เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู (จบบท)

ชายผู้เป็นแขกคนใหม่ของคฤหาสน์สีน้ำเงินกวาดตาไปทั่วๆ ใช้เวลาเพียงวูบ
แต่ก็ไม่คิดจะพลาดรายละเอียดแม้เพียงเสี้ยวเดียว... ขาพาร่างสูงก้าวยาวๆผ่านโถง
ตรงไปยังบันไดโดยไม่รั้งรอหัวหน้าพ่อบ้านชราที่พยายามก้าวตามมาให้ทัน

“เดี๋ยวครับมิสเตอร์อินดิโก้ คุณมาถึงก่อนเวลา ข้าวของบางอย่างในห้องอาจยังเตรียมไว้ไม่พร้อมนัก”

“ช่างเถอะ...คุณอยากจะไปทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกับผมหรอก”
ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าของตนขึ้นไปจนถึงกลางบันไดหันไปส่งสายตาเย็นเยียบ
เสียงเขาเรียบทว่ากดดันในที ท่ายืนตัวตรงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าขณะกล่าว
“ผมไม่สนใจเรื่องจุกจิกพวกนั้น แล้วก็รู้ดีว่าที่นี่อะไรเป็นอะไร...เบ็น”

พ่อบ้านผู้ผึ่งผายเกินวัยคล้ายสะดุ้งน้อยๆกับคำเรียกชื่อ ชายชราหลบตาชายหนุ่มวูบ
ก่อนจะตัดสินใจโค้งสุภาพแล้วถอยจากไปเงียบๆ ไม่รบกวนผู้มาใหม่อีกต่อไป

ชายหนุ่มยังยืนอยู่ตรงชั้นพักกลางบันไดก่อนแยกออกเป็นทางขึ้นสองฝั่งปีกตึก เขาถอนใจ
นี่มันเหมือนกับชีวิตที่อาจมาถึงทางเลือกสำคัญ ยืนอยู่ท่ามกลางอันตรายทั้งซ้ายและขวา
ไม่แน่เขาอาจพ้นไปจากมันแล้วก็ได้ ถ้ายอมจบเรื่องเสียแค่นั้นโดยไม่หวนกลับมาที่นี่อีก
แต่จะแน่ใจได้หรือ แล้วอีกอย่างเขาจะตัดใจปล่อยให้เวลาสองเดือนนั่นหายไปเฉยๆได้ยังไง
สองเดือนที่ไม่รู้ว่าตนเองหายไปทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร...

บ่ายนั้นชายผู้มาใหม่กำลังลงมารอข้าวของที่ตนเองสั่งให้คนขนตามมา อุปกรณ์เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า
เขามีงานค้างคาอยู่กับโปรเจ็กต์ใหญ่ของแบรนด์เสื้อดัง ต้องสานต่อให้ลุล่วงแม้จะย้ายมาพักยังคฤหาสน์แห่งนี้
จริงอยู่ ถึงภาระเกี่ยวกับที่นี่จะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย
แต่หากทำงานไม่ทันทั้งที่รับปากแล้ว...นั่นก็หมายถึงให้เขาตายเสียดีกว่าเหมือนกัน
อีกไม่กี่วันแล้วด้วยซ้ำที่จะมีงานใหญ่ การเดินแบบคอลเลคชั่นพิเศษรอบโซนเอเชียที่คราวนี้เลือกจัดขึ้น
ในเมืองไทย เป็นการฉลองครบรอบการก่อตั้งมายาวนานหลายสิบปีของแบรนด์เสื้อเลื่องชื่อ
แล้วเขาก็ถูกเลือกเป็นดีไซเนอร์หลักของงานเสียด้วย เสื้อผ้าพวกนั้นเสร็จไปนานแล้วก็จริง
แต่สำหรับงานต่อมาและต่อมาที่เข้าคิวรออยู่ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน เพราะคิวชีวิตต้องมาวุ่นวาย
ด้วยการที่เขาหายไปถึงสองเดือน แล้วตอนนี้ความวุ่นนั่นก็ยังไม่จบสิ้นเสียด้วย

“หุ่นลองเสื้อนั่นขนขึ้นไปเลย วางข้างหน้าต่างบานที่สาม ตรงกลางห้อง” เขากอดอกสั่งการเรียบๆ

“ครับคุณคราม” คนรับคำสั่งซึ่งมาคุมคนงานขนของอีกทีคุ้นเคยนิสัยกันดี รู้ว่าเจ้านายหนุ่มจะพูดแค่ครั้งเดียว
และมันต้องเป็นไปตามนั้น เพราะระวังในเรื่องนี้เขาถึงทำงานเป็นผู้ช่วยของอีกฝ่ายมาได้นานเกือบสองปีแล้ว
ซึ่งนับว่าเป็นสถิติอันมหัศจรรย์ถ้าฟังจากปากคำของคนในแวดวงแฟชั่นที่รายล้อมเขาอยู่

เมื่ออินดิโก้ ชาง หรือที่คนสนิทเรียกว่าครามแสดงความประสงค์จะย้ายกลับมาอยู่ไทยด้วยกิจธุระ
ชวนกังขาหลังมรณกรรมของมารดาเมื่อหลายเดือนก่อน คราแรกนั้นผู้ช่วยยังไม่ได้รับคำสั่งให้ตามมาด้วย
ทว่าพอครามหายตัวไปถึงสองเดือน ทุกคนช่วยกันตามหา ทั้งตำรวจทั้งคนรู้จัก แต่ไม่มีใครเจอวี่แวว
ผู้ช่วยต้องบินมาสานต่องานของเจ้านายที่เมืองไทยให้ จนเมื่อเดือนที่แล้ว ครามกลับมาปรากฏตัว
หน้าบ้านบิดาเลี้ยงในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นทั้งยังมีรอยไหม้ ทว่าร่างกายไม่มีบาดแผลรุนแรงอย่างใด
เป็นการกลับมาที่ปราศจากการอธิบาย ว่าหายไปทำอะไรที่ไหนมา และก็ไม่มีใครง้างปากชายหนุ่ม
ได้อีกตามเคย แล้วนอกจากนั้นครามเองก็ยังมุงานได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ครามผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ถึงการย้ายเข้าและข้าวของจะมาถึงเรียบร้อยดี ทว่าความรู้สึกระคายใจ
บางอย่างกลับก่อกวนเขา เพราะภาพเมื่อตอนสาย...คนสองคนที่เขาพบที่นี่

เขาจำเธอได้ดีเชียวละ ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่ แต่การที่อีกฝ่ายดันมาปรากฏตัวอยู่กับชายปากเสีย
ที่มีเรื่องรถเฉี่ยวชนกับเขาเมื่อวานนั่นกลับรบกวนใจเขาได้มากจนคร้านจะเอ่ยทักในเมื่อบรรยากาศ
แถวนั้นมันเน่าเสีย แต่ทำไมเขาจะต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดด้วย แค่หลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
ในตอนนี้มันก็มากเกินพอแล้ว

ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้อารมณ์ขุ่นมัวลงไปได้มากกว่านั้น ทว่าเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินขึ้นบันได
นำหน้าพ่อบ้านเบ็นมา ชายหนุ่มก็ยิ่งทั้งไม่พอใจและหลากใจไปพร้อมๆกัน

“มาที่นี่ทำไม...คุณดาหวัน อย่าบอกนะว่าตามผมมา”

“คุณคราม คุณพี่ชายคะ จะบอกให้นะว่าคุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ดาจะพิศวาส
แล้วก็รู้นี่ว่าดาไม่ใช่พวกปากไม่ตรงกับใจ พูดตรง ทำตรงอยู่ตลอด”

ครามหรี่ตามองน้องสาวลูกติดพ่อเลี้ยงที่มองตอบเขาอย่างถือดี ดาหวันเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยคมอยู่พอตัว
ผิวสองสีค่อนข้างเข้มเพราะได้เชื้อคนใต้จากเทวัญผู้เป็นพ่อ ผมตัดสั้นซอยเข้ากับรูปหน้าพอดิบพอดี
แม้น่ามองเพียงใดก็ไม่ใช่สำหรับเขา เขาเป็นลูกติดข้างแม่ เธอเป็นลูกติดข้างพ่ออายุน้อยกว่ากันไม่กี่ปี
ครามไม่เคยจะนับอีกฝ่ายเป็นน้องสาว เหมือนที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นเขาเป็นพี่ เธอไม่ชอบแม่เขา
เขาเองก็ชังพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงทั้งคู่แสดงออกว่าต้องการเมินเฉยในตัวกันและกันตลอดมา

ดาหวันมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร น่าสงสัย... สองเดือนของเขาที่หายไปอาจจะเกี่ยวกับเทวัญพ่อเลี้ยง
ยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้แต่ทีแรก ครามยังไม่เข้าใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าที่นี่อันตรายอีกฝ่ายจะส่งลูกสาว
เพียงคนเดียวมาเสี่ยงเชียวหรือ รึว่าดาหวันเองที่ดึงดันจะมา

ชายหนุ่มไม่เอ่ยวาจากับลูกสาวพ่อเลี้ยงอีก แต่ในเวลาที่เขามีเรื่องจะต้องมาค้นหาความจริง
การเข้ามาของดาหวันยิ่งทำให้สับสน

หญิงสาวเดินตามหลังเขาขึ้นมาทางปีกตึกซ้าย พร้อมทั้งเอ่ยเหมือนพูดลอยๆ “จะบอกอะไรให้นะ
ถ้าคุณตาไม่บอด จะเห็นว่าดาจองห้องไว้ก่อนคุณเสียอีก ห้องแรก ตรงมุมสุดระเบียงโน่นเลย
ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ใกล้กันเกินไปนัก เพราะยังมีห้องมหึมากั้นเราเอาไว้ตั้งสองห้องแน่ะ”

ยามเดินผ่านเขาไปดาหวันสบตาแข็งกร้าวของพี่ชายซึ่งเป็นลูกติดมารดาเลี้ยง
สตรีผู้นั้นเพิ่งจะเสียชีวิตไปด้วยการฆ่าตัวตาย ถ้าเอาตามที่เป็นข่าวโดยไม่สนใจความเป็นจริง...
แล้วคนเป็นลูกชายก็เลยข้องใจกับการตายนั้น อุตส่าห์อพยพกลับมาจากเมืองนอกเมืองนาที่ไปอยู่มา
เสียกว่าครึ่งชีวิต ดาหวันคิดดูแคลน สายเกินไปไหมที่จะมาสนใจแม่ที่ตอนมีชีวิตเขาเองก็แทบจะไม่เคยสน
ถ้านับเอาจากเท่าที่เธอเห็น

ดาหวันเห็นครามเป็นคนไม่เอาใคร ตอนเด็กอาจรักแม่ แต่ได้ยินมาว่าตั้งแต่ถูกเอาตัวไปอยู่กับพ่อ
ที่เป็นลูกจีนอเมริกา อินดิโก้ ชางก็แหกคอกจนถึงกับหนีออกจากบ้าน ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นบ้านแตก
แทบจะใช้ชีวิตเหมือนพวกโฮมเลส จนไต่เต้าขึ้นมาในวงการแฟชั่นได้ด้วยตัวเอง
เขาอยู่โดดเดี่ยวอย่างนั้นมาจนโต เธอจินตนาการไปไม่ถึงได้เลย ในใจของเขาจะเป็นเช่นไร
ทั้งที่ดูภายนอกเนี้ยบเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทว่าในแววตานั้นมีอารมณ์ดิบแฝงอยู่เต็มร้อย
แม้เธอจะกล้ารวนเขาต่างๆนานา แต่ก็ทนสู้ตาเขาไม่ได้อย่างใจเสียที แต่เอาเถอะ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนเลวเกวเกินไปนัก ก็วัดเอาจากที่เคยเห็นมาอีกนั่นแหละ...

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากลัวอะไรในตัวชายคนนี้ หรือจะเป็นอำนาจ... ที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครอื่นได้รับรู้
มีเพียงเธอที่รู้ดี ดาหวันมีโอกาสได้รู้ เพราะเธอเองก็มีอำนาจคล้ายๆอย่างที่ว่า
เพียงแต่ยังห่างชั้นกับเขาอยู่หลายส่วน

ครามยังไม่รู้ แท้จริงแล้วดาหวันมาตามคำสั่งของนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังเวชกุลอีกทีอย่างเทวัญ ศรีบริรักษ์
พ่อของเธอเองนั่นแหละ ด้วยการบีบคั้นจนเคยชิน นับวันความเป็นพ่อลูกดูเหมือนจะจางไปจากใจยิ่งขึ้นทุกที
หญิงสาวถูกส่งมาที่นี่ในฐานะหนูทดลองดื้อรั้นตัวหนึ่งที่พ่อให้โอกาสแก้ตัว แต่เธอไม่ยอมเป็นแค่นั้นแน่
จะต้องหาทางออกให้ตัวเองและทำให้เรื่องได้ยุติลงเสียที




วาริชปลีกตัวไปคลินิกตั้งแต่หลังจากวนัสสาขอตัวเข้าห้อง เขารู้สึกเซ็งนิดหน่อยกับการต้องมี
ไอ้หนุ่มตี๋อินเตอร์คนนั้นมาร่วมบ้านอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทนไปอีกช้านานเท่าไร
แต่พอไปถึงร้านชายหนุ่มก็ยิ้มแย้มตามปกติ ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องทำงาน
วันนี้เขาไม่อยู่ในอารมณ์จะไปช่วยดูเรื่องเคสสัตว์เลี้ยงที่เข้ามา ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ
สัตวแพทย์ประจำไปก็แล้วกัน

ตกบ่าย ผู้ช่วยสาวของคลินิกเลียบๆเคียงๆเยี่ยมหน้าเข้ามาหาคนเป็นนายจ้าง
สีหน้าอมยิ้มนั้นคล้ายมีลับลมคมในจนวาริชต้องออกปาก

“เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นชั้นล่างหรือไง ผมไม่ยักได้ยินเสียงนะ”

“เปล่าค่ะ แต่มีเรื่องจะบอกหมอริชหน่อย” หญิงสาวยังพูดยิ้มๆอมพะนำอยู่ในที

“ให้ไว”

“เอ่อ ก็...เมื่อเช้ามีเจ้าของแมวเอาแมวมาทิ้งไว้ค่ะ พร้อมเงินสดในซองแล้วผลุบหายไปเลย
มีเขียนมาว่าขอฝากแมวเอาไว้ก่อน ยังไม่รู้นานแค่ไหนถึงจะมารับกลับได้”

“บอกแล้วไง เคสแบบนี้ไม่รับ” วาริชก้มลงดูบิลค่าใช้จ่ายของร้านบนโต๊ะต่อ

“ไม่ได้รับนี่คะ เขาเอามาวางปุแล้วก็ชิ่งหนีเลย แต่ว่าหมอคะ...เราไม่รู้จะทำยังไงกับมันนี่นา”

“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคลินิกเราคงกลายเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์อนาถา”
วาริชหัวเราะด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งชอบกล

“ไม่อนาถานะคะหมอ ลูกแมวน่ารักมาก น่ารักสุดๆ น่ารักที่สุดตั้งแต่หนูเคยเห็นแมวมาเลย”
สาวเจ้ายังคงกล่อมเสียงยานคาง

“ไม่อนาถายังไงเล่า ก็แมวโดนเจ้าของทิ้งน่ะ”

“ชั่วคราวค่ะ ใครทิ้งแมวแบบนี้ได้ก็บ้าแล้ว”

ก่อนที่วาริชจะบ่นอะไรไปกว่านั้นก็มีเสียงร้อง หม๊าว ดังหน้าห้องทีหนึ่ง สัตวแพทย์หนุ่มเงยจากโต๊ะทำงาน
เลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น ถอนหายใจ ผู้ช่วยหนุ่มอีกคนที่ยืนรอหน้าห้องเห็นได้จังหวะจึงก้าวเข้าไป
พร้อมตะกร้าหวายใบย่อมที่มีสิ่งมีชีวิตอ้วนปุยตัวหนึ่งเยี่ยมหน้าขึ้นมาเกาะขอบตะกร้าไว้แน่น

เมื่อตะกร้าถูกวางบนโต๊ะ เจ้าของคลินิกก้มลงมองมันใกล้ชิด ดูแวบเดียวก็รู้ว่าแมวตัวนี้น่าจะเป็นลูกครึ่ง
สก็อตติชหูลู่ สังเกตได้จากหูเล็กจิ๋วของมัน คงผสมมากับอเมริกันช๊อตแฮร์ อาจจะมีปนเอ็กโซติกช๊อตแฮร์ด้วย
ทำให้หน้ามันกลมเพิ่มขึ้นอีก เรียกว่าน่ารักสมคำอ้างของผู้ช่วยสาวประจำคลินิกจริงๆ

“เขียนบอกไว้ว่าชื่อเจ้าโดร่าค่ะ ตัวผู้”

“อ้วนปุ๊ก แถมลายเทา...เทาฟ้า ชวนนึกถึงโดราเอม่อนจริงๆ ยิ่งใส่ปลอกคอสีแดงกับกระดิ่งทองนี่ด้วยแล้ว
เจ้าของมันจงใจแต่งตัวให้น่ารักชัดๆ”

“ครับ เห็นแล้วก็ใจอ่อนใช่ไหมครับหมอ” ผู้ช่วยหนุ่มวัยละอ่อนที่ตามเข้ามาเอ่ยเสริม

“ฮึ่ม จนได้...เอาก็เอา เห็นว่าเจ้านี่มันเหมือนตัวการ์ตูนโปรดผมหรอก จะเลี้ยงไว้แถวนี้แล้วกัน
ให้เป็นแมวประจำคลินิกชั่วคราว แมวนางกวัก ไม่แน่ถ้ามันใช้การได้จริงตอนเจ้าของมาทวงคืน
เราก็ไม่ต้องคืน ยึดไว้นี่ซะเลย” วาริชคำรามในคออย่างนิสัยไม่ค่อยจะดีตามประสา
แต่ลูกน้องทั้งคู่ก็เห็นงามด้วย

ในที่สุดหนุ่มสาวทั้งคู่ก็ล่าถอยออกไปเมื่อเจ้าของคลินิกที่เป็นคนเพี้ยนอยู่แล้วตามปกติทำท่าคล้าย
อยากจะสนทนากับแมวเป็นภาษาเฉพาะของตนลำพัง สัตวแพทย์หนุ่มอุ้มลูกแมวอ้วนกลมขึ้นมาจากตะกร้า
กองมันแปะไว้บนโต๊ะทำงาน เจ้าโดร่าเอียงคอมองมาอย่างกังขา มันดูแสนรู้ทีเดียว
และดูเหมือนจะสนใจจ้องหน้าชายหนุ่มตอบมากกว่าหาเรื่องเล่นซุกซนตามวัย

“เจ้าโดร่า...แกมีของวิเศษที่ช่วยเรียกความทรงจำกลับมาไหม”
คิ้วโค้งได้รูปของคนพูดเลิกขึ้นราวกับกำลังคาดคั้นแมวเหมียวตรงหน้าเอาจริงจัง

แมวทำท่าชะงักนิ่งลงยิ่งกว่าเดิม แต่แววตาของมันดูจะรำคาญใจกับวาริชซึ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเก่า
ลูกแมวจึงยกขาสั้นๆของมันขึ้น ใช้อุ้งเท้านุ่มๆที่เหมือนสวมถุงเท้าสีขาวปุยยันปากของสัตวแพทย์หนุ่มไว้
ไม่ให้เขาเข้าใกล้ยิ่งกว่านั้น

“หึ คงไม่มีสินะ” ชายหนุ่มขยับปากอุบอิบทั้งที่เท้าเจ้าเหมียวยังคาปาก “จะบ่นว่าคราวนี้โนบิตะ
ต้องหัดช่วยตัวเองงั้นหรือโดร่า แต่บอกซะก่อน ว่าโหดอย่างฉันไม่ใช่พวกอ่อนแอแบบเจ้าเด็กนั่นแน่”
วาริชยิ้มเหี้ยมเกรียมกับแมว “ใครบังอาจมาลบความทรงจำของฉันไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
มันจะต้องจ่ายคืนแพง...แพงสุดขั้วทีเดียว”



ครามใช้เวลาสำรวจนั่นนี่ในห้องจนพอใจ ห้องของเขาเป็นโทนสีเทาดำขรึมเข้มเจือเขียวจางๆอย่างที่ชอบ
แต่เปล่าเลย เขาไม่ได้ระบุว่าต้องการเช่นนี้ หรือเป็นบริการระดับสูงของที่พักซึ่งอุตส่าห์สืบเสาะรสนิยม
ของแขกเป็นอย่างดี ถ้าเป็นแบบนั้นก็คุ้มราคาที่นับว่าสูงลิ่วอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าจะรู้ดี รู้ดีเกินไป
จนเขาชักไม่ชอบใจ เพราะสังหรณ์ว่าภายใต้สิ่งเหล่านี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่
หรือนี่คือการบอกใบ้ให้ระวังตัว เขารู้สึกเหมือนถูกทดสอบทางจิตวิทยาจากสิ่งที่มองไม่เห็นตัวตน
นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้ามายังคฤหาสน์เลยก็ไม่ผิด

ตอนนี้เพิ่งห้าโมงเย็น เวลาอาหารค่ำที่นี่เริ่มตั้งโต๊ะตอนหกโมง เขาทอดตามองลงไปยังสวน
เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว คราวนี้เธออยู่ลำพัง ภายในรอบรั้วนี้กว้างขวางมาก แต่หลายส่วน
ก็ปิดไว้ไม่ให้คนนอกล่วงล้ำเข้าไป ทั้งส่วนหลังของตัวคฤหาสน์ และรวมถึงสวนด้านหลังก็ปิดด้วยเหมือนกัน

“เช้าเดินเล่น เย็นเดินเล่น หรือว่าที่จริงกำลังสำรวจหาอะไรรอบๆบ้านนี้กันแน่...หึ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆกับตนเอง เกิดความคิดวูบหนึ่งว่าจะลงไปก่อกวนความสงบของผู้หญิงคนนี้ดูเล่นๆสักที
ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด ทำไมนึกอยากทำแบบนั้นขึ้นมาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แล้วความคิดนั้น
ก็จางหาย อย่าไปสนใจเลย ก็แค่ผู้หญิงที่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ได้สลักสำคัญอะไร...

จวนถึงเวลาอาหารเย็น วนัสสากลับเข้ามาในคฤหาสน์ กับบรรยากาศภายในนี้
เธอแน่ใจว่าเคยมีประสบการณ์กับมันมาระยะหนึ่งถึงจะไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่เธอไม่คุ้นเคยกับ
สวนกว้างใหญ่ นอกไปเสียจากส่วนที่เป็นลานเต้นรำคืนนั้น มูนแด๊นซ์ แสงจันทร์รำไรที่ไม่ได้ส่อ
งให้เห็นใบหน้าของคู่เต้น แต่กลับฝังใจไม่รู้ลืม ความรู้สึกจะเลื่อนลอยเพราะเครื่องดื่มที่ได้รับเข้าไป
ทว่ายังจำได้ด้วยซ้ำ...ว่ามือเขาที่สัมผัสกับเธออบอุ่นเพียงไรแม้จะไม่ได้นุ่มนวลนัก แล้วเพราะมือคู่นั้น
อีกหรือเปล่า ที่ชักพาสู่ห้วงเวลาดำมืดจนความทรงจำของเธอหายไป หรือว่าเขาคือคนที่ช่วยให้รอดพ้นมา

วนัสสาจะต้องค้นหาความลับที่เกิดขึ้นภายใต้ชายคาคฤหาสน์ ทั้งเรื่องคนหลายคนที่พบเจอ
และสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกลงไป งานเลี้ยงเย็นนี้อาจมีสิ่งใดแอบแฝง...หรืออาจไม่มี แต่มันก็เหมือนการ
ประกาศกลายๆ ว่าตอนนี้ผู้เล่นพร้อม สถานที่พร้อม และเกมกำลังจะเริ่ม ไม่มีใครช่วยให้
รอดปลอดภัยไปได้ นอกจากตัวของตัวเองเพียงอย่างเดียว

หญิงสาวกำลังก้าวไปสู่ห้องรับประทานอาหารเย็น เคยเห็นห้องที่ว่ามาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรก
ที่จะได้รับประทานอาหารเย็นซึ่งทางที่พักจัดไว้ให้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ทุกวันๆก็มีอันจะต้องออกไปข้างนอก
ตลอดในช่วงเวลาเย็นจนถึงค่ำมืด วันนี้ทุกอย่างดูจะลงตัวเหมาะสม อีกทั้งพ่อบ้านเบ็นยังแจ้งไว้ล่วงหน้า
ว่านี่จะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ฉลองเปิดที่พักและต้อนรับแขกซึ่งเริ่มทยอยเข้ามาร่วมชายคา

ระหว่างเดินตัดผ่านหน้าบันไดกลางไปสู่ห้องรับประทานอาหารทางปีกขวาของคฤหาสน์
วูบหนึ่งอะไรสีน้ำเงินบอบบางลอยโฉบผ่านไปในเสี้ยวอึดใจ วนัสสาเหลียวตาม
ผีเสื้อ...มันบินหายไปตรงประตูทางเข้าส่วนหลังคฤหาสน์ที่ดูคล้ายจะซ่อนลึกอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน
ชั้นสองซึ่งชะโงกเงื้อมลงมา ประตูบานประกบนั้นปิดเอาไว้ตลอด เพราะเป็นส่วนที่ไม่เปิดใช้งาน
และเธอก็รู้ดีว่าหากเบ็นไม่เปิดให้ก็คงยากที่จะเข้าถึงมัน

“ไว้ค่อยหาทางทีหลังแล้วกัน”

เมื่อเริ่มหิว วนัสสามีนิสัยน่ารักอยู่อย่างที่จะไม่อารมณ์เสีย เวลาคิดว่าจะได้กินโดยเฉพาะอย่างยิ่งของอร่อย
เธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้เอาเข้าจริงอาจชิมแค่จานละนิดจานละหน่อย

นาเดียและแม่บ้านร่างท้วมที่ดูอาวุโสกว่ายิ้มแย้มต้อนรับอย่างกันเอง วนัสสารู้สึกดีตรงคนพวกนี้
ไม่ทำตัวเป็นหุ่นอย่างคนรับใช้ที่ต้องเคร่งครัดเว้นระยะห่างทุกกระเบียดนิ้ว คงศึกษามาแล้วว่า
จะทำอย่างไรให้บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านสำหรับคนไทย จะทำอย่างไร...ให้ตายใจมากที่สุด

“คุณหนูวนัสสาคะ นี่คุณอีกริต จะมาเป็นหัวหน้าแม่บ้าน หัวหน้าพวกสาวๆทั้งหลายอีกทีค่ะ”

“ยินดีที่ได้รับใช้ค่ะคุณหนู...หวังว่าที่นี่จะทำให้รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองนะคะ” อีกริตย่อตัวทักทาย
เมื่อวนัสสายื่นมือออกไปจับ หญิงวัยกลางคนก็จับตอบ หญิงสาวคล้ายเห็นแววลังเลวูบหนึ่ง
หรือเพราะสตรีตรงหน้านี้รู้ว่าเธอมีความสามารถเช่นไร ทว่าสีสันความรู้สึกซึ่งสัมผัสได้จาก
อีกริตกลับเต็มไปด้วยความรื่นรมย์แฝงอารมณ์ดี สีสันสดใสของผักผลไม้ เนื้อไก่อบชุ่มฉ่ำ
ไหนจะยังของหวานที่เตรียมไว้อีก สีชมพูที่ดูใสเป็นวุ้น หยุ่นเหมือนเยลลี่ ทำให้เธอเองก็พลอย
สดใสไปด้วยกับทุกสีสันนั้นเช่นกัน

บนโต๊ะอาหารตัวยาว วนัสสาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้เข้าพักคนใหม่ชื่อดาหวันซึ่งหน้าคม
ผิวค่อนข้างเข้มอย่างสาวใต้ แม้สายตานั้นจะมีความเป็นมิตร แต่ดูว่าเจ้าตัวจะไม่อยากพูดจานัก
นอกจากเป็นฝ่ายฟังคนอื่นคุย ถัดมาคือสองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ออกตัวว่ามาหาที่ฮันนีมูน
ราคาแพงกันเอากลางเมืองอย่างนี้นี่เอง เผื่อมีงานด่วนของบริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่พวกตนเป็นเจ้าของอยู่
จะได้วิ่งรถไปทันท่วงที ฝ่ายหญิงชื่อสายชล ออกจะเป็นสาวร่างอวบยิ้มเก่ง ส่วนเชนทร์ผู้เป็นสามี
หน้าตาแจ่มใสเข้ากับเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวาริช

“นี่ถ้ารู้ว่ามีร้านหมอเชื่อมือได้อยู่แถวนี้ หลายเดือนก่อนเจ้าเท็ดหมาผมอาจไม่ตาย”

“ผมว่าถ้าต้องอยู่อย่างทรมานสู้ไปสบายดีกว่านะครับ...ไม่ว่าคนหรือสัตว์
ว่าแต่แค่เห็นหน้าก็เชื่อมือผมแล้วหรือครับคุณเชนทร์” วาริชยกแก้วขึ้นดื่มให้กับคำพูดถูกใจ

“ว่าไม่ได้หรอกคนเรา ดูแววตาก็รู้แล้วว่าเป็นคนเอาจริงไหม เอาถ่านหรือเปล่า
เราพอจะดูกันออกใช่ไหมครับว่าคนมี ‘ใจ’ ในทุกเรื่องที่ทำน่ะแววตายังไง”

“ขอบคุณครับ ผมใส่ใจก็จริง แต่เฉพาะกับเรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้นนะ”
สัตวแพทย์หนุ่มหรี่ตายิ้มๆ “อาจไม่ใช่ทุกเรื่อง”

“เอาน่า มีหลายเรื่องก็ยังดี” เชนทร์สรุปเอาเองง่ายๆ

ความดึงดูดคนของวาริชคงไม่ใช่แค่กับเชนทร์ เพราะดูเหมือนทั้งดาหวันหรือใครต่อใคร
ก็สนใจฟังเขาพูดกันหมด มีเพียงคนเดียวที่นั่งรับประทานอาหารของตัวไปเงียบๆ
แต่กลับเป็นคนที่วนัสสาแอบมอง แล้วก็มองได้ชัดเสียด้วยเพราะเขาบังเอิญมานั่งตรงข้ามเธอพอดี

อินดิโก้...เขาบอกชื่อนั้นออกมาทีแรก แต่ให้คนอื่นเรียกชื่อไทยง่ายๆว่าคราม
ดูเขาก็เหมือนลูกไทยจีนมากกว่าฝรั่ง ถ้าให้เดาคงจะเป็นพวกลูกเสี้ยว หน้าเรียวขาวสดชื่นสะอาดสะอ้าน
ของชายหนุ่มบ่งบอกว่าเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ผมที่คงจะทัดหูไว้จนโค้งอย่างถาวรถูกจัดทรงไว้อย่างดี
ลูกคางตัดเหลี่ยมตรงปลายดูสมชาย ดีว่ายังไม่ถึงขนาดมีรอยบุ๋มอย่างซุปเปอร์แมนแถมมาด้วย
บวกกับไรเคราเขียวจางแถวแนวขากรรไกรชัด ช่วยให้ดวงหน้าโดยรวมไม่สำอาง
คิ้วเรียวคมปลาบเหมือนปาดไว้ด้วยพู่กันสะบัด หัวคิ้วขมวดมุ่นนิดๆอย่างไม่สบอารมณ์หลายครั้ง
ที่ได้ยินวาริชพูดอะไรแปลกๆ เขาก้มหน้าก้มตากินเสียส่วนมาก กินอย่างเรียบร้อยไม่มูมมาม
แต่กินเร็ว กินได้มาก จนเหมือนทั้งนายคนนี้และวาริชซึ่งพูดไปกินไปได้อย่างคล่องปากกำลังแข่งกัน
ทำลายอาหารจนเกิดเป็นสงครามเย็นกลายๆที่ไม่มีใครรู้สึกนอกจากวนัสสา

ครามใช้เวลาในช่วงมื้อนั้นจับสังเกตทุกคนเช่นกัน รวมถึงผู้หญิงที่มองเขาเอาๆตรงหน้าด้วย
ดูเธอจะอยากถามเต็มที ว่าเขาจำเธอได้บ้างไหม แต่คงไม่ใช่ต่อหน้าคนมากมายให้ต้องเท้าความ
กันยืดยาว เขาเองก็ลอบมองเธอ แล้วก็ยิ่งเห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ามองอย่างประหลาด

...เขาเองจำเธอได้ดี แต่ออกตัวอยู่ในใจว่าไม่ได้สนใจเป็นการส่วนตัวในเชิงชู้สาวหรืออะไรแบบนั้น
ทว่าก็ต้องยอมรับว่าขี้แมลงวันใต้หางตาซ้ายนั่นยิ่งทำให้ดวงตาน้ำตาลใสของเธอสวยขึ้นไปอีก
รับกับหน้าตาสะสวยหาตัวจับยากได้เหมาะเจาะ รูปร่างสะโอดสะองเดินเหินราวกับจะลอยล่อง
ไม่ช้าไม่เร็วแต่สง่า ทั้งที่ส่วนสูงคงไม่ถึงร้อยหกสิบห้าด้วยซ้ำ ธรรมดาสำหรับสาวไทย
แต่เตี้ยมากสำหรับเขาที่คุ้นเคยกับการจับนางแบบร่างชะลูดมาแต่งตัวเดินแบบ

ไม่รู้ทำไมคราวนี้ชักนึกอยากเล่นแต่งตัวตุ๊กตาตรงหน้านี่มากกว่าตัวไหนๆที่เคยผ่านมือ
ถ้ามีโอกาสก็คงดี เสียแต่ว่าช่วงนี้เขากำลังยุ่ง

วนัสสาคงไม่ได้คิดไปเอง ที่ว่าชายหนุ่มผู้นั่งตรงข้ามลอบสังเกตเธออยู่ มือเธอวางบนโต๊ะ
มือเขาก็เช่นกัน วูบหนึ่งที่สายตาสองคู่ประสาน ความรู้สึกบางอย่างพลันผุดขึ้นในใจหญิงสาว

“อยากได้เครื่องดื่มร้อนๆหลังอาหารไหมครับ” เบ็นที่เพิ่งกลับเข้ามาเอ่ยเหมือนชี้ชวน
ให้หันไปสนใจมากกว่าจะต้องการคำตอบจริงจัง

‘อยากได้เครื่องดื่มสมุนไพรอะไรร้อนๆเป็นพิเศษไหมครับ’
ประโยคในอดีตดังซ้อนทับขึ้นมาในสมองของวนัสสา แน่นอนว่าคนพูดคือเบ็น...

‘หึ ในสถานการณ์ตกกระไดพลอยโจนที่มีเรื่องร้ายกาจเกินคาดเดารออยู่ข้างหน้า
บางทีคุณควรจะคั้นน้ำใบ “โฟร์ลีฟโคลเวอ” มาให้เราดื่มละมั้ง...’
เป็นเสียงของครามที่วางมืออยู่บนโต๊ะประชดตอบไป

นี่เธอกำลังอ่านความรู้สึกจากตัวเขา รวมกับเศษความทรงจำที่มีร่วมกัน เกิดเป็นความรับรู้
ที่กระจ่างชัดขึ้นมา เธอเคยมานั่งตรงนี้ มีเบ็นที่ตั้งคำถาม มีมิสเตอร์อินดิโก้หรือนายคราม
และกำลังจะต้องเผชิญสถานการณ์อะไรไปด้วยกันงั้นหรือ อะไรที่เขาเรียกว่ามันคือการ
‘ตกกระไดพลอยโจน’ ในคำพูดนั่น


เมื่อทุกคนอิ่มอาหารทั้งคาวหวาน เบ็นก็ชี้ชวนให้แขกที่เข้ามาพักตามตนไปสู่พื้นที่ของโถงกลาง
แต่คราวนี้พ่อบ้านชราถูมืออย่างมีลับลมคมใน ก่อนจะผายมือไปยังประตูสู่ส่วนหลังคฤหาสน์
อันซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปภายใต้เงาเงื้อมของราวระเบียงชั้นบน ประตูที่วนัสสาเพิ่งจะเล็งไว้
ตอนนี้ประตูนั้นเปิดอยู่ เห็นแสงสีฟ้าเรืองวาววามมาจากข้างใน

“เชิญครับ...ผมจะพาไปชมส่วนอภินันทนาการที่เราเตรียมไว้ให้ มีทั้งโต๊ะพูล
ตู้หยอดเหรียญสารพัดแบบ บาร์ที่ชั้นใต้ดิน สระว่ายน้ำในร่ม ห้องซาวน่ารวม
พักที่นี่คุณจะสบายเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยเชียว”

“ไม่เห็นบอกล่วงหน้าเลยนะคะ ว่ามีแถมให้ขนาดนี้ แล้วก็ไม่ยักรู้ว่าที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย”
สายชลเอ่ยร่าเริงพลางบีบแขนสามี “ฉันชอบน้ำ เหมือนชื่อละค่ะ แต่ว่ายเท่าไหร่หุ่นก็ไม่ลดเสียที
นี่ถ้ารวมระยะทางที่ว่ายมาตลอดชีวิต คงว่ายจากอ่าวไทยไปถึงฮาวายได้แล้ว” หญิงสาวร่างอวบพูดติดตลก

“อย่าลดเลย ผมชอบแบบนี้” เชนทร์โอบภรรยาเข้ามาหอมตรงขมับแรงๆ

“หายากนะคะผู้ชายดีๆแบบนี้ ส่วนใหญ่ตัวเองหัวล้านลงพุงได้ แต่เมียห้ามอ้วน”
ดาหวันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งชัดว่าชมหรือเสียดสีผู้ชายทั้งโลก

“ตอนนี้ยังดีอยู่ค่ะ น้ำต้มผักยังหวานๆ รออีกสักสิบปีจะคอยดูว่าพูดเหมือนเดิมไหม”
สายชลหัวเราะเปิดเผย ไม่ถือสาประโยคเถรตรงของดาหวันซึ่งดูเป็นคนที่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด

วนัสสารู้สึกได้ชัดว่าหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งจัดจนออกคล้ำเนียนอย่างดาหวันคงเป็นคุณหนูพันธุ์ถึก
เป็นลูกคนมีเงินที่ตามใจตนเองเสียเคย ขณะเดียวกันก็เอานิสัยนั้นไปใช้ลุยทุกอย่าง
แต่บุคลิกชนตรงแบบนี้บางทีอาจจะอันตรายน้อยกว่าคนวางแผนทำเรื่องซับซ้อนอยู่ในใจก็เป็นได้

“เอาครับ ไปกัน...พร้อมหรือยัง” เบ็นและพวกพนักงานต้อนรับของที่พักซึ่งแต่งตัวเหมือนหนุ่มสาว
รับใช้โอบเข้ามา คล้ายจะช่วยประกบทุกคนให้ก้าวสู่โลกแห่งยามราตรีที่รอคอย แต่แล้วกลับมีอยู่คน
ที่เลือกจะก้าวพ้นวงล้อมนั้นไป

“ขอตัวนะ ผมมีธุระ” ครามเอ่ยเรียบๆ
แต่ดูจากย่างก้าวยาวๆของเขาจนถึงตอนขึ้นบันไดไปนั้นก็ดูว่าคงจะรีบจริงๆ

วนัสสาแอบได้ยินเสียงวาริชร้องเฮอะออกมาเบาๆ ...ผู้ชายสองคนนี้ไม่ถูกชะตากัน
เพราะเรื่องรถเฉี่ยวรถชนหรือจะมากกว่านั้น บางทีศึกชิงความเป็นจ้าวผู้อยู่เหนือกว่าในทางอารมณ์
ของหนุ่มๆก็พอกับเด็กตีกันในสายตาคนนอก แต่สำหรับพวกเขาคงเหมือนคู่ต่อสู้ที่ยืนคุมเชิงกันอยู่คนละ
ฟากฝั่งแม่น้ำเชี่ยวกราก ประหัตประหารกันด้วยสายตา รอว่าใครจะทนไม่ไหวและกระโจนบุกน้ำไปหาอีกฝ่าย
ซึ่งแน่นอนว่าคนเสียการควบคุมก่อนเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ทั้งหมดเดินเข้าสู่ประตู ผ่านอุโมงค์ที่เรืองรองด้วยแสงไปจนพบห้องกว้างขวางว่างเปล่า
แต่แล้วโดยไม่ให้เสียเวลารอ พื้นห้องอันแนบเนียนนั้นกลับเลื่อนเปิดออกช้าๆอย่างน่าตะลึง
วนัสสาเดาได้ทันทีว่าตำรวจที่เข้ามาสืบค้นคงไม่ได้เห็นภาพอะไรอย่างนี้

“เข้าใจทำนะคะ” ดาหวันยักไหล่ แต่ในน้ำเสียงนั้นคล้ายจะบอกว่าไม่ได้ทึ่งอะไรนัก

ในขณะที่สายชลหันไปตื่นเต้นกับสามี ก็มีเพียงวนัสสาที่สบตาวาริชเงียบๆ เห็นชายหนุ่มมองมา
คล้ายกังวลใจแต่ก็ปลอบประโลมอยู่ในที ว่าอย่างน้อยยังมีเขามาด้วย

วาริชคิดว่าเธอบอบบางอย่างนั้นหรือ เธอนี่แหละ จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครถ้ามีเรื่อง
และจะยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย แม้ว่าคนรอบกายจะล้มลงนอนตายไปหมดแล้ว วนัสสามั่นใจ...

ช่องทางนั้นมีบันไดเลื่อนลงสู่ชั้นล่าง เสียงเพลงประกอบบรรยากาศบางเบาดังเหมือนน้ำหยดในถ้ำคริสตัล
สะกดให้เคลิ้มไปว่ากำลังล่วงเข้าสู่แดนฝัน แต่วนัสสาตั้งใจไว้แล้ว ตราบใดที่พลังจิตเข้มแข็ง
คราวนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายเธอได้

“อยู่ข้างๆผมนะคุณหนูวนัส” วาริชพูดลอยๆ พอให้ได้ยินกันเพียงเขาและเธอซึ่งยืนเคียงกัน
บนบันไดเลื่อนที่กว้างกว่าตามห้างสรรพสินค้าสักเกือบเท่าตัว “เผื่อว่า...จะมีอันตราย”

“ทำไมคะ หมอริช คุณช่วยฉันได้หรือถ้ามีมาเฟียรอเราอยู่ในคาสิโนข้างล่าง”

“ก็น่าจะพอช่วยได้บ้าง” วาริชตอบกลั้วเสียงฮึมฮัมอารมณ์ดีในคอ

ทั้งหมดลงถึงชั้นล่างซึ่งอยู่ลึกลงไปมากพอสมควร สาวๆต่างห่อปาก ส่งเสียงจิ๊จ๊ะถูกใจ
กับความหรูหราอลังการ เพดานสูงรวมถึงแม้แต่ในผนังก็ดูราวกับประดับไว้ด้วยเกล็ดคริสตัลเงินยวง
เสาต้นสูงสีเงินอีกเช่นกัน ไม่ใช่เงินวาวอย่างหยาบๆ แต่เนื้อละเอียดอ่อนและทั้งทันสมัยน่าดูชม

“ทั้งด็อกเตอร์กฤษณะกับคุณศศิราศีภรรยาที่เป็นเจ้าของเก่าที่นี่สร้างไว้ดีมากนะครับ” เบ็นชื่นชม

วนัสสาหรี่ตา สองคนนั้นมีทรัพย์สินขนาดนี้ แปลว่าเวชกุลมีอำนาจอยู่ในมือมากยิ่งกว่าที่เธอเคยคิด
พวกเขาทำอะไร ที่ผ่านมาพ่อเธอทำอะไร

พ่อคะ...ตอบหนูหน่อยได้ไหมว่าทำไมพ่อถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูเข้าใจชีวิตของพ่อจริงๆเลยสักที
จนวันหนึ่งชีวิตนั้นกลืนกินตัวพ่อไป จนตอนนี้หนูจะยอมให้มันกลืนกินตัวหนูไปด้วยอีกคน
ถ้าหากมันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้พ่อกลับมา อย่างน้อยก็ขอให้เราได้พบกันอีกครั้ง

แม้คนอื่นจะเชื่อว่าพ่อเธอตายไปแล้ว แต่วนัสสาเองรู้และเข้าใจถึงราคาของอัจฉริยภาพในตัวบิดาดียิ่ง
เธอไม่เชื่อว่าเวชกุลจะยอมแลกความลับราคาแพงขนาดไหนก็ตามกับมันสมองของพ่อ
เพราะไม่มีใครจะมาแทนที่นักวิทยาศาสตร์อย่างคนชื่อศิวัฒน์ได้อีกแล้ว ไม่มีทาง

ไอเย็นเจือจางลอยเรี่ยพื้นคล้ายมีไว้เพิ่มบรรยากาศ แต่กลับทำให้รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเดินลึกเข้าไป ผ่านส่วนบันเทิงอันชวนให้ตื่นตา

“ที่นี่ดูอันตรายนะครับ ผมชักเสียวๆสันหลังยังไงบอกไม่ถูก” วาริชเปรยดังๆ

“ไม่เลยครับ รับรองว่าระบบทุกอย่างข้างใต้นี้ปลอดภัยดี คุณหมอวาริชต้องประทับใจแน่”
เบ็นเรียกอย่างให้เกียรติ ด้วยพอจะรู้มาว่านอกจากงานประจำสาขาอาชีพที่ร่ำเรียนมา
วาริชยังมีความรู้ทางรักษาคนอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าแพทย์ปริญญาบางคนเสียด้วยซ้ำ
“คนของเราพร้อมแล้วที่จะแนะนำ เชิญแยกย้ายกันสนุกตามใจชอบเลยครับ”

พ่อบ้านชรายิ้มอยู่ใต้หนวดสีออกเทาเมื่อมองหนุ่มสาวทั้งห้าแยกย้ายกันไป แขกยังมาไม่ครบ
ตอนนี้ยังต้องรอไปก่อน เบ็นถอนใจก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“ไม่อันตรายหรอกครับ อย่างน้อย...ถึงจะอันตรายก็ยังไม่ใช่วันนี้ก็แล้วกัน”



หลังแยกตัวจากทุกคน ครามเลี่ยงเข้าห้อง ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ธุระที่ต้องทำก็ไม่ใช่อะไร
จุดประสงค์ของเขาก็อยู่ร่วมทางกับคนพวกนั้น เขามีวิธีจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง วิธีปลอดภัยกว่า
ที่อาจใช้นำพาตนเองไปสู่ความลับสองเดือนที่หายไป

ครามนอนลงบนเตียงทั้งเสื้อผ้าครบชุด ประสานมือบนอก ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็ลุกขึ้นยืน
ก้มมองมือและหันไปมองตัวเองอีกคนที่ยังนอนอยู่!

ถ้าจะพูดให้ถูก ตัวจริงของเขายังนอนบนเตียง ส่วนตัวเขาตอนนี้คนอื่นอาจจะมองเห็น หรือว่าไม่เห็น
ตามแต่ระดับความเจือจางของร่างที่เขาเองจงใจสร้างขึ้นมาในแต่ละครั้ง แต่ไม่ว่าอันตรายใดๆ
ก็จะมาสัมผัสถึงตัวไม่ได้

เขาอาจจะนั่งลืมตาอยู่ยามส่งตัวเองอีกคนออกไปดูอะไรต่างๆที่ต้องการ แต่วันนี้ชายหนุ่มเลือกจะ
อยู่ในท่านอนหลับตาซึ่งจะก่อเกิดสมาธิสูงสุด เขาไม่ได้หลับ สติยังรู้พร้อมจนสามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกเวลา
โดยที่ร่างอากาศยังไม่จางหายไป แต่ก่อนยังทำไม่ได้ขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมหลังจากเขาหายตัวไปและถูกพาตัว
กลับมาทิ้งไว้ความสามารถกลับเพิ่มพูน และตอนนี้ ครามจึงต้องกลับมาหาคำตอบนั้นให้กระจ่างชัดด้วยตัวเอง

ร่างสูงก้าวห่างมาจากเตียง เป้าหมายไม่ใช่ประตู แต่เป็นกำแพง...
ครามเอื้อมมือไปหามัน ก่อนร่างเขาจะทะลุผ่านออกไปอย่างไร้ร่องรอย!


{{ขอบคุณสำหรับทุก Like ด้วยนะคะ...
โปรดติดตาม : ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา}}



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 15:29:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 15:29:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1401





<< ความทรงจำที่ ๔ อินดิโก้...บลู   ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา >>
อสิตา 6 ส.ค. 2556, 15:30:05 น.
คุณภาวิน - อินดิโก้มีลับลมคมใน แต่ก่อเกิดลับลมคมรักในใจใครก็ต่อใครไม่รู้กี่ราย แสยะ...
ตอนนี้ก็บอกว่าฮีมาทำอะไร แต่เรื่องฮีรู้แค่ไหนเกี่ยวกับที่นี่ยังไม่เคลียร์นะ คือจะทำอย่างนี้กับตัวละครหลายตัว
เรียกว่าบอก แต่บอกไม่หมด ต้องจับตาทุกตัวให้ดีๆ
คุณพันธุ์แตงกวา – มาแว้ว เมื่อวานไม่อยู่บ้านกลับดึกด้วยเค้าเลยหายไปจากเวลาปกติ ตกลงตอนนี้
ชอบหนุ่มไหน อย่าลืมอัพเดทสถานะหัวใจให้เค้ารู้นะ(เสี่ยวได้ที่)
คุณดังปัณณ์(หนอนน้อย) – วาริชตกกระป๋องไวจัง ไม่ใช่คนใหม่มาครามก็ตกกระป๋องอีกน้า อีกคนก็เจิดใช่ย่อยน้า
คุณก้อนหิน – ขอบคุณค่าที่มาลงชื่อ คนเขียนก็ได้กำลังใจจากนักอ่านที่เม้นต์ให้นี่แล
เดี๋ยวตอนท้ายสุดคงต้องมีการตอบแทนกันบ้าง กับคนที่ให้กำลังใจกันมาตลอด

คุณพี่มูน – เลือกไม่ยากหรอกหนุ่มในเรื่อง ตามเสียงหัวใจไป ทุกคนดีหมด น่ารักหมด 55
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางเป็นพวง – อย่าลืมนะก๊ะว่าหนุ่มของอสิตาหล่อเร้าอันตราย เอาไปเก็บๆไว้หลายคน
เผลอๆจะซัดกันเองอยู่ในใจจนน่วม(คำว่าซัดนี่ตีความได้หลายทางทีเดียว)
คุณสุขุมวิท66 – ปล่อยใจให้เอียงไปทางครามเลยค่ะ เดี๋ยวคนเขียนดึงกลับมาเอง เอียงเลยเพื่อความฟิน
หนุ่มสุดท้ายเชื้อชาติไทยค่ะ แต่ขาว แล้วก็หน้าสวยมากกกกก *0*
คุณเลิฟหมวย – ดีใจค่ะที่ยังมีคนชอบหมอริชอยู่ ตัวละครนี้ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวังนะ แล้วก็ดีใจด้วยที่
เกิดความหลากหลายทางอารมณ์ของคนอ่านขึ้นมา งั้นยกหมอริชให้คุณเลิฟหมวยแล้วกัน


อสิตา 6 ส.ค. 2556, 15:30:28 น.
คุณน้องมีน – นิยายสาวๆอ่านก็ต้องมีหนุ่มๆเป็นจุดขายแน่ แต่เราไม่ขายแค่นั้น เนื้อเรื่องต้องสนุกด้วย
คนอ่านจะได้ครบทุกทาง
คุณรี – ยินดีต้อนรับค่ะ หุหุ ขอบคุณที่มาเม้นต์นะคะ อยากรู้ความรู้สึกคนอ่านแบบนั้แหละ เรื่องปมไม่ต้องห่วง
ผูกแล้วคลายครบแน่นอน
คุณพระอาทิตย์สีทอง – แปลว่าปกติเป็นคนละเอียดกับงานแน่ๆเลยค่ะ *0* ชอบหนุ่มใหม่แล้วเหรอ
ครามก็คือชื่อไทยของอินดิโก้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ย้ำ จะมาย้ำตอนนี้แหละ ต้นอินดิโก้คนไทยเรียกคราม
ที่เอามาย้อมสีผ้าน่ะค่ะ

คุณจิรารัตน์ – อยากจิ้มส่วนไหนคะ ยื่นให้พอดีมือเลย(ไม่ช่ายละ) ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจกันเสมอค่ะ^.^
คุณเฟอร์ – อินดิโก้ก็บอกว่าครามงายยย นวาระแปลว่ากุหลาบ ก็บอกแล้วงายยย มันจะมาอลังการซ้อนกันได้ไง
มะม้าชอบผชเก๊กๆนะ อัคน้อยก็เก๊กซะ แต่สิ่งที่ห็นของแต่ละคนอาจซ่อนบางอย่างไว้นะ แสยะ
คุณแพทแมว – คิดถึงจังค่ะ ยินดีที่ได้กลับมาสนุกกันใหม่นะคะหนนี้ อย่าลืมรอติดตามตอนต่อไป


Sukhumvit66 6 ส.ค. 2556, 16:49:54 น.
ทุกคนความทรงจำหายไปหมดซินะ........

ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่


พันธุ์แตงกวา 6 ส.ค. 2556, 18:27:37 น.
ที่แท้ก็พ่อครามหรอกหรือ ที่ทะลุกำแพงไปมา
แล้วหายไปไหนมาสองเดือน เข้าเค้าๆ
ยังไม่ตัดสิน รอดูชายหนุ่มที่เหลืออีกคนก่อน


ดังปัณณ์ 6 ส.ค. 2556, 19:43:35 น.
ง่า....ชอบหลายๆคนค้า 555+ ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม คำถามเดียวลอยด้องแด้งไปมาเลยค้า ไมเบ็นพูดอย่างนั้น แล้วไมอิตาคราม(เปลี่ยนใจแระ) ทะลุกำแพงแล้วจะไปทำอะไร หมอริชทำแต้มขึ้นมาหน่อยนึงตรงแมวโดเรมอนค่า


ภาวิน 6 ส.ค. 2556, 19:44:20 น.
ใครเป็นพระเอกเค้าไม่สนละ ตอนนี้ยกใจให้โดร่ากับหมอริชไปก่อน


lovemuay 6 ส.ค. 2556, 20:15:05 น.
สิ่งแรกที่เรานึกถึงตอนอ่านคำว่า "อินดิโก้" คือ แฮรรี่พอตเตอร์ค่ะ
จำได้ว่ามีพ่อมดคนนี้ชื่อนี้ ที่จริงพระเอก?ก็เข้าเค้านะคะ บุคคลิกดูลึกลับ ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าคนนี้เป็นพระเอกค่ะ ฮ่าๆๆ
แต่โดร่ากับหมอโนบิตะได้ใจไปเต็มๆเลยค่ะ


SunSeed 6 ส.ค. 2556, 21:10:53 น.
อร๊ายยยยยย พี่คราม มิสเตอร์อินดิโก้ พอโผล่มาอีตาหมอวาริชกลายเป็นตัวอารายไปเลยก็ไม่รู้ ชอบผู้ชายคมเฉี่ยวแบบนี้อ่า


sai 6 ส.ค. 2556, 21:33:57 น.
หนุ่มๆซัดกันไปเลยคร้าาา เต็มที่เรารอดู แต่ห้ามกินกันเองนะ 555


goldensun 7 ส.ค. 2556, 16:09:50 น.
โดร่าแย่งซีนหมอริชซะแล้ว ตอนนี้โดร่าถึงออกนิดเดียว มาที่หนึ่งเลย แค่จิ้นตามก็ชอบแล้ว
เปิดตัวอีกหนึ่งสาวแล้ว ใช่มั้ยคะ แล้วร่างที่วนัสเห็น จะเป็นครามหรือหนุ่มอีกคนที่ยังไม่ปรากฎตัวกันแน่
ครามนิสัยแปลกมากจัง โดดเดี่ยวดีแท้ แต่ก็สมเป็นพวกอาร์ตดีค่ะ จะมีเพื่อนสนิทกับเค้าบ้างมั้ยคะ
แล้วอีกสองคนที่เสริมเข้ามานี่ แค่หลงเข้ามา หรือมีพลังพิเศษกับเค้าด้วยคะ


บุลินทร 7 ส.ค. 2556, 18:44:25 น.
มาแล้วนะ เดี๋ยวบ่นว่าไม่มากดไลค์ อิิอิ


Zephyr 7 ส.ค. 2556, 22:08:05 น.
หืม ถอดร่างได้ ออร่าให้นะคนนี้อ่ะ มะม้า
อีกคนนึงเอาเปิดตัวให้ไวเลย หมกนานไปไม่รุ่งนะ ขอบอก หึหึ
สารภาพว่าที่เฟอร์เดาเพราะเฟอร์มิได้อ่านที่มะม้าเม้นท์ตอบคนอื่น อ่านแต่ของตัวเอง
เลยไม่เห็นว่ามะม้าเขียนคำแปลไว้แล้ว ฮ่าๆๆๆ
ลงกาสิโนใต้ดินกัน คิดจะทำอะไร รึคฤหาสน์หลังนี้มีชิวิต เหมือนหนัง event horizon
เมื่อวานเพิ่งดูใหม่อีกรอบ สยองมากกกกกก หวังว่า นิยายเรื่องนี้ คงไม่เหมือนกันนะ


นณกร 8 ส.ค. 2556, 19:07:09 น.
อยากโดนอุ้งตีนอันอ่อนนุ่มยันหน้าบ้าง โดร่าของเค้า...>.<


Pat 8 ส.ค. 2556, 21:44:50 น.
ลึกลับ-ซับซ้อน-ซ่อนเงื่อน โดร่าออกมาหน่อยเดียวขโมยซีนแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account