กามเทพเจ้าเสน่ห์ (ภาค 3 ของมธุรัตน์เสน่หากับเพียงใจเสน่หา)
"หลังจากแอบรักเจ้านายมาหลายปีดีดัก ฟ้าก็ส่งกามเทพมาช่วยให้นีราภาสมหวัง เดี๋ยวนะ! กามเทพหรือซาตานร้ายกันแน่ คนอะไรปากร้ายนิสัยเสีย แถมยังหล่อล่ำกล้ามฟิต เซ็กซี่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นี่มันตัวอันตรายชัดๆ!!!"
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากเงียบหายไปเป็นปี
ก็ได้เวลาเปิดตัวหนุ่มเพลย์บอยปากร้าย นิสัยกวนส้น
น้องชายคนสุดท้องของหนุ่มๆ ในซีรีย์แสนเสน่หาแล้วค่ะ
ใครที่จำไม่ได้เรามาทวนความจำกันสักนิดนะคะว่านอกจากพิมลตราน้องสาวคนเล็ก พี่น้องตระกูลนี้ยังมีใครบ้าง
พี่คนโต – พัลลภ จิตแพทย์หนุ่มหล่อ ฉายาเทพบุตรซาตาน พระเอกของ ณัฐมลหรือยัยแป้งรั่ว ในเรื่อง “เพียงใจเสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=733032
พี่ชายคนรอง – พลวัต เจ้าของไร่นายพฤกษ์ หวานใจของแปลกอย่าง มธุรัตน์ ในเรื่อง “มธุรัตน์เสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=680850
และสุดท้าย พี่ชายคนเล็ก – พศวีร์ สถาปนิกหนุ่ม มาดเพลย์บอย นิสัยปากไว หัวใจรักอิสระ ที่จะมารับบทกามเทพสุดเซ็กซี่ ดีกรีป๋า ให้กับนางเอกในเรื่องค่ะ จะหล่อแซ่บกวนประสาทแค่ไหน เชิญรับชมได้เลย
หมายเหตุ 1. เล่ม 1 เล่ม 2 วางแผงนานมากแล้วนะคะ หาซื้อตามร้านอยาจจะยากหน่อย แนะนำให้สั่งทางเว็บไซค์นี้ค่ะ ได้ลดเยอะด้วย ส่งฟรีอีกต่างหาก http://www.lightoflovebooks.com/
หมายเหตุ 2 ภาคของหมอครามกับหมอชา ที่เป็นตัวรองในเรื่อง เพียงใจเสน่หา จะเขียนหลังจากนี้ค่ะ ของปิดตัวหลักที่เป็นพี่น้องกันก่อน
ขอบคุณนักอ่านที่ท่านที่ให้การติดตามและต้อนรับกันด้วยดีเสมอมานะคะ ซีรีย์นี้มีทั้หมด 5 เล่มค่ะ จะพยายามปิดให้ได้ภายในสิ้นปีหน้านะคะ
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วถูกใจ รบกวนกดไลค์ที่แฟนเพจให้ได้ไหมเอ่ย ขอบคุณมากค่า www.facebook.com/nomekaa
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากเงียบหายไปเป็นปี
ก็ได้เวลาเปิดตัวหนุ่มเพลย์บอยปากร้าย นิสัยกวนส้น
น้องชายคนสุดท้องของหนุ่มๆ ในซีรีย์แสนเสน่หาแล้วค่ะ
ใครที่จำไม่ได้เรามาทวนความจำกันสักนิดนะคะว่านอกจากพิมลตราน้องสาวคนเล็ก พี่น้องตระกูลนี้ยังมีใครบ้าง
พี่คนโต – พัลลภ จิตแพทย์หนุ่มหล่อ ฉายาเทพบุตรซาตาน พระเอกของ ณัฐมลหรือยัยแป้งรั่ว ในเรื่อง “เพียงใจเสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=733032
พี่ชายคนรอง – พลวัต เจ้าของไร่นายพฤกษ์ หวานใจของแปลกอย่าง มธุรัตน์ ในเรื่อง “มธุรัตน์เสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=680850
และสุดท้าย พี่ชายคนเล็ก – พศวีร์ สถาปนิกหนุ่ม มาดเพลย์บอย นิสัยปากไว หัวใจรักอิสระ ที่จะมารับบทกามเทพสุดเซ็กซี่ ดีกรีป๋า ให้กับนางเอกในเรื่องค่ะ จะหล่อแซ่บกวนประสาทแค่ไหน เชิญรับชมได้เลย
หมายเหตุ 1. เล่ม 1 เล่ม 2 วางแผงนานมากแล้วนะคะ หาซื้อตามร้านอยาจจะยากหน่อย แนะนำให้สั่งทางเว็บไซค์นี้ค่ะ ได้ลดเยอะด้วย ส่งฟรีอีกต่างหาก http://www.lightoflovebooks.com/
หมายเหตุ 2 ภาคของหมอครามกับหมอชา ที่เป็นตัวรองในเรื่อง เพียงใจเสน่หา จะเขียนหลังจากนี้ค่ะ ของปิดตัวหลักที่เป็นพี่น้องกันก่อน
ขอบคุณนักอ่านที่ท่านที่ให้การติดตามและต้อนรับกันด้วยดีเสมอมานะคะ ซีรีย์นี้มีทั้หมด 5 เล่มค่ะ จะพยายามปิดให้ได้ภายในสิ้นปีหน้านะคะ
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วถูกใจ รบกวนกดไลค์ที่แฟนเพจให้ได้ไหมเอ่ย ขอบคุณมากค่า www.facebook.com/nomekaa
Tags: ภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หากับเพียงใจเสน่หา ซีรีย์แสนเสน่หา โรแมนติก คอมเมดี้ ฮาปนทะลึ่ง พระเอกปากร้าย กวนประสาท เพลย์บอย บริษัทก่่อสร้าง สถาปนิกหนุ่ม เลขานุการสาว หลงรักเจ้านายตัวเองข้างเดียว อ่านสบาย คล
ตอน: บทที่ 2 ขอมาก็จัดให้
บทที่ 2 ขอมาก็จัดให้
นีราภาทำงานแบบไม่มีสมาธิทั้งวัน กระนั้นก็ยังไม่มีข้อผิดพลาด หญิงสาวยึดติดกับความสมบูรณ์แบบเพราะไม่อยากให้ธนกฤตเห็นข้อบกพร่อง พอสะกดจิตตัวเองมากเข้ามันเลยกลายเป็นสัญชาตญาณ แม้ใจจะไม่พร้อมแต่ร่างกายก็สามารถขยับไปเองได้
นิสัยแบบนี้เหมาะสำหรับใช้ในเรื่องงานแต่ในแง่ของความรักแล้วกลับส่งผลเสียอย่างมหันต์ นีราภาเหมือนคนที่สวมหน้ากากอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนหน้ากากอันนั้นหลอมรวมเข้ากับผิวเนื้อ ต่อให้อยากถอดออกใจแทบขาดแต่ก็ทำไม่ได้
ตอนนี้เธออึดอัดทรมานจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่เมื่ออยู่ในที่ทำงานร่างกายมันกลับไม่ยอมตอบสนอง ขนาดอยู่ลำพังจนมืด น้ำตายังไม่ยอมไหลออกมาสักหยด
“สุดยอดเลยนะเรา” นีราภาประชดตัวเอง
หญิงสาวมองไปที่โต๊ะทำงานของธนกฤตแล้วถอนหายใจออกมา ในเมื่อแข็งใจทิ้งเขาไปไม่ได้ ก็ต้องทนอยู่ในสภาพอย่างนี้ต่อไปจนกว่าหัวใจจะสลายจริงๆ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนมันจะแหลกเป็นผุยผง
ภาพจินตนาการเกี่ยวกับอนาคตอันโศกสลดหลั่งไหลเข้ามาในห้วงความคิดไม่ขาดสาย ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะจนต้องเตือนตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่าน
นีราภาฝืนลุกขึ้นมาอย่างเนือยๆ เพื่อปิดล็อกห้องทำงานตามหน้าที่ เสร็จแล้วจึงเก็บข้าวของกลับบ้าน วันนี้อารมณ์เธอหม่นเกินกว่าจะอยู่ตามลำพัง ก็เลยตัดสินใจขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้า ดูหนังสักเรื่องแล้วกลับบ้านมานอนเลยจะได้ไม่ต้องคิดมาก
ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ ก้มหน้าก้มตาทำงานไปวันๆ เครียดขึ้นมาก็ออกมาเดินซื้อของกับดูภาพยนตร์ จะต่างจากคนอื่นนิดหน่อยก็คือเกิดมาอาภัพไม่มีเพื่อนสนิทที่พอจะระบายความทุกข์ได้
นีราภาโชคร้ายที่เจอแต่มิตรภาพจอมปลอม กระนั้นเธอก็คิดว่าโชคดีที่มีพี่สาวที่สนิทกันมากเป็นสิ่งชดเชย หญิงสาวคุยกับพี่สาวทั้งสองคนได้เกือบทุกเรื่อง ทว่าพอเวลาผ่านไปความโชคดีอันน้อยนิดของเธอกลับมลายหาย
เรื่องเริ่มจากที่พี่สาวคนโตไปเรียนต่อต่างประเทศและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นการถาวร จะปรึกษาอะไรเธอก็เกรงใจพี่ไม่อยากให้คนไกลต้องเป็นกังวล ทางด้านพี่สาวคนรองก็อยู่ต่างจังหวัด ทั้งยังมีครอบครัวแล้ว จึงไม่อยากเอาเรื่องความรักไร้สาระของตัวเองไปทำให้พี่ไม่สบายใจ สุดท้ายก็เลยต้องหาทางดับทุกข์ให้ตัวเองดังที่เห็น
หญิงสาวเลือกดูภาพยนตร์ในรอบสุดท้าย บังเอิญมีหนังเศร้าเข้าพอดี นีราภาเลยกะจะแกล้งอินเต็มที่เผื่อจะได้ร้องไห้แก้เครียดแบบไม่อายคน ทว่ายังไม่ทันได้ซึ้งกับฉากรักตรึงใจ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่นอย่างหนัก พอเปิดดูก็เห็นว่าธนกฤตโทรมา แม้ไม่รู้ว่าเขามีธุระอะไรแต่เธอก็รีบลุกออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกทันที
“บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ โทรมาซะดึกเลย”
“ลูกค้าอยากขอเปลี่ยนแบบน่ะ แต่ผมติดต่อคุณอรุณชัยไม่ได้ คุณพอทราบที่อยู่เขาไหม”
มีลูกค้าโทรศัพท์มาจากต่างประเทศอยากปรึกษากับสถาปนิกโดยตรง เพราะได้ไอเดียทำห้องน้ำใหม่ ถึงจะผิดเวลาไปสักหน่อยแต่ธนกฤตก็ต้องตามใจเพราะลูกค้าคนนี้เป็นคนใหญ่คนโต ที่ยอมจ่ายค่าตอบแทนก้อนโตแบบไม่อั้น
“ทราบค่ะ บอสจะขับรถไปหาหรือคะ”
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ นีราภาเลยต้องจำที่อยู่พนักงานที่มีความสำคัญจนขึ้นใจ นอกจากนี้เธอยังดาวน์โหลดประวัติของคนทั้งบริษัทใส่เอาไว้ในมือถือเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย
“ใช่ คุณช่วยบอกทางให้หน่อยได้ไหม”
“ดิฉันไปให้เองค่ะ ตอนนี้อยู่ใกล้ๆ แถวนั้นพอดี”
“ผมไปเองดีกว่า ดึกมากแล้ว มันอันตรายนะ”
ตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ถึงจะเป็นเจ้านายแต่เขาก็มีความเป็นห่วงและความเกรงใจอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะบอส อย่าลืมสิคะว่ากรุงเทพฯ ไม่เคยหลับ ถ้าติดต่อคุณอรุณชัยได้แล้วดิฉันจะโทรกลับไปนะคะ”
นีราภาตัดบทด้วยการวางสาย แล้วปรี่ไปที่รถอย่างไม่รั้งรอ การทำงานให้ธนกฤตเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของเธอ ขอแค่ได้ทำประโยชน์ให้เขา แบ่งเบาภาระมาบ้าง แลกกับการได้เห็นเขายิ้มหรือพูดขอบคุณสักคำ แค่นั้นหัวใจที่ห่อเหี่ยวของเธอก็กลับมาชุ่มชื่นแล้ว
หญิงสาวใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ขับรถมาถึงแมนชั่นของอรุณชัย โชคดีเหลือเกินที่คืนนี้ชายหนุ่มอยู่ที่ห้อง ที่ติดต่อไม่ได้เพราะลืมเปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ
“ขอโทษนะครับคุณนีราภา ต้องรบกวนให้มาตามถึงนี่”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดเพราะรู้ดีว่าลูกค้าคนสำคัญคนนี้ค่อนข้างมีอิทธิพล หากทำให้ไม่พอใจบริษัทย่อมได้รับผลเสีย
“ไม่เป็นไรค่ะ รีบติดต่อบอสเถอะค่ะ ร้อนใจแย่แล้ว”
อรุณชัยพยักหน้ารับแล้วรีบติดต่อกลับไปหาธนกฤต
นีราภารออยู่รอจนอรุณชัยติดต่อกับลูกค้าได้แล้วจึงค่อยกลับออกมา ในจังหวะที่กำลังจะเข้าไปนั่งในรถเธอก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรที่ติดอยู่บนตัวตึก
“Heaven” หญิงสาวพึมพำชื่อสถานที่ แล้วคิดเล่นๆ ว่าถ้าที่นี่เป็นสวรรค์จริงๆ เธอก็อยากอธิษฐานขอเทพบุตรสักองค์
“พระเจ้าคะ ขอผู้ชายหล่อๆ มาให้วิ้งรักแทนบอสสักคนได้ไหม”
ทันทีที่พูดจบประโยคก็มีผู้ชายคนหนึ่งหล่นตุ้บลงมาที่กระโปรงรถ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแถมยังลงสู่พื้นได้อย่างสง่าราวกับนี่เป็นฉากในภาพยนตร์
ในขณะที่กำลังตะลึง ชายปริศนาก็ตรงมาเคาะกระจกรถ หญิงสาวสะดุ้งเฮือกแล้วเหลียวไปมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชุดดำที่เขาสวมทำให้ดูเหมือนซาตานร้ายมากกว่าเทพบุตร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลาชวนตะลึง
‘หล่อกว่าที่อธิษฐานเอาไว้สิบเท่าได้’
ชายหนุ่มบุ้ยใบ้บอกให้เธอเปิดกระจกรถ ในระหว่างนั้นก็ควานหาของในกระเป๋ากางเกง พฤติกรรมน่าสงสัยนี้ทำให้นีราภาไม่กล้าแม้แต่จะแง้มหน้าต่างเป็นช่องเล็กๆ หญิงสาวรีบกดล็อกรถแล้วสตาร์ตเครื่องยนต์ทันที ต่อให้รูปงามกว่านี้ร้อยเท่า เธอก็ไม่กล้าเสี่ยงความปลอดภัยของตัวเองกับคนแปลกหน้าท่าทางน่าสงสัย
เสียงสตาร์ตรถทำให้ชายแปลกหน้าเข้าใจว่าทำให้เธอกลัว ชายหนุ่มยิ้มอย่างไม่ถือสา เขาบุ้ยใบ้ไปที่กระโปรงรถว่ามันบุบแล้วยกมือขึ้นไหว้ขอโทษ
นีราภาได้ยินแว่วๆ ว่าเขาจะรับผิดชอบค่าซ่อมให้ หญิงสาวจึงเริ่มคิดว่าเขาไม่น่าจะมาร้าย ทว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะแง้มกระจกออกไปคุยด้วยดีหรือไม่ เธอก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นก่อน พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสาม ที่ทำให้ตกใจคือเธอคนนี้มีผ้าเช็ดตัวปิดกายอยู่แค่ผืนเดียว สายตาของสาวชั้นสามมองตรงมาที่รถของเธอ เมื่อมองตามไปก็เห็นว่าเจ้าหล่อนกำลังตะโกนเรียกชายหนุ่มปริศนาที่ตกลงมาเมื่อครู่
ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงเรียกแต่วิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนีราภาทั้งอึ้งทั้งงง ท่าทางผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่เทพบุตรหรือซาตานอย่างที่สงสัย เชื่อขนมกินได้เลยว่าต้องเป็น ‘โจรโรคจิต’ แน่ๆ
เนื่องจากเมื่อคืนนีราภาช่วยขับรถไปหาสถาปนิกกลางดึก ธนกฤตเลยบอกให้เธอเข้างานในตอนสายเพื่อที่จะได้พักผ่อนให้เต็มที่ แต่หญิงสาวเคยชินกับการนอนดึกเสียแล้ว จึงมาทำงานในเวลาปกติ
วันนี้ในห้องทำงานว่างเปล่า นั่งอยู่จนสายเจ้านายสุดหล่อก็ยังไม่เปิดประตูเข้ามา พอเหลือบมองนาฬิกาถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ธนกฤตจะแวะไปดูสถานที่ก่อสร้างกว่าจะกลับมาก็คงใกล้เที่ยง
“ลืมไปได้ยังไงนะ รู้อย่างนี้ไม่รีบมาก็ดีหรอก” หญิงสาวบ่นตัวเอง
นอกจากจะไม่มีอาหารตาให้มองแล้ว นีราภายังไม่มีอะไรให้ทำด้วย ปกติเธอจะทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา พอต้องนั่งอยู่กับที่มันก็เลยออกอาการครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวอยากทำความสะอาดห้องแต่ก็เพิ่งจัดระเบียบไปเมื่อสองวันก่อน จะเหลือที่ยังดูรกก็แค่ที่โต๊ะทำงานของธนกฤตเท่านั้น พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ไม่มีใครกล้ายุ่ง แต่มันก็ไม่เคยมีฝุ่นเพราะนีราภาแอบทำความสะอาดให้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้
ในขณะที่กำลังคิดหางานทำฆ่าเวลา เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ก็ดังขึ้น ยังไม่ทันอนุญาตว่าให้เข้ามาได้ กมลกร ผู้ช่วยของเธอก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“พี่วิ้ง จริงหรือเปล่าคะที่คุณพศวีร์จะมาทำงานแทนคุณปองคุณ” หญิงสาวถามเสียงตื่น
เรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คนในก็เริ่มรู้กันแล้วว่าตำแหน่งผู้บริหารที่ว่างอยู่จะมีเครือญาติของผู้บริหารมาทำแทนระยะหนึ่ง
“ใช่จ้ะ ถามทำไม”
กมลกรไม่ตอบแต่กรี๊ดดังลั่นแถมยังกระโดดไปมาจนทรวงอกอวบอั๋นกระเพื่อม
“เบาเสียงหน่อย” นีราภาติงตามประสาคนเจ้าระเบียบ
หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจคำเตือนแม้แต่น้อย ด้วยขณะนี้ตื่นเต้นเกินกว่าจะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้
“ในที่สุดบัวก็ได้เจอผู้ชายในฝัน มันต้องเป็นบุพเพแน่เลยค่ะพี่วิ้ง ฟ้าต้องส่งเขามาให้บัวแน่ๆ”
นีราภามองอาการเพ้อของลูกน้องอย่างระอา กมลกรเป็นอย่างนี้เสมอเวลาได้ข่าวว่ามีหนุ่มหล่อมาร่วมงาน
“พี่วิ้งขา ได้โปรดส่งหนูไปเป็นลูกน้องคุณพศวีร์ทีเถอะนะคะ ถ้าพี่ช่วยหนูได้ หนูจะถวายหัวหมูพร้อมเครื่องเซ่นชุดใหญ่เลยเจ้าค่ะ”
หญิงสาวไม่พูดเปล่าแต่ยังถลามาคุกเข่าอ้อนวอน ทำราวกับนีราภาเป็นเจ้าแม่ทันใจบันดาลได้สารพัด
“จะช่วยเสนอชื่อไปให้ก็แล้วกัน”
ตอนนี้ตำแหน่งเลขานุการของประธานฝ่ายออกแบบยังว่างอยู่ ธนกฤตเลยสั่งให้เธอคัดคนในสองสามคนไปให้พศวีร์สัมภาษณ์
“ขอบคุณมากค่ะพี่วิ้ง ถ้าได้งานหนูจะไม่ลืมพระคุณพี่เลย”
หญิงสาวทำท่าจะกรี๊ดอีกครั้ง นีราภาเลยจุปากให้เบาเสียง
“ขอโทษค่ะมันลืมตัว” กมลกรแลบลิ้นแก้เก้อ
หมดธุระแล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณอีกหนึ่งรอบ แล้วหมุนตัวกระโดดโลดเต้นออกไปจากห้องราวกับเด็กเล็ก
นีราภามองตามอย่างเป็นห่วงว่าผู้ช่วยจะหกล้มหัวทิ่มเจ้าหล่อนใส่ส้นเข็มเสียแหลมเปรี๊ยะ แต่เล่นเต้นเหมือนกับใส่รองเท้าผ้าใบ ใจจริงหญิงสาวนึกชอบกมลกรอยู่ไม่น้อย ทำงานใช้ได้ นิสัยก็ดี เสียแต่ต้องปรามให้ลดความเพี้ยนลงบ้าง
พูดถึงคนเพี้ยนแล้วเจ้านายคนใหม่นี่ก็ได้ข่าวว่าร้ายใช่ย่อยทีเดียว พศวีร์เป็นคนที่มีความสามารถแต่ก็ได้ชื่อว่าอารมณ์แปรปรวนเอาแต่ใจ สมฉายาอัจฉริยะจอมเพี้ยนที่ใครๆ ต่างพากันขนานนามให้ แถมยังมีข่าวแว่วมาว่าเป็นคาสโนว่าตัวพ่อเสียอีก คนเคร่งกฎอย่างเธอเกลียดคนที่ควบคุมยาก ที่ร้ายไปกว่าคือเธอเกลียดพวกคนหลายใจมากกว่าเป็นเท่าตัว
คิดได้อย่างนี้เค้าลางปัญหาจึงเริ่มปรากฏให้เห็น กระนั้นนีราภาก็ยิ้มสู้ เธอคิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับเขาได้ กว่าจะรู้ว่าตัวเอง ‘คิดผิด’ เธอก็ตกอยู่ในเงื้อมือของผู้ชายคนนี้เสียแล้ว
นีราภาตั้งใจจะหารูปและประวัติของพศวีร์มาศึกษาเอาไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาทำงาน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำงาน ธนกฤตก็มาชวนออกไปข้างนอกเสียก่อน
“บ่ายนี้ไม่มีประชุม เราไปเยี่ยมคุณปองคุณกันดีกว่า”
ตั้งแต่คุณปองคุณเข้าโรงพยาบาล ธนกฤตเพิ่งมีโอกาสไปเยี่ยมเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นึกแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ต่างจากคนในครอบครัวเลย
“ให้คนจัดของเยี่ยมไปให้ทีนะ เอาไปส่งที่โรงพยาบาลเลย ส่วนเราสองคนออกไปหาอะไรกินด้วยกันก่อน”
“ได้ค่ะบอส” หญิงสาวรับคำสั้นๆ เหมือนเคย แต่บรรยากาศในใจนั้นกำลังเป็นสีชมพู
นีราภารู้สึกเหมือนกำลังมีกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมารอบตัวก็ไม่ปาน เพราะนี่คือการได้ออกไปกินอาหารกลางวันสองต่อสอง เป็นมื้อแรกในรอบปีเลยทีเดียว
“จริงสิ! ทางผ่านก่อนไปโรงพยาบาลมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ด้วย คุณชอบกินใช่ไหมนีราภา ไปร้านนั้นกันนะ”
หญิงสาวตอบตกลงในทันที ถ้าได้ไปกับเขาแล้ว ต่อให้พาไปเปิบพิสดารที่ไหนเธอก็ยอมไป
จากนั้นนีราภาก็ต่อสายภายในไปที่ห้องของผู้ช่วย สั่งให้กมลกรออกไปซื้อดอกไม้กับกระเช้าของเยี่ยมให้คุณปองคุณ แล้วโทรถามเรื่องเวลาเยี่ยมกับโรงพยาบาลให้แน่นอน จะได้ไม่ต้องไปเก้อ
“ห้องพิเศษที่คุณปองคุณอยู่ ให้เยี่ยมได้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงหกโมงเย็นค่ะ เรื่องร้านอาหารจะให้โทรจองไหมคะ จะได้มีที่นั่งเผื่อคนแน่น”
หญิงสาวถามเผื่อเอาไว้ก่อนเพราะไม่ต้องการให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรค ถึงเขาจะคิดว่านี่เป็นแค่การเลี้ยงข้าวลูกน้องตามธรรมดา แต่สำหรับเธอแล้ว กลับรู้สึกดีใจยิ่งกว่าได้โบนัสสิ้นปี
“แล้วแต่คุณเลย กว่าจะไปถึงร้านคงบ่าย ทนหิวเอาหน่อยนะ”
ความห่วงใยจากเขาทำให้นีราภายิ้มแก้มปริ ที่เธอหลงเสน่ห์ของธนกฤต ไม่ใช่เพราะเขาหล่อเหล่าหรือร่ำรวย แต่เธอชอบตัวตนภายในของเขา ที่ต้องสังเกตให้ดีจึงจะมองเห็น
ธนกฤตเหมือนจะบ้างานและไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่เขาก็เป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจ หากตัดช่วงเวลาที่คร่ำเคร่งกับงานออกไป เขาจัดว่าเป็นผู้ชายที่อบอุ่นคนหนึ่งเลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจที่สุดคือการที่เขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ธนกฤตเคยทิ้งงานประมูลราคาร่วมสิบล้านไป เพราะคุณน้าที่เป็นเหมือนแม่แท้ๆ ป่วยเข้าโรงพยาบาล มันทำให้เธอรู้ว่าเมื่อถึงคราวคับขัน เขาจะยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่ออยู่เคียงข้างคนที่เขารัก นีราภาเลยอยากเป็นคนสำคัญของเขา แม้จะรู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้ก็ตาม
นีราภาทำงานแบบไม่มีสมาธิทั้งวัน กระนั้นก็ยังไม่มีข้อผิดพลาด หญิงสาวยึดติดกับความสมบูรณ์แบบเพราะไม่อยากให้ธนกฤตเห็นข้อบกพร่อง พอสะกดจิตตัวเองมากเข้ามันเลยกลายเป็นสัญชาตญาณ แม้ใจจะไม่พร้อมแต่ร่างกายก็สามารถขยับไปเองได้
นิสัยแบบนี้เหมาะสำหรับใช้ในเรื่องงานแต่ในแง่ของความรักแล้วกลับส่งผลเสียอย่างมหันต์ นีราภาเหมือนคนที่สวมหน้ากากอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนหน้ากากอันนั้นหลอมรวมเข้ากับผิวเนื้อ ต่อให้อยากถอดออกใจแทบขาดแต่ก็ทำไม่ได้
ตอนนี้เธออึดอัดทรมานจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่เมื่ออยู่ในที่ทำงานร่างกายมันกลับไม่ยอมตอบสนอง ขนาดอยู่ลำพังจนมืด น้ำตายังไม่ยอมไหลออกมาสักหยด
“สุดยอดเลยนะเรา” นีราภาประชดตัวเอง
หญิงสาวมองไปที่โต๊ะทำงานของธนกฤตแล้วถอนหายใจออกมา ในเมื่อแข็งใจทิ้งเขาไปไม่ได้ ก็ต้องทนอยู่ในสภาพอย่างนี้ต่อไปจนกว่าหัวใจจะสลายจริงๆ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนมันจะแหลกเป็นผุยผง
ภาพจินตนาการเกี่ยวกับอนาคตอันโศกสลดหลั่งไหลเข้ามาในห้วงความคิดไม่ขาดสาย ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะจนต้องเตือนตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่าน
นีราภาฝืนลุกขึ้นมาอย่างเนือยๆ เพื่อปิดล็อกห้องทำงานตามหน้าที่ เสร็จแล้วจึงเก็บข้าวของกลับบ้าน วันนี้อารมณ์เธอหม่นเกินกว่าจะอยู่ตามลำพัง ก็เลยตัดสินใจขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้า ดูหนังสักเรื่องแล้วกลับบ้านมานอนเลยจะได้ไม่ต้องคิดมาก
ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ ก้มหน้าก้มตาทำงานไปวันๆ เครียดขึ้นมาก็ออกมาเดินซื้อของกับดูภาพยนตร์ จะต่างจากคนอื่นนิดหน่อยก็คือเกิดมาอาภัพไม่มีเพื่อนสนิทที่พอจะระบายความทุกข์ได้
นีราภาโชคร้ายที่เจอแต่มิตรภาพจอมปลอม กระนั้นเธอก็คิดว่าโชคดีที่มีพี่สาวที่สนิทกันมากเป็นสิ่งชดเชย หญิงสาวคุยกับพี่สาวทั้งสองคนได้เกือบทุกเรื่อง ทว่าพอเวลาผ่านไปความโชคดีอันน้อยนิดของเธอกลับมลายหาย
เรื่องเริ่มจากที่พี่สาวคนโตไปเรียนต่อต่างประเทศและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นการถาวร จะปรึกษาอะไรเธอก็เกรงใจพี่ไม่อยากให้คนไกลต้องเป็นกังวล ทางด้านพี่สาวคนรองก็อยู่ต่างจังหวัด ทั้งยังมีครอบครัวแล้ว จึงไม่อยากเอาเรื่องความรักไร้สาระของตัวเองไปทำให้พี่ไม่สบายใจ สุดท้ายก็เลยต้องหาทางดับทุกข์ให้ตัวเองดังที่เห็น
หญิงสาวเลือกดูภาพยนตร์ในรอบสุดท้าย บังเอิญมีหนังเศร้าเข้าพอดี นีราภาเลยกะจะแกล้งอินเต็มที่เผื่อจะได้ร้องไห้แก้เครียดแบบไม่อายคน ทว่ายังไม่ทันได้ซึ้งกับฉากรักตรึงใจ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่นอย่างหนัก พอเปิดดูก็เห็นว่าธนกฤตโทรมา แม้ไม่รู้ว่าเขามีธุระอะไรแต่เธอก็รีบลุกออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกทันที
“บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ โทรมาซะดึกเลย”
“ลูกค้าอยากขอเปลี่ยนแบบน่ะ แต่ผมติดต่อคุณอรุณชัยไม่ได้ คุณพอทราบที่อยู่เขาไหม”
มีลูกค้าโทรศัพท์มาจากต่างประเทศอยากปรึกษากับสถาปนิกโดยตรง เพราะได้ไอเดียทำห้องน้ำใหม่ ถึงจะผิดเวลาไปสักหน่อยแต่ธนกฤตก็ต้องตามใจเพราะลูกค้าคนนี้เป็นคนใหญ่คนโต ที่ยอมจ่ายค่าตอบแทนก้อนโตแบบไม่อั้น
“ทราบค่ะ บอสจะขับรถไปหาหรือคะ”
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ นีราภาเลยต้องจำที่อยู่พนักงานที่มีความสำคัญจนขึ้นใจ นอกจากนี้เธอยังดาวน์โหลดประวัติของคนทั้งบริษัทใส่เอาไว้ในมือถือเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย
“ใช่ คุณช่วยบอกทางให้หน่อยได้ไหม”
“ดิฉันไปให้เองค่ะ ตอนนี้อยู่ใกล้ๆ แถวนั้นพอดี”
“ผมไปเองดีกว่า ดึกมากแล้ว มันอันตรายนะ”
ตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ถึงจะเป็นเจ้านายแต่เขาก็มีความเป็นห่วงและความเกรงใจอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะบอส อย่าลืมสิคะว่ากรุงเทพฯ ไม่เคยหลับ ถ้าติดต่อคุณอรุณชัยได้แล้วดิฉันจะโทรกลับไปนะคะ”
นีราภาตัดบทด้วยการวางสาย แล้วปรี่ไปที่รถอย่างไม่รั้งรอ การทำงานให้ธนกฤตเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของเธอ ขอแค่ได้ทำประโยชน์ให้เขา แบ่งเบาภาระมาบ้าง แลกกับการได้เห็นเขายิ้มหรือพูดขอบคุณสักคำ แค่นั้นหัวใจที่ห่อเหี่ยวของเธอก็กลับมาชุ่มชื่นแล้ว
หญิงสาวใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ขับรถมาถึงแมนชั่นของอรุณชัย โชคดีเหลือเกินที่คืนนี้ชายหนุ่มอยู่ที่ห้อง ที่ติดต่อไม่ได้เพราะลืมเปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ
“ขอโทษนะครับคุณนีราภา ต้องรบกวนให้มาตามถึงนี่”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดเพราะรู้ดีว่าลูกค้าคนสำคัญคนนี้ค่อนข้างมีอิทธิพล หากทำให้ไม่พอใจบริษัทย่อมได้รับผลเสีย
“ไม่เป็นไรค่ะ รีบติดต่อบอสเถอะค่ะ ร้อนใจแย่แล้ว”
อรุณชัยพยักหน้ารับแล้วรีบติดต่อกลับไปหาธนกฤต
นีราภารออยู่รอจนอรุณชัยติดต่อกับลูกค้าได้แล้วจึงค่อยกลับออกมา ในจังหวะที่กำลังจะเข้าไปนั่งในรถเธอก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรที่ติดอยู่บนตัวตึก
“Heaven” หญิงสาวพึมพำชื่อสถานที่ แล้วคิดเล่นๆ ว่าถ้าที่นี่เป็นสวรรค์จริงๆ เธอก็อยากอธิษฐานขอเทพบุตรสักองค์
“พระเจ้าคะ ขอผู้ชายหล่อๆ มาให้วิ้งรักแทนบอสสักคนได้ไหม”
ทันทีที่พูดจบประโยคก็มีผู้ชายคนหนึ่งหล่นตุ้บลงมาที่กระโปรงรถ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแถมยังลงสู่พื้นได้อย่างสง่าราวกับนี่เป็นฉากในภาพยนตร์
ในขณะที่กำลังตะลึง ชายปริศนาก็ตรงมาเคาะกระจกรถ หญิงสาวสะดุ้งเฮือกแล้วเหลียวไปมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชุดดำที่เขาสวมทำให้ดูเหมือนซาตานร้ายมากกว่าเทพบุตร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลาชวนตะลึง
‘หล่อกว่าที่อธิษฐานเอาไว้สิบเท่าได้’
ชายหนุ่มบุ้ยใบ้บอกให้เธอเปิดกระจกรถ ในระหว่างนั้นก็ควานหาของในกระเป๋ากางเกง พฤติกรรมน่าสงสัยนี้ทำให้นีราภาไม่กล้าแม้แต่จะแง้มหน้าต่างเป็นช่องเล็กๆ หญิงสาวรีบกดล็อกรถแล้วสตาร์ตเครื่องยนต์ทันที ต่อให้รูปงามกว่านี้ร้อยเท่า เธอก็ไม่กล้าเสี่ยงความปลอดภัยของตัวเองกับคนแปลกหน้าท่าทางน่าสงสัย
เสียงสตาร์ตรถทำให้ชายแปลกหน้าเข้าใจว่าทำให้เธอกลัว ชายหนุ่มยิ้มอย่างไม่ถือสา เขาบุ้ยใบ้ไปที่กระโปรงรถว่ามันบุบแล้วยกมือขึ้นไหว้ขอโทษ
นีราภาได้ยินแว่วๆ ว่าเขาจะรับผิดชอบค่าซ่อมให้ หญิงสาวจึงเริ่มคิดว่าเขาไม่น่าจะมาร้าย ทว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะแง้มกระจกออกไปคุยด้วยดีหรือไม่ เธอก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นก่อน พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสาม ที่ทำให้ตกใจคือเธอคนนี้มีผ้าเช็ดตัวปิดกายอยู่แค่ผืนเดียว สายตาของสาวชั้นสามมองตรงมาที่รถของเธอ เมื่อมองตามไปก็เห็นว่าเจ้าหล่อนกำลังตะโกนเรียกชายหนุ่มปริศนาที่ตกลงมาเมื่อครู่
ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงเรียกแต่วิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนีราภาทั้งอึ้งทั้งงง ท่าทางผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่เทพบุตรหรือซาตานอย่างที่สงสัย เชื่อขนมกินได้เลยว่าต้องเป็น ‘โจรโรคจิต’ แน่ๆ
เนื่องจากเมื่อคืนนีราภาช่วยขับรถไปหาสถาปนิกกลางดึก ธนกฤตเลยบอกให้เธอเข้างานในตอนสายเพื่อที่จะได้พักผ่อนให้เต็มที่ แต่หญิงสาวเคยชินกับการนอนดึกเสียแล้ว จึงมาทำงานในเวลาปกติ
วันนี้ในห้องทำงานว่างเปล่า นั่งอยู่จนสายเจ้านายสุดหล่อก็ยังไม่เปิดประตูเข้ามา พอเหลือบมองนาฬิกาถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ธนกฤตจะแวะไปดูสถานที่ก่อสร้างกว่าจะกลับมาก็คงใกล้เที่ยง
“ลืมไปได้ยังไงนะ รู้อย่างนี้ไม่รีบมาก็ดีหรอก” หญิงสาวบ่นตัวเอง
นอกจากจะไม่มีอาหารตาให้มองแล้ว นีราภายังไม่มีอะไรให้ทำด้วย ปกติเธอจะทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา พอต้องนั่งอยู่กับที่มันก็เลยออกอาการครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวอยากทำความสะอาดห้องแต่ก็เพิ่งจัดระเบียบไปเมื่อสองวันก่อน จะเหลือที่ยังดูรกก็แค่ที่โต๊ะทำงานของธนกฤตเท่านั้น พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ไม่มีใครกล้ายุ่ง แต่มันก็ไม่เคยมีฝุ่นเพราะนีราภาแอบทำความสะอาดให้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้
ในขณะที่กำลังคิดหางานทำฆ่าเวลา เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ก็ดังขึ้น ยังไม่ทันอนุญาตว่าให้เข้ามาได้ กมลกร ผู้ช่วยของเธอก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“พี่วิ้ง จริงหรือเปล่าคะที่คุณพศวีร์จะมาทำงานแทนคุณปองคุณ” หญิงสาวถามเสียงตื่น
เรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คนในก็เริ่มรู้กันแล้วว่าตำแหน่งผู้บริหารที่ว่างอยู่จะมีเครือญาติของผู้บริหารมาทำแทนระยะหนึ่ง
“ใช่จ้ะ ถามทำไม”
กมลกรไม่ตอบแต่กรี๊ดดังลั่นแถมยังกระโดดไปมาจนทรวงอกอวบอั๋นกระเพื่อม
“เบาเสียงหน่อย” นีราภาติงตามประสาคนเจ้าระเบียบ
หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจคำเตือนแม้แต่น้อย ด้วยขณะนี้ตื่นเต้นเกินกว่าจะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้
“ในที่สุดบัวก็ได้เจอผู้ชายในฝัน มันต้องเป็นบุพเพแน่เลยค่ะพี่วิ้ง ฟ้าต้องส่งเขามาให้บัวแน่ๆ”
นีราภามองอาการเพ้อของลูกน้องอย่างระอา กมลกรเป็นอย่างนี้เสมอเวลาได้ข่าวว่ามีหนุ่มหล่อมาร่วมงาน
“พี่วิ้งขา ได้โปรดส่งหนูไปเป็นลูกน้องคุณพศวีร์ทีเถอะนะคะ ถ้าพี่ช่วยหนูได้ หนูจะถวายหัวหมูพร้อมเครื่องเซ่นชุดใหญ่เลยเจ้าค่ะ”
หญิงสาวไม่พูดเปล่าแต่ยังถลามาคุกเข่าอ้อนวอน ทำราวกับนีราภาเป็นเจ้าแม่ทันใจบันดาลได้สารพัด
“จะช่วยเสนอชื่อไปให้ก็แล้วกัน”
ตอนนี้ตำแหน่งเลขานุการของประธานฝ่ายออกแบบยังว่างอยู่ ธนกฤตเลยสั่งให้เธอคัดคนในสองสามคนไปให้พศวีร์สัมภาษณ์
“ขอบคุณมากค่ะพี่วิ้ง ถ้าได้งานหนูจะไม่ลืมพระคุณพี่เลย”
หญิงสาวทำท่าจะกรี๊ดอีกครั้ง นีราภาเลยจุปากให้เบาเสียง
“ขอโทษค่ะมันลืมตัว” กมลกรแลบลิ้นแก้เก้อ
หมดธุระแล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณอีกหนึ่งรอบ แล้วหมุนตัวกระโดดโลดเต้นออกไปจากห้องราวกับเด็กเล็ก
นีราภามองตามอย่างเป็นห่วงว่าผู้ช่วยจะหกล้มหัวทิ่มเจ้าหล่อนใส่ส้นเข็มเสียแหลมเปรี๊ยะ แต่เล่นเต้นเหมือนกับใส่รองเท้าผ้าใบ ใจจริงหญิงสาวนึกชอบกมลกรอยู่ไม่น้อย ทำงานใช้ได้ นิสัยก็ดี เสียแต่ต้องปรามให้ลดความเพี้ยนลงบ้าง
พูดถึงคนเพี้ยนแล้วเจ้านายคนใหม่นี่ก็ได้ข่าวว่าร้ายใช่ย่อยทีเดียว พศวีร์เป็นคนที่มีความสามารถแต่ก็ได้ชื่อว่าอารมณ์แปรปรวนเอาแต่ใจ สมฉายาอัจฉริยะจอมเพี้ยนที่ใครๆ ต่างพากันขนานนามให้ แถมยังมีข่าวแว่วมาว่าเป็นคาสโนว่าตัวพ่อเสียอีก คนเคร่งกฎอย่างเธอเกลียดคนที่ควบคุมยาก ที่ร้ายไปกว่าคือเธอเกลียดพวกคนหลายใจมากกว่าเป็นเท่าตัว
คิดได้อย่างนี้เค้าลางปัญหาจึงเริ่มปรากฏให้เห็น กระนั้นนีราภาก็ยิ้มสู้ เธอคิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับเขาได้ กว่าจะรู้ว่าตัวเอง ‘คิดผิด’ เธอก็ตกอยู่ในเงื้อมือของผู้ชายคนนี้เสียแล้ว
นีราภาตั้งใจจะหารูปและประวัติของพศวีร์มาศึกษาเอาไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาทำงาน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำงาน ธนกฤตก็มาชวนออกไปข้างนอกเสียก่อน
“บ่ายนี้ไม่มีประชุม เราไปเยี่ยมคุณปองคุณกันดีกว่า”
ตั้งแต่คุณปองคุณเข้าโรงพยาบาล ธนกฤตเพิ่งมีโอกาสไปเยี่ยมเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นึกแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ต่างจากคนในครอบครัวเลย
“ให้คนจัดของเยี่ยมไปให้ทีนะ เอาไปส่งที่โรงพยาบาลเลย ส่วนเราสองคนออกไปหาอะไรกินด้วยกันก่อน”
“ได้ค่ะบอส” หญิงสาวรับคำสั้นๆ เหมือนเคย แต่บรรยากาศในใจนั้นกำลังเป็นสีชมพู
นีราภารู้สึกเหมือนกำลังมีกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมารอบตัวก็ไม่ปาน เพราะนี่คือการได้ออกไปกินอาหารกลางวันสองต่อสอง เป็นมื้อแรกในรอบปีเลยทีเดียว
“จริงสิ! ทางผ่านก่อนไปโรงพยาบาลมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ด้วย คุณชอบกินใช่ไหมนีราภา ไปร้านนั้นกันนะ”
หญิงสาวตอบตกลงในทันที ถ้าได้ไปกับเขาแล้ว ต่อให้พาไปเปิบพิสดารที่ไหนเธอก็ยอมไป
จากนั้นนีราภาก็ต่อสายภายในไปที่ห้องของผู้ช่วย สั่งให้กมลกรออกไปซื้อดอกไม้กับกระเช้าของเยี่ยมให้คุณปองคุณ แล้วโทรถามเรื่องเวลาเยี่ยมกับโรงพยาบาลให้แน่นอน จะได้ไม่ต้องไปเก้อ
“ห้องพิเศษที่คุณปองคุณอยู่ ให้เยี่ยมได้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงหกโมงเย็นค่ะ เรื่องร้านอาหารจะให้โทรจองไหมคะ จะได้มีที่นั่งเผื่อคนแน่น”
หญิงสาวถามเผื่อเอาไว้ก่อนเพราะไม่ต้องการให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรค ถึงเขาจะคิดว่านี่เป็นแค่การเลี้ยงข้าวลูกน้องตามธรรมดา แต่สำหรับเธอแล้ว กลับรู้สึกดีใจยิ่งกว่าได้โบนัสสิ้นปี
“แล้วแต่คุณเลย กว่าจะไปถึงร้านคงบ่าย ทนหิวเอาหน่อยนะ”
ความห่วงใยจากเขาทำให้นีราภายิ้มแก้มปริ ที่เธอหลงเสน่ห์ของธนกฤต ไม่ใช่เพราะเขาหล่อเหล่าหรือร่ำรวย แต่เธอชอบตัวตนภายในของเขา ที่ต้องสังเกตให้ดีจึงจะมองเห็น
ธนกฤตเหมือนจะบ้างานและไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่เขาก็เป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจ หากตัดช่วงเวลาที่คร่ำเคร่งกับงานออกไป เขาจัดว่าเป็นผู้ชายที่อบอุ่นคนหนึ่งเลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจที่สุดคือการที่เขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ธนกฤตเคยทิ้งงานประมูลราคาร่วมสิบล้านไป เพราะคุณน้าที่เป็นเหมือนแม่แท้ๆ ป่วยเข้าโรงพยาบาล มันทำให้เธอรู้ว่าเมื่อถึงคราวคับขัน เขาจะยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่ออยู่เคียงข้างคนที่เขารัก นีราภาเลยอยากเป็นคนสำคัญของเขา แม้จะรู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้ก็ตาม

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2556, 12:16:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2556, 13:35:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 5785
<< บทที่ 1 เรื่องกลุ้มใจของเลขานุการสาว | บทที่ 3 ไม่ถูกชะตา >> |

คิมหันตุ์ 16 ส.ค. 2556, 13:46:27 น.
ต้องเรียกค่าซ่อมกระโปรงรถ หนักๆนะจ๊ะ
ต้องเรียกค่าซ่อมกระโปรงรถ หนักๆนะจ๊ะ


ปอกะเจา 16 ส.ค. 2556, 14:53:06 น.
ตอนนี้คนอ่านหลงบอสมากกว่าพศวีร์อีกนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ ผู้ชายอะไรน่าร้ากกกกก
ตอนนี้คนอ่านหลงบอสมากกว่าพศวีร์อีกนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ ผู้ชายอะไรน่าร้ากกกกก

goldensun 16 ส.ค. 2556, 17:38:00 น.
สังหรณ์ว่า พศวีร์คือหนุ่มที่หล่นตุ้บมาตามคำขอแน่เลย แต่วิ้งไม่ประทับใจในความเจ้าชู้แล้วนี่นา
แต่พระเอกปากร้ายนี่ คงไม่ใช่คุณเจ้านายที่เลขาหลงรักแน่ ออกจะสุภาพ บ้างานขนาดนี้
อะไรทำให้วิ้งเปลี่ยนใจ
สังหรณ์ว่า พศวีร์คือหนุ่มที่หล่นตุ้บมาตามคำขอแน่เลย แต่วิ้งไม่ประทับใจในความเจ้าชู้แล้วนี่นา
แต่พระเอกปากร้ายนี่ คงไม่ใช่คุณเจ้านายที่เลขาหลงรักแน่ ออกจะสุภาพ บ้างานขนาดนี้
อะไรทำให้วิ้งเปลี่ยนใจ

Zephyr 16 ส.ค. 2556, 21:27:24 น.
วิ้งๆๆๆๆ นี่คือชื่อเล่นนางเอกเหรอ เพิ่งรู้ ฮะฮ่า
นายวีร์ต้องหนีน้องนิวเยียร์ลงมาแน่ๆเลย
แหม อธิษฐาน ศักดิ์สิทธิ์จังนะ พูดปุ๊บ ท่านประทานให้ปั๊บเลย
ถึงจะกระโปรงรถบุบ แต่นะ มีหนุ่มหล่อหล่นลงมา ทนๆไปนะ
แต่แหม เริ่มเคลิ้มไปกะพี่ธนกฤตละนะ ถึงจะบ้างาน แต่ดูนิสัยโออยู่น้า
วิ้งๆๆๆๆ นี่คือชื่อเล่นนางเอกเหรอ เพิ่งรู้ ฮะฮ่า
นายวีร์ต้องหนีน้องนิวเยียร์ลงมาแน่ๆเลย
แหม อธิษฐาน ศักดิ์สิทธิ์จังนะ พูดปุ๊บ ท่านประทานให้ปั๊บเลย
ถึงจะกระโปรงรถบุบ แต่นะ มีหนุ่มหล่อหล่นลงมา ทนๆไปนะ
แต่แหม เริ่มเคลิ้มไปกะพี่ธนกฤตละนะ ถึงจะบ้างาน แต่ดูนิสัยโออยู่น้า

น้ำค้าง 20 ส.ค. 2556, 12:16:17 น.
ตกลงเรื่องนี้พศวีร์ได้เป็นพระเอกแล้วใช่ไหมน้อ. ตามมาตั้งแต่พี่หมอชอบกะล่อนดี อิอิ แต่เปิดเรื่องมาเป็นธนกฤตเลยเขวเล็กน้อย
ตกลงเรื่องนี้พศวีร์ได้เป็นพระเอกแล้วใช่ไหมน้อ. ตามมาตั้งแต่พี่หมอชอบกะล่อนดี อิอิ แต่เปิดเรื่องมาเป็นธนกฤตเลยเขวเล็กน้อย
