เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้(...ต่อ) + เล่นเกมแจกนิยายในเฟซบุ๊คจ้า

เสียงซึ่งจำได้ว่าเป็นของนาเดียคอยบอกให้พวกเขาเลี้ยวซ้ายหรือขวา สู่หนทางลึกลงไปอีก
แต่คราวนี้มันไม่ใช่เสียงพูดสดๆอีกแล้ว คงถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าเพื่อรอวันนี้

กระทั่งคนทั้งห้าเข้าไปสู่ห้องสีเทาโล่งโถงและค่อนข้างจะว่างเปล่า มีตู้เย็นกับห้องน้ำ
ไม่มีเฟอนิเจอร์อื่นใดนอกจากเตียงแคบๆหกเตียงตั้งชิดผนังฝั่งละสาม เกินจำนวนคนที่มีไปหนึ่ง
ประตูปิดลงขังพวกเขาไว้ในนั้น เมื่อสำรวจแล้วไม่พบสิ่งน่าสนใจวาริชก็นั่งลงบนเตียง
ขยับหมอนหนุนขึ้นมาอิงหลัง ควักหนังสือที่เหน็บไว้ตรงกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมาอ่านต่อ
โดยมีสายตาของครามมองอย่างรำคาญปนระอา ในขณะที่ดาหวันออกจะยินดี
ที่คั่นหนังสือยังอยู่ตรงนั้น ยิ่งถ้ากลิ่นน้ำตานางฟ้าเรียกความทรงจำส่วนหนึ่งของวาริชกลับมา
ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวเขาเองมากเท่านั้น

“ผมไม่ชอบทำอะไรไร้ประโยชน์ ผ่อนคลายดีกว่า” สัตวแพทย์หนุ่มบอกทุกคนโดยสายตาไม่ละไปจาก
หน้ากระดาษ “อย่างน้อย ก่อนตายขออ่านหนังสือที่ชอบให้จบอีกสักรอบ จะได้ไม่เหลืออารมณ์ค้างคา”

“เสียดาย เราน่าจะมีหนังสือบ้าง” นวาระเปรย เขากำลังทำความสะอาดมีดของทรงวุฒิ
ที่ปลดแยกออกมาแล้วจากพวงกุญแจตรงอ่างล้างหน้าใกล้ห้องน้ำ รู้ว่าคงเก็บสิ่งนี้ไว้
กับตัวตลอดไปไม่ได้ พวกนั้นจะต้องเอามันไปแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากจะให้มี
กลิ่นเลือดของคนที่เพิ่งจะตายติดค้างบนคมมีดสวยๆ

วนัสสาพยายามสัมผัสสิ่งต่างๆรอบห้องด้วยมือ แล้วก็รู้ว่าตนเองไม่เคยมาที่นี่
หญิงสาวตัดใจ รู้สึกหิวจึงคิดหาอะไรในตู้เย็นรองท้อง เธอหยิบขวดนมสดเย็นๆ
ออกมาเสียบหลอด ตั้งท่าจะดื่ม ครามไม่รู้มาจากไหน มือแข็งแรงนั้นฉวยนมไปดื่มก่อน
ทั้งคู่ประสานสายตากันอยู่นาน ก่อนที่เขาจะยอมให้เธอดึงมันคืนไปจากมือ
วนัสสาไม่ได้พูดขอบคุณ แต่เธออมยิ้มเพราะเห็นแววห่วงใยในดวงตานั้น

แปลว่าถ้าเธอหิวเขาจะลองกินให้ดูก่อน ถ้าในนมนี้มีอะไรผสมอยู่
ก็เป็นเขาที่จะต้องล้มลงก่อน อย่างนั้นใช่ไหม

ครามก้มลงมองหญิงสาวที่ดื่มนมจากหลอดเดียวกันกับเขาอึกๆเหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆ
อดไม่ได้ที่จะลูบผมเป็นคลื่นนิ่มมือบนศีรษะของคนตรงหน้า ลูบผมม้าสั้นๆที่ล้มกรอบหน้านั้น
ขึ้น เปิดให้เห็นหน้าผากนูนสวยเกลี้ยงเกลาชัดๆเป็นครั้งแรก ตุ๊กตาตัวสวยของเขา
แต่เป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตจิตใจ เขาอยากอยู่ปกป้องเธอไปจนถึงที่สุด ทว่าในสถานการณ์แบบนี้
ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้เลยสักอย่างเดียว

นวาระแทรกกลางเข้ามาคุ้ยตู้เย็นหาอะไรรองท้องบ้าง ชายหนุ่มคว้าขวดน้ำส้มมาเปิดจิบ
โดยไม่พึ่งหลอด ทั้งยังมายืนรวมกลุ่มกับชายหนุ่มและหญิงสาว เลิกคิ้วเงียบๆ
คล้ายกับว่าขอมีส่วนในวงที่ยืนกันอยู่นี้ด้วยคน

เวลาผ่านไป หลังจากถกกันเป็นพักๆ ทุกคนก็รู้ว่าทางเลือกของพวกเขามีแต่รอเท่านั้น
พวกผู้ชายนอนกันอยู่เตียงฝั่งหนึ่งของผนังในทีแรก อีกฝั่งมีวนัสสา กับดาหวันที่ขอตัว
หลับเอาแรงไปแล้วโดยไม่ยอมถอดแม้แต่รองเท้า เรียกว่าเตรียมพร้อมไว้ตลอด
วนัสสานั่งมองแล้วก็ส่ายหน้า นอนครบชุดแบบนั้นเป็นเธอคงหลับไม่ลง

วาริชดูเหมือนจะไม่ได้มีสมาธิในการอ่านหนังสือมากเท่าที่ตนตั้งใจ จังหวะหนึ่ง
ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น ย้ายไปนั่งลงบนเตียงเดี่ยวแคบๆข้างเตียงของวนัสสาที่ยังว่างอยู่
ก่อนจะเริ่มต้นอ่านหนังสือต่อ ไลฟ์ ออฟ พาย เรื่องที่ทั้งเสือและคนต้องติดอยู่ด้วยกันบนเรือแตก
ไม่อาจหนีกันและกันไปไหนได้นอกจากหาทางเผชิญหน้า เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ผ่านพ้น
สถานการณ์แห่งความเป็นความตายนั้นไป

นวาระลุกจากเตียงเช่นกัน ชายหนุ่มย้ายตัวเองไปนั่งแปะลงบนเตียงวนัสสา ชวนเธอคุยเสียอย่างนั้น

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ เขาให้ทำอะไร อย่าต่อต้าน ทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นพวกเดียวกัน
นั่นเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด เข้าใจนะ เชื่อผม...แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ผมจะหาทางช่วยคุณเอง”

“คุณพูดเหมือนรู้อะไร” วนัสสาลุกยืนขึ้นกอดอก ไม่เชิงว่าลุกหนีอย่างโจ่งแจ้งนัก
ไม่ว่าอดีตเขาและเธอจะเคยเป็นมายังไงนั้นยังแน่ใจไม่ได้ คนที่เธอเต้นรำด้วย
อาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชายที่เธอรัก และแม้แต่คนที่มอบรอยสักให้เธอก็เหมือนกัน
เธอบอกตัวเองอย่างนั้น แต่อีกใจ หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองทนไม่ได้กับการที่ตาเรียวๆคู่หนึ่ง
จ้องมองมาจากฝั่งตรงข้าม

วนัสสาเดินไปดื่มน้ำเย็น จากนั้นก็เลยหนีไปจับจองเตียงอีกฝั่งข้างครามแล้วก็ล้มตัวลงนอนเสียเลย
หันหลังให้ผู้ชายสามคนที่กำลังก่อสงครามเย็นทางสายตากันอยู่โดยไม่อยากจะสนใจ

ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีที่แต่ละคนดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางอยู่บนเตียงเรียบร้อย
กรงกั้นก็เคลื่อนปิดตัวลงมาฉับไว กั้นแยกทุกเตียงออกจากกัน!

“นี่มันกรงขังหมาหรือว่าคุกกันแน่ล่ะ” ดาหวันที่ตื่นขึ้นมาในนาทีนั้นสบถอย่างโกรธๆ

วาริชปิดหนังสือ แต่ละคนผุดลุกขึ้นมาเขย่า บ้างก็เคาะดูลูกกรงหาทางหนีทีไล่ ไม่มีใครโวยวาย
ทว่ามีเพียงนวาระที่ยังเอนตัวอยู่ครึ่งๆบนเตียง กอดอกครุ่นคิดเงียบๆ แต่สายตาของเขาก็สำรวจไปทั่วไม่ต่างกัน

ครามเข้าไปเกาะลูกกรงด้านที่ติดกับเตียงวนัสสา ดีที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ติดกันกับเขา
อย่างน้อยก็ดีกว่าแยกกันไกลคนละฝั่ง “วนัส เธอโอเคหรือเปล่า”

หญิงสาวไม่ได้หันไปสบตาเขาในทันที คล้ายว่าความสนใจของเธอยังอยู่ที่ลูกกรง
“ในเวลาอย่างนี้ ห่วงตัวคุณเองไปเถอะ”

ครามนิ่งอั้นแต่ก็คล้ายไม่ถือสา คิดว่าเธอคงกลัวหรือตกใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง

อันที่จริงวนัสสาเพียงแต่เริ่มคิดได้ แค่นี้เขาก็ทำท่าห่วงใยเธอมามากพอแล้ว
จะให้คนพวกนั้นรู้ไม่ได้ ว่าตรงนี้ยังมีคนที่เริ่มจะสำคัญขึ้นเรื่อยๆสำหรับเธออยู่อีกคน

ไหนจะพ่อ ไหนจะเฟย์ ยิ่งเมื่อเข้าสู่สถานการณ์น่ากลัวใจเธอยิ่งพะวงถึงแต่ครามอย่างชัดเจน
เขาอาจไม่ใช่ผู้ชายที่มอบรอยสักให้เธอ ไม่ใช่คนรักที่เธอมาตามหา แต่ตอนนี้เธอควบคุม
ใจตัวเองไม่ได้แล้ว ยิ่งผ่านเมื่อคืนมาด้วยกัน อ้อมกอดที่ยังใหม่สด จนเธอเกือบจะกลายเป็น
หนึ่งเดียวกับเขาอยู่รอมร่อ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมปล่อยให้มันดำเนินไปจนล่อแหลมขนาดนั้น
กับผู้ชายอื่น แค่กอดจูบยังไม่เคยที่เธอจะยอม

เสียงเลื่อนครืนอีกครั้งเมื่อผนังตรงหัวเตียงของทุกคนเลื่อนเปิด เห็นเป็นช่องแคบๆ
อันจะนำพวกเขาไปสู่สถานที่ใหม่ การทดลองซึ่งแตกต่างกันสำหรับแต่ละคน...

“ไปเถอะ อยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์” นวาระเป็นคนแรกที่ตั้งท่าจะจากไปตามทางของเขา
ทว่าก่อนไปชายหนุ่มยังหันมาเอ่ย “อย่าลืมนะวนัสสา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จำไว้...ผมจะต้องมาช่วยคุณ”

นวาระขยิบตาสวยของเขาส่งท้ายทีหนึ่ง ก่อนจะล้วงกระเป๋า ผิวปากเดินเข้าสู่หนทางมืด
ที่รอคอยเขาอยู่ ท่วงทำนองเดียวกับที่เพิ่งเล่นเป็นเพลงเปียโนในวันนี้ แล้วเสียงของเขาก็ค่อยๆ
แผ่วหายไปตามทางซึ่งทอดยาวไปสู่ความมืด ทิ้งให้คนที่เหลือแต่ละคนตัดสินใจ
กับอนาคตของแต่ละคนลำพัง


“นวาระดูจะไปได้สวยกว่าคนอื่น เพราะเขาไม่มีจุดอ่อน ไม่มีอะไรที่เราจะเอามาขู่ได้เลย
แม้แต่ชีวิตของวนัสสาก็เถอะ...แล้วคุณล่ะ คิดว่าไง”

คนถามเป็นชายกลางคนที่ยังดูหนุ่มแน่นภูมิฐานเหมือนหนุ่มใหญ่ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้บุกำมะหยี่นุ่มหนา
กำลังจิบเบียร์ดำรสแรงพลางชมภาพจากกล้องหลายตัวที่ขึ้นมาเรียงรายบนจอมหึมาตรงหน้า
แน่นอนว่าสำหรับเศรษฐีอื่นอาจจะเป็นไวน์ แต่สำหรับอดีตนักเลงใต้ที่เข้มไปทั้งตัวและใจอย่างเทวัญ
นิยมแบบนี้มากกว่า ในห้องมืดมีเพียงเขากับสตรีแสนสวยร่างสะโอดสะองอย่างศศิราศีที่คอยรับชม
ผลงานของกลุ่มร่วมทุนอยู่ด้วยกัน

“ก็...น่าจะเป็นเขาละค่ะที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุด แต่ก็อย่างว่าละนะ เรายอมให้เขาโกง
หยวนให้เขามากกว่าใคร”

“เพราะคนอื่นไม่ได้พยายามจะทำแบบเขาต่างหาก
บางทีเด็กคนนี้อาจเป็นผลสำเร็จสูงสุดของการทดลองก็เป็นได้”

“จากการทดสอบเบื้องต้นคราวก่อน ก็มีแต่เขากับวนัสสานี่คะท่าน ที่มีความสามารถ
ระดับเอสคลาส อย่างครามกับวาริช ยังถือว่ารองๆลงมา”

“ดาหวันก็เป็นแค่ตัวแถมละสิ” เทวัญหัวเราะหึๆ ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกอึกใหญ่
ขณะมองวาริชผละทิ้งไปจากกรงแคบๆที่ล้อมเตียงเป็นรายที่สอง สามคือวนัสสา
เหลือแต่ครามและดาหวันที่ยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่สองคน

“ค่ะ หรือท่านอยากให้ลูกสาวเป็นตัวเอก ในเรื่องที่อาจจะดำเนินไปเป็นโศกนาฏกรรมเมื่อไหร่ก็ได้...ไม่ดีมั้ง”

“แล้วคุณไม่ห่วงนวาระหรือไง เพราะอย่างน้อยสำหรับคุณ เขาก็...”

“โอ๊ย ไม่หรอกค่ะ ไม่เลย ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่เป็นไร รายนี้ตัดสินใจทำอะไรถูกเสมอแหละ”

ถ้าจะพูดให้ถูก ศศิราศีรู้จักนวาระมานานเหลือเกินแล้ว แทบเรียกได้ว่าไม่มีใครรู้จักทั้งคู่
ดีไปกว่ากันและกัน แม้ในระยะหลังของความสัมพันธ์ ความไม่เข้าใจกันบวกกับทัศนคติ
ซึ่งแตกต่างออกไปจะทำให้ทั้งคู่กลายเป็นห่างเหิน แต่สุดท้ายเธอก็ยังรู้จักเขาดีที่สุดในโลกอยู่วันยังค่ำ

“ผมหวังว่างวดนี้คงสนุกขึ้นกว่างวดที่แล้วนะ ยายเด็กวนัสสานั่นร้ายมาก
อาละวาดเสียเราแทบพังไปเลย ไม่คิดว่าจะบ้าได้ขนาดนั้น”

“ความสนุกรอบนี้กำลังจะเริ่ม คงเข้มข้นกว่าเดิม เรามีหน้าที่ก็แค่รอชมความบันเทิง
อยู่ตรงนี้กันสองคนนะคะท่าน อย่ากังวลล่วงหน้าเลย ทุกอย่างจะไปได้สวย”
ศศิราศีดึงเบียร์ไปจากมือใหญ่แข็งแรงอย่างละมุนละม่อม วางมันลง
ก่อนจะเป็นตัวเธอเองที่ขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้กุมชะตาของเวชกุล
ทั้งที่เขาเคยเป็นคนมาจากที่อื่น เริ่มจากเป็นรองดร.กฤษณะสามีเธอ
จนไต่ขึ้นมาอยู่เหนือกว่าในเวลานี้ ด้วยอำนาจบารมีที่เพียรสั่งสม

ศศิราศีรู้ดี ตนต้องพึ่งเทวัญ เทวดา...อาจไม่ได้ลอยมาจากเบื้องเหนือสุดเสมอไป
อำนาจก็เช่นกัน อาจมาจากทิศใต้ก็เป็นได้ แต่ที่ต้องทำก็คือ ครอบงำอำนาจไว้ด้วยตัวเธอ
อีกคำรบหนึ่ง สาวสวยจึงค่อยๆหย่อนตัวลงคร่อมตักของเทวัญเต็มตัว ก่อนยกแก้วเบียร์ดำขึ้นจิบ
จุมพิตเขา ให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสเบียร์ผ่านริมฝีปากของเธอเอง

หนุ่มใหญ่หัวเราะกระหึ่มอยู่ในคอ เลิกสนใจภาพบนจอ แต่ปากของเขายังไม่วายเย้าสาวเสน่ห์แรง
“จะดีเหรอคุณราศี กฤษณะสามีคุณก็อยู่ร่วมชายคากับเรานะตอนนี้”

“เขาคงยุ่งอีกพักใหญ่ค่ะ ฝูงปศุสัตว์ของเขาเพิ่งกลับเข้าคอกนี่นา” ศศิราศีลูบไล้ใบหน้า
ซึ่งยังคงเค้าความหล่อเหลาของเทวัญที่ถูกใจเธอมากกว่าสามีผู้แสนจะจืดชืดน่าเบื่อหน่ายเหลือทน

“ฝูงปศุสัตว์ของผม ส่วนเขามันก็แค่คนดูแลสัตว์ คอยเช็ดล้างอาจม” เทวัญเยาะ

“ค่ะ ของท่าน...”

ผมยาวเส้นตรงสลวยตกลงระผิวหน้าเทวัญ ปลุกเร้าอารมณ์เขาขึ้นมาได้
ฝ่ามือใหญ่หนาลูบไล้ต้นขาภายใต้ถุงน่องดำบางๆที่ซ่อนผิวเนื้อขาวจัดไว้ไม่มิด
“ใครตั้งชื่อให้คุณนะ สมตัวเหลือเกิน ขาว สว่าง สวยเหมือนพระจันทร์”

“ชื่อศศิราศีน่ะเหรอคะ แปลกที่ท่านเกิดพูดถึงขึ้นมา... อันที่จริงฉันนี่แหละเป็นคนตั้งเอง
เพราะรู้จักตัวเองดีที่สุดไง จะเกิดมาแบบไหน มันไม่สำคัญเท่ากับที่เราต้องรู้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง”

จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ผู้เฝ้าดูทั้งสองไม่ได้หันกลับไปเห็นว่าในขณะที่คราม
ไปพ้นจากกรงขังของเขาแล้ว ยังเหลือดาหวันที่มองขึ้นมาสบเลนส์กล้องด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ
แววตานั้นประหนึ่งว่าจะเห็นทะลุมาได้ถึงเหตุการณ์ซึ่งกำลังบังเกิดอีกฝั่งฟากของจอ


วาริชเดินไปตามทางจนพบประตูฝืดๆบานหนึ่ง กว่าเขาจะเปิดมันได้ก็ต้องออกแรงถึงขั้นเอาตัวดัน
“เฮ้ย คิดไว้หรือเปล่าวะเนี่ย ถ้าอย่างคุณหนูวนัสสาเกิดต้องมาทางนี้จะเปิดออกได้ยังไง”

“ต้องคำนวณไว้แล้วแน่นอนค่ะหมอวาริช”
เสียงหวานใสของนาเดียที่ดูเหมือนจะเป็นการพูดสดอีกครั้งเอ่ยเจือกระแสขบขัน
“เป็นไปได้ยากที่จะเป็นคนอื่นนะคะ... เพราะจากการประมวลผลพฤติกรรม ภูมิรู้
การตัดสินใจทุกๆอย่างของพวกคุณแล้ว มีความเป็นไปได้ถึง ๗๗.๙๕ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว
ที่คุณวาริชจะมาลงเอยที่เตียงสุดท้ายก่อนเราจะแยกคุณออกมา”

“หนอย ยายเมดตัวแสบ อย่าให้เจอนะ พ่อจะจับมาตีก้นให้เป็นรอยมือประทับเชียว”
สัตวแพทย์หนุ่มพึมพำโกรธๆ

“คุณว่าอะไรนะคะ ดิฉันได้ยินไม่ถนัด”

“ถ้าอยากให้ได้ยินก็คงพูดให้ดังๆแล้วละแม่คุณ” วาริชคำรามเสียงห้าว

“หมอริชก็ยังแสบสันเหมือนเคยนะคะ คราวก่อนคุณก็ไม่เบา
ยังไงคราวนี้ก็ขอให้โชคช่วยเหมือนเดิม” นาเดียเอ่ยด้วยเสียงหวานเจือรอยแห่งความหวังดี

ชายหนุ่มเดินไปตามที่นาเดียบอกผ่านเสียงตามสายซึ่งเขาไม่พบที่มา
รู้แต่เมื่อไปถึงห้องหนึ่งซึ่งมีไฟเขียวเรืองติดอยู่หน้าห้องก็ดูเหมือนจะหมดหน้าที่ของผู้นำทาง
วาริชส่ายหน้าเครียดๆ ก่อนจะเปิดประตูนั้นเข้าไป ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มตะลึง ทั้งห้องสลัว
แต่มีแสงสว่างโพลงอยู่กระหย่อมหนึ่งส่องไปยังเตียงคนไข้ กับร่างไร้ชีวิตซึ่งมีสายระโยงระยาง
จนน่าเวียนหัว ทำไมเขาถึงรู้ว่าไร้ชีวิตน่ะหรือ...

“เอาละ วาริช เรามาลองวิชาหมอเถื่อนของคุณดูสักหน่อยดีไหม”

“อาจารย์หมอกฤษณะ!”

เสียงที่ดังกระหึ่มขึ้นเสียงใหม่นั้นกลายเป็นอาจารย์ของวาริชเองไปเสียแล้ว

“ทำไมอาจารย์ถึงได้...”

“จุๆ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย เดี๋ยวมันจะสายเกินไป การทดลองแรกอยู่ตรงหน้าคุณนั่นไง
มีพลังในการรักษาไม่ใช่เหรอ ใช้มันซะสิ”

“ดูเหมือนผมจะเก่งเรื่องทำลายมากกว่า”

“แต่คราวนี้คุณต้องรักษา”

“อะไร ผมรักษาคนตายไปแล้วไม่ได้หรอกนะ!”

“ลองคิดว่าร่างตรงหน้าเป็นพ่อแม่บุญธรรมของคุณก็แล้วกัน
ถ้าเป็นหนึ่งในสองคนที่ว่า คุณคงจะยอมทำ”

“เฮอะ แน่ใจขนาดนั้นเลย”

“อย่าแกล้งทำเป็นไม่แคร์เลยวาริช ผมรู้ว่าคุณรักสองคนนั่น ไม่ใช่สิ แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
จากที่คุณแสดงให้เราเห็นเองเมื่อการทดลองครั้งก่อน ตอนนี้คุณจำไม่ได้แล้ว”

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอาจารย์เลวขนาดนี้” ชายหนุ่มสบถเสียงแหบห้วน

“เร่งมือเถอะ สมองในร่างตรงหน้าคุณตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่หรือเสียไปเท่าไหร่แล้ว
งานแรกของคุณคือทำให้สิ่งตรงหน้านั่นมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยพลังจิตในการรักษา
พยายามเข้านะ คุณเป็นศิษย์เอกของผม คนแรก...และคนเดียว”

วาริชส่ายหน้า คำรามอย่างเหลืออดเหลือทนยิ่งกว่าเดิม
“ให้ตายเถอะ ชุบชีวิตคนตาย ผมไม่ใช่พระเจ้านะโว้ยคุณ!”



---------------
อย่าลืมเซิชหาเพจ อสิตา ในเฟซบุคนะคะ
กำลังมีเกมแจกหนังสือเงารักสีน้ำเงิน
^3^ จุ๊บบบ



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2556, 05:35:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2556, 05:35:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1356





<< ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้ +เล่นเกมแจกนิยายในเฟซบุ๊คจ้า   ความทรงจำที่ ๙ กรงดักแด้(จบบท) + ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่นะคะ >>
อสิตา 16 ก.ย. 2556, 05:36:12 น.
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิขนเปื้อนเลือด – อ่าห์ ชื่อโหดไปละ ให้เข้ากับสถานการณ์ในเรื่อง คิดว่าคนอ่านก็น่าจะโดนเลือดกระเด็นใส่ไม่มากก็น้อย
คุณสุขุมวิท66 – เหมือนเรียลลิตี้จริงด้วยค่ะ คนขียนก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ตอนที่คิดว่าจะให้ใครโดนเป็นคนแรก อุ๊ปส์...
คุณภาวิน – วาริชมีบทเด่นอีกแล้วหุหุ จะว่าไปเอเดนกับวาริชก็เหมาะสมกันดี คนเถื่อนกับหนุ่มน้อย อะอร๊างงง
คุณดังปัณณ์ – รอดูวาริชเล่นบทงวดนี้จบก่อน อาจเกิดการปันใจจากครามอีกรอบ อย่าเพิ่งลืมหนุ่มกุหลาบหน้าหวานก็แล้วกัน

คุณเลิฟหมวย – อย่าลืมเกาะติดขอบจอนะคะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกัน เดี๋ยววันพุธจะรีบมา^^
คุณผักชี – อย่าโหดร้ายกับตัวละครสิคะ นวาระยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฮึ้ยยย ติดโรคเอามีดทิ่มคอมาละหรือคะ
คุณเรือใบ – สายชลกับเชนทร์... พอเห็นชื่อแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนตามต้นฉบับที่ตีพิมพ์ อันนั้นทรงวุฒิเปลี่ยนชื่อเป็นทรงวุฒินะคะ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับตัวละครในเริงราตรีสีขาว
ป.ล.ยังไงสองคนนี้ก็มีบทบาทในอดีตที่จะกล่าวย้อนถึงด้วยนะคะ อุอิ
คุณเฟอร์ – มะม้าจะเขียนแบบนี้แหละ เฟอร์จะทำมายๆๆๆ พอถึงฉากรักมันก็มีคุณค่ามากกว่านิยายที่มาถึงก็ล้วงกัน ตัวละครไม่เคยผ่านอะไรมาด้วยกันเลย ยังไงฉากรักเราก็ขั้นเทพอยู่แล้ว มีตลอดมันก็เฝือนะ :P แบระ


อสิตา 16 ก.ย. 2556, 05:36:51 น.
คุณพันธุ์แตงกวา – คนเขียนก็ชอบดูหนังค่ะ แต่ก็พยายามเขียนไม่ให้เหมือนอะไรที่เคยดูนะ แค่ชอบกลิ่นอายแบบนั้น
คุณรี – นั่นสิคะ แบบนี้ต้องสามัคคี คงไม่มีใครคิดฆ่ากันเอง(ละมั้งนะ) แบบนั้นสถานการณ์จะยิ่งแย่ลงไปใหญ่
คุณแพทแมว – ทำลายการทดลองน่าจะดีที่สุดค่ะ คิดเหมือนคนเขียนเลย แต่ตอนนี้ความทรงจำยังกลับมาไม่ครบ ขอแยกย้ายกันทำมิสชั่นส่วนตัวก่อน จนกว่าจะพร้อมกว่านี้
คุณบาร์บี้ – ตอนต่อมาแล้วค่ะ บรรยากาศยังอึมครึมปนเย็นๆเหมือนช่วงฝนตกในหน้านี้เลย ตอนอ่านน่าจะได้อารมณ์นะคะ

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – แบบว่าชอบเพลงมันไม่ใช่แนวของชายยยย เหมือนคนเขียนเลยค่ะ
มีดนั่นต้องได้ใช้แน่เลย คนเขียนจะชอบมากนะคะ เวลามีคนบอกว่า ปกติไม่อ่านแนวนี้ แต่พอมาอ่านเล่มของเราแล้วชอบ ทำให้อยากอ่านอีก ขอให้กลายเป็นเช่นนั้นอีกคนนะคะ //กอดจูบ
คุณโกลเด้นซัน – เฟย์ก็น่าห่วง ตัวละครทุกตัวก็น่าห่วง แต่ยังไงก็ต้องกลับมาค่ะ เพราะถ้าเวชกุลต้องการตัวแล้ว ยังไงก็หนีไม่ได้ เทวัญนี่เป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศและข้ามชาติเลยทีเดียว เหลือแค่ต้องกลับมาเผชิญและแก้ปมที่ถูกวางไว้ด้วยตัวเองเท่านั้น ...เอเดนเป็นตัวละครที่คนเขียนชอบมากเลย รอดูกันต่อไป


พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2556, 07:25:42 น.
โห ยายศศิราศี แสบได้โล่ห์ สมน้ำหน้าอิตาหมอกฤษณะ อยากทำให้ลูกได้รับความลำบากก่อนเอง ดูซิลูกอุตส่าห์ออกมาตามหา ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว


อสิตา 16 ก.ย. 2556, 07:45:45 น.
แง่ว พี่แตงกวาอย่าเพิ่งจำผิดนะะะะ วนัสเป็นลูกเพื่อนสนิทของหมอกฤษณะจ้า แต่ชื่อพ่อนางไม่ค่อยได้เอ่ยออกมาเท่าไหร่


ภาวิน 16 ก.ย. 2556, 07:48:31 น.
อืม ถ้าศพลุกขึ้นมาได้จริงๆหลังการรักษาของวาริช ก็คงไม่ต่างจากผีดิบเนอะ


พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2556, 08:10:09 น.
อ้าว...ฉัน เพล้ง! กำลังว่าจะกลับมาถามอะไรบางอย่าง ต้องมาเก็บเศษหน้าตัวเองแทนแล้ว

ว่าจะถามว่าในคุกนั่นมีห้องน้ำกี่ห้องอ่ะ อยู่กันตั้งห้าคน แล้วขังกรงรอบเตียงอีก ปวดฉี่ละแย่เลย


อสิตา 16 ก.ย. 2556, 08:16:58 น.
ไม่เป็นราย อ่านไม่ต่อเนื่องก็ต้องมีลืมบ้าง ถ้ามีเล่มจะแก้ปัญหานั้นได้แน่ก๊ะะะะะะะะะะะะะ 555
มีห้องน้ำ 1 ไม่มีอะไรทำเลยผลัดกันเข้าเรียบร้อยหมดละก่อนโดนกั้นเตียง


ดังปัณณ์ 16 ก.ย. 2556, 08:41:41 น.
เอิ่มมมมมมมมมมมมมม เก๊ารอเล่ม บอกได้เท่านี้ เอามาหยอดงี้ ใจแทบขาด อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคุณแป้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง (หนอนดีดดิ้น ทำตาปริบๆ)

ปล.555+ ขำพี่แตง ปวดฉี่ไม่เท่าไหร่ นอกจากนั้นดิ แอร๊ยยยยยยยยยยยยย (แหย่เล่นนะคร้า) 555+ ตอนนี้ลุ้นจนตัวเกร็งไปหมดแย้วววววววววววววว


เรือใบ 16 ก.ย. 2556, 09:13:17 น.
โอ๊ะโอ แสดงว่าไม่ได้แค่ผ่านมาแล้วผ่านไปสินะ 2 คนนั้น อืมมมมมแต่เรื่องนี้แอบบรรยากาศน่ากลัว น่าขนลุกนะคะ แค่อ่านยังรู้สึกเลยว่าเป็นเรื่องที่ต่อให้มีหนุ่มหล่อแค่ไหน ยังไงก็ไม่อยากเป็นนางเอก 555


Pat 16 ก.ย. 2556, 12:18:34 น.
ตามติด& ติดตาม


Barby 16 ก.ย. 2556, 16:17:21 น.
เริ่มเเล้ว เเล้ววนัสของเราจะทำอะไรอ่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 16 ก.ย. 2556, 18:00:26 น.
ไรเตอร์ใจร้ายยย
ทำปมทิ้งไว้เยอะแยะเลย เค้าสับสนนะ!!!
รับผิดชอบเค้าด้วยยยยย!!!!
รีบมาอัพให้หายคาใจเบยยย 5555


sai 16 ก.ย. 2556, 19:02:23 น.
ลึกลับซับซ้อนซ้อนเงื่อน มึนๆๆๆๆๆ แตก็ตามอ่่านต่อไปไม่งั้นคาใจกันหางเสือแน่ๆ


sai 16 ก.ย. 2556, 19:02:55 น.
*กัด


goldensun 16 ก.ย. 2556, 19:03:57 น.
เทวัญกับศศิราศี เป็นกรรมที่สนองกฤษณะทางหนึ่งนะนี่ แต่สามคนกับกลุ่มบริวารก็แบบเดียวกัน โหดพอที่จะเห็นคนเป็นสัตว์ทดลองได้
นวาระพูดทำนองจะช่วยวนัสหลายรอบ ทำไมเทวัญถึงมองว่า นวาระไม่ห่วงใคร ไม่มีจุดอ่อน
จับวนัสมารอบสอง พวกกกฤษณะหาทางป้องกันพลังของวนัสแล้วหรือคะ เห็นว่าครั้งก่อนเกือบพัง
รอลุ้นว่าจะพบอะไรบ้าง หมอริชเจอก่อนเลย นึกว่าจะเป็นนวาระที่ออกเดินคนแรก
ดูเหมือนที่นอนรอหมอริชจะแค่เกือบตายรึเปล่า จากคำพูดของกฤษณะ


lovemuay 16 ก.ย. 2556, 19:21:12 น.
ไม่มีใครหรอกค่ะ ที่ไม่มีจุดอ่อนน่ะ เพียงแต่ยังมองหามันไม่เจอมากกว่า


Sukhumvit66 16 ก.ย. 2556, 19:27:09 น.
ว้าย ๆ เราแกะปมหนึ่งได้แล้วละ เย้ เย้ ศศิรัศมีกะนวาระ เป็น....


SunSeed 17 ก.ย. 2556, 20:37:53 น.
งึมงัมๆ พี่แป้งทำให้หนูเริ่มมึนกะตัวละคร แต่มึนแค่ไหน ก็สอดส่ายสายตาอ่านจับใจความเฉพาะบทพี่ครามได้เป๊ะนะคะ อิอิ


Zephyr 23 ก.ย. 2556, 20:12:51 น.
ทำไมมันดูเหมือนกรงขัง สัตว์ทดลองอะไรสักอย่าง
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นนะเนี่ยว่าพวกนี้จะเจออะไร
ตาเทวัญนี่ก็ถึงขนาดเอาลูกตัวเองมาทดลองด้วย มะม้าเขียนให้ตัวนี้จริยธรรมเสื่อมโทรมจังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account