เริงราตรีสีขาว {จากนวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ. อรุณ}
เขาเกิดมาพร้อมคำทำนาย "สตรีผู้มีชะตาผูกพัน จะทำให้เขาอายุสั้นลง"
และเมื่อเธอคือสตรีผู้นั้น ระหว่างชีวิตกับหัวใจ
เขาจะเลือกสิ่งใด
Tags: รัก ลึกลับ โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ ๑๕ +ยังเล่นเกมแจกหนังสือในเพจ "ภาวิน" นะคะ

โลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เมื่อวานตอนเช้าณราตรียังนั่งชมดวงอาทิตย์ขึ้นในทะเลหมอกด้วยความตื่นตาตื่นใจ ได้รับแหวนผีเสื้อและดอกไม้สีสวยชื่อเปี่ยมความหมายเป็นของกำนัล แต่ตกค่ำกลับเมาจนควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ คิดมาถึงตรงนี้ภาพเหตุการณ์เมื่อค่ำวานเหมือนจะตามมาติดๆ

ด้วยเกรงความรู้สึกอ่อนหวานหวั่นไหวจะทำให้เธออ่อนแอ และอาลัยอาวรณ์ชายหนุ่มเจ้าของบ้านกลางวนาจนไม่อยากจากไป ณราตรีจึงสกัดกั้นสิ่งเหล่านั้นไว้ ไม่ปล่อยให้ดูดดึงเธอจนถลำลึกไปกว่าที่เป็นอยู่

ณราตรีหอบหัวใจอันหนักหน่วงออกจากห้องใต้บันได ไม่ได้ขึ้นไปหมกตัวอยู่ในห้องนอนใหญ่บนชั้นสองอย่างใจปรารถนา กลัวเรื่องราวต่างๆมากมายระหว่างเธอกับศาศวัตซึ่งเกิดขึ้นในห้องนั้นและบันทึกอยู่ในความทรงจำ จะยิ่งดึงเธอให้จมลงในบ่อความทุกข์...ทุกข์ที่ตนเองเป็นชนวนเหตุแห่งความขัดแย้งในวันนี้ หนทางเดียวเท่านั้นจะสามารถยุติความคลางแคลงของษมาได้ คือ...

คนคิดหนักถอนหายใจขณะก้าวไปเปิดประตูหน้าบ้านช้าๆ ม่านหมอกขาวมัวทาบทับต้นไม้ใบหญ้าที่ยืนตัวสงบอยู่ท่ามกลางอากาศเยือกเย็นโดยปราศจากลมหนาวโบกโบย ยินเสียงน้ำค้างต้องกระทบพื้นดังเปาะแปะแม้ล่วงเข้าสู่ช่วงสายแล้วก็ตาม

หญิงสาวยังจำได้ว่าวันแรกที่เปิดประตูบานนี้เพื่อพบบรรยากาศโดยรอบของบ้านกลางวนา เธอสะดุดตากับเถากุหลาบเขียวสดติดดอกสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอวลชวนดอมดม ทว่าวันนี้สายตากลับชะงักอยู่ตรงร่างเด็กหนุ่มซึ่งนั่งคอตกเหมือนมีก้อนทุกข์มหึมาหนักหน่วงถ่วงอยู่บนหลังไหล่จนลู่ล้า ไม่อนาทรต่ออากาศหนาวเหน็บรอบกาย ความทะเล้นทะลึ่งอันเคยมีเหลือล้นในตัวหายไปไหนหมดไม่รู้

“เป็นอะไรหรือจี นั่งซึมเป็นคนอกหักไปได้” ณราตรีถามพร้อมกับทรุดนั่งใกล้ๆ
จีวรขยับออกห่างนิดหนึ่งด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัว “ถ้างั้นคุณไนท์ก็อกหักด้วยซีครับ ดูหน้าตาเซื่องซึมไม่แพ้กันเลย” จีวรยิ้ม แต่ดูไม่ร่าเริงเลย

ณราตรีมั่นใจว่าถ้าเธอฝืนยิ้มไหวก็คงเป็นรอยยิ้มที่ห่อเหี่ยวไม่แพ้กัน

เมื่อเธอไม่เล่นด้วย เด็กหนุ่มจึงเอ่ยจริงจัง “คุณไนท์หายแล้วหรือครับ ถึงตากอากาศหนาวๆอย่างนี้ได้”

“หายแล้ว” เธอเลือกตอบสั้นๆ อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เธอถามออกไปว่า “จี...เธอเคยรักใครไหม”

คงเพราะไม่มีใครให้พูดคุยด้วยกระมัง ครั้นพบคนซึ่งอยู่ในอารมณ์คล้ายคลึงกัน ทำให้ณราตรีรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนที่สามารถพูดคุยปรึกษาหารือได้

“เอ วันนี้คุณไนท์ถามแปลกนะครับ” เด็กหนุ่มมองด้วยแววตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่ง เขาก็เอ่ยต่อโดยไม่รอคำตอบ เหมือนเขาเองก็อยากระบายความในใจเหมือนกัน “ถ้าถามว่าเคยไหม ผมก็ตอบตามตรงครับว่าเคย เราเจอกันมาตอนยังเด็กๆ ผมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ รักทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” คนเล่าสบตาณราตรี รอยจิ้มจืดชืดบนใบหน้ายืนยันอารมณ์ย่ำแย่ในใจได้อย่างดี

“ทำไมล่ะ ทำไมถึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้”

จีวรเงยหน้ามองฟ้ามัวหมอก สายตาทอดยาวคล้ายสิ่งที่ใจหมายอยู่ไกลลิบ “กระต่ายหมายจันทร์น่ะครับ ผมต่ำต้อยกว่าเธอมาก อายุเราก็ต่างกันตั้งหลายปี เธอคงไม่มาสนใจเด็กอย่างผมหรอก โดยเฉพาะเด็กรับใช้” เขาเน้นคำหลังเสียงขื่น

ณราตรีพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ เข้าใจทั้งจีวรและทั้งผู้หญิงคนนั้น เนื่องจากตนเองก็ไม่ชอบผู้ชายที่ ‘เด็ก’ กว่าเหมือนกัน ครั้นมองใบหน้าเซื่องซึมของเด็กหนุ่ม ณราตรีก็จำเป็นต้องพูดไปอีกอย่าง “คงไม่มีอะไรสำคัญเท่าความรักหรอกจี ถ้าจีมีใจรักจริงแล้ว ฉันว่าเธอคนนั้นจะต้องเห็นใจจีเข้าสักวันนั่นแหละ” หญิงสาวรู้สึกละอายใจนิดหน่อยเมื่อต้องพูดในสิ่งที่ตนเองก็ไม่เชื่อ เห็นมานักแล้วประเภทรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง ต่อให้พยายามแค่ไหน ความสัมพันธ์ก็ไม่อาจพัฒนาไปกว่าเดิม ดูอย่างพ่อหนุ่มน้อยที่เคยมาจีบเธอตอน ม.๖ สิ แม้แต่ชื่อเขาเธอยังไม่สนใจจะรู้เลย

จีวรแค่นหัวเราะ “นั่นมันเรื่องเพ้อฝันในนิยายครับคุณไนท์ เรื่องจริงอาจจะมี แต่คงไม่เกิดกับผมแน่” เขายิ้มหม่นก่อนเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง มั่นใจ “ผมไม่สนใจหรอกครับว่าเธอจะรู้สึกยังไงกับผม ผมรู้แค่ว่าถ้าผมสามารถทำให้เธอมีความสุขสมหวังได้ ผมก็ยินดีทำเต็มที่ ผมทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ”

ได้ยินแบบนี้แล้ว ณราตรีก็นึกดีใจแทนผู้หญิงคนนั้น ความรักมีอานุภาพบันดาลให้คนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รักจริงๆ

“แล้วที่จีหลบมานั่งซึม ก็เพราะเรื่องนี้หรือ”

“เปล่าหรอกครับ พอดีมีเรื่องไม่สบายใจ”

ณราตรีไม่กล้าถามว่าเรื่องไม่สบายใจของจีวรว่าเกี่ยวกับเรื่องพืชสมุนไพรซึ่งหายไปจากแปลงเพาะของศาศวัตหรือเปล่า เนื่องจากเธอเองก็ไม่สบายใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่รู้ว่าการเล่าเรื่องไม่สบายใจซ้ำๆนั้นเหมือนยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม

ชะรอยจีวรจะรู้ตัวว่าพูดมากไป เขาจึงเปลี่ยนเรื่องโดยการหันมาถามว่า “แล้วคุณไนท์ละครับ ไม่สบายใจเรื่องอะไร”

“ช่างมันเถอะ” หญิงสาวบอกปัด สายตาเหลือบเห็นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของจีวร จึงรีบถามอย่างสนใจ “จี ฉันขอยืมโทรศัพท์โทร.กลับบ้านหน่อยได้ไหม ฉันไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านมาพักใหญ่แล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะเป็นห่วง” คำท้ายเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก ใครจะมาห่วงคนที่เปรียบเป็นเสมือนติ่งเล็กๆของครอบครัวอย่างเธอกันเล่า แต่ที่ผ่านมาทุกครั้งเธอไม่เคยขาดการติดต่อกับทางบ้าน ถ้าไม่โทร.บอกปทุมทองก็มักส่งอีเมลบอกพรไพลินให้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ไม่เคยหายออกจากบ้านมานานกว่าสัปดาห์โดยไม่ได้บอกใครเลยแบบนี้มาก่อน

เด็กหนุ่มไม่มีท่าทีหวงแหน เขาส่งโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนให้เธอง่ายๆแล้วลุกขึ้นยืน “คุณไนท์ใช้ตามสบายเลยนะครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อน”

ณราตรีพยักหน้า คล้อยหลังอีกฝ่าย หญิงสาวก็กดหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพรไพลิน ซึ่งหมายเลขนี้เจ้าตัวให้ไว้เฉพาะเพื่อนสนิทและญาติพี่น้องเท่านั้น เนื่องจากเป็นหมายเลขส่วนตัวไม่ได้มีไว้ติดต่อเรื่องงาน และเป็นเบอร์โทรศัพท์เดียวของคนในบ้านที่ณราตรีจำได้แม่นเนื่องจากมีตัวเลขซ้ำเรียงกันหลายตัว รอสัญญาณดังอยู่ไม่กี่ครั้ง น้องสาวต่างมารดาก็รับสาย

“ฮัลโหล” คนที่เคยคุ้นเสียงกันดีย่อมรู้ว่าเสียงแบบนี้แปลว่าพรไพลินคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แม้เสียงยังคงความไพเราะ แต่ห้วนสั้นไม่เสนาะหูเอาเลย คงเพราะเห็นเป็นหมายเลขแปลกๆไม่คุ้นเคยก็เป็นได้

“ไพลิน นี่ฉัน...ไนท์เองนะ” ณราตรีกรอกเสียงลงไป ปลายสายเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนละล่ำละลักถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อะไรนะคะ พี่ไนท์หรือคะ พี่ไนท์อยู่ที่ไหนคะนั่น” คำถามตามมาเป็นขบวนตามความคาดหมายไม่มีผิด “ทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลย” ท้ายเสียงถูกปรับให้ทอดอ่อนตามประสาคนขี้อ้อน เมื่อณราตรีไม่ตอบ คำถามใหม่จึงถูกส่งมาแทน “แล้วเอาเบอร์ใครมาโทร.คะเนี่ย”

“ขอยืมโทรศัพท์เพื่อนที่นี่โทร.น่ะ พอดีโทรศัพท์พี่ตกน้ำจมหายไปเมื่อหลายวันก่อน เลยไม่มีใช้ชั่วคราว”

ณราตรีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงไม่เล่าเรื่องที่อุบัติเหตุที่น้ำตกภูวนาให้อีกฝ่ายฟัง

“มิน่าล่ะ ไม่มีใครติดต่อได้เลย พี่ไนท์สบายดีนะคะ” เสียงใสเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

“สบายดี”

“แล้วเมื่อไหร่พี่ไนท์จะกลับคะ”

ณราตรีนิ่งคิดอยู่นิด แล้วตอบด้วยเสียงเนือยๆ “ยังไม่รู้เลย น่าจะเร็วๆนี้แหละ” ใจอยากถามถึงปรมัตถ์ แต่ปากหนักเกินจะเอ่ย จึงตัดบทว่า

“แค่นี้ก่อนนะไพลิน โทร.นาน เกรงใจเจ้าของโทรศัพท์เขาน่ะ”

“ค่ะๆ” พรไพลินรับรู้ด้วยคำสั้นๆ

ณราตรีวางสาย ขมวดคิ้วครุ่นคิด คล้ายมีบางสิ่งติดอยู่ในใจ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก



เข็มฉีดยาแหลมเล็กถูกปักลงตรงตำแหน่งหลอดเลือดใหญ่ สารสกัดสีเขียวใสราวมรกตน้ำงามค่อยๆเลื่อนไหลเข้าไปในร่างที่นอนนิ่งสนิท เมื่อหลอดฉีดยาว่างเปล่าเข็มแหลมก็ถูกถอนออกช้าๆมาวางไว้ในถาดโลหะ ดวงตาสองคู่ต่างจับจ้องสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใจจดใจจ่อ สลับกับการเหลือบตามองนาฬิกาดิจิทัลแบบตั้งโต๊ะซึ่งตัวเลขกะพริบเปลี่ยนทุกวินาที

ร่างเล็กตรงหน้าถูกทำให้สมองตาย หัวใจหยุดเต้น ลมหายใจนิ่งสนิท

หนึ่งนาทีผ่านไป...ยังคงนิ่งเฉย

สองนาทีผ่านไป...ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

ครั้นนาทีที่สาม สองหนุ่มก็แทบลืมหายใจ ร่างแน่นิ่งของหนูทดลองเริ่มกระตุกเบาๆเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ษมาอ้าปากค้างเงยหน้าสบตาศาศวัตอย่างมีความหวัง

สารสกัดจากต้นราตรีกลายพันธุ์ซึ่งขึ้นอยู่ที่ริมหาดกรวดใกล้ลำธารสามารถเยียวยาเซลล์ในร่างกายที่ตายแล้วให้กลับมีชีวิตขึ้นมาได้อีกครั้งจริงๆ!

ทว่าวินาทีถัดมา ความหวังเรืองรองในดวงตาสองคู่กลับดับวูบ เมื่อร่างเล็กจ้อยที่ชักกระตุกอยู่สองสามทีกลับไปนิ่งสนิทดังเดิม แม้รอเวลาเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีปฏิกิริยาสนองตอบอย่างที่ต้องการ...ไม่สำเร็จอีกตามเคย

ษมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความตื่นเต้น เคร่งเครียดที่เขม็งเกลียวอยู่ในสมองตลอดเวลาที่ผ่านมาผ่อนเบาลง หลีกทางให้ความผิดหวังเข้ามาแทนที่

ศาศวัตเพียงยิ้มเพลียๆเนื่องจากเผื่อใจไว้แล้ว ยิ่งการทดลองดำเนินมานานยาวเท่าไรเขายิ่งประจักษ์ชัด ไม่มีใครเอาชนะธรรมชาติได้ ไม่มีใครเอาชนะความตายได้

“ฉันขอออกไปสูดอากาศข้างบนแป๊บนึงนะ เดี๋ยวลงมาใหม่” ษมาบอกพลางบีบไหล่ศาศวัตหนักๆ แม้ท่าทีเพื่อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ชายหนุ่มรู้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ษมายังไม่หายขุ่นใจเรื่องที่เกิดขึ้นเช้าเมื่อเช้าไม่หาย เรื่องที่เขาเข้าข้างณราตรี ศาศวัตคิดว่าเวลาน่าจะช่วยเยียวยาความรู้สึกของษมาได้ดีที่สุดได้

ษมาหายออกไปเกือบครึ่งชั่วโมงจึงกลับลงมาใหม่ คราวนี้เขาหมกมุ่นคร่ำเคร่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ราวกับกำลังค้นคว้าหาข้อมูลสำคัญ ศาศวัตหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงพริ้นเตอร์ทำงาน กระดาษขนาดเอสี่ที่มีรูปภาพและตัวอักษรเรียงรายไหลออกจากเครื่อง ษมาหยิบขึ้นมาดู ดวงตาสีสนิมขุ่นขึ้ง ศาศวัตยังไม่ทันเอ่ยปากถาม เจ้าตัวก็ลุกขึ้นมายื่นกระดาษแผ่นนั้นให้

ศาศวัตรับมา...สิ่งแรกที่กระทบสายตาคือภาพสมาชิกครอบครัวตระกูลธนาธิป เจ้าของบริษัทเนเชอรัลเฮลท์คู่แข่งของเวชกุลซึ่งเขาและษมากำลังทำวิจัยให้

มองเพียงผาดเผินก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ จนเมื่อสังเกตดีๆจึงพบว่าเด็กสาวหน้าสวยคมที่ยืนหลบอยู่แถวหลังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนณราตรีราวกับเป็นคนเดียวกัน ชายหนุ่มตัวชาวาบ

“ณราตรี กมลากร บุตรสาวคนแรกที่เกิดกับรัตติกาล กมลากร อดีตภรรยาของนายปรมัตถ์ ธนาธิป เจ้าของเนเชอรัลเฮลท์” ถึงษมาไม่จาระไนละเอียดเช่นนี้ ศาศวัตก็รู้ได้จากประวัติที่เรียงรายอยู่หลายบรรทัดด้านล่าง

“หวังว่านี่จะช่วยให้นายตาสว่างเสียทีนะหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ไม่ควรอยู่ที่บ้านกลางวนาอีกต่อไป!”




นับตั้งแต่ณราตรีออกจากห้องใต้บันไดมาในตอนสาย เธอไม่ได้พูดคุยหรือพบหน้าศาศวัตอีกเลยกระทั่งบ่ายแก่ใกล้เย็น เป็นครั้งแรกกระมังที่ณราตรีเองก็ไม่อยากพบเขา เพราะรู้แน่แก่ใจว่าหากเจอหน้ากันครั้งนี้แทนที่จะได้ทักทายด้วยความชื่นมื่นเช่นทุกครั้ง เธอจะต้องบอกลาแทน...เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่!

เสียงฝีเท้าคนผ่านทำให้หญิงสาวได้สติหลุดจากภวังค์ความคิด เพิ่งรู้ตัวว่ากินข้าวมื้อเที่ยงซึ่งเลยเวลาปกติมาหลายชั่วโมงหมดจานไปแบบไม่รู้รส หญิงสาวรวบช้อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เห็นจีวรเข้ามารวบเก็บถุงขยะก็ออกปากถาม “จะเอาไปไหนหรือจี”

“ผมต้องขนขยะออกไปทิ้งข้างนอกครับคุณไนท์ ที่นี่ไม่มีระบบกำจัดขยะ” เขายิ้มแถมท้ายประโยค ดูเหมือนจีวรคนเดิมจะกลับมาแล้ว คนอารมณ์ดีก็อย่างนี้แหละ ทุกข์เศร้ากับใครเขาได้ไม่นาน

“ให้ฉันช่วยนะ อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำเซ็งจะแย่”

“โธ่ คุณไนท์ อย่ามาพูดให้ผมอิจฉาสิครับ ผมน่ะอยากอยู่สบายๆแบบคุณไนท์จะตาย” เด็กหนุ่มโอดครวญหน้าตาละห้อยละเหี่ย “แต่ยังไงผมก็ยอมให้คุณไนท์ช่วยไม่ได้หรอกครับ พวกขยะเปียกมันทั้งหนักทั้งเหม็น นี่ผมต้องแบกลงเรือถ่อไปขึ้นที่บ้านริมธารโน่น ไม่น่าสนุกหรอกครับ เชื่อผม”

คนฟังจำใจพยักหน้ายอมรับ ไม่อยากดึงดันไปให้ได้เนื่องจากกลัวจีวรจะลำบากยิ่งกว่าเดิมเพราะมีเธอเป็นภาระอีกคน

“ถ้าคุณไนท์เบื่อการนั่งๆนอนๆ ก็ทำงานปัดกวาดเช็ดถูในบ้านนี่ไปเพลินๆก่อนก็ได้ วันนี้ผมยังไม่ได้ลงมือเลย ไม่ต้องทำจนเสร็จหมดทุกห้องหรอกครับ ทำแก้ว่างแก้เบื่อ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เดี๋ยวผมกลับมาทำต่อเอง” จีวรแนะก่อนลากถุงขยะออกไป และไม่วายชะโงกหน้า
มาสำทับอีกนิดพร้อมรอยยิ้มทะเล้น “ห้องนอนผมไม่ต้องทำนะครับ มันรกมาก ผมอาย”

ถึงไม่เคยทำความสะอาดบ้านช่องจริงจังณราตรีก็พอทำได้ ไม่คล่องแคล่วรวดเร็วนักหรอก แต่ก็น่าจะเป็นการ ‘ฆ่าเวลา’ ที่สามารถสร้างประโยชน์ได้บ้าง ดีกว่าการหายใจทิ้งไปเปล่าๆเพื่อรอเวลาจากไป

แม่บ้านจำเป็นหอบหิ้วอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นไปยังห้องนอนของตนเป็นแห่งแรก เธอจดจ่อกับงานตรงหน้าจนไม่ได้สังเกตว่ากระเป๋าเป้ที่ใส่ของใช้ส่วนตัวซึ่งเก็บงำไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างมิดชิด บัดนี้สายกระเป๋าข้างหนึ่งแลบจากซอกประตูเล็กน้อยราวกับมีใครดึงออกมาและรีบร้อนเก็บเข้าที่แล้วไม่เรียบร้อยดังเดิมอย่างนั้นละ

เมื่องานในห้องนอนใหญ่เสร็จเรียบร้อย อุปกรณ์ทั้งหมดก็ถูกโยกย้ายไปยังห้องฝั่งตรงข้าม...ห้องของคนที่อยู่ในห้วงคำนึงแทบตลอดเวลา
ประตูห้องถูกเปิดกว้างค้างไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หญิงสาวตรงเข้าไปเปิดหน้าต่างบานกว้างปล่อยให้แสงยามเย็นสาดส่องเข้ามา กระนั้นแสงสว่างก็ยังไม่เพียงพอ เธอจำเป็นต้องเปิดเปิดโคมระย้าบนเพดานเพื่อขับไล่ความทึบทึม

หญิงสาวกวาดตาไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมสีครีมซึ่งตกแต่งสไตล์วินเทจคล้ายกับห้องนอนใหญ่ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยจนไม่น่าเชื่อว่าคนที่อาศัยอยู่ในห้องนี้จะเป็นผู้ชาย แต่ก็ดีกว่าเข้ามาพบผ้าปูที่นอนขยุ้มอยู่บนเตียง หนังสือเกลื่อนโต๊ะ หรือกางเกงในม้วนเป็นเลขแปดอยู่ข้างตะกร้าผ้าไม่ใช่หรือ

ทั้งขนาดห้องและความเป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งมีอยู่เป็นทุนเดิมทำให้ณราตรีใช้เวลาไม่มากเท่าห้องแรก ว่าไปแล้วเธอไม่ได้ย่างกรายเข้าไปยุ่มย่ามกับโต๊ะ เตียง หรือข้าวของส่วนตัวของเขาเลย แค่ช่วยดูดฝุ่นและถูพื้นให้เท่านั้น ณราตรีมองผลงานของตัวเองอย่างพอใจตามประสาคนไม่ค่อยได้ทำงานบ้านเอง อันที่จริง ถ้าไม่ว่างมากจนฟุ้งซ่านก็คงไม่คิดจะทำหรอก

หอบหิ้วอุปกรณ์กำลังจะหมุนตัวกลับ พลันสายตาสะดุดกับกรอบรูปซึ่งวางคว่ำหน้าอยู่บนชั้นวางของชิดผนัง หากไม่สังเกตคงมองไม่เห็น ณราตรีเข้าไปหยิบตั้งให้ด้วยความหวังดีเพราะคิดว่ามันล้ม กรอบรูปสี่เหลี่ยมบานนั้นแบ่งเป็นช่องเล็กๆจำนวนสามช่อง แต่ละช่องสอดรูปเด็กชายตัวเล็ก เด็กชายตัวโต และชายหนุ่มหน้าตาสดใสอ่อนเยาว์ตามลำดับ

จากตั้งใจจะจับวางตั้งให้กลับเปลี่ยนเป็นถือติดมือมาดูใกล้ๆแทน เด็กชายในภาพแรกแต่งชุดนักเรียนมัธยมยืนยิ้มอยู่ข้างสระน้ำ หัวคิ้วถูกกดเข้าหากันเมื่อสายตาปะทะกับอักษรย่อสามตัวชัดเจนอยู่ใต้สัญลักษณ์บนอกเสื้อด้านขวาของเด็กชายในภาพ ที่ไม่เคยเลือนหายจากความทรงจำ เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์โรงเรียนมัธยมซึ่งเธอเคยเรียนมาก่อน

ถ้าดูเพียงหน้าตาคงไม่รู้ว่าใช่ศาศวัตหรือเปล่า เพราะเค้าโครงหน้าเปลี่ยนไปมาก ส่วนละม้ายสุดเห็นจะเป็นดวงตายาวรีสองชั้นพับทบสวย ทว่าสิ่งชี้ชัดให้เชื่อว่าเป็นเขาแน่ๆกลับไม่ใช่ดวงตา ทว่าเป็นตัวอักษรซึ่งปักเด่นอยู่บนอกเสื้อข้างซ้าย...ศาศวัต ศศิรา
ศราวิน นามสกุลนี้โด่งดังไม่น้อย ผู้คนที่ติดตามข่าวสังคมและเศรษฐกิจอยู่เสมอมักรู้จักดี เป็นนามสกุลเดียวกับเจ้าของโรงแรมบุลินธาร บุลินทร์และธารทิพย์ ศศิรา

ที่แท้ เขาเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันของเธอหรอกหรือ

รุ่นพี่เหรอ...ไม่ใช่...ไม่ใช่แน่...เธอมั่นใจ

จริงอยู่...เธอไม่สามารถจำอดีตทุกเรื่องทุกตอนได้หมด แต่บางเรื่องเธอกลับจำได้แม่น อย่างเลขรหัสใต้ชื่อนั่นสองตัวแรกเป็นปีการศึกษา บ่งชัดว่าเขาเรียนช้ากว่าเธอไปสองปี นั่นหมายความว่าตอนที่เธออยู่ชั้น ม.๓ เขาเพิ่งเรียนอยู่ ม.๑ เท่านั้น

ภาพเด็กชายชั้น ม.๑ ถูกเพื่อนนักเรียนชายในห้องเธอตบศีรษะจนหัวแทบคะมำเคลื่อนเข้ามาในหัว ภาพเคลื่อนไหวช้าชัด รายละเอียดบนใบหน้าเด็กน้อยคนนั้นเหมือนศาศวัตในรูปนี้ไม่มีผิดเพี้ยน ที่แท้เขากับเด็กน้อยคนนั้นเป็นคนเดียวกัน...ศาศวัตอายุน้อยกว่าเธอสองปี!

ริมฝีปากอิ่มเผยอค้าง เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อศาศวัตที่เธอ ‘คุ้นเคย’ เป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ อายุอานามน่าจะสัก ๓๕-๓๖ ด้วยซ้ำ หรือเขาใช้ชีวิตสมบุกสมบันอย่างหนักจึงทำให้ใบหน้าล้ำหน้าอายุจริงไปหลายปีเช่นนี้

สิ่งเดียวในตัวชายหนุ่มที่พอจะทำให้เธอรู้สึกว่าเขา ‘เด็ก’ กว่า ก็คือแววตาสดใสอย่างคนมองโลกในแง่ดีนั่น

ความแปลกใจทวีขึ้นเมื่อเลื่อนสายตาสู่ภาพถัดไป เด็กชายผอมเก้งก้างสีหน้ายิ้มแย้ม แววตาร่าเริงสดใส เขากำลังส่งช็อกโกแลตเข้าปาก กระดาษห่อสีทองยังคงวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า เมื่อนำภาพมาเรียงต่อกันชัดๆแบบนี้จึงเห็นว่าเด็กหนุ่มในภาพที่สองเครื่องหน้าคล้ายกับเด็กชายในภาพแรก จนเชื่อได้ว่าเป็นคนเดียวกัน

นอกจากเป็นคนเดียวกับเด็กชายในภาพแรกแล้ว ยังน่าจะเป็นคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่ณราตรีเคยพบเมื่อครั้งหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองเข้าไปในห้องน้ำชาย หลังจากนั้นเจ้าหนุ่มนั่นก็เพียรส่งดอกไม้กับช็อกโกแลตมาให้เธอไม่เคยขาด...ช็อกโกแลตยี่ห้อเดียวกับที่เขาถืออยู่ในภาพขณะนี้

ภาพสุดท้ายคือชายหนุ่มหน้าตาสดใสยิ้มสวยอยู่ที่สนามบิน คนในภาพเหมือนศาศวัตที่เธอรู้จักมากที่สุด เวลาซึ่งระบุอยู่ด้านล่างภาพถ่ายเพิ่งผ่านมาแค่สองปี หญิงสาวขมวดคิ้ว แค่สองปี แล้วทำไมหน้าตาแตกต่างเหมือนผ่านมาแล้วสักสิบปีอย่างนี้ล่ะ

เป็นไปได้หรือ...เด็กชายตัวเล็กๆซึ่งเธอเคยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเมื่อเขาถูกเพื่อนในห้องเธอรังแก จะเป็นคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่หมั่นส่งขนมและดอกไม้มาจีบเธอตอน ม.๖ และเป็นคนเดียวกับชายหนุ่มที่ช่วยเธอไว้ ดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดตลอดหลายวันที่ผ่านมา แถมสอนให้เธอรู้จักรสจูบอันเร่าร้อนเป็นครั้งแรกในชีวิต!

หญิงสาววางกรอบรูปในมือลงดังเดิม ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาจนตั้งรับแทบไม่ทัน ทั้งตกใจกับเรื่องเหลือเชื่อ ทั้งตื่นเต้นกับการพบกันอีกครั้งแบบไม่คาดคิด ทั้งแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดของเขา ทั้งสับสนว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าฝันไปกันแน่

เธอคลึงขมับตัวเองเบาๆคลายความมึนงง ก่อนไปจากบ้านกลางวนา เธอคงต้องถามเขาเรื่องนี้ให้เคลียร์ หญิงสาวคิดขณะหันหลังกลับ สะดุ้งโหยงเมื่อพบศาศวัตยืนอยู่ตรงช่องประตูซึ่งเปิดกว้าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองตรงมายังเธอเปี่ยมไปด้วยความขรึมเครียดไม่ต่างจากน้ำเสียงยามเอ่ยช้า ชัด

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

**********************************

สวัสดีค่ะ วันนี้ลงให้อ่านกันเต็มๆตอนไปเลย เนื่องจากวันจันทร์จะเป็นวันสุดท้ายที่ลงนิยายเรื่องนี้แล้ว

ใครรักใครชอบอยากรู้ความเป็นไปของหนูไนท์และคุณศาศติดตามได้ในแบบรูปเล่ม

เจอกันได้ที่งานหนังสือเดือนตุลาคมนี้ค่ะ

ส่วนใครที่กดไลค์และทิ้งคอมเม้นท์ไว้เราจะจับฉลากหารายชื่อผู้โชคดีแจกหนังสือฟรีหนึ่งเล่ม

จะแวะมาประกาสผลวันพุธที่ ๒ ตุลาคมนะคะ

ส่วนใครที่พลาดรางวัลจากเว็บนี้ แวะไปเล่นเกมที่เพจ ภาวิน ได้เลย ที่นั่นแจกหนังสือสามเล่ม

หมดเขต ๑๔ ตุลาคมเวลาสองทุ่ม ประกาศผล ๑๕ ตุลาคม ไปร่วมสนุกกันได้ค่ะ

หรือจะเข้าไปทักทายพูดคุยทำความรู้จักกันก็ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ ^____^

**************************************

หนูบาร์บี้ ใครเป็นคนเอาไปยังไม่ได้เปิดเผยในตอนนี้สิคะ เรื่องราวบางอย่างคลี่คลาย ในขระที่อีกหลายอย่างนุงนัง ต้องสางสาวกันอีกสักพักกว่าเรื่องราวจะกระจ่างแจ้ง

พี่แตงกวา งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา การพบเจอต้องมีวันพรากจาก เป็นธรรมดา ส่วนหนอนน้อยที่คลานอยุ่บนพุง เอ้ย พาดพุงพี่แตงกวานั้น ไปเคลียร์กันเองน้าาา

คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ ถ้าวนเวียนอยู่ใต้เตียงหนูไนท์ละก็ รีบกระดืบมาที่ห้องฝั่งตรงข้ามด่วนเลย ทันหรือเปล่าเนี่ย คุณศาศเขาปิดห้องแล้วนะ เพราะรู้ว่าหน่วยสอดแนมแอบอยู่ใต้เตียงหนูไนท์ตั้งแต่คืนที่เธอเมา

ผีเสื้อสีน้ำเงินอสิตา ยังแวะมาให้กำลังใจกันอย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาด ตั้งแต่ตอนแรกจนตอนใกล้สุดท้าย ได้ข่าวว่าเรื่องผีเสื้อสีน้ำเงินก้ร่ำๆจะแบทเทิลกันไปหลายครั้งแล้วมิใช่รึ 0_0

คุณ SuKhumvit66 อย่าเอ็ดไปค่ะ เดี๋ยวผู้ร้ายไหวตัว ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน

คุณวรรษา อย่าเพิ่งเก็บกระเป๋าค่ะ มาเกาะบานประตูแอบฟังก่อนว่าคุณศาศเขาจะคุยอะไรกับหนูไนท์

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ มันยังไม่จบแค่แบทเทิลหรอกค่ะ คุณศาศเขาปิดประตูห้องแล้วนี่

คุณ ree ยินดีต้อนรับและดีใจมากค่ะที่แวะมาทักทายกัน เรื่องคืนก่อนยังไม่ทันเคลียร์ก็มีเรื่องใหม่เข้ามาอีกแล้ว

คุณ Pat เป็นอีกคนที่เพิ่งเข้ามาคอมเม้นท์ ^___^ มีผู้ต้องสงสัยอยู่ไม่กี่คน แต่คงต้องไปลุ้นในเล่มค่ะว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้

คุณ auraiw ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาให้กำลังใจกัน คนเขียนก็ไม่เคยเขียนแนวนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกค่ะ ตอนเขียนก็สนุกมาก ดีใจที่คนอ่านชอบค่ะ

คุณ ketza ยินดีต้อนรับเข้าคลับเริงราตรีสีขาวค่ะ ตอนนี้หนังสือกำลังอยู่ในกระบวนการผลิต คาดว่าจะวางแผงได้ในงานหนังสือเดือนตุลานี้ หวังว่าตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในนิยายเรื่องนี้จะทำให้มีความสุขสนุกสนานยิ่งๆขึ้นไปค่ะ

เจอกันวันจันทร์ที่ ๓๐ กันยายนนะคะ แล้ววันพุธที่ ๒ ตุลา เรามาลุ้นรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับหนังสือเริงราตรีสีขาวพร้อมๆกันค่ะ



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2556, 09:00:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2556, 09:00:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1399





<< ตอนที่ ๑๔ (จบตอน)+เล่นเกมแจกนิยายในเพจ "ภาวิน" อยู่นะคะ   ตอนที่ ๑๖ + ยังเล่นเกมแจกนิยายในเพจ "ภาวิน" นะคะ >>
ดังปัณณ์ 27 ก.ย. 2556, 09:12:03 น.
คนแรกกกกกกกกกกกกกกกกก

แต่ว่า...ไม่เป็นไรค้าพี่ปุ๊ก เดี๋ยวคลานขึ้นผนัง แอบเข้าไปทางช่องลมก็ด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย ซะงั้น! 555+

รอหนังสือนะค้า แต่ดูแล้วงานหนังสือคงไม่ได้ไป (กระซิกๆๆ) เดี๋ยวไปรอฉกที่ร้านดีกว่า


ree 27 ก.ย. 2556, 09:48:17 น.
มีความรู้สึกว่าณราตรีกำลังจะถูกใส่ความยังไงไม่รู้


ketza 27 ก.ย. 2556, 10:36:06 น.
เริงราตรีสีขาว ราตรีคือความมืดแต่กลับมีสีขาว อิอิ อยากรู้ความหมายต้องตามต่อแบบรูปเล่มเนอะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ย. 2556, 11:14:31 น.
อัลไลๆๆๆ แจ๋วมือใหม่ขอวเราจะโดนอัลไลๆๆ อีก
นายสาด นายต้องหนักแน่นไว้นะ ต้องฟังความทุกฝ่ายนะ!!!


Barby 27 ก.ย. 2556, 12:26:06 น.
ต้องเคลียแล้ว ทั้งเคลียกับไนท์แล้วก้อคนอ่านด้วยว่าพระเอกศาศของเค้าทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้


ketza 27 ก.ย. 2556, 15:55:42 น.
แหม อ่านไปนับผีเสื้อไปเพลินๆ หมดแว้ว 555


พันธุ์แตงกวา 27 ก.ย. 2556, 16:05:59 น.
ลงเมื่อไหร่เนี่ย เมื่อคืนยังไม่เห็นเลย อั้ยย่ะ พลาดๆ
เฉลยแล้วแบบนี้ อยากรู้ว่าจะคุยกันยังไง แต่คุณชายอย่าลืมนะหนูไนท์ยังไม่รู้สักหน่อยว่าคุณชายทำงานอะไร


วรรษา 27 ก.ย. 2556, 16:40:15 น.
ที่แท้ไอ้หนุ่มหน้ามนคนนั้นก็คือ...กรรมจริงๆ มาจบตอนแบบค้างคา T__T คุณภาวินถ้าเค้าไปวันที่20 เค้าจะแวะไปหาแน่นอนค่ะ ไปเป็นกำลังใจ (ดีใจด้วยนะคะ กำลังจะเป็นแม่แล้ว) แล้วเจอกันค่ะ คึๆ นัดซะยาวไกลเลย ^__^


อสิตา 27 ก.ย. 2556, 16:46:48 น.
สงสารตาจี แต่ก็นะ...
ปิดห้องคุยๆๆๆ ฮิๆๆ ฮุๆๆๆ โฮะๆๆ


Sukhumvit66 28 ก.ย. 2556, 00:48:15 น.
ไม่เข้าใจษมา ว่ากำลังคิดไรอยู่


malida 28 ก.ย. 2556, 00:48:53 น.
อจ๊ากก กะลังจับผีเสื้อเข้ากรงทองอยู่เพลินๆมาถึงทางตันแระ แต่ว่าจับได้เกือบครึ่งร้อยแน่ะ อิอิ (แต่ถึงผีเสื้อในเรื่องจะเยอะแค่ไหนก็มีเพียงหนึ่งเดียวในใจคือผีเสื้อศาศวัตจ้า ) ฮิ้ววว


ปลายสี 28 ก.ย. 2556, 23:04:25 น.
กำลังปะติดปะต่อเรื่องอยู่เลยค่ะ รออ่านเป็นเล่มเลยดีกว่า เป็นกำลังใจให้ว่าที่คุณแม่นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account