เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความวามลับของดอกบัว(จบ) - ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" ...ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่ รีบกันหน่อยนะคะ อีก 3 วันหมดเขต

เอเดนไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อนำไปถึงจุดที่มีตาข่ายกรอง ตัวสูบน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดประดามี
แถวนั้นมีบ่อน้ำปริ่มอยู่ เสียงน้ำตกเบาๆไหลรินอยู่อีกฟาก เด็กหนุ่มหย่อนกายนำลงไปในน้ำทันที
โดยไม่แม้แต่จะถอดเสื้อ วาริชก้าวตาม เมื่อมองทั้งสองจมหายลงน้ำไปด้วยกันแล้วนัสสาก็ยัง
ขบริมฝีปากที่อยากจะเรียกรั้งวาริชเอาไว้ แยกกันแบบนี้มันไม่ดีเลย เธอไม่ไว้ใจเอเดน
แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกมากนัก พื้นที่ตรงนี้มีซอกเล็กซอกน้อย
ดูเหมือนจะเป็นทางแยกไปห้องควบคุมน้ำ กับซอกที่ใช้เก็บของ

แสงสลัวน้อยนิดของดวงไฟทำให้คิดสงสัย ส่องดูด้วยไฟฉายก็พบว่าข้างบนมีหลอดไฟที่ไม่ได้เปิดอยู่อีก
ในนี้มืดมาก จะทำงานได้ยังไง เอเดนต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าจุดเปิดไฟอยู่ตรงไหน แต่เขากลับจงใจมองข้าม
คิดได้อย่างนั้นแล้ววนัสสาก็ตัดสินใจย้ายตัวเองไปซ่อนอยู่ในซอกหลืบมุมอับข้างทาง ดับไฟฉายลง...

ไม่นาน เสียงน้ำกระเพื่อมไหวแหวกออกที่แอ่งน้ำเบาๆก็เพียงพอจะทำให้รู้ มีคนกำลังกลับขึ้นมาแล้ว
วนัสสาใจเต้นแรงขึ้นอีก รู้ดีว่าถ้าเป็นคนอย่างวาริช เขาจะต้องส่งเสียงเอะอะนำมาก่อน บอกเธอว่า
ทางสะดวก หรือไม่ก็บ่นพึมว่ากว่าจะมุดลงไปโผล่ได้ช่างลำบากยากเย็น แต่นี่ไม่มีเสียงอะไรนำมาเลย...


หญิงสาวซุ่มดูอยู่ในมุมอับ เท่าที่แสงสลัวพอจะช่วยให้เธอมองเห็น
เป็นเอเดนจริงๆ เด็กหนุ่มกลับมาคนเดียวลำพัง

“คุณวนัสครับ คุณวาริชรออยู่อีกฝั่ง ออกมาเถอะครับ”

กังวานเสียงนั้นเจือแววยิ้มย่องขบขันอย่างน่าขนลุก แล้วคนฟังก็รู้ดี ไม่มีวันที่วาริชจะปล่อยให้
เด็กนี่กลับมาพาเธอไป เขาจะต้องกลับมาด้วยตัวเอง ถ้าเขายังคงมีสติหรือเรี่ยวแรงพอน่ะนะ

เอเดนเดินคล้อยหลังออกไปตามทางที่พวกเธอเข้ามา วนัสสากระชับท่อนไฟฉายในมือมั่น
ย่องตามไปเบาที่สุด เธอเห็นเด็กหนุ่มขยับล้วงบางสิ่งออกมา... มันสะท้อนรับแสงไฟขาววาบเข้าตา
มีด! รูปร่างผอมยาว ปลายแหลมและท่าทางคมกริบ
ท่าทางเขาเคลื่อนไหวฉับไว ต่างจากปกติที่ดูสบายๆเป็นคนละคน ลงแบบนี้ถึงจะเป็นวาริชหรือใคร
โดนเสียบเข้าไปทีเผลอก็ท่าจะไม่ไหว จากความกลัวเปลี่ยนเป็นความโกรธ เด็กผีตรงหน้านี่
...ที่แท้ก็เป็นพวกเดียวกับคนที่จับพวกเธอมา เห็นการเอาตัวรอดกระเสือกกระสนของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก

“ยู้ฮู คุณหนูวนัสสา รู้ตัวแล้วเหรอครับว่าอะไรเป็นอะไร ผมรู้นะว่าคุณซ่อนอยู่แถวนี้”
เอเดนหัวเราะน่ากลัวในคอ เสียงสั่นกระเส่าอย่างคนสติไม่ดี เกือบจะดูเป็นหื่นกระหายด้วยซ้ำ
เมื่อได้ออกล่าเหยื่อที่คิดว่าคงจะกลัวลนลาน ร่างนั้นเปียกโชก เดินแฉะทั้งเสื้อผ้าไปกับพื้นเสียงดังแจะๆ
เขากำลังวกกลับเข้ามาดูตามซอกหลืบที่ผ่าน เหลือแต่ว่าจะเลือกซอกอีกฝั่งก่อนหรือฝั่งนี้
เธอมีโอกาสลงมือเพียงครั้งเดียว...ถ้าโชคช่วย

ทันทีที่เด็กหนุ่มหันหลังให้เพื่อโผล่เข้าไปดูในซอกตรงข้าม วนัสสาถลันออกไปเงียบเชียบและไวที่สุด
ฟาดท่อนไฟฉายตรงหลังท้ายทอยนั้นสุดแรง แต่เหมือนจะโดนไม่เต็มที่ เมื่ออีกฝ่ายไหวตัวเอี้ยวกลับมาวูบ

“โอ๊ย!” เอเดนกรีดเสียงลั่น ดูเหมือนจะเจ็บไม่น้อย เขาทรุดลง แต่ก็ยังมีแรงพอจะกระชากขาวนัสสาไว้
ไม่ให้หนี “นังตัวดี! เดี๋ยวพ่อจะเชือดให้ถึงกระดูกเลย!”

“แกมันบ้า ปล่อยนะ” วนัสสาพยายามถีบ แต่ดูเหมือนจะสู้เด็กหนุ่มผอมบางแต่มีกล้ามเนื้อแกร่งเกร็ง
เกินตัวไม่ได้ เธอพยายามจะหวดเขาด้วยไฟฉายแท่งยาวในมืออีกหน แต่เด็กหนุ่มปัดทิ้ง
ก่อนจะเงื้อมีดขึ้นจนวนัสสาใจหายวาบ

พล็อก
...วาริชที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำตอนไหนไม่รู้ทุบเข้าให้ที่ก้านคอเอเดน เด็กหนุ่มทรุดลงในท่าลืมตาค้าง
มีดในมือยังทิ่มลงมาใส่วนัสสา

“ว้าย!” หญิงสาวเบนตัวหลบได้ฉีดฉิว ถีบซ้ำไปอีกหนจนเอเดนกลิ้ง เพราะกลัวคนเสียสติจะลุกขึ้นมาได้อีก
แต่ดูเหมือนแค่แรงของวาริชก็เกินพอที่จะล้มเขาลงได้

วาริชรีบเอามีดของเอเดนมาไว้กับตัว ค้นตัวเด็กหนุ่มเสียด้วยจึงพบซองมีดเหน็บอยู่ที่ขาเป็นชุด
เข้าโยนให้วนัสสาเล่มหนึ่ง ขนาดพอดีมือ “เลียนแบบนิว ฉวยได้ก็ต้องรีบฉวยไว้ก่อน
ไอ้เด็กเวรนี่...มันเล่นเอาเข็มฉีดยาทิ่มผม” ชายหนุ่มไม่วายสบถ “ดีที่ยาไม่ได้ทำให้หมดสติทันที
แถมตอนนี้ผมคุมพลังจิตได้มากขึ้น เลยบังคับให้ร่างกายใช้พลังไบโอคอนโทรลขับยานั่นออกมา
กว่าจะมุดกลับมาได้ก็แทบแย่” วาริชคำรามหอบๆ “ดูเหมือนจะเป็นยาที่ทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราว
แต่ยังมีความรู้สึก มันบอกว่าจะกลับมาเชือดผมหลังจัดการกับคุณ”

วนัสสาหายใจเข้าแรงเมื่อชายหนุ่มกระชากตัวเธอไปกอดแน่น สีน้ำเงินของเขาสับสนร้อนรน
นี่เขาห่วงใยเธอมากจริงๆหรือ บางทีเธอควรจะไว้ใจเขาให้สนิท ว่าวาริชจะอยู่เป็นเพื่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ฉันดีใจมาก ที่คุณยังอยู่” เธอพึมพำ กราดไฟฉายที่ยังไม่พังเสียก่อนไปจนพบเสื้อวาริชที่ตกอยู่
ชายหนุ่มรับไปสวมเข้าอย่างรีบๆ

“เราต้องไปต่อ ยอมเปียกเถอะ ไม่มีทางอื่นแล้ว อย่างน้อยออกไปถึงสวนหน้าก็ยังดูอึมครึม
น่ากลัวน้อยกว่าแถวนี้”

วนัสสาหาที่วางไฟฉาย ตัดสินใจก้าวลงน้ำไปตามการนำของชายหนุ่ม ดีที่เธอว่ายน้ำแข็งอยู่แล้ว
ไม่นานทั้งคู่ที่คลำเปะปะไปตามช่องทางใต้น้ำก็ไปบรรลุยังอีกฟาก วาริชฉุดให้เธอขึ้นฝั่ง
น้ำจากน้ำตกใสเย็นและบรรยากาศแมกไม้ที่รายล้อมชวนให้คิดว่าตกมาอยู่ในไพรลึกด้วยกันสองคนจริงๆ

แสงจันทร์ลอดลงมาผ่านหมู่ไม้เงาบัง ส่องต้องผิวน้ำระยิบระยับ ฝนจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
น้ำค้างตามกิ่งก้านยังคงหยดเผาะหล่นพรู วนัสสาเกือบจะลื่นก้อนหิน ทำเอาวาริชเสียหลัก
ถอยหลังไปนั่งเจ้าเบ้าบนพื้นหญ้านุ่มๆข้างบ่อ เธอหลุดเสียงหัวเราะกับเรื่องบ้าๆที่เพิ่งผ่านมาด้วยกัน
เขาเองก็อดหัวเราะห้าวๆในคอตามไม่ได้
จังหวะที่ใบหน้าซึ่งมีน้ำหยดพราวของเธอชะโงกเข้าไปใกล้หน้าเขา
วาริชก็คล้ายจะยุดแขนวนัสสาไว้ในท่านั้น เธอมองตาสีน้ำเงินที่เงยขึ้นรับแสงจันทร์เงินยวง
แขนแข็งแรงค่อยๆฉุดเธอลงไปหา ใบหน้าคมเข้มยื่นใกล้เข้ามา คล้ายกำลังจะจุมพิตเธออยู่รอมร่อ

“คุณหนูวนัส” เสียงพร่าแผ่วเอ่ยเรียกชื่อเธอ

หญิงสาวสะบัดตัว ดันเขาออกโดยแรง

วาริชถอนใจแผ่ว “คุณบอกว่ามีคนที่อยากพบ คนที่คุณลืมไปแล้วว่าเป็นใครใช่ไหม
ทำไมไม่ลองคิดดูให้ดี ผมไม่ใช่คนที่คุณมาตามหาหรือไง ทั้งๆที่ผมรู้สึก มันเป็นชะตาลิขิต
ให้เราได้มาเจอกัน เป็นเพื่อนกันแต่แรก ก่อนที่คุณจะได้เจอกับใครๆที่ตามเข้ามาทีหลัง”
เสียงเขาแหบขรึม เมื่อบรรยากาศน่าประทับใจพลันมลายหาย

“แต่ว่า...ฉันชอบคนอื่นแล้ว ตอนนี้อดีตจะเป็นยังไง ก็ไม่สำคัญ” วนัสสาพูดตะกุกตะกัก
ไม่สำคัญจริงน่ะหรือ อดีตที่เธอแทบจะเฝ้าโหยหามันอยู่ทุกคืนทุกวันในฝันอันแสนเศร้า
หญิงสาวหันไปสบตาวาริชที่จ้องมานิ่งงัน แววตานั้นบอกชัดว่าเขาโกรธ แต่ไม่รู้ว่าโกรธเธอหรือใคร

“ไอ้บ้านั่นใช่ไหม ผมเห็นคุณหายไปไหนมาไหนกับมันอยู่หลายวัน”

วนัสสาส่ายหน้าไปมา คล้ายจะบอกให้เขาเลิกถามมากกว่าเป็นการปฏิเสธ เธอไม่เคยคิดว่า
จะชอบใครได้ในช่วงเวลาแค่นั้นหรอก แต่เพราะเป็นคราม เพราะทุกอย่างที่เป็นเขา ความหยิ่งที่
แสดงออกเมื่อแรก ความอ่อนหวานยามกำแพงของเขาเหมือนจะหลอมละลายลงไม่เหลือเมื่อได้อยู่กับเธอ

แม้จะพบวาริชก่อนก็จริง แต่เธอเกือบจะลืมเขาไปสนิท ยิ่งตั้งแต่มีนวาระเข้ามาในบ้านอีกคนด้วยแล้ว
ยิ่งสั่นคลอนความเชื่อให้เบี่ยงเบนไปจากชายคนแรกที่พบเจอในคฤหาสน์ มาตอนนี้เขาเหมือนจะ
ทวงถามถึงสิทธิ์ของตนเองอีกครั้ง

ดวงตาสีน้ำเงินนั้นชวนให้เชื่ออยู่ไม่น้อย จะมีอะไรจริงไปกว่าภาพตรงหน้าได้อีก
รอยสักของนวาระคือสิ่งที่เพิ่มมาทีหลัง ชื่อครามก็เป็นเพียงสิ่งสมมติไว้เรียกขาน
แต่ดวงตาของเขา...ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เป็นสีน้ำเงินที่เรียกว่าลิขิตมาแล้ว
แต่วนัสสาไม่อยากจะรับรู้ เพราะตอนนี้คนที่เธอคิดถึงมีแค่คราม

“เข้าไปในตึกที่พักคนดูแลคฤหาสน์กันเถอะค่ะหมอริช จำได้ว่ามันอยู่ไม่ไกลนี้เอง”

สองอดไม่ได้ที่จะวิ่งเลยไปยังทิศที่เป็นทางออก แต่ไปได้ไม่ถึงไหนก็ถูกสกัดกั้นด้วยลวดหนาม
สะไว้หนาที่ใช่จะรื้อหรือทำลายลงได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากที่พบในสวนหลัง ที่สุดจึงได้แต่ตรงไปยังตึกหิน
สีเทาอมฟ้าเข้มจนเกือบน้ำเงินเข้ากับตัวคฤหาสน์ แต่เป็นสัดส่วนค่อนข้างลับตาเพื่อไว้เป็นที่พัก
ของพวกคนทำงาน ทั้งสองรู้มาตลอดว่ามีมันอยู่ที่นั่น ตอนนี้ทั้งตึกว่างเปล่าไม่มีคน มืดสนิท
และเงียบ ไฟฟ้ายังไม่ได้ถูกตัด วาริชเลือกเปิดแค่เพียงบางดวงที่อยู่ลึกเข้าไปในตึกเพื่อไม่ให้เตะตา
มองออกไปยังคฤหาสน์ใหญ่ก็เห็นว่าทุกสิ่งตกอยู่ในแสงจันทร์และความสงัดเช่นกัน

ผมปวดหัว...สงสัยจะใช้พลังขับยาที่ถูกมันฉีดใส่ออกจากตัวไม่หมด อยากนอนพักสักนิด มึนเหลือเกิน”

“คุณว่าเอเดนจะเป็นไรไหม ฉันฟาดท้ายทอยเขาไปแรงมาก มาโดนคุณน็อคซ้ำอีก ยังไม่อยากโดนข้อหา
ฆ่าคนตายนะ ฉันไม่เคยทำร้ายใครแบบนี้มาก่อน” พูดไปแล้วก็ต้องมานิ่งคิด ไม่เคยจริงหรือ...
ภาพตนเองถือปืนและเหนี่ยวไกลั่นถึงสองนัดซ้อนแวบผ่านเข้ามาในหัว เธอน่ะหรือทำแบบนั้นได้
แต่พ่อเคยบอก พ่อเชื่อว่าเธอจะแกร่งได้แบบสุดๆ ถ้าเจอสถานการณ์ร้ายๆ ‘เพราะพ่อเลี้ยงหนูมา
ให้เป็นอย่างนั้นไง แม่ผีเสื้อป่าของพ่อ’

“มันจะตายไม่ตายก็ช่างเถอะ เดี๋ยวพวกก็มาเก็บซากไปเองแหละ ผมว่าไม่น่าจะตาย
แต่ช่วงที่เราลืมไป เราอาจฆ่าไปหลายคนแล้วก็ได้ โดนกดดันขนาดนี้ มันก็แค่การเอาตัวรอดของมนุษย์น่ะ
คิดเสียว่าป้องกันตัวดิ้นรนไปตามประสา ไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า แต่เราไม่โดนข้อหาหรอก เพราะไม่มีมือ
ของกฎหมายเข้ามาจัดการ”

“ค่ะ เหลือแค่ความผิดติดค้างในใจ ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะพยายามกระตุ้นให้เราใช้พลังกระเสือกกระสน
เอาตัวรอดนะ คุณต้องใช้พลังขับยาออก ส่วนฉัน...ตอนแตะตัวเขาทีแรก ฉันเห็นสีสันที่ไม่น่าไว้วางใจเลย
มันเป็นสีเน่าๆแปลกๆ แต่ก็นิ่งไว้เพราะไม่แน่ใจ”

ทั้งคู่อาบน้ำล้างตัว หาชุดแห้งๆมาเปลี่ยน โยนเสื้อผ้าของตัวเองเข้าเครื่องซักและปั่นแห้ง
หาอาหารรองท้องไปค้นหาหลักฐานที่พอจะหาได้ไปพลาง

“คุณค้นห้องเบ็นไปก่อน เดี๋ยวผมขอนอนพักห้องใกล้ๆ พอค่อยยังชั่วแล้วจะมาช่วยอีกแรง”

วาริชแยกออกไป ในห้องใหม่เขาเห็นว่าม่านทึบปิดมิดชิดดีก็เลยเปิดไฟโคม
คิดจะดูอะไรสักหน่อยก่อนไปนอนพัก ชายหนุ่มพบสิ่งที่ถูกเก็บไว้ เป็นของจำพวกบัตรประจำตัวพนักงาน
รวมกับแฟ้มที่ดูเหมือนปริ้นต์เอาท์ออกมาจะสะดวกกว่ากดดูในคอมทุกทีๆ ในนั้นระบุว่าเหยื่อทดลอง
คนไหนพักอยู่ห้องไหน ต้องจัดการหาข้าวของอะไรให้แต่ละคน เขารู้สึกได้ว่ามีการจัดแจงไว้เรียบร้อยแล้ว
ว่าจะให้ใครพักห้องที่เท่าไหร่ ตั้งแต่ช่วงเวลาซึ่งเขายังไม่ได้จองห้อง วาริชดูไปจนถึงผู้เข้าพักคนที่
ทำเอาเขาฉงนใจ เลือดในกายดูจะจับเป็นก้อนแข็งขึ้นทันที

“นวาระ... เวชกุล”
นี่มันหมายความว่ายังไง ผู้ชายคนนั้นนามสกุลเดียวกับวนัสสา หมอนั่นมีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่กันแน่
วาริชดึงกระดาษแผ่นสำคัญออกจากแฟ้ม หาได้ซองยาพลาสติกใสๆจากบนโต๊ะนั่นเองมาห่อไว้เรียบร้อย
ก่อนจะซุกมันเก็บไว้กับตัว พอดีกับที่วนัสสาเยี่ยมหน้าเข้ามา

“เจออะไรไหมคะ”

“ไม่... ก็ยังไม่เห็นว่ามีของสำคัญ” ชายหนุ่มตอบเพลียๆ

หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้เขา แสงจากโคมไฟส่องให้เห็นความห่วงใยในดวงตาเธอ

“ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว นอนซะหน่อยเถอะน่าหมอริช ฉันละกลัวคุณจะฟุบไป เราโดนยานอนหลับในบาร์
นี่คุณยังมาโดนเข็มฉีดยาบ้านั่นเข้าอีก”

“ห่วงผมขนาดนั้นเชียวคุณหนู ผมอาจเป็นบัวเพิ่งพ้นตม หรือไม่ก็อาจจะยังไม่พ้นก็ได้นะ...”

วนัสสาหัวเราะ ยื่นมือไปแตะหน้าผากเขาว่าตัวร้อนหรือเปล่าอย่างห่วงใยจริงจัง “ยังจำได้ค่ะ
วาริชคือดอกบัว ฉันว่าคุณยังสดดีอยู่นะ ไม่ได้เน่าจนใกล้จะถูกเต่างาบไปกินหรอกน่า
ฉันแอบได้ยินคนของเบ็นพูดเรื่องความไว้วางใจ เราต้องสามัคคีกันไว้นะตอนนี้
เพราะฉะนั้นฉันจะเลิกระแวงคุณละ อยากฆ่าก็ฆ่าเลย ขอแบบไม่ทรมานก็แล้วกัน”
วนัสสาไม่ได้คิดจะยอมจริงๆ เธอแค่อยากพูดให้ชายหนุ่มรู้สึกดี

“พูดก็พูดเถอะนะ ผมอยากเอามีดที่เก็บมาเสียบพุงตาแก่เบ็นมากกว่า พวกนั้นระวังเก็บของที่เป็นอาวุธ
พ้นมือเราก็จริง แต่การปลดอาวุธเราอีกทีมันก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย คงไม่มีโอกาสเสียบใคร”

“จริงค่ะ แค่ระวังไม่ให้ใครเสียบก็เกินพอละ ที่ฉันกลับมาพักที่นี่ ไม่ได้จะกลับมาตายอีกรอบ แต่หวังว่า
ต้องชนะแล้วก็รอดกลับออกไป ตอนนี้ยังไม่เห็นทางเลย แต่หมอริชต้องช่วยฉันนะ”

“ไว้ใจผมจริงน่ะหรือ”

“แน่นอน แต่ก็ยังอยากให้คุณช่วยบอกทุกอย่างที่คุณรู้มา เกี่ยวกับที่นี่
เพราะคุณก็เคยเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้ไม่ใช่เหรอคะ ถึงได้ขึ้นไปบรรยายเรื่องยาได้แบบนั้น”

“เอาเถอะ แล้วผมจะบอก ขอนอนก่อนก็แล้วกัน”

วนัสสาโบกมือบ๊ายบายแล้วเลี่ยงออกจากห้อง วาริชกำลังจะเลิกสนใจ แต่แล้วในลิ้นชักสุดท้าย
เข้ากลับพบเครื่องเล่นวิทยุแบบเก่าอยู่อันหนึ่ง...มีปุ่มเรืองๆสีเขียวน่าฉงนจึงลองกดดู

‘คุณหมอมาถึงตรงนี้ได้ แปลว่ายังสบายดีสินะคะ’

เวรเอ๊ย! วาริชสบถในใจ
เสียงนาเดียกำลังออกคำสั่งกับเขาอีกแล้ว เรื่องแบบทดสอบบทต่อไปและต่อไป
พวกนั้นคาดเดาได้หมดว่าพวกเขาจะเริ่มจากไหนมาลงเอยที่ไหน แม้จะอยากปาของในมือทิ้ง
แต่สัตวแพทย์หนุ่มก็จำต้องขบกรามฟังต่อไป

‘เราตรวจค่าน้ำลายของวนัสสาซ้ำอีกครั้ง นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายในรอบเดือนที่ร่างกายเธอ
อยู่ในระยะตกไข่ พร้อมเต็มที่...สำหรับการให้กำเนิดทายาท คุณหมอมีเวลาอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเช้า
อย่าลืมว่าถ้าคุณไม่ผ่านบททดสอบครั้งนี้ อาจจะต้องมีการลงโทษ ทั้งเธอ และคุณ’

เสียงนั้นเงียบลง พร้อมกับไฟเขียวเรืองที่ดับหายไปจากเครื่องรับสัญญาณในมือ
วาริชถอนใจหนัก ก้มหน้าลงอย่างเครียดๆ เท้าแขนสองข้างลงบนโต๊ะครู่ใหญ่
ก่อนจะลุกเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำ แปรงของใครเขาไม่สนละ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้แปรง

เขาต้องการเวลาคิด ว่าจะจัดการยังไง พอเห็นหญิงสาวบอกออกมาตรงๆว่าชอบคนอื่นแบบนั้น
มันยากที่จะยอมรับว่าเจ็บจี๊ดในใจ ถ้านับจากวันแรกที่ยังไม่มีใครแทรกเข้ามา เธอเองก็ดูว่า
มีโอกาสจะพอใจเขาได้ นี่มันเป็นความผิดของใคร

การทดลองนี้เขาจะผ่านไปได้ไหม ต้องอาศัยความใจเด็ดของตัวเอง เรียกง่ายๆว่าจะเหี้ยมพอรึเปล่า...
ลูกของวนัสสากับเขา คิดยังไงก็คงจะน่ารักมากทีเดียว และบางทีโอกาสที่จะครอบครองหญิงสาวไว้
โอกาสสุดท้ายของเขาอาจอยู่ที่โจทย์ซึ่งเขาปฏิเสธมันในคราวแรก ชายหนุ่มจ้องตาตัวเองในกระจก
ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด

วนัสสาพบยาลดไข้ เธอกำลังจะเอาไปให้ชายหนุ่มพร้อมขวดน้ำซึ่งหยิบจากตู้เย็น
ประตูห้องไม่ได้ปิด แต่เห็นไฟในห้องน้ำเปิดอยู่ หญิงสาวจึงถือวิสาสะผลักเข้าไป

“หมอริชคะ ฉันเจอพารา เห็นว่าคุณตัวอุ่นๆ...”

หญิงสาวชะงักคำพูดไว้แค่นั้น คนที่ยืนหน้ากระจกก็ชะงักเช่นกัน เขากำลังถอดคอนแท็คเลนส์ออก
วาริชยิ้มให้เธอผ่านกระจก ตอนนี้ยิ้มของเขาดูคล้ายแยกเขี้ยว น่ากลัวอย่างประหลาด

ตาข้างหนึ่งสีดำ ส่วนอีกข้าง เป็นสีน้ำเงิน...ที่ไม่จริง


ในขณะที่วนัสสากำลังตะลึงจนงันไปเหมือนกลายเป็นหิน วาริชกลับเลิกคิ้วโค้งเข้มขึ้นข้างหนึ่งเป็นคำถาม
ก่อนจะยื่นมือมาทางเธอ

“มาก็ดีเลย อะไรเข้าตาผมก็ไม่รู้ เคืองๆ สงสัยจะเป็นตอนดำน้ำ ขอขวดน้ำเปล่า
ในมือคุณหนูหน่อย เอามาล้างคอนแท็คแทนน้ำยาล้างแก้ขัดไปก่อน”

หญิงสาวถอนหายใจแรง เพราะพอเห็นเธอรีๆรอๆวาริชก็หันมาคว้าขวดนั้นไปเสียเลย
ในขณะที่วนัสสายืนตะลึงมองเขาล้างคอนแท็คลวกๆ ก่อนจะใส่มันกลับเข้าไปใหม่ในทันที

“เจ๊งแน่ เอาเถอะ ใส่ไปก่อน ไว้คงได้กลับไปเอาอันใหม่จากในกระเป๋า”

“หมอริช...เอ่อ ใส่คอนแท็คมาตลอดเหรอคะ” หญิงสาวถามคล้ายหลุดปากออกไป

“ตกใจอะไร ดูไม่ออกหรือไง จ้องตากันตั้งหลายที นึกว่าคุณจะสังเกตเห็น”

“แต่ มันดูเหมือนตาจริงๆมาก ไม่เหมือนคอนแท็คเลนส์”

“ก็สั่งของสั่งพิเศษจากต่างประเทศ เนียนใช่ไหมล่ะ” คนอวดหัวเราะหึๆในคอ

คนฟังฟังแล้วไม่ได้ขำตามไปด้วย ตอนนี้มีแต่อารมณ์ตระหนก เมื่อสิ่งที่เคยยึดเหนี่ยวในตัวเขา
มันก็เป็นแต่เพียงสีน้ำเงินที่ตาเห็น จริงอยู่ แม้ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากวาริชก็เป็นน้ำเงินโทนหนึ่ง
แต่เมื่อมาเห็นแบบนี้มันเหมือนกับว่าเขาจงใจหลอก หลอกเธอด้วยเหตุผลที่เขาอาจรู้อยู่แก่ใจเพียงคนเดียว

วนัสสาถอยออกจากห้องน้ำช้าๆ แต่วาริชก็หันหลังก้าวตามออกมาพอดี
เธอรู้สึกว่ายิ้มของเขาน่ากลัวจึงหันหนีไปอีกทาง และได้เห็นว่าบนเตียงมีกุญแจมือคู่หนึ่งวางอยู่
เขาไปเอามันมาจากไหน และคิดจะใช้มันกับใคร เพราะตรงนี้ก็มีแค่เธอ!

“หมอริช สายตาสั้นเหรอคะ”

“ใช่ ก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดไม่ใส่แล้วจะเป็นจะตาย แต่ผมบอกคุณหนูแล้วไงว่าชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
ผมเกลียดแว่น มันเกะกะ อีกอย่างตาสีน้ำเงินมันก็เข้ากับรูปร่างหน้าตาผมดีอยู่ไม่ใช่หรือ”
คนฟังใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือขวดน้ำกระตุกหางเปียซึ่งม้วนขมวดเป็นเกลียวน่ารักของหญิงสาว
ผู้หันหลังให้เขาอยู่อย่างอดไม่ได้

วนัสสาหายใจเข้าแรง ดวงตานั่นมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว แต่เป็นส่วนที่เสริมเติมแต่งมา
เพื่อหลอกให้คนคิดว่าเขาเป็น ในสิ่งที่ไม่ได้เป็น... “ค่ะ ว่าแต่กุญแจมือนี่ คุณคิดจะใช้มันทำอะไรเหรอคะ”
หญิงสาวตัดสินใจหันไปมองหน้าเขาตรงๆ

“ทำไม” วาริชถามเสียงต่ำ เขาก้มลงมองเธอ เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
“คิดว่ากุญแจมือมันมีไว้ทำอะไรล่ะคุณหนู” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงระคนขัน



-------------
เซิชหาเพจ อสิตา ในเฟซบุคเพื่อเล่นเกมชิงหนังสือ"เงารักสีน้ำเงิน"
เพจ ภาวิน ชิงหนังสือ"เริงราตรีสีขาว"



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2556, 16:13:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2556, 16:14:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1377





<< ความทรงจำที่ ๑๐ ความลับของดอกบัว(...ต่อ) + ยังเล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊คได้อยู่ รีบกันหน่อยนะคะ หมดเขตสิ้นเดือน!   ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" ...เล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊ค วันสดท้าย! >>
อสิตา 27 ก.ย. 2556, 16:21:21 น.
คุณภาวิน – หมอริชน่ารัก ยังไม่ยอมไป แต่เดี๋ยวครามก็จะออกมาแล้ว
คุณหนอนน้อยกลอยใจดังปัณณ์ – จะร้องหาครามหรือพ่อดอกกุหลาบกันแน่น้อ เดี๋ยวคงต้องมีคนออกมาช่วยวนัสแล้วละ
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางเป็นลอน – นั่นไง เริ่มชอบหมอริชแล้ว ตอนนี้น่าจะชอบมากขึ้นอีกนะ เอเดนก็ดีนะ สนมั้ยๆๆ
คุณพันธุ์แตงกวา – หมอริช อึด ถึก ทน ครามอยู่หนายออกมาไวๆโหน่ย หมอริชเริ่มทำท่าน่ากลัวอีกแล้วววว


ภาวิน 27 ก.ย. 2556, 16:21:46 น.
หมอริชเท่มากตอนที่ซัดเอเดนจนหมอบไป แต่ก็ทำเอาเสียความรู้สึกนะที่อยู่ๆมาถอดคอนแทคเลนส์แบบนั้น หนีไปหนีมาก็วนอยู่ในกับดักของการทดลอง กดดันจริงๆ


อสิตา 27 ก.ย. 2556, 16:25:02 น.
คุณสุขุมวิท66 – มาระทึกกันต่อไป แต่เดี๋ยวต้องมีฉากหวานกันยกใหญ่บ้างละ
คุณโกลเด้นซัน – ตอนวนัสจับบ่าเอเดน คนเขียนพูดถึงทีหลังค่ะ แต่ก็จงใจจับแหละ ไม่แน่ใจว่าฉบับรวมเล่มจะพูดถึงมากกว่านี้รึเปล่านะคะ แต่จำได้ว่าเพิ่มไปตอนไหนสักตอน แต่ฉบับนี้ก็มีแหละถ้าจำไม่ผิด งานยุ่งมาก หลงๆลืมๆว่าเพิ่มไปตอนไหน
คุณเรือใบ – ตอนนี้คงจะได้เชียร์หมอริชให้ปล้ำต่อสินะคะ หุหุ คนเขียนชอบคนทำงานที่นี่ โรคจิตทุกคนเลยค่ะ

คุณนักอ่านเหนียบหนึบ – เอเดนไม่ตายง่ายแน่นอน พี่ครามเค้าอยู่แถวนี้ ใกล้จะออกมาเต็มทีละ รอเดี๋ยวๆๆๆ
คุณกระต่ายผ้าขี้ริ้วเน่าๆ – ออกมาแล้วสินะคะ หายจ้อยไปนานเลย นาวี่เดี๋ยวมา ว่าแต่กดไลค์ย้อนหลังรึยังคะอะอะอะอะ+++
คุณผักชี – ใจเย็นๆนะคะ พี่ครามกำลังถูกกระทำ และฟักตัวอยู่วววว เดี๋ยวก็มาแล้ววววว

คุณ auraiw – ชื่อเดายากมากค่ะอ่านว่าอะไรคะเนี่ย ยินดีต้อนรับสู่เรื่องแนวนี้นะคะ ตื่นเต้น ลุ้นระทึก
พิศวง แต่เรื่องความรักเราก็มีให้เสพเต็มที่แน่นอน ขอบคุณที่ชอบค่ะ
คุณบาร์บี้ – ไม่ต้องรอนานค่ะ มาแล้วๆๆ แต่นวาระยังต้องรออีกหน่อย ออกมาทีก็คุ้มค่ากับการรอคอยนะคะ กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนอ่าน


ดังปัณณ์ 27 ก.ย. 2556, 18:02:38 น.
แหงะ! ไรอ่ะคุณแป้ง ยังไม่จบอี๊ก ทำเบบี๋เนี่ย หึ้ยๆๆๆๆ แถมยังทิ้งไว้ให้ค้างดีดๆดิ้นๆอีกแล้ววววววววววววววววววววววววววววว (โวยวายๆๆ คลุ้มคลั่ง อาละวาด 555+)
แง้ว! กุญแจมือด้วยอ่ะ หมอริช....เพิ่งรู้นะเนี่ย ฮ่าๆๆ แต่เอเดน โรคจิตมากกกยี้

หุย โถพ่อครามของหนอน ไปหลบยุไหนล่ะนั่น และ....ฮือ พ่อดอกกุหลาบ ไม่นร้าาาาาาาาาา ไม่นร้าาาาาาาาาา ไม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กระซิกๆๆๆ วิ่งหนี (โวยวายเรื่องไรเนี้ยะ เอิ่มมมมมมมม) 555+


goldensun 27 ก.ย. 2556, 18:32:37 น.
อ่านไปอ่านมา ชักกลัวหมอวาริชแล้วนะเนี่ย ไม่แน่ใจเลย ว่าหมอจะตัดสินใจยังไง
วนัสเองก็ยังดึงความสามารถตัวเองออกมาไม่หมดซะด้วย
เห็นแล้วค่ะ วนัสมีบอกหมอริชเรื่องความรู้สึกที่จับได้โดนตัวเอเดน
คิดถึงครามแล้ว


ketza 27 ก.ย. 2556, 20:38:02 น.
พี่ครามของนู๋ จุ๊บๆๆๆ


sai 27 ก.ย. 2556, 20:53:29 น.
รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งเจอแต่โรคจิตอ่ะ แอบคิดว่า อสิตา แอบจิตเล็กๆนะเนี่ยยยย 555


lovemuay 27 ก.ย. 2556, 21:26:13 น.
อ่านถึงตอนนี้หมอริชดูน่ากลัวจริงๆ


Chii 27 ก.ย. 2556, 21:48:17 น.
พี่ครามของเค้าาาาาาาา
//เอาจุนแจมือล็อกคอริชชี่กับเสาเตียง


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 27 ก.ย. 2556, 22:14:06 น.
นานๆโผล่มาทีจะได้มีคนคิดถึงไง หุหุ เรียกว่า แอบมองห่างๆอย่างห่วงๆค่ะ [หึหึ ถึงไม่ได้มาไลค์มาเม้นต์ทุกตอนแต่ก็ติดตามอ่านอยู่นะคะ เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก ลึกๆในใจยังแอบเชียร์นาวี่อยู่


นักอ่านเหนียวหนึบ 28 ก.ย. 2556, 00:03:27 น.
โอ๊ะ ไรเตอร์จะจบตอนแบบนี้แล้วปล่อยให้เค้าค้างแบบนี้ไปก่อนเรอะ !!!! ใจร้ายยยยยยยยย
กุญแจมือๆๆๆๆ เค้าว่าตาหมอต้องยังคงความเป็นสุภาพบุรุษ เอากุญแจมือมาล็อคตัวเอง แล้วปล่อยให้หนูวนัสหนีไป
ตาหมอต้องทำตามที่เค้าบอกนะ เข้าใจมั้ยๆๆๆๆ


Sukhumvit66 28 ก.ย. 2556, 00:40:48 น.
พลิกล็อก คดีพลิก แต่แปลกใจทำไมวนัสสาถึงสัมผัสกับแสงสีน้ำเงินในตัวของหมอวาริชได้ละค่ะ


พันธุ์แตงกวา 28 ก.ย. 2556, 07:34:39 น.
แต่เค้าเชื่อว่าหมอริชเป็นคนดีนะ เพราะถ้าจะทำอะไรวนัสจริงๆ มีโอกาสทำได้ตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่ยังไงๆ ก็ติดถึงพี่คราม ถอดร่างไปอยู่ที่ไหนละเนี่ย เดี๋ยวเงารักสีเขียวจะถอดหัวตามไปหาทีนี้ละ


malida 28 ก.ย. 2556, 10:06:07 น.
เข้ามาเชียร์พี่ครามสุดใจขาดดิ้น จุ๊บๆๆ


Pat 28 ก.ย. 2556, 16:20:33 น.
โอ๊ยกดดันอ่ะ ทุกอย่างอยู่ในสายตาการทดลองหมดเลย. หมอริชคิดดีๆนะ


ree 28 ก.ย. 2556, 17:51:32 น.
หมอจะเอาจริง หรือจะหลอกให้ผู้ควบคุมตายใจกันแน่นะ


Zephyr 29 ก.ย. 2556, 10:22:19 น.
หมอหมาเริ่มจะโรคจิตอีกคนละ เอิ่มๆๆๆๆ
คอนแทค กรี๊ดดดดดดดด
แต่..... เค้าดีใจไงไม่รุ เหมือนตัดคู่แข่งให้ใครบางคน
ฮะฮ่า อีกสองหนุ่มชักจะหายหน้าหายตานานเกินไปละนะ
มะม้า เอาิอกมาได้แล้ว เก็บจนบูดแล้วมั้ง


Barby 30 ก.ย. 2556, 14:37:32 น.
ฮือใครก้อได้มาช่วยวนัสสาด้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account