ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๔ (๑๐๐%)

“แพนจ๋า! เข้ามานี่หน่อย เกรซมีเรื่องจะคุยด้วยจ้ะ” เสียงที่ดังผ่านอินเตอร์คอมยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิมทุกประการ แต่เมื่อเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย พรนางฟ้ากลับพบว่าสีหน้าเจ้านายเรียบเฉย ติดจะเป็นทางการกว่าปกติ เมื่อเธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเรียบร้อย เจ้าของห้องก็เข้าเรื่องทันที

“เกรซจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ เรื่องที่แพนมาต่อรองกับเกรซเมื่อวานน่ะ ขอให้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกิดขึ้นนะจ๊ะ รู้ไหมว่ามันไม่มีมารยาทมากเลย ถ้าเกรซพิจารณาว่าแพนควรได้ชื่อร่วมในโครงการไหน เกรซจะจัดการให้เอง แพนไม่ต้องมายื่นข้อเสนอแบบนั้น”

พรนางฟ้าเม้มริมฝีปากพยายามสะกดใจ แต่กระนั้นเสียงก็ยังดังลอดมาให้ได้ยินแผ่วๆ “แล้วที่ผ่านมาไม่เคยมีสักโครงการเลยเหรอ ที่เราดีพอที่จะสมควรได้รับการลงชื่อว่าเป็นผู้ทำโครงการด้วยน่ะ”

“อะไรนะ พูดดังๆสิเกรซไม่ได้ยิน”

พรนางฟ้าจึงทวนประโยคเมื่อครู่อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเอ่ยชัดเจน

สุภัทรชาเบ้หน้า ส่ายหน้าระอา “โธ่...เพื่อนจ๋า แพนแค่ประสานงาน เตรียมเอกสาร แล้วก็วาดแบบโครงการเท่านั้นเองนะ จะเรียกว่าทำโครงการได้ยังไง”

คนเป็นเพื่อนอึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกเจ็บแปลบในใจ “แต่เท่านั้นเองที่ว่ามันคือเนื้องานแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วนะ ในเมื่อแพนทำเกือบทั้งหมดของโครงการแล้ว ขอแค่ใส่ชื่อด้วย ไม่เห็นว่ามันจะหนักหนาอะไรเลยนี่นา” เมื่อเริ่มพูดโดยไม่มีปฏิกริยาร้ายแรงจากเจ้านาย พรนางฟ้าก็กล้าอธิบายเต็มเสียง

“นี่ไปถูกใครยุยงปั่นหัวมาหรือ ทำไมแพนถึงทำตัวเรื่องมากขนาดนี้เนี่ย เราสองคนทำงานด้วยกันมาตลอดหลายปี ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลยนะ” สุภัทรชาทำท่าเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กหญิงเล็กๆกำลังอาละวาด!

“ไม่มีใครปั่นหัวหรอก แพนแค่อยากทำให้อะไรๆถูกต้องเท่านั้นเอง แพนอยากลองดูว่าจะทำงานด้วยตัวเองได้ไหม” พรนางฟ้าตบหน้าผาก เมื่อได้ยินคำสุดท้ายเต็มสองหู พึมพำด้วยความกลัวใจตัวเองเช่นกัน “นี่เรากล้ามากไปหรือเปล่าเนี่ย”

เจ้านายและเพื่อนหัวเราะเบาๆ “ตามใจนะ แพนจะคิดยังงั้นเกรซก็ห้ามไม่ได้หรอก”

พรนางฟ้าไม่แน่ใจนักว่าเธอตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นดวงตาคู่งามของเพื่อนมีแววกระด้างแวบขึ้นชั่วครู่ ก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว

สุภัทรชายิ้มหวาน “แพนไปเอางานที่กำลังดูแลอยู่มาให้หมดเลย เกรซจะแบ่งงานให้ทำ แล้วก็ใส่ชื่อแพนด้วย ตกลงไหมจ๊ะ”



ตลอดหนึ่งชั่วโมงถัดมา สุภัทรชายกเหตุผลมากมายมาพูดเพื่อหยิบแฟ้มลูกค้าไปไว้ข้างตัว เพื่อแบ่งงานตามที่ลั่นวาจา “คีรีธารากรุ๊ปควรเป็นลูกค้าของเกรซนะ เพราะเกรซเป็นคนหาลูกค้ารายนี้มา แล้วก็เข้าไปแนะนำตัวกับผู้จัดการฝ่ายไอทีด้วยตัวเอง”

“แต่หลังจากแนะนำตัวแล้ว คุณเกรซก็ไม่เคยไปดูดำดูดีโครงการนี้อีกเลยนะ ที่สำคัญแพนประสานงาน ดำเนินการจนตอนนี้งานก็คืบหน้าไปเกือบเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่ตรวจงานแล้วก็เซ็นรับมอบโครงการเท่านั้นเอง ทำแบบนี้มันชุบมือเปิบกันชัดๆ” แม้ตรงท้ายประโยคจะเสียงอ่อย แต่คนฟังก็ยังได้ยินชัด!

“แม่เคยสอนเกรซว่าการเป็นผู้บริหารที่ดีต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย แพนก็ต้องเตรียมตัวเป็นผู้บริหารเหมือนกันนะ เพราะอีกหน่อยถ้าเกรซเป็นผู้อำนวยการ ตำแหน่งผู้จัดการก็ว่าง แพนอาจได้เลื่อนขึ้นก็ได้”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เรากำลังคุยกันอยู่ล่ะ” พรนางฟ้าฉงน

“ก็เรื่องคีรีธารากรุ๊ปนี่ไง แพนมัวแต่คิดว่าใครจะชุบมือเปิดบ้างละ ห่วงแต่ว่าจะถูกเอาเปรียบบ้างละ ผู้บริหารที่ดีต้องมองภาพใหญ่จ้ะ อย่ามัวแต่ไปจุกจิกเรื่องเล็กๆ งานการไม่เดินกันพอดี เพราะฉะนั้นงานของคีรีธาราก็ตกลงตามนี้แหละ เกรซจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”

หากเป็นช่วงเวลาปกติ พรนางฟ้าคงไม่มีปากเสียง แต่สองวันที่ผ่านมา เธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวจึงได้ยินตัวเองตอบกลับเรียบๆ “เกรซให้แพนทำงานนี้มาตั้งแต่ต้น ตอนนี้งานใกล้จบแล้ว อยู่ๆเกรซขอกันแบบนี้ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน แพนคงเข้าใจผิดคิดว่าเกรซอยากชุบมือเปิบนะเนี่ย”

อีกฝ่ายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนเหยียดริมฝีปากเยาะหยัน “เกรซไม่จำเป็นต้องทำอะไรทุเรศๆอย่างนั้นหรอกแพน เลิกคิดอะไรเข้าข้างยกหางตัวเองไปใหญ่โตขนาดนั้นได้แล้ว เกรซจะดูแลโปรเจ็คต์ที่คีรีธาราเอง จบนะ” สุภัทรชาตัดบทดื้อๆ หยิบแฟ้มของคีรีธารากรุ๊ปไปวางข้างตัว แล้วเสือกส่วนที่เหลือไปให้เพื่อน

“งานที่คุณเกรซยกให้ มีแต่โครงการเล็กๆที่ปกติให้พนักงานใหม่ทำทั้งนั้นเลย แพนอยากได้โครงการใหญ่ๆบ้าง”

“แพนเป็นมือใหม่หัดทำโครงการ ขืนให้จับงานใหญ่เลย เกิดพลาดขึ้นมาจะเป็นเรื่อง ที่ทำแบบนี้ก็เพราะเกรซเป็นห่วงแพนนะ” ท่าโบกมือแทนการตัดบททำให้พรนางฟ้าเหลือทางเลือกเดียวคือหอบแฟ้มที่ ‘เหลือ’ กลับมานั่งทอดอาลัยเงียบๆ

พรนางฟ้ามองตามเพื่อนที่สะพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์ออกจากห้องไปจนสุดสายตา แล้วโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะความคิด เธอทักทายกับปลายสายตามความเคยชิน “ออฟฟิศคุณสุภัทรชาค่ะ”

“เฮ้ย! ผมโทร.เข้ามือถือคุณไม่ใช่เหรอ” เสียงห้าวคุ้นหูดังมา

พรนางฟ้าจึงได้สติ เพิ่งนึกได้ว่านี่เป็นสายที่ดังทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่างหาก น้ำเสียงคุ้นเคยที่ได้ยินทำให้อดยิ้มไม่ได้ “ว่ายังไงคะคุณคิรินทร์ วันนี้จะโทร.มาให้ฉันเลี้ยงข้าวอีกหรือ”

“เปล่า...จะถามว่าคุณเป็นยังไงบ้าง โดนตบไปบ้างหรือยัง”

คนฟังหัวเราะคิก “ตาบ้า ถามอะไรไม่เป็นมงคลเลย”

“เมื่อกี้นี้คิดใช่ไหมนั่น” เขาย้อนอย่างรู้ทัน

“เปล่า...เมื่อกี้ตั้งใจพูดเลยแหละ หาเรื่องอยากแขวะคุณยังไงล่ะ” พรนางฟ้าเพิ่งรู้สึกสบายใจตอนนี้เอง

“แล้วตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่”

“เซ็งค่ะ กำลังคิดว่าถ้าจะลา...” เธอปิดปากเหมือนเพิ่งนึกได้ มองรอบตัวแล้วกระซิบเบาๆ “ฉันกำลังอยากลาออกจากงานจังเลยคุณ”

ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนถามด้วยความระมัดระวัง “ลาออกเพราะงานไม่สนุก หรือเพราะว่าขัดขาขัดคอกับเพื่อนร่วมงานล่ะ”

เมื่อเขาดักคอแทงใจดำ เธอจึงระบายความอึดอัดใจรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้าให้ฟังโดยละเอียด แม้เพิ่งรู้จักกัน แต่น่าแปลกที่พรนางฟ้าไว้ใจผู้ชายคนนี้ บางทีอาจเพราะเขาเป็นคนแรกที่ฟังเธอพูด ฟัง...กระทั่งสิ่งที่อยู่ในใจเธอมาเนิ่นนาน

ครั้นจบประโยคสุดท้ายที่เรื่องงานซึ่งถูกแย่งไปหน้าตาเฉย อีกฝ่ายก็เอ่ย “คีรีธารากรุ๊ปเหรอ เจ้าของเป็นน้องชายผมเอง สนใจไหม ผมพาคุณเข้าไปรู้จักได้นะ”

คนฟังหัวเราะร่วน “คุณโอ่ซะจนฉันเชื่อเลยนะเนี่ย ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ฉันทำใจแล้วละ เดี๋ยวฉันจะนัดกับผู้จัดการฝ่ายไอทีของโรงแรม ถ้าคุณเกรซอยากได้ ยังไงฉันก็ต้องยกงานนี้ให้เขาอยู่ดีแหละ”

“ผู้จัดการเหรอ อ๋อ...คนนั้นผมรู้จัก เดี๋ยวผมจะไปกำชับให้ว่าต้องเข้าข้างคุณนะ”

“ต๊าย! ใหญ่โตมากจ้ะพ่อคุณ ฉันเริ่มกลัวบารมีคุณแล้วนะเนี่ย” หญิงสาวขันจริงๆจังๆ “ตกลงว่าคุณโทร.มาคุยเล่นหรือมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่สงสัยว่าคุณยังมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่าจากการพูดทุกสิ่งที่คิดนั่นน่ะ”

“คนอย่างฉัน ถ้าใครจะฆ่าก็คงต้องคิดหนักๆแหละ เพราะไม่อยากฆ่าคนไร้ค่าให้เสียประวัติ” เธอประชดตัวเองต่ำต้อยเกินจริง “ฉันต้องทำงานต่อแล้ว ขอบคุณนะคะที่โทร.มาทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นตั้งเยอะแน่ะ”

ก่อนวางสายคิรินทร์จึงปลอบเธอด้วยการบอก “นี่ยังไม่เที่ยงเลย วันนี้ของคุณเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งในสามเอง ถ้ารีบเซ็งเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะมีแรงกายแรงใจที่ไหนฝ่าฟันจนหมดวันได้ล่ะ ยิ้มเข้า อย่างน้อยก็ให้เวลาที่เหลือของวันนี้มีแต่รอยยิ้มแล้วก็ความสุขดีกว่า เชื่อผมเหอะ แล้วจะดีเอง”



สตูดิโอที่คิรินทร์ใช้ทำงานถูกรูดผ้าม่านออกทุกด้าน เปิดหน้าต่างทุกบาน เพื่อให้แสงธรรมชาติสาดเข้ามาภายในและช่วยระบายอากาศ กระนั้นในห้องก็ยังคงคลุ้งด้วยกลิ่นน้ำมันลินสีดที่ชายหนุ่มใช้ผสมลงในสีน้ำมันเพื่อลดความหนืดข้น คิรินทร์แต้มปลายพู่กันลงบนแผ่นกระดานไฟเบอร์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งใช้แทนจานสี ปาดลงในกรอบไม้ขึงผ้าใบบนขาตั้งตรงหน้า เพื่อเก็บรายละเอียดของภาพเป็นลำดับสุดท้าย

ภาพดอกกุหลาบแรกแย้ม พร้อมจะคลี่บานโดดเด่นอยู่บนเฟรมตรงหน้า สีแดงจางที่แต่งแต้มตรงปลายกลีบดอกแลคล้ายหยดน้ำใสที่แตะต้องบางเบาบนกลีบกำมะหยี่บอบบางสีแดงสดราวกับเลือดนก ทว่าเมื่อเพ่งให้ดีจะเห็นว่าภายใต้ดอกไม้นั้นมีเป็นภาพของสตรีนางหนึ่งกำลังผินหน้าออกมาพร้อมกับแต้มยิ้มน้อยๆ แม้เห็นเพียงเค้าโครงลางๆ แต่ก็มองเห็นว่าเป็นดวงหน้าของสุภาพสตรีชราที่ผิวซีดขาวเหี่ยวย่นตัดกับกุหลาบแดงอย่างจงใจ เคียงกันบนผืนผ้าใบคือกุหลาบโรยราสีแดงคล้ำซึ่งโอบล้อมดรุณีแรกรุ่นผิวพรรณเนียนละเอียด รอยยิ้มสดใสขัดแย้งกับช่วงชีวิตสุดท้ายของกลีบผกาเหี่ยวแห้งชัดเจน

คิรินทร์ยืนเท้าเอวมองภาพที่วาดสำเร็จแล้วด้วยความพอใจ เขายกเฟรมที่วาดเสร็จแล้วเลื่อนไปแอบข้างๆ พลางหาผ้าเนื้อหนาหนักสีเข้มมาคลุมเพื่อรักษาความสดใสของสีระหว่างรอให้สีแห้ง ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงจะสามารถเคลือบภาพด้วยสารที่เรียกว่าวานิช (Vanish) เป็นลำดับสุดท้าย

“พี่คีอยู่นี่เอง ผมโทร.หาตั้งหลายรอบก็ไม่ยอมรับสาย” รังสฤษฏ์บ่นเมื่อเจอตัวคนที่ต้องการเสียที เขาก้าวผ่านข้าวขาตั้งและรูปภาพมากมายเข้ามาหาชายหนุ่ม

“โทรศัพท์อยู่ในห้องมั้ง เลยไม่ได้ยินเสียง มีอะไรหรือเปล่า” เขาตอบทั้งที่ไม่ได้หันมาทางผู้มาใหม่

“เบื่อๆน่ะ เลยแวะมาหาพี่ดีกว่า อ้อ...จะมาตรวจสอบด้วย ว่ารูปไฮไลต์ที่จัดแสดงวันเปิดตัวหายไปโดยที่ไม่มีเงินค่ารูปเข้าบัญชีได้ยังไง”

“จะไปยากอะไร ฉันยกให้เพื่อนไปน่ะ” เจ้าถิ่นเท้าเอว ตอบคล้ายไม่ใส่ใจ

“พี่คี ผมรู้นะว่าพี่เป็นศิลปิน แต่นี่เราทำงานในรูปบริษัท แกลลอรีมีบัญชีสินค้า รูปทุกชิ้นถูกบันทึกเป็นสินค้าคงคลัง พี่จะมาเที่ยวยกให้ใครต่อใครตามใจชอบอย่างเมื่อก่อนไม่ได้”

“งั้นเดี๋ยวฉันจ่ายค่ารูปนั่นให้เองก็แล้วกัน”

“ผมไม่ได้พูดถึงเงิน”

“อ้าว! แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง” คิรินทร์เลิกคิ้ว

“อย่าทำแบบนั้นอีก ตกลงไหมฮะ ส่วนรูปนั้น เดี๋ยวผมแก้ระบบบัญชีให้เอง”

“ก็ได้ สัญญาเลยด้วยเอ้า!” เขาทำเสียงใจป้ำ

“ขอบคุณฮะ” เขาประชดกลับ กลิ่นที่คลุ้งอยู่ในอากาศทำให้เดาได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งลงสีรูป แต่กลับไม่เห็นผลงานชิ้นใหม่จึงเดาได้ว่าน่าจะเป็นรูปที่ถูกผ้าคลุมแน่นอน

“รูปใหม่หรือฮะ ขอดูได้ไหม” คนถามไม่รอคำตอบ แต่เดินไปตลบผืนผ้าเนื้อหนาที่ใกล้มือออกทันที

รังสฤษฏ์มองผืนผ้าใบที่บัดนี้มีภาพดอกกุหลาบคลี่บานสดใสไล่เฉดตั้งแต่สีอ่อนไปถึงแดงสด ความจัดเจนของจิตรส่งให้คนมองรู้สึกถึงความอ่อนหวานนุ่มนวลของกุหลาบดอกงามกระทั่งสตรีชราก็ยังแลงดงาม อ่อนโยน

“เก๋จังฮะ วาดคู่กันแบบนี้เห็นแล้วทั้งสวยทั้งปลงไปพร้อมๆกันเลย เอ...สาวน้อยในรูปนี่พี่ใช้มุกเป็นแบบใช่ไหมฮะ” รังสฤษฏ์ถามอย่างระมัดระวัง เมื่อสังเกตเห็นว่าสตรีในภาพวาดรูปร่างค่อนไปทางบอบบางแลคล้ายตุ๊กตาเจียระไน ผิวขาวอมเหลืองเนียนละเอียดละม้ายงาช้าง เครื่องหน้าทุกชิ้นจุ๋มจิ๋มน่ารัก ทั้งดวงตาเรียว จมูกโด่งนิดๆ และริมฝีปากบางที่แต้มยิ้มเป็นนิจ ส่วนที่สะดุดตาคนมองที่สุดก็คือเส้นผมหนาละเอียดสีดำที่เรียบตรงและยาวถึงกึ่งกลางหลังราวพรีเซนเตอร์ในโฆษณาแชมพูสระผม

มุกมาลิน...ผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของคิรินทร์!

“ไม่เห็นต้องถามเลย ก็เห็นอยู่แล้วว่าใช่”

“พี่คี...วาดรูปมุกทำไม พี่ยังรักมุกอยู่หรือฮะ”

“รักสิวะ ฉันรักมุก มุกก็รักฉัน แปลกตรงไหนถ้าเราจะยังรักกันน่ะ” เขาชี้รูปบนขาตั้งแล้วตัดบท “ตกลงฉันยกให้นายนะ”

รังสฤษฏ์จำต้องเปลี่ยนบทสนทนาเพราะอีกฝ่ายดูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้นัก “ไหนเพิ่งรับปากผมอยู่เมื่อกี้ว่าจะไม่ซี้ซั้วยกรูปให้ใครอีกไงฮะ”

“อ้าว...ก็นั่นนายพูดถึงรูปที่ลงทะเบียนเข้าเป็นสต๊อกของแกลลอรีไปแล้วนี่ แต่รูปนี้ฉันวาดเพิ่งเสร็จยังไม่ได้ทำทะเบียนสินค้าคงคลังนี่นา”

รังสฤษฏ์ส่ายหน้าคล้ายระอาตนเอง “ผมไม่เคยเถียงชนะพี่เลยสักที แย่ชะมัด”

“ฉันยกให้ นายจะได้ไปนั่งมองนอนมองแล้วก็ปลงอนิจจังว่าความสวยไม่จีรัง”

คนอายุน้อยกว่าชะงัก ละสายตาจากภาพวาดกลับมาสบตาจิตรกรหนุ่มอย่างค้นหา “พี่กำลังจะบอกอะไรผมหรือเปล่า”

คิรินทร์มองสีหน้าสนใจใคร่รู้ของหนุ่มรุ่นน้อง ชั่งใจชั่วครู่แล้วจึงตัดสินใจ “นายรู้จักผู้หญิงที่ชื่อสุภัทรชาดีแค่ไหนหรือฤทธิ์ ฉันบังเอิญรู้มาว่าคุณสุภัทรชาของนายนิสัยแย่มาก เป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยว แถมยังชอบหลอกใช้ใครต่อใครรอบตัวด้วย นายไม่กลัวตัวเองเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเขาหลอกใช้หรือไง”

รังสฤษฏ์ฝืนยิ้ม ถอนหายใจยาว “ผมรู้อยู่แล้วละฮะ แต่ที่ยังดันทุรังก็เพราะอยากหลอกตัวเอง สร้างฝันลมๆแล้งๆไปเรื่อย มีความหวังนานขึ้นอีกนิดว่าสักวันเขาอาจมองผ่านหน้าตาเข้ามาเห็นความจริงใจของผมบ้าง”

“มีความหวังนานขึ้น นายก็ทุกข์นานขึ้นเพราะความไม่รู้เหมือนกัน นายควรทำใจซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า ฉันว่านายไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นหรอก แค่ประทับใจที่เขาสวยมากๆเอง ผู้หญิงนิสัยอย่างนั้นคงทำใจให้รักได้ค่อนข้างยากนะ” เขาตีตรงจุดแบบไม่อ้อมค้อม

“คนอย่างผมคงไม่มีสิทธิ์เรื่องมากที่จะรักใครสักคนหรอกฮะ” คนฟังหัวเราะหึๆ

คิรินทร์อยากหัวเราะดังๆด้วยความขบขัน มาอีกคนแล้ว พวกที่ชอบแบ่งชนชั้นมนุษย์ เอ...จะว่าไปนายฤทธิ์ก็เหมาะกับพรนางฟ้าเหมือนกัน คน...ที่ชอบประเมินตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง!

“คนอย่างนายนี่มันเป็นยังไงกันวะ” เขาอดอยากรู้ไม่ได้

“เรื่องของคนหน้าตาพื้นๆที่อาจมีโอกาสได้คนสวยสมบูรณ์แบบมาเป็นแฟนไง”

คิรินทร์ยกมือขึ้นสูงแทนการห้ามปราม สีหน้าบอกชัดว่าเหนื่อยใจที่บทสนทนาทำท่าจะวนกลับไปที่เดิม เขาหมุนกายเดินอ้อมมายังด้านหน้าสตูดิโอซึ่งมีบันไดทอดขึ้นไปสู่ชั้นสองอันเป็นที่ตั้งของห้องนอนพลางเอ่ย “ต้องรีบไปไหนหรือเปล่า ฉันมีนัดไปคุยงาน ถ้าผ่านแวะส่งหน่อย ขี้เกียจขึ้นรถไฟฟ้า”

“ได้สิฮะ พี่แต่งตัวเหอะ เดี๋ยวผมคอยละกัน” รังสฤษฏ์มองตามช่วงไหล่ผึ่งผายของหนุ่มรุ่นพี่ไปแล้วถอนใจด้วยความอิจฉาผู้ชายที่สามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตนโดยไม่แยแสกรอบเกียรติยศดังที่สังคมคาดหวัง หากเทียบกันแล้ว เขาคือคนที่อยู่ตรงข้ามกับคิรินทร์โดยสิ้นเชิง ขณะคนหนึ่งฉีกทุกกฎเกณฑ์ของสังคม เคารพแต่ความพอใจของตนเท่านั้น เขากลับทำได้เพียงก้มหน้าเลือกใช้ชีวิตตาม ‘ความเหมาะสม’ เสมอมา

คิรินทร์ก็พูดง่ายสิ ในเมื่อฝ่ายนั้นมีพร้อมทั้งรูปลักษณ์หล่อๆเถื่อนๆแบบที่ดึงดูดใจผู้หญิงร้อยละร้อย ทำอาชีพสุดเท่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทั้งยังเริ่มมีชื่อเสียงแบบที่ใครๆก็ต้องตาโตอยากเข้าใกล้

ผิดกับเขา...เจ้าของบริษัทบัญชีจืดชืด ทำงานน่าเบื่อ ไม่มีอะไรเชิญชวนให้สุภาพสตรีอยากผูกสัมพันธ์ด้วยเลยสักนิด!

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


ขอความกรุณาผู้มีรายชื่อต่อไปนี้
ช่วยแนบที่อยู่มาให้สิริณด้วยค่ะ
เลือกส่งได้ 3 ช่องทาง

1. ส่งเมลมาที่ si.rin(แอท)hotmail.com

2. เข้าไปส่งทางกล่องข้อความของแฟนเพจ
www.facebook.com/SirinFC

3. ส่งมาทางตู้จดหมายของเว็บเลิฟ

สิริณจะส่งไปรษณียบัตรไปทักทาย

1. บุลินทร
2. พันธุ์แตงกวา
3. ภาวิน
4. อสิตา
5. จิรารัตน์
6. Sukumvit66
7. supayalak
8. ริญจน์ธร
9. coonX3
10. ปลายสี
11. konhin
12. lovemuay

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเป็นกำลังใจให้กันเรื่อยมานะคะ
กิจกรรมนี้ยังมีไปเรื่อยๆค่ะ
ท่านไหนอยากติชมก็เต็มที่เลย
เดี๋ยวสิริณส่งไปรษณีย์บัตรไปทักทายกันค่ะ :D



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2556, 14:36:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2556, 15:46:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1425





<< ตอนที่ ๓ (๑๐๐%)   ตอนที่ ๕ (ครึ่งแรก) >>
สิริณ 15 ส.ค. 2556, 14:49:11 น.
ยอดวิวเพิ่มขึ้น กรีดร้อง ไชโย!!!!
ขอบคุณเพื่อนๆนักอ่านทุกคนที่แวะมาอ่านนิยายของสิริณค่ะ
หวังว่าทุกคนจะ 'ไม่ต้องเจอ' เพื่อนหรือเจ้านายแบบยายเกรซนะคะ 55555

@Sukhumvit66 : ถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้มันจะแย่กว่าวันนี้
บางทีเราอาจไม่อยากให้พรุ่งนี้มาถึงก็ได้นะค้าาาา

@ จิรารัตน์ : ขอบคุณนะค้า
สิริณเห็นว่าคุณจิรารัตน์แวะไปคอมเม้นต์ในตอนเก่าๆด้วย
หากมีโอกาสเจอกัน ขอกอดแรงๆทีนึงนะ :D

พระเอกช่างสังเกตเนอะ อิอิ
เรื่องนี้ใครอ่านแล้วไม่รักพระเอกนะ
สิริณยอมให้ตีมือสองแปะเล้ยยยยยย กร๊ากกกก

@ lovemuay : ปลื้มจัยจุงเบยยยยยยย 5555
ขอใช้ภาษาวัยรุ่น
นักอ่านเงายอมปรากฎตัวแล้ว ดีใจๆๆ
ขอบคุณมากค่ะ
ถ้าอ่านแล้วนึกไม่ออกว่าจะคอมเม้นต์อะไร
ส่งยิ้มไว้สักยิ้ม หรือไอคอนหน้าบึ้งก็ยังดี
สิริณจะได้รู้ว่าคนอ่าน ชอบหรือไม่ชอบตอนนี้ยังไงละคะ :D

มาอ่าน มาเม้นต์ มากดไล้ค์กันเถิดเจ้าขาเอย
ขอกำลังใจเบาๆให้นักเขียนได้ยิ้มบ้างเถิดน้าาาา


Sukhumvit66 15 ส.ค. 2556, 15:04:38 น.
ถ้าตัวเรามีเพื่อนแบบนี้ ตีตัวออกห่างตั้งแต่แรกเลย
เพื่อนแบบนี้ต้องดัดหลังให้เข็ดเลยนะคะ ไรเตอร์......


จิรารัตน์ 15 ส.ค. 2556, 15:33:19 น.
ช้านชอบคิรินทร์


lovemuay 15 ส.ค. 2556, 16:45:57 น.
เพราะนางเอกนิสัยเหมือนน้องชายนี่เอง พระเอกเลยอดเอาใจช่วยไม่ได้


พันธุ์แตงกวา 16 ส.ค. 2556, 01:56:22 น.
คุณสิริณไม่ต้องส่งมาค่ะ เดี๋ยวไปรับกับมือปีหน้า^^


Pat 17 ส.ค. 2556, 16:58:20 น.
คิรินทร์เป็นคนดีจริงๆ


อสิตา 19 ส.ค. 2556, 15:55:14 น.
เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ค่ะ ...ชื่อคิรินเนี่ยฟังแต่เสียงก็แอบดูญี่ปุ่นเหมือนกันนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account