เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต
ตอน: ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้(...ต่อ) + เล่นเกมแจกนิยายในเฟซบุ๊คจ้า
เสียงซึ่งจำได้ว่าเป็นของนาเดียคอยบอกให้พวกเขาเลี้ยวซ้ายหรือขวา สู่หนทางลึกลงไปอีก
แต่คราวนี้มันไม่ใช่เสียงพูดสดๆอีกแล้ว คงถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าเพื่อรอวันนี้
กระทั่งคนทั้งห้าเข้าไปสู่ห้องสีเทาโล่งโถงและค่อนข้างจะว่างเปล่า มีตู้เย็นกับห้องน้ำ
ไม่มีเฟอนิเจอร์อื่นใดนอกจากเตียงแคบๆหกเตียงตั้งชิดผนังฝั่งละสาม เกินจำนวนคนที่มีไปหนึ่ง
ประตูปิดลงขังพวกเขาไว้ในนั้น เมื่อสำรวจแล้วไม่พบสิ่งน่าสนใจวาริชก็นั่งลงบนเตียง
ขยับหมอนหนุนขึ้นมาอิงหลัง ควักหนังสือที่เหน็บไว้ตรงกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมาอ่านต่อ
โดยมีสายตาของครามมองอย่างรำคาญปนระอา ในขณะที่ดาหวันออกจะยินดี
ที่คั่นหนังสือยังอยู่ตรงนั้น ยิ่งถ้ากลิ่นน้ำตานางฟ้าเรียกความทรงจำส่วนหนึ่งของวาริชกลับมา
ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวเขาเองมากเท่านั้น
“ผมไม่ชอบทำอะไรไร้ประโยชน์ ผ่อนคลายดีกว่า” สัตวแพทย์หนุ่มบอกทุกคนโดยสายตาไม่ละไปจาก
หน้ากระดาษ “อย่างน้อย ก่อนตายขออ่านหนังสือที่ชอบให้จบอีกสักรอบ จะได้ไม่เหลืออารมณ์ค้างคา”
“เสียดาย เราน่าจะมีหนังสือบ้าง” นวาระเปรย เขากำลังทำความสะอาดมีดของทรงวุฒิ
ที่ปลดแยกออกมาแล้วจากพวงกุญแจตรงอ่างล้างหน้าใกล้ห้องน้ำ รู้ว่าคงเก็บสิ่งนี้ไว้
กับตัวตลอดไปไม่ได้ พวกนั้นจะต้องเอามันไปแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากจะให้มี
กลิ่นเลือดของคนที่เพิ่งจะตายติดค้างบนคมมีดสวยๆ
วนัสสาพยายามสัมผัสสิ่งต่างๆรอบห้องด้วยมือ แล้วก็รู้ว่าตนเองไม่เคยมาที่นี่
หญิงสาวตัดใจ รู้สึกหิวจึงคิดหาอะไรในตู้เย็นรองท้อง เธอหยิบขวดนมสดเย็นๆ
ออกมาเสียบหลอด ตั้งท่าจะดื่ม ครามไม่รู้มาจากไหน มือแข็งแรงนั้นฉวยนมไปดื่มก่อน
ทั้งคู่ประสานสายตากันอยู่นาน ก่อนที่เขาจะยอมให้เธอดึงมันคืนไปจากมือ
วนัสสาไม่ได้พูดขอบคุณ แต่เธออมยิ้มเพราะเห็นแววห่วงใยในดวงตานั้น
แปลว่าถ้าเธอหิวเขาจะลองกินให้ดูก่อน ถ้าในนมนี้มีอะไรผสมอยู่
ก็เป็นเขาที่จะต้องล้มลงก่อน อย่างนั้นใช่ไหม
ครามก้มลงมองหญิงสาวที่ดื่มนมจากหลอดเดียวกันกับเขาอึกๆเหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆ
อดไม่ได้ที่จะลูบผมเป็นคลื่นนิ่มมือบนศีรษะของคนตรงหน้า ลูบผมม้าสั้นๆที่ล้มกรอบหน้านั้น
ขึ้น เปิดให้เห็นหน้าผากนูนสวยเกลี้ยงเกลาชัดๆเป็นครั้งแรก ตุ๊กตาตัวสวยของเขา
แต่เป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตจิตใจ เขาอยากอยู่ปกป้องเธอไปจนถึงที่สุด ทว่าในสถานการณ์แบบนี้
ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้เลยสักอย่างเดียว
นวาระแทรกกลางเข้ามาคุ้ยตู้เย็นหาอะไรรองท้องบ้าง ชายหนุ่มคว้าขวดน้ำส้มมาเปิดจิบ
โดยไม่พึ่งหลอด ทั้งยังมายืนรวมกลุ่มกับชายหนุ่มและหญิงสาว เลิกคิ้วเงียบๆ
คล้ายกับว่าขอมีส่วนในวงที่ยืนกันอยู่นี้ด้วยคน
เวลาผ่านไป หลังจากถกกันเป็นพักๆ ทุกคนก็รู้ว่าทางเลือกของพวกเขามีแต่รอเท่านั้น
พวกผู้ชายนอนกันอยู่เตียงฝั่งหนึ่งของผนังในทีแรก อีกฝั่งมีวนัสสา กับดาหวันที่ขอตัว
หลับเอาแรงไปแล้วโดยไม่ยอมถอดแม้แต่รองเท้า เรียกว่าเตรียมพร้อมไว้ตลอด
วนัสสานั่งมองแล้วก็ส่ายหน้า นอนครบชุดแบบนั้นเป็นเธอคงหลับไม่ลง
วาริชดูเหมือนจะไม่ได้มีสมาธิในการอ่านหนังสือมากเท่าที่ตนตั้งใจ จังหวะหนึ่ง
ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น ย้ายไปนั่งลงบนเตียงเดี่ยวแคบๆข้างเตียงของวนัสสาที่ยังว่างอยู่
ก่อนจะเริ่มต้นอ่านหนังสือต่อ ไลฟ์ ออฟ พาย เรื่องที่ทั้งเสือและคนต้องติดอยู่ด้วยกันบนเรือแตก
ไม่อาจหนีกันและกันไปไหนได้นอกจากหาทางเผชิญหน้า เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ผ่านพ้น
สถานการณ์แห่งความเป็นความตายนั้นไป
นวาระลุกจากเตียงเช่นกัน ชายหนุ่มย้ายตัวเองไปนั่งแปะลงบนเตียงวนัสสา ชวนเธอคุยเสียอย่างนั้น
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ เขาให้ทำอะไร อย่าต่อต้าน ทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นพวกเดียวกัน
นั่นเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด เข้าใจนะ เชื่อผม...แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ผมจะหาทางช่วยคุณเอง”
“คุณพูดเหมือนรู้อะไร” วนัสสาลุกยืนขึ้นกอดอก ไม่เชิงว่าลุกหนีอย่างโจ่งแจ้งนัก
ไม่ว่าอดีตเขาและเธอจะเคยเป็นมายังไงนั้นยังแน่ใจไม่ได้ คนที่เธอเต้นรำด้วย
อาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชายที่เธอรัก และแม้แต่คนที่มอบรอยสักให้เธอก็เหมือนกัน
เธอบอกตัวเองอย่างนั้น แต่อีกใจ หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองทนไม่ได้กับการที่ตาเรียวๆคู่หนึ่ง
จ้องมองมาจากฝั่งตรงข้าม
วนัสสาเดินไปดื่มน้ำเย็น จากนั้นก็เลยหนีไปจับจองเตียงอีกฝั่งข้างครามแล้วก็ล้มตัวลงนอนเสียเลย
หันหลังให้ผู้ชายสามคนที่กำลังก่อสงครามเย็นทางสายตากันอยู่โดยไม่อยากจะสนใจ
ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีที่แต่ละคนดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางอยู่บนเตียงเรียบร้อย
กรงกั้นก็เคลื่อนปิดตัวลงมาฉับไว กั้นแยกทุกเตียงออกจากกัน!
“นี่มันกรงขังหมาหรือว่าคุกกันแน่ล่ะ” ดาหวันที่ตื่นขึ้นมาในนาทีนั้นสบถอย่างโกรธๆ
วาริชปิดหนังสือ แต่ละคนผุดลุกขึ้นมาเขย่า บ้างก็เคาะดูลูกกรงหาทางหนีทีไล่ ไม่มีใครโวยวาย
ทว่ามีเพียงนวาระที่ยังเอนตัวอยู่ครึ่งๆบนเตียง กอดอกครุ่นคิดเงียบๆ แต่สายตาของเขาก็สำรวจไปทั่วไม่ต่างกัน
ครามเข้าไปเกาะลูกกรงด้านที่ติดกับเตียงวนัสสา ดีที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ติดกันกับเขา
อย่างน้อยก็ดีกว่าแยกกันไกลคนละฝั่ง “วนัส เธอโอเคหรือเปล่า”
หญิงสาวไม่ได้หันไปสบตาเขาในทันที คล้ายว่าความสนใจของเธอยังอยู่ที่ลูกกรง
“ในเวลาอย่างนี้ ห่วงตัวคุณเองไปเถอะ”
ครามนิ่งอั้นแต่ก็คล้ายไม่ถือสา คิดว่าเธอคงกลัวหรือตกใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
อันที่จริงวนัสสาเพียงแต่เริ่มคิดได้ แค่นี้เขาก็ทำท่าห่วงใยเธอมามากพอแล้ว
จะให้คนพวกนั้นรู้ไม่ได้ ว่าตรงนี้ยังมีคนที่เริ่มจะสำคัญขึ้นเรื่อยๆสำหรับเธออยู่อีกคน
ไหนจะพ่อ ไหนจะเฟย์ ยิ่งเมื่อเข้าสู่สถานการณ์น่ากลัวใจเธอยิ่งพะวงถึงแต่ครามอย่างชัดเจน
เขาอาจไม่ใช่ผู้ชายที่มอบรอยสักให้เธอ ไม่ใช่คนรักที่เธอมาตามหา แต่ตอนนี้เธอควบคุม
ใจตัวเองไม่ได้แล้ว ยิ่งผ่านเมื่อคืนมาด้วยกัน อ้อมกอดที่ยังใหม่สด จนเธอเกือบจะกลายเป็น
หนึ่งเดียวกับเขาอยู่รอมร่อ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมปล่อยให้มันดำเนินไปจนล่อแหลมขนาดนั้น
กับผู้ชายอื่น แค่กอดจูบยังไม่เคยที่เธอจะยอม
เสียงเลื่อนครืนอีกครั้งเมื่อผนังตรงหัวเตียงของทุกคนเลื่อนเปิด เห็นเป็นช่องแคบๆ
อันจะนำพวกเขาไปสู่สถานที่ใหม่ การทดลองซึ่งแตกต่างกันสำหรับแต่ละคน...
“ไปเถอะ อยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์” นวาระเป็นคนแรกที่ตั้งท่าจะจากไปตามทางของเขา
ทว่าก่อนไปชายหนุ่มยังหันมาเอ่ย “อย่าลืมนะวนัสสา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จำไว้...ผมจะต้องมาช่วยคุณ”
นวาระขยิบตาสวยของเขาส่งท้ายทีหนึ่ง ก่อนจะล้วงกระเป๋า ผิวปากเดินเข้าสู่หนทางมืด
ที่รอคอยเขาอยู่ ท่วงทำนองเดียวกับที่เพิ่งเล่นเป็นเพลงเปียโนในวันนี้ แล้วเสียงของเขาก็ค่อยๆ
แผ่วหายไปตามทางซึ่งทอดยาวไปสู่ความมืด ทิ้งให้คนที่เหลือแต่ละคนตัดสินใจ
กับอนาคตของแต่ละคนลำพัง
“นวาระดูจะไปได้สวยกว่าคนอื่น เพราะเขาไม่มีจุดอ่อน ไม่มีอะไรที่เราจะเอามาขู่ได้เลย
แม้แต่ชีวิตของวนัสสาก็เถอะ...แล้วคุณล่ะ คิดว่าไง”
คนถามเป็นชายกลางคนที่ยังดูหนุ่มแน่นภูมิฐานเหมือนหนุ่มใหญ่ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้บุกำมะหยี่นุ่มหนา
กำลังจิบเบียร์ดำรสแรงพลางชมภาพจากกล้องหลายตัวที่ขึ้นมาเรียงรายบนจอมหึมาตรงหน้า
แน่นอนว่าสำหรับเศรษฐีอื่นอาจจะเป็นไวน์ แต่สำหรับอดีตนักเลงใต้ที่เข้มไปทั้งตัวและใจอย่างเทวัญ
นิยมแบบนี้มากกว่า ในห้องมืดมีเพียงเขากับสตรีแสนสวยร่างสะโอดสะองอย่างศศิราศีที่คอยรับชม
ผลงานของกลุ่มร่วมทุนอยู่ด้วยกัน
“ก็...น่าจะเป็นเขาละค่ะที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุด แต่ก็อย่างว่าละนะ เรายอมให้เขาโกง
หยวนให้เขามากกว่าใคร”
“เพราะคนอื่นไม่ได้พยายามจะทำแบบเขาต่างหาก
บางทีเด็กคนนี้อาจเป็นผลสำเร็จสูงสุดของการทดลองก็เป็นได้”
“จากการทดสอบเบื้องต้นคราวก่อน ก็มีแต่เขากับวนัสสานี่คะท่าน ที่มีความสามารถ
ระดับเอสคลาส อย่างครามกับวาริช ยังถือว่ารองๆลงมา”
“ดาหวันก็เป็นแค่ตัวแถมละสิ” เทวัญหัวเราะหึๆ ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกอึกใหญ่
ขณะมองวาริชผละทิ้งไปจากกรงแคบๆที่ล้อมเตียงเป็นรายที่สอง สามคือวนัสสา
เหลือแต่ครามและดาหวันที่ยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่สองคน
“ค่ะ หรือท่านอยากให้ลูกสาวเป็นตัวเอก ในเรื่องที่อาจจะดำเนินไปเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อไหร่ก็ได้...ไม่ดีมั้ง”
“แล้วคุณไม่ห่วงนวาระหรือไง เพราะอย่างน้อยสำหรับคุณ เขาก็...”
“โอ๊ย ไม่หรอกค่ะ ไม่เลย ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่เป็นไร รายนี้ตัดสินใจทำอะไรถูกเสมอแหละ”
ถ้าจะพูดให้ถูก ศศิราศีรู้จักนวาระมานานเหลือเกินแล้ว แทบเรียกได้ว่าไม่มีใครรู้จักทั้งคู่
ดีไปกว่ากันและกัน แม้ในระยะหลังของความสัมพันธ์ ความไม่เข้าใจกันบวกกับทัศนคติ
ซึ่งแตกต่างออกไปจะทำให้ทั้งคู่กลายเป็นห่างเหิน แต่สุดท้ายเธอก็ยังรู้จักเขาดีที่สุดในโลกอยู่วันยังค่ำ
“ผมหวังว่างวดนี้คงสนุกขึ้นกว่างวดที่แล้วนะ ยายเด็กวนัสสานั่นร้ายมาก
อาละวาดเสียเราแทบพังไปเลย ไม่คิดว่าจะบ้าได้ขนาดนั้น”
“ความสนุกรอบนี้กำลังจะเริ่ม คงเข้มข้นกว่าเดิม เรามีหน้าที่ก็แค่รอชมความบันเทิง
อยู่ตรงนี้กันสองคนนะคะท่าน อย่ากังวลล่วงหน้าเลย ทุกอย่างจะไปได้สวย”
ศศิราศีดึงเบียร์ไปจากมือใหญ่แข็งแรงอย่างละมุนละม่อม วางมันลง
ก่อนจะเป็นตัวเธอเองที่ขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้กุมชะตาของเวชกุล
ทั้งที่เขาเคยเป็นคนมาจากที่อื่น เริ่มจากเป็นรองดร.กฤษณะสามีเธอ
จนไต่ขึ้นมาอยู่เหนือกว่าในเวลานี้ ด้วยอำนาจบารมีที่เพียรสั่งสม
ศศิราศีรู้ดี ตนต้องพึ่งเทวัญ เทวดา...อาจไม่ได้ลอยมาจากเบื้องเหนือสุดเสมอไป
อำนาจก็เช่นกัน อาจมาจากทิศใต้ก็เป็นได้ แต่ที่ต้องทำก็คือ ครอบงำอำนาจไว้ด้วยตัวเธอ
อีกคำรบหนึ่ง สาวสวยจึงค่อยๆหย่อนตัวลงคร่อมตักของเทวัญเต็มตัว ก่อนยกแก้วเบียร์ดำขึ้นจิบ
จุมพิตเขา ให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสเบียร์ผ่านริมฝีปากของเธอเอง
หนุ่มใหญ่หัวเราะกระหึ่มอยู่ในคอ เลิกสนใจภาพบนจอ แต่ปากของเขายังไม่วายเย้าสาวเสน่ห์แรง
“จะดีเหรอคุณราศี กฤษณะสามีคุณก็อยู่ร่วมชายคากับเรานะตอนนี้”
“เขาคงยุ่งอีกพักใหญ่ค่ะ ฝูงปศุสัตว์ของเขาเพิ่งกลับเข้าคอกนี่นา” ศศิราศีลูบไล้ใบหน้า
ซึ่งยังคงเค้าความหล่อเหลาของเทวัญที่ถูกใจเธอมากกว่าสามีผู้แสนจะจืดชืดน่าเบื่อหน่ายเหลือทน
“ฝูงปศุสัตว์ของผม ส่วนเขามันก็แค่คนดูแลสัตว์ คอยเช็ดล้างอาจม” เทวัญเยาะ
“ค่ะ ของท่าน...”
ผมยาวเส้นตรงสลวยตกลงระผิวหน้าเทวัญ ปลุกเร้าอารมณ์เขาขึ้นมาได้
ฝ่ามือใหญ่หนาลูบไล้ต้นขาภายใต้ถุงน่องดำบางๆที่ซ่อนผิวเนื้อขาวจัดไว้ไม่มิด
“ใครตั้งชื่อให้คุณนะ สมตัวเหลือเกิน ขาว สว่าง สวยเหมือนพระจันทร์”
“ชื่อศศิราศีน่ะเหรอคะ แปลกที่ท่านเกิดพูดถึงขึ้นมา... อันที่จริงฉันนี่แหละเป็นคนตั้งเอง
เพราะรู้จักตัวเองดีที่สุดไง จะเกิดมาแบบไหน มันไม่สำคัญเท่ากับที่เราต้องรู้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ผู้เฝ้าดูทั้งสองไม่ได้หันกลับไปเห็นว่าในขณะที่คราม
ไปพ้นจากกรงขังของเขาแล้ว ยังเหลือดาหวันที่มองขึ้นมาสบเลนส์กล้องด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ
แววตานั้นประหนึ่งว่าจะเห็นทะลุมาได้ถึงเหตุการณ์ซึ่งกำลังบังเกิดอีกฝั่งฟากของจอ
วาริชเดินไปตามทางจนพบประตูฝืดๆบานหนึ่ง กว่าเขาจะเปิดมันได้ก็ต้องออกแรงถึงขั้นเอาตัวดัน
“เฮ้ย คิดไว้หรือเปล่าวะเนี่ย ถ้าอย่างคุณหนูวนัสสาเกิดต้องมาทางนี้จะเปิดออกได้ยังไง”
“ต้องคำนวณไว้แล้วแน่นอนค่ะหมอวาริช”
เสียงหวานใสของนาเดียที่ดูเหมือนจะเป็นการพูดสดอีกครั้งเอ่ยเจือกระแสขบขัน
“เป็นไปได้ยากที่จะเป็นคนอื่นนะคะ... เพราะจากการประมวลผลพฤติกรรม ภูมิรู้
การตัดสินใจทุกๆอย่างของพวกคุณแล้ว มีความเป็นไปได้ถึง ๗๗.๙๕ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว
ที่คุณวาริชจะมาลงเอยที่เตียงสุดท้ายก่อนเราจะแยกคุณออกมา”
“หนอย ยายเมดตัวแสบ อย่าให้เจอนะ พ่อจะจับมาตีก้นให้เป็นรอยมือประทับเชียว”
สัตวแพทย์หนุ่มพึมพำโกรธๆ
“คุณว่าอะไรนะคะ ดิฉันได้ยินไม่ถนัด”
“ถ้าอยากให้ได้ยินก็คงพูดให้ดังๆแล้วละแม่คุณ” วาริชคำรามเสียงห้าว
“หมอริชก็ยังแสบสันเหมือนเคยนะคะ คราวก่อนคุณก็ไม่เบา
ยังไงคราวนี้ก็ขอให้โชคช่วยเหมือนเดิม” นาเดียเอ่ยด้วยเสียงหวานเจือรอยแห่งความหวังดี
ชายหนุ่มเดินไปตามที่นาเดียบอกผ่านเสียงตามสายซึ่งเขาไม่พบที่มา
รู้แต่เมื่อไปถึงห้องหนึ่งซึ่งมีไฟเขียวเรืองติดอยู่หน้าห้องก็ดูเหมือนจะหมดหน้าที่ของผู้นำทาง
วาริชส่ายหน้าเครียดๆ ก่อนจะเปิดประตูนั้นเข้าไป ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มตะลึง ทั้งห้องสลัว
แต่มีแสงสว่างโพลงอยู่กระหย่อมหนึ่งส่องไปยังเตียงคนไข้ กับร่างไร้ชีวิตซึ่งมีสายระโยงระยาง
จนน่าเวียนหัว ทำไมเขาถึงรู้ว่าไร้ชีวิตน่ะหรือ...
“เอาละ วาริช เรามาลองวิชาหมอเถื่อนของคุณดูสักหน่อยดีไหม”
“อาจารย์หมอกฤษณะ!”
เสียงที่ดังกระหึ่มขึ้นเสียงใหม่นั้นกลายเป็นอาจารย์ของวาริชเองไปเสียแล้ว
“ทำไมอาจารย์ถึงได้...”
“จุๆ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย เดี๋ยวมันจะสายเกินไป การทดลองแรกอยู่ตรงหน้าคุณนั่นไง
มีพลังในการรักษาไม่ใช่เหรอ ใช้มันซะสิ”
“ดูเหมือนผมจะเก่งเรื่องทำลายมากกว่า”
“แต่คราวนี้คุณต้องรักษา”
“อะไร ผมรักษาคนตายไปแล้วไม่ได้หรอกนะ!”
“ลองคิดว่าร่างตรงหน้าเป็นพ่อแม่บุญธรรมของคุณก็แล้วกัน
ถ้าเป็นหนึ่งในสองคนที่ว่า คุณคงจะยอมทำ”
“เฮอะ แน่ใจขนาดนั้นเลย”
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่แคร์เลยวาริช ผมรู้ว่าคุณรักสองคนนั่น ไม่ใช่สิ แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
จากที่คุณแสดงให้เราเห็นเองเมื่อการทดลองครั้งก่อน ตอนนี้คุณจำไม่ได้แล้ว”
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอาจารย์เลวขนาดนี้” ชายหนุ่มสบถเสียงแหบห้วน
“เร่งมือเถอะ สมองในร่างตรงหน้าคุณตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่หรือเสียไปเท่าไหร่แล้ว
งานแรกของคุณคือทำให้สิ่งตรงหน้านั่นมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยพลังจิตในการรักษา
พยายามเข้านะ คุณเป็นศิษย์เอกของผม คนแรก...และคนเดียว”
วาริชส่ายหน้า คำรามอย่างเหลืออดเหลือทนยิ่งกว่าเดิม
“ให้ตายเถอะ ชุบชีวิตคนตาย ผมไม่ใช่พระเจ้านะโว้ยคุณ!”
---------------
อย่าลืมเซิชหาเพจ อสิตา ในเฟซบุคนะคะ
กำลังมีเกมแจกหนังสือเงารักสีน้ำเงิน
^3^ จุ๊บบบ
แต่คราวนี้มันไม่ใช่เสียงพูดสดๆอีกแล้ว คงถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าเพื่อรอวันนี้
กระทั่งคนทั้งห้าเข้าไปสู่ห้องสีเทาโล่งโถงและค่อนข้างจะว่างเปล่า มีตู้เย็นกับห้องน้ำ
ไม่มีเฟอนิเจอร์อื่นใดนอกจากเตียงแคบๆหกเตียงตั้งชิดผนังฝั่งละสาม เกินจำนวนคนที่มีไปหนึ่ง
ประตูปิดลงขังพวกเขาไว้ในนั้น เมื่อสำรวจแล้วไม่พบสิ่งน่าสนใจวาริชก็นั่งลงบนเตียง
ขยับหมอนหนุนขึ้นมาอิงหลัง ควักหนังสือที่เหน็บไว้ตรงกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมาอ่านต่อ
โดยมีสายตาของครามมองอย่างรำคาญปนระอา ในขณะที่ดาหวันออกจะยินดี
ที่คั่นหนังสือยังอยู่ตรงนั้น ยิ่งถ้ากลิ่นน้ำตานางฟ้าเรียกความทรงจำส่วนหนึ่งของวาริชกลับมา
ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวเขาเองมากเท่านั้น
“ผมไม่ชอบทำอะไรไร้ประโยชน์ ผ่อนคลายดีกว่า” สัตวแพทย์หนุ่มบอกทุกคนโดยสายตาไม่ละไปจาก
หน้ากระดาษ “อย่างน้อย ก่อนตายขออ่านหนังสือที่ชอบให้จบอีกสักรอบ จะได้ไม่เหลืออารมณ์ค้างคา”
“เสียดาย เราน่าจะมีหนังสือบ้าง” นวาระเปรย เขากำลังทำความสะอาดมีดของทรงวุฒิ
ที่ปลดแยกออกมาแล้วจากพวงกุญแจตรงอ่างล้างหน้าใกล้ห้องน้ำ รู้ว่าคงเก็บสิ่งนี้ไว้
กับตัวตลอดไปไม่ได้ พวกนั้นจะต้องเอามันไปแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากจะให้มี
กลิ่นเลือดของคนที่เพิ่งจะตายติดค้างบนคมมีดสวยๆ
วนัสสาพยายามสัมผัสสิ่งต่างๆรอบห้องด้วยมือ แล้วก็รู้ว่าตนเองไม่เคยมาที่นี่
หญิงสาวตัดใจ รู้สึกหิวจึงคิดหาอะไรในตู้เย็นรองท้อง เธอหยิบขวดนมสดเย็นๆ
ออกมาเสียบหลอด ตั้งท่าจะดื่ม ครามไม่รู้มาจากไหน มือแข็งแรงนั้นฉวยนมไปดื่มก่อน
ทั้งคู่ประสานสายตากันอยู่นาน ก่อนที่เขาจะยอมให้เธอดึงมันคืนไปจากมือ
วนัสสาไม่ได้พูดขอบคุณ แต่เธออมยิ้มเพราะเห็นแววห่วงใยในดวงตานั้น
แปลว่าถ้าเธอหิวเขาจะลองกินให้ดูก่อน ถ้าในนมนี้มีอะไรผสมอยู่
ก็เป็นเขาที่จะต้องล้มลงก่อน อย่างนั้นใช่ไหม
ครามก้มลงมองหญิงสาวที่ดื่มนมจากหลอดเดียวกันกับเขาอึกๆเหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆ
อดไม่ได้ที่จะลูบผมเป็นคลื่นนิ่มมือบนศีรษะของคนตรงหน้า ลูบผมม้าสั้นๆที่ล้มกรอบหน้านั้น
ขึ้น เปิดให้เห็นหน้าผากนูนสวยเกลี้ยงเกลาชัดๆเป็นครั้งแรก ตุ๊กตาตัวสวยของเขา
แต่เป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตจิตใจ เขาอยากอยู่ปกป้องเธอไปจนถึงที่สุด ทว่าในสถานการณ์แบบนี้
ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้เลยสักอย่างเดียว
นวาระแทรกกลางเข้ามาคุ้ยตู้เย็นหาอะไรรองท้องบ้าง ชายหนุ่มคว้าขวดน้ำส้มมาเปิดจิบ
โดยไม่พึ่งหลอด ทั้งยังมายืนรวมกลุ่มกับชายหนุ่มและหญิงสาว เลิกคิ้วเงียบๆ
คล้ายกับว่าขอมีส่วนในวงที่ยืนกันอยู่นี้ด้วยคน
เวลาผ่านไป หลังจากถกกันเป็นพักๆ ทุกคนก็รู้ว่าทางเลือกของพวกเขามีแต่รอเท่านั้น
พวกผู้ชายนอนกันอยู่เตียงฝั่งหนึ่งของผนังในทีแรก อีกฝั่งมีวนัสสา กับดาหวันที่ขอตัว
หลับเอาแรงไปแล้วโดยไม่ยอมถอดแม้แต่รองเท้า เรียกว่าเตรียมพร้อมไว้ตลอด
วนัสสานั่งมองแล้วก็ส่ายหน้า นอนครบชุดแบบนั้นเป็นเธอคงหลับไม่ลง
วาริชดูเหมือนจะไม่ได้มีสมาธิในการอ่านหนังสือมากเท่าที่ตนตั้งใจ จังหวะหนึ่ง
ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น ย้ายไปนั่งลงบนเตียงเดี่ยวแคบๆข้างเตียงของวนัสสาที่ยังว่างอยู่
ก่อนจะเริ่มต้นอ่านหนังสือต่อ ไลฟ์ ออฟ พาย เรื่องที่ทั้งเสือและคนต้องติดอยู่ด้วยกันบนเรือแตก
ไม่อาจหนีกันและกันไปไหนได้นอกจากหาทางเผชิญหน้า เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ผ่านพ้น
สถานการณ์แห่งความเป็นความตายนั้นไป
นวาระลุกจากเตียงเช่นกัน ชายหนุ่มย้ายตัวเองไปนั่งแปะลงบนเตียงวนัสสา ชวนเธอคุยเสียอย่างนั้น
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ เขาให้ทำอะไร อย่าต่อต้าน ทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นพวกเดียวกัน
นั่นเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด เข้าใจนะ เชื่อผม...แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ผมจะหาทางช่วยคุณเอง”
“คุณพูดเหมือนรู้อะไร” วนัสสาลุกยืนขึ้นกอดอก ไม่เชิงว่าลุกหนีอย่างโจ่งแจ้งนัก
ไม่ว่าอดีตเขาและเธอจะเคยเป็นมายังไงนั้นยังแน่ใจไม่ได้ คนที่เธอเต้นรำด้วย
อาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชายที่เธอรัก และแม้แต่คนที่มอบรอยสักให้เธอก็เหมือนกัน
เธอบอกตัวเองอย่างนั้น แต่อีกใจ หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองทนไม่ได้กับการที่ตาเรียวๆคู่หนึ่ง
จ้องมองมาจากฝั่งตรงข้าม
วนัสสาเดินไปดื่มน้ำเย็น จากนั้นก็เลยหนีไปจับจองเตียงอีกฝั่งข้างครามแล้วก็ล้มตัวลงนอนเสียเลย
หันหลังให้ผู้ชายสามคนที่กำลังก่อสงครามเย็นทางสายตากันอยู่โดยไม่อยากจะสนใจ
ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีที่แต่ละคนดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางอยู่บนเตียงเรียบร้อย
กรงกั้นก็เคลื่อนปิดตัวลงมาฉับไว กั้นแยกทุกเตียงออกจากกัน!
“นี่มันกรงขังหมาหรือว่าคุกกันแน่ล่ะ” ดาหวันที่ตื่นขึ้นมาในนาทีนั้นสบถอย่างโกรธๆ
วาริชปิดหนังสือ แต่ละคนผุดลุกขึ้นมาเขย่า บ้างก็เคาะดูลูกกรงหาทางหนีทีไล่ ไม่มีใครโวยวาย
ทว่ามีเพียงนวาระที่ยังเอนตัวอยู่ครึ่งๆบนเตียง กอดอกครุ่นคิดเงียบๆ แต่สายตาของเขาก็สำรวจไปทั่วไม่ต่างกัน
ครามเข้าไปเกาะลูกกรงด้านที่ติดกับเตียงวนัสสา ดีที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ติดกันกับเขา
อย่างน้อยก็ดีกว่าแยกกันไกลคนละฝั่ง “วนัส เธอโอเคหรือเปล่า”
หญิงสาวไม่ได้หันไปสบตาเขาในทันที คล้ายว่าความสนใจของเธอยังอยู่ที่ลูกกรง
“ในเวลาอย่างนี้ ห่วงตัวคุณเองไปเถอะ”
ครามนิ่งอั้นแต่ก็คล้ายไม่ถือสา คิดว่าเธอคงกลัวหรือตกใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
อันที่จริงวนัสสาเพียงแต่เริ่มคิดได้ แค่นี้เขาก็ทำท่าห่วงใยเธอมามากพอแล้ว
จะให้คนพวกนั้นรู้ไม่ได้ ว่าตรงนี้ยังมีคนที่เริ่มจะสำคัญขึ้นเรื่อยๆสำหรับเธออยู่อีกคน
ไหนจะพ่อ ไหนจะเฟย์ ยิ่งเมื่อเข้าสู่สถานการณ์น่ากลัวใจเธอยิ่งพะวงถึงแต่ครามอย่างชัดเจน
เขาอาจไม่ใช่ผู้ชายที่มอบรอยสักให้เธอ ไม่ใช่คนรักที่เธอมาตามหา แต่ตอนนี้เธอควบคุม
ใจตัวเองไม่ได้แล้ว ยิ่งผ่านเมื่อคืนมาด้วยกัน อ้อมกอดที่ยังใหม่สด จนเธอเกือบจะกลายเป็น
หนึ่งเดียวกับเขาอยู่รอมร่อ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมปล่อยให้มันดำเนินไปจนล่อแหลมขนาดนั้น
กับผู้ชายอื่น แค่กอดจูบยังไม่เคยที่เธอจะยอม
เสียงเลื่อนครืนอีกครั้งเมื่อผนังตรงหัวเตียงของทุกคนเลื่อนเปิด เห็นเป็นช่องแคบๆ
อันจะนำพวกเขาไปสู่สถานที่ใหม่ การทดลองซึ่งแตกต่างกันสำหรับแต่ละคน...
“ไปเถอะ อยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์” นวาระเป็นคนแรกที่ตั้งท่าจะจากไปตามทางของเขา
ทว่าก่อนไปชายหนุ่มยังหันมาเอ่ย “อย่าลืมนะวนัสสา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จำไว้...ผมจะต้องมาช่วยคุณ”
นวาระขยิบตาสวยของเขาส่งท้ายทีหนึ่ง ก่อนจะล้วงกระเป๋า ผิวปากเดินเข้าสู่หนทางมืด
ที่รอคอยเขาอยู่ ท่วงทำนองเดียวกับที่เพิ่งเล่นเป็นเพลงเปียโนในวันนี้ แล้วเสียงของเขาก็ค่อยๆ
แผ่วหายไปตามทางซึ่งทอดยาวไปสู่ความมืด ทิ้งให้คนที่เหลือแต่ละคนตัดสินใจ
กับอนาคตของแต่ละคนลำพัง
“นวาระดูจะไปได้สวยกว่าคนอื่น เพราะเขาไม่มีจุดอ่อน ไม่มีอะไรที่เราจะเอามาขู่ได้เลย
แม้แต่ชีวิตของวนัสสาก็เถอะ...แล้วคุณล่ะ คิดว่าไง”
คนถามเป็นชายกลางคนที่ยังดูหนุ่มแน่นภูมิฐานเหมือนหนุ่มใหญ่ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้บุกำมะหยี่นุ่มหนา
กำลังจิบเบียร์ดำรสแรงพลางชมภาพจากกล้องหลายตัวที่ขึ้นมาเรียงรายบนจอมหึมาตรงหน้า
แน่นอนว่าสำหรับเศรษฐีอื่นอาจจะเป็นไวน์ แต่สำหรับอดีตนักเลงใต้ที่เข้มไปทั้งตัวและใจอย่างเทวัญ
นิยมแบบนี้มากกว่า ในห้องมืดมีเพียงเขากับสตรีแสนสวยร่างสะโอดสะองอย่างศศิราศีที่คอยรับชม
ผลงานของกลุ่มร่วมทุนอยู่ด้วยกัน
“ก็...น่าจะเป็นเขาละค่ะที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุด แต่ก็อย่างว่าละนะ เรายอมให้เขาโกง
หยวนให้เขามากกว่าใคร”
“เพราะคนอื่นไม่ได้พยายามจะทำแบบเขาต่างหาก
บางทีเด็กคนนี้อาจเป็นผลสำเร็จสูงสุดของการทดลองก็เป็นได้”
“จากการทดสอบเบื้องต้นคราวก่อน ก็มีแต่เขากับวนัสสานี่คะท่าน ที่มีความสามารถ
ระดับเอสคลาส อย่างครามกับวาริช ยังถือว่ารองๆลงมา”
“ดาหวันก็เป็นแค่ตัวแถมละสิ” เทวัญหัวเราะหึๆ ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกอึกใหญ่
ขณะมองวาริชผละทิ้งไปจากกรงแคบๆที่ล้อมเตียงเป็นรายที่สอง สามคือวนัสสา
เหลือแต่ครามและดาหวันที่ยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่สองคน
“ค่ะ หรือท่านอยากให้ลูกสาวเป็นตัวเอก ในเรื่องที่อาจจะดำเนินไปเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อไหร่ก็ได้...ไม่ดีมั้ง”
“แล้วคุณไม่ห่วงนวาระหรือไง เพราะอย่างน้อยสำหรับคุณ เขาก็...”
“โอ๊ย ไม่หรอกค่ะ ไม่เลย ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่เป็นไร รายนี้ตัดสินใจทำอะไรถูกเสมอแหละ”
ถ้าจะพูดให้ถูก ศศิราศีรู้จักนวาระมานานเหลือเกินแล้ว แทบเรียกได้ว่าไม่มีใครรู้จักทั้งคู่
ดีไปกว่ากันและกัน แม้ในระยะหลังของความสัมพันธ์ ความไม่เข้าใจกันบวกกับทัศนคติ
ซึ่งแตกต่างออกไปจะทำให้ทั้งคู่กลายเป็นห่างเหิน แต่สุดท้ายเธอก็ยังรู้จักเขาดีที่สุดในโลกอยู่วันยังค่ำ
“ผมหวังว่างวดนี้คงสนุกขึ้นกว่างวดที่แล้วนะ ยายเด็กวนัสสานั่นร้ายมาก
อาละวาดเสียเราแทบพังไปเลย ไม่คิดว่าจะบ้าได้ขนาดนั้น”
“ความสนุกรอบนี้กำลังจะเริ่ม คงเข้มข้นกว่าเดิม เรามีหน้าที่ก็แค่รอชมความบันเทิง
อยู่ตรงนี้กันสองคนนะคะท่าน อย่ากังวลล่วงหน้าเลย ทุกอย่างจะไปได้สวย”
ศศิราศีดึงเบียร์ไปจากมือใหญ่แข็งแรงอย่างละมุนละม่อม วางมันลง
ก่อนจะเป็นตัวเธอเองที่ขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้กุมชะตาของเวชกุล
ทั้งที่เขาเคยเป็นคนมาจากที่อื่น เริ่มจากเป็นรองดร.กฤษณะสามีเธอ
จนไต่ขึ้นมาอยู่เหนือกว่าในเวลานี้ ด้วยอำนาจบารมีที่เพียรสั่งสม
ศศิราศีรู้ดี ตนต้องพึ่งเทวัญ เทวดา...อาจไม่ได้ลอยมาจากเบื้องเหนือสุดเสมอไป
อำนาจก็เช่นกัน อาจมาจากทิศใต้ก็เป็นได้ แต่ที่ต้องทำก็คือ ครอบงำอำนาจไว้ด้วยตัวเธอ
อีกคำรบหนึ่ง สาวสวยจึงค่อยๆหย่อนตัวลงคร่อมตักของเทวัญเต็มตัว ก่อนยกแก้วเบียร์ดำขึ้นจิบ
จุมพิตเขา ให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสเบียร์ผ่านริมฝีปากของเธอเอง
หนุ่มใหญ่หัวเราะกระหึ่มอยู่ในคอ เลิกสนใจภาพบนจอ แต่ปากของเขายังไม่วายเย้าสาวเสน่ห์แรง
“จะดีเหรอคุณราศี กฤษณะสามีคุณก็อยู่ร่วมชายคากับเรานะตอนนี้”
“เขาคงยุ่งอีกพักใหญ่ค่ะ ฝูงปศุสัตว์ของเขาเพิ่งกลับเข้าคอกนี่นา” ศศิราศีลูบไล้ใบหน้า
ซึ่งยังคงเค้าความหล่อเหลาของเทวัญที่ถูกใจเธอมากกว่าสามีผู้แสนจะจืดชืดน่าเบื่อหน่ายเหลือทน
“ฝูงปศุสัตว์ของผม ส่วนเขามันก็แค่คนดูแลสัตว์ คอยเช็ดล้างอาจม” เทวัญเยาะ
“ค่ะ ของท่าน...”
ผมยาวเส้นตรงสลวยตกลงระผิวหน้าเทวัญ ปลุกเร้าอารมณ์เขาขึ้นมาได้
ฝ่ามือใหญ่หนาลูบไล้ต้นขาภายใต้ถุงน่องดำบางๆที่ซ่อนผิวเนื้อขาวจัดไว้ไม่มิด
“ใครตั้งชื่อให้คุณนะ สมตัวเหลือเกิน ขาว สว่าง สวยเหมือนพระจันทร์”
“ชื่อศศิราศีน่ะเหรอคะ แปลกที่ท่านเกิดพูดถึงขึ้นมา... อันที่จริงฉันนี่แหละเป็นคนตั้งเอง
เพราะรู้จักตัวเองดีที่สุดไง จะเกิดมาแบบไหน มันไม่สำคัญเท่ากับที่เราต้องรู้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ผู้เฝ้าดูทั้งสองไม่ได้หันกลับไปเห็นว่าในขณะที่คราม
ไปพ้นจากกรงขังของเขาแล้ว ยังเหลือดาหวันที่มองขึ้นมาสบเลนส์กล้องด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ
แววตานั้นประหนึ่งว่าจะเห็นทะลุมาได้ถึงเหตุการณ์ซึ่งกำลังบังเกิดอีกฝั่งฟากของจอ
วาริชเดินไปตามทางจนพบประตูฝืดๆบานหนึ่ง กว่าเขาจะเปิดมันได้ก็ต้องออกแรงถึงขั้นเอาตัวดัน
“เฮ้ย คิดไว้หรือเปล่าวะเนี่ย ถ้าอย่างคุณหนูวนัสสาเกิดต้องมาทางนี้จะเปิดออกได้ยังไง”
“ต้องคำนวณไว้แล้วแน่นอนค่ะหมอวาริช”
เสียงหวานใสของนาเดียที่ดูเหมือนจะเป็นการพูดสดอีกครั้งเอ่ยเจือกระแสขบขัน
“เป็นไปได้ยากที่จะเป็นคนอื่นนะคะ... เพราะจากการประมวลผลพฤติกรรม ภูมิรู้
การตัดสินใจทุกๆอย่างของพวกคุณแล้ว มีความเป็นไปได้ถึง ๗๗.๙๕ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว
ที่คุณวาริชจะมาลงเอยที่เตียงสุดท้ายก่อนเราจะแยกคุณออกมา”
“หนอย ยายเมดตัวแสบ อย่าให้เจอนะ พ่อจะจับมาตีก้นให้เป็นรอยมือประทับเชียว”
สัตวแพทย์หนุ่มพึมพำโกรธๆ
“คุณว่าอะไรนะคะ ดิฉันได้ยินไม่ถนัด”
“ถ้าอยากให้ได้ยินก็คงพูดให้ดังๆแล้วละแม่คุณ” วาริชคำรามเสียงห้าว
“หมอริชก็ยังแสบสันเหมือนเคยนะคะ คราวก่อนคุณก็ไม่เบา
ยังไงคราวนี้ก็ขอให้โชคช่วยเหมือนเดิม” นาเดียเอ่ยด้วยเสียงหวานเจือรอยแห่งความหวังดี
ชายหนุ่มเดินไปตามที่นาเดียบอกผ่านเสียงตามสายซึ่งเขาไม่พบที่มา
รู้แต่เมื่อไปถึงห้องหนึ่งซึ่งมีไฟเขียวเรืองติดอยู่หน้าห้องก็ดูเหมือนจะหมดหน้าที่ของผู้นำทาง
วาริชส่ายหน้าเครียดๆ ก่อนจะเปิดประตูนั้นเข้าไป ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มตะลึง ทั้งห้องสลัว
แต่มีแสงสว่างโพลงอยู่กระหย่อมหนึ่งส่องไปยังเตียงคนไข้ กับร่างไร้ชีวิตซึ่งมีสายระโยงระยาง
จนน่าเวียนหัว ทำไมเขาถึงรู้ว่าไร้ชีวิตน่ะหรือ...
“เอาละ วาริช เรามาลองวิชาหมอเถื่อนของคุณดูสักหน่อยดีไหม”
“อาจารย์หมอกฤษณะ!”
เสียงที่ดังกระหึ่มขึ้นเสียงใหม่นั้นกลายเป็นอาจารย์ของวาริชเองไปเสียแล้ว
“ทำไมอาจารย์ถึงได้...”
“จุๆ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย เดี๋ยวมันจะสายเกินไป การทดลองแรกอยู่ตรงหน้าคุณนั่นไง
มีพลังในการรักษาไม่ใช่เหรอ ใช้มันซะสิ”
“ดูเหมือนผมจะเก่งเรื่องทำลายมากกว่า”
“แต่คราวนี้คุณต้องรักษา”
“อะไร ผมรักษาคนตายไปแล้วไม่ได้หรอกนะ!”
“ลองคิดว่าร่างตรงหน้าเป็นพ่อแม่บุญธรรมของคุณก็แล้วกัน
ถ้าเป็นหนึ่งในสองคนที่ว่า คุณคงจะยอมทำ”
“เฮอะ แน่ใจขนาดนั้นเลย”
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่แคร์เลยวาริช ผมรู้ว่าคุณรักสองคนนั่น ไม่ใช่สิ แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
จากที่คุณแสดงให้เราเห็นเองเมื่อการทดลองครั้งก่อน ตอนนี้คุณจำไม่ได้แล้ว”
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอาจารย์เลวขนาดนี้” ชายหนุ่มสบถเสียงแหบห้วน
“เร่งมือเถอะ สมองในร่างตรงหน้าคุณตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่หรือเสียไปเท่าไหร่แล้ว
งานแรกของคุณคือทำให้สิ่งตรงหน้านั่นมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยพลังจิตในการรักษา
พยายามเข้านะ คุณเป็นศิษย์เอกของผม คนแรก...และคนเดียว”
วาริชส่ายหน้า คำรามอย่างเหลืออดเหลือทนยิ่งกว่าเดิม
“ให้ตายเถอะ ชุบชีวิตคนตาย ผมไม่ใช่พระเจ้านะโว้ยคุณ!”
---------------
อย่าลืมเซิชหาเพจ อสิตา ในเฟซบุคนะคะ
กำลังมีเกมแจกหนังสือเงารักสีน้ำเงิน
^3^ จุ๊บบบ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2556, 05:35:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2556, 05:35:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1440
<< ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้ +เล่นเกมแจกนิยายในเฟซบุ๊คจ้า | ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้(จบบท) + ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่นะคะ >> |

อสิตา 16 ก.ย. 2556, 05:36:12 น.
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิขนเปื้อนเลือด – อ่าห์ ชื่อโหดไปละ ให้เข้ากับสถานการณ์ในเรื่อง คิดว่าคนอ่านก็น่าจะโดนเลือดกระเด็นใส่ไม่มากก็น้อย
คุณสุขุมวิท66 – เหมือนเรียลลิตี้จริงด้วยค่ะ คนขียนก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ตอนที่คิดว่าจะให้ใครโดนเป็นคนแรก อุ๊ปส์...
คุณภาวิน – วาริชมีบทเด่นอีกแล้วหุหุ จะว่าไปเอเดนกับวาริชก็เหมาะสมกันดี คนเถื่อนกับหนุ่มน้อย อะอร๊างงง
คุณดังปัณณ์ – รอดูวาริชเล่นบทงวดนี้จบก่อน อาจเกิดการปันใจจากครามอีกรอบ อย่าเพิ่งลืมหนุ่มกุหลาบหน้าหวานก็แล้วกัน
คุณเลิฟหมวย – อย่าลืมเกาะติดขอบจอนะคะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกัน เดี๋ยววันพุธจะรีบมา^^
คุณผักชี – อย่าโหดร้ายกับตัวละครสิคะ นวาระยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฮึ้ยยย ติดโรคเอามีดทิ่มคอมาละหรือคะ
คุณเรือใบ – สายชลกับเชนทร์... พอเห็นชื่อแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนตามต้นฉบับที่ตีพิมพ์ อันนั้นทรงวุฒิเปลี่ยนชื่อเป็นทรงวุฒินะคะ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับตัวละครในเริงราตรีสีขาว
ป.ล.ยังไงสองคนนี้ก็มีบทบาทในอดีตที่จะกล่าวย้อนถึงด้วยนะคะ อุอิ
คุณเฟอร์ – มะม้าจะเขียนแบบนี้แหละ เฟอร์จะทำมายๆๆๆ พอถึงฉากรักมันก็มีคุณค่ามากกว่านิยายที่มาถึงก็ล้วงกัน ตัวละครไม่เคยผ่านอะไรมาด้วยกันเลย ยังไงฉากรักเราก็ขั้นเทพอยู่แล้ว มีตลอดมันก็เฝือนะ :P แบระ


คุณซาอิ แกะน้อยงุงิขนเปื้อนเลือด – อ่าห์ ชื่อโหดไปละ ให้เข้ากับสถานการณ์ในเรื่อง คิดว่าคนอ่านก็น่าจะโดนเลือดกระเด็นใส่ไม่มากก็น้อย
คุณสุขุมวิท66 – เหมือนเรียลลิตี้จริงด้วยค่ะ คนขียนก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ตอนที่คิดว่าจะให้ใครโดนเป็นคนแรก อุ๊ปส์...
คุณภาวิน – วาริชมีบทเด่นอีกแล้วหุหุ จะว่าไปเอเดนกับวาริชก็เหมาะสมกันดี คนเถื่อนกับหนุ่มน้อย อะอร๊างงง
คุณดังปัณณ์ – รอดูวาริชเล่นบทงวดนี้จบก่อน อาจเกิดการปันใจจากครามอีกรอบ อย่าเพิ่งลืมหนุ่มกุหลาบหน้าหวานก็แล้วกัน
คุณเลิฟหมวย – อย่าลืมเกาะติดขอบจอนะคะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกัน เดี๋ยววันพุธจะรีบมา^^
คุณผักชี – อย่าโหดร้ายกับตัวละครสิคะ นวาระยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฮึ้ยยย ติดโรคเอามีดทิ่มคอมาละหรือคะ
คุณเรือใบ – สายชลกับเชนทร์... พอเห็นชื่อแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนตามต้นฉบับที่ตีพิมพ์ อันนั้นทรงวุฒิเปลี่ยนชื่อเป็นทรงวุฒินะคะ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับตัวละครในเริงราตรีสีขาว
ป.ล.ยังไงสองคนนี้ก็มีบทบาทในอดีตที่จะกล่าวย้อนถึงด้วยนะคะ อุอิ
คุณเฟอร์ – มะม้าจะเขียนแบบนี้แหละ เฟอร์จะทำมายๆๆๆ พอถึงฉากรักมันก็มีคุณค่ามากกว่านิยายที่มาถึงก็ล้วงกัน ตัวละครไม่เคยผ่านอะไรมาด้วยกันเลย ยังไงฉากรักเราก็ขั้นเทพอยู่แล้ว มีตลอดมันก็เฝือนะ :P แบระ




อสิตา 16 ก.ย. 2556, 05:36:51 น.
คุณพันธุ์แตงกวา – คนเขียนก็ชอบดูหนังค่ะ แต่ก็พยายามเขียนไม่ให้เหมือนอะไรที่เคยดูนะ แค่ชอบกลิ่นอายแบบนั้น
คุณรี – นั่นสิคะ แบบนี้ต้องสามัคคี คงไม่มีใครคิดฆ่ากันเอง(ละมั้งนะ) แบบนั้นสถานการณ์จะยิ่งแย่ลงไปใหญ่
คุณแพทแมว – ทำลายการทดลองน่าจะดีที่สุดค่ะ คิดเหมือนคนเขียนเลย แต่ตอนนี้ความทรงจำยังกลับมาไม่ครบ ขอแยกย้ายกันทำมิสชั่นส่วนตัวก่อน จนกว่าจะพร้อมกว่านี้
คุณบาร์บี้ – ตอนต่อมาแล้วค่ะ บรรยากาศยังอึมครึมปนเย็นๆเหมือนช่วงฝนตกในหน้านี้เลย ตอนอ่านน่าจะได้อารมณ์นะคะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – แบบว่าชอบเพลงมันไม่ใช่แนวของชายยยย เหมือนคนเขียนเลยค่ะ
มีดนั่นต้องได้ใช้แน่เลย คนเขียนจะชอบมากนะคะ เวลามีคนบอกว่า ปกติไม่อ่านแนวนี้ แต่พอมาอ่านเล่มของเราแล้วชอบ ทำให้อยากอ่านอีก ขอให้กลายเป็นเช่นนั้นอีกคนนะคะ //กอดจูบ
คุณโกลเด้นซัน – เฟย์ก็น่าห่วง ตัวละครทุกตัวก็น่าห่วง แต่ยังไงก็ต้องกลับมาค่ะ เพราะถ้าเวชกุลต้องการตัวแล้ว ยังไงก็หนีไม่ได้ เทวัญนี่เป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศและข้ามชาติเลยทีเดียว เหลือแค่ต้องกลับมาเผชิญและแก้ปมที่ถูกวางไว้ด้วยตัวเองเท่านั้น ...เอเดนเป็นตัวละครที่คนเขียนชอบมากเลย รอดูกันต่อไป
คุณพันธุ์แตงกวา – คนเขียนก็ชอบดูหนังค่ะ แต่ก็พยายามเขียนไม่ให้เหมือนอะไรที่เคยดูนะ แค่ชอบกลิ่นอายแบบนั้น
คุณรี – นั่นสิคะ แบบนี้ต้องสามัคคี คงไม่มีใครคิดฆ่ากันเอง(ละมั้งนะ) แบบนั้นสถานการณ์จะยิ่งแย่ลงไปใหญ่
คุณแพทแมว – ทำลายการทดลองน่าจะดีที่สุดค่ะ คิดเหมือนคนเขียนเลย แต่ตอนนี้ความทรงจำยังกลับมาไม่ครบ ขอแยกย้ายกันทำมิสชั่นส่วนตัวก่อน จนกว่าจะพร้อมกว่านี้
คุณบาร์บี้ – ตอนต่อมาแล้วค่ะ บรรยากาศยังอึมครึมปนเย็นๆเหมือนช่วงฝนตกในหน้านี้เลย ตอนอ่านน่าจะได้อารมณ์นะคะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – แบบว่าชอบเพลงมันไม่ใช่แนวของชายยยย เหมือนคนเขียนเลยค่ะ
มีดนั่นต้องได้ใช้แน่เลย คนเขียนจะชอบมากนะคะ เวลามีคนบอกว่า ปกติไม่อ่านแนวนี้ แต่พอมาอ่านเล่มของเราแล้วชอบ ทำให้อยากอ่านอีก ขอให้กลายเป็นเช่นนั้นอีกคนนะคะ //กอดจูบ
คุณโกลเด้นซัน – เฟย์ก็น่าห่วง ตัวละครทุกตัวก็น่าห่วง แต่ยังไงก็ต้องกลับมาค่ะ เพราะถ้าเวชกุลต้องการตัวแล้ว ยังไงก็หนีไม่ได้ เทวัญนี่เป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศและข้ามชาติเลยทีเดียว เหลือแค่ต้องกลับมาเผชิญและแก้ปมที่ถูกวางไว้ด้วยตัวเองเท่านั้น ...เอเดนเป็นตัวละครที่คนเขียนชอบมากเลย รอดูกันต่อไป


พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2556, 07:25:42 น.
โห ยายศศิราศี แสบได้โล่ห์ สมน้ำหน้าอิตาหมอกฤษณะ อยากทำให้ลูกได้รับความลำบากก่อนเอง ดูซิลูกอุตส่าห์ออกมาตามหา ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
โห ยายศศิราศี แสบได้โล่ห์ สมน้ำหน้าอิตาหมอกฤษณะ อยากทำให้ลูกได้รับความลำบากก่อนเอง ดูซิลูกอุตส่าห์ออกมาตามหา ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

อสิตา 16 ก.ย. 2556, 07:45:45 น.
แง่ว พี่แตงกวาอย่าเพิ่งจำผิดนะะะะ วนัสเป็นลูกเพื่อนสนิทของหมอกฤษณะจ้า แต่ชื่อพ่อนางไม่ค่อยได้เอ่ยออกมาเท่าไหร่
แง่ว พี่แตงกวาอย่าเพิ่งจำผิดนะะะะ วนัสเป็นลูกเพื่อนสนิทของหมอกฤษณะจ้า แต่ชื่อพ่อนางไม่ค่อยได้เอ่ยออกมาเท่าไหร่


ภาวิน 16 ก.ย. 2556, 07:48:31 น.
อืม ถ้าศพลุกขึ้นมาได้จริงๆหลังการรักษาของวาริช ก็คงไม่ต่างจากผีดิบเนอะ
อืม ถ้าศพลุกขึ้นมาได้จริงๆหลังการรักษาของวาริช ก็คงไม่ต่างจากผีดิบเนอะ

พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2556, 08:10:09 น.
อ้าว...ฉัน เพล้ง! กำลังว่าจะกลับมาถามอะไรบางอย่าง ต้องมาเก็บเศษหน้าตัวเองแทนแล้ว
ว่าจะถามว่าในคุกนั่นมีห้องน้ำกี่ห้องอ่ะ อยู่กันตั้งห้าคน แล้วขังกรงรอบเตียงอีก ปวดฉี่ละแย่เลย
อ้าว...ฉัน เพล้ง! กำลังว่าจะกลับมาถามอะไรบางอย่าง ต้องมาเก็บเศษหน้าตัวเองแทนแล้ว
ว่าจะถามว่าในคุกนั่นมีห้องน้ำกี่ห้องอ่ะ อยู่กันตั้งห้าคน แล้วขังกรงรอบเตียงอีก ปวดฉี่ละแย่เลย

อสิตา 16 ก.ย. 2556, 08:16:58 น.
ไม่เป็นราย อ่านไม่ต่อเนื่องก็ต้องมีลืมบ้าง ถ้ามีเล่มจะแก้ปัญหานั้นได้แน่ก๊ะะะะะะะะะะะะะ 555
มีห้องน้ำ 1 ไม่มีอะไรทำเลยผลัดกันเข้าเรียบร้อยหมดละก่อนโดนกั้นเตียง
ไม่เป็นราย อ่านไม่ต่อเนื่องก็ต้องมีลืมบ้าง ถ้ามีเล่มจะแก้ปัญหานั้นได้แน่ก๊ะะะะะะะะะะะะะ 555
มีห้องน้ำ 1 ไม่มีอะไรทำเลยผลัดกันเข้าเรียบร้อยหมดละก่อนโดนกั้นเตียง


ดังปัณณ์ 16 ก.ย. 2556, 08:41:41 น.
เอิ่มมมมมมมมมมมมมม เก๊ารอเล่ม บอกได้เท่านี้ เอามาหยอดงี้ ใจแทบขาด อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคุณแป้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง (หนอนดีดดิ้น ทำตาปริบๆ)
ปล.555+ ขำพี่แตง ปวดฉี่ไม่เท่าไหร่ นอกจากนั้นดิ แอร๊ยยยยยยยยยยยยย (แหย่เล่นนะคร้า) 555+ ตอนนี้ลุ้นจนตัวเกร็งไปหมดแย้วววววววววววววว
เอิ่มมมมมมมมมมมมมม เก๊ารอเล่ม บอกได้เท่านี้ เอามาหยอดงี้ ใจแทบขาด อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคุณแป้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง (หนอนดีดดิ้น ทำตาปริบๆ)

ปล.555+ ขำพี่แตง ปวดฉี่ไม่เท่าไหร่ นอกจากนั้นดิ แอร๊ยยยยยยยยยยยยย (แหย่เล่นนะคร้า) 555+ ตอนนี้ลุ้นจนตัวเกร็งไปหมดแย้วววววววววววววว

เรือใบ 16 ก.ย. 2556, 09:13:17 น.
โอ๊ะโอ แสดงว่าไม่ได้แค่ผ่านมาแล้วผ่านไปสินะ 2 คนนั้น อืมมมมมแต่เรื่องนี้แอบบรรยากาศน่ากลัว น่าขนลุกนะคะ แค่อ่านยังรู้สึกเลยว่าเป็นเรื่องที่ต่อให้มีหนุ่มหล่อแค่ไหน ยังไงก็ไม่อยากเป็นนางเอก 555
โอ๊ะโอ แสดงว่าไม่ได้แค่ผ่านมาแล้วผ่านไปสินะ 2 คนนั้น อืมมมมมแต่เรื่องนี้แอบบรรยากาศน่ากลัว น่าขนลุกนะคะ แค่อ่านยังรู้สึกเลยว่าเป็นเรื่องที่ต่อให้มีหนุ่มหล่อแค่ไหน ยังไงก็ไม่อยากเป็นนางเอก 555

Pat 16 ก.ย. 2556, 12:18:34 น.
ตามติด& ติดตาม
ตามติด& ติดตาม

Barby 16 ก.ย. 2556, 16:17:21 น.
เริ่มเเล้ว เเล้ววนัสของเราจะทำอะไรอ่ะ
เริ่มเเล้ว เเล้ววนัสของเราจะทำอะไรอ่ะ

นักอ่านเหนียวหนึบ 16 ก.ย. 2556, 18:00:26 น.
ไรเตอร์ใจร้ายยย
ทำปมทิ้งไว้เยอะแยะเลย เค้าสับสนนะ!!!
รับผิดชอบเค้าด้วยยยยย!!!!
รีบมาอัพให้หายคาใจเบยยย 5555
ไรเตอร์ใจร้ายยย
ทำปมทิ้งไว้เยอะแยะเลย เค้าสับสนนะ!!!
รับผิดชอบเค้าด้วยยยยย!!!!
รีบมาอัพให้หายคาใจเบยยย 5555

sai 16 ก.ย. 2556, 19:02:23 น.
ลึกลับซับซ้อนซ้อนเงื่อน มึนๆๆๆๆๆ แตก็ตามอ่่านต่อไปไม่งั้นคาใจกันหางเสือแน่ๆ
ลึกลับซับซ้อนซ้อนเงื่อน มึนๆๆๆๆๆ แตก็ตามอ่่านต่อไปไม่งั้นคาใจกันหางเสือแน่ๆ


sai 16 ก.ย. 2556, 19:02:55 น.
*กัด
*กัด

goldensun 16 ก.ย. 2556, 19:03:57 น.
เทวัญกับศศิราศี เป็นกรรมที่สนองกฤษณะทางหนึ่งนะนี่ แต่สามคนกับกลุ่มบริวารก็แบบเดียวกัน โหดพอที่จะเห็นคนเป็นสัตว์ทดลองได้
นวาระพูดทำนองจะช่วยวนัสหลายรอบ ทำไมเทวัญถึงมองว่า นวาระไม่ห่วงใคร ไม่มีจุดอ่อน
จับวนัสมารอบสอง พวกกกฤษณะหาทางป้องกันพลังของวนัสแล้วหรือคะ เห็นว่าครั้งก่อนเกือบพัง
รอลุ้นว่าจะพบอะไรบ้าง หมอริชเจอก่อนเลย นึกว่าจะเป็นนวาระที่ออกเดินคนแรก
ดูเหมือนที่นอนรอหมอริชจะแค่เกือบตายรึเปล่า จากคำพูดของกฤษณะ
เทวัญกับศศิราศี เป็นกรรมที่สนองกฤษณะทางหนึ่งนะนี่ แต่สามคนกับกลุ่มบริวารก็แบบเดียวกัน โหดพอที่จะเห็นคนเป็นสัตว์ทดลองได้
นวาระพูดทำนองจะช่วยวนัสหลายรอบ ทำไมเทวัญถึงมองว่า นวาระไม่ห่วงใคร ไม่มีจุดอ่อน
จับวนัสมารอบสอง พวกกกฤษณะหาทางป้องกันพลังของวนัสแล้วหรือคะ เห็นว่าครั้งก่อนเกือบพัง
รอลุ้นว่าจะพบอะไรบ้าง หมอริชเจอก่อนเลย นึกว่าจะเป็นนวาระที่ออกเดินคนแรก
ดูเหมือนที่นอนรอหมอริชจะแค่เกือบตายรึเปล่า จากคำพูดของกฤษณะ

lovemuay 16 ก.ย. 2556, 19:21:12 น.
ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่ไม่มีจุดอ่อนน่ะ เพียงแต่ยังมองหามันไม่เจอมากกว่า
ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่ไม่มีจุดอ่อนน่ะ เพียงแต่ยังมองหามันไม่เจอมากกว่า

Sukhumvit66 16 ก.ย. 2556, 19:27:09 น.
ว้าย ๆ เราแกะปมหนึ่งได้แล้วละ เย้ เย้ ศศิรัศมีกะนวาระ เป็น....
ว้าย ๆ เราแกะปมหนึ่งได้แล้วละ เย้ เย้ ศศิรัศมีกะนวาระ เป็น....

SunSeed 17 ก.ย. 2556, 20:37:53 น.
งึมงัมๆ พี่แป้งทำให้หนูเริ่มมึนกะตัวละคร แต่มึนแค่ไหน ก็สอดส่ายสายตาอ่านจับใจความเฉพาะบทพี่ครามได้เป๊ะนะคะ อิอิ
งึมงัมๆ พี่แป้งทำให้หนูเริ่มมึนกะตัวละคร แต่มึนแค่ไหน ก็สอดส่ายสายตาอ่านจับใจความเฉพาะบทพี่ครามได้เป๊ะนะคะ อิอิ

Zephyr 23 ก.ย. 2556, 20:12:51 น.
ทำไมมันดูเหมือนกรงขัง สัตว์ทดลองอะไรสักอย่าง
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นนะเนี่ยว่าพวกนี้จะเจออะไร
ตาเทวัญนี่ก็ถึงขนาดเอาลูกตัวเองมาทดลองด้วย มะม้าเขียนให้ตัวนี้จริยธรรมเสื่อมโทรมจังเลย
ทำไมมันดูเหมือนกรงขัง สัตว์ทดลองอะไรสักอย่าง
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นนะเนี่ยว่าพวกนี้จะเจออะไร
ตาเทวัญนี่ก็ถึงขนาดเอาลูกตัวเองมาทดลองด้วย มะม้าเขียนให้ตัวนี้จริยธรรมเสื่อมโทรมจังเลย