เริงราตรีสีขาว {จากนวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ. อรุณ}
เขาเกิดมาพร้อมคำทำนาย "สตรีผู้มีชะตาผูกพัน จะทำให้เขาอายุสั้นลง"
และเมื่อเธอคือสตรีผู้นั้น ระหว่างชีวิตกับหัวใจ
เขาจะเลือกสิ่งใด
Tags: รัก ลึกลับ โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ ๑๔ (จบตอน)+เล่นเกมแจกนิยายในเพจ "ภาวิน" อยู่นะคะ

เปลือกตายับย่นตามวัยหลับพริ้มมานานหลายชั่วโมงเปิดขึ้นกลางดึกสงัด ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ แม้หน้าผากกว้างจะเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเล็กๆผุดพราว หญิงชรากวาดสายตามองรอบห้อง โคมไฟหัวเตียงถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำสาดแสงสีเหลืองสลัว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายยังคงนิ่งสงบราวกับอยู่ในห้วงนิทราแสนสุข แม้แต่หลานชายหนุ่มใหญ่ก็ยังคงนอนทอดกายอยู่บนเตียงอีกหลังซึ่งเพิ่งถูกยกเข้ามาตั้งไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

เหมือนราเชนทร์จะสัมผัสความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นยายได้ เขารู้สึกตัวและหันมามองนาง ครั้นพบเยาวนะตะแคงหน้ามองสบตาเขา
อยู่ก่อนแล้ว หนุ่มใหญ่จึงลุกมาทรุดนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงหญิงสูงวัย

“คุณยายอยากได้อะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าอยากเข้าห้องน้ำ” เขาถามอย่างเอาใจใส่ ราวกับจะชดเชยเวลาระหว่างเขากับท่านที่หายไปยี่สิบกว่าปีซึ่งเยาวนะเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทยเพียงลำพัง หลังจากธิดาคนเดียวของนางเสียชีวิต

ช่วงที่อวิรุทธ์ผู้เป็นบิดาของราเชนทร์เข้ามาทำธุรกิจร้านอาหารในเมืองไทยได้ปลูกบ้านหลังนี้ไว้หวังยึดเป็นเรือนตาย ทว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน เมื่อวันหนึ่งบริษัทค้าเครื่องเทศน์และน้ำมันหอมระเหยของครอบครัวทอินเดียขาดคนดูแล อวิรุทธ์จำต้องกลับไปรับช่วงธุรกิจต่อจากบิดา หลังจากใคร่ครวญแล้วว่าทำสองทางไม่ไหว และงานทางโน้นก็ให้ผลตอบแทนมากกว่า อวิรุทธ์จึงตัดสินใจขายกิจการร้านอาหารในเมืองไทย

ส่วนราเชนทร์ไม่ได้กลับไปอินเดียด้วย เขาถูกส่งไปเรียนต่อที่อังกฤษตั้งแต่อายุ ๑๘ ปีตามความเห็นชอบของบิดามารดา แม้เวลานั้นเขายังไม่พร้อม ไม่อยากไป ก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของบิดามารดาได้

ตอนอวิรุทธ์ย้ายกลับมาตุภูมิ พ่อเกือบขายบ้านหลังนี้แล้ว แต่เยาวนะขอร้องให้เก็บไว้ เนื่องจาก ‘มันจะนำมาซึ่งความสุขของราเชนทร์’
อาจเป็นเพราะคำทำนายที่เยาวนะเคยเอ่ยถึงเขาเป็นจริงมาแล้ว อวิรุทธ์จึงยังคงเก็บบ้านหลังนั้นไว้

‘ชีวิตราเชนทร์จะพลิกผันหันเหครั้งใหญ่เพราะเดินออกจากเส้นทางที่พ่อแม่ขีดกำหนดไว้ให้เพียงครั้งเดียว’

เยาวนะไม่ใช่หมอดู นางเป็นหญิงชาวพุทธที่หมั่นฝึกจิตมาตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนเด็กๆราเชนทร์เคยสงสัยว่าเหตุใดคุณยายจึงนั่งหลับตาได้เป็นวันๆโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายหรือเมื่อยล้า และได้คำตอบว่าท่านกำลังนั่งดูลมหายใจตัวเอง

‘คุณยายพูดตลก ขนาดผมลืมตายังมองไม่เห็นลมหายใจตัวเองเลย คุณยายหลับตาจะมองเห็นได้ยังไง’

เยาวนะเพียงยิ้มละไม ไม่ได้อธิบายให้เขาเข้าใจ และคงมองออกว่าเขาไม่สนใจจะรับรู้อะไรมากไปกว่านั้น

ครั้นเติบใหญ่เขาจึงรู้และเข้าใจมากขึ้นว่าการดูลมหายใจนั้นคือการไม่ปล่อยให้จิตแส่ส่ายไปคิดเรื่องอื่นใดให้เหนื่อยล้า ดวงจิตอันว่างจึงสงบ สบาย และเป็นจิตที่มีคุณภาพผ่องใสไม่มัวหมอง

ยามอยู่ใกล้เยาวนะ ราเชนทร์รู้สึกเหมือนยืนอยู่ใต้เงาร่มไม้ใหญ่ กระแสฉ่ำเย็นแผ่ออกมาจากน้ำเสียงกังวาน รอยยิ้มละไม และแววตาเปี่ยมความปรานี

อาจเพราะหมั่น ‘ดูลมหายใจ’ ก็เป็นได้จึงส่งผลให้ยายมีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้า เขาเคยถามว่าท่านทราบคำทำนายเหล่านั้นได้อย่างไร หญิงชราตอบเพียงว่าสิ่งเหล่านั้นผ่านเข้ามากระทบใจเอง ท่านรู้เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น

“ยายไม่ได้เป็นอะไร” เยาวนะเอ่ยขณะสบตาหลานชาย “เพียงแค่ ‘รับรู้’ ว่าจะมีคนตาย และจะมีคนเกิด”

“ใครครับ” ราเชนทร์ร้อนใจ ใครจะเกิดนั้นเขาไม่สนใจ เขาสนใจว่าใครจะตาย หวังว่าจะไม่ใช่...

“ไม้ใกล้ฝั่งอย่างยายคงหนีไม่พ้น อย่ากลัวในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้เลย”

ราเชนทร์ระงับความหวาดหวั่น ถึงเยาวนะจะแก่ชราจนเรียกได้ว่าไม้ใกล้ฝั่ง แต่เขายังไม่อยากสูญเสียท่านไป เขาเพิ่งมีโอกาสได้ดูแลยายอย่างจริงจังช่วงที่ท่านป่วยนี่เอง ก่อนหน้านั้นนางประสงค์จะอยู่ลำพังที่บ้านหลังนี้ แม้อวิรุทธ์ตั้งใจจะหาคนรับใช้มาอยู่เป็นเพื่อน ท่านก็ปฏิเสธขันแข็ง บ่นว่าเบื่อความวุ่นวาย ความสุขของท่านคือการได้อยู่คนเดียวมากกว่า และเวลาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านางสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากใครจริงๆ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่ได้รับจากธารทิพย์และครอบครัวนั้นหลั่งไหลมาเองโดยนางไม่เคยออกปากสักคำ

หลังจากเยาวนะย้ายกลับมาเมืองไทยไม่นาน ธุรกิจทางอินเดียก็ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักเพราะการคาดการณ์ผิดพลาด จากที่เคยได้กำไรมหาศาลก็กลายเป็นขาดทุนย่อยยับแถมมีหนี้สินก้อนโตให้ต้องชำระสะสาง อวิรุทธ์ล้มป่วยด้วยโรคหัวใจเนื่องจากความเครียด ราเชนทร์จึงขึ้นเป็นผู้บริหารอย่างเต็มตัว เขาพยายามประคับประคองบริษัทให้ฝ่าวิกฤติไป กว่าจะประสบความสำเร็จก็ใช้เวลาหลายปี
ชีวิตเขายุ่งเหยิงกับงานและดูแลอวิรุทธ์ที่ป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดยี่สิบปี จึงเพิ่งมีโอกาสเดินทางมาเมืองไทยเพื่อดูลู่ทางขยับขยายธุรกิจ และเมื่อมาเยี่ยมเยาวนะก็พบว่านางกำลังป่วยพอดี เขาตัดสินใจมอบหมายงานทางอินเดียให้ญาติซึ่งไว้ใจได้ดูแลแทนไปพลางๆ ขณะที่ตนขออยู่ดูแลเยาวนะต่ออีกสักพัก หากนางไม่ดีขึ้นเขาคงทิ้งนางไว้ที่นี่ไม่ได้ไม่ว่านางจะปรารถนาสักเพียงใดก็ตาม ยังไงต้องพากลับไปอินเดียด้วยกัน

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องไหนล่ะครับคุณยาย ที่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้”

ผู้สูงวัยขยับปากจะพูด แต่แล้วกลับดูลังเลไม่แน่ใจ “คงยังบอกไม่ได้ มันยังไม่แน่ชัด ทุกสิ่งล้วนตั้งอยู่บนความเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น กลับไปนอนเถอะ” นางปิดเปลือกตาลงช้าๆ นอนนิ่งสงบ ลมหายใจทอดยาวสม่ำเสมอ

ราเชนทร์กลับไปทิ้งตัวลงนอนที่เดิม ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก เมื่อความกังวลเรื่องเยาวนะเริ่มคลายลง ความคิดถึงใครบางคนก็โลดแล่นเข้ามาแทน มือใหญ่เคลื่อนมากำล็อกเก็ตห้อยคอไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว




ณราตรีตื่นในตอนสายวันถัดมา นอนมึนงงอยู่ครู่ใหญ่ ภาพเหตุการณ์เมื่อค่ำวานจึงค่อยๆเลื่อนไหลเข้ามาในหัว เมื่อคืนเธอดื่มหนักจนแขนขาอ่อนแรง อีกทั้งยังไม่อาจห้ามความคิดและการกระทำของตนเองไว้ได้ พูดทุกเรื่องที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสม เรียกว่าเมาได้หรือเปล่าไม่รู้ สิ่งที่รู้คือยังจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ชัดเจน

นิ้วเรียวแตะริมฝีปากแผ่วเบา คล้ายสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้เมื่อค่ำวานยังคงติดตรึงแนบแน่น...สัมผัสที่ทำให้สมองมึนเบลอจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งงุนงง พักใหญ่กว่าจะรับรู้ว่าตนกำลังถูกกอดและจูบ ไม่ใช่จูบธรรมดา แต่เป็นจูบที่ร้อนแรงเรียกร้องเอาชนะ พร้อมทั้งยั่วแหย่ให้สนองตอบไปในคราเดียวกัน ไม่คิดเลยว่าคนอบอุ่นอ่อนโยนราวกับสายลมปลายฤดูหนาวจะเร่าร้อนได้ราวกับไฟเช่นนี้ สัมผัสจากเขาสร้างความปั่นป่วนหวามไหวในช่องท้องอย่างประหลาด อารมณ์ถูกปลุกเร้าจนทุกอณูในร่างกายไหวระริก หัวใจเต้นระรัวแรงเหนือการควบคุม

เขาพาเธอดิ่งลึกลงไปในวังวนแห่งความรัญจวนวาบไหว แม้ใจหนึ่งอยากฝืนและขืนตัวเองไว้มิให้เตลิดไปตามอารมณ์ อีกใจหนึ่งกลับดึงดันอยากรู้ว่าเส้นทางสายนั้นจะไปสิ้นสุดลงที่ใด จะร้อนเร่าหรือแปรเปลี่ยนเป็นหวานหอมอย่างที่เคยคิดฝันตามประสาวัยสาว ความคิดนี้เองผลักดันให้ริมฝีปากอิ่มแย้มเผยอต้อนรับการรุกรานที่เหมือนจะดูดดึงวิญญาณจากร่าง แผดเผาสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดของเธอจนหมดสิ้น

เมื่อจิตใจขาดสติคอยกำกับก็ไม่ต่างจากใบไม้ยามหล่นร่วงสู่ลำธาร จะไหลเรื่อยเอื่อยรินหรือโลดแล่นเร็วรี่ก็ขึ้นอยู่กับกระแสธารอันนำพา ใจของณราตรีเวลานั้นก็เช่นกัน เมื่อไม่มีสติคอยกำกับ การกระทำต่างๆจึงไหลไปตามความต้องการอันคุโชน โดยไม่สนใจเหตุผลหรือศีลธรรมใดๆ อารมณ์เร้นลับซึ่งแอบซ่อนอยู่ในซอกใจถูกกระตุ้นจนตื่นโพลงพร้อมจะโผนทะยานไปจนสุดปลายทาง

หากสิ่งที่เกิดขึ้นเปรียบกับการแสดงดนตรี สิ่งที่มอบให้และรับคืนกลับมาก็คงไม่ใช่แค่การฟีเจอริ่ง แต่เป็นการแบทเทิล--ต่อสู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ยิ่งเขารุกเร้าเรียกร้องเท่าไรเธอยิ่งมอบตอบแทนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

ถ้าเขาไม่หยุด...เธอเองคงไร้สติกำลังจะหยุดตัวเองไว้ได้...น่าละอายจริง

ณราตรียกมือปิดหน้า ขืนนอนอยู่อย่างนี้มีหวังคิดเรื่องเดิมไม่เลิก หญิงสาวตัดสินใจตลบผ้าห่มออกพ้นตัวแล้วลุกขึ้นนั่ง ก้มลงมองเสื้อผ้าที่
ยังอยู่ในชุดเดิมเนื่องจากเมื่อคืนทั้งมึนไวน์ ทั้งมัวเมาความรู้สึกแปลกใหม่ที่ศาศวัตมอบให้ เมื่อเข้าห้องปิดประตูได้ก็ทุ่มตัวลงบนเตียง จากนั้นภาพเหตุการณ์หวามไหวก็วนเวียนเข้ามาในหัวเหมือนภาพยนตร์เรื่องเดิมถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนเผลอหลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้

ร่างสูงเพรียวคว้าผ้าขนหนูหายเข้าห้องน้ำครู่ใหญ่ เมื่อได้น้ำเย็นๆชำระร่างกายสมองก็ปลอดโปร่งขึ้น เธอรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว หวังหมดใจว่าเมื่อลงมาข้างล่างจะพบศาศวัตนั่งจิบน้ำขิงอุ่นๆอยู่ในห้องรับประทานอาหาร หรือไม่ก็ไปดูต้นไม้ใบไม้หลังบ้านดังเคย

ณราตรีผิดหวังเมื่อไม่เห็นชายหนุ่มแม้แต่เงา ไม่ว่าจะในห้องรับประทานอาหาร หรือว่าบริเวณรกครึ้มหลังบ้าน เขาคงลงไปทำงานในห้องใต้ดินแล้วกระมัง หญิงสาวผ่านห้องอเนกประสงค์ซึ่งปิดประตูเงียบสนิทไปโดยไม่ได้สนใจ ไม่เฉลียวสักนิดว่าปกติห้องนี้มักเปิดประตูกว้างรอคอยผู้มาเยือนเสมอ

เธอไปด้อมๆมองๆตรงหน้าห้องใต้บันไดซึ่งเคยรู้จากจีวรว่าเป็นทางลงไปยังห้องใต้ดิน ซึ่งเด็กหนุ่มเองก็ยังไม่เคยล่วงล้ำเข้าไป ครั้นจับลูกบิดประตูลองหมุนดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก เธอก้าวเข้าสู่ความสลัวรางตรงหน้าโดยไม่ลังเล

จากพื้นราบ ณราตรีซอยเท้าลงบันได ไฟสีเหลืองอ่อนซีดที่ตามไว้ห่างๆตลอดแนวผนังทำให้ไม่ถึงกับมืดทึบจนมองทางไม่เห็น หญิงสาวใจเต้นระทึก ไม่รู้ว่าสิ่งที่จะได้พบต่อไปคืออะไร หวังว่าจะไม่มีสิ่งร้ายแรงซุกซ่อนไว้ภายใต้บ้านกลางวนาแห่งนี้ หวังว่าศาศวัตจะไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอันน่ารังเกียจ แม้เขาเคยบอกว่างานที่ทำไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม แต่เธอก็อดหวั่นใจไม่ได้

เธอภาวนาไปตลอดทางจนกระทั่งลงบันไดมาพบทางเดินที่ฉีกไปทางซ้ายและขวาสิ้นสุดแค่ผนังทึบตัน เบื้องหลังผนังนี้ต้องเป็นห้องทำงานของศาศวัตแน่ๆ เพราะตรงหน้าเธอคือประตูบานใหญ่ ซึ่งมีแผงตัวเลขติดตั้งอยู่ดูก็รู้แล้วว่ามีไว้สำหรับใช้กดรหัสผ่าน

ยังไม่ทันคิดอ่านทำสิ่งใดต่อ ณราตรีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าสองคู่กำลังลงบันไดมาพร้อมเสียงคุยแว่วๆ หญิงสาวเหลียวหาที่หลบและพบว่ามีตู้เอกสารตรงสุดทางเดินด้านขวา ตู้นั้นเก่าจนประตูหลุดห้อยร่องแร่ง คนเท้าหนักอย่างเธอวันนี้กลับย่องได้เบากริบและรีบแทรกตัวซ่อนอยู่ในซอกแคบๆระหว่างตู้กับฝาผนัง หวังว่าความมืดสลัวคงช่วยอำพรางเธอให้รอดพ้นสายตาเขาได้ ณราตรีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำลับๆล่อๆเหมือนหัวขโมยแบบนี้

เสียงพูดคุยดังใกล้เข้ามาจนจับความได้ “นายแน่ใจหรือว่ามีคนมาขุดต้นไม้ในสวนสมุนไพรไปจริงๆ”

เสียงษมานี่ เขากลับมาแล้วหรือ หญิงสาวแปลกใจทั้งเรื่องที่ษมากลับมาแต่เช้าตรู่และเรื่องต้นไม้ในสวนสมุนไพร ตรงไหนกันที่เรียกว่าสวนสมุนไพร พื้นที่รกๆหลังบ้านที่ศาศวัตไปเดินท่อมๆด้อมมองทุกเช้านั่นหรือ คำตอบแผ่วเบาของศาศวัตช่วยให้ข้อสงสัยของเธอกระจ่างขึ้น

“ยิ่งกว่าแน่อีก ฉันดูของฉันอยู่ทุกวันทำไมจะไม่เห็นว่ามันผิดปกติ จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เจอง่ายๆหรอก ปกปิดร่องรอยได้เกือบแนบเนียน”

“แล้วนายสงสัยใคร” ษมาเสียงเครียด

“ฉันยังไม่อยากคิดตอนนี้”

“วันที่ฉันออกไปกับจี...” ษมามาหยุดเล่าเหมือนต้องการใช้ความคิด “จีก็ไม่ได้หอบหิ้วอะไรออกไปให้ผิดสังเกต มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว แล้วเมื่อกี้ที่นายเรียกฉันกับจีเข้าไปคุยในห้องกลาง นายจีก็ไม่ได้ดูมีพิรุธอะไร”

ห้องกลาง คงหมายถึงห้องอเนกประสงค์กระมัง เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนของษมากับก้องรับประทานอาหาร
“ถ้าจะทำ กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวก็ยัดต้นไม้ใส่ไปได้” ศาศวัตแย้ง

เสียงสนทนาจะขาดหายไปจากการรับรู้ของณราตรีชั่วขณะเมื่อแมงมุมตัวหนึ่งทิ้งตัวลงมาจากเพดาน สายตาที่ปรับเข้ากับความมืดสลัวได้แล้วแลเห็นมันแกว่งไกวอยู่ระดับเดียวกับจมูก เมื่อณราตรียังนิ่งงันจ้องเขม็ง มันจึงโยนตัวไปมากลางอากาศราวกับกำลังล่อหลอกเธอเล่นอย่างนั้นละ

“ถ้าไม่ใช่จี ก็คงเป็นฉัน เพราะไม่มีคนอื่นแล้วนี่” ณราตรีเชื่อว่าได้ยินสำเนียงประชดประชันในน้ำเสียงของษมาชัดเจน

“ฉันไม่มีหลักฐาน พูดไปก็จะกลายเป็นปรักปรำ แต่ฉันไว้ใจนายนะษมา” ศาศวัตยืนยันหนักแน่น “อีกอย่าง ถ้าจีเป็นคนทำจริง ฉันก็อยากรอ
ดูให้รู้แน่ ว่าทำไปทำไม มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า”

จากที่ณราตรีได้ยินทั้งหมด คำพูดของศาศวัตเหมือนเขาแน่ใจไปแล้วว่าจีวรเป็นคนทำ แล้วเหตุใดต้องมีคนอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังด้วย คนซื่อๆอย่างจีวรเนี่ยนะจะซับซ้อนขนาดนั้น แล้วพืชสมุนไพรเหล่านั้นมีคุณค่ามหาศาลถึงขนาดต้องลักลอบขุดออกไปเชียวหรือ...ก็ไม่แน่ ดูจากต้นราตรีกลายพันธุ์นั่นปะไร เธอเองยังอยากนำกลับไปให้เนเชอรัลเฮลท์วิจัยเลยว่ามีคุณสมบัติใดซ่อนอยู่อีก นอกจากกลิ่นที่กระตุ้นความสดชื่นตื่นตัว และใบที่แก้อาการแพ้ชนิดรุนแรงได้ดี สงสัยว่างานของศาศวัตกับษมาจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว

“นายอย่าลืมนะหนึ่ง ที่นี่ไม่ได้มีแค่ฉันกับจี ยังมีคนนอกอีกคนมาอยู่กับเราด้วย”

ณราตรีรู้สึกว่าตัวเองจะถูกษมาดึงเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเข้าให้แล้ว

“คุณไนท์ไม่มีทางทำอย่างที่นายคิดหรอกษมา” ศาศวัตยืนยันหนักแน่น ทำให้คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาแอบดีใจ อย่างน้อยเขาก็ไว้ใจเธอ

“แต่จีอยู่กับเรามานาน ถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาทำเอาตอนนี้ล่ะ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเพิ่งมาไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องแบบนี้”
ถ้าไม่ติดว่าต้องซ่อนตัว ณราตรีคงก้าวออกไปประกาศกร้าวแล้วว่าเธอไม่ได้ทำ ไม่ได้โยกย้ายต้นไม้ของใครไปที่ไหนทั้งนั้น

“อย่าเพิ่งปรักปรำใครโดยไม่มีหลักฐานเลย ฉันว่านายหยุดคิดเรื่องนี้สักพักเถอะ เรามีงานต้องทำนะ”

“ก็ได้” ษมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ขอบใจนะหนึ่งที่นายไว้ใจฉัน เชื่อใจฉัน”

“เพราะฉันรู้จักนายดีไง ทำงานเถอะ จะได้ไม่คิดมาก”

โอ้ย...จะดราม่ากันไปถึงไหน รีบๆเข้าห้องไปได้แล้ว ณราตรีร้องเร่งอยู่ในใจ เมื่อเจ้าแมงมุมตัวกวนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศมาสักพักเริ่มไม่อยู่นิ่ง มันโหนเส้นใยบางเบามาเกาะหมับเข้าที่ปลายจมูก แถมขาเล็กๆแยงเข้าไปในรูจมูกด้วย เธอรีบปัดมันจนกระเด็นก็จริง แต่ความระคายเคืองที่มันทิ้งไว้ทำให้เธอคันจมูกยุบยิบและร่ำๆจะจามให้ได้ หญิงสาวบีบจมูกแน่นไม่ยอมปล่อยเสียงใดเล็ดลอดมาให้เจ้าของบ้านรู้ตัว

ณราตรีเหลือบตามองสองหนุ่มพบศาศวัตกำลังกดรหัสปลดล็อกลงบนแป้นตัวเลข ประตูบานนั้นถูกเปิดออกพร้อมกับความอดทนของผู้บุกรุกอย่างเธอมาถึงจุดเกือบสิ้นสุดเหมือนกัน ษมานำเข้าไปก่อนปล่อยศาศวัตอยู่รั้งท้าย นาทีที่ประตูบานนั้นกำลังจะปิด เส้นความอดทนของณราตรีก็ขาดผึง หญิงสาวจามสามทีซ้อน แม้จะใช้มืออุดปากอุดจมูกแล้ว เสียงก็ยังเล็ดลอดไปถึงหูสองหนุ่มนั่นอยู่ดี

“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ” ศาศวัตถอยกลับมาถามอย่างรวดเร็ว

ณราตรีตัวยืนตัวแข็งทื่อ เธออยากมีพลังจิตประเภทที่แฝงตัวตามผนังห้องได้โดยไม่มีใครเห็นจริงๆเลย แต่เมื่อไม่อาจทำในสิ่งเหนือ
ธรรมชาติเช่นนั้นได้ จึงจำเป็นต้องก้าวออกไปเผชิญความจริง เนื่องจากรู้ว่าการซุ่มซ่อนอยู่ในซอกนี้ไม่มีประโยชน์ ถึงไม่ก้าวออกไป ก็คงถูกจับได้อยู่ดี

“เธอนั่นเอง...ลงมาทำไม” ษมาถามเสียงเย็น

ความไม่ไว้วางใจของษมาไม่ทำให้เธอเสียความรู้สึกเท่าแววตานิ่งขรึมของศาศวัต เธอสบสายตาเขา ไม่ใช่ว่ากล้าหาญแต่อยากให้เขาเชื่อใจ เขาเพิ่งปกป้องเธอไปหยกๆ เธอกลับมาโผล่ที่นี่ จะยิ่งสนับสนุนให้ข้อสันนิษฐานของษมาน่าเชื่อถือเข้าไปอีก หวังว่าความประจวบเหมาะพอดิบพอดีเหล่านี้จะไม่ทำให้ศาศวัตไขว้เขวนะ

“ฉันตามหาคุณอยู่ค่ะคุณหนึ่ง แต่ไม่เจอ เลยลองเปิดประตูห้องใต้บันได เห็นไม่ได้ล็อก ฉันเลยลงมาดู ก็เท่านั้นเอง”

“แล้วทำไมต้องหลบซ่อนอย่างกับหัวขโมย” ษมากล่าวหารุนแรง

ณราตรีพยายามระงับความไม่พอใจ มือซึ่งแนบอยู่ข้างลำตัวกำแน่น “ฉันขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาท เที่ยวซอกแซกสอดรู้ในเรื่องที่เจ้าของบ้านไม่อนุญาต” เมื่อผิดจริงเธอก็กล้ายอมรับ “ฉันกลัวคุณโกรธที่รู้ว่าฉันรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของพวกคุณ เลยแอบอยู่ก่อน รอคุณสองคนเข้าไปในห้องเรียบร้อยฉันก็จะรีบขึ้นข้างบนทันที เพราะคิดว่าการไม่รู้ว่าฉันลงมาน่าจะทำให้คุณสองคนสบายใจมากกว่า” ณราตรีอธิบายเรียบๆ ไม่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนให้เป็นพิรุธสักนิด

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” ศาศวัตตัดบท ท่าทางไม่ติดใจสงสัยอะไร

“เฮ้ย หนึ่ง นายจะเชื่อที่เธอพูดง่ายๆแบบนี้เหรอ เธออาจจะเข้ามาสอดแนมก็ได้นะ” ษมาดูไม่พอใจเมื่อเรื่องจบง่ายแบบนี้ “เธอเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้” ษมาชี้ไปยังณราตรี ขณะหันหน้าไปพูดกับศาศวัต “มาอยู่ไม่กี่วันนายก็ไว้ใจเธอ เกิดเรื่องน่าสงสัยขนาดนี้แล้ว พอเธอพูดไม่กี่คำนายก็เชื่อ นายไม่เคยหลงเชื่อใครง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรือหนึ่ง”

“ฉันยังไม่เห็นคุณไนท์ทำเกินกว่าที่พูดมาเลยนะษมา” ศาศวัตบอกเสียงขรึม

“เธออาจทำโดยที่นายไม่รู้ก็ได้” ษมาไม่ยอมหยุดกล่าวหาง่ายๆ

ศาศวัตส่ายหน้าไม่เห็นด้วย และออกแรงฉุดข้อมือหญิงสาวให้ตามขึ้นไปข้างบน

ครั้นมาถึงครึ่งทาง ณราตรีก็เอ่ยเสียงเครียดดังพอให้ได้ยินแค่สองคน “ฉันขอโทษที่ความจุ้นจ้านของฉันทำให้คุณต้องขัดใจกับเพื่อน”

“ผมไม่ได้ขัดใจกับใคร ถึงคุณไม่ลงมา ษมาก็หงุดหงิดแบบนั้นอยู่ดี” ชายหนุ่มรีบแก้

“ขอบคุณนะคะ ที่คุณเชื่อคำพูดของฉัน”

“ที่ผมเชื่อ เพราะรู้ว่าคุณพูดความจริง” ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่ณราตรีมองสบอยู่บ่งบอกความมั่นใจ ไว้ใจ

“ฉันคงสบายใจมากกว่านี้ ถ้าคุณษมาจะเชื่อฉันอย่างที่คุณเชื่อ” ณราตรีหนักใจ เธอเพิ่งตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยวในวินาทีนี้เอง “ตอนนี้ฉันหายป่วยแล้ว คงต้องออกไปจากบ้านหลังนี้สักที เพื่อความสบายใจของทุกคน”

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย” ศาศวัตตัดบท “เอาเป็นว่าอย่าลงมาห้องใต้ดินอีกก็พอ” เขาเปิดประตูห้องใต้บันไดให้ เมื่อเธอก้าวออกไป เขาก็ยอมรับว่า “เรื่องวันนี้ ผมเป็นคนผิดเองแหละ ถ้าผมไม่ลืมล็อกประตูบานนี้ เรื่องก็คงไม่เกิด”

บานประตูถูกปิดลงอย่างเบามือ ถ้าเขาพูดเพื่อให้เธอสบายใจละก็ บอกได้เลยว่าไม่ได้ผล เธอยังรู้สึกว่าตนเองเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างเพื่อนอยู่ดี หนทางเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือ...หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา คงถึงเวลาแล้วสินะ

***********************************************************

ยังเล่นเกมแจกหนังสือกันอยู่ในเพจ ภาวิน นะคะ เข้าไปร่วมสนุกกันได้ตลอด หมดเขต ๑๔ ตุลาคม ประกาสผล ๑๕ ตุลาคมก่อนงานหนังสือนิดเดียว

ส่วนใครที่ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ ไม่ว่าจะครั้งเดียว สองครั้ง หรือทุกครั้งก็ตาม มีสิทธิ์ลุ้นรับเริงราตรีสีขาวเช่นกันค่ะ



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2556, 07:59:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2556, 08:14:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1325





<< ตอนที่ ๑๔ (ครึ่งแรก)   ตอนที่ ๑๕ +ยังเล่นเกมแจกหนังสือในเพจ "ภาวิน" นะคะ >>
ภาวิน 25 ก.ย. 2556, 08:12:14 น.
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ คุณศาศไม่มีพุงนะ มาลูบพุงอ้วนๆของคนเขียนดีกว่า มีตัวอ่อนอายุ ๓๐ สัปดาห์ ดิ้นดุกดิกอยู่ข้างในด้วย

พี่แตงกวา ถ้าอ่านถึงตอนจบอาจเปลี่ยนใจไม่อยากสลับตัวกับหนูไนท์แล้วก็ได้นะ หุ หุ

คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ รับรองว่าอีกสองตอนที่เหลือ คงมีตอนใดตอนหนึ่งที่หนอนน้อยจะได้กระดืบคืบคลานเข้าไปอยู่ใต้เตียงอย่างแน่นอน โฮะ โฮะ

หนูบาร์บี้ ตอนนี้ซีเรียสหน่อยจ้า ไม่มีซีนหวานเลย

อสิตาสีน้ำเงิน ขอบคุณที่ช่วยโปรโมทเกม ตอนนี้ยอดคนเข้าไปทายถล่มทลาย แต่คนเขียนยังไม่ได้ตรวจสอบคำตอบที่แท้จริงเลย รอลุ้นในวันประกาศผลเช่นเดียวกัน

คุณ Sukhumvit66 ตอนนี้ชุ่มใจ ตอนต่อไปอาจกระชุ่มกระชวยนะเออ ล่อหลอกอีกแล้ว ๕๕๕

คุณวรรษา ถ้าพิมพ์ประภารู้คงอยากแลกตัวกับณราตรีเป็นแน่แท้ ฮิ้ว

คุณปลายสี ขอบคุณมากค่ะ งานท่วมหัวยังปลีกเวลามาทักทาย แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วค่ะ

คุณ auraiw เพิ่งแวะเข้ามาทักทายกันครั้งแรก ยินดีต้อนรับค่ะ เหลืออีกสิบตอนจบค่ะ แต่จะลงถึงวันที่ ๓๐ กันยายน เพราะหนังสือจะวางแผงราวๆตุลาคมนี้แล้วค่ะ ยังไงไปเล่นเกมในเพจภาวินลุ้นรับหนังสือฟรีได้นะคะ แต่ทิ้งคอมเม้นท์ไว้แบบนี้ ก็อาจเป็นผู้โชคดีได้เหมือนกันค่ะ


Barby 25 ก.ย. 2556, 08:33:32 น.
น่าสงสารถูกสงสัยซะได้ แล้วใครเอาไปง่ะ


พันธุ์แตงกวา 25 ก.ย. 2556, 09:29:25 น.
ไม่เป็นไร เจ้พร้อมรับอาถรรพ์
หนูไนท์จะกล้บแล้วเหรอ ไม่นะไม่ ให้ษมาไปแทนสิ
ปล.ตอนที่แล้วมีหนอนมาพาดพุงถึงป้ารึ


ดังปัณณ์ 25 ก.ย. 2556, 09:48:31 น.
555+ ตามมาด้วยยยยยยย พี่แตง หนอนขอพาดพุงไปนิดฮ่ะ หนักพุงมาก (เกี่ยวมั้ย 55+) พี่ปุ๊กคะ อิตาษมานี่ไว้ใจได้แน่เหรอคะ ตอนนี้หนอนไม่ไว้ใจษมามากมาย ตอนนี้ก็ยังไม่ไปไหนนะฮับ ยังกระดึ๊บวนๆอยู่รอบเตียง รอคลานเข้าไปใต้เตียง รอตีหัวหนูไนท์ เอ๊ย ช่วยหนูไนท์ตีหัวคุณศาสวัตร แล้วลากขึ้นเตียง

ปูลม.พี่ปุ้กคะ นี่คือความหวังดีจริงๆนะ กลัวหนูไนท์กลัวเลือดไรประมาณนี้ 555+ (จะเชื่อมั้ยน้อ)


อสิตา 25 ก.ย. 2556, 13:19:23 น.
ชอบกง ไม่ใช่ฟีเจอริ่ง แต่เป็นแบทเทิ่ลนี่แหละ เลือดกำเดาจะไหล


Sukhumvit66 25 ก.ย. 2556, 18:32:04 น.
เมื่อตอนที่แล้วษมาเอาต้นไม้ไปให้ปทุมทองค่ะ (ฟ้อง ฟ้อง)


วรรษา 25 ก.ย. 2556, 20:13:55 น.
โอ...นี่อย่าบอกนะคะ ว่าดิฉันต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าอีกแล้ว (กำลังคิดอยู่ว่าจะตามไนท์ไป หรือจะอยู่เฝ้าคุณหนึ่งดี)


นักอ่านเหนียวหนึบ 25 ก.ย. 2556, 20:57:59 น.
วะวะว้าววว ต่อไปจะไม่ชวนใครมาฟีเจอร์ริ่งด้วยแล้นนนน เพราะไม่มันส์ เท่าแบทเทิ่ล!!!! 5555
อุอุอุ ไรเตอร์ ถือแตงโมลูกใหญ่มา 30 สัปดาห์แล้ว เก่งจังคะ สู้ๆ นะคะว่าที่คุณแม่ ^_^


ree 26 ก.ย. 2556, 04:50:34 น.
นี่ยังไม่เคลียร์กันเรื่องคืนก่อนเลย จะหนีไปแระ


Pat 26 ก.ย. 2556, 08:49:58 น.
ไม่อยากปรักปรำแต่สงสัยพรไพลินน่ะค่ะ


auraiw 26 ก.ย. 2556, 16:24:31 น.
มาลุ้นต่อค่ะ ปกติไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้ แต่พอได้มาอ่านเรื่องนี้ ชักเริ่มติดใจแล้วค่ะ ต้องเข้ามาอ่านทุกวันเลย
อ่านแล้วเรื่องน่าติดตามตลอดเลยนะคะ ลุ้นค่ะ บางตอยยังแอบมีเขินตามเลยค่ะ สรุปว่าชอบมาด เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆคร่า อิอิ


ketza 26 ก.ย. 2556, 20:22:37 น.
เข้ามาให้กำลังใจ หนุกหนานมากมายค่ะ ^_^


ketza 26 ก.ย. 2556, 20:27:29 น.
อยากเห็นเป็นรูปเล่มเร็วๆจังค่ะ เอาใจช่วยๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account