเลี้ยงเย็นนี้อาจมีสิ่งใดแอบแฝง...หรืออาจไม่มี แต่มันก็เหมือนการ
ประกาศกลายๆ ว่าตอนนี้ผู้เล่นพร้อม สถานที่พร้อม และเกมกำลังจะเริ่ม ไม่มีใครช่วยให้
รอดปลอดภัยไปได้ นอกจากตัวของตัวเองเพียงอย่างเดียว
หญิงสาวกำลังก้าวไปสู่ห้องรับประทานอาหารเย็น เคยเห็นห้องที่ว่ามาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรก
ที่จะได้รับประทานอาหารเย็นซึ่งทางที่พักจัดไว้ให้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ทุกวันๆก็มีอันจะต้องออกไปข้างนอก
ตลอดในช่วงเวลาเย็นจนถึงค่ำมืด วันนี้ทุกอย่างดูจะลงตัวเหมาะสม อีกทั้งพ่อบ้านเบ็นยังแจ้งไว้ล่วงหน้า
ว่านี่จะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ฉลองเปิดที่พักและต้อนรับแขกซึ่งเริ่มทยอยเข้ามาร่วมชายคา
ระหว่างเดินตัดผ่านหน้าบันไดกลางไปสู่ห้องรับประทานอาหารทางปีกขวาของคฤหาสน์
วูบหนึ่งอะไรสีน้ำเงินบอบบางลอยโฉบผ่านไปในเสี้ยวอึดใจ วนัสสาเหลียวตาม
ผีเสื้อ...มันบินหายไปตรงประตูทางเข้าส่วนหลังคฤหาสน์ที่ดูคล้ายจะซ่อนลึกอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน
ชั้นสองซึ่งชะโงกเงื้อมลงมา ประตูบานประกบนั้นปิดเอาไว้ตลอด เพราะเป็นส่วนที่ไม่เปิดใช้งาน
และเธอก็รู้ดีว่าหากเบ็นไม่เปิดให้ก็คงยากที่จะเข้าถึงมัน
“ไว้ค่อยหาทางทีหลังแล้วกัน”
เมื่อเริ่มหิว วนัสสามีนิสัยน่ารักอยู่อย่างที่จะไม่อารมณ์เสีย เวลาคิดว่าจะได้กินโดยเฉพาะอย่างยิ่งของอร่อย
เธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้เอาเข้าจริงอาจชิมแค่จานละนิดจานละหน่อย
นาเดียและแม่บ้านร่างท้วมที่ดูอาวุโสกว่ายิ้มแย้มต้อนรับอย่างกันเอง วนัสสารู้สึกดีตรงคนพวกนี้
ไม่ทำตัวเป็นหุ่นอย่างคนรับใช้ที่ต้องเคร่งครัดเว้นระยะห่างทุกกระเบียดนิ้ว คงศึกษามาแล้วว่า
จะทำอย่างไรให้บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านสำหรับคนไทย จะทำอย่างไร...ให้ตายใจมากที่สุด
“คุณหนูวนัสสาคะ นี่คุณอีกริต จะมาเป็นหัวหน้าแม่บ้าน หัวหน้าพวกสาวๆทั้งหลายอีกทีค่ะ”
“ยินดีที่ได้รับใช้ค่ะคุณหนู...หวังว่าที่นี่จะทำให้รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองนะคะ” อีกริตย่อตัวทักทาย
เมื่อวนัสสายื่นมือออกไปจับ หญิงวัยกลางคนก็จับตอบ หญิงสาวคล้ายเห็นแววลังเลวูบหนึ่ง
หรือเพราะสตรีตรงหน้านี้รู้ว่าเธอมีความสามารถเช่นไร ทว่าสีสันความรู้สึกซึ่งสัมผัสได้จาก
อีกริตกลับเต็มไปด้วยความรื่นรมย์แฝงอารมณ์ดี สีสันสดใสของผักผลไม้ เนื้อไก่อบชุ่มฉ่ำ
ไหนจะยังของหวานที่เตรียมไว้อีก สีชมพูที่ดูใสเป็นวุ้น หยุ่นเหมือนเยลลี่ ทำให้เธอเองก็พลอย
สดใสไปด้วยกับทุกสีสันนั้นเช่นกัน
บนโต๊ะอาหารตัวยาว วนัสสาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้เข้าพักคนใหม่ชื่อดาหวันซึ่งหน้าคม
ผิวค่อนข้างเข้มอย่างสาวใต้ แม้สายตานั้นจะมีความเป็นมิตร แต่ดูว่าเจ้าตัวจะไม่อยากพูดจานัก
นอกจากเป็นฝ่ายฟังคนอื่นคุย ถัดมาคือสองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ออกตัวว่ามาหาที่ฮันนีมูน
ราคาแพงกันเอากลางเมืองอย่างนี้นี่เอง เผื่อมีงานด่วนของบริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่พวกตนเป็นเจ้าของอยู่
จะได้วิ่งรถไปทันท่วงที ฝ่ายหญิงชื่อสายชล ออกจะเป็นสาวร่างอวบยิ้มเก่ง ส่วนเชนทร์ผู้เป็นสามี
หน้าตาแจ่มใสเข้ากับเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวาริช
“นี่ถ้ารู้ว่ามีร้านหมอเชื่อมือได้อยู่แถวนี้ หลายเดือนก่อนเจ้าเท็ดหมาผมอาจไม่ตาย”
“ผมว่าถ้าต้องอยู่อย่างทรมานสู้ไปสบายดีกว่านะครับ...ไม่ว่าคนหรือสัตว์
ว่าแต่แค่เห็นหน้าก็เชื่อมือผมแล้วหรือครับคุณเชนทร์” วาริชยกแก้วขึ้นดื่มให้กับคำพูดถูกใจ
“ว่าไม่ได้หรอกคนเรา ดูแววตาก็รู้แล้วว่าเป็นคนเอาจริงไหม เอาถ่านหรือเปล่า
เราพอจะดูกันออกใช่ไหมครับว่าคนมี ‘ใจ’ ในทุกเรื่องที่ทำน่ะแววตายังไง”
“ขอบคุณครับ ผมใส่ใจก็จริง แต่เฉพาะกับเรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้นนะ”
สัตวแพทย์หนุ่มหรี่ตายิ้มๆ “อาจไม่ใช่ทุกเรื่อง”
“เอาน่า มีหลายเรื่องก็ยังดี” เชนทร์สรุปเอาเองง่ายๆ
ความดึงดูดคนของวาริชคงไม่ใช่แค่กับเชนทร์ เพราะดูเหมือนทั้งดาหวันหรือใครต่อใคร
ก็สนใจฟังเขาพูดกันหมด มีเพียงคนเดียวที่นั่งรับประทานอาหารของตัวไปเงียบๆ
แต่กลับเป็นคนที่วนัสสาแอบมอง แล้วก็มองได้ชัดเสียด้วยเพราะเขาบังเอิญมานั่งตรงข้ามเธอพอดี
อินดิโก้...เขาบอกชื่อนั้นออกมาทีแรก แต่ให้คนอื่นเรียกชื่อไทยง่ายๆว่าคราม
ดูเขาก็เหมือนลูกไทยจีนมากกว่าฝรั่ง ถ้าให้เดาคงจะเป็นพวกลูกเสี้ยว หน้าเรียวขาวสดชื่นสะอาดสะอ้าน
ของชายหนุ่มบ่งบอกว่าเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ผมที่คงจะทัดหูไว้จนโค้งอย่างถาวรถูกจัดทรงไว้อย่างดี
ลูกคางตัดเหลี่ยมตรงปลายดูสมชาย ดีว่ายังไม่ถึงขนาดมีรอยบุ๋มอย่างซุปเปอร์แมนแถมมาด้วย
บวกกับไรเคราเขียวจางแถวแนวขากรรไกรชัด ช่วยให้ดวงหน้าโดยรวมไม่สำอาง
คิ้วเรียวคมปลาบเหมือนปาดไว้ด้วยพู่กันสะบัด หัวคิ้วขมวดมุ่นนิดๆอย่างไม่สบอารมณ์หลายครั้ง
ที่ได้ยินวาริชพูดอะไรแปลกๆ เขาก้มหน้าก้มตากินเสียส่วนมาก กินอย่างเรียบร้อยไม่มูมมาม
แต่กินเร็ว กินได้มาก จนเหมือนทั้งนายคนนี้และวาริชซึ่งพูดไปกินไปได้อย่างคล่องปากกำลังแข่งกัน
ทำลายอาหารจนเกิดเป็นสงครามเย็นกลายๆที่ไม่มีใครรู้สึกนอกจากวนัสสา
ครามใช้เวลาในช่วงมื้อนั้นจับสังเกตทุกคนเช่นกัน รวมถึงผู้หญิงที่มองเขาเอาๆตรงหน้าด้วย
ดูเธอจะอยากถามเต็มที ว่าเขาจำเธอได้บ้างไหม แต่คงไม่ใช่ต่อหน้าคนมากมายให้ต้องเท้าความ
กันยืดยาว เขาเองก็ลอบมองเธอ แล้วก็ยิ่งเห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ามองอย่างประหลาด
...เขาเองจำเธอได้ดี แต่ออกตัวอยู่ในใจว่าไม่ได้สนใจเป็นการส่วนตัวในเชิงชู้สาวหรืออะไรแบบนั้น
ทว่าก็ต้องยอมรับว่าขี้แมลงวันใต้หางตาซ้ายนั่นยิ่งทำให้ดวงตาน้ำตาลใสของเธอสวยขึ้นไปอีก
รับกับหน้าตาสะสวยหาตัวจับยากได้เหมาะเจาะ รูปร่างสะโอดสะองเดินเหินราวกับจะลอยล่อง
ไม่ช้าไม่เร็วแต่สง่า ทั้งที่ส่วนสูงคงไม่ถึงร้อยหกสิบห้าด้วยซ้ำ ธรรมดาสำหรับสาวไทย
แต่เตี้ยมากสำหรับเขาที่คุ้นเคยกับการจับนางแบบร่างชะลูดมาแต่งตัวเดินแบบ
ไม่รู้ทำไมคราวนี้ชักนึกอยากเล่นแต่งตัวตุ๊กตาตรงหน้านี่มากกว่าตัวไหนๆที่เคยผ่านมือ
ถ้ามีโอกาสก็คงดี เสียแต่ว่าช่วงนี้เขากำลังยุ่ง
วนัสสาคงไม่ได้คิดไปเอง ที่ว่าชายหนุ่มผู้นั่งตรงข้ามลอบสังเกตเธออยู่ มือเธอวางบนโต๊ะ
มือเขาก็เช่นกัน วูบหนึ่งที่สายตาสองคู่ประสาน ความรู้สึกบางอย่างพลันผุดขึ้นในใจหญิงสาว
“อยากได้เครื่องดื่มร้อนๆหลังอาหารไหมครับ” เบ็นที่เพิ่งกลับเข้ามาเอ่ยเหมือนชี้ชวน
ให้หันไปสนใจมากกว่าจะต้องการคำตอบจริงจัง
‘อยากได้เครื่องดื่มสมุนไพรอะไรร้อนๆเป็นพิเศษไหมครับ’
ประโยคในอดีตดังซ้อนทับขึ้นมาในสมองของวนัสสา แน่นอนว่าคนพูดคือเบ็น...
‘หึ ในสถานการณ์ตกกระไดพลอยโจนที่มีเรื่องร้ายกาจเกินคาดเดารออยู่ข้างหน้า
บางทีคุณควรจะคั้นน้ำใบ “โฟร์ลีฟโคลเวอ” มาให้เราดื่มละมั้ง...’
เป็นเสียงของครามที่วางมืออยู่บนโต๊ะประชดตอบไป
นี่เธอกำลังอ่านความรู้สึกจากตัวเขา รวมกับเศษความทรงจำที่มีร่วมกัน เกิดเป็นความรับรู้
ที่กระจ่างชัดขึ้นมา เธอเคยมานั่งตรงนี้ มีเบ็นที่ตั้งคำถาม มีมิสเตอร์อินดิโก้หรือนายคราม
และกำลังจะต้องเผชิญสถานการณ์อะไรไปด้วยกันงั้นหรือ อะไรที่เขาเรียกว่ามันคือการ
‘ตกกระไดพลอยโจน’ ในคำพูดนั่น
เมื่อทุกคนอิ่มอาหารทั้งคาวหวาน เบ็นก็ชี้ชวนให้แขกที่เข้ามาพักตามตนไปสู่พื้นที่ของโถงกลาง
แต่คราวนี้พ่อบ้านชราถูมืออย่างมีลับลมคมใน ก่อนจะผายมือไปยังประตูสู่ส่วนหลังคฤหาสน์
อันซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปภายใต้เงาเงื้อมของราวระเบียงชั้นบน ประตูที่วนัสสาเพิ่งจะเล็งไว้
ตอนนี้ประตูนั้นเปิดอยู่ เห็นแสงสีฟ้าเรืองวาววามมาจากข้างใน
“เชิญครับ...ผมจะพาไปชมส่วนอภินันทนาการที่เราเตรียมไว้ให้ มีทั้งโต๊ะพูล
ตู้หยอดเหรียญสารพัดแบบ บาร์ที่ชั้นใต้ดิน สระว่ายน้ำในร่ม ห้องซาวน่ารวม
พักที่นี่คุณจะสบายเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยเชียว”
“ไม่เห็นบอกล่วงหน้าเลยนะคะ ว่ามีแถมให้ขนาดนี้ แล้วก็ไม่ยักรู้ว่าที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย”
สายชลเอ่ยร่าเริงพลางบีบแขนสามี “ฉันชอบน้ำ เหมือนชื่อละค่ะ แต่ว่ายเท่าไหร่หุ่นก็ไม่ลดเสียที
นี่ถ้ารวมระยะทางที่ว่ายมาตลอดชีวิต คงว่ายจากอ่าวไทยไปถึงฮาวายได้แล้ว” หญิงสาวร่างอวบพูดติดตลก
“อย่าลดเลย ผมชอบแบบนี้” เชนทร์โอบภรรยาเข้ามาหอมตรงขมับแรงๆ
“หายากนะคะผู้ชายดีๆแบบนี้ ส่วนใหญ่ตัวเองหัวล้านลงพุงได้ แต่เมียห้ามอ้วน”
ดาหวันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งชัดว่าชมหรือเสียดสีผู้ชายทั้งโลก
“ตอนนี้ยังดีอยู่ค่ะ น้ำต้มผักยังหวานๆ รออีกสักสิบปีจะคอยดูว่าพูดเหมือนเดิมไหม”
สายชลหัวเราะเปิดเผย ไม่ถือสาประโยคเถรตรงของดาหวันซึ่งดูเป็นคนที่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด
วนัสสารู้สึกได้ชัดว่าหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งจัดจนออกคล้ำเนียนอย่างดาหวันคงเป็นคุณหนูพันธุ์ถึก
เป็นลูกคนมีเงินที่ตามใจตนเองเสียเคย ขณะเดียวกันก็เอานิสัยนั้นไปใช้ลุยทุกอย่าง
แต่บุคลิกชนตรงแบบนี้บางทีอาจจะอันตรายน้อยกว่าคนวางแผนทำเรื่องซับซ้อนอยู่ในใจก็เป็นได้
“เอาครับ ไปกัน...พร้อมหรือยัง” เบ็นและพวกพนักงานต้อนรับของที่พักซึ่งแต่งตัวเหมือนหนุ่มสาว
รับใช้โอบเข้ามา คล้ายจะช่วยประกบทุกคนให้ก้าวสู่โลกแห่งยามราตรีที่รอคอย แต่แล้วกลับมีอยู่คน
ที่เลือกจะก้าวพ้นวงล้อมนั้นไป
“ขอตัวนะ ผมมีธุระ” ครามเอ่ยเรียบๆ
แต่ดูจากย่างก้าวยาวๆของเขาจนถึงตอนขึ้นบันไดไปนั้นก็ดูว่าคงจะรีบจริงๆ
วนัสสาแอบได้ยินเสียงวาริชร้องเฮอะออกมาเบาๆ ...ผู้ชายสองคนนี้ไม่ถูกชะตากัน
เพราะเรื่องรถเฉี่ยวรถชนหรือจะมากกว่านั้น บางทีศึกชิงความเป็นจ้าวผู้อยู่เหนือกว่าในทางอารมณ์
ของหนุ่มๆก็พอกับเด็กตีกันในสายตาคนนอก แต่สำหรับพวกเขาคงเหมือนคู่ต่อสู้ที่ยืนคุมเชิงกันอยู่คนละ
ฟากฝั่งแม่น้ำเชี่ยวกราก ประหัตประหารกันด้วยสายตา รอว่าใครจะทนไม่ไหวและกระโจนบุกน้ำไปหาอีกฝ่าย
ซึ่งแน่นอนว่าคนเสียการควบคุมก่อนเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ทั้งหมดเดินเข้าสู่ประตู ผ่านอุโมงค์ที่เรืองรองด้วยแสงไปจนพบห้องกว้างขวางว่างเปล่า
แต่แล้วโดยไม่ให้เสียเวลารอ พื้นห้องอันแนบเนียนนั้นกลับเลื่อนเปิดออกช้าๆอย่างน่าตะลึง
วนัสสาเดาได้ทันทีว่าตำรวจที่เข้ามาสืบค้นคงไม่ได้เห็นภาพอะไรอย่างนี้
“เข้าใจทำนะคะ” ดาหวันยักไหล่ แต่ในน้ำเสียงนั้นคล้ายจะบอกว่าไม่ได้ทึ่งอะไรนัก
ในขณะที่สายชลหันไปตื่นเต้นกับสามี ก็มีเพียงวนัสสาที่สบตาวาริชเงียบๆ เห็นชายหนุ่มมองมา
คล้ายกังวลใจแต่ก็ปลอบประโลมอยู่ในที ว่าอย่างน้อยยังมีเขามาด้วย
วาริชคิดว่าเธอบอบบางอย่างนั้นหรือ เธอนี่แหละ จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครถ้ามีเรื่อง
และจะยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย แม้ว่าคนรอบกายจะล้มลงนอนตายไปหมดแล้ว วนัสสามั่นใจ...
ช่องทางนั้นมีบันไดเลื่อนลงสู่ชั้นล่าง เสียงเพลงประกอบบรรยากาศบางเบาดังเหมือนน้ำหยดในถ้ำคริสตัล
สะกดให้เคลิ้มไปว่ากำลังล่วงเข้าสู่แดนฝัน แต่วนัสสาตั้งใจไว้แล้ว ตราบใดที่พลังจิตเข้มแข็ง
คราวนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายเธอได้
“อยู่ข้างๆผมนะคุณหนูวนัส” วาริชพูดลอยๆ พอให้ได้ยินกันเพียงเขาและเธอซึ่งยืนเคียงกัน
บนบันไดเลื่อนที่กว้างกว่าตามห้างสรรพสินค้าสักเกือบเท่าตัว “เผื่อว่า...จะมีอันตราย”
“ทำไมคะ หมอริช คุณช่วยฉันได้หรือถ้ามีมาเฟียรอเราอยู่ในคาสิโนข้างล่าง”
“ก็น่าจะพอช่วยได้บ้าง” วาริชตอบกลั้วเสียงฮึมฮัมอารมณ์ดีในคอ
ทั้งหมดลงถึงชั้นล่างซึ่งอยู่ลึกลงไปมากพอสมควร สาวๆต่างห่อปาก ส่งเสียงจิ๊จ๊ะถูกใจ
กับความหรูหราอลังการ เพดานสูงรวมถึงแม้แต่ในผนังก็ดูราวกับประดับไว้ด้วยเกล็ดคริสตัลเงินยวง
เสาต้นสูงสีเงินอีกเช่นกัน ไม่ใช่เงินวาวอย่างหยาบๆ แต่เนื้อละเอียดอ่อนและทั้งทันสมัยน่าดูชม
“ทั้งด็อกเตอร์กฤษณะกับคุณศศิราศีภรรยาที่เป็นเจ้าของเก่าที่นี่สร้างไว้ดีมากนะครับ” เบ็นชื่นชม
วนัสสาหรี่ตา สองคนนั้นมีทรัพย์สินขนาดนี้ แปลว่าเวชกุลมีอำนาจอยู่ในมือมากยิ่งกว่าที่เธอเคยคิด
พวกเขาทำอะไร ที่ผ่านมาพ่อเธอทำอะไร
พ่อคะ...ตอบหนูหน่อยได้ไหมว่าทำไมพ่อถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูเข้าใจชีวิตของพ่อจริงๆเลยสักที
จนวันหนึ่งชีวิตนั้นกลืนกินตัวพ่อไป จนตอนนี้หนูจะยอมให้มันกลืนกินตัวหนูไปด้วยอีกคน
ถ้าหากมันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้พ่อกลับมา อย่างน้อยก็ขอให้เราได้พบกันอีกครั้ง
แม้คนอื่นจะเชื่อว่าพ่อเธอตายไปแล้ว แต่วนัสสาเองรู้และเข้าใจถึงราคาของอัจฉริยภาพในตัวบิดาดียิ่ง
เธอไม่เชื่อว่าเวชกุลจะยอมแลกความลับราคาแพงขนาดไหนก็ตามกับมันสมองของพ่อ
เพราะไม่มีใครจะมาแทนที่นักวิทยาศาสตร์อย่างคนชื่อศิวัฒน์ได้อีกแล้ว ไม่มีทาง
ไอเย็นเจือจางลอยเรี่ยพื้นคล้ายมีไว้เพิ่มบรรยากาศ แต่กลับทำให้รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเดินลึกเข้าไป ผ่านส่วนบันเทิงอันชวนให้ตื่นตา
“ที่นี่ดูอันตรายนะครับ ผมชักเสียวๆสันหลังยังไงบอกไม่ถูก” วาริชเปรยดังๆ
“ไม่เลยครับ รับรองว่าระบบทุกอย่างข้างใต้นี้ปลอดภัยดี คุณหมอวาริชต้องประทับใจแน่”
เบ็นเรียกอย่างให้เกียรติ ด้วยพอจะรู้มาว่านอกจากงานประจำสาขาอาชีพที่ร่ำเรียนมา
วาริชยังมีความรู้ทางรักษาคนอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าแพทย์ปริญญาบางคนเสียด้วยซ้ำ
“คนของเราพร้อมแล้วที่จะแนะนำ เชิญแยกย้ายกันสนุกตามใจชอบเลยครับ”
พ่อบ้านชรายิ้มอยู่ใต้หนวดสีออกเทาเมื่อมองหนุ่มสาวทั้งห้าแยกย้ายกันไป แขกยังมาไม่ครบ
ตอนนี้ยังต้องรอไปก่อน เบ็นถอนใจก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“ไม่อันตรายหรอกครับ อย่างน้อย...ถึงจะอันตรายก็ยังไม่ใช่วันนี้ก็แล้วกัน”
หลังแยกตัวจากทุกคน ครามเลี่ยงเข้าห้อง ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ธุระที่ต้องทำก็ไม่ใช่อะไร
จุดประสงค์ของเขาก็อยู่ร่วมทางกับคนพวกนั้น เขามีวิธีจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง วิธีปลอดภัยกว่า
ที่อาจใช้นำพาตนเองไปสู่ความลับสองเดือนที่หายไป
ครามนอนลงบนเตียงทั้งเสื้อผ้าครบชุด ประสานมือบนอก ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็ลุกขึ้นยืน
ก้มมองมือและหันไปมองตัวเองอีกคนที่ยังนอนอยู่!
ถ้าจะพูดให้ถูก ตัวจริงของเขายังนอนบนเตียง ส่วนตัวเขาตอนนี้คนอื่นอาจจะมองเห็น หรือว่าไม่เห็น
ตามแต่ระดับความเจือจางของร่างที่เขาเองจงใจสร้างขึ้นมาในแต่ละครั้ง แต่ไม่ว่าอันตรายใดๆ
ก็จะมาสัมผัสถึงตัวไม่ได้
เขาอาจจะนั่งลืมตาอยู่ยามส่งตัวเองอีกคนออกไปดูอะไรต่างๆที่ต้องการ แต่วันนี้ชายหนุ่มเลือกจะ
อยู่ในท่านอนหลับตาซึ่งจะก่อเกิดสมาธิสูงสุด เขาไม่ได้หลับ สติยังรู้พร้อมจนสามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกเวลา
โดยที่ร่างอากาศยังไม่จางหายไป แต่ก่อนยังทำไม่ได้ขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมหลังจากเขาหายตัวไปและถูกพาตัว
กลับมาทิ้งไว้ความสามารถกลับเพิ่มพูน และตอนนี้ ครามจึงต้องกลับมาหาคำตอบนั้นให้กระจ่างชัดด้วยตัวเอง
ร่างสูงก้าวห่างมาจากเตียง เป้าหมายไม่ใช่ประตู แต่เป็นกำแพง...
ครามเอื้อมมือไปหามัน ก่อนร่างเขาจะทะลุผ่านออกไปอย่างไร้ร่องรอย!
{{ขอบคุณสำหรับทุก Like ด้วยนะคะ...
โปรดติดตาม : ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา}}

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 15:29:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 15:29:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1475
<< ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู | ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา >> |

อสิตา 6 ส.ค. 2556, 15:30:05 น.
คุณภาวิน - อินดิโก้มีลับลมคมใน แต่ก่อเกิดลับลมคมรักในใจใครก็ต่อใครไม่รู้กี่ราย แสยะ...
ตอนนี้ก็บอกว่าฮีมาทำอะไร แต่เรื่องฮีรู้แค่ไหนเกี่ยวกับที่นี่ยังไม่เคลียร์นะ คือจะทำอย่างนี้กับตัวละครหลายตัว
เรียกว่าบอก แต่บอกไม่หมด ต้องจับตาทุกตัวให้ดีๆ
คุณพันธุ์แตงกวา – มาแว้ว เมื่อวานไม่อยู่บ้านกลับดึกด้วยเค้าเลยหายไปจากเวลาปกติ ตกลงตอนนี้
ชอบหนุ่มไหน อย่าลืมอัพเดทสถานะหัวใจให้เค้ารู้นะ(เสี่ยวได้ที่)
คุณดังปัณณ์(หนอนน้อย) – วาริชตกกระป๋องไวจัง ไม่ใช่คนใหม่มาครามก็ตกกระป๋องอีกน้า อีกคนก็เจิดใช่ย่อยน้า
คุณก้อนหิน – ขอบคุณค่าที่มาลงชื่อ คนเขียนก็ได้กำลังใจจากนักอ่านที่เม้นต์ให้นี่แล
เดี๋ยวตอนท้ายสุดคงต้องมีการตอบแทนกันบ้าง กับคนที่ให้กำลังใจกันมาตลอด
คุณพี่มูน – เลือกไม่ยากหรอกหนุ่มในเรื่อง ตามเสียงหัวใจไป ทุกคนดีหมด น่ารักหมด 55
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางเป็นพวง – อย่าลืมนะก๊ะว่าหนุ่มของอสิตาหล่อเร้าอันตราย เอาไปเก็บๆไว้หลายคน
เผลอๆจะซัดกันเองอยู่ในใจจนน่วม(คำว่าซัดนี่ตีความได้หลายทางทีเดียว)
คุณสุขุมวิท66 – ปล่อยใจให้เอียงไปทางครามเลยค่ะ เดี๋ยวคนเขียนดึงกลับมาเอง เอียงเลยเพื่อความฟิน
หนุ่มสุดท้ายเชื้อชาติไทยค่ะ แต่ขาว แล้วก็หน้าสวยมากกกกก *0*
คุณเลิฟหมวย – ดีใจค่ะที่ยังมีคนชอบหมอริชอยู่ ตัวละครนี้ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวังนะ แล้วก็ดีใจด้วยที่
เกิดความหลากหลายทางอารมณ์ของคนอ่านขึ้นมา งั้นยกหมอริชให้คุณเลิฟหมวยแล้วกัน
คุณภาวิน - อินดิโก้มีลับลมคมใน แต่ก่อเกิดลับลมคมรักในใจใครก็ต่อใครไม่รู้กี่ราย แสยะ...
ตอนนี้ก็บอกว่าฮีมาทำอะไร แต่เรื่องฮีรู้แค่ไหนเกี่ยวกับที่นี่ยังไม่เคลียร์นะ คือจะทำอย่างนี้กับตัวละครหลายตัว
เรียกว่าบอก แต่บอกไม่หมด ต้องจับตาทุกตัวให้ดีๆ
คุณพันธุ์แตงกวา – มาแว้ว เมื่อวานไม่อยู่บ้านกลับดึกด้วยเค้าเลยหายไปจากเวลาปกติ ตกลงตอนนี้
ชอบหนุ่มไหน อย่าลืมอัพเดทสถานะหัวใจให้เค้ารู้นะ(เสี่ยวได้ที่)
คุณดังปัณณ์(หนอนน้อย) – วาริชตกกระป๋องไวจัง ไม่ใช่คนใหม่มาครามก็ตกกระป๋องอีกน้า อีกคนก็เจิดใช่ย่อยน้า
คุณก้อนหิน – ขอบคุณค่าที่มาลงชื่อ คนเขียนก็ได้กำลังใจจากนักอ่านที่เม้นต์ให้นี่แล
เดี๋ยวตอนท้ายสุดคงต้องมีการตอบแทนกันบ้าง กับคนที่ให้กำลังใจกันมาตลอด
คุณพี่มูน – เลือกไม่ยากหรอกหนุ่มในเรื่อง ตามเสียงหัวใจไป ทุกคนดีหมด น่ารักหมด 55
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางเป็นพวง – อย่าลืมนะก๊ะว่าหนุ่มของอสิตาหล่อเร้าอันตราย เอาไปเก็บๆไว้หลายคน
เผลอๆจะซัดกันเองอยู่ในใจจนน่วม(คำว่าซัดนี่ตีความได้หลายทางทีเดียว)
คุณสุขุมวิท66 – ปล่อยใจให้เอียงไปทางครามเลยค่ะ เดี๋ยวคนเขียนดึงกลับมาเอง เอียงเลยเพื่อความฟิน
หนุ่มสุดท้ายเชื้อชาติไทยค่ะ แต่ขาว แล้วก็หน้าสวยมากกกกก *0*
คุณเลิฟหมวย – ดีใจค่ะที่ยังมีคนชอบหมอริชอยู่ ตัวละครนี้ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวังนะ แล้วก็ดีใจด้วยที่
เกิดความหลากหลายทางอารมณ์ของคนอ่านขึ้นมา งั้นยกหมอริชให้คุณเลิฟหมวยแล้วกัน


อสิตา 6 ส.ค. 2556, 15:30:28 น.
คุณน้องมีน – นิยายสาวๆอ่านก็ต้องมีหนุ่มๆเป็นจุดขายแน่ แต่เราไม่ขายแค่นั้น เนื้อเรื่องต้องสนุกด้วย
คนอ่านจะได้ครบทุกทาง
คุณรี – ยินดีต้อนรับค่ะ หุหุ ขอบคุณที่มาเม้นต์นะคะ อยากรู้ความรู้สึกคนอ่านแบบนั้แหละ เรื่องปมไม่ต้องห่วง
ผูกแล้วคลายครบแน่นอน
คุณพระอาทิตย์สีทอง – แปลว่าปกติเป็นคนละเอียดกับงานแน่ๆเลยค่ะ *0* ชอบหนุ่มใหม่แล้วเหรอ
ครามก็คือชื่อไทยของอินดิโก้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ย้ำ จะมาย้ำตอนนี้แหละ ต้นอินดิโก้คนไทยเรียกคราม
ที่เอามาย้อมสีผ้าน่ะค่ะ
คุณจิรารัตน์ – อยากจิ้มส่วนไหนคะ ยื่นให้พอดีมือเลย(ไม่ช่ายละ) ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจกันเสมอค่ะ^.^
คุณเฟอร์ – อินดิโก้ก็บอกว่าครามงายยย นวาระแปลว่ากุหลาบ ก็บอกแล้วงายยย มันจะมาอลังการซ้อนกันได้ไง
มะม้าชอบผชเก๊กๆนะ อัคน้อยก็เก๊กซะ แต่สิ่งที่ห็นของแต่ละคนอาจซ่อนบางอย่างไว้นะ แสยะ
คุณแพทแมว – คิดถึงจังค่ะ ยินดีที่ได้กลับมาสนุกกันใหม่นะคะหนนี้ อย่าลืมรอติดตามตอนต่อไป
คุณน้องมีน – นิยายสาวๆอ่านก็ต้องมีหนุ่มๆเป็นจุดขายแน่ แต่เราไม่ขายแค่นั้น เนื้อเรื่องต้องสนุกด้วย
คนอ่านจะได้ครบทุกทาง
คุณรี – ยินดีต้อนรับค่ะ หุหุ ขอบคุณที่มาเม้นต์นะคะ อยากรู้ความรู้สึกคนอ่านแบบนั้แหละ เรื่องปมไม่ต้องห่วง
ผูกแล้วคลายครบแน่นอน
คุณพระอาทิตย์สีทอง – แปลว่าปกติเป็นคนละเอียดกับงานแน่ๆเลยค่ะ *0* ชอบหนุ่มใหม่แล้วเหรอ
ครามก็คือชื่อไทยของอินดิโก้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ย้ำ จะมาย้ำตอนนี้แหละ ต้นอินดิโก้คนไทยเรียกคราม
ที่เอามาย้อมสีผ้าน่ะค่ะ
คุณจิรารัตน์ – อยากจิ้มส่วนไหนคะ ยื่นให้พอดีมือเลย(ไม่ช่ายละ) ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจกันเสมอค่ะ^.^
คุณเฟอร์ – อินดิโก้ก็บอกว่าครามงายยย นวาระแปลว่ากุหลาบ ก็บอกแล้วงายยย มันจะมาอลังการซ้อนกันได้ไง
มะม้าชอบผชเก๊กๆนะ อัคน้อยก็เก๊กซะ แต่สิ่งที่ห็นของแต่ละคนอาจซ่อนบางอย่างไว้นะ แสยะ
คุณแพทแมว – คิดถึงจังค่ะ ยินดีที่ได้กลับมาสนุกกันใหม่นะคะหนนี้ อย่าลืมรอติดตามตอนต่อไป



พันธุ์แตงกวา 6 ส.ค. 2556, 18:27:37 น.
ที่แท้ก็พ่อครามหรอกหรือ ที่ทะลุกำแพงไปมา
แล้วหายไปไหนมาสองเดือน เข้าเค้าๆ
ยังไม่ตัดสิน รอดูชายหนุ่มที่เหลืออีกคนก่อน
ที่แท้ก็พ่อครามหรอกหรือ ที่ทะลุกำแพงไปมา
แล้วหายไปไหนมาสองเดือน เข้าเค้าๆ
ยังไม่ตัดสิน รอดูชายหนุ่มที่เหลืออีกคนก่อน

ดังปัณณ์ 6 ส.ค. 2556, 19:43:35 น.
ง่า....ชอบหลายๆคนค้า 555+ ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม คำถามเดียวลอยด้องแด้งไปมาเลยค้า ไมเบ็นพูดอย่างนั้น แล้วไมอิตาคราม(เปลี่ยนใจแระ) ทะลุกำแพงแล้วจะไปทำอะไร หมอริชทำแต้มขึ้นมาหน่อยนึงตรงแมวโดเรมอนค่า
ง่า....ชอบหลายๆคนค้า 555+ ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม คำถามเดียวลอยด้องแด้งไปมาเลยค้า ไมเบ็นพูดอย่างนั้น แล้วไมอิตาคราม(เปลี่ยนใจแระ) ทะลุกำแพงแล้วจะไปทำอะไร หมอริชทำแต้มขึ้นมาหน่อยนึงตรงแมวโดเรมอนค่า



lovemuay 6 ส.ค. 2556, 20:15:05 น.
สิ่งแรกที่เรานึกถึงตอนอ่านคำว่า "อินดิโก้" คือ แฮรรี่พอตเตอร์ค่ะ
จำได้ว่ามีพ่อมดคนนี้ชื่อนี้ ที่จริงพระเอก?ก็เข้าเค้านะคะ บุคคลิกดูลึกลับ ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าคนนี้เป็นพระเอกค่ะ ฮ่าๆๆ
แต่โดร่ากับหมอโนบิตะได้ใจไปเต็มๆเลยค่ะ
สิ่งแรกที่เรานึกถึงตอนอ่านคำว่า "อินดิโก้" คือ แฮรรี่พอตเตอร์ค่ะ
จำได้ว่ามีพ่อมดคนนี้ชื่อนี้ ที่จริงพระเอก?ก็เข้าเค้านะคะ บุคคลิกดูลึกลับ ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าคนนี้เป็นพระเอกค่ะ ฮ่าๆๆ
แต่โดร่ากับหมอโนบิตะได้ใจไปเต็มๆเลยค่ะ

SunSeed 6 ส.ค. 2556, 21:10:53 น.
อร๊ายยยยยย พี่คราม มิสเตอร์อินดิโก้ พอโผล่มาอีตาหมอวาริชกลายเป็นตัวอารายไปเลยก็ไม่รู้ ชอบผู้ชายคมเฉี่ยวแบบนี้อ่า
อร๊ายยยยยย พี่คราม มิสเตอร์อินดิโก้ พอโผล่มาอีตาหมอวาริชกลายเป็นตัวอารายไปเลยก็ไม่รู้ ชอบผู้ชายคมเฉี่ยวแบบนี้อ่า


sai 6 ส.ค. 2556, 21:33:57 น.
หนุ่มๆซัดกันไปเลยคร้าาา เต็มที่เรารอดู แต่ห้ามกินกันเองนะ 555
หนุ่มๆซัดกันไปเลยคร้าาา เต็มที่เรารอดู แต่ห้ามกินกันเองนะ 555

goldensun 7 ส.ค. 2556, 16:09:50 น.
โดร่าแย่งซีนหมอริชซะแล้ว ตอนนี้โดร่าถึงออกนิดเดียว มาที่หนึ่งเลย แค่จิ้นตามก็ชอบแล้ว
เปิดตัวอีกหนึ่งสาวแล้ว ใช่มั้ยคะ แล้วร่างที่วนัสเห็น จะเป็นครามหรือหนุ่มอีกคนที่ยังไม่ปรากฎตัวกันแน่
ครามนิสัยแปลกมากจัง โดดเดี่ยวดีแท้ แต่ก็สมเป็นพวกอาร์ตดีค่ะ จะมีเพื่อนสนิทกับเค้าบ้างมั้ยคะ
แล้วอีกสองคนที่เสริมเข้ามานี่ แค่หลงเข้ามา หรือมีพลังพิเศษกับเค้าด้วยคะ
โดร่าแย่งซีนหมอริชซะแล้ว ตอนนี้โดร่าถึงออกนิดเดียว มาที่หนึ่งเลย แค่จิ้นตามก็ชอบแล้ว
เปิดตัวอีกหนึ่งสาวแล้ว ใช่มั้ยคะ แล้วร่างที่วนัสเห็น จะเป็นครามหรือหนุ่มอีกคนที่ยังไม่ปรากฎตัวกันแน่
ครามนิสัยแปลกมากจัง โดดเดี่ยวดีแท้ แต่ก็สมเป็นพวกอาร์ตดีค่ะ จะมีเพื่อนสนิทกับเค้าบ้างมั้ยคะ
แล้วอีกสองคนที่เสริมเข้ามานี่ แค่หลงเข้ามา หรือมีพลังพิเศษกับเค้าด้วยคะ

บุลินทร 7 ส.ค. 2556, 18:44:25 น.
มาแล้วนะ เดี๋ยวบ่นว่าไม่มากดไลค์ อิิอิ
มาแล้วนะ เดี๋ยวบ่นว่าไม่มากดไลค์ อิิอิ

Zephyr 7 ส.ค. 2556, 22:08:05 น.
หืม ถอดร่างได้ ออร่าให้นะคนนี้อ่ะ มะม้า
อีกคนนึงเอาเปิดตัวให้ไวเลย หมกนานไปไม่รุ่งนะ ขอบอก หึหึ
สารภาพว่าที่เฟอร์เดาเพราะเฟอร์มิได้อ่านที่มะม้าเม้นท์ตอบคนอื่น อ่านแต่ของตัวเอง
เลยไม่เห็นว่ามะม้าเขียนคำแปลไว้แล้ว ฮ่าๆๆๆ
ลงกาสิโนใต้ดินกัน คิดจะทำอะไร รึคฤหาสน์หลังนี้มีชิวิต เหมือนหนัง event horizon
เมื่อวานเพิ่งดูใหม่อีกรอบ สยองมากกกกกก หวังว่า นิยายเรื่องนี้ คงไม่เหมือนกันนะ
หืม ถอดร่างได้ ออร่าให้นะคนนี้อ่ะ มะม้า
อีกคนนึงเอาเปิดตัวให้ไวเลย หมกนานไปไม่รุ่งนะ ขอบอก หึหึ
สารภาพว่าที่เฟอร์เดาเพราะเฟอร์มิได้อ่านที่มะม้าเม้นท์ตอบคนอื่น อ่านแต่ของตัวเอง
เลยไม่เห็นว่ามะม้าเขียนคำแปลไว้แล้ว ฮ่าๆๆๆ
ลงกาสิโนใต้ดินกัน คิดจะทำอะไร รึคฤหาสน์หลังนี้มีชิวิต เหมือนหนัง event horizon
เมื่อวานเพิ่งดูใหม่อีกรอบ สยองมากกกกกก หวังว่า นิยายเรื่องนี้ คงไม่เหมือนกันนะ

นณกร 8 ส.ค. 2556, 19:07:09 น.
อยากโดนอุ้งตีนอันอ่อนนุ่มยันหน้าบ้าง โดร่าของเค้า...>.<
อยากโดนอุ้งตีนอันอ่อนนุ่มยันหน้าบ้าง โดร่าของเค้า...>.<
