เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม
..........
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 11 She...may be the beauty or the beast.

ฉันหลับและตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเมธวัชร์ เวลาในขณะนี้คือหกนาฬิกาสามสิบนาทีของเช้าวันใหม่ หน้าต่างที่ปิดสนิททำให้ภายในห้องแทบไม่มีแสง หากไม่มีเสียงนาฬิกาปลุกที่ฉันตั้งไว้เพื่อจะได้ตื่นขึ้นมาไปซื้อน้ำเต้าหู้กับโจ๊กจากร้านที่ฉันเพิ่งตกหลุมรัก ฉันก็คงไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามกันแล้ว

เขานอนกอดฉันจากข้างหลัง มือข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอว โอบหน้าท้องของฉันไว้

ฉันหยิบแขนของเขาออก ก้าวลงจากเตียง สวมชุดชั้นใน เสื้อเชิ้ตผู้ชายสีขาวตัวใหญ่ที่ซื้อมาไว้สำหรับใส่อยู่ในห้องกับกางเกงยางยืดขายาวสีดำ ก่อนจะคว้ากระเป๋าคลัตซ์ที่ใช้เมื่อคืนกับกุญแจออกไปจากห้อง

ความง่วงงุนของฉันถูกไล่ไปพ้นจากดวงตาหลังจากใบหน้าที่ยังไม่ได้ล้างพบกับอากาศยามเช้าที่แสนสดชื่นของเชียงใหม่ ถึงแม้จะมีคนท้องถิ่นพูดเสมอว่าเมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สุดแสนจะวิกฤตแล้วเนื่องจากมีมลพิษในระดับสูง มีประชากรและขยะในจำนวนมหาศาล แต่เมื่อฉันได้เจออากาศแบบนี้ ฉันก็มักจะลืมข้อมูลอันว่าด้วยระดับมลพิษในอากาศที่เข้าขั้นอันตรายของเชียงใหม่ที่ฉันได้รับรู้มาได้อย่างสนิทใจและพอใจที่จะลืมมัน

พระสงฆ์ออกมาบิณฑบาต ฉันแวะซื้อกับข้าวถุงใส่บาตรให้ท่านแล้วก็ไหว้ด้วยจิตใจที่ว่างเปล่า ถึงแม้คนเรามักจะขอพรเวลาทำบุญทำทานหรือใส่บาตร แต่ฉันไม่เคยขอพรกับใครหรือกับอะไร ไม่ใช่ว่าไม่เคยศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งที่เรียกว่า ‘พร’ แต่เป็นเพราะฉันไม่เคยคิดออกเสียทีว่าฉันอยากได้อะไร ถึงแม้จะเคยอยากได้ความสุข แต่เพราะความสุขไม่ได้อยู่กับฉันตลอดเวลาและไม่ได้อยู่กับฉันตลอดไป อีกทั้งเมื่อฉันเข้าใจว่าได้รับความสุขแล้ว อีกไม่นานความทุกข์จะเกิดขึ้นและการร้องขอความสุขก็เหมือนการร้องขอยากล่อมประสาทจากสรวงสวรรค์ ฉันจึงยุติความต้องการนั้น..ยุติตลอดไป ทั้งที่ผู้คนในโลกนี้ยังคงต้องการมัน พวกเขาลุกขึ้นมาดำรงชีวิตและกระเสือกกระสนดิ้นรนด้วยแรงปรารถนาที่จะมั่งมี อยากได้โน่น อยากได้นี่ ในขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้โดยที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อะไรบ้างที่ทำให้ฉันสามารถซาบซึ้งกับการมีชีวิตและรู้สึกว่า ‘ดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นเพชรลดา’

อารมณ์แบบนี้ไม่ใช่ความเศร้าแต่ก็ไม่ใกล้เคียงกับความสุข ถึงกระนั้นมันก็เป็นอารมณ์ที่ทำให้ฉันได้เคยประทับใจคำอธิษฐานของใครบางคนที่เขียนไว้บนใบโพธิ์ทอง ประทับใจอย่างไม่อาจลืม

“..ไม่เคยหวังมั่งมีเงินตรา ไม่เคยหวังเป็นเทวาในภพสอง ขอไต่ตามพุทธองค์ในครรลอง ข้าหวังปองสรวงสวรรค์ชั้นนิพพาน..”





ฉันกลับมาถึงห้องเพื่อพบว่าเมธวัชร์ยังคงเปลือยกายอยู่บนเตียงและทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายจอมขี้เกียจที่ชะตากรรมทำร้าย..โดยสาปให้ต้องโงหัวขึ้นมาแต่เช้าเพื่อรับโทรศัพท์

“อืม..รู้แล้ว...ไม่ต้องห่วงน่า..ฉันอยู่กับเพชรลดา อย่าเพิ่งเปิดหน้าต่างสิ!”

ฉันไม่ฟัง

น้ำเต้าหู้สองแก้วและโจ๊กสองชามถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ในครัว เขาลุกจากเตียงไปสวมเสื้อผ้าก่อนจะเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง กดจมูกและลมหายใจร้อนๆลงมาบนแก้ม

“ผมชอบกลิ่นของคุณ”

มือของฉันหยิบปาท่องโก๋ตัวเล็กๆจากถุงพลาสติกมาจัดเรียงบนจาน แม้พยายามควบคุมสมาธิจัดเรียงให้สวยงามมากเพียงใด แต่ฝ่ามืออุ่นๆที่ทาบลงบนหน้าท้องของเขาก็ยังทำให้ใจของฉันสั่นไหว

ฉันจะพูดได้อย่างไรว่าฉันรักในทุกสัมผัสของเขา..ที่แตะต้องฉัน

“ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณ”

“เรื่องอะไรหรือคะ”

เขาเงียบไปก่อนจะพูดออกมาว่า

“ผมกลัว”

“คุณกลัวอะไร”

“นั่นคือปัญหา ผมกลัวอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันน่ากลัว”

ฉันตัดสินใจหยิบถุงปาท่องโก๋ เทที่เหลือลงมาบนจานแล้วหลบออกจากอ้อมกอดของเขา เอาจานปาท่องโก๋ไปวางไว้บนโต๊ะ

“โชคจะเข้าข้างผู้กล้าใช่ไหม” เขาถาม

“มีเยื่อบางๆกั้นกลางระหว่างความหมายของคำว่ากล้ากับคำว่าบ้า” ฉันตอบ

เมธวัชร์นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน เบื้องหน้าคือน้ำเต้าหู้กับโจ๊กหนึ่งชาม เขาคืนน้ำเต้าหู้ให้ฉันแล้วเริ่ม

“ผมไม่ได้ชอบเพลง La vie en rose อย่างที่ใครๆเข้าใจ”

ฉันจับขวดแก้วขวดเล็กเขย่าให้ผงพริกป่นหล่นลงไปในโจ๊ก มองมันอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะใส่น้ำส้มสายชู

“ผมจะฟังเพลงนั้นเวลาคิดถึงแม่ แม่ของผม..เป็นนักร้องในบาร์ เพลงที่ท่านชอบร้องคือ La vie en rose มันเป็นเพลงรักที่ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวถึงความรักและชายที่ตนเองหลงรัก”

ฉันเงยหน้าขึ้นมา เมธวัชร์มองหน้าฉัน

“แม่ร้องเพลงนั้นให้พ่อของผม”

ฉันแอบรู้เรื่องของเขามาแล้วจากปากของวิรงรองและเคยคาดคิดว่าถ้าชีวิตของเขาเป็นอย่างที่วิรงรองเล่าจริง เขาต้องโกรธเกลียดผุ้หญิงที่ให้กำเนิดเขามากแน่ๆ แต่คำพูดที่ว่า ‘ผมจะฟังเพลงนั้นเวลาคิดถึงแม่’ ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความคิดของฉัน

ฉันใช้ช้อนคนโจ๊กแต่ยังไม่มีอารมณ์จะตักกิน

“แม่รักพ่อทั้งที่รู้ว่าพ่อมีภรรยาและรู้ว่าไขว่คว้าเขาไม่ได้ แต่แม่ก็หวังจะท้องจับพ่อและแม่ทำสำเร็จ แม่ท้องขึ้นมาจริงๆ”

“ฉันพอรู้เรื่องของคุณ”

เขาไม่ได้ตกใจกับคำพูดของฉันราวกับเขาก็รู้ว่าเรื่องของเขาไม่ใช่ความลับ

“เรื่องของผมมีคนจำนวนหนึ่งรู้ก็จริง แต่ไม่เคยมีใครรู้จากปากของผม”

“แล้วทำไมคุณบอกฉัน”

เขาเงียบไป หันไปมองนอกหน้าต่าง นานกว่าจะหันกลับมา

“เมื่อคืนคุณขอผมแต่งงาน”

ช้อนของฉันหล่นลงไปในชามโจ๊ก แล้วหลังมือก็ชนแก้วน้ำเต้าหู้หกคว่ำไปแก้วหนึ่ง

เขาหัวเราะ “ปกติเวลาคุณเมา คุณจะขอผู้ชายแต่งงานตลอดหรือเปล่า”

ฉันส่ายหน้า อันที่จริง ฉันสะบัดหัวมากกว่า

“ผมคิดว่าคุณควรรู้ไว้ก่อนจะแต่งงานกับผม” เมธวัชร์กลับมาพูดจาจริงจัง “ผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย เธอจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผม”

“คุณพูดถึงเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”

“เรากำลังจะแต่งงานกัน เพชรลดา”

ฉันได้ยินคำนี้จากปากของเขาบนโต๊ะอาหารเช้า ท่ามกลางกลิ่นของนมถั่วเหลืองที่หกระเนระนาดและสายลมยามเช้าของเชียงใหม่ที่ลูบไล้ผิวของปาท่องโก๋จนเย็นชืด

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลึกที่สุดตั้งแต่เกิดมาทั้งที่อากาศของเชียงใหม่ในตอนนี้ไม่น่าพิสมัยเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว!

“เมื่อคืนฉันเมา ฉันพูดอะไรออกไป”

“คุณขอผมแต่งงาน คุณบอกว่าคุณรักผมแค่ครึ่งเดียวและคุณไม่อยากทำอย่างนั้นอีกต่อไป”

ฉันสงสัยในเจตนารมณ์ของสวรรค์ ทำไมเมื่อคืนฉันไม่เมาแล้วขับรถชนคนตาย ต่อจากนั้นก็วุ่นวายอยู่บนสถานีตำรวจยันเช้า

“คุณบอกให้ผมแต่งงานกับคุณเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องรักผมอย่างครึ่งๆกลางๆอีก”

“ในเมื่อคุณก็รู้ว่าฉันเมา คุณไม่ควรถือสาคำพูดของคนเมา!”

“ผมไม่ถือสาแต่ผมจะไม่อนุญาตให้คุณใช้เหตุผลนั้นตอบปฏิเสธ คุณควรรับผิดชอบคำพูดของตัวเองและที่สำคัญ..คุณควรรับผิดชอบผม”

“ทำไม คุณท้องกับฉันหรือไง! เป็นผู้ชายเสียเปล่ามาพูดอย่างนี้!”

“ใช่ เป็นผู้ชายต้องพูดอย่างนี้ คุณอยากท้องกับผมก่อนแต่งงานกับผมใช่ไหม”

“คุณเมธวัชร์!”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เมื่อคืนผมไม่ได้ป้องกัน”

“หา!”

“เราจะแต่งงานกัน ผมไม่จำเป็นต้องป้องกันอีก”

ดวงตาเรียวยาวอย่างตางูจ้องตาฉันและนั่นคือคำสาปของเมธวัชร์ กฤติกาลักษณ์ เขาสาปฉันให้แข็งเป็นหินอยู่บนเก้าอี้ มือของฉันทาบอยู่บนหน้าท้องและมีความกลัวในใจลึกมากพอๆกับนักโทษที่กำลังจะโดนประหาร

“ฉันจะท้อง..งั้นหรือ”

“ผมไม่ได้เป็นหมัน คุณก็ไม่ได้หมันและผมไม่ได้ป้องกัน มันก็มีสิทธิเป็นไปได้ไม่ใช่หรือ”

ฉันลุกออกมาจากโต๊ะกินข้าว เดินเข้ามาในครัวแล้วนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น เจอทางตัน ไม่มีที่ไป อันที่จริงเรื่องราวทั้งหมด ฉันไม่สงสัย ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปได้ถ้าฉันไม่มีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว ฉันสามารถห่ามหรือบ้ามากพอที่จะขอเขาแต่งงาน ฉันเข้าใจตัวเองดี มันคือความตกต่ำในใจซึ่งทำให้ฉันสมเพชตัวเองจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ทั้งที่ในความคิดของฉัน ผู้หญิงไม่ได้มีคุณค่าเพราะมีผู้ชายชื้อตัวเธอไปเป็นภรรยาและผู้หญิงที่เป็นภรรยาก็ไม่ได้วิเศษวิโสไปจากสาวโสดหรืออีตัว ฉันไม่เคยรู้สึกตกต่ำกับการเป็นโสดของตัวเอง เพียงแต่ฉันเหนื่อยล้ากับความรักระยะสั้น เหนื่อยการมีคนรักที่สักวันหนึ่งเขาจะเดินจากไป ฉันแค่อยากจะร่วมชีวิตและตายไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง พบความสงบและไม่ต้องดิ้นรนอีกฉันเหนื่อยกับการจบและเริ่มต้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันเหนื่อยและเหนื่อย เบื่อ เบื่อและเบื่อที่สุด

เมธวัชร์พูดว่าฉันรักเขา มันทำให้ฉันสงสัยนักว่าแท้ที่จริงแล้ว ฉันให้นิยามความหมายของคำว่า ‘รัก’ ไว้อย่างไร ทำไมฉันถึงได้พูดออกไปว่าฉันรักเขา ทำไมฉันที่ไม่มีสติ ไม่มีเหตุผลถึงได้สรุปความรู้สึกและพูดออกมาได้ว่าฉันรักเขา

ฉันหันหน้าเข้าหามุมฉากของเคาน์เตอร์ในห้องครัว เมื่อหลับตาเอาหน้าผากอิงกับมุมนั้น แม้มืดมนแต่มันก็ทำให้ฉันพบเจอกับความเงียบงันได้ครู่หนึ่งซึ่งยาวนานพอที่ฉันจะปลอบให้อารมณ์สงบลงและเริ่มคิดอะไรด้วยเหตุผล ด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยตัวตนของฉันอย่างแท้จริง

ฉันยกประเด็นขึ้นมาวางไว้ข้างหน้า ‘แต่งงานกับเมธวัชร์ได้หรือไม่’ และคำตอบถ้า ‘ได้’ มันจะไม่มีปัญหาอะไรให้ขบคิดต่อ แต่ถ้า‘ไม่ได้’ มันต้องคิดต่อไปว่า..ทำไมถึงไม่ได้ ฉันต้องให้เหตุผลที่เป็นธรรมต่อเมธวัชร์ซึ่งนั่นจะเป็นเหตุผลที่ฉันเข้าใจและยอมรับได้

ฉันรังเกียจเขาอย่างนั้นหรือ

ความอัปยศไหลเข้ามาในความรู้สึกทันทีเมื่อฉันพยายามกดดันให้ตัวเองยอมรับความจริง ฉันไม่ได้รังเกียจผู้ชายคนนั้นแม้แต่น้อยนิด ต่อให้เขาเป็นอาชญากร ต่อให้ฉันรู้ว่าเขาเคยติดยา เคยขายตัวและแม้แต่ในปัจจุบัน เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายดี เขามีแนวโน้มว่าสามารถทำในสิ่งเลวร้ายชนิดที่ฉันไม่อาจจินตนาการได้ เขาออกนอกลู่นอกทางได้ตลอดเวลา ผู้หญิงอื่นสามารถดึงเขาไปจากฉันเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ฉันก็ไม่มีวันรังเกียจเขา

ฉันแต่งงานกับเขาไม่ได้เพราะฉันไม่มีวันเกลียดเขาและการที่ไม่อาจเกลียดผู้ชายคนหนึ่งได้ในท้ายที่สุดแล้วมันจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายของผู้หญิง ถึงกระนั้นก็น่าหัวเราะ..คิดอย่างกับฉันอยากมีชีวิตอยู่เสียเต็มประดาอย่างนั้น

ฉันเช็ดน้ำตาบนใบหน้าจนแห้งเหือดและกลับมายังโต๊ะกินข้าวพร้อมกับกระดาษอเนกประสงค์หนึ่งม้วนเพื่อเช็ดทำความสะอาดน้ำเต้าหู้ที่หกเปียกอยู่บนโต๊ะและบนพื้น

เมธวัชร์นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้จนกระทั่งฉันกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง

“คิดอะไรได้บ้าง” เขาถามขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง

ฉันเงียบ เขาหันกลับมา

“มีอะไรอยากถามผมไหม”

ฉันกำหมัดแน่นก่อนจะปล่อยให้นิ้วทั้งหมดคลายตัว

“ฉัน..รู้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่..นอนกับคุณ”

“คุณรู้อะไร”

“รู้ว่าเมื่อมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างชายหญิง ก็เป็นไปได้ในทุกครั้งว่า..” ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างฝาดฝืด “จะมีเด็กเกิดขึ้น”

อยู่ดีๆริมฝีปากของเมธวัชร์ก็สร้างรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมายอันลึกลับออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ และยิ่งไม่สบายใจเมื่อเขายังมีท่าทางสบายๆ ไม่ได้ตึงเครียดจนเส้นประสาทจะขาดเหมือนฉัน

“ถ้าฉันท้องขึ้นมา ฉันจะ..”

“อย่าทำแท้งและอย่าทอดทิ้งเขา ถ้าคุณไม่ต้องการลูก ส่งมาให้ผม ผมจะเลี้ยงเอง”

ฉันไม่ได้คิดจะทำแท้ง ฉันแค่จะพูดว่าฉันจะเลี้ยงลูกตามลำพังโดยไม่บากหน้าไปรบกวนเขา แต่เมื่อเขาพูดออกมาอย่างนั้น ฉันก็ได้แต่เงียบและนิ่ง

“มีคำถามอื่นอีกไหม”

ฉันพยักหน้ารับ

“ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉัน”

เขาถอนหายใจ

“คุณเรียงลำดับคำถามได้ไม่ดีเลย เพชรลดา”

ฉันไม่สนใจคำบ่นของเขา “ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉัน”

“ผมอยากแต่งงานกับคุณ”

“ฉันขอเหตุผล”

“เหตุผลที่ผมอยากแต่งงานกับคุณ..คือ..ผม-อยาก-แต่ง-งาน-กับ-คุณ”

แววตาสงบนิ่งของเขาทำให้ฉันสั่นไหวและอ่อนแอเกินกว่าจะทนเก็บคำถามบ้าๆคำถามนั้นให้ตายไปกับตัว ยอมแลกด้วยศักดิ์ศรีและความหยิ่งทะนงทั้งหมดของตนเองเมื่อถามคำถามนั้นกับเขา

“คุณรักฉันหรือเปล่า”

คำตอบของเขาไม่ใช่คำพูด แต่เป็นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ แววตาคมกล้าคู่นั่นเบนออกไปนอกหน้าต่าง นิ่งนานที่ม่านแห่งอากาศและความเงียบงันกั้นกลางระหว่างเรา ฉันยอมแพ้ ฉันลุกไปจากเก้าอี้และกลับไปซุกตัวอยู่ในมุมเดิมของห้องครัวก่อนที่เขาจะเริ่มร้องเพลง

“She...may be the beauty or the beast ,may be the famine or the feast ,may turn each day into the heaven or the hell.”









ฉันนอนหลับหลังจากเมธวัชร์กลับไปและลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะจะดัง เป็นเบอร์แปลกหน้าแต่เพราะว่าฉันไม่กลัวมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ ฉันจึงรับ

“ผม พลชัยครับ กำลังกังวลว่าคุณเพชรลดาจะไม่รับสายผมเสียแล้ว”

เพราะอะไรไม่รู้ มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันแน่ใจว่าพลชัยไม่ใช่คนขับรถธรรมดา แต่เป็นลูกน้องคนพิเศษของเมธวัชร์ อาจเป็นเพราะพลชัยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มและหัวเราะต่อหน้าเมธวัชร์ในขณะที่ลูกน้องคนอื่นทำหน้าไร้ชีวิตเหมือนรูปปั้น

“คุณเมธวัชร์สั่งให้ผมมารับคุณเพชรลดาไปพักผ่อนที่พัทยาครับ”

“คุณรู้หรือเปล่า คำพูดนี้มีความหมายว่า..เขาสั่งให้ฉันไปพัทยา”

มีเสียงหัวเราะของหนุ่มใหญ่กังวานอยู่ใกล้หู นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเหตุผลปัจจัยประกอบให้ฉันคิด เขาหัวเราะได้แม้ว่าฉันกำลัง ‘สับ’นายหนุ่มของเขา ในขณะที่ลูกน้องคนอื่นหรือพวกสาวใช้..ถ้าไม่ตกตะลึงจนตาแทบถลนตรงนั้นก็..อยากจะขำออกมาแต่ละทีต้องเอาถาดบังหน้าหรือถ้าไม่มีอะไรบดบังสีหน้าจริงๆพวกเขาจะทำหน้าประมาณว่า ‘ให้ตายยังไงก็อย่าหัวเราะออกมาเด็ดขาด’

“คุณเมธวัชร์สั่งให้ผมมารับคุณเพชรลดาไปพักผ่อนที่พัทยาครับ” พลชัยย้ำ

“เขาสั่งฉัน”

“เปล่าครับคุณเพชรลดา คุณเมธวัชร์สั่งผม”

“เขาสั่งให้คุณมารับฉัน”

“ครับ”

“ในเมื่อเขาไม่ได้สั่งให้ฉันไป ฉันไม่ไปก็ได้นี่”

“ครับ คุณเพชรลดาจะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่คุณเมธวัชร์สั่งให้ผมมารับคุณเพชรลดาไปพักผ่อนที่พัทยา..ให้ได้ครับผม”

ให้ตายสิ ถ้าตอนนี้ ฉันมีปืนอยู่ในมือ ฉันจะยิงเจ้านายของพลชัยหรือยิงลูกน้องของเมธวัชร์ดี

“บอกคุณเมธวัชร์ว่าถ้าอยากพาฉันไปดูผีทะเลล่ะก็ ไม่ต้องพาฉันไปถึงพัทยาหรอก บอกเขาให้มาหาฉันก็พอแล้ว!”

ฉันกดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าถือ จากนั้นก็รื้อเอากระเป๋าเดินทางออกมา เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าไม่กี่ชุด ฉันกวาดลงมาใส่กระเป๋าเดินทางทั้งหมด จากนั้นก็กระเป๋าเครื่องสำอางและเครื่องบำรุงผิว นอกนั้นไปหาเอาข้างหน้าคงไม่เป็นไร

มีเสียงกดออด ฉันเปิดประตู พลชัยยืนอยู่กับสาวใช้คนหนึ่งซึ่งเธอย่อตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย

“ดิฉันจะทำความสะอาดห้องและนำเสื้อผ้าในตระกร้าของคุณเพชรลดาไปซักรีด ไม่ทราบว่าคุณเพชรลดาจะให้ดิฉันส่งไปให้ที่พัทยาหรือเปล่าคะ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันเอาไปแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือเอาไว้ที่นี่แหละ”

“ค่ะ”

“ขอบใจนะ”

ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นตามมารยาท แต่พูดขอบใจเพราะสำนึกในบุญคุณที่เธอดูแลฉันจากใจจริง

เธอยิ้มเสียหวานจ๋อย

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันยินดีที่ได้รับใช้คุณเพชรลดาค่ะ”

พลชัยเดินเข้ามาลากกระเป๋าเดินทางของฉัน เดินคู่กับฉันบนทางเดินที่ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยประตูห้องของเพื่อนบ้านแล้วส่ายหน้า

“คุณเพชรลดาควรกลับไปอยู่บ้านจะปลอดภัยมากกว่าครับ”

“ฉันชอบที่นี่”

“ผมหวังว่าคุณจะกลับไปอยู่ที่บ้านเร็วๆนี้ คุณเมธวัชร์จะได้กลับไปอยู่บ้านด้วย”

ข้างล่างมีรถยนต์ยุโรปยี่ห้อบีเอ็มดับบิวสีดำจอดรอฉันอยู่สองคัน คันหนึ่งพลชัยขับ ฉันนั่ง อีกคันสำหรับบุรุษในชุดดำสี่คนที่พลชัยบอกว่าเป็นทีม ‘องครักษ์ประจำตัว’ ของฉันซึ่งต่อไปนี้ พวกเขาจะติดตามฉันไปทุกที่เมื่อฉันออกไปข้างนอก

“ผมขออนุญาตแนะนำผู้คุ้มกันของคุณเพชรลดานะครับ”

พลชัยเริ่มจากคนที่อยู่ทางขวามือของเขา

“ชัยยันต์ มาร์โก้ เล้งและสิงห์ครับ”

“สวัสดีค่ะ”

ฉันทักทายตามมารยาท แต่พวกเขามีมารยาทดีกว่า ก้มหัวให้ฉันพร้อมกัน

“คุณเมธวัชร์สั่งผมให้ดูแลรับใช้คุณเพชรลดาครับ แต่ผมอาจต้องติดตามคุณเมธวัชร์ไปในบางครั้ง เพราะฉะนั้นคุณเพชรลดาควรเรียกใช้ผู้คุ้มกันของเราอย่างน้อยหนึ่งในสี่ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกนะครับ”

“ค่ะ แต่เราจะไปพัทยาด้วยรถยนต์หรือคะ”

“เปล่าครับ เราจะไปด้วยเครื่องบินส่วนตัวของคุณเมธวัชร์ อ้อ..ผมโทร.ไปบอกคุณเมธวัชร์เรื่องผีทะเลของคุณเพชรลดาแล้วนะครับ”

ฉันหัวเราะลั่นแล้วหุบปากฉับเมื่อพลชัยพูดว่า

“ผมเตือนคุณไว้ก่อนนะครับว่า..”

“ว่าอะไร”

“ระวังตัวไว้ด้วยครับ..คุณเมธวัชร์ฝากบอกคุณว่าถึงพัทยาเมื่อไรจะจับคุณตีก้นโทษฐานก้าวร้าวต่อสามี”





เครื่องบินส่วนตัวมีผู้โดยสารทั้งหมดห้าคนคือฉันกับทีมผู้คุมกัน มีแอร์โฮสเตสสองคนที่เสิร์ฟของว่างเป็นคุกกี้ผลไม้รวมและน้ำแร่แบบมีฟองให้ฉัน ฉันอยู่บนเก้าอี้ไฟฟ้าตัวนุ่ม วางหนังสือของจางอ้ายหลิงไว้บนตักและนั่งเงียบอยู่กับความคิดของตัวเองเนื่องจากไม่มีใครคุยกับฉันและฉันก็ยังไม่กล้าพอจะคุยกับใคร

ฉันต้องปรับตัวมากมายกับการเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายในตระกูลกฤติกาลักษณ์ ฉันรู้ตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะปล่อยให้ชื่อของตัวเองไปปรากฏอยู่บนทะเบียนสมรสระหว่างฉันกับเขา เรายังไม่ได้แต่งงานกันในแง่ของพิธีการ เมธวัชร์ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น และฉันไม่ได้ต้องการงานแต่งงาน ฉันจึงไม่พูดและยิ่งไม่ไปทำอะไรระแคะระคายสะกิดให้เขาคิดถึงงานแต่งงานระหว่างเราขึ้นมา

สิ่งที่บ่งบอกว่าฉันเป็นภรรยาของเขาแล้วมีแค่ทะเบียนสมรสและแหวนทองเกลี้ยงๆบนนิ้วนางของฉันและเขาเท่านั้นเพราะฉันไม่ชอบแหวนเพชรและไม่ชอบทำอะไรให้หรูหราฟุ่มเฟือยมากจนเกินไปสำหรับความรักครั้งนี้

โธ่เอ๋ย..นี่ฉันพูดคำว่า ‘ความรัก’ ออกไปอีกแล้วหรือ

“คุณเคยฝันถึงสามีของคุณบ้างไหม”

ฉันนึกถึงคำถามของเมธวัชร์ที่ถามฉันก่อนจะยื่นทะเบียนสมรสที่เขาเซ็นชื่อของตัวเองลงไปแล้วมาให้ฉัน

มาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงแม้ฉันจะต้องเรียนรู้อะไรในอนาคตอีกมากแต่ฉันก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรเขาเหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อนหน้า

“ฉันฝันถึงสามีของฉันตลอดเวลา” ฉันตอบขณะเซ็นชื่อของตัวเองลงในทะเบียนสมรส “โดยเฉพาะเวลาที่ฉันเหงา เวลาที่เข้าใจว่าพ่อแม่ไม่รักฉันหรือไม่มีเวลาให้ฉัน เวลาที่ฉันไม่มีเพื่อน ฉันจะฝันถึงเขาและคิดว่า..โลกไม่ใจร้ายกับฉันมากหรอกเพราะถึงแม้จะไม่มีคนที่รักฉันในตอนนี้ แต่ต่อไปจะมีผู้ชายคนหนึ่งที่จะรักฉัน ดูแลฉันซึ่งผู้ชายคนนั้นก็คือสามีของฉัน ฉันจึงยอมอดทนทุกอย่างเพื่อมีชีวิตอยู่ เพื่อรอคอยเขา”

“เขาหน้าตาเหมือนผมไหม”

“ไม่ทราบสิคะ ไซคีไม่เคยเห็นหน้าเทพบุตรอีรอสฉันใด ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าสามีของฉัน ฉันนั้น”

เมธวัชร์นำเอกสารทะเบียนสมรสสองฉบับกลับไปให้ทนายประจำตระกูลกฤติกาลักษณ์ เมื่อเขากลับมา ฉันถามว่า

“แล้วคุณเคยฝันถึงภรรยาของคุณบ้างไหม”

เขาส่ายหน้า

“ผมไม่เคยคิดจะแต่งงาน”

คำตอบของเขาทำให้ฉันคิดและคิด คิดอย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรมาจนถึงบัดนี้ คิดจนฉันลืมไปแล้วว่าด้วยเหตุผลฉันถึงตอบตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะแต่งงานคนนั้น ซึ่งมันอาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบและอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะฉันจำได้เพียงเลือนรางว่าฉันพ่ายแพ้ต่อคำพูดของเขาในวันนั้น

“ผมต้องการคุณ ผมมีความสุขเมื่ออยู่กับคุณและผมโหยหาคุณทุกครั้งที่คุณไม่ได้อยู่ข้างๆผม นั่นคือเหตุผลที่ผมอยากแต่งงานกับคุณ”

และพ่ายแพ้อ้อมกอดของเขาที่กอดฉันจากด้านหลัง

“เพราะฉะนั้น เพชรลดา คุณแต่งงานกับผมเถอะ”

เขาไม่ได้พูดคำว่ารัก ถึงกระนั้นก็เถิด..หากเขาพูดออกมา ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันจะเข้าใจ สิ่งที่ฉันรู้มีแค่ว่าฉันไม่อยากแต่งงานกับเขาเพราะฉันเกลียดเขาไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่อาจจากเขาไปและสามารถกลับไปเป็นตัวของตัวเองได้ตราบใดที่ยังรู้ว่า..เขายังโหยหาและต้องการฉัน

ฉันจะต้องคิดถึงเขาตราบใดที่เขายังคิดถึงฉัน ฉันจะไม่ลืมเขาตราบใดที่เขายังไม่ลืมฉัน ฉันตัดสินใจแต่งงานกับเขาเพราะเหตุนั้น ให้เมธวัชร์รักฉันจนพอใจจนกระทั่งวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าฉันเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อและน่าชิงชังที่สุดในโลก เพื่อวันนั้นฉันกับเขาจะได้แยกจากกัน ต่างคนต่างกลับไปใช้ชีวิตของตนเอง ไปพบเจอคนใหม่ๆและลบเรื่องของอีกฝ่ายออกไปจากหัวใจอย่างสิ้นเชิง

ฉันจะไม่ต้องคิดถึงเขาอีกเพราะถึงวันนั้น เขาก็ไม่ได้คิดถึงฉันแล้ว

“พ่อแม่ของผมท่านเสียไปหมดแล้ว แต่พ่อแม่ของคุณยังอยู่ ผมต้องบอกเรื่องของเรากับพ่อแม่ของคุณ”

เขาพูดอย่างนั้น ฉันส่ายหน้า

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ”

อาจเป็นคำพูดที่แปลกมากแต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉันมีอิสระในการใช้ชีวิตสูงอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปยากจะมี หากฉันมีสามี ไม่ว่าจะเป็นสามีโดยพฤตินัยหรือสามีตามกฎหมาย ฉันไม่จำเป็นต้องขออนุญาตพ่อแม่ของฉัน พ่อแม่ของฉันเป็นคนบอกฉันเองว่าพวกท่านไม่มีส่วนในการตัดสินใจเรื่องใดในชีวิตของฉัน ฉันจะเรียนหนังสือก็ได้หรือไม่เรียนก็ได้ ฉันจะแต่งงานมีสามีก็ได้หรือนอนกับผู้ชายไปทั่วก็ได้ หรือฉันจะฆ่าตัวตาย พวกท่านก็จะไม่ห้าม แม่บอกฉันว่าอย่ายึดติดกับบุญคุณของพ่อแม่ มันไม่ได้มีคุณค่าอย่างมหาศาลขนาดนั้น หากฉันมีชะตาต้องเกิดมาบนโลกนี้ ต่อให้ไม่มีพวกท่าน ฉันก็ต้องได้เกิดมาบนโลกใบนี้อยู่ดี เกิด..โดยที่จะมีพ่อแม่เป็นคนอื่น หากมนุษย์คนหนึ่งมีหน้าที่ที่ต้องเกิดมา เขาก็จะต้องเกิดมา..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

“แม่คิดว่านั่นคงเป็นเหตุผลที่แม่ถูกข่มขืน เพื่อให้ลดาได้เกิดมา และแม่เลี้ยงลดามาเพื่อที่จะรอดูว่าลดาเกิดมาเพื่ออะไร ลดามีหน้าที่อะไรที่ต้องเกิดมาบนโลกใบนี้ แม่ไม่เคยเลี้ยงลดาในฐานะลูก แต่เลี้ยงลดาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์”

แม่ของฉันเคยพูดอย่างนั้น..กับฉัน แม่ไม่เคยสอนฉันให้กตัญญูกตเวทีแต่สอนให้ฉันทำตามที่หัวใจต้องการและต้องกล้าหาญที่จะรับผิดชอบผลจากการกระทำของตัวเอง

เมธวัชร์ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ฉัน

“ถือว่าให้เกียรติผม ผมอยากให้พ่อแม่ของคุณรับรู้ว่าผมคือลูกเขยของพวกเขา”

ฉันกดเบอร์ที่บ้านให้ เขารับโทรศัพท์กลับไปแนบหู ครู่ใหญ่ก็เริ่มด้วยคำพูด

“สวัสดีครับ ผมต้องการพูดสายกับคุณดนุหรือคุณพิมพา รัตนา”

ฉันหลับตาลง

“อาจเป็นเรื่องกะทันหัน แต่ผมกับเพชรลดา เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”

เขาพูดอีกหลยประโยคก่อนจะกลับมายื่นโทรศัพท์มือถือให้ฉัน

“พ่อของคุณอยากคุยกับคุณ”

ฉันรับโทรศัพท์มาแนบหู “ค่ะพ่อ”

“ลดา การแต่งงานของหนูเป็นเรื่องที่ช็อกแม่หนูมาก”

“แม่เสียใจกับสิ่งที่หนูทำหรือคะ”

“เปล่า แค่ตกใจแต่สามนาทีก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เขาเข้าครัวไปทำอาหารเย็นให้พ่ออยู่” ท่านหัวเราะอย่างเบิกบาน “ว่าไง อากาศที่เชียงใหม่ยังดีอย่างที่เขาร่ำลือกันอยู่ไหม”

“อากาศยังเย็น แต่มลพิษเพิ่มขึ้นมากค่ะโดยเฉพาะบนถนน”

“เขาเป็นใครหรือ สามีของลูกน่ะ”

“เขาชื่อเมธวัชร์ กฤติกาลักษณ์ค่ะ”

“หล่อเท่าพ่อตอนหนุ่มๆไหม”

ฉันหัวเราะ แล้วพูดในสิ่งที่ขัดแย้งกับคนทั้งโลกแต่เป็นจริงในความรู้สึกของฉัน

“พ่อเลี้ยงของลดาหล่อกว่าค่ะ”

“ว่างๆพามากินข้าวที่บ้าน พ่ออยากเห็นหน้าเขา อ้อ..แม่ของลูกถือกระดาษออกมา เขาเขียนฝากบอกมาว่าขอให้ลูกมีความสุขกับชีวิตคู่นะ”

อยู่ดีๆ ตาของฉันก็ร้อนผ่าวด้วยคำพูดประโยคนั้น

“พ่อคะ”

“หือ”

“แม่ของลดารู้หรือยังว่าสามีของลดาชื่ออะไร”

“เรื่องนั้น เดี๋ยวพ่อจะบอกให้ เออ..แล้วเขาโกรธไหมที่แม่ของลดาไม่เรียกสินสอด”

“อะไรนะคะ”

“แม่ของลดาบอกเขาว่าไม่ขายลดาให้ใคร ถ้าลดาอยู่กับเขาแล้วไม่มีความสุข แม่เขาจะไปเอาหนูคืน”

ฉันไม่รู้ว่าอะไรมันทำให้ฉันจุกคอจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ฟังเสียงพ่อเลี้ยงพูดไปเรื่อยๆ

“ถ้าเขาโกรธก็ไปพูดกับเขานะ บอกเขาด้วยว่าพ่อแม่ไม่ได้รังเกียจเขา เพราะพ่อแม่เชื่อใจหนู ลดาเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของตนเองและพ่อแม่ก็จะรักในสิ่งที่หนูเลือกเสมอ”

“ขอบคุณค่ะพ่อ”

“งั้นแค่นี้ก่อนล่ะกัน มีอะไรอย่าลืมโทร.หาพ่อกับแม่นะ”

“ค่ะ”

พ่อวางสาย ฉันเงยหน้ามองเมธวัชร์ด้วยดวงตาที่พร่าเลือนเหมือนม่านหมอกบัง เขายื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน

“คุณมีแต่ปริศนาให้ผม อย่างเช่นตอนนี้ ร้องไห้อย่างไม่รู้สาเหตุ”

ฉันส่ายหน้า พยายามหยุดร้องไห้ แต่ก็ทำไม่ได้

เมธวัชร์พูดถูก ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยปริศนาและฉันเพิ่งเข้าใจ บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้มีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจเสมอไป

“ฉันดีใจ ..ตลอดชีวิตที่ผ่านมาฉันไม่เคยดีใจที่ฉันเกิดมา จนกระทั่งวันนี้..ฉันดีใจเหลือเกินที่เกิดมา ฉันดีใจเหลือเกินที่เกิดมาเป็นเพชรลดา รัตนา”



สร้อยดอกหมาก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2554, 12:56:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2554, 12:56:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 5029





<< ตอนที่ 10 : แววตาที่คุณมองผมและเซ็กส์ของเรามีความหมายกับผมมากกว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดและกำลังทำ (เต็มตอนแล้วค่า)   ตอนที่ 12 : เขาเป็นพระราชา เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในโลก นอกจากเขา ในโลกนี้ไม่มีมนุษย์อื่นใดเป็นผู้ชายอีก >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 9 มิ.ย. 2554, 13:34:55 น.
ปูเสื่อรอ..


saralun 9 มิ.ย. 2554, 13:41:23 น.
ดีใจจัง...ตอนต่อไปมาแล้ว อิอิ!!


omelate 9 มิ.ย. 2554, 14:48:27 น.
ชอบอ่ะ ไม่รู้เม้นไร แต่ชอบอ่ะ


แพม 9 มิ.ย. 2554, 15:03:02 น.
หล่อนจะไปขับรถชนใครได้ไงยะ เพชรลดา หล่อนไม่ได้ขับรถ


MYsister 9 มิ.ย. 2554, 16:58:39 น.
^____^


anOO 9 มิ.ย. 2554, 17:11:24 น.
มันเป็นนิยายเกินความคาดหมาย
ไม่สามารถเม้นท์อะไรได้มากมาย
นอกจากตั้งตาตั้งตารอตอนต่อไป


Zephyr 9 มิ.ย. 2554, 18:08:22 น.
ชอบมุข ผีทะเลจริงๆเลย แล้วก็ชอบตัวของผีทะเลด้วยนะ ขอสักคนได้มั้ยคะ แบบเถื่อนๆยังงี้อ่ะ


หมี่เย็น 9 มิ.ย. 2554, 18:28:49 น.
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ในที่สุดนางเอกก็เข้าใจสักที รอตอนต่อไปจ้า


grazioso 9 มิ.ย. 2554, 18:43:41 น.
ความคิดของแม่เพชรลดา น่าสนใจมากๆ ค่ะ :)


namzuza 9 มิ.ย. 2554, 21:30:36 น.
อ่านแล้วมีความสุข ชอบกลอนมากเลยค่ะ ติดตามค่ะ


85valse 9 มิ.ย. 2554, 21:44:49 น.
สวัสดีค่ะคุณสร้อย เพิ่งได้มาตามอ่านนิยายเรื่องนี้ของคุณสร้อย รวดเดียว ๑๑ ตอน
เราเคยตามอ่านของคุณสร้อยมาก่อน เรื่องก่อนหน้านี้ สนุก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราอ่านแล้ว ทั้งสนุกและชอบ เป็น ๑ ในนิยายออนไลน์ไม่กี่เรื่องที่ทำให้เราสนุกและชอบไปพร้อมๆกันเวลาอ่าน เรื่องแรกเป็นเรื่องที่เราได้อ่านเมื่อหลายปีก่อนทางพันทิป และยังจดจำได้จนถึงวันนี้---
พอดีเห็นเมนท์ในตอนก่อนๆหน้าว่า บางเสียงอาจไม่ชอบ หรืออ่านไม่รู้เรื่อง เลยมาส่งเสียงว่า ชอบมากๆค่ะ อิอิ


yayee62 10 มิ.ย. 2554, 08:56:27 น.
หุหุหุ มาแว้วเหรอคะ


สะเรนี 10 มิ.ย. 2554, 17:10:18 น.
ชอบพระเอกแฮะ


ปิลันธน์ 10 มิ.ย. 2554, 18:38:10 น.
พระเอกน่ารัก น่ารักที่เขากล้าที่จะเข้ามาผูกพันกับนางเอก
เหมือนจะไม่เรียกร้อง แต่เรียกร้อง ทั้งๆที่ไม่ต้องแต่งงานก้ได้ แต่ก็จะแต่ง^^
นางเอกโชคดี ในความโชคร้าย เพราะดูท่าจะต้องเจอคำสั่งด้วยรักอีกมากมายจากผู้ชายที่สามารถทำทุกอย่างได้อย่าง เมธวัชร์ (เอ๊ะ!ตกลงน่ารักรึน่ากลัวกันเนี่ย เมธวัชร์...พระเอกของคุณสร้อยคนนี้^^")


Setia 10 มิ.ย. 2554, 22:33:15 น.
ยินดีที่ได้อ่านอีกนะคะ


แล่นแต๊ 11 มิ.ย. 2554, 00:06:00 น.
อ่านแล้วยิ้ม รอคอยด้วยใจจดจ่อค่ะ


แว่นใส 11 มิ.ย. 2554, 00:17:55 น.
นิสัยแปลกเหมือนกันนะคู่นี้


bow 15 มิ.ย. 2554, 00:54:35 น.
ชอบตอนนี้มากที่สุดเลยค่า :)
ยิ้มมม.. เพลินเลยค่ะ


องุ่น 11 พ.ค. 2555, 12:24:42 น.
ซึ้งมาก


Amarilys 2 เม.ย. 2558, 22:10:41 น.
ชอบพ่อแม่บ้านนี้มากค่ะ น้ำตาซึมเบย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account