เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต
ตอน: ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้ +เล่นเกมแจกนิยายในเฟซบุ๊คจ้า
หนึ่งคำถามที่ถามตัวเอง...
จำเป็นไหมที่ต้องรักคนเดิม คนที่เราเข้าใจว่าเคยรัก
หรือชีวิตนี้ ควรจะเชื่อในปาฏิหาริย์ของรักเดียว
ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ จนกระทั่งเขียนเรื่องนี้จบลง...
...อสิตา
บอกผมทีสิวนัส ทำไมที่รู้สึกได้เมื่อคืน เหมือนเธอเห็นว่าผมเป็นคนรัก
เป็นความปรารถนาเพียงอย่างเดียว หรือว่าที่รู้สึก มันก็แค่ฝันไป...
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ถอย ครามตัดสินใจก้าวเข้าไป เมื่อวนัสสาเห็นเขา
หญิงสาวรีบดึงมือออกพ้นมือนวาระในทันที ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หันมองคนมาใหม่เช่นกัน
ซ่อนความโกรธเอาไว้ภายใต้ยิ้มหวานที่ดูเป็นเยาะ จนครามมาหยุดยืนเคียงวนัสสา
ทว่าก่อนจะมีใครพูดอะไร... แสงจากหน้าต่างทุกบานในห้องกลับมืดสนิทลงพร้อมกัน
คล้ายถูกห่มคลุมด้วยผืนผ้าดำแห่งรัตติกาล! มันเป็นความมืดตื้อที่อับทึบกว่านั้น
ไม่มีแสงสว่างใดเล็ดลอดเข้ามาได้เลย พร้อมๆกับเสียงลั่นครืดของประตูเหล็กหลายบาน
ที่หล่นตึงลงตามจุดต่างๆรอบบ้าน
วนัสสาหลับตาลง ผ่อนลมหายใจอย่างยากเย็น มันกำลังเริ่มขึ้นเดี๋ยวนี้แล้ว
วินาทีชีวิตได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เร็วเกินกว่าจะทันตั้งตัว หญิงสาวใจเต้นแรง
กระซิบกระซาบบอกตัวเองในอกว่าต้องเข้มแข็ง ตอนนี้อยากขอแบ่งความเข้มแข็ง
จากบิดามาเป็นส่วนหนึ่งในตัวตน พ่อเป็นคนใจอ่อน แต่พลังจิตของพ่อไม่ได้อ่อนแอ
ตามไปด้วยเลย แล้วตอนนี้เธอก็กำลังขอให้พลังจากพ่อส่งมาถึงเธอ
ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้
นวาระมองวนัสสาที่ขยับเข้าไปใกล้ครามอีกนิดในวินาทีชวนตะลึงซึ่งหน้าต่างพลันมืดสนิทลง
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างไม่ใคร่พอใจ คิดหาทางดึงความสนใจให้ย้ายมายังตนเอง
“ลาก่อนอิสรภาพ...ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้ว ประตูกรงคงจะปิดขังเราไว้ในคฤหาสน์”
นวาระสรุป “คุณลองดูซิว่าโทรศัพท์มือถือใช้ได้กันอยู่ไหม”
ครามยังขัดเคืองกับอีกฝ่ายที่ฝากรอยช้ำไว้ตรงโหนกแก้มของเขาอยู่ไม่น้อย
แต่ทั้งชายหนุ่มและวนัสสาก็เกิดความคิดจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คดูอย่างไม่ได้นัดหมายอยู่แล้ว
“โทรออกไม่ได้เลย” วนัสสาขมวดคิ้วอย่างร้อนใจ
“สัญญาณอินเตอร์เนทก็ไม่มีเหมือนกัน การสื่อสารคงจะถูกตัดด้วยอุปกรณ์รบกวนบางอย่าง”
ครามว่า ก่อนจะฉวยมือวนัสสามากุมไว้แล้วดึงเธอให้ตามติด “ไปดูรอบๆกันเถอะวนัส”
หญิงสาวไม่รั้งรอช้าอยู่ ทั้งหมดออกจากห้องนั้นไปสู่โถงกลางจนถึงประตูหน้า
ชายหนุ่มสองคนลองช่วยกันเปิดมัน รวมถึงเอาตัวกระแทกก็แล้ว ประตูบานมหึมาไม่สั่นไหว
คล้ายว่าบานประตูได้เชื่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของผนังไปแล้วกระนั้น
“เฟย์!” วนัสสาอุทานก่อนจะเร่งร้อนขึ้นไปข้างบน “เวลาอันตรายแบบนี้ควรอยู่รวมกันไว้เป็นดีที่สุด”
มันบ้ามาก ในที่สุดเธอก็ทำให้เพื่อนตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่พอที่จนได้ เพราะคิดว่าวันนี้จะหาทาง
เอาตัวอีกฝ่ายกลับบ้านไปให้ได้ แต่เพียงอึดใจที่เผลอไผล ทุกอย่างก็เรียกว่าสายเกินไปเสียแล้ว
ประตูห้องที่ห้าซึ่งเป็นห้องของเพื่อนเธอไม่ได้ล็อก แต่นั่นกลับทำให้วนัสสาใจเสียยิ่งกว่า
การที่มันจะล็อกเพราะเฟย์ยังอยู่ในห้อง
“เฟย์อยู่ไหน!” วนัสสาร้องเรียกร้อนรน นอกจากพ่อแล้วเธอก็ไม่มีใครที่จะรักได้เท่าเพื่อนคนนี้อีก
ทำไมแค่ได้ตัวพ่อของเธอไปมันยังไม่พอหรือไง
ครามแหวกม่านบางที่คลุมเตียงออกดู “บนเตียงไม่มีร่องรอยว่าเมื่อคืนเพื่อนคุณได้มานอนด้วยซ้ำนะ”
นวาระหรี่ตา ถูกแล้ว เขามีคำเตือนถึงตัวเองผ่านทางรอยสักก่อนจะจำเรื่องต่างๆได้
ว่าจะไม่มาอยู่ห้องห้านี่เด็ดขาด ตอนนี้เขาจำได้หมดแล้ว
ว่าที่นี่มีหนทางที่จะเข้าถึงได้ง่ายกว่าห้องไหนๆ...
เจ้าของร่างสูงเพรียวในชุดดำ ปลีกตัวไปยังมุมอับของห้อง คลำหาปุ่มกลไกว่องไว
ก่อนจะกดมัน ผนังเลื่อนเปิดออกโดยไม่มีสุ้มเสียง แล้วชายหนุ่มก็แกล้งร้องอุทาน
“ตรงนี้มีประตู ดูเหมือนว่ามันจะเชื่อมไปส่วนหลังของคฤหาสน์”
วนัสสาวิ่งมาพร้อมคราม คนทั้งสามมองไปยังหนทางมืดสนิทเบื้องหน้า
เมื่อหญิงสาวขยับจะพุ่งเข้าไปครามก็โอบรัดเธอไว้ด้วยวงแขนแข็งแรงมั่นคง
“ฉันต้องช่วยเฟย์!”
“ตั้งสติหน่อย ถ้าเธอตามไปผมว่ามันคือการวิ่งเข้าหากับดักโดยไม่ได้ตั้งตัวมากกว่า”
“แล้วบ้านนี้ทั้งบ้านมันไม่ใช่กับดักหรือไง” วนัสสาตะโกนเสียงสั่น “พวกคุณเองก็รู้ดีใช่ไหมล่ะ
รู้อะไรก็บอกมาตอนนี้เลย ไม่ต้องมัวอมพะนำกันต่อไปแล้ว ฉันสุดจะทนแล้ว!”
ครามถอนใจอยู่ริมหูเธอ แต่ยังไม่ยอมคลายแขน ในขณะที่นวาระสบตาวนัสสา
ซึ่งพยายามดิ้นรน ก่อนจะพูดขึ้น
“คุณพูดถูก เปิดอกกันเสียที ผมมาที่บ้านหลังนี้เพราะความทรงจำหายไปสองเดือน
แล้วผมก็ต้องการจะมาค้นหาความจริง ทั้งผม ทั้งคุณ แล้วก็เขา...”
ชายหนุ่มทอดตาเย็นชาไปทางคราม “ทุกคนต้องมาหลงอยู่ในวังวนนี้
เพราะพลังพิเศษที่พวกเรามี ผมพูดถูกใช่ไหม”
วนัสสากัดริมฝีปาก เริ่มจะยอมสงบลง เธอมองหน้านวาระ เอี้ยวตัวกลับไป
สบตาครามซึ่งยังโอบเธอไว้ เขาก้มลงมาสบตาด้วย ดวงตาเรียวคมนั้นหรี่ลง มีแววยอมรับอยู่กลายๆ
“พวกคุณทำอะไรได้บ้างล่ะ” หญิงสาวถามเสียงเบาแต่จริงจัง
“ถ้าถามผมละก็” นวาระขบกราม รวบรวมสมาธิ
ครามอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอีกฝ่าย วินาทีนั้นเองเขาก็รู้สึกราวกับโดนพลังแม่เหล็กดูดหนึบ
ตัวชาแปลกๆ แล้วร่างกายก็คล้ายจะไม่ได้อยู่ในอาณัติของตนเอง
นวาระเอื้อมไปแตะแขนอีกฝ่าย ก่อนจะสั่งเสียงเฉียบ “คราม... ปล่อยวนัสสา”
อ้อมแขนที่โอบอยู่รอบตัวหญิงสาวพยายามขืน แต่ในที่สุดมันก็ค่อยๆง้างออก
ปล่อยเธอเป็นอิสระ ทว่าครามก็สะบัดตัวถอยหลังให้พ้นอำนาจบังคับนั้นได้ พร้อมสบถเสียงดัง
“ทำบ้าอะไร!”
นวาระยิ้มเย้ยมุมปาก “ควบคุมจิตใจ ไมนด์คอนโทรล นั่นแหละอำนาจของผม
สำหรับคนธรรมดาก็ทำได้มากกว่านี้ แต่เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน”
“แล้วคุณมีพลังแบบไหนกัน คราม” หญิงสาวมองผู้ชายคนที่เพิ่งจำใจคลายมือไปจากตัวเธออย่างสนใจ
คนถูกถามยังอยู่ในอาการสงบนิ่ง “ไม่จำเป็นต้องแสดงต่อหน้าเขา ไว้มีโอกาสแล้วผมจะทำให้ดู”
“พวกคุณยังจะทะเลาะกันอีกหรือไง ในเวลาแบบนี้” วนัสสาติง
“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าควรไว้ใจผู้ชายคนนี้ เราแทบไม่รู้จักเขาเลย” ครามเอ่ยเสียงต่ำ
มองไปยังนวาระอย่างเย็นชา
นวาระยิ้มเยาะในใจ เขาจำได้หมดแล้วว่าอีกฝ่ายมีความสามารถแบบไหน
แต่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปอีกสักพักก็คงดี
“โมโหที่ถูกขัดจังหวะตอนกำลังจะเอาเปรียบผู้หญิงเมื่อคืนนี้มากกว่า”
วนัสสาหน้าชา แม้ว่าคนพูดจะไม่ได้ตั้งใจว่ากระทบเธอก็ตาม
นวาระเห็นชายที่ตอนนี้กลายเป็นศัตรูไปแล้วพยักหน้าให้ตน พร้อมขยับปากไม่มีเสียง
อ่านได้ความว่า 'อย่าเสือก' ชายหนุ่มพ่นลมออกทางปากเยาะๆ หมอนี่มันร้ายไม่เบา
สมกับที่โตมาอย่างพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ยังไม่วายสร้างภาพว่าเป็นผู้ดี
ตอนหญิงสาวซึ่งเป็นคนกลางไม่ทันเงยขึ้นมองปากมัน
“แล้วคุณล่ะ วนัสสา เผื่อว่าความสามารถของเราสองคนรวมกันอาจมีประโยชน์ก็ได้
ในเวลาแบบนี้ ใครจะอยากเป็นตัวถ่วงกลัวดอกพิกุลจะร่วงก็ปล่อยให้เป็นไปคนเดียว”
“ฉัน...ก็แค่สัมผัสความรู้สึกได้ ความรู้สึกของคน หรือความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในสิ่งของ
ฟังดูแล้วไม่น่าจะช่วยอะไรได้เลย แต่ว่าหลังๆมานี่ก็ชักแปลกใจตัวเอง อย่างเมื่อวานที่คุณอัดกัน
อยู่ๆฉันก็แยกพวกคุณจากกันได้”
นวาระนิ่งคิด หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขายังไม่รู้ศักยภาพของตัวเองดีพอ เท่าที่เขาจำได้
ก่อนจะเริ่มต้นการทดลองก็มีแต่เธอและเขาสองคนเท่านั้น ที่เครื่องอ่านคลื่นสมอง
ตีค่าพลังที่วัดได้ออกมาเหนือกว่าใครในโครงการประหลาดนี้ เขาพร้อมจะช่วยให้เธอ
ดึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ออกมา อย่างไรเขาก็รักและไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน
แต่สำหรับผู้ชายที่เป็นมารหัวใจอย่างไอ้ครามหรืออินดิโก้คนนี้
ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็น่าจะจัดการให้สิ้นซากไป
เสียงออร์แกนกระหึ่มขึ้นข้างล่างดังผ่านประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ขึ้นมา คนทั้งสามชะงัก
แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ดังขึ้นหลายครั้งติดกัน
พร้อมความเอะอะวุ่นวายบางอย่างที่ปะทุขึ้น ณ ห้องโถงกลาง
“เหมือนจะเป็นเสียงคุณสายชล!” วนัสสาอุทาน
“ผมได้ยินดาหวันร้องด้วย” ครามหันขวับไปทางต้นเสียง แม้จะไม่ได้พบกันบ่อย
อย่างไรก็ดี หูเขาคุ้นกับเสียงลูกสาวพ่อเลี้ยงอยู่พอสมควร
“ไปดูกันเถอะ” นวาระวิ่งนำออกไป
จุดที่เกิดเรื่องนั้นอยู่ตรงตำแหน่งออร์แกนซึ่งไม่ไกลจากประตูสู่ส่วนหลังคฤหาสน์
กลุ่มจากห้องแห่งความฝันคงเพิ่งทยอยกันขึ้นมาเมื่อครู่ สามคนที่วิ่งลงมาจากชั้นบนถึงกับตกตะลึง
ภาพสายชลนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหินสีเทาส่วนที่ไม่มีพรมปกคลุม
คนเป็นสามีซึ่งตอนนี้ถูกวาริชล็อกตัวไว้คอพับคออ่อน ตาลอยเหลือกเหมือนคลั่งยา
แต่ในมือเชนทร์ยังไม่ปล่อยมีดสั้นๆที่ดูเหมือนดีดออกมาจากพวงกุญแจมีดที่พกติดตัว
“นังนี่... มัน จะ...นอกใจผม” เชนทร์สักคำพูดขลุกขลักอยู่ในคอ ก่อนจะทิ้งตัวลงคล้ายหมดสติ
เป็นจังหวะเดียวกับที่วาริชเหวี่ยงร่างเขาทิ้ง ถลันเข้าไปดูภรรยาของอีกฝ่ายซึ่งนอนแน่นิ่งจมกองเลือด
โดยมีดาหวันที่เข้าไปดูอาการของหญิงสาวเคราะห์ร้ายอยู่ก่อนมองวาริชอย่างตระหนก
รอคอยว่าเขาจะว่าอย่างไร
ชายหนุ่มคนเดียวที่มีความรู้ทางแพทย์ในที่นั้นจับชีพจร อึดใจต่อมาก็ส่ายหน้า
อันที่จริงไม่ต้องจับก็ยังสรุปได้เลย
“เธอไปแล้วครับ เล่นทิ่มเข้าตรงคอหอยแบบนั้น” วาริชพูดเสียงแหบในคอ
ก่อนจะเดินไปจับข้อมือที่ยังกำมีดแน่นของเชนทร์ซึ่งยังหมดสติขึ้นดู
“หมอนี่เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ตอนเช็คอาการหลังตื่นก็ปกติ แต่ตอนนี้ผมคิดว่า
เขาอาจละเมอยังไม่ตื่นดี ผลค้างเคียงจากไอ้เครื่องสร้างฝันบ้านั่น
พึมพำอะไรอยู่ตอนเดินขึ้นมา สายชลก็แปลกๆ ตอนแรกก็คิดว่าทะเลาะหรืองอนกัน
พอเมียเดินใกล้ผมหน่อยนี่เล่นพุ่งเข้ามาปาดคอเลย ไอ้เวรเอ๊ย...นี่ไม่รู้ตื่นมามันจะว่าไง”
“เรื่องนี้มันบ้า” วนัสสาคราง
ดาหวันเอามือกุมศีรษะ ส่ายหน้าอยู่ไปมา พูดอะไรไม่ออกในขณะที่นวาระ
เดินมาหยิบมีดออกจากมือเชนทร์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นคนร้ายฆ่าภรรยาตายอย่างไม่รู้ตัว
เขานำมีดนั้นไปเช็ดกับพื้นพรมจนสะอาด ก่อนพับเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
“นั่นคุณจะไม่เก็บไว้เป็นหลักฐานหรือไง”
ดาหวันที่กำลังสติแตกทักออกไปตามสัญชาตญาณแล้วก็สะอึกงันไปเอง
“ทุกคนรู้ดี ไม่มีตำรวจมาที่นี่หรอก ตอนนี้มีแต่พวกเราที่จะต้องช่วยตัวเองแล้ว
หยิบฉวยอะไรเป็นประโยชน์ได้ก็เร่งมือ”
แต่ละคนผละจากจุดเกิดเหตุ มีเพียงดาหวันที่ภายนอกดูแข็งแต่เหมือนหมดแรงลุกไม่ขึ้น
วนัสสาเสียอีกที่ยังตั้งสติได้ไว ครามหยุดมองลูกสาวพ่อเลี้ยงอึดใจหนึ่ง แต่เห็นวาริชเข้าไปช่วย
พยุงอีกฝ่ายแล้วเขาจึงละสายตา ผู้เข้าพักที่ตอนนี้กลายเป็นเหยื่อกำลังจะแข่งกันขึ้นบันได
ไปเอาสมบัติส่วนตัวที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการเอาตัวรอด ทว่าเสียงประตูที่ไม่รู้ว่า
ซ่อนอยู่ก็เลื่อนครืนลงมาปิดทางขึ้นสู่ระเบียงทั้งปีกซ้ายและขวาไว้จนพวกเขาหมดทางไปถึงห้อง
“เวรเอ๊ย นี่มันสนุกมากหรือไงวะ!” วาริชคำรามก้องอย่างเหลืออด
ยีผมซึ่งฟูอยู่แล้วของตนเองให้ยิ่งกระจัดกระจายไม่เป็นทรง จากที่รวบไว้ครึ่งศีรษะก็ยุ่งไปหมด
ภาพคนฆ่ากันตายต่อหน้าทำให้เขาประสาทเครียด จึงหันไปคว้าแจกันปั้นราคาแพงแถวชั้นพัก
กลางบันไดทุ่มโครมลงไปชั้นล่างอย่างโกรธจัด “มุดหัวอยู่ไหนไอ้พวกโรคจิต ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องไปเลย
จะเอายังไงกับพวกกู!” สัตวแพทย์หนุ่มตะโกนเสียงห้าวก้อง พร้อมจะซัดกับหน้าไหนก็ตาม
ที่ท้าทายเขาด้วยอารมณ์ดิบอันอัดแน่นอยู่ภายใน
“ใจเย็นๆนะคะคุณวาริช”
เสียงประกาศซึ่งจำได้ว่าเป็นเสียงของนาเดียดังมาจากรอบทิศ
ที่นี่เหมือนมีเครื่องขยายเสียงถูกซุกซ่อนไว้แทนปากพูด มีหูคอยซ่อนสดับตรับฟัง
การเคลื่อนไหวของพวกเขา รวมถึงดวงตาซึ่งจับจ้องไม่ยอมให้คลาดสายตา
“กรุณาควบคุมอารมณ์ อย่าแสดงให้เราเห็นว่าคุณ‘ป่วย’
เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินการทดลองได้”
“ทดลองห่าเหวอะไร พวกผมคนนะโว้ย! ไม่ใช่หมูหมาหรือหนูทดลอง” สัตวแพทย์หนุ่มคำราม
“ฮึๆ คิดอย่างนั้นจริงหรือคะ ดูเหมือนว่า เท่าที่ได้ยินมาคุณจะเป็นคนแรกนะ
ที่ให้ความร่วมมือเรื่องการทดลองกับคนและสัตว์ของเวชกุล ก่อนที่จะต้องมาโดนกับตัวเองน่ะ”
นาเดียที่ตอนนี้ทุกคนได้ยินแต่เสียงดูจะเปิดเผยอารมณ์ขันอันร้ายกาจ
ต่างจากยามปกติที่สุภาพเรียบร้อยราวกับหุ่นยนต์
วาริชสะอึก โกรธจนเสียงพร่าลงไปกว่าเดิม “อย่าพูดบ้าๆ ก็ไม่คิดว่าพวกแกจะทำถึงขั้นนี้นี่หว่า”
แต่ก่อนมันเป็นจริงตามนั้น เขาไม่เคยมีอุดมการณ์หรือเห็นคุณค่าชีวิตคนหรือสัตว์ตามอาชีพ
ที่ร่ำเรียนมานักหรอก แต่ที่เคยยอม ที่เขาเห็นด้วย มันไม่ได้ถึงขั้นเล่นกับชีวิตคนจนป่นปี้
จนกระทั่งให้มีคนมาตายต่อหน้า แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเดินไปตามเกมจนถึงเมื่อไหร่
“นี่มันมากเกินไป ล้ำเส้นเกินไปแล้ว”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะคุณหมอ นี่ยังแค่เริ่มต้นยกที่สองเท่านั้นเอง
หลังจากเราปล่อยคุณไปพักให้หายใจคล่องปอด เติมพลังกันมา
จนเต็มพร้อมสู้ต่อกันแล้ว อย่ายอมแพ้นะคะรอบนี้ ขอให้โชคดี
เพราะทุกอย่างจะสมจริงยิ่งกว่าที่แล้วๆมา”
“บ้าฉิบ...” ครามส่ายหน้า คำรามลอดไรฟัน
ขณะที่นวาระปีนขึ้นไปนั่งครุ่นคิดอยู่ตรงราวบันได วนัสสาก็ทรุดลงนั่งบนขั้นบันไดอย่างกลัดกลุ้ม
ไม่ห่วงอะไรเท่ากับเพื่อนสนิทที่ถูกพาตัวไปไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้
“ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือสำหรับพวกคุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่เป็นอาวุธได้ มีด เชือก เราเก็บหมดตั้งแต่เช้า”
วนัสสาถอนใจอย่างเหลืออด “มิน่า ตอนลงมาเห็นยังเผลอนึกไปว่ากำลังทำความสะอาดกันยกใหญ่
แถมยังมาตีหน้ายิ้ม ร้ายกันทั้งบ้านจริงๆ”
“คุณวนัสสาเองก็ใช่ย่อยนะคะ คราวก่อนเล่นเอาพวกเราเกือบตาย
คราวนี้ก็ขอให้เข้มแข็งก็แล้วกัน” นาเดียยังคงส่งเสียงระรื่นมา
หญิงสาวผู้คิดว่าตนเองถูกกล่าวหาโคลงศีรษะ อย่างเธอเนี่ยนะ ถึงจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย
แต่จะไปมีเรี่ยวแรงสู้รบตบมือกับพวกเขี้ยวลากดินได้ขนาดไหนกันเชียว
“อย่าเสียเวลาทำใจกันยืดยาวเลยค่ะ ขอประกาศนะคะ ให้พวกคุณลงไปชั้นใต้ดินภายในสิบนาที
ส่วนศพกับคนที่ยังไม่ได้สติเดี๋ยวทางเราจะจัดการเอง ย้ำนะคะ ว่าอย่าคิดรออยู่บนนี้หรือแยกกัน
ไม่รับรองความปลอดภัยค่ะ เรายังไม่อยากใช้ความรุนแรง”
จากนั้นเสียงตามสายก็เงียบลงและไม่มีทีท่าจะโต้ตอบพวกเขาอีก จึงเป็นนวาระที่พูดขึ้นมา
ด้วยน้ำเสียงดูแคลน ไม่รู้ว่ากำลังสมเพชตนเอง เพื่อนร่วมชะตา หรือคนที่ขังพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน
“เหลือห้าคนแล้ว...ไปกันเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รีบไปก่อนครบสิบนาที ผมสังหรณ์ว่า
มันจะใช้อะไรน่ากลัวมาเคลียร์สถานที่ ห่วงความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า”
เมื่อทุกคนทยอยกันลงบันไดเลื่อนสู่ชั้นใต้ดินไปเรียบร้อย ที่เข้ามาสู่ห้องโถงกลางมีเพียง
หัวหน้าแม่บ้านอีกริตกับผู้ช่วยชายสามสี่คนและเด็กหนุ่มคนสวนนามว่าเอเดน
ทั้งหมดไม่มีใครพกอาวุธเพราะรู้ว่าเหยื่อลงรูกันไปหมดแล้ว งานของพวกเขาเหลือเพียง
ร่างสองร่างซึ่งจะต้องถูกเคลื่อนย้ายออกไป กับสถานที่ซึ่งต้องทำความสะอาด
เอเดนมองสายชลที่นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดพลางยิ้มหวานหยด ก้มลงไปลูบผม
เลอะเลือดของหญิงสาวร่างอวบเล่นช้าๆ แววปรีดาซ่อนไม่มิดจุดขึ้นในดวงตาสีเขียวสดใส
“ยังก่อน เอเดน... นั่นไม่ใช่ของเธอตอนนี้” อีกริตปราม
“ทำไมครับ ผมนึกว่าจะได้เป็นของว่างให้ดอกไม้ในสวนเหมือนที่เคยเสียอีก”
เด็กหนุ่มหันไปยิ้มยิงฟัน แต่นัยน์ตาของเขาเริ่มจะมีแววโกรธ
“รายนี้ต้องเอาไปไว้ในห้องเย็นก่อน อาจารย์หมอท่านสั่งไว้ เธอไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”
“แต่พวกคุณสัญญาว่าผมจะได้ ถ้ามาช่วยงานนี้” เด็กหนุ่มเผลอตัวร้องเสียงแหลมสะท้อนไปทั้งโถง
“ใจเย็นๆน่า ก่อนงานเสร็จ รับรองว่าเธอได้โบนัสสมใจแน่” หัวหน้าแม่บ้านปลอบอย่างมีเมตตา
“อ้อ ครับ...งั้น อย่าให้นานเกินรอแล้วกัน” เอเดนยิ้มกว้าง เป็นยิ้มของเทพบุตรน้อยๆ
เสมือนแสงตะวันอันฉายมาเปลี่ยนโลกบนดินให้สะพรั่งไปด้วยดอกไม้สวรรค์ที่เบ่งบาน
วนัสสาเดินตามนวาระซึ่งนำพวกเขาไปตามทางโอ่อ่าที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน เวลานี้ความสวยงามของ
สถานที่ไม่ได้ทำให้จิตใจเบิกบานสักนิด ยิ่งรู้สึกว่าคนพวกนี้ลงทุนมากเท่าไหร่ยิ่งจะต้องถอนทุนคืน
ให้มากเท่านั้น และคงเรียกร้องเอาจากพวกเธอจนคุ้มราคา
การเอาตัวพวกเธอมา รวมไปถึงเฟย์ ทั้งหมดนี้มันเป็นอาชญากรรม แต่คงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ
การที่ผู้มีอิทธิพล มีเงิน มีอำนาจในมือจะเล่นสนุกกับชีวิตใครบางคน หรือทำให้คนสักหลายคน
หายไปนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก คนจำนวนมากเคยถูกทำให้หายไปเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มที่อยู่เหนือกว่า
แต่ก่อน วนัสสาไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตตน
ทว่าตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว...อย่างน่าสะพรึงที่สุด
เธอเคยยอมรับสิ่งนี้เองเพราะชีวิตพ่อที่เป็นความหวังอยู่ปลายอุโมงค์ การยอมก้าวเข้าสู่วงล้อ
แห่งอันตรายย่อมมีสิ่งเกินคาดติดตามมาเสมอ วนัสสาจะไม่ยอมให้เฟย์เป็นอะไรไป อีกฝ่ายคือ
เพื่อนที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวในชีวิตที่เธอมี
------------
แจก เงารักสีน้ำเงิน หลายเล่ม
ตามไปเล่นได้ในเพจเฟซบุค เสิร์ชหา "อสิตา"
คำถามคือ ดอกไม้บนปกนิยายเล่มนี้คือดอกอะไร
มีภาพท่อนบนของปกให้ดูประกอบด้วย
A.ดอกบัว(วาริช)
B.ดอกคราม(อินดิโก้)
C.ดอกกุหลาบ(นวาระ)
คำใบ้คือ... คนเขียนชอบหลอกคนอ่านนะคะ
^^ขอบคุณที่รักกัน...
Likeให้อสิด้วยนะ (หมายถึงทั้งในนี้และในเฟซค่ะ 555)
จำเป็นไหมที่ต้องรักคนเดิม คนที่เราเข้าใจว่าเคยรัก
หรือชีวิตนี้ ควรจะเชื่อในปาฏิหาริย์ของรักเดียว
ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ จนกระทั่งเขียนเรื่องนี้จบลง...
...อสิตา
บอกผมทีสิวนัส ทำไมที่รู้สึกได้เมื่อคืน เหมือนเธอเห็นว่าผมเป็นคนรัก
เป็นความปรารถนาเพียงอย่างเดียว หรือว่าที่รู้สึก มันก็แค่ฝันไป...
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ถอย ครามตัดสินใจก้าวเข้าไป เมื่อวนัสสาเห็นเขา
หญิงสาวรีบดึงมือออกพ้นมือนวาระในทันที ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หันมองคนมาใหม่เช่นกัน
ซ่อนความโกรธเอาไว้ภายใต้ยิ้มหวานที่ดูเป็นเยาะ จนครามมาหยุดยืนเคียงวนัสสา
ทว่าก่อนจะมีใครพูดอะไร... แสงจากหน้าต่างทุกบานในห้องกลับมืดสนิทลงพร้อมกัน
คล้ายถูกห่มคลุมด้วยผืนผ้าดำแห่งรัตติกาล! มันเป็นความมืดตื้อที่อับทึบกว่านั้น
ไม่มีแสงสว่างใดเล็ดลอดเข้ามาได้เลย พร้อมๆกับเสียงลั่นครืดของประตูเหล็กหลายบาน
ที่หล่นตึงลงตามจุดต่างๆรอบบ้าน
วนัสสาหลับตาลง ผ่อนลมหายใจอย่างยากเย็น มันกำลังเริ่มขึ้นเดี๋ยวนี้แล้ว
วินาทีชีวิตได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เร็วเกินกว่าจะทันตั้งตัว หญิงสาวใจเต้นแรง
กระซิบกระซาบบอกตัวเองในอกว่าต้องเข้มแข็ง ตอนนี้อยากขอแบ่งความเข้มแข็ง
จากบิดามาเป็นส่วนหนึ่งในตัวตน พ่อเป็นคนใจอ่อน แต่พลังจิตของพ่อไม่ได้อ่อนแอ
ตามไปด้วยเลย แล้วตอนนี้เธอก็กำลังขอให้พลังจากพ่อส่งมาถึงเธอ
ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้
นวาระมองวนัสสาที่ขยับเข้าไปใกล้ครามอีกนิดในวินาทีชวนตะลึงซึ่งหน้าต่างพลันมืดสนิทลง
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างไม่ใคร่พอใจ คิดหาทางดึงความสนใจให้ย้ายมายังตนเอง
“ลาก่อนอิสรภาพ...ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้ว ประตูกรงคงจะปิดขังเราไว้ในคฤหาสน์”
นวาระสรุป “คุณลองดูซิว่าโทรศัพท์มือถือใช้ได้กันอยู่ไหม”
ครามยังขัดเคืองกับอีกฝ่ายที่ฝากรอยช้ำไว้ตรงโหนกแก้มของเขาอยู่ไม่น้อย
แต่ทั้งชายหนุ่มและวนัสสาก็เกิดความคิดจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คดูอย่างไม่ได้นัดหมายอยู่แล้ว
“โทรออกไม่ได้เลย” วนัสสาขมวดคิ้วอย่างร้อนใจ
“สัญญาณอินเตอร์เนทก็ไม่มีเหมือนกัน การสื่อสารคงจะถูกตัดด้วยอุปกรณ์รบกวนบางอย่าง”
ครามว่า ก่อนจะฉวยมือวนัสสามากุมไว้แล้วดึงเธอให้ตามติด “ไปดูรอบๆกันเถอะวนัส”
หญิงสาวไม่รั้งรอช้าอยู่ ทั้งหมดออกจากห้องนั้นไปสู่โถงกลางจนถึงประตูหน้า
ชายหนุ่มสองคนลองช่วยกันเปิดมัน รวมถึงเอาตัวกระแทกก็แล้ว ประตูบานมหึมาไม่สั่นไหว
คล้ายว่าบานประตูได้เชื่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของผนังไปแล้วกระนั้น
“เฟย์!” วนัสสาอุทานก่อนจะเร่งร้อนขึ้นไปข้างบน “เวลาอันตรายแบบนี้ควรอยู่รวมกันไว้เป็นดีที่สุด”
มันบ้ามาก ในที่สุดเธอก็ทำให้เพื่อนตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่พอที่จนได้ เพราะคิดว่าวันนี้จะหาทาง
เอาตัวอีกฝ่ายกลับบ้านไปให้ได้ แต่เพียงอึดใจที่เผลอไผล ทุกอย่างก็เรียกว่าสายเกินไปเสียแล้ว
ประตูห้องที่ห้าซึ่งเป็นห้องของเพื่อนเธอไม่ได้ล็อก แต่นั่นกลับทำให้วนัสสาใจเสียยิ่งกว่า
การที่มันจะล็อกเพราะเฟย์ยังอยู่ในห้อง
“เฟย์อยู่ไหน!” วนัสสาร้องเรียกร้อนรน นอกจากพ่อแล้วเธอก็ไม่มีใครที่จะรักได้เท่าเพื่อนคนนี้อีก
ทำไมแค่ได้ตัวพ่อของเธอไปมันยังไม่พอหรือไง
ครามแหวกม่านบางที่คลุมเตียงออกดู “บนเตียงไม่มีร่องรอยว่าเมื่อคืนเพื่อนคุณได้มานอนด้วยซ้ำนะ”
นวาระหรี่ตา ถูกแล้ว เขามีคำเตือนถึงตัวเองผ่านทางรอยสักก่อนจะจำเรื่องต่างๆได้
ว่าจะไม่มาอยู่ห้องห้านี่เด็ดขาด ตอนนี้เขาจำได้หมดแล้ว
ว่าที่นี่มีหนทางที่จะเข้าถึงได้ง่ายกว่าห้องไหนๆ...
เจ้าของร่างสูงเพรียวในชุดดำ ปลีกตัวไปยังมุมอับของห้อง คลำหาปุ่มกลไกว่องไว
ก่อนจะกดมัน ผนังเลื่อนเปิดออกโดยไม่มีสุ้มเสียง แล้วชายหนุ่มก็แกล้งร้องอุทาน
“ตรงนี้มีประตู ดูเหมือนว่ามันจะเชื่อมไปส่วนหลังของคฤหาสน์”
วนัสสาวิ่งมาพร้อมคราม คนทั้งสามมองไปยังหนทางมืดสนิทเบื้องหน้า
เมื่อหญิงสาวขยับจะพุ่งเข้าไปครามก็โอบรัดเธอไว้ด้วยวงแขนแข็งแรงมั่นคง
“ฉันต้องช่วยเฟย์!”
“ตั้งสติหน่อย ถ้าเธอตามไปผมว่ามันคือการวิ่งเข้าหากับดักโดยไม่ได้ตั้งตัวมากกว่า”
“แล้วบ้านนี้ทั้งบ้านมันไม่ใช่กับดักหรือไง” วนัสสาตะโกนเสียงสั่น “พวกคุณเองก็รู้ดีใช่ไหมล่ะ
รู้อะไรก็บอกมาตอนนี้เลย ไม่ต้องมัวอมพะนำกันต่อไปแล้ว ฉันสุดจะทนแล้ว!”
ครามถอนใจอยู่ริมหูเธอ แต่ยังไม่ยอมคลายแขน ในขณะที่นวาระสบตาวนัสสา
ซึ่งพยายามดิ้นรน ก่อนจะพูดขึ้น
“คุณพูดถูก เปิดอกกันเสียที ผมมาที่บ้านหลังนี้เพราะความทรงจำหายไปสองเดือน
แล้วผมก็ต้องการจะมาค้นหาความจริง ทั้งผม ทั้งคุณ แล้วก็เขา...”
ชายหนุ่มทอดตาเย็นชาไปทางคราม “ทุกคนต้องมาหลงอยู่ในวังวนนี้
เพราะพลังพิเศษที่พวกเรามี ผมพูดถูกใช่ไหม”
วนัสสากัดริมฝีปาก เริ่มจะยอมสงบลง เธอมองหน้านวาระ เอี้ยวตัวกลับไป
สบตาครามซึ่งยังโอบเธอไว้ เขาก้มลงมาสบตาด้วย ดวงตาเรียวคมนั้นหรี่ลง มีแววยอมรับอยู่กลายๆ
“พวกคุณทำอะไรได้บ้างล่ะ” หญิงสาวถามเสียงเบาแต่จริงจัง
“ถ้าถามผมละก็” นวาระขบกราม รวบรวมสมาธิ
ครามอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอีกฝ่าย วินาทีนั้นเองเขาก็รู้สึกราวกับโดนพลังแม่เหล็กดูดหนึบ
ตัวชาแปลกๆ แล้วร่างกายก็คล้ายจะไม่ได้อยู่ในอาณัติของตนเอง
นวาระเอื้อมไปแตะแขนอีกฝ่าย ก่อนจะสั่งเสียงเฉียบ “คราม... ปล่อยวนัสสา”
อ้อมแขนที่โอบอยู่รอบตัวหญิงสาวพยายามขืน แต่ในที่สุดมันก็ค่อยๆง้างออก
ปล่อยเธอเป็นอิสระ ทว่าครามก็สะบัดตัวถอยหลังให้พ้นอำนาจบังคับนั้นได้ พร้อมสบถเสียงดัง
“ทำบ้าอะไร!”
นวาระยิ้มเย้ยมุมปาก “ควบคุมจิตใจ ไมนด์คอนโทรล นั่นแหละอำนาจของผม
สำหรับคนธรรมดาก็ทำได้มากกว่านี้ แต่เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน”
“แล้วคุณมีพลังแบบไหนกัน คราม” หญิงสาวมองผู้ชายคนที่เพิ่งจำใจคลายมือไปจากตัวเธออย่างสนใจ
คนถูกถามยังอยู่ในอาการสงบนิ่ง “ไม่จำเป็นต้องแสดงต่อหน้าเขา ไว้มีโอกาสแล้วผมจะทำให้ดู”
“พวกคุณยังจะทะเลาะกันอีกหรือไง ในเวลาแบบนี้” วนัสสาติง
“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าควรไว้ใจผู้ชายคนนี้ เราแทบไม่รู้จักเขาเลย” ครามเอ่ยเสียงต่ำ
มองไปยังนวาระอย่างเย็นชา
นวาระยิ้มเยาะในใจ เขาจำได้หมดแล้วว่าอีกฝ่ายมีความสามารถแบบไหน
แต่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปอีกสักพักก็คงดี
“โมโหที่ถูกขัดจังหวะตอนกำลังจะเอาเปรียบผู้หญิงเมื่อคืนนี้มากกว่า”
วนัสสาหน้าชา แม้ว่าคนพูดจะไม่ได้ตั้งใจว่ากระทบเธอก็ตาม
นวาระเห็นชายที่ตอนนี้กลายเป็นศัตรูไปแล้วพยักหน้าให้ตน พร้อมขยับปากไม่มีเสียง
อ่านได้ความว่า 'อย่าเสือก' ชายหนุ่มพ่นลมออกทางปากเยาะๆ หมอนี่มันร้ายไม่เบา
สมกับที่โตมาอย่างพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ยังไม่วายสร้างภาพว่าเป็นผู้ดี
ตอนหญิงสาวซึ่งเป็นคนกลางไม่ทันเงยขึ้นมองปากมัน
“แล้วคุณล่ะ วนัสสา เผื่อว่าความสามารถของเราสองคนรวมกันอาจมีประโยชน์ก็ได้
ในเวลาแบบนี้ ใครจะอยากเป็นตัวถ่วงกลัวดอกพิกุลจะร่วงก็ปล่อยให้เป็นไปคนเดียว”
“ฉัน...ก็แค่สัมผัสความรู้สึกได้ ความรู้สึกของคน หรือความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในสิ่งของ
ฟังดูแล้วไม่น่าจะช่วยอะไรได้เลย แต่ว่าหลังๆมานี่ก็ชักแปลกใจตัวเอง อย่างเมื่อวานที่คุณอัดกัน
อยู่ๆฉันก็แยกพวกคุณจากกันได้”
นวาระนิ่งคิด หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขายังไม่รู้ศักยภาพของตัวเองดีพอ เท่าที่เขาจำได้
ก่อนจะเริ่มต้นการทดลองก็มีแต่เธอและเขาสองคนเท่านั้น ที่เครื่องอ่านคลื่นสมอง
ตีค่าพลังที่วัดได้ออกมาเหนือกว่าใครในโครงการประหลาดนี้ เขาพร้อมจะช่วยให้เธอ
ดึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ออกมา อย่างไรเขาก็รักและไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน
แต่สำหรับผู้ชายที่เป็นมารหัวใจอย่างไอ้ครามหรืออินดิโก้คนนี้
ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็น่าจะจัดการให้สิ้นซากไป
เสียงออร์แกนกระหึ่มขึ้นข้างล่างดังผ่านประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ขึ้นมา คนทั้งสามชะงัก
แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ดังขึ้นหลายครั้งติดกัน
พร้อมความเอะอะวุ่นวายบางอย่างที่ปะทุขึ้น ณ ห้องโถงกลาง
“เหมือนจะเป็นเสียงคุณสายชล!” วนัสสาอุทาน
“ผมได้ยินดาหวันร้องด้วย” ครามหันขวับไปทางต้นเสียง แม้จะไม่ได้พบกันบ่อย
อย่างไรก็ดี หูเขาคุ้นกับเสียงลูกสาวพ่อเลี้ยงอยู่พอสมควร
“ไปดูกันเถอะ” นวาระวิ่งนำออกไป
จุดที่เกิดเรื่องนั้นอยู่ตรงตำแหน่งออร์แกนซึ่งไม่ไกลจากประตูสู่ส่วนหลังคฤหาสน์
กลุ่มจากห้องแห่งความฝันคงเพิ่งทยอยกันขึ้นมาเมื่อครู่ สามคนที่วิ่งลงมาจากชั้นบนถึงกับตกตะลึง
ภาพสายชลนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหินสีเทาส่วนที่ไม่มีพรมปกคลุม
คนเป็นสามีซึ่งตอนนี้ถูกวาริชล็อกตัวไว้คอพับคออ่อน ตาลอยเหลือกเหมือนคลั่งยา
แต่ในมือเชนทร์ยังไม่ปล่อยมีดสั้นๆที่ดูเหมือนดีดออกมาจากพวงกุญแจมีดที่พกติดตัว
“นังนี่... มัน จะ...นอกใจผม” เชนทร์สักคำพูดขลุกขลักอยู่ในคอ ก่อนจะทิ้งตัวลงคล้ายหมดสติ
เป็นจังหวะเดียวกับที่วาริชเหวี่ยงร่างเขาทิ้ง ถลันเข้าไปดูภรรยาของอีกฝ่ายซึ่งนอนแน่นิ่งจมกองเลือด
โดยมีดาหวันที่เข้าไปดูอาการของหญิงสาวเคราะห์ร้ายอยู่ก่อนมองวาริชอย่างตระหนก
รอคอยว่าเขาจะว่าอย่างไร
ชายหนุ่มคนเดียวที่มีความรู้ทางแพทย์ในที่นั้นจับชีพจร อึดใจต่อมาก็ส่ายหน้า
อันที่จริงไม่ต้องจับก็ยังสรุปได้เลย
“เธอไปแล้วครับ เล่นทิ่มเข้าตรงคอหอยแบบนั้น” วาริชพูดเสียงแหบในคอ
ก่อนจะเดินไปจับข้อมือที่ยังกำมีดแน่นของเชนทร์ซึ่งยังหมดสติขึ้นดู
“หมอนี่เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ตอนเช็คอาการหลังตื่นก็ปกติ แต่ตอนนี้ผมคิดว่า
เขาอาจละเมอยังไม่ตื่นดี ผลค้างเคียงจากไอ้เครื่องสร้างฝันบ้านั่น
พึมพำอะไรอยู่ตอนเดินขึ้นมา สายชลก็แปลกๆ ตอนแรกก็คิดว่าทะเลาะหรืองอนกัน
พอเมียเดินใกล้ผมหน่อยนี่เล่นพุ่งเข้ามาปาดคอเลย ไอ้เวรเอ๊ย...นี่ไม่รู้ตื่นมามันจะว่าไง”
“เรื่องนี้มันบ้า” วนัสสาคราง
ดาหวันเอามือกุมศีรษะ ส่ายหน้าอยู่ไปมา พูดอะไรไม่ออกในขณะที่นวาระ
เดินมาหยิบมีดออกจากมือเชนทร์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นคนร้ายฆ่าภรรยาตายอย่างไม่รู้ตัว
เขานำมีดนั้นไปเช็ดกับพื้นพรมจนสะอาด ก่อนพับเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
“นั่นคุณจะไม่เก็บไว้เป็นหลักฐานหรือไง”
ดาหวันที่กำลังสติแตกทักออกไปตามสัญชาตญาณแล้วก็สะอึกงันไปเอง
“ทุกคนรู้ดี ไม่มีตำรวจมาที่นี่หรอก ตอนนี้มีแต่พวกเราที่จะต้องช่วยตัวเองแล้ว
หยิบฉวยอะไรเป็นประโยชน์ได้ก็เร่งมือ”
แต่ละคนผละจากจุดเกิดเหตุ มีเพียงดาหวันที่ภายนอกดูแข็งแต่เหมือนหมดแรงลุกไม่ขึ้น
วนัสสาเสียอีกที่ยังตั้งสติได้ไว ครามหยุดมองลูกสาวพ่อเลี้ยงอึดใจหนึ่ง แต่เห็นวาริชเข้าไปช่วย
พยุงอีกฝ่ายแล้วเขาจึงละสายตา ผู้เข้าพักที่ตอนนี้กลายเป็นเหยื่อกำลังจะแข่งกันขึ้นบันได
ไปเอาสมบัติส่วนตัวที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการเอาตัวรอด ทว่าเสียงประตูที่ไม่รู้ว่า
ซ่อนอยู่ก็เลื่อนครืนลงมาปิดทางขึ้นสู่ระเบียงทั้งปีกซ้ายและขวาไว้จนพวกเขาหมดทางไปถึงห้อง
“เวรเอ๊ย นี่มันสนุกมากหรือไงวะ!” วาริชคำรามก้องอย่างเหลืออด
ยีผมซึ่งฟูอยู่แล้วของตนเองให้ยิ่งกระจัดกระจายไม่เป็นทรง จากที่รวบไว้ครึ่งศีรษะก็ยุ่งไปหมด
ภาพคนฆ่ากันตายต่อหน้าทำให้เขาประสาทเครียด จึงหันไปคว้าแจกันปั้นราคาแพงแถวชั้นพัก
กลางบันไดทุ่มโครมลงไปชั้นล่างอย่างโกรธจัด “มุดหัวอยู่ไหนไอ้พวกโรคจิต ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องไปเลย
จะเอายังไงกับพวกกู!” สัตวแพทย์หนุ่มตะโกนเสียงห้าวก้อง พร้อมจะซัดกับหน้าไหนก็ตาม
ที่ท้าทายเขาด้วยอารมณ์ดิบอันอัดแน่นอยู่ภายใน
“ใจเย็นๆนะคะคุณวาริช”
เสียงประกาศซึ่งจำได้ว่าเป็นเสียงของนาเดียดังมาจากรอบทิศ
ที่นี่เหมือนมีเครื่องขยายเสียงถูกซุกซ่อนไว้แทนปากพูด มีหูคอยซ่อนสดับตรับฟัง
การเคลื่อนไหวของพวกเขา รวมถึงดวงตาซึ่งจับจ้องไม่ยอมให้คลาดสายตา
“กรุณาควบคุมอารมณ์ อย่าแสดงให้เราเห็นว่าคุณ‘ป่วย’
เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินการทดลองได้”
“ทดลองห่าเหวอะไร พวกผมคนนะโว้ย! ไม่ใช่หมูหมาหรือหนูทดลอง” สัตวแพทย์หนุ่มคำราม
“ฮึๆ คิดอย่างนั้นจริงหรือคะ ดูเหมือนว่า เท่าที่ได้ยินมาคุณจะเป็นคนแรกนะ
ที่ให้ความร่วมมือเรื่องการทดลองกับคนและสัตว์ของเวชกุล ก่อนที่จะต้องมาโดนกับตัวเองน่ะ”
นาเดียที่ตอนนี้ทุกคนได้ยินแต่เสียงดูจะเปิดเผยอารมณ์ขันอันร้ายกาจ
ต่างจากยามปกติที่สุภาพเรียบร้อยราวกับหุ่นยนต์
วาริชสะอึก โกรธจนเสียงพร่าลงไปกว่าเดิม “อย่าพูดบ้าๆ ก็ไม่คิดว่าพวกแกจะทำถึงขั้นนี้นี่หว่า”
แต่ก่อนมันเป็นจริงตามนั้น เขาไม่เคยมีอุดมการณ์หรือเห็นคุณค่าชีวิตคนหรือสัตว์ตามอาชีพ
ที่ร่ำเรียนมานักหรอก แต่ที่เคยยอม ที่เขาเห็นด้วย มันไม่ได้ถึงขั้นเล่นกับชีวิตคนจนป่นปี้
จนกระทั่งให้มีคนมาตายต่อหน้า แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเดินไปตามเกมจนถึงเมื่อไหร่
“นี่มันมากเกินไป ล้ำเส้นเกินไปแล้ว”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะคุณหมอ นี่ยังแค่เริ่มต้นยกที่สองเท่านั้นเอง
หลังจากเราปล่อยคุณไปพักให้หายใจคล่องปอด เติมพลังกันมา
จนเต็มพร้อมสู้ต่อกันแล้ว อย่ายอมแพ้นะคะรอบนี้ ขอให้โชคดี
เพราะทุกอย่างจะสมจริงยิ่งกว่าที่แล้วๆมา”
“บ้าฉิบ...” ครามส่ายหน้า คำรามลอดไรฟัน
ขณะที่นวาระปีนขึ้นไปนั่งครุ่นคิดอยู่ตรงราวบันได วนัสสาก็ทรุดลงนั่งบนขั้นบันไดอย่างกลัดกลุ้ม
ไม่ห่วงอะไรเท่ากับเพื่อนสนิทที่ถูกพาตัวไปไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้
“ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือสำหรับพวกคุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่เป็นอาวุธได้ มีด เชือก เราเก็บหมดตั้งแต่เช้า”
วนัสสาถอนใจอย่างเหลืออด “มิน่า ตอนลงมาเห็นยังเผลอนึกไปว่ากำลังทำความสะอาดกันยกใหญ่
แถมยังมาตีหน้ายิ้ม ร้ายกันทั้งบ้านจริงๆ”
“คุณวนัสสาเองก็ใช่ย่อยนะคะ คราวก่อนเล่นเอาพวกเราเกือบตาย
คราวนี้ก็ขอให้เข้มแข็งก็แล้วกัน” นาเดียยังคงส่งเสียงระรื่นมา
หญิงสาวผู้คิดว่าตนเองถูกกล่าวหาโคลงศีรษะ อย่างเธอเนี่ยนะ ถึงจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย
แต่จะไปมีเรี่ยวแรงสู้รบตบมือกับพวกเขี้ยวลากดินได้ขนาดไหนกันเชียว
“อย่าเสียเวลาทำใจกันยืดยาวเลยค่ะ ขอประกาศนะคะ ให้พวกคุณลงไปชั้นใต้ดินภายในสิบนาที
ส่วนศพกับคนที่ยังไม่ได้สติเดี๋ยวทางเราจะจัดการเอง ย้ำนะคะ ว่าอย่าคิดรออยู่บนนี้หรือแยกกัน
ไม่รับรองความปลอดภัยค่ะ เรายังไม่อยากใช้ความรุนแรง”
จากนั้นเสียงตามสายก็เงียบลงและไม่มีทีท่าจะโต้ตอบพวกเขาอีก จึงเป็นนวาระที่พูดขึ้นมา
ด้วยน้ำเสียงดูแคลน ไม่รู้ว่ากำลังสมเพชตนเอง เพื่อนร่วมชะตา หรือคนที่ขังพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน
“เหลือห้าคนแล้ว...ไปกันเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รีบไปก่อนครบสิบนาที ผมสังหรณ์ว่า
มันจะใช้อะไรน่ากลัวมาเคลียร์สถานที่ ห่วงความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า”
เมื่อทุกคนทยอยกันลงบันไดเลื่อนสู่ชั้นใต้ดินไปเรียบร้อย ที่เข้ามาสู่ห้องโถงกลางมีเพียง
หัวหน้าแม่บ้านอีกริตกับผู้ช่วยชายสามสี่คนและเด็กหนุ่มคนสวนนามว่าเอเดน
ทั้งหมดไม่มีใครพกอาวุธเพราะรู้ว่าเหยื่อลงรูกันไปหมดแล้ว งานของพวกเขาเหลือเพียง
ร่างสองร่างซึ่งจะต้องถูกเคลื่อนย้ายออกไป กับสถานที่ซึ่งต้องทำความสะอาด
เอเดนมองสายชลที่นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดพลางยิ้มหวานหยด ก้มลงไปลูบผม
เลอะเลือดของหญิงสาวร่างอวบเล่นช้าๆ แววปรีดาซ่อนไม่มิดจุดขึ้นในดวงตาสีเขียวสดใส
“ยังก่อน เอเดน... นั่นไม่ใช่ของเธอตอนนี้” อีกริตปราม
“ทำไมครับ ผมนึกว่าจะได้เป็นของว่างให้ดอกไม้ในสวนเหมือนที่เคยเสียอีก”
เด็กหนุ่มหันไปยิ้มยิงฟัน แต่นัยน์ตาของเขาเริ่มจะมีแววโกรธ
“รายนี้ต้องเอาไปไว้ในห้องเย็นก่อน อาจารย์หมอท่านสั่งไว้ เธอไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”
“แต่พวกคุณสัญญาว่าผมจะได้ ถ้ามาช่วยงานนี้” เด็กหนุ่มเผลอตัวร้องเสียงแหลมสะท้อนไปทั้งโถง
“ใจเย็นๆน่า ก่อนงานเสร็จ รับรองว่าเธอได้โบนัสสมใจแน่” หัวหน้าแม่บ้านปลอบอย่างมีเมตตา
“อ้อ ครับ...งั้น อย่าให้นานเกินรอแล้วกัน” เอเดนยิ้มกว้าง เป็นยิ้มของเทพบุตรน้อยๆ
เสมือนแสงตะวันอันฉายมาเปลี่ยนโลกบนดินให้สะพรั่งไปด้วยดอกไม้สวรรค์ที่เบ่งบาน
วนัสสาเดินตามนวาระซึ่งนำพวกเขาไปตามทางโอ่อ่าที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน เวลานี้ความสวยงามของ
สถานที่ไม่ได้ทำให้จิตใจเบิกบานสักนิด ยิ่งรู้สึกว่าคนพวกนี้ลงทุนมากเท่าไหร่ยิ่งจะต้องถอนทุนคืน
ให้มากเท่านั้น และคงเรียกร้องเอาจากพวกเธอจนคุ้มราคา
การเอาตัวพวกเธอมา รวมไปถึงเฟย์ ทั้งหมดนี้มันเป็นอาชญากรรม แต่คงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ
การที่ผู้มีอิทธิพล มีเงิน มีอำนาจในมือจะเล่นสนุกกับชีวิตใครบางคน หรือทำให้คนสักหลายคน
หายไปนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก คนจำนวนมากเคยถูกทำให้หายไปเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มที่อยู่เหนือกว่า
แต่ก่อน วนัสสาไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตตน
ทว่าตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว...อย่างน่าสะพรึงที่สุด
เธอเคยยอมรับสิ่งนี้เองเพราะชีวิตพ่อที่เป็นความหวังอยู่ปลายอุโมงค์ การยอมก้าวเข้าสู่วงล้อ
แห่งอันตรายย่อมมีสิ่งเกินคาดติดตามมาเสมอ วนัสสาจะไม่ยอมให้เฟย์เป็นอะไรไป อีกฝ่ายคือ
เพื่อนที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวในชีวิตที่เธอมี
------------
แจก เงารักสีน้ำเงิน หลายเล่ม
ตามไปเล่นได้ในเพจเฟซบุค เสิร์ชหา "อสิตา"
คำถามคือ ดอกไม้บนปกนิยายเล่มนี้คือดอกอะไร
มีภาพท่อนบนของปกให้ดูประกอบด้วย
A.ดอกบัว(วาริช)
B.ดอกคราม(อินดิโก้)
C.ดอกกุหลาบ(นวาระ)
คำใบ้คือ... คนเขียนชอบหลอกคนอ่านนะคะ
^^ขอบคุณที่รักกัน...
Likeให้อสิด้วยนะ (หมายถึงทั้งในนี้และในเฟซค่ะ 555)
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2556, 07:12:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2556, 07:59:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 1424
<< ความทรงจำที่ ๘ ดุจน้ำค้างกลางราตรี(...ต่อ) | ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้(...ต่อ) + เล่นเกมแจกนิยายในเฟซบุ๊คจ้า >> |
อสิตา 13 ก.ย. 2556, 07:45:19 น.
คุณเลิฟหมวย – มาไวมาก พี่ครามน่าเชียร์นี่เนอะคะ หุหุ ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันน่าดูละ...
คุณพันธุ์แตงกวา – แหม ตอนนั้นพี่ไม่ยอมรับบทนางเอกนี่ เรื่องนี้มีแต่ผีเสื้อกับดอกไม้ หนูเกือบได้นางเอกชื่อดอกแตงกวาแล้วเชียว
คุณภาวิน – อยากดมกลิ่นแก้มหนุ่มคนไหนล่ะ หรือทั้งหมด โลภจริงๆเลย นางเอกเลือกได้คนเดียวนะ
คุณหนอนสุดสวยดังปัณณ์ – เหมือนหนอนน้อยที่มาดมดอมดอกไม้ จ้องจะแทะเล็มดอกไม้ในแปลงของเรา ต้องโดรยด้วยขี้เถ้า งิงิ
คุณผักชี – บางทีตานิวอาจไม่ได้ตีหน้าเศร้าก็ได้นะคะ ก็เศร้าจริงๆ แล้วไม่เห็นหรือหนิ ตาแกมีพลังสะกดจิตนะคะ เพิ่งจะบอกตอนนี้ จับมือแล้วจะให้สะบัดมือได้ไงหนิๆๆๆ ใจร้อนขิง
คุณสุขุมวิท66 – อาราย ครามดูเป็นผู้ร้ายแล้วเหยอ เข้าข้างนวาระนี่คะ หุหุหุ ครามแค่ยืนมองเค้าจับมือกันเท่านั้นอ่า
คุณเรือใบ – ยายศศิราศีจ้องเขมือบเด็กๆอยู่แน่เลย บ้านหลังนี้ยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกเยอะค่ะ เดี๋ยวรู้เลยยยย
คุณพระอาทิตย์สีทอง – อ่าห์ ในที่สุดก็ประมาณอายุได้ซะที จะได้จิ้นถูกค่ะ...หมอริชถึงจะดูบ้าแต่แกก็รอบคอบนะ ไม่ไว้ใจใครแน่แม้แต่วนัส แต่อยากให้เค้าไว้ใจตัวเองน่ะ ช่วงนี้หมอขอมาทวงบทคืนบ้าง รอดูกันค่ะ
คุณรี – เรื่องนี้เครียดแบบสนุกๆค่ะ คิดตามไปชิลๆ แต่แอบตื่นเต้นนิดนึง เพราะเริ่มเปลี่ยนโทนแล้ว
คุณบาร์บี้ – ทักทายกันครั้งแรก ตามมาจากเริงราตรีสีขาวใช่ไหมคะ ดีใจๆ คนเขียนก็ชอบนวาระมาก รักฮีไว้ไม่ผิดหวังค่ะ
คุณเลิฟหมวย – มาไวมาก พี่ครามน่าเชียร์นี่เนอะคะ หุหุ ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันน่าดูละ...
คุณพันธุ์แตงกวา – แหม ตอนนั้นพี่ไม่ยอมรับบทนางเอกนี่ เรื่องนี้มีแต่ผีเสื้อกับดอกไม้ หนูเกือบได้นางเอกชื่อดอกแตงกวาแล้วเชียว
คุณภาวิน – อยากดมกลิ่นแก้มหนุ่มคนไหนล่ะ หรือทั้งหมด โลภจริงๆเลย นางเอกเลือกได้คนเดียวนะ
คุณหนอนสุดสวยดังปัณณ์ – เหมือนหนอนน้อยที่มาดมดอมดอกไม้ จ้องจะแทะเล็มดอกไม้ในแปลงของเรา ต้องโดรยด้วยขี้เถ้า งิงิ
คุณผักชี – บางทีตานิวอาจไม่ได้ตีหน้าเศร้าก็ได้นะคะ ก็เศร้าจริงๆ แล้วไม่เห็นหรือหนิ ตาแกมีพลังสะกดจิตนะคะ เพิ่งจะบอกตอนนี้ จับมือแล้วจะให้สะบัดมือได้ไงหนิๆๆๆ ใจร้อนขิง
คุณสุขุมวิท66 – อาราย ครามดูเป็นผู้ร้ายแล้วเหยอ เข้าข้างนวาระนี่คะ หุหุหุ ครามแค่ยืนมองเค้าจับมือกันเท่านั้นอ่า
คุณเรือใบ – ยายศศิราศีจ้องเขมือบเด็กๆอยู่แน่เลย บ้านหลังนี้ยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกเยอะค่ะ เดี๋ยวรู้เลยยยย
คุณพระอาทิตย์สีทอง – อ่าห์ ในที่สุดก็ประมาณอายุได้ซะที จะได้จิ้นถูกค่ะ...หมอริชถึงจะดูบ้าแต่แกก็รอบคอบนะ ไม่ไว้ใจใครแน่แม้แต่วนัส แต่อยากให้เค้าไว้ใจตัวเองน่ะ ช่วงนี้หมอขอมาทวงบทคืนบ้าง รอดูกันค่ะ
คุณรี – เรื่องนี้เครียดแบบสนุกๆค่ะ คิดตามไปชิลๆ แต่แอบตื่นเต้นนิดนึง เพราะเริ่มเปลี่ยนโทนแล้ว
คุณบาร์บี้ – ทักทายกันครั้งแรก ตามมาจากเริงราตรีสีขาวใช่ไหมคะ ดีใจๆ คนเขียนก็ชอบนวาระมาก รักฮีไว้ไม่ผิดหวังค่ะ
อสิตา 13 ก.ย. 2556, 07:46:00 น.
คุณแพทแมว – จะมีอะไรออกมานะ บททดสอบนี่หมายถึงชีวิตแน่นอน รวมถึงอดีตก็กำลังจะค่อยๆคลี่คลายออกมาแล้วด้วย
คุณเฟอร์หางฟูสวอย – มะม้าชอบนะ โรงแรมกลดอกท้อ แม้มะม้าจะไม่เคยอ่านนิยายจีนแต่ก็เข้าใจว่ามันคืออารายแหละ ดอกไม้ปัจจุบันของวนัสคือดอกหมามุ่ย ฟูๆ คันๆ ...แบบหางเฟอร์งาย
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – มาปิดท้ายอีกตามเคยค่ะ เม้นยาวและทำให้ได้คิดดี น่ารัก นั่นก็เป็นคำถามที่คนเขียนถามตัวเองตอนคิดพล็อตเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ
คุณแพทแมว – จะมีอะไรออกมานะ บททดสอบนี่หมายถึงชีวิตแน่นอน รวมถึงอดีตก็กำลังจะค่อยๆคลี่คลายออกมาแล้วด้วย
คุณเฟอร์หางฟูสวอย – มะม้าชอบนะ โรงแรมกลดอกท้อ แม้มะม้าจะไม่เคยอ่านนิยายจีนแต่ก็เข้าใจว่ามันคืออารายแหละ ดอกไม้ปัจจุบันของวนัสคือดอกหมามุ่ย ฟูๆ คันๆ ...แบบหางเฟอร์งาย
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – มาปิดท้ายอีกตามเคยค่ะ เม้นยาวและทำให้ได้คิดดี น่ารัก นั่นก็เป็นคำถามที่คนเขียนถามตัวเองตอนคิดพล็อตเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ
sai 13 ก.ย. 2556, 07:47:55 น.
เลือดสาดแต่เช้าเลยยยย ลับสมองกันอีกแล้วว
เลือดสาดแต่เช้าเลยยยย ลับสมองกันอีกแล้วว
Sukhumvit66 13 ก.ย. 2556, 07:50:22 น.
นี่มัน เรียลลิตี้ ชัด ๆ ตื่นเต้น ฝุด ฝุดเลย
นี่มัน เรียลลิตี้ ชัด ๆ ตื่นเต้น ฝุด ฝุดเลย
ภาวิน 13 ก.ย. 2556, 08:13:36 น.
วาริชมาแล้วววว โผงผาง หยาบคายบ้าง แต่ได้อารมณ์คนกำลังโกรธ โมโห และกดดันดี แต่หนุ่มยิ้มราวเทพบุตรอย่างเอเดนก็น่าสนใจ ถึงจะไม่ติดโผสามหนุ่มดอกไม้ แต่ก็น่าจะทำอะไรได้มากกว่าใส่ปุ๋ยต้นไม้แหละน่า
วาริชมาแล้วววว โผงผาง หยาบคายบ้าง แต่ได้อารมณ์คนกำลังโกรธ โมโห และกดดันดี แต่หนุ่มยิ้มราวเทพบุตรอย่างเอเดนก็น่าสนใจ ถึงจะไม่ติดโผสามหนุ่มดอกไม้ แต่ก็น่าจะทำอะไรได้มากกว่าใส่ปุ๋ยต้นไม้แหละน่า
ดังปัณณ์ 13 ก.ย. 2556, 09:00:32 น.
แง่ะ รู้แระขี้เถ้าใครมาโปรยไว้ดักเรา 555+ แอร๊ยยยยยยยยย อยากให้ความจำหนูวนัสกลับมาเร็วๆจัง เง้อ...อัลไลจะเกิดล่ะเนี่ยยยยยยยยยยยย แง้วววววววววววววว รอตอนต่อไปคร้าาาาาาา คุณแป้ง
ปูลม.วาริชฟิวส์ขาดง่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ตกลงครายเปนพระเอกของเค้าง่ะ เล่นโปรยไว้ออย่างนั้น กรี๊ดดดดดดดดดด ครามใช่มะคะ ใช่ะมะๆๆๆๆๆๆๆๆ 555+
แง่ะ รู้แระขี้เถ้าใครมาโปรยไว้ดักเรา 555+ แอร๊ยยยยยยยยย อยากให้ความจำหนูวนัสกลับมาเร็วๆจัง เง้อ...อัลไลจะเกิดล่ะเนี่ยยยยยยยยยยยย แง้วววววววววววววว รอตอนต่อไปคร้าาาาาาา คุณแป้ง
ปูลม.วาริชฟิวส์ขาดง่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ตกลงครายเปนพระเอกของเค้าง่ะ เล่นโปรยไว้ออย่างนั้น กรี๊ดดดดดดดดดด ครามใช่มะคะ ใช่ะมะๆๆๆๆๆๆๆๆ 555+
lovemuay 13 ก.ย. 2556, 11:27:39 น.
ตอนนี้เข้มข้นมาเชียวค่ะ รอติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันอีก
ตอนนี้เข้มข้นมาเชียวค่ะ รอติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันอีก
Chii 13 ก.ย. 2556, 12:08:08 น.
เอาใหม่ ไม่ต้องสะบัดมือตานวาระแล้ว
เอามีดจิ้มคอมันเลยดีกว่าาาาาาาาาาาาาาา
//เพราะมานคิดทำร้ายพี่ครามของเค้า!!!
เอาใหม่ ไม่ต้องสะบัดมือตานวาระแล้ว
เอามีดจิ้มคอมันเลยดีกว่าาาาาาาาาาาาาาา
//เพราะมานคิดทำร้ายพี่ครามของเค้า!!!
เรือใบ 13 ก.ย. 2556, 16:41:09 น.
ฮึ้มมม เล่นแรงนะคะเนี่ย สายชลกับเชนทร์แม้ว่าจะเป็นตัวประกอบ แต่โดนปั่นหัวจนโดนฆ่านี่น่ากลัวแฮะ
ปล.ที่ว่าหลอกคนอ่าน คือ ครามไม่ใช่พระเอกหรอ >,,< หมอริชเนี่ยดูเหมือนเป็นแนวพี่ชาย ตานวาระดูน่ากลัวไปหน่อย แต่อย่าบอกนะคะว่าวนัสสาเหมาหมดเลย ไม่ย๊อม ไม่ยอมนะเธอปู้ชายยิ่งน้อยๆอยู่
ฮึ้มมม เล่นแรงนะคะเนี่ย สายชลกับเชนทร์แม้ว่าจะเป็นตัวประกอบ แต่โดนปั่นหัวจนโดนฆ่านี่น่ากลัวแฮะ
ปล.ที่ว่าหลอกคนอ่าน คือ ครามไม่ใช่พระเอกหรอ >,,< หมอริชเนี่ยดูเหมือนเป็นแนวพี่ชาย ตานวาระดูน่ากลัวไปหน่อย แต่อย่าบอกนะคะว่าวนัสสาเหมาหมดเลย ไม่ย๊อม ไม่ยอมนะเธอปู้ชายยิ่งน้อยๆอยู่
Zephyr 13 ก.ย. 2556, 18:45:11 น.
เอิ่ม นี่ไม่ใช่นิยายฆาตกรรมใช่มั้ย
นี่นิยายรักโรแมนติก???
ผิดเรื่องป่ะนะ มะม้า เอ รึเขียนๆๆๆไปๆๆๆแล้วอารมณ์ขึ้นๆๆๆ
มันเลยออกมาแนวนี้ เลือดสาด ฆ่ากันตายยยย
แงๆๆๆๆๆ เอาความน่ารักโรแม้นส์ กลับมาน้าาาาาา
เอิ่ม นี่ไม่ใช่นิยายฆาตกรรมใช่มั้ย
นี่นิยายรักโรแมนติก???
ผิดเรื่องป่ะนะ มะม้า เอ รึเขียนๆๆๆไปๆๆๆแล้วอารมณ์ขึ้นๆๆๆ
มันเลยออกมาแนวนี้ เลือดสาด ฆ่ากันตายยยย
แงๆๆๆๆๆ เอาความน่ารักโรแม้นส์ กลับมาน้าาาาาา
พันธุ์แตงกวา 13 ก.ย. 2556, 18:48:04 น.
จื่นเจ้นตื่นเต้น การทดลองกำลังจะเริ่มแล้ว รอตอนต่อไปกั๊บ เหมือนดูหนังฮอลลีวู้ดเลย ศุกร์สิบสามด้วยวันนี้
จื่นเจ้นตื่นเต้น การทดลองกำลังจะเริ่มแล้ว รอตอนต่อไปกั๊บ เหมือนดูหนังฮอลลีวู้ดเลย ศุกร์สิบสามด้วยวันนี้
ree 13 ก.ย. 2556, 18:48:26 น.
มีคนตายด้วย เรื่องนี้เครียดขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าคงไม่ลงเอยว่าถูกหลอกให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่หรอกน้า
มีคนตายด้วย เรื่องนี้เครียดขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าคงไม่ลงเอยว่าถูกหลอกให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่หรอกน้า
Pat 13 ก.ย. 2556, 19:33:21 น.
อย่างนี้หนทางรอดต้องร่วมมือกันทำลายการทดลองบ้าๆนี้แล้ว เฟย์ถูกจับตัวไปเพื่อใช้เป็นไม้ตายบังคับวนัสสาหรือเปล่านี่
อย่างนี้หนทางรอดต้องร่วมมือกันทำลายการทดลองบ้าๆนี้แล้ว เฟย์ถูกจับตัวไปเพื่อใช้เป็นไม้ตายบังคับวนัสสาหรือเปล่านี่
Barby 13 ก.ย. 2556, 20:08:33 น.
โห้วันนี้โหดๆอ่ะ เลือดสาดกันเลยมีเดียว ติดตามต่อไปอย่าได้ขาดค่ะ
โห้วันนี้โหดๆอ่ะ เลือดสาดกันเลยมีเดียว ติดตามต่อไปอย่าได้ขาดค่ะ
นักอ่านเหนียวหนึบ 13 ก.ย. 2556, 22:10:42 น.
ป้อจ๋า แม่จ๋า ช่วยหนูด้วยยย เก๊ากลัวววง่ะ
ไอมีดพับนั่นต้องได้ดื่มเลือดใครอีกแน่เบยยย
รือพี่กุหลาบจิเอามาสักอัลไลอีกรึป่าวค้าาาา
ตอนนี้จิ้นไรไม่ออกเบย แบบว่า มันไม่ใช่แนวของชายยย ~~~~
ป้อจ๋า แม่จ๋า ช่วยหนูด้วยยย เก๊ากลัวววง่ะ
ไอมีดพับนั่นต้องได้ดื่มเลือดใครอีกแน่เบยยย
รือพี่กุหลาบจิเอามาสักอัลไลอีกรึป่าวค้าาาา
ตอนนี้จิ้นไรไม่ออกเบย แบบว่า มันไม่ใช่แนวของชายยย ~~~~
goldensun 15 ก.ย. 2556, 00:41:30 น.
สงสัยพลังสาวผีเสื้อจะเจ๋งกว่าบรรดาหนุ่มดอกไม้ นาเดียถึงพูดอย่างนั้น
กลายเป็นทั้งกลุ่มเต็มใจกลับมาเพื่อโดนจับทดลองอีกซะอย่างนั้น เฟย์จะเป็นไงบ้าง
เอเดนดูโรคจิตพิกล
สงสัยพลังสาวผีเสื้อจะเจ๋งกว่าบรรดาหนุ่มดอกไม้ นาเดียถึงพูดอย่างนั้น
กลายเป็นทั้งกลุ่มเต็มใจกลับมาเพื่อโดนจับทดลองอีกซะอย่างนั้น เฟย์จะเป็นไงบ้าง
เอเดนดูโรคจิตพิกล