เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" (...ต่อ) + ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลนิยาย"เงารักสีน้ำเงิน"ที่เฟซบุควันนี้

ครามไม่แปลกใจที่เมื่อลืมตาตื่นเขาคลายสภาพจากร่างจิต กลับมาสู่ตัวตนและไม่ได้นอนอยู่ข้างวนัสสา
เป็นธรรมดา ร่างสมมติหากขาดการควบคุมก็มีอันจะต้องค่อยๆสลายลง จิตเขาจึงกลับมารวมอยู่ ณ ที่ซึ่ง
ร่างกายเขาอยู่ ชายหนุ่มกะพริบตา สภาพห้องแย่ๆ เตียงแคบๆแทบไม่ต่างจากตอนที่ถูกขังรวมกันไว้ห้าคน
ทว่าเมื่อชันกายขึ้น วางฝ่าเท้าสัมผัสพื้น ชายหนุ่มกลับต้องอุทานกับสัมผัสอันแปลกปลอมไป

“นี่มัน...”

กระแสไฟฟ้าบางเบาแล่นอาบอยู่บนพื้น แม้ไม่ช็อร์ตให้เจ็บปวด คนธรรมดาอาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำ
แต่ครามก็สัมผัสได้เขาสังหรณ์ใจวูบ ผวาไปยังผนัง ลองเอามือสัมผัสดูก็พบว่ามีกระแสไฟฟ้าที่ว่า
เหมือนกัน ชายหนุ่มหลับตา ตั้งสมาธิ ทดลองสร้างร่างใหม่ขึ้นอีก หมายจะเดินทะลุผนังเบื้องหน้า
แต่แล้วเมื่อสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากข้างใต้พื้นผิวก็ไม่อาจผ่านมันออกไป
ซ้ำร้ายกระแสจากใต้ฝ่าเท้ายังเหมือนเร่งเร้าให้ร่างจิตของเขายากจะทรงสภาพอยู่ได้
ต้องสลายหายไปในเวลาไม่นาน

“นี่มันบ้า” ชายหนุ่มลืมตา ขบกรามแน่น รู้สึกเหมือนติดกับ ไปไหนไม่ได้
พวกมันวางแผนจะทำอะไรกับเขา หรือกับเธอที่เขาห่วงใย รู้แต่จะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
ไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่นอน

ชายหนุ่มเอนหลังกับหมอนที่ขยับให้ตั้งสูงขึ้น ให้อยู่ในท่าที่เท้าสัมผัสพื้น
เขาจะต้องทำตัวเองให้คุ้นชินกับกระแสไฟฟ้า การสั่นสะเทือนอาจเป็นการต่อต้านพลังของเขา
หรือถ้าจับจุดมันได้ สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อคุมขังนี่อาจเป็นการกระตุ้นให้เขาพัฒนาไปอีกขั้น
โดยที่พวกนั้นคาดไม่ถึง คงจะต้องลอง

เวลาผ่านไป ผ่านไป อาจจะนานนับสิบชั่วโมง ครามไม่ได้สนใจ รู้แต่ว่าร่างกายเริ่มเป็นหนึ่งเดียวกับ
กระแสไฟฟ้า เขาทดลองสร้างร่างจำลองให้ปรากฏขึ้นได้หลายครั้ง กระแสซู่ซ่าแปลกๆบ่งบอกว่าตน
อาจทำอะไรได้มากกว่าเดิม ...และแม้ไม่มีกลิ่นหอมแบบที่รู้สึกได้เลือนรางในคืนซึ่งเขาหวนระลึกถึงอดีต
แต่ด้วยกระแสไฟฟ้าบวกกับสมาธิที่ชายหนุ่มสร้างขึ้นเพื่อให้ร่างใหม่แข็งแกร่ง พลังของจิตนั้นเอง
เป็นตัวกระตุ้นให้ครามค่อยๆเข้าถึงห้วงแห่งความทรงจำขาดวิ่นนั้น โดยที่คราวนี้เขาไม่ได้หลับ ยังมีสติครบถ้วนดี

...เขาเห็นเธอตั้งแต่คืนก่อนที่ความทรงจำจะหายไป ในงานเต้นรำสวมหน้ากาก
แต่เธอสิคงไม่ได้สังเกตว่าคู่เต้นคือเขา คนที่เคยพบกันเมื่อหลายปีมาแล้ว
รุ่งขึ้นวนัสสาก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองบ้าๆพร้อมกับครามเอง
เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือวนัสสา เวชกุล ชายหนุ่มตกใจอยู่ไม่น้อย
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ตั้งใจจะลองถาม อยากรู้นักว่าเธอจะจำเขาได้ไหม
จะดีใจหรือเปล่าที่ได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากโชคชะตาพัดพาให้หายไปในกาลเวลา

แต่พอตั้งใจจะเข้าไปหา กลับมีคนอื่นอยู่ข้างเธอ นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าหญิงสาว
ดูจะเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับอีกฝ่ายเหลือเกิน นวาระ...เขาไม่ได้เกลียดผู้ชายคนนั้น
ในเมื่อทั้งสองคนดูจะพอใจกันและกันก็ช่าง ปล่อยให้เธอสนิทสนมกับหมอนั่นไป
ตามใจต้องการก็แล้วกัน ตอนนั้นเขาบอกตัวเองว่าไม่แคร์ ก็แค่อดมองไม่ได้เท่านั้นเอง

ความทรงจำแตกกระจายเป็นสีสันหลากหลาย กระโดดข้ามไปอีก ถึงตอนที่เขาอยู่กับเธอ
ไม่มีนวาระอีกแล้ว มีแต่เขากับเธอ...ความรู้สึกเมื่อเขากอด ปลอบประโลมวนัสสา
ที่กำลังร้องไห้ยังติดตรึงในอ้อมแขนไม่รู้ลืม

หัวใจอ่อนยวบหวามไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึก นี่คือความรักใช่ไหม

ชายหนุ่มรู้ดีว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เขาต้องรู้ เพื่อที่จะให้ตัวเองและเธอได้รอดชีวิตออกไป
คำว่า ต้องรอด สะท้อนก้องในหัว จนเวลาผ่านไป ในที่สุดมันก็เป็นเหมือนกุญแจที่ไปสะกิดให้
ประโยคหนึ่งลอยขึ้นมาท่ามกลางสีสันอันดำมืด

‘ผมก็ต้องการจะรอดออกไปจากที่นี่เหมือนกัน อีกอย่างมันไม่ยุติธรรม
ทีเหยื่ออีกคนยังได้รับสิทธิพิเศษ...ด็อกเตอร์กฤษณะ ถ้าหากว่านี่เป็นเกมทดสอบ
ศักยภาพสมอง ผู้เข้าร่วมการทดลองซึ่งเป็นตัวแปรแต่ละคนควรอยู่ในสภาวะตั้งต้นที่เท่าๆกัน
หรือไม่ก็สูสี ไม่งั้นจะวัดผลพัฒนาการได้ยังไง ก็เลยอยากจะขอไว้อย่าง
หลังจากที่ผมลืมเรื่องทุกอย่างในคราวนี้ไปแล้ว ผมก็จะยังต้องการจะจำได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เรื่องของเธอ ถ้าผมนึกถึงบันทึกเล่มนั้นที่ผมเขียนออก
แล้วร้องขอมันเมื่อไหร่ อยากให้คุณสัญญาว่าจะคืนมันให้ อย่างน้อยก็เป็นรางวัลสำหรับ
การสร้างจุดความทรงจำที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมาด้วยตัวเอง’
เขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบการทดลองที่ท้าทาย และจะยอมรับขอเสนอที่เขาพูดออกไป

‘เอาสิคราม ผมเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับศศิราศี ที่จะให้นวาระโกงอยู่คนเดียวถึงขนาดนั้น
อยากรู้เหมือนกันว่าสมองคุณจะทำให้ทึ่งได้สักแค่ไหน ก็เป็นอะไรที่แฟร์ดี’


ชายหนุ่มสะดุ้งพรวด ลืมตาตื่น นิ่วหน้าเมื่อนึกถึงบันทึกเล่มนั้น แม้ไม่รู้จะได้ผลหรือไม่
แต่ครามก็ส่งเสียงร้องออกไป

“ด็อกเตอร์กฤษณะ ถ้าคุณดูอยู่ ผมขอบันทึกของผมตามสัญญาด้วย!”

ครามเกือบสะดุ้งทันใดที่ด้านหนึ่งของผนังเลื่อนเปิด เขาเกือบจะดีใจอยู่แล้ว
แต่มันก็ไม่ใช่การมาของใคร ผนังเพียงแค่เลื่อนขึ้นเพื่อให้เห็นจอภาพที่ซ่อนอยู่เท่านั้น
แต่ภาพคนซึ่งปรากฏขึ้นมาไม่ใช่ดร. ทว่ากลับเป็นภรรยาของฝ่ายนั้น ใบหน้าสวยเฉียบ
ของศศิราศีกำลังส่งยิ้มมาให้ เป็นยิ้มอันไม่น่าพิสมัยเสียเลย ฉากหลังของอีกฝ่ายเป็นสีดำมืด
มองไม่เห็นว่าอยู่ในห้องลักษณะเช่นไรหรืออยู่กับใคร

“ด็อกเตอร์ยุ่งอยู่ แต่ยังโชคดีนะคราม ที่ฉันมีเวลาว่างพอจะใส่ใจ เอายังไงดีล่ะ สามีฉันก็บอกไว้เสียด้วย
ว่าถ้ามีการร้องขอบันทึกอะไรนั่นก็จะต้องให้ แต่ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ดูเองแบบนี้ จะขอเปลี่ยนแปลงอะไร
สักหน่อย เพราะดูเหมือนด็อกเตอร์ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ทั้งเล่ม แบบนั้นมันมากเกินไป”

ศศิราศีหยิบสมุดสีเข้มขึ้นมา ครามเห็นแล้วก็ยิ่งจำได้ มันไม่ใช่ไดอารี่เสียทีเดียว
แน่นอนว่าเขาเป็นพวกติดสมุด เพื่อเอาไว้ใช้ขีดเขียนงานออกแบบและไอเดียทั้งหลายแหล่ที่อาจผุดมา
เวลาไหนก็ได้ แม้จะเป็นช่วงที่ต้องติดอยู่ในนี้ แต่ขอแค่มีสมุดสักเล่มก็ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นมาก
และก็คงจะอดไม่ได้ที่จะเขียนระบายอารมณ์ในช่วงนั้นลงไป

มีเรียวที่ประดับด้วยเล็บยาวๆเคลือบสีมืดๆไว้กรีดเปิดสมุดไปทีละหน้าสองหน้า บางช่วงอ่านแล้ว
เจ้าหล่อนก็ยิ้มปนหัวเราะเยาะอย่างกลั้นไม่อยู่ ทำให้ครามโมโหแทบเดือด แต่ก็ยังต้องข่มอารมณ์ไว้
เขายังต้องการมัน

แต่แล้วศศิราศีก็ทำสิ่งอุกอาจด้วยการกระชากกระดาษขาดแควกออกมาหนึ่งหน้า คล้ายฉีกสุ่มๆ
ตามด้วยหน้าสอง และสาม...เว้นช่วงไม่ติดกัน ก่อนจะชูแผ่นกระดาษที่ถูกดึงพ้นตัวเล่มในมือให้ครามดู

“นี่แหละ เท่าที่ฉันจะเมตตา เดี๋ยวจะให้คนเอาไปให้” เจ้าของเสียงไว้ตัวเอ่ยเรียบเรื่อย
ก่อนภาพของเธอจะจางหาย ทิ้งให้จอดับมืดลง

ครามถอนใจหนักๆ เอาเถอะ ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เขาใช้เวลารออยู่ครู่ใหญ่ก็มีกระดาษสอดเข้ามา
ทางใต้ประตู แปลว่าห้องควบคุมจับตาเหยื่อทดลองที่ศศิราศีอยู่ก็คงจะห่างไปไกลโข และแน่นอนว่า
จะต้องรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม

เขาเปิดดูคร่าวๆ กระดาษสามแผ่น...จากสามช่วงของความทรงจำ ชายหนุ่มย้อนกลับไปยังแผ่นแรกสุด

พวกนั้นคงจะหาสมุดมาให้เขาใช้ได้แต่แบบนี้ กระดาษแผ่นยาวขนาดฟุลสแก๊ป ตีเส้นบรรทัดจางๆ
ลงวันที่หลังจากถูกกักตัวอยู่ในสถานที่บ้าๆนี่เพียงสามวัน เขาเขียนมันเป็นภาษาอังกฤษตามถนัด
มีรูปวาดลายเส้นหวัดๆเป็นรูปผีเสื้อ เขียนกำกับเอาไว้ว่าวาเนสซ่า ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ ไล้นิ้วไปสัมผัส
ปีกบอบบางที่ทำท่าคล้ายกำลังกระพือไหวอยู่บนหน้ากระดาษ

“ดูเอาเถอะ ถึงจะบอกว่าไม่สนใจเธอ แต่เจ้าผีเสื้อตัวกวนนี่ก็เข้ามาบินร่อนไปร่อนมาในใจตั้งแต่วันแรกๆ
แล้วไม่ใช่หรือไง”

ตอนนั้นยังไม่มีการทารุณกรรมอะไรมาก อ่านดูที่ตัวเขาเองเขียนไว้ก็เข้าใจได้ว่ามีทั้งคลาสปฏิบัติ
และตอบคำถามที่เหมือนกับชั้นเรียน พอนึกทบทวนดู ความทรงจำในห้องเรียนก็ผุดขึ้นมาชัดเจนกว่าเคย

‘นี่เราเข้าร่วมการทดลองบ้านี่มาได้ยังไง... พวกนั้นบอกว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เชื่อสักนิดว่าจริง
แต่ไม่มีทางเลือก เพราะคฤหาสน์ถูกปิด แปลกนะ สมัยนี้คนเรายังทำแบบนี้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้อยู่อีก
ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้มันก็คงมีมาเสมอ เพียงแต่ไกลตัวจนคนเราไม่เคยจะจินตนาการถึงมันได้สมจริงเลย’

นั่นคือข้อความส่วนหนึ่งในหน้าแรก แต่ความทรงจำมากมายก็ทยอยผุดขึ้นมาเรียกรอยยิ้ม
ครามยังนึกออกอีกด้วยว่าเมื่อไม่มีใคร มีเพียงแต่เขาและเธอนั้น เขาชอบแหย่วนัสสายังไงบ้าง

‘ผมจำคุณได้นะ...’

‘ฉันก็จำคุณได้!’

สีหน้าคนตอบบ่งบอกว่าเธอรอให้เขายิ้มก่อน แล้วครามก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกไปหน่อยหนึ่ง
ตอนนั้นเขายังไม่ได้เรียกวนัสสาว่าเธอ ใช่แล้ว จนกระทั่งวันที่สนิทกัน แล้วเธอเองนั่นแหละขอให้เรียก

‘วันนั้นจู่ๆคุณก็หายไปจากห้องคาราโอเกะนี่วนัสสา เพื่อนคุณบอกว่าคุณขอตัวกลับไปก่อน’
เพราะคิดว่าเธอคงไม่มีเยื่อใย เขาเองก็เลยไม่พยายามง้องอน ลงจะมีไมตรีให้กันสักนิด
แวะมาบอกก่อนกลับก็ยังดี ถ้าเธอทำแบบนั้น เขาคงขอเบอร์ติดต่อไว้ แล้วเขากับวนัสสาก็คง
ได้รู้จักกันตั้งแต่หลายปีก่อนนั่นเลยเชียว แต่แล้วครามก็เพิ่งได้รู้เอาป่านนี้ว่าเพราะเรื่องพ่อเธอ
ที่ป่วยกะทันหันจนหญิงสาวไม่มีเวลาพะวงกับเรื่องอื่นใด แล้วก็เพราะเรื่องพ่ออีกเหมือนกัน
ที่ทำให้เธอวนเวียนมาพบเจอเขายังคฤหาสน์หลอนประสาทนี่

วันแรกๆ วนัสสาทำท่าไม่น่ารักใส่จนเขาอยากจะแกล้งกระตุกปลายผมม้วนเป็นหลอดนั่นสักทีสองที
ทว่าครามเป็นคนรักษาระยะห่างกับคนที่เขาไม่คุ้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็โจมตีเธอด้วยวาจา

‘นี่...น่าเสียดายนะ ถ้ารู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้นผมคงชวนคุณไปเดินแบบ’ ครามก้มลงมองหญิงสาว
ด้วยสายตาประเมิน ‘เตี้ยไปหน่อย แต่หน้าตุ๊กตุ่นหุ่นตุ๊กตาแบบนี้คงพอหางานได้ไม่ยาก’
ชายหนุ่มลูบคางอย่างใช้ความคิด

ตอนนั้นวนัสสาห่อปาก ก้มมองทรวดทรงองค์เอวตัวเองหัวจรดเท้าอย่างน่าขัน
ทำให้เขายิ่งอยากแหย่เธออีก

‘ทำไมล่ะครับ...กำลังกังวลว่าไม่มีในสิ่งที่ควรมีเหรอ’
ครามยิ้มให้หญิงสาวอย่างจงใจกวนอารมณ์ให้ถึงที่สุด
‘สำหรับนางแบบน่ะ หน้าอกหน้าใจไม่ใช่ปัญหาหรอก’
เขาเอ่ยก่อนจะยกมือทาบอกตัวเองประกอบคำพูดโดยไม่ละสายตาจากวนัสสา
‘ราบเรียบแบบนี้แหละ...ใช่เลย’ พูดจบชายหนุ่มยังแถมเลิกคิ้วกวนๆ

หญิงสาวเหมือนข่มความปรี๊ดลงไว้ในใจได้แบบเฉียบพลัน เลือกเชิดหน้าใส่เขา
ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานเย็นหยดย้อย
‘เอาตัวเองให้รอดจากการทดลองบ้าๆนี่ไปให้ได้ก่อนเถอะคุณ
อย่าเผลอให้ใครจับไปตอนซะละ’ วนัสสาปรายตามองก่อนจะเอ่ยต่อเสียงเย็น
‘แต่ถ้าความเป็นชายหายหด ก็อย่าหมดไฟที่จะมีชีวิตแล้วกัน!’

ฟังพูดเข้าสิ...ครามกระตุกมุมปากเหยียดๆใส่ผู้หญิงร้ายกาจ เขาว่าตัวเองก็ร้ายแล้ว
อีกฝ่ายดันเฮี้ยวยิ่งกว่า แต่แก้มก็ยังกลายเป็นสีชมพูเข้มอย่างน่ารักในสายตาเขา
ดวงตาวาววับเหมือนตุ๊กตาปิศาจ ดูช่างเข้ากับคฤหาสน์โบราณที่แสนจะร้ายกาจหลังนี้เสียนี่กระไร


กระดาษแผ่นที่สอง มีภาพวาดเล่นอยู่ในนั้นอีกแล้ว เป็นภาพด้านหลังของคนสองคนจับมือกันเอาไว้
เงยสูงขึ้นไปมองจันทราที่เห็นเป็นเสี้ยวอยู่กลางฟ้า ภาพไม่ได้ถ่ายทอดออกมาได้ถึงขนาดนั้นหรอก
แต่ภาพความทรงจำจากใจถึงคืนนั้นของเขาซ้อนทับขึ้นมาเติมแต่งอย่างแนบเนียน

ตอนนั้นทุกคนยังไม่ได้ถูกกดไว้ใต้ดินแบบนี้ เพราะการทดลองยังไม่ได้เลวร้ายลงจนถึงขีดสุด
แม้จะเป็นกึ่งๆถูกบีบบังคับ แต่พวกเขาก็ยังทนไหว ทุกคนคำนึงอยู่ตลอดว่าอยู่ที่นี่ต่อเพราะไม่มีทางเลือก
บางคนก็เพราะผลประโยชน์ บางคนก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์หากคิดหนี

ในช่วงเวลาของการทดลองครั้งก่อน เขากับวนัสสาเริ่มต้นด้วยการไว้ท่า พอมีโอกาสก็ขวางกันไปขวางกันมา
คำต่อว่าเมื่อลับหลังคนอื่นที่เธอเคยพูดใส่เขา ชายหนุ่มเริ่มจะระลึกถึงมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกที

‘คนบ้าอย่างคุณน่ะนะ สักแต่ว่ามีปากก็พูดจาขวางหูไปเรื่อย หน้าอกคัพบีแล้วมันหนักส่วนไหนของใครเหรอ’

‘เอ’ ครามขัดทะลุกลางปล้อง ‘...คัพเอ ไม่หนักส่วนไหนของใครหรอก ออกจะเบามากด้วยซ้ำไป’

‘เออ! เอครึ่ง...โอ๊ย จะเท่าไหร่มันก็เรื่องของฉัน จะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ไม่ว่าตัวฉันหรือสิ่งที่ฉันพอใจจะทำ’

หนักข้อเข้าเขาก็ยั่วให้เธอเข้ามาทุบ แล้วก็รวบตัวอีกฝ่ายไว้เสียเลย เรียกว่าคนเข้าถึงเนื้อถึงตัวก่อนก็เป็นเธอ
วนัสสาจะได้กล่าวหาว่าเขารังแกเอาไม่ได้

‘ร้ายน่าดูเหมือนกัน’ เขาพึมพำชิดหูอีกฝ่ายที่ดีดตัวหนีออกไป อายจนตัวแดงเหมือนกุ้งกันเลยทีเดียว

พอชักสนุกกับการยั่วแหย่มากเข้าเขาก็แกล้งเธอหนักข้อ ด้วยการสร้างร่างจำลองไปก่อกวนหญิงสาว
ในห้องส่วนตัวไม่ให้เป็นอันได้ทำอะไร เพราะต้องคอยระแวงว่าครามจะโผล่พรวดพราดเข้าไปตอนไหน
แต่ด้วยระดับพลังของเขาตอนนั้นชายหนุ่มเองก็ดูได้แต่ตา ทำอะไรเธอไม่ได้ อย่างมากก็แค่แตะเบาๆ

‘เสียมารยาทที่สุด พวกผีสิงห้องคนอื่น ไม่ยอมไปผุดไปเกิด’

ครามยิ้มยวนกับคำต่อว่า จะบอกไปได้หรือว่าที่มานี่บางทีก็เพราะสงสารหรอก
กลัวว่าจะมีใครเข้ามาทำอะไรเธอ เคยคิดว่าตนเองไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ เพราะรู้สึกว่า
มีบางอย่างของเธอรบกวนจิตใจเมื่ออยู่ใกล้ แต่ทำไมถึงห่วงใย จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจ
แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นไป

‘ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า ไม่มีร่างกายแบบนี้อย่างมากก็ได้แค่มอง’ ครามปักหลักทำท่าจะจ้องให้สาแก่ใจ
อย่างที่พูด เป็นมุกเด็ดที่ทำเอาวนัสสาแทบเต้นทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนเอะโวยวาย
แต่เพราะโต้ตอบเขาไม่ได้มากๆเข้าจึงหมดความอดทน มาด้วยร่างจิตแบบนี้
จะทำร้ายร่างกายก็ไม่ได้อีกต่างหาก

‘ออกไปนะ! คนโรคจิต’ หญิงสาวออกปากไล่

‘เฉยๆเถอะ เราควรจะเป็นมิตรต่อกันมากกว่านี้รู้รึเปล่า เริ่มจากสร้างความคุ้นเคย’
เขาเข้าไปหาเธอที่หันหลังให้ วางมือที่แทบจะไร้น้ำหนักลงบนไหล่บอบบางอย่างพยายามแกล้งจะกันเอง

‘นี่! อย่ามาโดนตัวฉันนะ’

‘ผมเป็นอากาศ จะเรียกว่าโดนตัวได้ยังไง อย่างมากก็เหมือนลมสัมผัส ที่มานี่เพราะจำเป็นหรอกนะ...
พวกนั้นกำลังทดลองเครื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ เลยต้องมาเฝ้าไว้ กลัวว่าจะเอามาใช้กับคุณ’

เขาพูดกับเรือนผมของวนัสสา เธอเริ่มสงบลงเมื่อรู้ความหมายแท้จริงของการที่เขามาเยือน

จากนั้นก็ยังมีอีกหลายครั้งที่ได้ผ่านอะไรมาด้วยกัน เขาส่งสายตาไปปลอบ บอกให้เธอเข้มแข็ง
แม้เธอจะเมินบ้างจะยอมรับมันไว้บ้าง แต่เวลาที่หญิงสาวเจ็บปวดครามก็ไม่เคยดูดาย
จนกระทั่งมีช่วงเวลาที่พวกนั้นปล่อยให้ทั้งหมดได้ผ่อนคลาย ครามจึงได้มีโอกาสอยู่กับเธอ
ลำพังในคืนจันทร์อันหม่นสลัว ในช่วงของความทรงจำที่หลงลืมไปนั้น เขาได้สารภาพกับวนัสสา
ว่าเป็นเขาเองที่เต้นรำกับเธอในงานเลี้ยงสวมหน้ากาก

ชายหนุ่มอ่านบันทึกที่ถูกฉีกมาให้ถึงตรงนั้นก็สะดุด...ความรู้สึกถ่ายทอนพ้นจากหน้ากระดาษ
ขึ้นมาวูบหนึ่ง ตอนนั้นเขาบอกเธอไปแล้ว แต่พอมาช่วงเวลาปัจจุบันนี่สิ ตั้งแต่กลับมาพบกันที่
คฤหาสน์ครั้งหลัง อาจเพราะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากเพียงพอเท่าที่ต้องการ เขายังไม่มีโอกาส
เอ่ยถึงคืนที่เต้นรำกับเธอเลย

“ผมจะต้องบอกความจริงกับเธออีกครั้ง ว่าเคยมีคืนของเราสองคน ใช่ไหมวนัส...”
ครามรำพึงก่อนจะก้มลงมองกระดาษในมือต่อ

ยังจำได้ถึงวันที่ได้เปิดใจกันมากขึ้น ตั้งแต่เขาเสี่ยงไปช่วยเธอออกมาจากห้องมืดและหนาวเย็น
ซึ่งหญิงสาวถูกขังไว้ลำพัง ไม่ได้กินดื่มเป็นหลายวัน ...ครามแหกข้อห้ามนับสิบ ใช้เล่ห์กล
เริ่มจากแกล้งป่วย ทำร้ายหมอพยาบาล สวมรอยไปแทนคนคุมซึ่งทำหน้าที่ราวกับผู้สอดส่องดูแลนักโทษ
จนได้พบเธอและช่วยเธอออกมา แปลกที่คนพวกนั้นยอมรามือในกรณีนี้ คงเพราะมีคนเลือกพนันข้าง
ความรักอยู่สักคนกระมัง

ครามยิ้มเมื่อมองคำว่า มูนแด๊นซ์ บนกระดาษ นอกจากแสงจันทร์ บนดาดฟ้าคืนนั้นยังมีลมพัดแรง
พาเอาหัวใจปลิวไหว

‘แปลกนะคะ ความทรงจำของเราดูเหมือนจะมีแต่คืนที่ได้เต้นด้วยกัน ทั้งครั้งแรกที่ห้องคาราโอเกะนั่น
เป็นคืนที่สนุกแล้วก็ประทับใจฉันมากเลย’ วนัสสาบอกกับเขาพลางยิ้มพราย

‘รวมกับวันงานหน้ากากนั่นก็เป็นสองครั้งแล้ว งั้นผมกับคุณ เรามาทำให้มีครั้งที่สามกันไหม...’
ครามกระซิบชวนแผ่วเบา ต้องใช้ความพยายามกว่าจะละความเก้อเขินลงได้

‘ไม่มีเพลงสักหน่อย จะเต้นยังไง’ ดูน่ารักเมื่อกลับเป็นวนัสสาพูดอายๆขึ้นมาแทน

เขาไม่ได้หยุดรีรอ เพียงแค่ฉุดอีกฝ่ายขึ้นจากที่เธอกำลังแกล้งหันหนีไปอีกทาง
ชายหนุ่มฮัมเพลงออกมาเป็นท่วงทำนองแทนโน้ตดนตรี บางท่อนที่นึกครึ้มใจก็ร้องแทรกเสียด้วย

‘คุณนี่ก็กล้าแสดงออกกว่าหน้าตานะคะเนี่ย ไม่เห็นจะเขินสักทีเลยเวลาทำอะไรแบบนี้’

‘ถ้าทำให้คนบางคนประทับใจ มากกว่านี้ผมก็กล้า...’ ครามยิ้มให้เธออย่างมีความหมาย
ฮัมเพลงต่อขณะประคองเธอลอยล่องไปกับท่วงทำนองแห่งดนตรี

‘เรียกชื่อฉันได้ไหม หรือไม่งั้นก็เรียกว่าเธอ ไม่เอาคุณ ฉันไม่ชอบให้คน เอ้อ...สนิทกัน
เรียกแบบนั้นน่ะ’ วนัสสากระซิบเรียกร้อง... ดูเธอไม่ใช่พวกชอบตามใจใคร
แต่อยากจะอ้อนให้คนอื่นตามใจนี่เอง แม้ปากจะไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
แต่หัวใจของเขายอมคล้อยตามตั้งแต่แรกแล้ว ก็อยากจะเป็นคนสนิทยิ่งกว่าใครนี่นะ
...ครามขำตัวเองไม่น้อยที่เขาคงจำฝังใจตั้งแต่นั้น จนถึงตอนลืมเรื่องระหว่างกันไปแล้ว
ก็ยังหลุดเรียกเธอด้วยความคุ้นชินของหัวใจ

And all the night's magic seems to whisper and hush
And all the soft moonlight seems to shine in your blush
เวทมนตร์แห่งค่ำคืนนั้น เป็นเสมือนเสียงกระซิบอันเงียบงัน
กับภาพฝันของแสงจันทร์บนแก้มนวล

ข้อความกำกับเคียงภาพวาดของเขาเอง เนื้อเพลงซึ่งแปลเป็นภาษาไทยเสร็จสรรพ
...ชายหนุ่มชักเอะใจ ในกระดาษแผ่นที่สองนี้ตนเริ่มเขียนเป็นตัวอักษรภาษาไทยลงไปมากขึ้น
คล้ายว่าวนัสสาดึงความทรงจำอันอบอุ่นจากวัยเด็กให้กระจ่างขึ้นมา ช่วงเวลาที่แม้จะลำบากกาย
ทรมานจากสภาพแวดล้อมบีบคั้น แต่ในใจเขายังอบอุ่นเมื่อมีใครบางคนเคียงข้าง

แผ่นที่สาม ตัวหนังสือกดหนัก บ่งบอกถึงความโกรธและกดดันกรีดลึกลงไปในความรู้สึก
ชวนให้ยิ่งนึกถึงความทรงจำแสนเจ็บปวด ที่ทำให้เขาสะบักสะบอมไปทั้งตัวตอนที่ฟื้น
ดีว่าวนัสสาไม่โดนเรื่องความเจ็บปวดทางกายมากนัก ราวกับจะมีใครบางคนขอร้องไว้

‘เบ็น! ถ้าคุณจะมัดผมไว้แบบนี้ก็ไม่ต้องให้ใส่เสื้อผ้าเลยเถอะ’
เขาประชดหมอซึ่งมีหน้าที่เข้ามาดูแลไปจนถึงทำทารุณกับตนเอง

‘ถ้าต้องการละก็ ผมจัดให้ได้นะคุณคราม แต่เกรงว่าคุณจะหนาว เดี๋ยวป่วยไปจริงๆจะแย่
ทำการทดลองต่อไม่สะดวก’

เกือบทุกครั้ง หมอชื่อเบ็นจะเข้ามาพร้อมนาเดีย หรือไม่ก็เป็นไอ้เด็กผู้ช่วยที่ชื่อเอเดน
อีกฝ่ายมีรอยยิ้มน่าขยะแขยงมาฝากทุกครั้ง เมื่อเห็นเขาทรมานเด็กหนุ่มดูเหมือนจะยิ่งยินดี

ในหน้ากระดาษนั้นเขียนบอกเอาไว้ เขากำลังทนความทรมานกดดันทั้งกายไม่ไหว และจะไม่ทนอีกต่อไป

‘แม้แต่คนที่เคยไว้ใจก็กลับทำร้ายเรา’
ข้อความนั้น เขาต้องการจะพูดถึงใคร! ทำไมนึกไม่ออก หรือว่าไม่อยากจะนึกกันแน่

ครามถอนใจ รู้สึกดีขึ้นบ้างเมื่อด้านหลังของกระดาษยังมีภาพชุดที่วนัสสาเคยไปเดินแบบให้เขา
ถูกวาดไว้เล่นๆคล้ายผ่อนคลายอารมณ์ กับใบหน้าผู้หญิงลายเส้นหวัดๆตามประสาดีไซเนอร์
ที่ไม่ได้เรียนวาดมาโดยตรงอย่างเขาถ่ายทอดใบหน้าเธอออกมาได้เหมือนไม่เลวเลย วนัสสาแน่ๆ
เป็นใครไปไม่ได้อีกแล้วยิ่งเมื่อมีจุดขี้แมลงวันตรงหางตาซ้าย

ชุดที่เธอสวมคือโปรเจ็กต์ที่ครามออกแบบไว้เรียบร้อยนานแล้ว เดรสโปร่งบางตัวพิเศษ
แสนซับซ้อนในคอนเซปต์ แอร์ หรืออากาศ งานโดยรวมถือว่าสมบูรณ์แล้ว ชนิดที่เรียกว่า
ต่อให้เขาตายไปก็ไม่ต้องหาคนอื่นมาดูแลแทนทีมงานที่เหลือก็จะสามารถสานต่อไปจนถึง
วันเดินแบบได้เอง เขาหายตัวนานขนาดนั้น ไม่แน่เพื่อนร่วมงานอาจคิดว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ
แต่เมื่อครามกลับไปทุกคนก็ยินดีอย่างยิ่ง แล้วเขาก็ได้พาวนัสสาไปเดินแบบในชุดฟินาเล่ชุดนั้นจริงๆ

ไม่ว่าจะให้ตัดสินใจกี่ครั้ง เขาก็ยังคิดว่าชุดนี้เหมาะกับเธอที่สุด เหมือนกับที่ไม่ว่าจะลืมเลือนรักไปสักกี่ที
เขาก็ยังจะวนเวียนกลับมารักเพียงเธอ

ความรู้สึกที่พลุ่งแรงขึ้นมาหลังจากพิจารณากระดาษบันทึกนั้นทำให้ชายหนุ่มตาเป็นประกายวาบขึ้น
เขาจะไม่ยอมให้ชีวิตต้องแพ้กับคนเลวๆพวกนี้อีกต่อไป...

ทั้งเพื่อตัวเอง และเพื่อเธอที่เขารัก เขาจะสู้เพื่อเธอ!




เสียงสัญญาณเตือนในห้องควบคุมดังขึ้น เรียกความสนใจของศศิราศีและดร.กฤษณะ
ให้หันไปในเวลาเดียวกัน

“ดูเหมือนว่าเหยื่อทดลองตัวที่คุณเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรพิเศษจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะคุณราศี
ครามสร้างร่างจิตขึ้นมาเปิดประตูให้ตัวเองหนีได้เป็นหนที่สองแล้ว แถมเป็นห้องที่มีกระแสไฟ
รบกวนการสร้างร่างของเขาจากที่เราเคยทดลอง เมื่อก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมหรือเอาชนะสิ่งที่
เคยแพ้ได้ ความสามารถก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว” คนเป็นสามีเอ่ยยิ้มย่อง

“ตัวโปรดของคุณน่ะสิคะ ถึงได้ยกยอกันขนาดนี้” ศศิราศีทิ้งนิตยสารในมือลงอย่างละเหี่ยใจ
ไม่ได้เบื่อเนื้อหาของมัน แต่เบื่อสามีมากกว่า

“ก็ผมว่าพลังของครามน่าสนใจกว่าคนอื่น สร้างร่างจำลอง ดูน่าตื่นใจออก! คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ”

“ไม่ค่ะ พลังในการบังคับใจคนแบบของนวาระสิแน่นอนกว่า ใช้งานได้จริง
ว่าแต่นี่เราจะนั่งดูกันเฉยๆอีกนานไหมคะ ควรจะต้องมีการลงโทษ หรือว่ายังไงดี”

“แต่เขาหนีออกไปได้นี่นับว่าเกินความคาดหมายยิ่งกว่าคราวก่อน... ไม่เสียแรงที่โตมาข้างถนน”

ทว่าสิ่งที่ดร.กฤษณะทำกลับยิ่งเพิ่มความฉงนระคนขัดเคืองให้กับสตรีผู้ได้ชื่อว่าเป็นคู่ชีวิต
ศศิราศีนิ่วหน้าเมื่อนักวิทยาศาสตร์กลางคนกรอกคำสั่งลงในวิทยุถึงผู้คุมที่กำลังจะไปจัดการกับคราม

“ฝ่ายควบคุมด่านแรก ปล่อยครามออกไป ไม่ต้องแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างนอก...
ดูซิ ว่าเหยื่อของเราจะทำอะไร”

ต่อเมื่อคนเป็นสามียุติการสื่อสารลง ศศิราศีจึงเริ่มอ่านหนังสือต่อโดยหัวคิ้วยังขมวดมุ่นไม่คลาย

“ทำไมคุณทำแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจเลย”

ถึงไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องปล่อย ดูเผินๆเหมือนเธอจะควบคุมสามีไว้ได้ เห็นแบบนี้ก็จริงแต่คนอย่าง
ดร.กฤษณะ สรภพตั้งใจจะทำอะไรแล้วเขาก็ไปของเขาเรื่อยๆ เท่าที่รู้ยังไม่เคยมีอะไรมาหยุดยั้งได้เลย



-----------
ใครเล่นเกมชิงหนังสือไว้ที่เฟซบุคอสิตา อย่าลืมเข้าไปดูผลรางวัลวันนี้นะคะ ตอนสายๆ
ถ้าไม่ได้ก็อย่าโกรธเกลียดคนเขียน หรือแช่งชักโชคชะตาไปเลยค่ะ
(ตัวเราเองก็เล่นเกมอะไรไม่เห็นจะเคยได้เหมือนกัน - -* เอิ่มมมม)
แต่ยังไงก็อยากกราบกรานคลานเข่า ก้นงอนดุ๊กดิ๊กๆ ให้ช่วยกันซื้อเงารักสีน้ำเงินเยอะๆ ...
เพื่อที่คนเขียนผู้พยายามอย่างบ้าคลั่งคนนี้จะได้มีพื้นที่ทำกินในวงการวรรณกรรมต่อไป พลีส เซฟมี! พลีสสสส สาธุ ^0^/




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2556, 05:52:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2556, 05:52:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1755





<< ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" ...เล่นเกมชิงนิยายเรื่องนี้ในเฟซบุ๊ค วันสดท้าย!   ความทรงจำซ้อนทับ "เงารักใต้แสงจันทร์" (...ใกล้แล้วๆๆ) >>
อสิตา 2 ต.ค. 2556, 05:55:02 น.
ภาวิน – ปันใจให้นวาระอีกแล้ว ไม่เป็นไรนะ สำหรับคนนี้ยังมีเวลาให้เชียร์อีกเยอะเลย
คุณผักชีเฉาๆ – ครามออกมาแล้วค่ะ พอใจรึยางงงงงงงงงงงง แหม อย่าทำกะพ่อดอกกุหลาบนะคะ ต้องวิกซอลบลูด้วย สีสันเข้ากันพอดีจริงๆ
คุณรี – อุ๊ยยย ต้องเป็นคนตั้งใจอ่านนะคะเนี่ยถึงจะเดาเรื่องนี้ถูก เพราะไม่ได้อ่านแบบเล่มแล้วมันจับสังเกตลำบาก ส่วนใหญ่จะหลงๆลืมๆกันไป ขอปรบมือให้ค่ะ
คุณketza – จะตามใครมาอ่านก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่ามีวาสนาได้เจอกันแล้วก็ขอให้ร้ากกันตลอดไป ทำตาหวานวับวาวระยิบระยับ งุบงับๆ
คุณโกลเด้นซัน พระอาทิตย์สีทองผ่องนภา – หมอริชเนี่ย น่าเอ็นดูจะตายไป จริงๆนะคะ(เมื่อไหร่จะเลิกทำให้คนอ่านระแวงซะที! ก็เพราะหล่อนพูดแบบนี้นะอสิ คนเขาถึงได้ระแวง) นอกจากหนุ่มนิวแล้วยังมีอีกคนที่นามสกุลเวชกุล เคยเขียนบอกไว้ตอนต้นๆ แต่ท่าทางคนอ่านจะลืมไปแล้ว ถ้าอ่านแบบรวมเล่มก็จะรู้เองค่ะ เรื่องนี้ยังมีเบื้องหลังอีก


อสิตา 2 ต.ค. 2556, 05:55:59 น.
คุณสุขุมวิท66 – เป็นเภสัชกรเหรอคะ แอบดูรูป...ได้กลิ่นยาเลย แบบนี้ก็เข้าพวกกับหมอริชได้สิเนี่ย สายอาชีพใกล้เคียงกัน
คุณบาร์บี้ – ใครไม่รักนวาระแต่คนเขียนรักนะ เพราะงั้นต่อไปพ่อหนุ่มกุหลาบของเราต้องได้ดีแน่นอน
หนอนน้อยดังปัณณ์ – ป่วยเรื่อยเลยนา ดอกกุหลาบมีหนามแหลมและร้ายมากนะ ระวังๆๆๆ ใจจะถูกเกี่ยวไม่รู้ตัว หนอนนี่แยกเขี้ยวได้ด้วย กัดได้ด้วย น่ากลัวไปละ... แถมยังจะมาทำครามคุงตายเพราะไฟดูดอีก แบบนี้หรือที่เรียกว่ารัก
คุณพี่พันแตงที่รัก – หุหุ ครามต้องทวงบทคืนเยอะๆ เป็นการชดเชย เอิงเงยยยย ตอนนี้-ตอนหน้า สะใจแน่นอน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – อย่าเอาปิกาจูมาค่ะ เดี๋ยวพี่ครามใช้ปิกาจูคลายเหงา ปล่อยให้เหงามากๆดีแล้ว พี่แกจะได้พยายามออกไปด้วยตัวเองง่ะ ทำมายต้องคิดว่าคนเขียนจะเอาพี่ครามมาทรมานง่า อาจจะส่งพี่ครามขึ้นสวรรค์ก็ได้นา ใครจะรู้ กรู้ววว

คุณเฟอร์ คนสวยก้นหยุ่น – นางไม่ได้ทำโบท็อกซ์หนา แค่ใช้สารสกัดเสริมความงามเยอะๆแค่น้านเอง เกี่ยวยังไงกับนวาระเหรอ มะม้าก็บอกไว้ตลอดเรื่องละ เฟอร์ไม่ตั้งใจอ่าน แย่ๆๆ คนอื่นเค้ารู้กันตั้งหลายคนแระ ชิๆๆ
คุณแพทแมว – พลังแห่งรักกกกก มันมีพลังงงงงงงง ครามบอกว่าออกจากห้องคงไม่ยาก แต่จะออกจากเกมนี้ยังไงนี่สิ มันยากมาก คนเขียนคิดจนสมองแทบแตกกว่าจะคลายปมได้หมดแต่รับรองเคลียร์! ถ้าอ่านจนจบอะนะคะ เหอๆ


lovemuay 2 ต.ค. 2556, 06:56:50 น.
ออกไปหานางเอกรึป่าวนะ อิอิ
ว่าแต่เมื่อไหร่จะจัดการพวกนี้ได้สักทีเนี่ย ทำเหมือนคนอื่นเค้าไม่ใช่คน ลองตัวเองถูกจับมาเป็นสัตว์ทดลองมั้งสิ แล้วจะรู้สึกยังไง


ใบบัวน่ารัก 2 ต.ค. 2556, 06:57:52 น.
ก็ชอบนะ
แต่อ่านๆๆๆไปเครียสจัง


ดังปัณณ์ 2 ต.ค. 2556, 08:55:12 น.
แง่ะ เหนแหมะล่ะ ครามคุงของอิชั้น สุดท้ายก็เอาชนะไฟได้ ฮ่าๆๆ ถึงจะไม่ได้เอามือเปียกน้ำจิ้มๆก็เหอะ นั่นไหมล่ะ ใครอ่ะ คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด ง้องแง้งต่อไป คุณแป้งจะเลี้ยงไข้เค้าถึงเมื่อไหร่เนี่ย กระซิกๆๆๆ

แต่กฤษณะนี่ โรคจิตจริงๆ เวชกุลนี่ จิตม๊ากมากนะเออ หุย...ร้ายกาจฝุดๆ


ภาวิน 2 ต.ค. 2556, 09:11:24 น.
แวะมาให้กำลังใจผีเสื้อที่ยังบินอยู่ ตอนนี้พ่อครามออกมาแย่งซีนวาดลวดลายหลายอย่างเชียว ตกลงว่าหน้าอกคัพอะไรกันแน่ บี เอ หรือเอครึ่ง


Barby 2 ต.ค. 2556, 09:12:37 น.
สู้ๆนะครามถึงเขาจะรักนวาระมากกว่าเขาก้อเชียร์เธอเหมือนกันนะ


ketza 2 ต.ค. 2556, 09:27:40 น.
เฉลยเกมส์แว้ว ด้วยความปักใจรักพี่ครามสุดหัวใจ (อิอิ) ข้าพเจ้าเลยตอบผิดไปตามระเบียบ กร๊ากกกก (แอบร้องไ้ห้ดีก่า กระซิกๆๆ)


Sukhumvit66 2 ต.ค. 2556, 11:00:47 น.
ภาวนาให้ครามเป็นพระเอก รักครามมากมาย


ree 2 ต.ค. 2556, 11:58:12 น.
สุดท้ายจะพัฒนาจนสามารถเอาทั้งร่างจริงออกไปได้มั้ยนะ ถ้าทิ้งร่างจริงไว้ก็เป็นอันตรายอยู่ดี


goldensun 2 ต.ค. 2556, 12:19:59 น.
ดูแล้ว หัวใจไม่โดนหลอก วนัสกับคราม รักแล้ว ต่อให้ลืมกันไป กลับมาเจอ ก็รักกันใหม่อยู่ดี
แถมด้วยความเป็นห่วงวนัส ทำให้ครามพัฒนาพลังจิตได้ไวซะด้วย
หนุ่มเวชกุลอีกคน หมอริชใช่มั้ยคะ


Zephyr 2 ต.ค. 2556, 17:38:28 น.
อืม พลังทุกคนน่าสนใจหมดเลยนะเนี่ย
ถ้าเอามารวมกันไว้ในคนๆนึงจะเป็นไงนะ
จะดีสุดขั้วเลย รึว่าจะแย่สุดๆกัน
สองคนนี้รักกันมานานแน่ๆ ยังไงก็เป็นคู่กันละนะ ครามกับวนัสสา
ป้าโบทอกซ์ ก็ยังขี้โกง
หมั่นไส้นางจริงๆ


อสิตา 2 ต.ค. 2556, 17:47:29 น.
โน้วววว เวชกุลอีกคนเป็นผู้หญิงนะคะ


พันธุ์แตงกวา 2 ต.ค. 2556, 18:11:18 น.
รอลุ้นพ่อครามตอนหน้า เอาให้เด็ดดวงเลยนะพ่อ.แสยะยายศศิราศรี แต่ไหงน่าปกเป็นรูปดอกกุหลาบล่ะท่านอสิ


Chii 2 ต.ค. 2556, 21:01:22 น.
พี่ครามของเค้าาาาา

//เอาวิกซอลบลูราดดอกกุหลาบอีกรอบ ให้ตายชัวร์ ๆ
//เลือกวิกซอลสีบลูด้วยความตั้งใจค่ะอสิ


เรือใบ 3 ต.ค. 2556, 07:46:03 น.
แอบมาอมยิ้มกับคราม เกือบโดนคนอื่นแย่งบทเด่นหมดละ 555 ชะแว๊บไปแล้วนะคะ ช่วงนี้ชีวิตยุ่งเหยิงสุดๆไปเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account