เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๗ กลีบสีน้ำเงิน

ตกเย็น วาริชกลับมายังคฤหาสน์อย่างเซ็งๆหลังจากโทรถามแล้ว พบว่าวนัสสาไปค้าง
บ้านเพื่อนหญิงคนเดิมที่ดูเธอจะสนิทสนมด้วยมากเหลือเกิน

“อะไรกัน ในเวลาแบบนี้ยังมัวติดเพื่อน รู้บ้างไหมว่ามันอันตราย”

วาริชถอนใจใส่โทรศัพท์ที่เขาเพิ่งจะวางสาย แต่ใจจริงเขาก็แน่ใจอยู่ว่าเธอรู้
สายตาของวนัสสาแสดงออกถึงความหวาดระแวงอันตรายเมื่อต้องก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
เขารู้สึกว่าควรคุยกันอย่างเปิดอกเสียที แต่อีกฝ่ายน่ะสิ จะไว้ใจเขาได้อย่างที่เขาอยากให้เป็นหรือเปล่า

ก่อนอาหารเย็น ชายหนุ่มเดินโฉบผ่านตึกหินสีเข้มเหมือนคฤหาสน์ซึ่งแยกออกมาเป็นสัดส่วนซ่อนอยู่
มันเป็นที่พักของคนทำงาน เขาผ่านเลยลึกเข้าไปในสวน แดดสีจัดยามเย็นสาดแยงเข้านัยน์ตา
ทำให้มองไม่ถนัดในทีแรกว่าคนที่นั่งอยู่บนชิงช้านั้นคือใคร แต่ในที่สุดเขาก็เห็น
ดาหวัน...วาริชเองรู้สึกแปลกๆตั้งแต่พบหน้าเธอ อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เรียกว่าดูกระด้าง
ซึ่งปกติคนอย่างเขาไม่ค่อยพาตัวเข้าไปสุงสิง แต่ก็นั่นแหละ เขายังไม่รู้จักเธอดีพอ

ใต้กิ่งก้านแข็งแรงของไม้ใหญ่ หญิงสาวนั่งอยู่บนชิงช้าซึ่งเป็นแผ่นกระดานไม้แขวนไว้ด้วยเชือก
ที่โยงกับกิ่งใหญ่เบื้องบน ดูแข็งแรงและเพียงพอจะแขวนชิงช้าสองแผ่นไว้คู่กัน แต่อีกที่ยังว่างเปล่า
หญิงสาวอิงศีรษะกับสายเชือกแขวน ไกวตัวเองด้วยปลายเท้าแตะสัมผัสพื้นเป็นจังหวะแช่มช้า

ความเหงาในท่าทีของเธอนั้นเองทำให้วาริชเกิดความรู้สึกอยากจะเป็นมิตรขึ้นมาวูบ
เขาเผลอส่งเสียงร้องทักออกไป “คุณดาหวัน”

หญิงสาวไหวตัวผุดลุกขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็วนอ้อมเชือกมานั่งหันหน้ามาทางเขา
หันหลังให้แสงแดดสีสดของยามเย็นเสียแทน แขนทั้งสองยกขึ้นกอดอก แลดูระวังขึ้นมานิดๆ

“คุณมาทำอะไรตรงนี้คะ มาเดินเล่นหรือไง”

ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับแมว แลดูเย็นชา ไว้ตัว แต่ก็ไม่รู้จะซ่อนความนุ่มนิ่มอบอุ่นและความขี้อ้อน
เอาไว้บ้างหรือเปล่า เพราะแมวบางตัวที่เขาเคยพบก็ไม่มีช่วงเวลาเช่นนั้นเลย มันหยิ่งตลอดเวลา...

“มาเดินเล่นครับ แล้วคุณล่ะ”

“ฉันมานั่งฆ่าเวลารอมื้อเย็น” ดาหวันตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจะผ่อนคลายลง

วาริชชี้ไปที่ชิงช้าข้างเธอยิ้มๆ “ถ้าผมนั่งตรงนี้อีกคน กิ่งมันจะหักลงมาหรือเปล่า”

“คิดว่าไม่นะคะ หรือถ้าหักก็เจ็บทั้งคู่” ดาหวันยักคิ้ว ได้ยินชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะนั่งลง
และทำท่าขย่มทดสอบเสียด้วย บ้าจริง นี่เขาเป็นกอริลล่าหรือคนกันแน่ หรือว่ารักษาพวก
ตัวอะไรในคลินิกมากไป เลยติดอาการเถื่อนๆแบบนี้มา แต่ก็ตลกดีอยู่หรอก
ดาหวันผ่อนลมหายใจ ดีเหมือนกันที่อีกฝ่ายจำเธอไม่ได้ เพราะถ้ารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวใคร
เขาคงไม่มองเธอด้วยแววตาที่คล้ายจะเริ่มรู้สึกดีเหมือนอย่างตอนนี้ ดีที่แต่ก่อนเธอไม่ค่อย
ได้ไปไหนมาไหน...กับพ่ออย่างเทวัญ ศรีบริรักษ์

ทั้งคู่คุยกันจนแดดเริ่มราลง แต่ดูเหมือนรอยยิ้มของวาริชจะกว้างขวางสว่างไสว
ขึ้นกว่าเมื่อแรกที่เขาก้าวเข้าไปนั่งบนชิงช้าที่แขวนอยู่เคียงข้างเธอ

“จริงๆนะ ผมชอบหนังสือไลฟ์ ออฟ พายมากกว่าหนังโรงหลายเท่า รู้สึกว่ามันถึง
ในหนังพระเอกยังไม่ทันจะสนิทกับเสือเลย แล้วอีกอย่างถึงภาพจะสวยแต่ดูแล้วไม่รู้สึกถึงรสเกลือทะเล
หรือไอร้อนของแดดที่แผดลงมากลางมหาสมุทรเลย ...พูดแล้วก็อยากจะอ่านอีกสักครั้ง”

“ไม่มีหนังสือหรือคะ” ดาหวันถาม

“ครับ ตอนนั้นยืมเขาอ่าน ผมอยากได้ปกแบบเดิม เป็นงานกราฟิคมุมมองจากด้านบน
รูปคนกับเสือในเรือเล็กกลางมหาสมุทร ไม่ใช่ปกที่มาจากโปสเตอร์หนังนะครับ
สงสัยจะต้องหาเอาจากพวกที่ขายมือสอง”

“บังเอิญจังเลย ฉันตั้งใจเอาเล่มเก่าของตัวเองมาอ่านที่นี่ด้วยพอดี เป็นคนติดหนังสือน่ะค่ะ
เลยสั่งให้คนที่บ้านช่วยเอามาส่งให้ แพ็คกล่องมาทีเดียวหลายเล่ม... ถ้ายังไงพรุ่งนี้จะหยิบให้คุณ”

ดาหวันมองชายหนุ่มส่งยิ้มให้เธอ เหมือนทั้งขอบคุณและทั้งยินดีที่ได้เจอคอเดียวกัน

“ผมหิวจัง...ท่าจะได้เวลาอาหารเย็นแล้วมั้ง เข้าไปข้างในกันเถอะ”

หญิงสาวกังวลอยู่บ้าง เพราะหนังสือเล่มที่ว่าแม้จะเคยอ่านแต่ยังไม่มีอยู่ในครอบครองเลย
แต่คงให้คนจัดการหาจากร้านมือสองมาได้ภายในพรุ่งนี้ สิ่งที่เธอหมายจะแนบให้เขา
คือสิ่งที่จะช่วยเตือนความทรงจำของสัตวแพทย์หนุ่มต่างหาก

พวกเขาจะต้องจำสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนนั้นให้ได้! จำได้ทีละน้อยก็ยังดี…
แต่ต้องเป็นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป



คืนนั้นวนัสสาเอกเขนกอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ของเฟย์ โดยทั้งคู่รื้อเอาเกมงูไต่บันได
ที่เคยเล่นสมัยเด็กๆออกมาเล่นกันสองสามตา ดูการ์ตูนตลกๆที่มีคนอัพโหลดไว้บนอินเทอร์เน็ต
ก่อนจะปิดไฟนอนคุยกันไปพลาง มองหากลุ่มดาวที่รู้จักผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ไปพลาง

“นั่นแหละ ตอนนี้มีหนุ่มหล่อสามคนอัดกันอยู่ในคฤหาสน์ ไม่รู้ว่ามาตามหาอะไรแบบฉันหรือเปล่า”

“โอ๊ย ถึงจะน่าอิจฉาเรื่องอาหารตาแต่ยิ่งฟังยิ่งแย่ ฉันละไม่อยากปล่อยให้เธอกลับไปเลยวนัส”
เฟย์กลิ้งตัวมาเท้าคาง ชะโงกจ้องหน้าเพื่อนที่เอนหลังกับกองผ้าห่มอยู่อย่างเกียจคร้าน
แต่พอเห็นแววตาใสวาววับดื้อดึงมุ่งมั่นที่มองสะท้อนตอบมาในความสลัว เฟย์ก็สะบัดผม
สั้นข้างยาวข้างเปรี้ยวจี๊ดของตนไปมาอย่างขัดใจ “ถ้าเธอรู้จักอยู่ให้มันเรียบร้อยน่ารัก
เหมือนหน้าตาบ้างก็จะดีหรอกนะ”

“เถอะน่า อย่าบ่นอีกเลย”

ทั้งคู่นอนดูดาวกันต่อจนกระทั่งเฟย์เงียบลงคล้ายจะเคลิ้มหลับไปแล้ว
วนัสสายังคงปรือมองดาวฤกษ์ดวงนิดๆกะพริบแสงตอบเธอ ดีว่าบ้านเฟย์อยู่นอกเมือง
ออกมาจึงพอเห็นดาวได้ชัดในคืนที่ท้องฟ้าสดใส นี่อาจเป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้มีอิสระ
อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มองฟ้าเมื่ออยากมอง ตอนแรกคิดจะรั้งอยู่สักสองคืน

แต่หญิงสาวรู้ดี ตนไม่ควรทำอย่างนั้น หวังว่าการมาที่นี่คงไม่ได้นำพาอันตรายมาสู่เฟย์
พวกนั้นคิดว่าวนัสสายังจำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง เท่าที่รู้เวชกุลไม่เคยกร่างอำนาจกับคนไปทั่ว
จะเลือกแค่คนวงในที่มีความสำคัญพอจะลงมือจริงๆเท่านั้น อย่างพ่อ อย่างตัวเธอ

หญิงสาวขยับเลสข้อมือหลวมโพรกที่เอามาใส่ไว้ก่อนจะเอนตัวนอน
เธอยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงความทรงจำรุนแรงอย่างวินาทีแรกที่แตะโดนมัน แต่เมื่อมีสิ่งนี้
วนัสสาก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เหมือนกับว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมีเขาอยู่เคียงข้าง
ถ้าหากว่าไม่ใช่คนรักคนนั้น...อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกัน หวังว่ามันจะเป็นความจริง

รู้แค่สิ่งที่อยู่กับเธอตอนนี้ทำให้วนัสสาเห็นภาพครามตอนโกรธ ตอนมีความสุข
ตอนหัวเราะ ทุกๆอารมณ์ที่รวมกันเป็นเขา... ไม่น่าเชื่อเลย เขาใส่มันมานานเท่าไหร่กันแน่
น่าจะเป็นเวลานับสิบปี ความรู้สึกหลากหลายจากตัวเขาถึงได้ถ่ายทอดลงมาขนาดนี้
และมันก็ช่างสวยงามจนเธอเขิน รอยยิ้มเติมแต่งบนริมฝีปากหยักสวย ก่อนที่ดวงตาซึ่ง
สะท้อนประกายระยิบระยับของแสงดาวจะค่อยๆหลับพริ้มลงสู่ฝันดี


คืนนั้นครามใช้เวลาช่วงหลังอาหารค่ำขึ้นมาสะสางงานออกแบบ รวมถึงวางแผนงาน
ที่จะแบ่งให้ผู้ช่วยแต่ละคนไปจัดการยามที่เขาต้องยุ่งกับเรื่องของตัวเองทางนี้
เสร็จสรรพชายหนุ่มก็หมดภาระ เขากำลังอยู่ในชุดสบายๆคือกางเกงนอนขายาว
ไม่สวมเสื้อนอน มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเนื้อนิ้มลื่นทำจากแพรชั้นดี สัมผัสของมัน
น่าสบายจนเขาชอบที่จะหลับไปทั้งอย่างนั้น แต่วันนี้ครามเปิดโคมหัวเตียง
ชันหมอนขึ้นเพื่ออ่านนิตยสารแฟชั่นฉบับพิเศษซึ่งเนื้อในเป็นอย่างอื่น
เขาวางที่คั่นดอกไม้แห้งซึ่งทำอย่างประณีตไว้ข้างโคม ระหว่างที่อ่านก็รู้สึกว่าหอม
คล้ายว่าความร้อนจากโคมนั้นส่งให้กลิ่นอันอบร่ำอยู่ภายในถุงค่อยๆระเหยออกมา

เอกสารนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดของการทดลองมากไปกว่าประวัติความเป็นมาเรื่องยาของเวชกุล
จากครอบครัวหมอยาพื้นบ้านที่มีเส้นสายในการหาของป่า ได้สมรสรวมบ้านกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นในอดีต
อาจจะเป็นเจ้าเมืองที่มีพวกพ้องเส้นสายอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ตลอดจนมีครอบครัวคนรู้จักรับราชการสำคัญ
ทางการทูตกับจีน นี่มันเรื่องเมื่อกี่สิบปีก่อนกันล่ะ หรืออาจถึงร้อย
แม้จะไม่ได้ลงรายละเอียดไว้แต่ก็มีคนเคยบอกเขา บุคคลเหล่านี้มีตัวตนจริง อำนาจเก่านั้นเริ่มมาจากเวชกุล
แต่ปัจจุบันนี้แม้องค์กรรวมจะยังเป็นชื่อเวชกุลอยู่ ทว่าดูเหมือนคนที่ใช้นามสกุลนี้จริงๆจะไม่ได้มีอำนาจ
มากเท่ากับคนที่ให้ทุนทำวิจัยแก่พวกเขาอีกแล้ว ไหนจะต่างชาติอย่างจีนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อน
แต่กลับยื่นมือเข้ามามากเกินไป ไหนจะคู่แข่งที่กลายเป็นศัตรูให้ต้องระแวงระวังทางอื่น

“เรื่องแบบนี้คงมีอยู่ทุกวงการ” ชายหนุ่มอดบ่นไม่ได้
เมื่อเทียบไปถึงวงการแฟชั่นที่เบื้องหลังก็ฟัดกันนัวอย่างกับสงครามย่อยๆ
เพราะมนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ ยุคสมัยที่ปราศจากสงครามและการแก่งแย่งนั้นคงไม่มี

เรื่องราวในเอกสารซึมซาบสู่ความรับรู้ แต่สัมผัสอีกส่วนกลับจดจ่อกับกลิ่นอันชวนพึงใจโดยที่
เจ้าของห้องเองแทบไม่รู้ตัว ครามรู้สึกว่าตัวเขาค่อยๆไหลลง จมลงในหมอน ชายหนุ่มยังมีแก่ใจ
เอาที่คั่นมาคั่นไว้ก่อนปิดหนังสือ กดสวิตช์ไฟหัวเตียงให้ดับมืด ก่อนจะปล่อยตนเองจมสู่ห้วงนิทรา

...เขาอยู่ภายใต้เรือนกระจกขนาดมหึมา ในฝันนั้นเขาวิ่งไปทางนั้นทางนี้ คล้ายพยายามหาทางออก
ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าไม่มี รู้สึกว่าร้อนมาก ร้อนอบอ้าวจนน่าจะพลอยทำให้ไม้ดอกที่งอกงามสะพรั่งอยู่เฉาตายหมด
แต่มันกลับยังชูดอกสีน้ำเงินเล็กๆกันสลอนอย่างเป็นสุข ไม่สะท้านไหวกับบรรยากาศที่กำลังกลายเป็น
ไอร้อนระเหยขึ้นมา แล้วเขาก็เห็นใครคนหนึ่งอยู่นอกเรือนกระจก

‘วนัสสา!’ ชายหนุ่มทำท่าโบกไม้โบกมือเรียกให้เธอมองมาว่าเขาอยู่ตรงนี้
แต่ดูเธอทำท่าเหมือนไม่เห็นเขาเลย ใช่เธอไม่เห็นจริงๆ ครามเริ่มจำได้ขึ้นมา...เรือนกระจกนี้มีไว้
เพื่อซ่อนความลับที่ถูกเพาะเลี้ยงเอาไว้ มากกว่าแค่เอาไว้ฟูมฟักดอกไม้

ควันไฟซึ่งไม่รู้มาจากไหนคลุ้งขึ้นรอบตัว! บดบังทางออก เขาจะต้องติดอยู่ในนี้ เห็นไฟร้อนๆ
เริ่มลุกลามใกล้เข้ามาเผาดอกไม้ที่ถูกปลูกไว้ให้สิ้นซาก ความลับก็ยังเป็นความลับต่อไป
และตัวเขาก็จะตายไปกับความลับนั้นด้วยเหมือนกัน

แต่ก่อนนั้นครามต้องบอกกับเธอที่อยู่ข้างนอก เขามีบางอย่างอยากจะพูดก่อนการลาจาก
แต่ตอนนี้เขาจำไม่ได้ ว่ามันคือเรื่องอะไร

ร่างจำลองที่สร้างขึ้นจากพลังจิตของชายหนุ่มก้าวทะลุพ้นกระจกออกไป ขวางหน้าวนัสสาเอาไว้
‘วนัส!’

เธอมองเขาอย่างตกตะลึงแล้วโผเข้ามาหา...ทะลุผ่านร่างเขาไป
เขาหันไปหา ยามเมื่อหญิงสาวค่อยๆเอ่ยตะกุกตะกักออกมา ‘ร่างคุณอยู่ไหน’

ครามมีสีหน้าสิ้นหวังเมื่อมองเธอ

‘อย่าบอกว่าคุณอยู่ในเรือนกระจก ไฟ...กำลังถูกพ่นเข้าไปเผาดอกไม้’

ใช่... ไม่ว่าจะวาริช นวาระ หรือแม้แต่เขาเองก็เป็นดอกไม้ แค่เขาคือดอกที่กำลัง
ถูกไฟเผาอยู่ในเรือนกระจก คงไม่อาจเบ่งบานเพื่อใครได้อีกต่อไป

แม่เคยบอกว่าดอกของต้นครามหรืออินดิโก้ ดอกมันไม่ใช่สีน้ำเงินเสียทีเดียว
แต่เมื่อนำสารที่สกัดได้ไปย้อมผ้า ก็จะออกมาเป็นสีน้ำเงิน ความหมายแห่งสีสันของเขา...
อยู่ตรงผลลัพธ์ที่ออกมา ผ้าสีน้ำเงินผืนอบอุ่น อ่อนโยนเหมือนอ้อมกอดคนรัก ไม่ใช่สีแห่ง
ความเศร้าหรือทุกข์ตรม เพราะแบบนั้นหรือเปล่า งานของเขาถึงได้เกี่ยวเนื่องกับผืนผ้าและเส้นด้าย

ตอนวนัสสาวิ่งไปทุบกระจกรัวๆ ครามกลับไปยังร่างจริง เขาพุ่งเข้าไปหาจนทั้งคู่อยู่กัน
คนละฝั่งของกระจก ชายหนุ่มเคาะกระจกตอบ...เขาเห็นเธอร้องไห้หนักมาก
ทั้งพูดและร้องตะโกนอะไรที่เขาเองไม่ได้ยิน ทางเดียวคือต้องออกไปหาเธออีกครั้ง

‘ผมมีเรื่องต้องบอก ก่อนที่เราจะจากกัน’

‘ฉันไม่ยอมให้คุณตาย!’

ชายหนุ่มเห็นวนัสสาลุกขึ้น วิ่งไปยกหินประดับสวนก้อนใหญ่ขึ้นมาถือไว้ด้วยสองมือ
ก่อนจะปรี่เข้าไปหาเรือนกระจก ทุบมันลงครั้งแล้วครั้งอีก

‘ไม่มีประโยชน์หรอก’ เขาพูดเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งแปะลงสะอื้นไห้

‘ฉันขอโทษ ขอโทษนะคราม...’

ชายหนุ่มสะดุ้งพรวดจากหมอน คิ้วขมวด ลมหายใจถี่กระชั้นกับความรู้สึกของคน
กำลังจะต้องเผชิญกับความตาย เขาเคยพบเธอมาก่อนจริงๆ แต่ว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันในฐานะแบบไหน
แล้ววนัสสาทำอะไรผิดต่อเขา เธอรู้เรื่องไฟ แต่ก็พยายามจะช่วย และตอนนี้เธอเองก็คงลืมเลือน
เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นไปหมดแล้ว เขาแน่ใจว่าการพบกันใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่การแสดงละคร
หญิงสาวลืมเวลาสองเดือนนั้นไปเหมือนๆกัน

ครามกระแทกตัวเองลงกับหมอนอย่างโกรธๆ ผ่อนหายใจยาวออกมา
“หลับสิ…รีบหลับ! จะได้ฝันต่อไป!”



ก่อนเที่ยงวันถัดมา เฟย์ขับรถมาส่งถึงที่โดยไม่พยายามอิดออดเซ้าซี้ให้เพื่อนรัก
เลิกล้มการกลับมาพักที่นี่ วนัสสาแปลกใจอยู่มาก แต่ก็ค่อนข้างดีใจที่ไม่ต้องเถียงกับเพื่อนต่อ
รถแล่นเข้าสู่รั้วคฤหาสน์ที่เปิดออกต้อนรับ ผ่านสวนสวยและเงาร่มรื่นของไม้ใหญ่ซึ่งปกคลุม
ลงมาราวกับพลัดเข้าไปสู่อีกโลกที่ถูกสรรค์สร้างไว้อย่างบรรจง

“อยู่ไปดีๆล่ะ แต่มีหนุ่มหล่อตั้งสามคนใช่มะ ถึงจะตายก็ตายอย่างเป็นสุข...ยิ้มค้างเลย”
เฟย์ยังไม่วายปากจัดอีกตามเคย

วนัสสาทุบไหล่เพื่อนหยอกๆ อีกฝ่ายก็แสร้งโวยวาย “โอ๊ยๆๆ คนกำลังขับรถ”
เฟย์แกล้งทำพวงมาลัยปัดวืดไปทางขวาก่อนปัดกลับมาจนหัวทิ่มหัวตำกรี๊ดกร๊าดกันไป
เท่านั้นไม่พอยังไปทำเอาเด็กหนุ่มคนสวนที่ซุ่มตัดอะไรง่วนอยู่ข้างทางผวาเด้งพรวดขึ้นมาอีกคน

“ว้าย---” เฟย์รีบเปิดกระจกออกไป “ซอรี่นะคะ!” หญิงสาวตะโกนออกไปเป็นภาษาไทยปนเทศ
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มคนสวนนั้นมีผมสีทอง

วนัสสาเห็นว่าเอเดนไม่ได้ยิ้มด้วย เสียงสบถเป็นภาษาต่างประเทศโขมงดังเข้ามาในรถทีเดียว
ยังหนุ่มๆแต่ปากร้ายราวกับลุงแก่ๆจนทำให้เฟย์ที่เร่งปิดกระจกแล้วขับต่อหัวเราะร่วนได้อีก

“ระวังเถอะนะเธอ มาทำคึกในบ้านคนอื่น ฉันไม่ช่วยรับผิดชอบนะบอกก่อน”
วนัสสาคาดโทษเพื่อนผู้เคร่งครัดกับฉายาสาวเปรี้ยวจอมบ้าดีเดือดที่ได้รับมาประจำตำแหน่ง
อย่างเสมอต้นล้นปลายอยู่ตลอด

เมื่อรถจอดถึงหน้าประตูคฤหาสน์ เฟย์โบกไม้โบกมือไล่เพื่อนลงจากรถ วนัสสากอดกระเป๋า
เสื้อผ้าใบกะทัดรัดไว้กับอก ยืนบ๊ายบายรถที่กำลังเริ่มแล่นจากไป รู้สึกว่าได้เติมพลังงานมา
เพียงพอจะเอาตัวรอดไปจากกับดักที่ตนจำต้องโผเข้าไปหา แน่นอนเธอยังอยู่ในการทดลอง
ไม่ว่าตัวเองจะเข้ามาที่นี่หรือหนีไปเร้นกายที่ไหน ความโกรธ ผลจากการได้รับยา
นั่นคือตัวแปรที่คนพวกนั้นป้อนไว้ มีแต่จะต้องทำในสิ่งที่อีกฝ่ายคาดเดาไม่ได้เท่านั้น
ถึงจะทำลายการทดลองนี้ลงได้

เฟย์กระหยิ่มอยู่ในรถพลางเหล่มองเพื่อนผ่านกระจกหลัง เธอแสร้งทำทีเป็นขับรถกลับ
แต่จริงๆก็แค่รอจนคนยืนส่งเดินกลับเข้าไปข้างในอาคารแล้วจึงวนรถเข้าไปใหม่อีกที

มีรถจอดอยู่ยังที่จอดรถในร่มซึ่งทางคฤหาสน์จัดไว้เพียงสามคัน รถญี่ปุ่นสีขาวอยู่ติดมุมซ้าย
รถยุโรปสีบรอนซ์จอดชิดฝั่งทางขวาราวกับจงใจหนีให้ห่างกันที่สุด ส่วนตรงกลางพอดีเป๊ะ
รถสีดำโหลดเตี้ยที่แต่งเติมเสียจนแทบบอกสัญชาติไม่ได้หมอบสงบอยู่ เมื่อเฟย์พารถเข้าไปจอดข้างๆ
จึงเห็นชัดว่าฝุ่นจับหนาบนรถคันนั้น เรียกว่าคงไม่ได้เช็ดล้างมาสักสิบชาติ ทั้งที่ก็ดูว่าคงแต่งมาแพงๆ

เจ้าของร่างสูงโปร่งเปิดท้ายรถ หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมา นี่ถือว่าเป็นเซอไพรส์สำหรับเพื่อน
เพราะเฟย์แอบโทรมาจองห้องพักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โชคดีที่ยังมีห้องเหลือ
ห้องหมายเลขห้า...เลขนำโชคของเธอซะด้วย


{ติดตามตอนต่อไป วันอาทิตย์...}
ป.ล. ปกนิยายเรื่องนี้สวยมากค่ะ คนเขียนปลื้มแล้วปลื้มอีก รอติดตามได้ในเฟซบุ๊ค หาคำว่า "อสิตา"



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2556, 12:05:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:36:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1330





<< ความทรงจำที่ ๖ กุหลาบในพายุฝน(...ต่อ)   ความทรงจำที่ ๗ กลีบสีน้ำเงิน(...ต่อ) >>
อสิตา 29 ส.ค. 2556, 12:07:23 น.
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – มาไวมากค่ะ น่าชื่นจาย... แหมๆ พูดซะสงสารหมอริชเลย หมอฝากบอกว่าระวังอย่างเปลี่ยนทีหลังละกาน หมอต้องรีบกลับมาทวงบทซะละ
คุณผักชี – อ่าห์ ทำป้ายไฟสีน้ำเงินมารึเปล่าเคอะ อินดิโก้บลูน่ะ หนูวนัสก็น่ารักนา เอาใจช่วยนางหน่อย หรือจิ้นว่าตัวเองเป็นนางไปก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะได้ฟิน
คุณภาวิน – นั่นน่ะสิ น่าจะมีบทให้แมวร่ามากกว่านี้ น่าเสียดายมันอยู่นอกคฤหาสน์ แต่ก็ยังมีบทอีกในอนาคตละนะ ส่วนหนุ่มผมหยิกฟูก็น่ารักในใจเราเสมอแหละ

คุณกระต่ายผ้าขี้ริ้วตัวเน่า – เอิ่ม นวาระถูกใจครามรึนี่ คนเขียนเพิ่งรู้ค่ะ - -+ //หยิบไม้มาดักตีกระต่ายY พระเอกตัวจริงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้แหละ
คุณริญจน์ธร – ขอบคุณที่ตามมาให้กำลังจาย หนุ่มๆน่ากินใช่ไหม ยกให้สามคนเลย
คุณเฟอร์ – นวาระรักทุกโคนนนน (จริงหรือ...) อย่าต่อว่ามะม้าน่า โหมโรงใกล้เริ่มแล้ว อีกคนก็ดาหวันงาย แค่ยังไม่ได้บทชีมากมายนัก
คุณพันธุ์แตงกวา – เริ่มถูกใจพ่อนิวหรือยังคะ จดคะแนนเหล่าหนุ่มๆไว้ในใจพลางๆก่อนนะพี่สาว อิอิอิ


อสิตา 29 ส.ค. 2556, 12:07:57 น.
คุณสุขุมวิท66 – คนเขียนขำค่ะ ดิ้นตั้บๆ คิดได้ยังไง นิว จิตสัมผัส อ๊า ชอบ มุกนี้อยากซื้อแต่ส่งงานไปแล้ว ไว้รอถ้ามีภาคต่อ ขอเอาไปใส่นะคะ
คุณเลิฟหมวย – ใช่ค่ะ หนุ่มหน้าหวาน สวยจัด แต่จิตแข็งสุด การกระทำก็แข็งกร้าว อร๊างงง เร้าใจนะคะ
คุณพระอาทิตย์สีทองผ่องไพศาล – อีกคนก็คือดาหวันไงคะ แต่ยังไม่อยากให้โฟกัสไปที่เจ้าหล่อนมาก แต่ถ้าสังเกตดีๆ นางจะเป็นตัวช่วยเดินเรื่องอยู่ตลอดเวลา เพราะเธอมีบางอย่างที่ต่างไปจากอีกสี่คนนะ คอยจับตาให้ดีๆ นวาระไวสุดจริงๆค่ะ จมูกดีมากๆ เจ้าเล่ห์ด้วย


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 29 ส.ค. 2556, 12:27:31 น.
หรือครามจะเป็นพระเอก แต่เค้าชอบนวาระอ่ะ ส่วนยัยเฟย์จะมาเซอไพรส์เพื่อน ระวังจะเจอดีเข้าน้าาา ฮึบ ฮึบ กระโดดหลบไม้ตี


ภาวิน 29 ส.ค. 2556, 12:45:55 น.
ดาหวันกับวาริชนี่คุยกันถูกคอนะ เรื่องเริ่มจะเข้มข้นแล้วสิ ครามเริ่มฝันเห็นอดีต แถมมีตัวละครอย่างเฟย์ตบเท้าเข้ามาในคฤหาสน์อีก ไม่รู้จะโฟกัสใครดี ลุ้นกันต่อไป


Chii 29 ส.ค. 2556, 13:06:19 น.
//โบกป้ายไฟพี่ครามมมมม (ออกแบบมาอย่างดี สีน้ำเงินเห็นแต่ไกล ไม่เห็นแค่ตอนใกล้ ๆ แบบไฟหน้ารถแน่นอน)
จับหมอโรคจิตไปแปะไว้กะดาหวันซีคะ วนัสนางจะได้ตัวเลือกน้อยลง (แล้วก็เลือกนายกุหลาบนะ เพราะพี่ครามน่ะ ของเค้า)


ดังปัณณ์ 29 ส.ค. 2556, 13:22:08 น.
วี้ดวิ้วววววววววววววว ครามพระเอกใช่มะ คุณแป้ง ใช่มะๆๆๆๆๆ 555+ แอบเศร้าอ่ะ แล้วครามรอดมาได้ไง แล้วเรือนกระจก แล้วไฟ อั้ยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อยากอ่านต่อแล้ว ใจจะขาดเจ้าค้า


พันธุ์แตงกวา 29 ส.ค. 2556, 16:51:46 น.
หนุ่มแว่นสีน้ำเงินของเค้า ถูกหนุ่มอินดิโก้มาทำสีน้ำเงินจัดกว่าอีกแล้ว


Sukhumvit66 29 ส.ค. 2556, 18:39:37 น.
ว้าวว ได้เวลาเสียตังค์แล้วซิ สามเล่มเลยทีเดียว......


lovemuay 29 ส.ค. 2556, 19:51:08 น.
อยากเห็นปกจังเลยค่ะ อิอิ


sai 29 ส.ค. 2556, 20:01:08 น.
มีสาวโสดมาเพิ่มรสชาติอีกคนแล้วซิ ท่าจะมันส์แหะ


Zephyr 29 ส.ค. 2556, 20:58:00 น.
มะม้า มีแนวโน้มว่าคนที่เฟอเชียร์จะเข้าวินใช่ป่ะ หุหุ
เอ๊ะ รึมะม้าจะเปลี่ยนอีก
เฟย์ หาเรื่องใส่ตัวนี่นา ห้องเบอร์ห้า ขนาดนวาระยังไม่เอา แล้วเธอจะ เพื่ออะไรนี่


ree 31 ส.ค. 2556, 13:38:55 น.
เฟย์จะพาตัวเข้ามาสู่ความยุ่งยากมากมายล่ะสิ


goldensun 31 ส.ค. 2556, 13:47:20 น.
ดาหวันท่าทางจะรู้อะไรมากกว่าเพื่อน โดยเฉพาะเกี่ยวกับกลีบดอกไม้สีน้ำเงิน
ครามกับนัส ยังไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ในบรรดาสามหนุ่ม ดูนัสจะรู้สึกดีกับครามมากว่าเพื่อนนะคะ
เฟย์มาอยู่ห้องต้องห้ามของครามซะแล้ว จะเป็นประเด็นสืบเนี่ืองถึงนัสมั้ยเนี่ย
ว่าแต่ หมอริชนี่ ดีกับสาวๆ ทุกคนเลยรึเปล่าคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account