เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๖ กุหลาบในพายุฝน

แม้แต่แรงคำรามของฟ้าฝนที่กระหน่ำลงมาก็ยังไม่อาจกลบเสียงเคาะซึ่งรัวดังอยู่หน้าประตู
มันอยู่ไม่ไกลนี้เองในความรู้สึก แต่ประตูที่ว่าไม่ใช่ประตูห้องของวนัสสา

...เจ้าของร่างบางสะดุ้งตื่น หันมองผ่านม่านเบาพลิ้วไปยังหน้าต่าง สายฝนยังปะทะกระจกไม่ขาดเม็ด
ความรู้สึกที่พลุ่งแรงนั้นอยู่ตรงชั้นล่าง สีน้ำเงินเข้มข้นราวกับวังวนของหลุมดำ! วนัสสารีบร้อนลุกจากเตียง
เปิดประตูออกไปยืนเกาะขอบระเบียงหินอ่อนเย็นเยียบ แอบแฝงตัวอยู่หลังเงาบังของเสาขนาดมหึมา
ทันได้ยินเสียงประตูบานใหญ่ ณ โถงกลางเบื้องล่างปิดกึงลงพอดิบพอดี

แล้วเธอก็เห็นเงาร่างหนึ่งเดินลิ่วมา ตามด้วยเบ็น อีกริต และนาเดียที่อยู่กันครบกุลีกุจอตาม


“ยังไงผมก็ไม่พักห้องที่ห้าทางปีกซ้าย”

วนัสสาหรี่ตา...ใครกัน สุ้มเสียงนุ่มนวล แต่เมื่อเอ่ยดังออกมากลับแฝงแววกดดันจนชวนสะพรึง

“แต่ว่าคุณนวาระจองห้องนั้นไว้ไม่ใช่หรือครับ” เบ็นถามอย่างเกรงๆในน้ำเสียง

“จองไว้ เพื่อที่จะได้ให้พวกคุณเตรียมมันให้เรียบร้อยสำหรับผม แล้วตัวผมก็จะไปอยู่ห้องอื่น
อย่างสบายใจ ห้องที่คุณไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้เป็นกรณีพิเศษไง” คนตอบหยุดเดินและ
หันไปพูดเสียงเกือบเป็นกระชาก “คราวนี้คุณจะถามอีกไหม...ว่าทำไม”

ตอนนี้วนัสสาเห็นเขาแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงที่ดูเหมือนจะสูงพอๆกับคราม ผิวขาวเหมือนกันอีกด้วย
ชนิดที่ว่าถ้ามองไกลกว่านี้อีกสักหน่อยหญิงสาวอาจจำผิดว่าเป็นรายนั้นได้ไม่ยาก
แต่พอดูให้ดีจึงเห็นว่ารูปร่างเขาโปร่งกว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอน เธอเห็นจากเสี้ยวหน้านั้น
ว่าคนคนนี้สวมแว่นตาด้วย

“รู้ๆกันอยู่ว่ายังมีห้องว่างที่ปีกขวา ถ้าไม่อยากมีปัญหาละก็ ส่งกุญแจมาให้ผมเลือกได้หรือยัง”
เสียงของเขายังสะท้อนก้องจากโถงเบื้องล่างดังขึ้นมาให้ได้ยินชัดเจน

หญิงสาวคิดว่าพ่อบ้านเบ็นจะเรียกยามมาจับชายคนที่ว่าโยนออกไป หรือไม่ก็ปรามเขาลง
อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นกลับลังเลเพียงครู่ ก่อนจะล้วงกระเป๋า หยิบสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้อง
ต้องการออกมาโดยไม่แย้งอะไรอีก

“เอาห้องที่แปดแล้วกัน ตรงกลางของปีกขวาพอดี 8 สัญลักษณ์อินฟินิตี้...ผมชอบนะ”
ชายหนุ่มว่าแล้วก็โยนกุญแจในมือเล่นก่อนจะคว้ามันไว้ หันหลังเดินห่างมาจากเบ็น

หญิงสาวเห็นเขาได้ชัดกว่าทีแรกตอนอีกฝ่ายเดินลึกเข้ามาในโถงกลางเบื้องล่าง
ผมเปียกหมาดนั้นแม้จะสีเข้มขึ้นเมื่อถูกน้ำก็ยังออกประกายดูรู้ว่าทำสีน้ำตาลเอาไว้
เส้นผมเป็นคลื่นอ่อนๆไม่เรียบดีนักซอยสั้นได้ทรง ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เธอก็ยิ่งเห็นว่าใบหน้านั้น
สวยยังกับผู้หญิงเลยทีเดียว เขาสะบัดเสื้อลายทางตัวนอกที่เปียกปอนออกมาพาดแขนข้างหนึ่งไว้
เหลือเพียงเสื้อไม่มีแขนสีดำ ทำให้เห็นว่าบนผิวกายขาวมีรอยสักอยู่หลายแห่ง
ดูตัดกันแต่ลงตัวอย่างประหลาด ผู้ชายหน้าสวย สวมแว่นตา และมีรอยสัก

“คุณนวาระ ผมรู้ว่าคุณมาที่นี่ด้วยความไม่ไว้ใจ แต่อยากบอกว่าทุกห้องก็ปลอดภัยเท่าๆกัน
ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว”

“ใช่เลย...ปลอดภัยน้อยเท่าๆกัน” คนตอบสวนเสียงกระด้างกำลังเดินขึ้นพ้นกลางบันไดไปสู่ฝั่งขวา
เขายังโยนกุญแจในมือขึ้นสูงแล้วคว้าไว้ได้อย่างแม่นยำในทุกครั้งพลางผิวปากไปด้วย

แต่วนัสสายังสัมผัสได้ถึงอารมณ์โกรธของเขา สีน้ำเงินที่พลุ่งแรง เธอควรจะรู้ว่าหลายคนซึ่งมาพักที่นี่
ต้องไม่ธรรมดา เขาอาจเจอเรื่องร้ายมาเหมือนกัน หรือว่าผู้ชายคนนี้จะรู้อะไร ถึงได้พูดดักคอเบ็น
เหมือนรู้ตื้นลึกหนาบางมากกว่าใคร

ขณะที่ผู้ชายชื่อนวาระเดินขึ้นห้อง หญิงสาวผู้แอบดูอยู่เห็นเบ็น อีกริต กับนาเดียยังเฝ้ามอง
ผู้เข้าพักคนใหม่ไปจนสุดสายตา ทั้งสามสงบ นิ่งงัน แต่จับจ้องไม่วางอย่างน่าสะพรึง
ก่อให้เกิดความคิดว่าฝั่งที่ร้ายไม่น่าจะใช่นวาระ เขาตกที่นั่งเดียวกับเธอมากกว่าถ้าจะให้เดา
ถูกบังคับให้ยอมรับการทดลองอันข้องเกี่ยวกับความสามารถพิเศษด้านพลังจิตที่แฝงอยู่ในตัวตน

และในที่สุด เมื่อคนดูแลสถานที่ทั้งสามลับตาไปวนัสสาจึงค่อยๆถอยหลังเข้าห้อง
กลับมาถึงเตียงนอนที่เริ่มจะเป็นก้อนขยุกขยุยยับยุ่ง เพราะหญิงสาวเองไม่อนุญาต
ให้ใครเข้ามาทำห้อง เธอทำของเธอเองได้ แต่หลายวันมานี้ก็ค่อนข้างจะละเลย

วนัสสาเป็นคนมีระเบียบ แต่มีนิสัยประจำอยู่อย่างตรงไม่ชอบเก็บที่นอน
อาจเพราะเธอไม่มีแม่มาจ้ำจี้จ้ำไชแต่เล็ก คิดเสมอว่าเดี๋ยวไม่ถึงวันก็กลับมานอนอีก
เธอเองเป็นพวกนอนไม่เป็นเวลาเสียด้วยจึงนอนได้ตลอดวัน จะพับผ้าผ่อนแล้วรื้อออกมาใหม่ทำไม
อย่างมากก็เอาผ้าห่มคลุมไว้ก่อนจะออกจากห้องไปไหนต่อไหน

หญิงสาวไถลตัวลงนอนครุ่นคิดถึงชายผู้มาใหม่กับสิ่งของที่ใจเธอจดจ่ออยู่ นี่ก็สามอย่างแล้ว
เลสข้อมือ หนังสือผีเสื้อ กับไพ่แจ็คข้าวหลามตัดที่สอดรวมเอาไว้ในเล่ม

ผ่านไปนาน ฝนยิ่งตกกระหน่ำขณะที่หนังตากำลังเริ่มหนักอึ้ง เจ้าของร่างบางซุกลงในผ้าห่มอุ่น
พร้อมๆกับขยับดันหมอนให้นอนสบาย ไม่รู้เลยว่ากลีบดอกไม้แห้งซึ่งร่วงหล่นมาจากหนังสือ
ความลับของผีเสื้อตั้งแต่หลายคืนก่อนยังหลงอยู่ใต้หมอน และมันจะทำหน้าที่กล่อมเธอ
สู่ความฝัน สู่ความเป็นจริง ที่เคยเกิดครั้งหนึ่ง...เพิ่งไม่นานมานี้เอง


ในคืนก่อนที่ความทรงจำจะหายไป หลังจากนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนดังสะท้อนก้อง
มาให้ได้ยิน ความรับรู้ของวนัสสาก็ดับมืดลง แต่เธอได้รู้แล้วว่าหลังจากนั้นตนถูกพาไปยังห้องที่มี
แสงขาวโพลง พวกเขาฉีดยาอะไรบางอย่างให้เธอที่กำลังหลับใหล และยังพูดคุยกันว่าเมื่อตื่นขึ้นมา
เธอเองจะต้องยอมรับข้อเสนอเพราะไม่มีทางเลือกอื่น วนัสสาควรจะรู้อยู่แล้วว่าเงื่อนไขที่พวกนั้น
จะเอามาบีบบังคับจะเป็นเรื่องอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากคนคนเดียวที่เธอรักและห่วงใยที่สุดในชีวิต...พ่อ

วนัสสาปวดหัวแทบจะแตกเป็นเสี่ยงราวกับมีใครทิ่มเข็มแหลมเข้ามาปักตรึงไว้ในสมอง
ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาสร้างจุดความทรงจำไว้ในหัวสมองของเธอ เป็นตำหนิ
ที่เกิดจากการได้รับยาครั้งแรก มีไว้เพื่อแผนการบางอย่าง หญิงสาวลืมเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นช้าๆ
มองผ่านม่านบางๆออกไป นี่เป็นห้องเดียวกับห้องชุดซึ่งวนัสสาได้หวนมาพักอยู่อีกครั้งในเวลาปัจจุบันชัดๆ

ม่านข้างเตียงถูกแหวกเข้ามาทันทีเมื่อคนข้างนอกเห็นเธอเคลื่อนไหว ใบหน้าแรกที่ลอยอยู่
เป็นใบหน้าซึ่งหญิงสาวจำได้ดี...นาเดีย! ในเวลานั้นฝรั่งร่างเล็กน่ารักเจ้าของผมบ๊อบสีช็อกโกแลต
ไม่ได้อยู่ในชุดเมดอย่างเวลานี้ นาเดียสวมชุดขาวที่ดูคล้ายเครื่องแบบพยาบาล
แต่ดูอีกทีก็ก้ำกึ่งเหมือนนักวิจัยที่ทำงานเกี่ยวกับการทดลอง

‘ลุกเถอะค่ะ คุณวนัสสา มีคนสำคัญรอพบคุณอยู่ คุณต้องดีใจแน่ที่ได้เจอ’

‘พ่อ!’ วินาทีนั้นเธอจะคิดถึงใครได้อีก นาเดียเพียงแต่ยิ้ม ไม่ตอบคำทว่าเดินนำออกไป

ในห้องไร้หน้าต่างซึ่งค่อนข้างมิดชิด ใครคนหนึ่งรอคอยอยู่ที่เก้าอี้รับแขก
ความผิดหวังจู่โจมสู่ใจทันทีที่เห็น ไม่ใช่พ่อ แต่เป็นลุงหมอกฤษณะ ทั้งที่คุณลุงเองก็หายตัวไปแรมปี
แบบนี้ยังพอจะหวังได้สินะ ว่าพ่อเธอก็ยังอยู่เหมือนกัน ดูท่าทางคนตรงหน้านี้จะไม่ได้ผ่านอะไรที่ดี
มาสักเท่าไหร่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็สะอาดสะอ้านก็จริง แต่หน้าซูบเหมือนอดอาหารมายาวนาน
ตาลึกอย่างคนพักผ่อนไม่เพียงพอ และหนวดเครารกๆนั่นก็ทำให้ยิ่งทำให้คนที่ปกติก็ไหล่ห่อคอตกอยู่แล้ว
หมดราศีลงไปอีก ทั้งยังไม่ได้ดูปราดเปรื่องอย่างตอนเป็นคู่หูคนสนิทของพ่อที่เธอเคยจำได้
อะไรทำให้เขากลายเป็นแบบนี้กัน

‘นั่งสิ...ลุงจะไม่พูดพร่ำ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า หนูวนัส หนูอยากพบพ่อใช่ไหม’

‘มากที่สุดค่ะ’

‘หนูยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้พบเขาหรือเปล่า’

นั่นแหละ เธอจึงได้เซ็นยินยอมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ยอมเป็นตัวอย่างในการทดลอง
เรื่องยากับพลังจิต สรุปคร่าวๆก็คือ มียาอยู่ตัวหนึ่งที่จะทำให้คนเราควบคุมและนำพลังของสมองส่วนที่
ซ่อนอยู่ออกมาใช้ได้ พวกเขาเชื่อว่าพลังจิตเกิดจากสมองเช่นกัน และต้องการจะทดลองยากับผู้ที่มีพลัง
พอจะจัดการกับสมรรถภาพที่เพิ่มขึ้นในสมองและความคิด ซึ่งเรียกรวมๆว่า จิต ซึ่งหมายถึงคนละส่วนกับหัวใจ

ในการทดลองจะให้ ยาเร่งจิต กับคนจำนวนห้าคนรวมทั้งวนัสสา
ซึ่งตัวอย่างทั้งห้านี้ก็มีความสามารถแตกต่างกันไป โดยที่เวชกุลเองยังไม่รู้ว่ายาจะมีผลกับใครมากที่สุด
แต่พวกเขาอ้างว่าจะนำปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นไปวิเคราะห์ เพื่อที่ว่าต่อไปอาจสามารถนำมาใช้พัฒนา
ความสามารถของจิตในคนปกติได้ด้วย

‘คิดจะเพาะพันธุ์มนุษย์แปลกๆขึ้นมาหรือไงคะ’ วนัสสาถามโกรธๆ ‘ลุงหมอเองก็รู้จักพ่อ
รู้จักหนูดีพอ แล้วก็คงจะรู้ด้วยว่าความสามารถนี้บางทีก็ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การเอาคนแบบเดียวกันมารวมกันหลายคน การทดลองคงไม่ได้ครอบคลุมไปถึงเรื่องทายาท...’

‘โอ๊ย ไม่เลยหนูวนัส ไม่ๆๆ ยังไม่ต้องคิดไกลไปถึงขนาดนั้น ตอนนี้เรายังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ยังห่างไกล’

จะบอกว่าเชื่อก็คงไม่ถูก แต่เธอในเวลานั้นไม่มีทางเลือกไม่ต่างจากตอนนี้
เมื่อมีจุดอ่อนเรื่องพ่อที่ตกอยู่ในเงื้อมมือทรงอำนาจกว้างไกลข้ามชาติ บางทีความหวัง
ซึ่งผลักดันให้ยินยอมก็เพราะเพียงแค่อยากจะเห็นหน้าพ่ออีกสักครั้ง อยากคุยกันอีกสักหน
โดยไม่สนใจว่าชีวิตต่อจากนั้นของตนเองจะเป็นเช่นไร แล้วถ้าไม่ยอม
พวกนี้จะปล่อยตัวเธอไปดีๆหรือ...ก็คงไม่อีกเหมือนกัน

เริ่มต้นด้วยการเซ็นสัญญา จะให้เซ็นไปทำไม คนพวกนี้อาจจะต้องการผลทางจิตวิทยา
ให้ใจเธอยอมรับว่าตกลงจำยอมไปแล้วเท่านั้นเอง

ความทรงจำไม่ปะติดปะต่อ แต่วนัสสาเริ่มรู้สึกว่าจำได้เพิ่มขึ้นมาทีละเล็กละน้อย
แต่ละการทดลองที่ผ่านคือบททดสอบ บีบคั้นทั้งร่างกายและจิตใจจนแทบทนไม่ไหว
แรกนั้นเธอร้องไห้ด้วยความโกรธ ต่อมาเธอร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง เมื่อตระหนักว่า
ตนเองคงไม่มีวันรอดไปจากที่นี่ได้อีกแล้ว

หญิงสาวได้พบกับผู้มีพลังเหมือนกันที่เข้าร่วมโครงการ แต่นึกเท่าไหร่ก็ยังนึกหน้าตาของพวกเขาไม่ออก
ใบหน้าเหล่านั้นคล้ายถูกพรางเอาไว้ด้วยเมฆหมอกในฝัน บรรยากาศเริ่มต้นอย่างสดใส ทั้งหมดถูกพา
ไปยังส่วนหลังของคฤหาสน์ แต่ยังไม่ไปถึงชั้นใต้ดิน มิน่าถึงไม่คุ้นเลยเมื่อลงไปสัมผัสสถานที่แห่งนั้น
คนทั้งห้าได้ทะลุออกไปสู่เรือนกระจกขนาดใหญ่ด้านหลัง ที่ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้สีน้ำเงินเบ่งบานสะพรั่งอยู่

‘บลูเทียร์...หรือน้ำตานางฟ้า คุณสมบัติของมันมีหลายอย่าง ดอกสดๆใช้รักษาแผลสด
แต่ถ้านำไปอบแห้งจะยิ่งทวีคุณค่า ก่อให้เกิดสมาธิในระดับลึก กระตุ้นเตือนให้นึกถึงความทรงจำในอดีต’
ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเดินมาด้วยกันกระซิบบอกเธอจากด้านหลัง ใครกัน...

มีงานฉลองเพื่อทำความคุ้นเคย กิจกรรมแนะนำตัว เสียงหัวเราะที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในที่แบบนั้น
แล้วทุกคนก็ผ่อนคลาย ทุกคนหลงคิดว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

ทว่าเมื่อผ่านสองวันแรก สถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายลง เมื่อต่างก็ตื่นมาพบว่าหน้าต่างทุกบาน
ไม่อาจมองออกไปเห็นโลกเบื้องนอก ในคฤหาสน์ดูเหมือนปิดตายและซึมเซาสนิท
พวกเธอถูกพาไปยังห้องทดลอง ไม่อาจติดต่อไปยังโลกภายนอก น่าแปลกที่ไม่มีใคร
มาตามหา หรือว่ายังนานไม่พอที่คนจะเริ่มเอะใจว่ามีใครบางคนหายตัวไป
เฟย์ล่ะ...แต่มันแย่ตรงที่วนัสสาถูกริบเครื่องมือสื่อสารไปแล้ว และก็จำได้ว่าเพื่อนรักบอกว่า
จะไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวนานเป็นสัปดาห์ในช่วงนั้นพอดี

วนัสสาจำได้ว่าถูกทิ้งไว้กับศพ เพื่อให้สัมผัสรู้ให้ได้ว่าชายผู้นั้นเป็นอะไรตาย
ในยามนั้นความสามารถของเธอยังไม่เพิ่มพูนมาเท่าที่ควร เธอไม่เข้าใจว่าจะถูกขังไว้นานสักเพียงไหน
จนศพตรงหน้าเริ่มเน่า และเธอก็ไม่มีอาหารจะกิน ไม่มีแม้แต่น้ำ หรือว่าอาหารก็คือร่างที่นอนอยู่ตรงหน้า!
วนัสสาโกรธจนไม่ยอมทำอะไรอย่างนั้นลงไป เธอหมดสติไปหลายครั้งจนมีใครบางคนมาช่วย

‘หนูเข้าใจดีหรือเปล่าวนัสสา ต่อเมื่อการทดลองให้ผลน่าพอใจ หนูถึงจะได้รับอนุญาตให้พบพ่อ
ตั้งใจกว่านี้อีกนิดไม่ได้หรือยังไง’ น้ำเสียงอ่อนล้าของลุงหมอกฤษณะเริ่มจะแสดงออกถึงความหงุดหงิด
ระคนเศร้าสร้อย ชวนให้คิดว่าเขาเองก็คงถูกกดดันมาไม่ต่างกันนัก

‘แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ว่าพ่อยังมีชีวิต คราวที่แล้วที่ถาม ก็บอกให้รอการทดลองผ่านพ้นไปก่อน
แต่แบบนี้คงทนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรยืนยันว่าพ่อยังไม่ตาย’

จากนั้นเธอถึงได้ถูกจัดแจงให้ได้คุยกับพ่อ ได้ยินแค่เสียงไม่เห็นหน้าตา แต่จากลักษณะการตอบ
วนัสสาก็รู้ว่านั่นคือบิดาเธอ ศิวัฒน์ เวชกุลที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ หญิงสาวเกิดฮึดขึ้นมาอีกครั้ง
คราวต่อไปต่อให้ต้องกินเนื้อคนที่ตายไปแล้วเธอก็จะทำ! ถ้าการสัมผัสนั่นมันทำให้ตอบได้ว่า
เจ้าของร่างนั้นเป็นอะไรตาย!

ทว่าในบางครั้ง แค่ความพยายามก็ดูเหมือนจะยังไม่พอกับการทดลองทารุณร้ายกาจ
เธอกอดตัวเอง ร้องไห้ยามถูกขังในห้องมืดซึ่งหนาวเย็นและปิดสนิทอีกหลายวัน
ข่มกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอด น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ตัวสั่นเทา การทดลองที่เจ็บปวด
พวกนั้นดูว่าเธอจะอดทนได้มากแค่ไหน แต่เธอก็จำได้ว่าในเวลานั้นเอง ประตูเปิดออก
เงาร่างหนึ่งยืนอยู่และเขาก็พูดกับเธอ

‘ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น มาเถอะวนัส ผมมาช่วยคุณ’

เธอเดินเซซังไปหาเขา แล้วอ้อมแขนอบอุ่นนั้นก็กอดเธอไว้ เขา...คนที่เธอรักนั่นเอง
วนัสสาตื่นขึ้นมาในปัจจุบัน เป็นยามเช้าที่แสนจะมัวซัว น้ำตายังหลั่งไหลอาบหน้า
เธอไม่มีอาการหวาดผวา ยังคงมีสติเต็มร้อยกับฝันอันชัดเจนเหมือนความจริงที่เพิ่งเกิด
ยาที่พวกนั้นให้เธอยังส่งผล ยิ่งรู้สึกได้ถึงบางอย่างซึ่งแข็งแกร่งในตัวตน
และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกเมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งกับความแค้น

พวกคนเลวเอาตัวพ่อไปซ่อนไว้จนป่านนี้ แค่ครั้งนี้พวกมันจะต้องเป็นฝ่ายชดใช้!



แปดโมงครึ่ง วนัสสาลงไปยังลานรับอาหารเช้าซึ่งมองออกไปเห็นสวนสวย
เธอจัดกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมมาด้วยเลยเพราะขี้เกียจจะย้อนขึ้นไปอีก แม้ไม่อยากให้เฟย์เป็นห่วง
แต่สำหรับความทรงจำร้ายแรงที่หวนมาเมื่อคืนทำให้หญิงสาวอยากหลบไปตั้งหลักบ้านเพื่อนสักวันสองวัน
แน่นอนว่ามีเลสข้อมือเส้นนั้นติดมาด้วย ก็บอกเจ้าของไว้แล้วนี่ว่าอีกวันสองวันจะคืน
นอกนั้นยังมีหนังสือความลับของผีเสื้อที่หนีบไพ่เจ้าปัญหาไว้ข้างในรวมอยู่ในสัมภาระ

มีใครคนหนึ่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร อีกฝ่ายยังสวมแว่นตาสีชาจางๆเลนส์ไม่มีกรอบ
เหมือนเมื่อคืนที่เธอเห็นเขาครั้งแรก ดูเป็นแว่นใส่เล่นเก๋ๆตามความพอใจของเจ้าตัวมากกว่าแว่นสายตา
ผมสั้นทำสีน้ำตาลสว่างเป็นคลื่นอ่อนซอยทรงแฟชั่นทันสมัย มีผมปรกหน้าผากอยู่เหนือคิ้ว
ซึ่งเขาปัดมันให้เฉออกข้างไปเสียอีก

นวาระ...กำลังจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์จดจ่อใกล้ชิด
ทำคอย่นซะจนเหมือนพวกเนิร์ดหรือหนอนหนังสือคงแก่เรียนที่เงยหน้าไปทำอย่างอื่นไม่เป็น
แต่สีหน้าและแขนขาของเขากลับวางอยู่ในลักษณะที่แสดงออกว่าเคยคุ้นกับความแปลกถิ่นได้ง่ายๆ
เขาอยู่ในอารมณ์สบายๆ สบายมากจนชันเข่าขึ้นมาชนขอบโต๊ะเสียด้วย ชวนให้คิดว่าสำหรับคนท่าทางอย่างนี้
ถ้าหากเอาเท้าขึ้นมาพาดได้เขาก็คงทำแล้ว ติดแค่ว่าจะมีคนมาเห็นแล้วตำหนิเอา นักเลงหน้าสวยที่เป็น
หนอนหนังสือด้วยอีกอย่าง ดูขัดแย้งในตัวเองสิ้นดีเหมือนกัน

หญิงสาวส่งยิ้มให้หนุ่มที่เลิกคิ้วมองเธอนั่งลงยังโต๊ะเดียวกันกับเขา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเพิ่งมาพักที่นี่หรือคะ วันก่อนๆไม่เห็นคุณเลย ฉันวนัสสาค่ะ”

เธอเองคาดเดาว่าเขาคงวางท่ารักษามาดหรือสนใจแต่พอเป็นพิธี แต่ไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อคนฟังวางหนังสือพิมพ์ลงโดยไม่ละสายตาไปจากดวงหน้าเธอ เขาถอดแว่นสีชาออกด้วยซ้ำ
เผยให้เห็นตาสวยเฉียบสีน้ำตาล ขนตายาวน่าดูชม ก่อนที่ปากหยักจะแย้มออกเป็นรอยยิ้มละลายใจ
ขับให้รอยลักยิ้มของเขาบุ๋มชัดลงไปอีก

“ผมนวาระ เพิ่งมาถึงเมื่อคืน หรือคุณจะเรียกผมนิวก็ได้” ชายหนุ่มพูดอย่างกระตือรือร้นแต่ไม่ลุกลี้ลุกลน
“วนัสสา เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

“ก็...เป็นไปได้นะคะ” หญิงสาวทอดเสียงอารมณ์ดี เลือกอาหารที่ชอบใส่ในจาน นั่นน่ะสิ
เธอเองก็สงสัยอยู่ในใจเหมือนกัน ต้องเคยเจอกันมาแล้วแน่ๆ

“เจอที่ไหนครับ” ผู้มาพักคนใหม่ถามอย่างอยากรู้จริงๆ

“อาจเป็นที่ไหนสักแห่งในความทรงจำ” เธอตอบไปคล้ายติดตลก หยิบมีดและส้อมมาถือไว้
สบตาเขาตรงๆ คล้ายอยากอวดให้เขาเห็นตากลมโตที่ใครหลายคนชมว่าสวย คงไม่แพ้ดวงตา
สวยเกินหญิงของนวาระเหมือนกัน แม้จะรู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อยที่เกิดจะอยากแข่งความสวยความงาม
กับเพศตรงข้ามขึ้นมา

ทั้งคู่หยุดมองกันอยู่อย่างนั้น วนัสสาเริ่มย้ายสายตาไปสังเกตแขนขาวจัดที่พ้นเสื้อกล้าม
ของชายหนุ่มผู้นั่งตรงข้าม เขาคงจะชอบเสื้อไม่มีแขนทำนองนี้เอามากๆ เพราะจะได้
อวดรอยสักบนเนื้อตัว ด้านข้างต้นแขนซ้ายเป็นลวดลายที่ดึงความสนใจของหญิงสาวไปได้มากที่สุด
ก็เพราะมันเป็นรอยสักรูปดอกไม้ ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน! หรือเขาอาจเป็น...ดอกไม้ของผีเสื้อ

“มองผมอิ่มหรือยังครับสาวน้อย”

คำเรียกแบบนี้อีกแล้ว วนัสสานิ่วหน้านิดหนึ่งแต่ยังยิ้ม หลายคนพร่ำบอกว่าเธอหน้าตาเหมือนเด็กสาววัยทีน
แต่หญิงสาวก็ไม่ได้คิดว่าตนจะดูเด็กถึงขนาดนั้นจริงอย่างใครว่า หรือเธอจะคิดผิด?

“ฉันยี่สิบสามแล้วค่ะ”

“ก็ยังเด็กกว่าผมตั้งหกปี”

วนัสสาเลิกคิ้ว งั้นเขาก็แก่กว่าครามกับวาริชปีหนึ่งละสิ เธอรู้อายุของสองคนนั่นแล้วเพราะวาริช
บอกออกมาเองว่ายี่สิบแปด เท่ากับครามที่เธอแอบถามเอากับเจ๊ผู้ช่วยของเขา

นวาระวางกาแฟลงอ้อยอิ่ง ทำท่าทางอย่างที่วนัสสาเดาได้ว่าเขากำลังจะหยิบขนมปังในตะกร้า
กับผู้ชายที่มาแปลกตรงหน้า วนัสสาไม่อยากรอ เธอแกล้งยื่นมือปุบปับไปเหมือนจะหยิบขนมปังบ้าง
หวังให้มือตนสัมผัสกับเขา เพื่ออ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายว่าจะเป็นสีสันเช่นไร

มือของทั้งคู่คลาดกันไปแค่สักมิลลิเมตรอย่างยั่วเย้า ราวกับเขาจะพลิ้วมือหลบการสัมผัสของเธอ
อย่างไรชอบกล

“หิวเหรอครับ” ชายหนุ่มกระซิบถามพลางเลื่อนตะกร้าขนมปังไปใกล้เธอแล้วหัวเราะเสียงเบา
ก่อนจะกินไปก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ที่ถูกลากมาจดจ่อไป

คำพูดตะกี้ของเขาเป็นทั้งคำยวนและคำท้าทายสำหรับวนัสสาที่ทั้งขำทั้งควันออกหูอยู่ในที
เธอทำได้แค่แสร้งรับประทานอาหารอย่างสงบ แต่ใจคิดเอาชนะคนที่นั่งตรงข้าม เอาเถอะ
ไม่ต้องวันนี้ก็ได้ เดี๋ยวเขาจะคิดไปไกลว่าเธอเป็นพวกชอบลวนลามผู้ชายทั้งที่มันไม่ได้ใกล้เคียง
เธอน่ะไม่ได้อยากจะจับมือผู้ชายคนไหนนักหรอก

...ขณะกำลังคิดเช่นนั้นภาพของดีไซเนอร์หนุ่มที่ตนยื้อยุดข้อมือตรงบันไดวันก่อนกลับผุดขึ้นในใจ
ไม่น่าเชื่อว่าเพราะเหตุการณ์นั้นจะทำให้เธอได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของครามชัดเจนยิ่งกว่าที่คาดว่าเขา
จะยอมเล่า ด้วยการไปพบเจอประสบการณ์ตรงร่วมกัน แล้วนี่ทำไมเขายังไม่ลงมากินข้าวเช้าอีก
มัวแต่นอนเพลินเพราะอดนอนมาหลายวันหรือว่าจะแล่นออกไปอีกแล้ว
ทำงานเหนื่อยติดๆกันแบบนั้นมันชักจะน่าเป็นห่วงยังไงชอบกล

ทั้งที่กำลังคิดถึงใครคนอื่น แต่เธอเองก็รู้ว่าตนยังมีหน้าที่ต้องรู้จักผู้ชายคนตรงหน้านี้ให้เห็นหลายๆ
แง่มุมของเขา วนัสสาจึงหาเรื่องคุย อีกอย่างไม่เคยมีมาก่อน คนอะไร...ทำท่าว่าหนังสือพิมพ์น่าสนใจกว่าเธอ
ทั้งที่เมื่อแรกเขายังทำท่เหมือนสนใจเธอเสียเต็มประดา เขาเหมือนกับเด็กไฮเปอร์ที่สมองไม่อยู่นิ่ง
สนใจนั่นนี่มากมายไปหมดอยู่ตลอดเวลา

“เอ่อ คุณดูเท่ยังกับพวกศิลปินร็อคอะไรเทือกนั้นเลยนะคะ เล่นดนตรีวงไหนหรือเปล่าคะเนี่ย”
หญิงสาวแกล้งแซว

นวาระเอ่ยตอบโดยยังไม่ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ “งานหลักไม่มีหรอกครับ”

วนัสสาลอบถอนใจ เธอไม่ชอบเลยผู้ชายที่ไม่ทำงาน ให้เป็นพวกบ้างานเสียยังจะดีกว่า

“ผมทำหลายอย่าง เขียนบทละครบ้าง หนังบ้าง งานแปลก็มีพอคเก็ตบุ๊ก แปลเอกสาร”

“เก่งจังเลยนะคะ” ถ้าเป็นอย่างที่ว่าก็รอดข้อหาไม่ทำงานไปได้สบายๆ

“อ้อ แล้วก็มีงานอดิเรกที่ชอบมากอยู่อย่าง...ผมเป็นแด๊นเซอร์ แต่พวกการเต้นสากลก็ได้ทุกแบบนะ
ผมชอบเต้น มันท้าทายดี เหมือนเราได้ต่อสู้กับตัวเอง ” นวาระยักคิ้วทีหนึ่งขณะที่เอื้อมมือมาหยิบ
ขนมปังอีกก้อนไปกัดอย่างสบายๆ

ใจความของสิ่งที่เขาพูดราวกับต้องการสื่ออะไรบางอย่าง เขากำลังบอกเธออยู่หรือเปล่าว่าเขาเต้นได้
หรือว่าชายปริศนาในคืนแห่งแสงจันทร์สลัวรางนั้นอาจเป็นเขา แต่ครามเองก็เต้นได้ ทั้งรูปร่างสีผิว
ที่คล้ายกันมากอย่างนี้ หรือว่าเธอควรจะถาม แต่รอดูท่าทีไปก่อนก็คงไม่ทำให้ไก่ตื่น เรื่องเต้นมันไม่มีทาง
โกหกกันได้อยู่แล้ว เพราะลองโม้มาว่าเป็นแด๊นเซอร์ขนาดนี้ ถ้าขอให้เต้นให้ดูแล้วทำไม่ได้ก็คงรู้ทันทีว่าพูดไม่จริง

“รอยสักสวยนะคะ โดยเฉพาะ...กุหลาบ”

“ครับ ก็นวาระแปลว่ากุหลาบไง แล้วผมก็ชอบสีน้ำเงินมากที่สุด สักไว้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด”

“บังเอิญจังเลยนะคะ วนัสสา ชื่อฉันแปลว่าผีเสื้อ”

นวาระคลี่รอยยิ้ม ยิ้มของเขาบ่งบอกถึงความพึงพอใจ หญิงสาวซึ่งกำลังหันไปหยิบขวดซอส
ไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะมัวครุ่นคิด รอยสักของเขาเกิดขึ้นไม่พร้อมกันกับรอยสักของเธอ
แต่เธออาจจะสักตามเขาก็เป็นได้ ถ้าหากว่าเขาคือคนสำคัญ...

“แล้วไปสักมาตั้งแต่อายุเท่านั้น มีใครว่าอะไรไหมคะนั่น” หญิงสาวจงใจถามถึงคนที่บ้าน
ก็อาจละลาบละล้วงนิดหน่อย แต่มันก็เป็นบทสนทนาที่พอจะเนียนต่อเนื่องไปได้

“ไม่มีใครห้ามหรอกครับ ผมอยู่คนเดียว”

เธอพิจารณารอยสักบนผิวขาวเกือบจะออกเป็นซีดใสของเขา ที่อยู่ถัดลงมาจากดอกกุหลาบ
มีอักษรเอียงๆสองแถวด้วยกัน บรรทัดแรก True Beneath Blue ความจริงภายใต้สีน้ำเงิน...

ถ้าเขาแปลมันตามนี้ก็เป็นถ้อยความที่ทำเอาเธอขนลุก เมื่อนึกเปรียบเทียบกับความจริง
ที่ตนเองกำลังตามหา รู้สึกว่าผิวเนื้อตรงตัวอักษรนั้นยังดูไม่เรียบอย่างไรชอบกล และบรรทัดถัดลงมา
room No 5 ห้องหมายเลขห้างั้นรึ แต่เมื่อวานวนัสสาเองเพิ่งแอบได้ยินเขาพูดปาวๆว่าไม่เอาห้องที่ห้าปีกซ้าย
รอยสักนี้มีไว้ตบตาใครหรือเปล่า ถ้ามีเพิ่มมาก่อนความทรงจำหายไปเพื่อช่วยทำให้รู้สึกว่า
ต้องระวังสิ่งไหนบ้างล่ะ...
คิดเล่นๆก็เป็นวิธีเตือนความจำที่ไม่เลว เวลาคนเรากลัวว่าจะต้องลืมสิ่งสำคัญไปแต่ก็รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้
ทางเดียวก็คือทิ้งร่องรอยที่ตนเองเพียงคนเดียวจะสามารถตีความได้ถูกเอาไว้ บางทีก็อาจจะ
ไม่ต่างกับผีเสื้อของวนัสสา

ถ้าห้องของเขาไม่ปลอดภัยจริง ห้องที่ถูกเตรียมไว้ให้เธอก็คงไม่ปลอดภัยด้วยเหมือนกัน
ที่นี่ไม่มีส่วนไหนปลอดภัย แต่เธอก็ต้องบินวนเวียนหลงกลับเข้ามา ไม่ต่างจากผีเสื้อบินสู่กับดัก
แต่ถ้าไม่ทำความรู้จักตัวกับดักให้ดีพอ ก็จะไม่รู้วิธีทำลายพันธนาการซึ่งเหมือนไม่มีวันหลุดพ้น...

วนัสสาที่ขอตัวลุกไปแล้วไม่มีโอกาสเห็น นวาระยังคงนั่งอยู่ที่นั่นต่ออีกนาน
พูดให้ถูกคือคนอย่างชายหนุ่มไม่ชอบเสียเวลา และเป้าหมายของเขาก็คือต้องการจะรอ
เจอคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ให้ครบ ภายในช่วงเช้าของวันนี้

ก็สะบันงา...พี่สาวที่เลี้ยงเขามาเป็นคนสอน
‘ลงมือทำอะไรทีเราก็ต้องเอาให้คุ้ม ไม่งั้นก็อย่าเสียเวลาทำเลย’
มันจริงเอามากๆ นวาระเชื่อพี่ยิ่งกว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบทิ้งๆขว้างๆ ตอนเด็กเขาเคยอยู่นครสวรรค์
แต่พี่สาวทนพ่อขี้เมาไม่ไหวก็เลยออกจากบ้านมากรุงเทพฯ หอบหิ้วน้องชายที่อ่อนกว่าเกือบสิบปี
มาด้วยกัน
ไม่มีใครว่าอะไร และเขาก็อยากอยู่กับพี่มากกว่า ในระหว่างที่สะบันงาต่อสู้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง
นวาระที่ผลการเรียนดีเยี่ยมหลังจบชั้นมัธยมต้นก็แอบหลบออกจากชั้นเรียนมัธยมปลายไปหาวิชา
เอาข้างนอก เขาไม่ต้องการสถาบันไหนๆมาการันตี เพราะรู้ว่าในสมองมีข้อมูลความรู้มหาศาล
ที่รวบรวมเองได้จากโลกข้างนอก เขาใช้ชีวิตอิสระ พี่สาวก็ปล่อยเพราะรู้ว่าน้องเอาตัวรอดได้ดี
สองพี่น้องยังกลับมาเจอกัน ไม่ได้ทิ้งห่างไปเสียทีเดียว

ถึงแม้ว่าเมื่อต่างคนต่างโตทั้งคู่ก็ยิ่งห่างเหินกันทางความคิด แต่ตอนนี้นวาระยังหวัง
สักวันเขากับพี่จะต้องกลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2556, 09:40:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2556, 09:40:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1455





<< ความทรงจำที่ ๕ สัมผัสปริศนา(จบบท)   ความทรงจำที่ ๖ กุหลาบในพายุฝน(...ต่อ) >>
อสิตา 22 ส.ค. 2556, 09:41:37 น.

คุณกระต่ายผ้าขี้ริ้ว – หายหน้าไปนานนะคะ กว่าจะยอมโผล่ออกมางาบหนุ่มๆ หึหึ //ปาฟ่อนหญ้าใส่กระต่าย
คุณภาวิน – หย่อนไว้ให้ลุ้นกับหนุ่มคนสุดท้าย ออกมาแล้วถูกใจรึเปล่า ตอนนี้ต้องเก็บไว้ทั้งสามดอก
ค่อยๆดมดูก่อนว่าดอกไหนหอมถูกใจที่สุด
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – ก็ได้ คนเขียนให้พระเอกเป็นครามแล้วกันค่ะ ใช่ดีไหมนะ ใช่ไม่ใช่ ใช่ไม่ใช่ (เชื่อไม่ได้เลย)
คุณพันธุ์แตงกวา – หลงเสน่ห์หนุ่มจากแดนมะกันแล้วหรือคะพี่สาว แต่ว่าหนุ่มกุหลาบก็มีหนามแหลมทิ่มแทงใจไม่เบา

คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางรุงรัง – ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ ว่าจะขยันขึ้นสักหน่อยไม่ลงเลทอีก ทำได้ไหม มารอดูกันต่อไป
คุณสุขุมวิท 66 – ฮึ่ม ตอนนี้ตาครามท่าจะมาแรงจริง คนอื่นต้องมีก๊อกสองให้คนเชียร์บ้างละ
คุณพระอาทิตย์สีทอง – สันนิษฐานเรื่องหมอริชได้โอเคค่ะ แต่คนเขียนยังไม่สารภาพ หุหุ
คราวนี้รอชมหนุ่มคนใหม่ไปสักพักก่อน แต่เรื่องก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
คุณแพทแมว – หุหุ แมวเหมียวออกมาแล้ว หนุ่มคนใหม่นี้ก็แหวกไปอีกแนวค่ะ ทันสมัย ไฮเปอร์ และร้ายเล็กๆ

คุณเลิฟหมวย – อย่ากลัวหมอริชเลยค่ะ หมอรักแมวน้า(จริงเปล่าเนี่ย) อืม เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังแน่นอน
คุณรี – จะเรียกพระเอกหลายคนก็น่าจะได้นะคะ สุดท้ายนางเอกก็ต้องเลือกสักคน แต่เรื่องบทนี่แต่ละคนไม่ยอมน้อยหน้า
คุณเฟอร์หางจิ้มลิ้ม –เต้นหน้านิ่งทำไมจะไม่ได้ล่า ตลกแต่ก็น่ารักนา เอาละ ...สงบจิตไว้ก่อน เพราะเวลานี้พายุกุหลาบกำลังจะเริ่มขึ้นและก่อกวนหัวใจเธอ ล้าลา



ภาวิน 22 ส.ค. 2556, 10:15:56 น.
พ่อดอกกุหลาบนี่ดูฉลาดลุ่มลึก และเหมือนรู้อะไรมากกว่าคนอื่นเลย จะเป็นคนที่ชื่อเลือนหายในกระดาษแผ่นนั้นหรือเปล่า


ดังปัณณ์ 22 ส.ค. 2556, 10:54:52 น.
เหออออออออออ คุณแป้งงงงงงงงงงง หมอริช จมน้ำไปแย้วอ่ะ ตอนนี้อิตาคราม กับพ่อหนุ่มคนใหม่นี่มาวิน ฮ่าๆๆๆ แต่แหม จริงๆนะ.... อิตานิวเหมือนจะเป็นพระเอกป่ะเนี่ย 555+ เดาไปเรื่อย


อสิตา 22 ส.ค. 2556, 11:50:52 น.
หมอริชก็ต้องมีเวลาทวงคะแนนคืนนนน เหมือนกันนะะะะะะะะะะะะ


Chii 22 ส.ค. 2556, 12:45:45 น.
เค้าไม่ชอบคนนี้ -*-
//จองพี่ครามเหมือนเดิมมมมม


พันธุ์แตงกวา 22 ส.ค. 2556, 18:12:52 น.
โดนหนามตำเข้าเต็มทรวง กับผู้ชายใส่แว่น โอ้แม่เจ้า!
มีที้งสีคราม สีน้ำเงิน โทนสีใกล้กันแบบนี้ วนัสทำไงดีอ่ะ


Sukhumvit66 22 ส.ค. 2556, 19:32:43 น.
โอ๊ย! แพ้ผู้ชายใส่แว่น กรี๊ดดดด
เลือกไม่ถูกเลย ครามก็ดี นวาระก็ถูกใจ อร้ายยย......



lovemuay 22 ส.ค. 2556, 19:32:51 น.
โอ๊ะ มีหนุ่มคนใหม่เข้ามาอีกแล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่าครามเป็นพระเอกนะ +55


goldensun 22 ส.ค. 2556, 20:10:12 น.
หนุ่มดอกไม้คนใหม่หน้าสวยจนผีเสื้อสาวอยากแข่งตาสวยเลยหรือค้าาาา แหม แต่ก็ดุใช่ย่อยนะคะ
กลีบดอกไม้ต้องเป็นที่ทำให้ฟื้นความจำแน่ แต่ได้หนังสือมาจากหมอริชนี่ ใครใส่ไว้น้อ
เปิดฉากหนุ่มกุหลาบเดี่ยวๆ เลย อีกสองหนุ่มหายจ้อย ขนาดตัวไม่อยู่ หนูนัสยังแอบคิดถึงครามเลยนะคะ


บุลินทร 22 ส.ค. 2556, 22:03:22 น.
มาไลค์ขึ


Pat 22 ส.ค. 2556, 22:35:06 น.
หนุ่มคนนี้บุคลิกแปลกแยก น่าสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นพระเอก เชียร์ครามดีกว่า


ริญจน์ธร 23 ส.ค. 2556, 15:02:18 น.
เอาคนไหนดีเนี่ย ผู้ชายเรื่องนี้เยอะจัด เลือกไม่ถูก


Zephyr 23 ส.ค. 2556, 23:46:35 น.
อ่านจบ งง ไม่เก็ท ฮ่าๆๆๆๆๆ เอ มะม้าวางปมลึกไปป่ะ
เฟอร์ตามไม่ทัน ฮี่ๆๆๆ หรือมันซ้อนกันหลายชั้น แกะไม่ออก
ดูทุกคนมีความลับ และมาหาอะไรที่นี่ทุกคนนะ
อะไรที่ว่านั่นอยู่ในหัว ที่ถูกกดไว้เหรอ
แล้วทำไมทุกคนถึงมารวมตัวกันที่นี่ และ ณ เวลานี้ด้วย
มันต้องมีอะไรแหงๆๆๆ


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 24 ส.ค. 2556, 13:07:18 น.
อืม...หนุ่มหน้าสวยชวนวาย ชอบสุดๆเลยคนนี้
(กระโดดงับฟ่อนหญ้า)


ree 31 ส.ค. 2556, 12:56:31 น.
นายกุหลาบนี่ดูน่าสงกะสัย คงไม่มารักคนคนเดียวกับคูณหนูผึเสื้อหรอกนะ


Barby 9 ก.ย. 2556, 22:13:38 น.
ติดตามมาหลายตอนเเล้วมาเม้นตอนนี้เอง จะติดตามต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account