กามเทพเจ้าเสน่ห์ (ภาค 3 ของมธุรัตน์เสน่หากับเพียงใจเสน่หา)
"หลังจากแอบรักเจ้านายมาหลายปีดีดัก ฟ้าก็ส่งกามเทพมาช่วยให้นีราภาสมหวัง เดี๋ยวนะ! กามเทพหรือซาตานร้ายกันแน่ คนอะไรปากร้ายนิสัยเสีย แถมยังหล่อล่ำกล้ามฟิต เซ็กซี่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นี่มันตัวอันตรายชัดๆ!!!"
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากเงียบหายไปเป็นปี
ก็ได้เวลาเปิดตัวหนุ่มเพลย์บอยปากร้าย นิสัยกวนส้น
น้องชายคนสุดท้องของหนุ่มๆ ในซีรีย์แสนเสน่หาแล้วค่ะ
ใครที่จำไม่ได้เรามาทวนความจำกันสักนิดนะคะว่านอกจากพิมลตราน้องสาวคนเล็ก พี่น้องตระกูลนี้ยังมีใครบ้าง
พี่คนโต – พัลลภ จิตแพทย์หนุ่มหล่อ ฉายาเทพบุตรซาตาน พระเอกของ ณัฐมลหรือยัยแป้งรั่ว ในเรื่อง “เพียงใจเสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=733032
พี่ชายคนรอง – พลวัต เจ้าของไร่นายพฤกษ์ หวานใจของแปลกอย่าง มธุรัตน์ ในเรื่อง “มธุรัตน์เสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=680850
และสุดท้าย พี่ชายคนเล็ก – พศวีร์ สถาปนิกหนุ่ม มาดเพลย์บอย นิสัยปากไว หัวใจรักอิสระ ที่จะมารับบทกามเทพสุดเซ็กซี่ ดีกรีป๋า ให้กับนางเอกในเรื่องค่ะ จะหล่อแซ่บกวนประสาทแค่ไหน เชิญรับชมได้เลย
หมายเหตุ 1. เล่ม 1 เล่ม 2 วางแผงนานมากแล้วนะคะ หาซื้อตามร้านอยาจจะยากหน่อย แนะนำให้สั่งทางเว็บไซค์นี้ค่ะ ได้ลดเยอะด้วย ส่งฟรีอีกต่างหาก http://www.lightoflovebooks.com/
หมายเหตุ 2 ภาคของหมอครามกับหมอชา ที่เป็นตัวรองในเรื่อง เพียงใจเสน่หา จะเขียนหลังจากนี้ค่ะ ของปิดตัวหลักที่เป็นพี่น้องกันก่อน
ขอบคุณนักอ่านที่ท่านที่ให้การติดตามและต้อนรับกันด้วยดีเสมอมานะคะ ซีรีย์นี้มีทั้หมด 5 เล่มค่ะ จะพยายามปิดให้ได้ภายในสิ้นปีหน้านะคะ
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วถูกใจ รบกวนกดไลค์ที่แฟนเพจให้ได้ไหมเอ่ย ขอบคุณมากค่า www.facebook.com/nomekaa
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากเงียบหายไปเป็นปี
ก็ได้เวลาเปิดตัวหนุ่มเพลย์บอยปากร้าย นิสัยกวนส้น
น้องชายคนสุดท้องของหนุ่มๆ ในซีรีย์แสนเสน่หาแล้วค่ะ
ใครที่จำไม่ได้เรามาทวนความจำกันสักนิดนะคะว่านอกจากพิมลตราน้องสาวคนเล็ก พี่น้องตระกูลนี้ยังมีใครบ้าง
พี่คนโต – พัลลภ จิตแพทย์หนุ่มหล่อ ฉายาเทพบุตรซาตาน พระเอกของ ณัฐมลหรือยัยแป้งรั่ว ในเรื่อง “เพียงใจเสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=733032
พี่ชายคนรอง – พลวัต เจ้าของไร่นายพฤกษ์ หวานใจของแปลกอย่าง มธุรัตน์ ในเรื่อง “มธุรัตน์เสน่หา”
http://writer.dek-d.com/astrum/story/view.php?id=680850
และสุดท้าย พี่ชายคนเล็ก – พศวีร์ สถาปนิกหนุ่ม มาดเพลย์บอย นิสัยปากไว หัวใจรักอิสระ ที่จะมารับบทกามเทพสุดเซ็กซี่ ดีกรีป๋า ให้กับนางเอกในเรื่องค่ะ จะหล่อแซ่บกวนประสาทแค่ไหน เชิญรับชมได้เลย
หมายเหตุ 1. เล่ม 1 เล่ม 2 วางแผงนานมากแล้วนะคะ หาซื้อตามร้านอยาจจะยากหน่อย แนะนำให้สั่งทางเว็บไซค์นี้ค่ะ ได้ลดเยอะด้วย ส่งฟรีอีกต่างหาก http://www.lightoflovebooks.com/
หมายเหตุ 2 ภาคของหมอครามกับหมอชา ที่เป็นตัวรองในเรื่อง เพียงใจเสน่หา จะเขียนหลังจากนี้ค่ะ ของปิดตัวหลักที่เป็นพี่น้องกันก่อน
ขอบคุณนักอ่านที่ท่านที่ให้การติดตามและต้อนรับกันด้วยดีเสมอมานะคะ ซีรีย์นี้มีทั้หมด 5 เล่มค่ะ จะพยายามปิดให้ได้ภายในสิ้นปีหน้านะคะ
ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วถูกใจ รบกวนกดไลค์ที่แฟนเพจให้ได้ไหมเอ่ย ขอบคุณมากค่า www.facebook.com/nomekaa
Tags: ภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หากับเพียงใจเสน่หา ซีรีย์แสนเสน่หา โรแมนติก คอมเมดี้ ฮาปนทะลึ่ง พระเอกปากร้าย กวนประสาท เพลย์บอย บริษัทก่่อสร้าง สถาปนิกหนุ่ม เลขานุการสาว หลงรักเจ้านายตัวเองข้างเดียว อ่านสบาย คล
ตอน: บทที่ 3 ไม่ถูกชะตา
บทที่ 3 ไม่ถูกชะตา
สองหนุ่มสาวไปถึงที่ร้านตอนบ่ายโมงเศษ ถึงจะพ้นช่วงเที่ยงมาแล้วแต่ร้านก็ยังมีคนหนาตา ดีที่ว่าโทรศัพท์จองห้องส่วนตัวและสั่งอาหารเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งด้านหน้าซึ่งตอนนี้ค่อนข้างอึกทึก ธนกฤตไม่ชอบเสียงดังเท่าไร คนบ้างานคนนี้ไม่อยากเสียเวลาลุกไปคุยที่อื่นเวลามีเรื่องเร่งด่วน นีราภาเลยได้รับประทานอาหารเที่ยงตามลำพังกับเจ้านายสุดหล่อสมใจ
หญิงสาวเดินตามพนักงานไปที่ห้องด้านในซึ่งจองเอาไว้อย่างอารมณ์ดี เธออยากจะฉีกยิ้มกว้างไม่ก็หัวเราะออกมาเสียจริงๆ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากถูกมองไม่ดี
ในขณะที่กำลังเดินเคียงคู่กันไปกับเจ้านายสุดที่รัก อยู่ๆ ธนกฤตก็เร่งฝีเท้าเดินแซงพนักงานไปด้านหน้าแล้วตะโกนเรียกใครคนหนึ่ง
“พศ!”
เสียงเรียกชื่อตัวเองทำให้ชายหนุ่มร่างสูงหันมามอง พอเห็นหน้าธนกฤตเขาก็รั้งตัวสาวสวยข้างกายให้หยุดเดิน
“บังเอิญจัง เฮียมากินข้าวหรือพาลูกค้ามาเลี้ยง” พศวีร์ยิ้มร่าขณะปราดเข้ามาหา
“มากินข้าว”
นีราภาหยุดอยู่ข้างหลังธนกฤตเงียบๆ เธอไม่เคยพบคนรู้จักของเจ้านายคนนี้มาก่อน แต่กลับรู้สึกว่าคุ้นหน้าอย่างประหลาด เลขานุการสาวเค้นสมองนึกหาจุดเชื่อมโยงว่าคนคนนี้เป็นใครอย่างรวดเร็ว คนชื่อพศมีอยู่หลายสิบคน เธอตัดตัวเลือกทั้งหลายทิ้งโดยอาศัยหน้าตากับช่วงอายุที่มีอยู่ในความทรงจำ พอเห็นท่าทีสนิทสนมระหว่างคนทั้งสอง นีราภาก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาคนนี้คือ ‘พศวีร์’ ว่าที่ประธานฝ่ายออกแบบที่จะมาดูแลงานแทนคุณปองคุณ
ผู้ชายคนนี้ดูอายุน้อยกว่าความจริงหลายปี ทั้งยังหล่อเหลาจนน่าตกใจ ขนาดธนกฤตที่ว่าเป็นคนหน้าตาดียังเทียบไม่ติด ถ้าบอกว่าเป็นดาราคงดูน่าเชื่อกว่าเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ
“นี่นีราภา เลขาฯ ของพี่”
“สวัสดีครับคุณนีราภา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“ตัวจริงคุณสวยกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้อีก”
ชายหนุ่มหันมายิ้มให้เธอด้วยสายตาที่สามารถทำให้หลอมละลายได้ หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาที่หน้า หัวใจเต้นแรงกว่าที่เคยยามเมื่อประสานสายตากัน ปกติเธอเป็นคนที่ตบะแข็งไม่หวั่นไหวกับใครง่ายๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้เก้อจนไม่อยากสบตากับผู้ชายคนนี้
หญิงสาวแอบสูดหายใจลึกๆ เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ แล้วจึงหันมาสบตากับเขาอีกครั้ง คราวนี้จากที่เคยหน้าร้อนผ่าวก็เปลี่ยนมาเป็นเย็บวาบที่สันหลังแทน นีราภาเพิ่งนึกออกว่าเคยเห็นใบหน้าหล่อเหลาเกินมนุษย์นี่ที่ไหน เขาคือคนคนเดียวกันกับไอ้โรคจิตที่หล่นใส่รถเธอเมื่อคืน หญิงสาวเกือบจะชี้หน้าเขาแล้ว ยังดีที่ว่าดึงมือลงมาเก็บไว้ข้างตัวได้ทัน
“ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้ว นั่งกินข้าวด้วยกันเลยดีไหมเฮีย” พศวีร์ชวนในจังหวะที่นีราภานึกออกพอดี
‘อย่ารับปากเชียวนะคะบอส’ หญิงสาวภาวนาในใจ
เธอไม่อยากให้เกิดสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อในกรณีที่เกิดจำกันได้ขึ้นมา แต่เจ้านายที่รักยิ่งกลับตกปากรับคำไปนั่งร่วมโต๊ะกับสองหนุ่มสาวเสียอย่างนั้น นีราภาเลยจำเป็นต้องสวมหน้ากากอย่างหนา ทำเป็นว่าจำเขาไม่ได้เพื่อป้องกันความตะขิดตะขวงใจ
เมื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะเปลี่ยนห้อง พนักงานก็ขอเวลาสักครู่เพื่อจัดสถานที่ใหม่ รออยู่อึดใจหนึ่งทุกอย่างก็พร้อม ห้องที่พศวีร์จองไว้จัดว่าสวยทีเดียว นอกจากจะกว้างขวางแล้วยังติดกับสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีบ่อปลาคาร์ปด้วย เงี่ยหูฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
นีราภาหย่อนก้นลงนั่งบนเสื่อแบบญี่ปุ่น พยายามหันเหความสนใจไปที่การตกแต่งห้อง เพื่อจะได้ไม่ต้องเก็บเอาเรื่องเมื่อคืนมาคิด แม้จะต้องทำงานร่วมกันกับตาโรคจิตคนนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่เธอก็ตกอยู่ในสถานะผู้เสียหายไม่ใช่จำเลย ต่อให้เขาจำหน้าเธอได้ก็ใช่ว่าจะต้องกังวล
เมื่อจิตใจสงบขึ้น หญิงสาวก็หลับมาเป็นเลขานุการผู้สมบูรณ์แบบเหมือนเคย เธอนั่งฟังการสนทนาอย่างมีมารยาทและโต้ตอบบ้างตามสมควร
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ว่างพาสาวมากินข้าว แต่ไม่ว่างเข้าบริษัท” ธนกฤตบ่นปนหยอก
“ใครว่าว่าง ยุ่งจะตาย การบริการสาวสวยนี่งานหลักผมเลยนะเฮีย” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานเชื่อมไปให้คนข้างกาย
สาวสวยคนนี้มีนามว่าอลิซ เธอเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษที่พูดไทยไม่ค่อยได้ การสนทนาก็เลยเปลี่ยนไปเป็นภาษาอังกฤษแทน นีราภาคิดว่าหญิงสาวคงเป็นคู่รักของพศวีร์ เลยนึกห่วงไปตามประสาผู้หญิงด้วยกันว่าอลิซจะรู้พฤติกรรมของคนรักหรือเปล่า
นีราภาคันปากยุบยิบอยากบอกเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ หญิงสาวแก้อาการอยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน ด้วยการก้มหน้าก้มตากินเสียปากจะได้ไม่ว่าง
“คุณนีราภาไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเหรอครับ” อยู่ๆ พศวีร์ก็ถาม
“เปล่าค่ะ ดิฉันทานได้” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเรียบ ทั้งที่แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าเขารู้ได้อย่างไร
“นีราภาชอบอาหารญี่ปุ่นจะตาย ทำไมแกถามอย่างนั้น” ธนกฤตพูดเสริม
ถ้าจะบอกว่าดูจากที่เธอกินน้อยก็คงไม่ใช่ เทียบกันแล้วเลชานุการของเขากินเยอะกว่าอลิซเสียอีก
“คุณชอบอาหารญี่ปุ่นจริงๆ เหรอครับ” พศวีร์ถามพลางย่นหัวคิ้วด้วยสงสัย
“ค่ะ ดิฉันชอบมาก” นีราภาปด
เธอไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเลยสักนิดเดียว หญิงสาวเกลียดของดิบกับของทอดเลี่ยนๆ เป็นที่สุด แต่ที่ธนกฤตเข้าใจผิดได้อย่างนี้เพราะเขาเคยสั่งซูชิมาให้กินเป็นมื้อดึกตอนอยู่ทำโอที นีราภาประทับใจที่เขาเอาใจใส่ก็เลยกินอย่างเอร็ดอร่อย กลายเป็นความเข้าใจผิดมานับตั้งแต่บัดนั้น
“ขอโทษนะครับที่ถามอะไรแปลกๆ ผมเห็นคุณทำหน้านิ่งตลอด เลยนึกว่าฝืนกินเพราะเสียดาย”
คนปกติทั่วไปจับพิรุธนีราภาไม่ได้แน่นอน แต่พศวีร์เป็นคนช่างสังเกตและอ่านอารมณ์คนเก่ง ลองตั้งใจวิเคราะห์แล้วไม่มีทางพลาด
“ดิฉันแสดงออกทางสีหน้าไม่ค่อยเก่งค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มออกมาหนึ่งยิ้ม
แม้จะใส่หน้ากากหน้านิ่งเป็นประจำ แต่นีราภาก็ยิ้มเป็นโดยเฉพาะยิ้มในเชิงธุรกิจนี่ถนัดนัก ถึงจะไม่ใช่รอยยิ้มกว้างสว่างไสว แต่ก็เป็นยิ้มที่ดูสุภาพและเป็นมิตร
พศวีร์ชื่นชมความสามารถในการเก็บอารมณ์ของหญิงสาวเสียจริง เขามั่นใจว่าเธอจำเขาได้จากปฏิกิริยาเมื่อตอนเจอหน้ากันครั้งแรก แต่เธอก็ไม่กระโตกกระตากหรือเรียกร้องค่าเสียหายอย่างที่คนทั่วไปสมควรจะทำ ในทางตรงกันข้ามเธอกลับแสร้งทำเป็นจำกันไม่ได้เพื่อรักษาหน้าเขา
‘ผู้หญิงคนนี้แปลกดี’
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเจตนาของเธอนัก แต่มองความคิดเรื่องหนึ่งออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ตอนนี้เขาโดนเธอตราหน้าว่าเป็นไอ้โรคจิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนอย่างพศวีร์ไม่เคยยี่หระว่าคนจะมองเช่นไร แต่กับเธอคนนี้เห็นที่จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เพราะต้องทำงานด้วยกันอีกพักใหญ่ ก็เลยแก้ต่างอย่างแนบเนียนด้วยการชิงพูดความผิดของตัวเองออกมาก่อน
“เมื่อคืนผมไปเที่ยวผับมา แล้วก็ถูกสาวคนหนึ่งชวนไปที่ห้อง”
“แล้วแกได้ไปไหม” ธนกฤตถามอย่างสนใจ
“ไปสิเฮีย อ้อยเข้าปากช้างทั้งที”
นีราภาอึ้งไปเลยเพราะไม่คิดว่าเขาจะเล่าเรื่องทำนองนี้ต่อหน้าแฟนสาว หญิงสาวหันไปสังเกตสีหน้าของอลิซ แล้วก็พบว่าเจ้าหล่อนมีท่าทีสนใจไม่แพ้ธนกฤต
ในขณะที่กำลังแปลกใจกับท่าทีของหญิงสาว พศวีร์ก็เล่าเรื่องของตัวเองต่อ
“พอเข้าไปในห้องเธอก็เริ่มถอดเลย โยนออกทีละชิ้นเหลือไว้แต่ชุดชั้นในแล้วชวนไปอาบน้ำด้วยกัน ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจทำให้ไม่ตามเข้าไปแต่นอนรอบนเตียงแทน กลิ้งไปกลิ้งมา สักพักก็เลยสำรวจรอบห้องดู รู้ไหมผมเจออะไร”
“โซ่ แส้ กุญแจมือหรือคะ” อลิซเดา ท่าทางมีอารมณ์ร่วมไม่น้อย
นีราภาเลยได้รู้ในตอนนี้ว่าเจ้าหล่อนคงไม่ใช่คนรักของพศวีร์อย่างที่เข้าใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ใจเย็นนั่งฟังเรื่องผจญภัยของคนรักอย่างนี้
“ไม่ใช่ครับ” ปฏิเสธเสร็จก็หันมาทางธนกฤต “เฮียคิดว่าไง ผมให้เดาตามสบายเลย”
“ทายแล้วจะได้อะไร รีบๆ เฉลยมาน่า ขี้เกียจเดา” ธนกฤตไม่ชอบปริศนา เขารักความตรงไปตรงมามากกว่า
“เดาหน่อยน่าเฮีย ถ้ามีคนทายถูกมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
ธนกฤตยอมเล่นด้วยในที่สุดชายหนุ่มนิดคิดอยู่อึดใจก็ได้คำตอบ
“ยาเสพติดใช่หรือเปล่า พวกยาไอซ์อะไรอย่างนี้”
“ไม่ใกล้เคียงเลยเฮีย คุณนีราภาละครับคิดว่าอะไร”
“ไม่ทราบสิคะ ดิฉันเดาไม่เก่ง”
พศวีร์ไม่ได้ตื๊อให้นีราภาคิดตอบตอบ แต่ชักชวนให้พี่ชายกับเพื่อนลองทายออกมาอีกคนละครั้งสองครั้ง พอทุกคนยอมแพ้แล้วจึงเฉลยให้ฟัง
“ผมเจอนิตยสาร”
“ไอ้บ้า! นิตยสารที่ไหนๆ ก็มี” คนอายุมากกว่าเอ็ดเพราะคิดว่าเป็นลูกไม้กวนประสาท
“ไม่ใช่แค่นั้นเฮีย ในนั้นมีรูปสาวที่หิ้วผมกลับห้องอยู่ด้วยนะ”
“ว้าว! เมื่อคืนได้กินนางแบบเหรอ ใช่ย่อยนะพ่อรูปหล่อ” อลิซแซว แล้วเป่าปากเสียงดัง กิริยาขัดกับบุคลิกสาวหวานไม่น้อย
“ได้กินที่ไหนกัน ให้ฟรีก็ไม่เอา”
“ทำไมล่ะ” ธนกฤตถามอย่างสงสัย
“เฮียกินผู้ชายด้วยกันลงไหมล่ะ ในนิตยสารบอกชัดเลยว่าหนูนี่แหละค่ะสาวประเภทสองที่สวยกว่าชะนี” ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งแต่ก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อยในตอนท้ายประโยค
ได้ยินแบบนั้นธนกฤตก็ตบมือฉาดอย่างชอบใจ ออกอาการขำกลิ้งที่เพลย์บอยตัวพ่อเสียท่า ส่วนอลิซรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
พศวีร์บอกว่าเขาพยายามหนี แต่อีกฝ่ายล็อกห้องเอาไว้อย่างแน่นหนา เลยต้องคิดหาทางกระเสือกกระสนหนีกะเทยเปลี่ยวสุดความสามารถ ชายหนุ่มเล่าเรื่องได้เก่งทีเดียวทั้งน่าสนใจทั้งตลกอย่างกับกำลังดูทอร์กโชว์ ขนาดนีราภาไม่ชอบเรื่องอย่างนี้ยังอดจินตนาการแล้วสนุกไปกับเรื่องที่เล่าไม่ได้
ฟังเพลินๆ หญิงสาวก็มีอันต้องสะอึกเพราะเขาเล่าต่อว่าตัดสินใจปีนระเบียงลงมา แล้วกระโดดลงบนกระโปรงรถคันหนึ่งเพื่อลดแรงกระแทก ชายหนุ่มลงมาได้อย่างโปรดภัยแต่โชคร้ายที่เจ้าของรถนั่งอยู่ด้านใน
“ฮ่ะๆ แกนี่โคตรซวยเลย หมดค่าเสียหายไปเท่าไรเนี่ย โดนตำรวจจับเช้าปิ้งหรือเปล่า”
“ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย น้องนิวเยียร์มาตะโกนโหวกเหวกที่ระเบียงก่อน ก็เลยต้องเผ่น”
“ไอ้เลว…น่าสงสารเจ้าของรถแย่” คนเป็นพี่ด่าแบบไม่เกรงใจ
“ผมก็อยากชดใช้ให้นะเฮีย แต่สถานการณ์มันคับขันจริงๆ ใครจะรับประกันได้ว่าน้องนิวเยียร์จะไม่บ้าเลือดโดดลงมาจิกหัวผมกลับห้อง”
“คิกๆ กะเทยก็คนนะ พูดอย่างกับเขาเป็นปีศาจ” อลิซหัวเราะร่วน
คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้วิจารณ์กันอย่างสนุก ส่วนผู้เสียหายอย่างนีราภานั้นนั่งเงียบกริบ สายตาของพศวีร์ที่มองมามันฟ้องชัดเลยว่าจำเธอได้ ที่เขาเล่าเรื่องนี้เพื่อชิงลงมือสารภาพก่อนที่จะถูกเอาไปแฉ แถมยังเป็นการหยั่งเชิงด้วยว่าเธอโกรธหรือเปล่า
‘เจ้าเล่ห์เป็นบ้า’
นีราภานึกชมอีกฝ่ายก็จริงอยู่ แต่ก็ใช่ว่าทัศนคติที่มีต่อเขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เธอเกลียดพวกกระล่อนเจ้าชู้ลื่นเป็นปลาไหลอย่างนี้เป็นที่สุด
ความไม่พอใจทำให้สีหน้าของหญิงสาวนิ่งกว่าปกติสองเท่า แทนที่จะผิดหวังพศวีร์กลับชอบใจ เขารักที่จะหยอกพวกหน้านิ่งเหมือนใส่หน้ากากอย่างนี้เป็นที่สุด ก็เลยนั่งสังเกตหาจังหวะ
นีราภาอาจจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้ามากนักแต่เธอก็เอาใจใส่ธนกฤตเป็นอย่างดี ในระหว่างที่รับประทานอาหาร ชายหนุ่มแทบไม่ต้องขยับตัวทำอะไรเลยเพราะมีหญิงสาวคอยดูแลทุกอย่าง แค่มองหาผ้าเย็นเธอก็หยิบส่งให้ถึงมือ ชาร้อนไม่ทันพร่องก็รินเติมให้เต็มแก้ว ไม่ว่าธนกฤตจะถามข้อมูลอะไรก็ตอบได้อย่างคล่องแคล่ว บางทีแค่พูดว่า ‘เรื่องนั้นน่ะ’ ยังไม่ทันขยายความเธอก็รู้แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
จะมีเลขานุการกี่คนเชียวที่รู้ใจนายจ้างได้ขนาดนี้ ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือเจ้าหล่อนนั่งตัวตรงหลังตรงวางได้ตลอดเวลาราวกับเป็นหุ่นยนต์ มองแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเจ้าหล่อนจามแรงๆ อาจจะมีสปริงหรือฟันเฟืองกระเด้งออกมา
มองหญิงสาวได้อีกพักหนึ่งเขาก็เจอเรื่องน่าสนุกเข้า ถึงจะแค่อึดใจเดียวแต่พศวีร์ก็มั่นใจว่ามีอารมณ์บางอย่างซุกซ่อนอยู่ในแววตาของหญิงสาวยามที่เธอมองธนกฤต นีราภาไม่ได้เอาใจใส่พี่ชายของเขาเพราะหน้าที่แต่ทำให้เพราะเต็มใจ
‘ยายนี่ชอบเฮีย’ คิดได้อย่างนี้แล้วคนขี้แกล้งก็จัดการทดสอบสมมุติฐานของตัวเองเสียเลย
“เฮียคบกันอยู่กับเลขาฯ ตัวเองใช่ไหม”
ประโยคนี้ทำให้คนหน้านิ่งถึงกับสำลักพรวดน้ำหูน้ำตาไหล ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงนี้ทำให้พศวีร์ต้องกลั้นยิ้มแทนตาย ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะเกราะหนาแต่จริงๆ แล้วบางเฉียบ ลองจี้ถูกจุดเข้าหน่อยก็ทำให้ฮาได้
“คบกันที่ไหน สมภารไม่กินไก่วัดโว้ย” ธนกฤตปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะหยิบทิชชู่ส่งไปให้เลขานุการสาวที่กำลังไอโขลกหน้าดำหน้าแดง
“ก็แค่ล้อเล่นหน่อยเดียว” คนขี้แกล้งยักไหล่
ประเด็นนี้ตกไปเมื่ออลิซชวนคุยเรื่องอื่น แต่สำหรับนีราภาแล้วมันยังไม่จบง่ายๆ หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างอาฆาต นึกเกลียดเขาขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มหวานกลับมาให้ราวกับจงใจกวนประสาทเธอ
ก่อนกลับพศวีร์แอบยัดนามบัตรใบหนึ่งในใส่มือนีราภา แล้วกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบปนเซ็กซี่ว่า
“อย่าลืมโทรมานะครับ ผมจะได้จัดการเรื่องรถให้ ยินดีรับผิดชอบความเสียหายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
ใบหน้าของนีราภาขึ้นสี ไม่ใช่เพราะขัดเขินแต่โกรธเสียมากกว่า หญิงสาวฝืนส่งยิ้มหวานหยดกลับไปใน แล้วฉีกนามบัตรเป็นชิ้นๆ โปรยทิ้งต่อหน้าเขา จากนั้นก็สะบัดหน้าตามเจ้านายออกจากห้องไป ทว่าแทนที่จะโกรธชายหนุ่มกลับหัวเราะร่วน
‘ต้องสู้คนอย่างนี้สิถึงจะสนุก’
ธนกฤตไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมัวแต่เช็กตารางหุ้นจากโทรศัพท์มือถือ คนเดียวที่เห็นเหตุการณ์จึงเป็นอลิซ
“อกหักซะแล้ว คืนนี้ปลอบใจให้เอาไหมรูปหล่อ”
“ปลอบอย่างเดียวหรือทำอย่างอื่นด้วย”
“ไม่รู้สิ แล้วแต่อารมณ์” หญิงสาวยิ้มยั่ว
พศวีร์ไม่ตอบกลับสายตาของเขายังจดจ้องอยู่ที่นามบัตรซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เห็นทีคืนนี้เธอคงถูกเมิน คนอย่างเขาลองได้ล็อกเป้าสนใจอะไรบ้างอย่างแล้ว ก็จะลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวไปจนหมด
สองหนุ่มสาวไปถึงที่ร้านตอนบ่ายโมงเศษ ถึงจะพ้นช่วงเที่ยงมาแล้วแต่ร้านก็ยังมีคนหนาตา ดีที่ว่าโทรศัพท์จองห้องส่วนตัวและสั่งอาหารเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งด้านหน้าซึ่งตอนนี้ค่อนข้างอึกทึก ธนกฤตไม่ชอบเสียงดังเท่าไร คนบ้างานคนนี้ไม่อยากเสียเวลาลุกไปคุยที่อื่นเวลามีเรื่องเร่งด่วน นีราภาเลยได้รับประทานอาหารเที่ยงตามลำพังกับเจ้านายสุดหล่อสมใจ
หญิงสาวเดินตามพนักงานไปที่ห้องด้านในซึ่งจองเอาไว้อย่างอารมณ์ดี เธออยากจะฉีกยิ้มกว้างไม่ก็หัวเราะออกมาเสียจริงๆ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากถูกมองไม่ดี
ในขณะที่กำลังเดินเคียงคู่กันไปกับเจ้านายสุดที่รัก อยู่ๆ ธนกฤตก็เร่งฝีเท้าเดินแซงพนักงานไปด้านหน้าแล้วตะโกนเรียกใครคนหนึ่ง
“พศ!”
เสียงเรียกชื่อตัวเองทำให้ชายหนุ่มร่างสูงหันมามอง พอเห็นหน้าธนกฤตเขาก็รั้งตัวสาวสวยข้างกายให้หยุดเดิน
“บังเอิญจัง เฮียมากินข้าวหรือพาลูกค้ามาเลี้ยง” พศวีร์ยิ้มร่าขณะปราดเข้ามาหา
“มากินข้าว”
นีราภาหยุดอยู่ข้างหลังธนกฤตเงียบๆ เธอไม่เคยพบคนรู้จักของเจ้านายคนนี้มาก่อน แต่กลับรู้สึกว่าคุ้นหน้าอย่างประหลาด เลขานุการสาวเค้นสมองนึกหาจุดเชื่อมโยงว่าคนคนนี้เป็นใครอย่างรวดเร็ว คนชื่อพศมีอยู่หลายสิบคน เธอตัดตัวเลือกทั้งหลายทิ้งโดยอาศัยหน้าตากับช่วงอายุที่มีอยู่ในความทรงจำ พอเห็นท่าทีสนิทสนมระหว่างคนทั้งสอง นีราภาก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาคนนี้คือ ‘พศวีร์’ ว่าที่ประธานฝ่ายออกแบบที่จะมาดูแลงานแทนคุณปองคุณ
ผู้ชายคนนี้ดูอายุน้อยกว่าความจริงหลายปี ทั้งยังหล่อเหลาจนน่าตกใจ ขนาดธนกฤตที่ว่าเป็นคนหน้าตาดียังเทียบไม่ติด ถ้าบอกว่าเป็นดาราคงดูน่าเชื่อกว่าเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ
“นี่นีราภา เลขาฯ ของพี่”
“สวัสดีครับคุณนีราภา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“ตัวจริงคุณสวยกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้อีก”
ชายหนุ่มหันมายิ้มให้เธอด้วยสายตาที่สามารถทำให้หลอมละลายได้ หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาที่หน้า หัวใจเต้นแรงกว่าที่เคยยามเมื่อประสานสายตากัน ปกติเธอเป็นคนที่ตบะแข็งไม่หวั่นไหวกับใครง่ายๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้เก้อจนไม่อยากสบตากับผู้ชายคนนี้
หญิงสาวแอบสูดหายใจลึกๆ เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ แล้วจึงหันมาสบตากับเขาอีกครั้ง คราวนี้จากที่เคยหน้าร้อนผ่าวก็เปลี่ยนมาเป็นเย็บวาบที่สันหลังแทน นีราภาเพิ่งนึกออกว่าเคยเห็นใบหน้าหล่อเหลาเกินมนุษย์นี่ที่ไหน เขาคือคนคนเดียวกันกับไอ้โรคจิตที่หล่นใส่รถเธอเมื่อคืน หญิงสาวเกือบจะชี้หน้าเขาแล้ว ยังดีที่ว่าดึงมือลงมาเก็บไว้ข้างตัวได้ทัน
“ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้ว นั่งกินข้าวด้วยกันเลยดีไหมเฮีย” พศวีร์ชวนในจังหวะที่นีราภานึกออกพอดี
‘อย่ารับปากเชียวนะคะบอส’ หญิงสาวภาวนาในใจ
เธอไม่อยากให้เกิดสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อในกรณีที่เกิดจำกันได้ขึ้นมา แต่เจ้านายที่รักยิ่งกลับตกปากรับคำไปนั่งร่วมโต๊ะกับสองหนุ่มสาวเสียอย่างนั้น นีราภาเลยจำเป็นต้องสวมหน้ากากอย่างหนา ทำเป็นว่าจำเขาไม่ได้เพื่อป้องกันความตะขิดตะขวงใจ
เมื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะเปลี่ยนห้อง พนักงานก็ขอเวลาสักครู่เพื่อจัดสถานที่ใหม่ รออยู่อึดใจหนึ่งทุกอย่างก็พร้อม ห้องที่พศวีร์จองไว้จัดว่าสวยทีเดียว นอกจากจะกว้างขวางแล้วยังติดกับสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีบ่อปลาคาร์ปด้วย เงี่ยหูฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
นีราภาหย่อนก้นลงนั่งบนเสื่อแบบญี่ปุ่น พยายามหันเหความสนใจไปที่การตกแต่งห้อง เพื่อจะได้ไม่ต้องเก็บเอาเรื่องเมื่อคืนมาคิด แม้จะต้องทำงานร่วมกันกับตาโรคจิตคนนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่เธอก็ตกอยู่ในสถานะผู้เสียหายไม่ใช่จำเลย ต่อให้เขาจำหน้าเธอได้ก็ใช่ว่าจะต้องกังวล
เมื่อจิตใจสงบขึ้น หญิงสาวก็หลับมาเป็นเลขานุการผู้สมบูรณ์แบบเหมือนเคย เธอนั่งฟังการสนทนาอย่างมีมารยาทและโต้ตอบบ้างตามสมควร
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ว่างพาสาวมากินข้าว แต่ไม่ว่างเข้าบริษัท” ธนกฤตบ่นปนหยอก
“ใครว่าว่าง ยุ่งจะตาย การบริการสาวสวยนี่งานหลักผมเลยนะเฮีย” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานเชื่อมไปให้คนข้างกาย
สาวสวยคนนี้มีนามว่าอลิซ เธอเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษที่พูดไทยไม่ค่อยได้ การสนทนาก็เลยเปลี่ยนไปเป็นภาษาอังกฤษแทน นีราภาคิดว่าหญิงสาวคงเป็นคู่รักของพศวีร์ เลยนึกห่วงไปตามประสาผู้หญิงด้วยกันว่าอลิซจะรู้พฤติกรรมของคนรักหรือเปล่า
นีราภาคันปากยุบยิบอยากบอกเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ หญิงสาวแก้อาการอยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน ด้วยการก้มหน้าก้มตากินเสียปากจะได้ไม่ว่าง
“คุณนีราภาไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเหรอครับ” อยู่ๆ พศวีร์ก็ถาม
“เปล่าค่ะ ดิฉันทานได้” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเรียบ ทั้งที่แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าเขารู้ได้อย่างไร
“นีราภาชอบอาหารญี่ปุ่นจะตาย ทำไมแกถามอย่างนั้น” ธนกฤตพูดเสริม
ถ้าจะบอกว่าดูจากที่เธอกินน้อยก็คงไม่ใช่ เทียบกันแล้วเลชานุการของเขากินเยอะกว่าอลิซเสียอีก
“คุณชอบอาหารญี่ปุ่นจริงๆ เหรอครับ” พศวีร์ถามพลางย่นหัวคิ้วด้วยสงสัย
“ค่ะ ดิฉันชอบมาก” นีราภาปด
เธอไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเลยสักนิดเดียว หญิงสาวเกลียดของดิบกับของทอดเลี่ยนๆ เป็นที่สุด แต่ที่ธนกฤตเข้าใจผิดได้อย่างนี้เพราะเขาเคยสั่งซูชิมาให้กินเป็นมื้อดึกตอนอยู่ทำโอที นีราภาประทับใจที่เขาเอาใจใส่ก็เลยกินอย่างเอร็ดอร่อย กลายเป็นความเข้าใจผิดมานับตั้งแต่บัดนั้น
“ขอโทษนะครับที่ถามอะไรแปลกๆ ผมเห็นคุณทำหน้านิ่งตลอด เลยนึกว่าฝืนกินเพราะเสียดาย”
คนปกติทั่วไปจับพิรุธนีราภาไม่ได้แน่นอน แต่พศวีร์เป็นคนช่างสังเกตและอ่านอารมณ์คนเก่ง ลองตั้งใจวิเคราะห์แล้วไม่มีทางพลาด
“ดิฉันแสดงออกทางสีหน้าไม่ค่อยเก่งค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มออกมาหนึ่งยิ้ม
แม้จะใส่หน้ากากหน้านิ่งเป็นประจำ แต่นีราภาก็ยิ้มเป็นโดยเฉพาะยิ้มในเชิงธุรกิจนี่ถนัดนัก ถึงจะไม่ใช่รอยยิ้มกว้างสว่างไสว แต่ก็เป็นยิ้มที่ดูสุภาพและเป็นมิตร
พศวีร์ชื่นชมความสามารถในการเก็บอารมณ์ของหญิงสาวเสียจริง เขามั่นใจว่าเธอจำเขาได้จากปฏิกิริยาเมื่อตอนเจอหน้ากันครั้งแรก แต่เธอก็ไม่กระโตกกระตากหรือเรียกร้องค่าเสียหายอย่างที่คนทั่วไปสมควรจะทำ ในทางตรงกันข้ามเธอกลับแสร้งทำเป็นจำกันไม่ได้เพื่อรักษาหน้าเขา
‘ผู้หญิงคนนี้แปลกดี’
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเจตนาของเธอนัก แต่มองความคิดเรื่องหนึ่งออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ตอนนี้เขาโดนเธอตราหน้าว่าเป็นไอ้โรคจิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนอย่างพศวีร์ไม่เคยยี่หระว่าคนจะมองเช่นไร แต่กับเธอคนนี้เห็นที่จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เพราะต้องทำงานด้วยกันอีกพักใหญ่ ก็เลยแก้ต่างอย่างแนบเนียนด้วยการชิงพูดความผิดของตัวเองออกมาก่อน
“เมื่อคืนผมไปเที่ยวผับมา แล้วก็ถูกสาวคนหนึ่งชวนไปที่ห้อง”
“แล้วแกได้ไปไหม” ธนกฤตถามอย่างสนใจ
“ไปสิเฮีย อ้อยเข้าปากช้างทั้งที”
นีราภาอึ้งไปเลยเพราะไม่คิดว่าเขาจะเล่าเรื่องทำนองนี้ต่อหน้าแฟนสาว หญิงสาวหันไปสังเกตสีหน้าของอลิซ แล้วก็พบว่าเจ้าหล่อนมีท่าทีสนใจไม่แพ้ธนกฤต
ในขณะที่กำลังแปลกใจกับท่าทีของหญิงสาว พศวีร์ก็เล่าเรื่องของตัวเองต่อ
“พอเข้าไปในห้องเธอก็เริ่มถอดเลย โยนออกทีละชิ้นเหลือไว้แต่ชุดชั้นในแล้วชวนไปอาบน้ำด้วยกัน ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจทำให้ไม่ตามเข้าไปแต่นอนรอบนเตียงแทน กลิ้งไปกลิ้งมา สักพักก็เลยสำรวจรอบห้องดู รู้ไหมผมเจออะไร”
“โซ่ แส้ กุญแจมือหรือคะ” อลิซเดา ท่าทางมีอารมณ์ร่วมไม่น้อย
นีราภาเลยได้รู้ในตอนนี้ว่าเจ้าหล่อนคงไม่ใช่คนรักของพศวีร์อย่างที่เข้าใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ใจเย็นนั่งฟังเรื่องผจญภัยของคนรักอย่างนี้
“ไม่ใช่ครับ” ปฏิเสธเสร็จก็หันมาทางธนกฤต “เฮียคิดว่าไง ผมให้เดาตามสบายเลย”
“ทายแล้วจะได้อะไร รีบๆ เฉลยมาน่า ขี้เกียจเดา” ธนกฤตไม่ชอบปริศนา เขารักความตรงไปตรงมามากกว่า
“เดาหน่อยน่าเฮีย ถ้ามีคนทายถูกมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
ธนกฤตยอมเล่นด้วยในที่สุดชายหนุ่มนิดคิดอยู่อึดใจก็ได้คำตอบ
“ยาเสพติดใช่หรือเปล่า พวกยาไอซ์อะไรอย่างนี้”
“ไม่ใกล้เคียงเลยเฮีย คุณนีราภาละครับคิดว่าอะไร”
“ไม่ทราบสิคะ ดิฉันเดาไม่เก่ง”
พศวีร์ไม่ได้ตื๊อให้นีราภาคิดตอบตอบ แต่ชักชวนให้พี่ชายกับเพื่อนลองทายออกมาอีกคนละครั้งสองครั้ง พอทุกคนยอมแพ้แล้วจึงเฉลยให้ฟัง
“ผมเจอนิตยสาร”
“ไอ้บ้า! นิตยสารที่ไหนๆ ก็มี” คนอายุมากกว่าเอ็ดเพราะคิดว่าเป็นลูกไม้กวนประสาท
“ไม่ใช่แค่นั้นเฮีย ในนั้นมีรูปสาวที่หิ้วผมกลับห้องอยู่ด้วยนะ”
“ว้าว! เมื่อคืนได้กินนางแบบเหรอ ใช่ย่อยนะพ่อรูปหล่อ” อลิซแซว แล้วเป่าปากเสียงดัง กิริยาขัดกับบุคลิกสาวหวานไม่น้อย
“ได้กินที่ไหนกัน ให้ฟรีก็ไม่เอา”
“ทำไมล่ะ” ธนกฤตถามอย่างสงสัย
“เฮียกินผู้ชายด้วยกันลงไหมล่ะ ในนิตยสารบอกชัดเลยว่าหนูนี่แหละค่ะสาวประเภทสองที่สวยกว่าชะนี” ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งแต่ก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อยในตอนท้ายประโยค
ได้ยินแบบนั้นธนกฤตก็ตบมือฉาดอย่างชอบใจ ออกอาการขำกลิ้งที่เพลย์บอยตัวพ่อเสียท่า ส่วนอลิซรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
พศวีร์บอกว่าเขาพยายามหนี แต่อีกฝ่ายล็อกห้องเอาไว้อย่างแน่นหนา เลยต้องคิดหาทางกระเสือกกระสนหนีกะเทยเปลี่ยวสุดความสามารถ ชายหนุ่มเล่าเรื่องได้เก่งทีเดียวทั้งน่าสนใจทั้งตลกอย่างกับกำลังดูทอร์กโชว์ ขนาดนีราภาไม่ชอบเรื่องอย่างนี้ยังอดจินตนาการแล้วสนุกไปกับเรื่องที่เล่าไม่ได้
ฟังเพลินๆ หญิงสาวก็มีอันต้องสะอึกเพราะเขาเล่าต่อว่าตัดสินใจปีนระเบียงลงมา แล้วกระโดดลงบนกระโปรงรถคันหนึ่งเพื่อลดแรงกระแทก ชายหนุ่มลงมาได้อย่างโปรดภัยแต่โชคร้ายที่เจ้าของรถนั่งอยู่ด้านใน
“ฮ่ะๆ แกนี่โคตรซวยเลย หมดค่าเสียหายไปเท่าไรเนี่ย โดนตำรวจจับเช้าปิ้งหรือเปล่า”
“ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย น้องนิวเยียร์มาตะโกนโหวกเหวกที่ระเบียงก่อน ก็เลยต้องเผ่น”
“ไอ้เลว…น่าสงสารเจ้าของรถแย่” คนเป็นพี่ด่าแบบไม่เกรงใจ
“ผมก็อยากชดใช้ให้นะเฮีย แต่สถานการณ์มันคับขันจริงๆ ใครจะรับประกันได้ว่าน้องนิวเยียร์จะไม่บ้าเลือดโดดลงมาจิกหัวผมกลับห้อง”
“คิกๆ กะเทยก็คนนะ พูดอย่างกับเขาเป็นปีศาจ” อลิซหัวเราะร่วน
คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้วิจารณ์กันอย่างสนุก ส่วนผู้เสียหายอย่างนีราภานั้นนั่งเงียบกริบ สายตาของพศวีร์ที่มองมามันฟ้องชัดเลยว่าจำเธอได้ ที่เขาเล่าเรื่องนี้เพื่อชิงลงมือสารภาพก่อนที่จะถูกเอาไปแฉ แถมยังเป็นการหยั่งเชิงด้วยว่าเธอโกรธหรือเปล่า
‘เจ้าเล่ห์เป็นบ้า’
นีราภานึกชมอีกฝ่ายก็จริงอยู่ แต่ก็ใช่ว่าทัศนคติที่มีต่อเขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เธอเกลียดพวกกระล่อนเจ้าชู้ลื่นเป็นปลาไหลอย่างนี้เป็นที่สุด
ความไม่พอใจทำให้สีหน้าของหญิงสาวนิ่งกว่าปกติสองเท่า แทนที่จะผิดหวังพศวีร์กลับชอบใจ เขารักที่จะหยอกพวกหน้านิ่งเหมือนใส่หน้ากากอย่างนี้เป็นที่สุด ก็เลยนั่งสังเกตหาจังหวะ
นีราภาอาจจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้ามากนักแต่เธอก็เอาใจใส่ธนกฤตเป็นอย่างดี ในระหว่างที่รับประทานอาหาร ชายหนุ่มแทบไม่ต้องขยับตัวทำอะไรเลยเพราะมีหญิงสาวคอยดูแลทุกอย่าง แค่มองหาผ้าเย็นเธอก็หยิบส่งให้ถึงมือ ชาร้อนไม่ทันพร่องก็รินเติมให้เต็มแก้ว ไม่ว่าธนกฤตจะถามข้อมูลอะไรก็ตอบได้อย่างคล่องแคล่ว บางทีแค่พูดว่า ‘เรื่องนั้นน่ะ’ ยังไม่ทันขยายความเธอก็รู้แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
จะมีเลขานุการกี่คนเชียวที่รู้ใจนายจ้างได้ขนาดนี้ ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือเจ้าหล่อนนั่งตัวตรงหลังตรงวางได้ตลอดเวลาราวกับเป็นหุ่นยนต์ มองแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเจ้าหล่อนจามแรงๆ อาจจะมีสปริงหรือฟันเฟืองกระเด้งออกมา
มองหญิงสาวได้อีกพักหนึ่งเขาก็เจอเรื่องน่าสนุกเข้า ถึงจะแค่อึดใจเดียวแต่พศวีร์ก็มั่นใจว่ามีอารมณ์บางอย่างซุกซ่อนอยู่ในแววตาของหญิงสาวยามที่เธอมองธนกฤต นีราภาไม่ได้เอาใจใส่พี่ชายของเขาเพราะหน้าที่แต่ทำให้เพราะเต็มใจ
‘ยายนี่ชอบเฮีย’ คิดได้อย่างนี้แล้วคนขี้แกล้งก็จัดการทดสอบสมมุติฐานของตัวเองเสียเลย
“เฮียคบกันอยู่กับเลขาฯ ตัวเองใช่ไหม”
ประโยคนี้ทำให้คนหน้านิ่งถึงกับสำลักพรวดน้ำหูน้ำตาไหล ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงนี้ทำให้พศวีร์ต้องกลั้นยิ้มแทนตาย ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะเกราะหนาแต่จริงๆ แล้วบางเฉียบ ลองจี้ถูกจุดเข้าหน่อยก็ทำให้ฮาได้
“คบกันที่ไหน สมภารไม่กินไก่วัดโว้ย” ธนกฤตปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะหยิบทิชชู่ส่งไปให้เลขานุการสาวที่กำลังไอโขลกหน้าดำหน้าแดง
“ก็แค่ล้อเล่นหน่อยเดียว” คนขี้แกล้งยักไหล่
ประเด็นนี้ตกไปเมื่ออลิซชวนคุยเรื่องอื่น แต่สำหรับนีราภาแล้วมันยังไม่จบง่ายๆ หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างอาฆาต นึกเกลียดเขาขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มหวานกลับมาให้ราวกับจงใจกวนประสาทเธอ
ก่อนกลับพศวีร์แอบยัดนามบัตรใบหนึ่งในใส่มือนีราภา แล้วกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบปนเซ็กซี่ว่า
“อย่าลืมโทรมานะครับ ผมจะได้จัดการเรื่องรถให้ ยินดีรับผิดชอบความเสียหายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
ใบหน้าของนีราภาขึ้นสี ไม่ใช่เพราะขัดเขินแต่โกรธเสียมากกว่า หญิงสาวฝืนส่งยิ้มหวานหยดกลับไปใน แล้วฉีกนามบัตรเป็นชิ้นๆ โปรยทิ้งต่อหน้าเขา จากนั้นก็สะบัดหน้าตามเจ้านายออกจากห้องไป ทว่าแทนที่จะโกรธชายหนุ่มกลับหัวเราะร่วน
‘ต้องสู้คนอย่างนี้สิถึงจะสนุก’
ธนกฤตไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมัวแต่เช็กตารางหุ้นจากโทรศัพท์มือถือ คนเดียวที่เห็นเหตุการณ์จึงเป็นอลิซ
“อกหักซะแล้ว คืนนี้ปลอบใจให้เอาไหมรูปหล่อ”
“ปลอบอย่างเดียวหรือทำอย่างอื่นด้วย”
“ไม่รู้สิ แล้วแต่อารมณ์” หญิงสาวยิ้มยั่ว
พศวีร์ไม่ตอบกลับสายตาของเขายังจดจ้องอยู่ที่นามบัตรซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เห็นทีคืนนี้เธอคงถูกเมิน คนอย่างเขาลองได้ล็อกเป้าสนใจอะไรบ้างอย่างแล้ว ก็จะลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวไปจนหมด
![](/images/icons/1568.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2556, 00:04:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2556, 22:21:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 3685
<< บทที่ 2 ขอมาก็จัดให้ | บทที่ 4 หนูดี >> |
![](/images/icons/guest.jpg)
คิมหันตุ์ 17 ส.ค. 2556, 00:19:36 น.
ผิดเรื่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แต่ก็อ่านจบละ คิคิ
ผิดเรื่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แต่ก็อ่านจบละ คิคิ
![](/images/icons/1134.jpg)
saralun 17 ส.ค. 2556, 00:27:33 น.
ชื่อเรืี่องผิดหรือเปล่าหนออออ ^^
ชื่อเรืี่องผิดหรือเปล่าหนออออ ^^
![](/images/icons/593.jpg)