เงารักสีน้ำเงิน {นวนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" สนพ.อรุณ}
วนัสสาตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของเธอหายไปถึงสองเดือน...
แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือรอยสักรูปผีเสื้อตรงกลางหลัง กับกระดาษแผ่นเดียวในมือเป็นเบาะแส
เธอคือผีเสื้อ แต่ใครกันคือดอกไม้ของเธอ...คือคนรักที่เธอหลงลืมไป
จะเป็นนวาระผู้มีรอยสักรูปดอกกุหลาบ
เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินอย่างวาริช
หรือใครบางคนที่มีชื่อเป็นความหมายของสีสัน อย่างคราม...
Tags: วนัสสา ความลับของผีเสื้อ วาริช อินดิโก้ คราม นวาระ การทดลอง พลังจิต

ตอน: ความทรงจำที่ ๑๑ ไพ่พลิกชะตา [เล่นเกม ชิงนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ" 2วันสุดท้าย!!! รายละเอียดในเฟซบุคอสิตา]

วาริชรู้สึกเบื่อชีวิตค่อนข้างมาก หลังเสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน พวกเขาไม่พบทางออกจากตึก
ที่พักของคนทำงาน แต่ที่สุดก็ค้นพบทางลงใต้ดินอยู่ใต้ตึกนั้นเอง กว่าจะเจอก็เล่นเอาเหงื่อตก

คงไม่มีใครใช้เส้นทางนั้นมานานแล้ว ทางเข้าซุกซ่อนอยู่ในห้องเก็บของที่รกน่าดูชม
ทั้งสามคนลงไปตามช่องทางแคบๆ ลงความเห็นกันว่านี่มันรังมดชัดๆ ที่น่าตลกก็คือ
มีลูกกรงหล่นลงมากั้นพวกเขาซึ่งกำลังเดินตามกันไปบนทางเดินนั้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกจนได้

“โว้ย! เอาอีกแล้ว แบบนี้เราก็ต้องฉายเดี่ยวตามเคย เสียเปรียบนะที่ไม่ได้จูงมือเดินเป็นคู่
เหมือนชาวบ้านแถวนี้...เอาวะ ตายเป็นตาย!” วาริชโวยวายโกรธๆ ตัดสินใจเดินจากไป
ในทางมืดๆอย่างงอนๆ โดยไม่ยอมหันไปมองวนัสสาที่กำลังร้องมาอย่างห่วงใย

“หมอริช! ระวังตัวนะคะ”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอก ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ แต่คงไม่เป็นไรมั้ง มีคู่หูคนใหม่มาแทนผมแล้วนี่”

เมื่อคืนเขายังอุตส่าห์ดีใจที่สถานการณ์ทำให้ได้มาใกล้ชิดกับวนัสสา ทว่าหลังจากนอนหน้าเมื่อย
ดมที่คั่นหนังสือดอกไม้ไร้สาระอยู่ทั้งคืน สิ่งเดียวที่มันให้เขาก็คือการที่วาริชเองฝันถึงหมาตัวเก่า...
เจ้าบ๊อบบี้นั่นแหละ
แต่คราวนี้เป็นตอนเขาดันทะเล่อทะล่าไปเหยียบหางมันเข้า แล้วเจ้าหมาหน้าโง่ก็แว้งมาแง่บเข้าให้
ที่หน้าแข้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ดีว่าไม่งับเข้าตรงเป้าหมายสำคัญเพราะเขากำลังย่อตัวลงไปหามันพอดิบพอดี
วาริชเอ็ดตะโรลั่น ทำเอาเจ้าหมาตัวดีวิ่งร้องหงิงๆหางจุกก้นสำนึกผิดหนีไป ส่วนเขาน่ะเหรอ...ขาถลอก
ขนหน้าแข้งร่วงกันไปเลยทีเดียว เป็นฝันถึงอดีตซึ่งชวนสมเพชไม่น้อยหน้าความจริงที่ตื่นมาเจอในวันนี้


ที่สุดทางนั้นมีห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของเขา วาริชเปิดผลัวะเข้าไปอย่างไม่อยากอินังขังขอบอะไรอีก
ตอนนี้เขารู้สึกเซ็งจนเหมือนอย่างที่เพิ่งประกาศกร้าวออกไปว่าตายเป็นตาย

ทว่าในห้องนั้นเอง ดาหวันที่กำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวหันขวับมาก่อนจะร้องวี๊ดลั่น
ก่อนวิ่งพรวดไปหลบหลังมุมบังของตู้เสื้อผ้า
“คุณริช! คุณมายังไงเนี่ย ประตูมันล็อกอยู่ไม่ใช่เหรอไง”

“คุณออกไปไม่ได้ แต่คนนอกเข้ามาได้ตลอดเวลาต่างหากล่ะ” ทันทีที่พูดจบ
ประตูซึ่งเจ้าของร่างสูงใหญ่เปิดทิ้งไว้ก็ปิดฉับลง ขังเขาไว้ในห้องรวมกับดาหวันทันที!

ชายหนุ่มหรี่ตา รู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังเอาเนื้อสันชิ้นงามๆมาเกี่ยวเบ็ดแกว่งล่อหลอก
ตรงหน้าหมาหิวโซอย่างเขา เป็นวินาทีเดียวกับที่เกิดแน่ใจขึ้นมาเต็มร้อย คนพวกนั้นตัดสินใจ
จับคู่วนัสสากับครามแล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเขามัวนอนดมดอกไม้ไล่จับผีเสื้ออยู่ในความฝันแสนสวย
จนถูกหมาตัวเองงับขาแล้วตกใจตื่นขึ้นมา

“คนยิ่งเครียดๆอยู่ เดี๋ยวพ่อก็ปล้ำจริงๆเสียหรอก” ชายหนุ่มคำรามเบาๆกับตัวเอง

“คุณว่าอะไรนะ ดาไม่ได้ยิน” ดาหวันยังถามไปอย่างใสๆซื่อๆปนเขิน ต่างจากยามปกติ
ที่ทำตัวแข็งๆจนคนฟังส่ายหน้า

“รีบนุ่งผ้าเถอะแม่คุณ ก่อนจะเจอการทดลองบทพิเศษ!”

วาริชดุแล้วก็เร่งหันหลัง ทิ้งร่างใหญ่เป็นยักษ์ลงบนเตียงที่ว่างอยู่อย่างงอนๆ ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ว่าดาหวันจะมีสีหน้างงงันเพียงไรอยู่เบื้องหลังตน



ครามคงเอาตัวเองผูกติดกับวนัสสาไปแล้วถ้าทำได้ วันนี้ทั้งคู่ไม่ได้พูดจากันมาก
เพราะหญิงสาวดูจะเขินเขาอยู่ตลอดเวลาไม่เหมือนอย่างเคย ชายหนุ่มแสดงความใส่ใจ
ทั้งทางกายและทางความรู้สึกเท่าที่เขาพอจะทำได้ เมื่อเดินไปด้วยกันตามทางขึ้นๆลงๆแคบสลัว
เหมือนทางมดเดิน ชายหนุ่มและหญิงสาวไปด้วยกันตามทางที่ถูกกั้นไว้ มีทางเลือกไม่มากนัก
ก่อนที่ลูกกรงอีกหลายอันจะปิดตามหลังมา บอกให้รู้ว่าเมื่อเลือกแล้วจะไม่มีสิทธิ์ย้อนหลังกลับไป
และนั่นอาจเป็นเหตุให้ฝีเท้าของคนที่เดินเคียงกันค่อยๆช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ

“เธอคิดเหมือนกันไหม ว่าชักไม่อยากไปถึงจุดหมายหรือว่าไปต่อซะแล้ว เพราะไม่รู้ว่า
ปลายทางจะยังได้อยู่ด้วยกันอีกรึเปล่า” ครามพูดคล้ายเย้าเล่น แต่เขาเองก็รู้ว่าไม่มีที่ยืน
อยู่ตรงกลางทางสำหรับพวกเขาทั้งสองคน มีแต่จะต้องกัดฟันลุยต่อไป

“เราหนีจากมันไปไม่ได้จนกว่าจะเป็นอิสระ หรือการทดลองนี้จบลง”
วนัสสาหยุดเดินเอาดื้อๆ ทำเสียงคล้ายจะร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ร้อง

ครามดึงร่างบางมากอดแน่น ลูบหลังลูบไหล่ปลอบประโลมอยู่ในที ก่อนกระซิบเบาแสนเบา
“หรือไม่ก็จนกว่าการทดลองนี้จะถูกทำลาย มดที่เดินอยู่ในท่อ มันไม่มีอำนาจพอที่จะทำลาย
ทางเดินของมันแล้วแหกออกไปได้ แต่เราเป็นคนที่ต่างออกไป และถ้าร่วมแรงกัน มันอาจได้ผล”

เขาพูดถูก แต่ถึงเธอเห็นด้วยแค่ไหน รักครามแค่ไหน ไม่ว่ายังไงเรื่องพ่อก็ยังเป็นอันดับแรก
ที่วนัสสาห่วง ไหนจะเฟย์อีกคน และตอนนี้ถ้าคนพวกนั้นเอาคนที่เธอรักมาต่อรองอีกครั้ง
วนัสสาจะเลือกทางของเธอตามใจชอบได้ยังไง

สุดปลายทางนั้นเป็นห้องของวนัสสาที่ชั้นใต้ดิน ทั้งคู่พูดคุยปรึกษากันนิดๆหน่อยๆ
ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเมื่อถึงเวลานอนก็เข้านอนพร้อมกัน รู้สึกเครียดและเฝ้ารอคอย
สิ่งที่จะเกิดยิ่งกว่าเดิม เมื่อความสัมพันธ์เป็นไปเป็นอย่างจริงจังถึงขั้นนี้ ก็ยิ่งกลัวจะสูญเสีย
ความคิดที่ว่าบนระเบียงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดก็เป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ และคนพวกนั้น
ก็คงได้รู้แล้วว่าทั้งคู่กลายเป็นคนสำคัญสำหรับกันและกันขนาดไหน

ครามลูบผมของวนัสสาเบามือ ใจหนึ่งในความตึงเครียดนั้นเขาก็ยังอยากกอดเธออีก
แต่ดูหญิงสาวจะเหนื่อยล้าเกินไป คงเป็นเพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน เห็นแบบนั้นแล้ว
ความสงสารก็มีมากจนเขายั้งใจไว้ไม่ล่วงเกินเธอ ครามโตมาในอเมริกา ความสัมพันธ์รูปแบบนี้
เป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับวนัสสา เธอเป็นคนพิเศษเพียงคนเดียว เขาจะต้องรอดออกไปจากที่นี่
และจะใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดกับเธอ ...กับพลังพิเศษที่เพิ่มขึ้นเมื่อตอนหนีออกจากห้องคุมขัง
ซึ่งมีกระแสไฟฟ้าคราวก่อน

แอสตรัลโปรเจคชั่น กายทิพย์...พลังเริ่มแรกของเขา
เมื่อจับต้องอะไรได้มากขึ้น ตัวตนชัดเจนขึ้น ก็เรียกว่ามันค่อยๆพัฒนาไปเป็น ไบ-โลเคชั่น
ร่างจำลองที่สมจริงขึ้นเรื่อยๆ ครามคิดว่าสิ่งนี้อาจช่วยได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องทำให้สำเร็จ
พวกเขาจะต้องรอดออกไป เพราะเขาเองไม่ใช่ตัวคนเดียวที่จะตายเมื่อไหร่ก็ได้อีกแล้ว

“คราม...”

เสียงเรียกของคนในอ้อมแขนทำให้ห้วงความคิดของชายหนุ่มชะงักลง
“หืม...”

“คุณกลับมาไทยเพราะเรื่องแม่ แล้วตอนนี้คุณคิดหรือเปล่า
ว่าแม่อาจจะยังมีชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนี้”

“แม่ผมไม่ใช่คนมีพลังพิเศษอะไร มาคิดๆดูแล้วแม่อาจฆ่าตัวตายจริงก็ได้ แต่เพราะถูกกดดัน
ไม่ใช่เพราะเต็มใจจะทำอย่างนั้น อาจเป็นเรื่องที่เทวัญอยากให้แม่มีลูก ทั้งที่อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว
ถูกฝืนทั้งกายและใจจนทนไม่ไหว ก็แค่เดาเอาจากแนวโน้ม แม่ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้หรอก พูดตรงๆ
ผมไม่รู้สึกว่าแม่จะยังมีชีวิตอยู่เลย แต่ที่ผมต้องเข้าร่วมการทดลองนี่ทั้งคราวก่อนแล้วก็คราวนี้
เพราะสถานการณ์พาไปเท่านั้น พอเริ่มจำได้ว่ามีเรื่องแย่ๆขนาดไหนเกิดขึ้น พอรู้ว่ามีคนตาย
ก็อยากพ้นๆไปเสียที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ความลับในเวชกุลอยู่ส่วนหนึ่ง แล้ววนัส
ตอนนี้คิดยังไงล่ะ เรื่องพ่อทำให้เธอมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ...” ชายหนุ่มจุมพิตเบาๆตรงหน้าผากคนรัก

“ฉันเชื่ออยู่ตลอด ว่าพ่อยังมีชีวิต ยังรู้สึกถึงพลังของพ่อด้วยซ้ำ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เอง...
ไม่รู้ว่าเพราะตัดใจไม่ได้เหมือนคราม หรือว่าที่รู้สึกมันถูกต้องจริงๆ” หญิงสาวซุกหน้ากับซอกคอ
ของคนตรงหน้า หอมกลิ่นแชมพูจากในห้องน้ำ กลิ่นเดียวกับที่เธอใช้
“เลสข้อมือของคุณ ยังอยู่ที่ฉันอยู่เลย” แม้จะยังอยากเก็บมันเอาไว้ แต่พอมีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆอย่างนี้
วนัสสาก็อดไม่ได้ที่เอ่ยออกไปเพราะเกรงใจเขา ก็ของสำคัญขนาดนั้นนี่นา

ครามเอ่ยยิ้มๆ ทว่าอ่อนโยนเหลือเกิน “ไว้ถ้าเรารอดออกไปด้วยกันเมื่อไหร่ ค่อยคืนมันให้ผมนะ”
ชายหนุ่มไม่อยากคิดว่าใจหนึ่งเขากลัวตัวเองจะไม่รอด ถ้าอย่างนั้น ให้เธอมีของต่างหน้าเขาไว้สักชิ้น
ให้ได้นึกถึงกันก็ยังดี

ทั้งสองคนหลับไปในที่สุด แต่เมื่อหญิงสาวลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่มีครามอยู่ข้างกายเธออีกต่อไป...



ดาหวันระแวงวาริชจนไม่ยอมเข้าใกล้เตียง ได้แต่ไปนั่งจดๆจ้องๆอยู่บนเก้าอี้ไม้สานบุผ้านิ่มๆ
ซึ่งเป็นเฟอนิเจอร์อีกเพียงชิ้นเดียวในห้องนี้ที่จะสามารถวางร่างกายลงไปได้ ถึงเขาจะเข้ามายึดห้องของเธอ
แต่เพราะท่าทางของวาริชน่ะสิ ดูเพลียๆอย่างไรบอกไม่ถูก ดาหวันจึงออกจะสงสารมากกว่า
แต่เขาก็ยังไม่ได้อาการหนักถึงกับที่จะต้องเข้าไปดูแล

“ทำไมคุณริช อ่า...ดูเพลียๆ”

“เพราะที่คั่นดอกไม้บ้าๆนั่นนะ แบบที่คุณเอามาหลอกให้ผมดมไง แต่คราวนี้ดูเหมือนจะมี
ผงสีน้ำเงินป่นๆอยู่ด้วย เป็นสารบางอย่างที่ทำให้ฝันถึงอดีต”

“แล้วคุณฝันถึงอะไรบ้าง”

“นี่จะไม่รู้สึกผิดหน่อยเลยเหรอแม่คุณ” วาริชยังพาล

“ดาแค่อยากให้คุณนึกเรื่องที่สำคัญบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาได้” แม้ว่าจะไม่อยากให้เขารู้ว่า
ดาหวันเองเป็นลูกใคร ซึ่งนั่นเคยเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้วาริชไม่ชอบหน้าเธอเอามากมาย
จนทำให้เขาแยกตัวไปอยู่ฝั่งของนวาระกับวนัสสาซึ่งเป็นคนร้ายกาจตัวจริง ทิ้งเธอไว้กับคราม
ในฐานะพรรคพวกที่เทวัญส่งมา

วาริชผุดลุกขึ้นทันทีจากที่นอนอยู่ เดินทะมึนเข้ามายืนมองดาหวันอย่างคุกคาม
เขาไม่เคยดูน่ากลัวแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ตั้งแต่กลับมารู้จักกันใหม่อีกครั้งหลังจากความทรงจำ
หายไป “งั้นก็แปลว่าคุณจำได้ละสิ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง” ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง
ต่อหน้าเธอ ดาหวันชักขาทั้งสองหลบขึ้นมาบนเก้าอี้ กอดเข่าตัวเองไว้แน่น คิดว่านั่นจะเป็นปราการ
ป้องกันตนเองจากชายหนุ่มได้ แต่มันเป็นความคิดที่ผิด เพราะกลับทำให้วาริชเอาตัวเข้ามาใกล้
และคร่อมเก้าอี้นั่นไว้ได้ชิดสนิทแนบเสียยิ่งกว่าเดิม

ดาหวันพยายามหันหนี แต่มือใหญ่ๆที่ดูเหมือนจะไร้ความปรานีกลับเอื้อมมาจับคางเธอให้ค่อยๆหันไปสบตา

“คุณริช เคยใจดีกับดา ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”

“ผมใจดีตอนอารมณ์ดี กับคนที่สมควรจะดีด้วย แล้วก็ไม่ชอบเอามากๆ สำหรับคนที่ปิดบังเรื่องแย่ๆเอาไว้
แล้วรอให้คนอื่นมารู้ทีหลัง” วาริชเอ่ยเสียงแหบห้าวมาจากในคอ

“ถ้าดาบอกคุณ ว่าดาเป็นลูกใคร มันจะนับเป็นเรื่องแย่ๆไหม แม้ดาเองจะไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องที่พ่อทำ”
ดาหวันหน้าเสียถามเสียงเบา มองวาริชที่ทำท่างันไปนิดๆ

“ลองบอกดูสิ...” ชายหนุ่มว่า

“เดี๋ยวคุณก็เกลียดดาอีก” หญิงสาวพูดเสียงดัง น้ำตาเริ่มรื้นที่ขอบตา ทำไมเธอจะต้องแคร์ขนาดนี้
ว่าเขาจะชอบหรือจะชัง “คนไม่มีเหตุผล ที่คนอื่นเขาต้องปิดบังก็เพราะตัวเองไม่มีเหตุผลพอจะรับฟังไง!”
ดาหวันพ้อเสียงสั่นๆ

วาริชก้มหน้าลงเล็กน้อย ยิ้มเก้อๆออกมา “ผมเคยเป็นแบบนั้นเหรอ ขอโทษก็แล้วกัน
คราวนี้บอกออกมาเถอะ ผมสัญญาว่าจะไม่เกลียดคุณดา” มือใหญ่อบอุ่นละจากที่จับคางได้รูปนั้น
ไปประคองแก้มเนียนสีน้ำผึ้ง “แต่ถ้าไม่บอกละก็...ไม่แน่นะ”

“ขู่กันอีกแล้ว” ดาหวันโวยเบาๆพลางสูดจมูก

วาริชไล้นิ้วโป้งบนแก้มซีกนั้นของหญิงสาว “ใช่ ตอนนี้ผมกำลังดุมากนะ ถ้าไม่ได้ดั่งใจ
อาจทำอะไรลงไปก็ได้ เพราะงั้น รีบบอกมาเร็วๆ”

ดาหวันรู้สึกจักจี้ บวกกับความเขินที่เขาเข้ามาใกล้มาก เธอจึงเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไป
กึ่งจะดันแขนข้างที่กำลังคุกคามตนของวาริชออกให้พ้น แต่ดูเขาจะไม่สะดุ้งสะเทือน
แม้หญิงสาวจะออกแรงจิกลงไปในเนื้อหน่อยๆแล้วก็ตาม ดวงตาของเขามีแววขำ ถึงคำพูดจะร้าย

จู่ๆดาหวันก็เอาขาลง ผวากอดวาริชเสียแน่ เอาหน้าซุกอยู่ตรงกึ่งคอกึ่งคางของเขา
ก่อนจะกระซิบเบาแสนเบา “พ่อของฉัน คือเทวัญ ศรีบริรักษ์”

วาริชอุทานในคอ มันก็น่าจะจริงอยู่หรอก ก็สวยเข้มจนออกคล้ำเนียน ตาคมผมดำอย่างสาวใต้ขนาดนี้
แต่ถ้าเธอไม่บอกมีหรือเขาจะเดาได้ ก็พ่อคนไหนกันบ้างที่จะส่งลูกตัวเองมาเสี่ยงอันตราย ยกเว้นจะเป็นบ้า
แต่คิดๆดูแล้วคนอย่างเทวัญก็บ้าจริงๆ อาจารย์หมอกฤษณะเคยบอกเขาอยู่บ่อยๆ เรื่องความคลั่งไคล้
ที่ฝ่ายนั้นมีต่อการวิทยาการของมวลมนุษย์ และอยากจะมีส่วนสนับสนุนให้มันรุดหน้าไปไกลแสนไกล
อยากจะค้นพบอะไรสักอย่างเพื่อฝากชื่อไว้ให้โลกจดจำ

‘ถึงจะมีเงินก็เถอะนะ แต่ถ้าไม่ได้เส้นสายของคุณเทวัญละก็ เราคงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้’

ชายหนุ่มร่ำๆว่าจะโกรธเจ้าของดวงตาคมขำเอาจริงๆอย่างที่เธอกลัว ถ้าเขาไม่ได้ดันเธอออกห่างนิดหนึ่ง
จนพอจะเห็นแววคาดหวังและปลงตกพร้อมๆกันในดวงตานั้น คาดหวัง...ว่าเขาจะไม่เกลียด และน้ำตา...
ที่อาจจะไหลออกมาถ้าหากเขาแสดงกิริยารุนแรง แต่ก่อนเขาเกลียดเธอเพราะเรื่องนี้หรือ เขาอาจไม่เคย
ให้โอกาสหยุดพิจารณาแววตาของเธอ แต่พอได้มองกันชัดๆแบบนี้ วาริชก็เกลียดดาหวันไม่ลง

“หึ ก็เท่านั้น...ผมจะไปทำอะไร ว่าแต่แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้ร่วมมือกับพ่อทำเรื่องบ้าๆนี่ แต่ถูกบังคับมาจริงๆ”

“พูดดังไม่ได้ พวกนั้นอาจแอบฟังเราอยู่ ฉันมาที่นี่เพื่อทำลายการทดลอง ตอนแรกฉันคิดจะ
ฆ่าด็อกเตอร์กฤษณะด้วยมือเปล่านี่แหละแต่มันก็พลาดไปแล้ว ตอนนี้เราก็ต้องแกล้งทำเป็นเชื่อฟังเขา
ไปก่อน จนถึงจุดที่เข้าใกล้กว่านี้”

วาริชก้มลงกอดเธอแน่น กระซิบกระซาบตอบ“ใกล้อะไร”

“ไม่รู้สิ จุดสูงสุด หัวใจของการทดลองครั้งนี้มั้ง หรือคุณจะชิงหยุดมันก่อนล่ะ ฆ่าอาจารย์ของตัวเอง
ด้วยสองมือของคุณ ทำได้หรือเปล่า ไม่งั้นเขาก็จะฆ่าคนอีกมาก มีคนเคยตายในการทดลองมาก่อนแล้วหลายคน”

“ใคร...” วาริชเกลือกหน้าลงกับผมหอมๆนั้น หายใจแรงด้วยอารมณ์โกรธ ยิ่งเป็นอย่างนั้นเขาก็ยิ่ง
รัดร่างเธอแรงขึ้นจนดาหวันหลุดครางออกมา ชายหนุ่มจึงค่อยเบามือ

“พวกคนที่มีพลังจิตขั้นพื้นฐาน บางทีเขาก็เอาพวกนั้นมาทดลองรวมกับพวกเราห้าคน
เรียกว่าเป็นตัวประกอบ แต่เมื่อสมองหรือร่างกายทนไม่ไหว พวกเขาก็จะตายไปก่อน”

“ทำกับคนเหมือนกับเป็นสิ่งของ” วาริชหรี่ตา ถึงเขาจะไม่ใช่หมอที่ดีนัก แต่เขาก็ไม่ได้เลวขนาดนั้นแน่
“หึ พ่อคุณดานี่เป็นพ่อที่ดีมากเลย ไม่เคยเอาลูกสาวออกหน้าออกตาให้ใครรู้จัก แต่เก็บเอามาไว้ทดลองแบบนี้”

ดาหวันที่ยังติดอยู่ในอ้อมแขนใหญ่โตน้ำตาซึม ก่อนตอบเสียงเบาหวิว “ดาเองยังไม่รู้เลย ว่าพ่อมีลูกกับแม่
เพราะว่าแม่มีพลังแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า ไม่เคยรู้จักแม่ตัวเองเลย รู้แต่ว่าตายไปแล้ว”

เจ้าของร่างใหญ่จึงได้รู้ตัวจากคำพูดนั้น ว่าเขาทำร้ายความรู้สึกของเธอไปมากขนาดไหน “ขอโทษก็ได้”
ฝ่ามือที่อบอุ่นหนักแน่นข้างหนึ่งยกขึ้นลูบแผ่วๆบนศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยผมซอยสั้นซึ่งตอนนี้ซุกอยู่กับ
ไหล่เขา “แต่ก่อนผมร้ายกับคุณมากไหม”

“คุณริชไม่เคยมองหน้าดาเลย” หญิงสาวพูดอู้อี้แล้วเอาหัวชนไหล่เขา ไถไปมาอย่างโกรธๆ

วาริชเลิกคิ้ว เกิดจะขี้อ้อนขึ้นมาแล้วจริงๆผู้หญิงที่ดูขวานผ่าซาก เย็นชาเหมือนกับแมวตัวหนึ่ง
ที่สุดก็เผยแง่มุมที่นุ่มนิ่มน่าสัมผัสออกมา

“รู้หรือเปล่าว่าคนพวกนี้คิดยังไงถึงเอาเราสองคนมาขังรวมกัน” เสียงชายหนุ่มเริ่มจะมีแววล้ออยู่กลายๆ

“ก็สงสัยอยู่นี่ไง คุณรู้เหรอ” ดาหวันสูดจมูกแรงๆ

“เขาอยากให้เราทำ...ผลิตทายาท นั่นละเป็นคำสั่งที่ผมได้รับ เห็นคุณดาว่าตอนนี้เราต้องยอม
เชื่อฟังเขาไปก่อนนี่ แล้วเอาไงดี หึๆ”

“ออกไปไกลๆเลย!” ดาหวันไม่รู้เอาแรงมาจากไหน จู่ๆก็กลับเป็นคนเดิมที่เหมือนจะเข้มแข็ง
ผลักร่างใหญ่ของวาริชที่คุกเข่าอยู่เสียหลักไปได้ ก่อนจะถอยไปยืนรีรออยู่ห่างเขา “คุณพูดจริงหรือเปล่า”

“จริงสิ แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปล้ำ หรือจะรอให้คุณร่วมมือ” ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วแบมือออกสองข้าง
“ผมไปนอนรอที่เตียงนะ ถ้าอยากจะต่อก็ตามมาแล้วกัน”

“นั่นมันเตียงดานี่ แล้วคืนนี้จะนอนยังไง” ดาหวันเดินไปประท้วงที่วาริชตั้งท่าแย่งที่นอนตน

“นอนด้วยกันนี่แหละอีกครึ่งนึงนั่นไง นี่คุณ ห้องนี้มันไม่มีโซฟา ผ้าห่มมีผืนเดียว หนาวก็หนาว
จะให้ผมลงไปนอนเป็นดักแด้บนพื้นแล้วคุณจะห่มอะไร”

“ก็ได้”

ดาหวันอ้อมไปนั่งแปะลงบนเตียงอีกฝั่ง อันที่จริงเธอไม่ใช่คนปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ยาก
และดูวาริชเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะลวนลามอย่างที่แกล้งพูดนั่นเลย หญิงสาวเกิดความยินดีเต็มตื้นในอก
เรื่องที่บอกความจริงไปแล้วเขายังไม่ได้ส่งสายตาเกลียดชังมาให้ แค่นั้นหัวใจก็พองโต หรือจะต้อง
ยอมรับเสียที่ว่าเธอ...ชอบเขา

ร่างเพรียวบางเอนลงนอนหันหลังให้วาริชที่นอนตะแคงหันหลังให้เธอเช่นกัน
ดาหวันได้ยินเสียงเขาผ่านลมหายใจ ก่อนจะเอ่ยปลงๆ
“ผมเคยคิดว่าตัวเองรู้ ถึงจะไม่ทุกอย่าง แต่ก็รู้เยอะเชียวละเกี่ยวกับเวชกุล แล้วผมก็เพิ่งตาสว่าง
ว่าถูกหลอกใช้ ที่อาจารย์หมอแกปลีกวิเวกจากผู้คนมา ทำเป็นหายตัวไปก็เพราะว่าแกรักสงบ
อยากทำงานวิจัยโดยไม่มีใครกวน หนีการตอบคำถามโดยให้เมียบอกคนอื่นว่าหายตัวไปเหมือนราย
คุณศิวัฒน์ เวชกุล มันก็คงแค่การเก็บตัวเพื่อโปรโมทให้เกรียวกราวตอนประกาศผลงานที่ประสบความสำเร็จ
แต่ที่จริงยังมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ เพราะแกดันใช้เวลามาหมกตัวทำเรื่องชั่วๆอย่างคนสติแตกอยู่แถวนี้เอง”

“ดาเคยได้ยินชื่อคุณริชบ่อยๆค่ะ ถึงคุณจะไม่เคยได้ยินว่าพ่อดามีลูกสาวอย่างดาอยู่ก็เถอะ”
หญิงสาวเอ่ยเจือหัวเราะตัวเองที่ท้ายประโยค

วาริชอดเหลียวหันไปมองไม่ได้ แต่ก่อนเขาคงไม่เคยห่วงความรู้สึกของเธอเลย ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง
ตอนนี้เขาก็อยากจะแก้ตัว เพราะตั้งแต่ได้มารู้จักกันอีกครั้ง ดาหวันก็เป็นคนที่คุยถูกคอ ชอบอะไร
หลายอย่างคล้ายกันแบบที่ไม่เคยพบในบรรดาผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตของเขาเลย แต่สัตวแพทย์หนุ่ม
ก็เห็นขำ เมื่อมองแม่สาวคนเก่งขดตัวอยู่เสียแทบจะตกเตียง เขาอดรนทนไม่ได้ ต้องเอื้อมมือไปคว้าเอว
แล้วลากเข้ามาจนอีกฝ่ายร้องลั่น ทั้งทุบทั้งปัดมือเขาวุ่นวายไปหมด

“นี่คุณ! จะทำอะไรดาน่ะ ทำเป็นดี ที่แท้ก็ฉวยโอกาสเหรอ” ดาหวันเอาเสียงเข้าข่ม
แต่ก็ไม่ยอมหยุดประทุษร้ายเขา

“บ้าเหรอคุณ เป็นแมวหรือไง ข่วนมือผมไม่หยุด!”

“ก็คุณจะปล้ำดานี่” หญิงสาวโวย

“กลัวตกเตียงไปหรอกน่ะ ถึงได้ช่วยดึงเข้ามา” วาริชคำรามบ่นฮึ่มในคอ ก่อนจะเริ่มรู้สึกมึนๆง่วงๆบอกไม่ถูก
แม่สาวข้างกายเขาจะหลับจะตื่นยังไงก็เรื่องของเธอ ขอนอนก่อนแล้วกัน แต่ก่อนจะหลับไปจริงๆ
ริมฝีปากของชายหนุ่มก็คลี่ออกเป็นรอยยิ้ม เอ่ยออกไป “ยังดีที่มีคุณมาอยู่เป็นเพื่อนในเวลาแบบนี้ ฝันดีนะคุณดา”

ดาหวันกะพริบตาปริบๆ แต่คำพูดที่เข้าหูก็ทำให้หัวใจพองฟูขึ้นมาอีกครา
“ค่ะ ดาเองก็น่าจะขอบคุณเหมือนกัน ที่คุณริชมาอยู่ด้วยกัน ช่วยให้อุ่นใจได้เยอะเลย”

เธอกำลังกลัว เหงา คิดไปสารพัดก่อนเขาจะปรากฏตัว แน่นอนว่าหญิงสาวแอบดีใจตอนที่เห็นคนเข้ามา
ยิ่งเมื่อเป็นวาริชด้วยแล้ว นับว่าเหนือความคาดหมายอย่างสุดๆ คนพวกนั้นมีจุดประสงค์แบบไหนก็ไม่รู้ละ
แต่ตอนนี้อยากจะพูดขอบคุณดังๆออกไปอีกสักที

เข็มนาฬิกาขยับเดินไป ดาหวันค่อยๆพลิกกลับไปมองเสี้ยวหน้าของคนซึ่งหันมาดึงเธอเข้ามาจากขอบเตียง
...เขาหลับไปซะแล้ว หญิงสาวค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เบาแสนเบา ใบหน้าคมเข้มของวาริชผสมมาอย่างลงตัว
คิ้วโค้งๆเข้มๆนั้นดูคล้ายว่าจะส่อเค้าอารมณ์ดีแม้ยังหลับ ดาหวันทำใจกล้าอีกหน่อยด้วยการยื่นหน้า
ไปมองเขาใกล้ๆ แล้วเธอก็ทำสิ่งที่ตนเองยังไม่เคยแม้แต่จะคาดคิด คือยื่นหน้าไปหอมแก้มวาริชบางเบา
ก่อนจะถอยกลับมายังมุมของตัวเอง

“ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำก็ยังดี”

ดาหวันรำพึงยามเมื่อหลับตาลง จึงไม่ได้เห็นว่าคนที่คล้ายจะหลับไปก่อนแล้วนั้นเผยยิ้มน้อยๆออกมาเช่นกัน
แหม...ก็มันจักจี้ออกจะตายไป



--------------
สงสารหมอริช รีบปลอบใจเสียหน่อย หมอจะได้มีกำลังใจในชีวิตขึ้นมั่ง...
เกมแจกหนังสือชุด "ความลับของผีเสื้อ" หมดเขตวันที่11นะคะ
เข้าไปดูได้ในเฟซบุคอสิตา
ขอบคุณที่รักกัน *-*



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2556, 06:52:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2556, 06:52:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1386





<< ความทรงจำที่ ๑๑ ไพ่พลิกชะตา [เล่นเกม แจกนิยายชุด"ความลับของผีเสื้อ"2ชุดวันนี้-รายละเอียดในเฟซบุคอสิตา]   ความทรงจำที่อยากลืม : ชีวิตในเรือนกระจก + ความทรงจำที่ ๑๒ ดอกไม้ในเปลวเพลิง (ตอนนี้ยาวสะใจ ถึงจุดพีคแล้วนะคะ) >>
อสิตา 10 ต.ค. 2556, 06:53:20 น.
คุณเกดซ่า – ตอนนี้หมอริชมีบทเยอะอยู่ เผื่อจะเรียกคะแนนความรักขึ้นมาเทียบเท่าคนอื่นเค้ามั่ง ส่วนนวาระ ไม่มีคนอย่างฮีจะลำบากนะคะ
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – แหม ให้เปอเซ็นต์รักครามซะเยอะเชียว หมอริชได้แค่15เองง่ะ ขอหมออีกหน่อยนะ
คุณสุขุมวิท66 – ครามตอนนี้จำต้องงดเว้น เพื่อความเป็นสุภาพบุรุษ แหมๆๆ แต่เมื่อคืนก็ตักตวงซะ...
คุณเรือใบ – แต่ว่าเรื่องจะไปไม่รอดนะคะ ถ้าไม่มีคนอย่างนวาระ ยิ่งตอนครั้งอดีต แถมตอนที่ต้องทำลายการทดลองปัจจุบันอีก ฮีมีมุมน่ารักอยู่เยอะนา เดี๋ยวค่อยแสดงออก

คุณผักชี – ทำให้คนเขียนฝันถึงหนอน ไม่ดีเลยนะคะ พี่ครามเดี๋ยวต้องเหนื่อยอีกแล้ว ขอนอนกอดหนูวนัสให้ชื่นใจก่อน
คุณบาร์บี้ – นวาระวางแผนตลอดเวลา เหมือนกับคนเขียนที่เป็นพวกชอบวางแผน เอ๊ะ แต่ในชีวิตจริงไม่ค่อยได้ใช้เลยเอามาลงในนิยายแทน
คุณภาวิน – นางเอกข้าไม่เป็นริดสีดวง เหอๆ หมอริชตอนนี้ก็น่าจะมีความสุขดีนะ ฮีไม่ใช่พวกชอบดราม่าอะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – หุหุ เดี๋ยวได้ตื่นเต้นต่อแน่ค่ะ แหมแต่เก้าอี้นอนชมเดือนของพวกเค้าก็บุนิ่มอยู่นะ เจ็บเพราะว่า...มากกว่า //เขิน วิ่งหนีไป

คุณรี – ช่ายค่ะ ต้องให้บทเรียนเจ็บๆ หนุ่มกุหลาบคิดนำคนอื่นก้าวนึงเสมอ หุหุ สำหรับศศิราศีก็แบบว่าทำเกิดไปแล้ว ต้องโดน
คุณโอล้าลา ตัดสินใจเลือกชื่อนี้ละ – หมอริชตาไวนะคะ มือก็ไวไม่ใช่ละ ก็เป็นสุภาพบุรุษแบบกลางๆนะ
คุณพี่พันแตง – ฮึ่ม ครามโดนเอาตัวไปอีกแล้ว การแตกหักของการทดลองเริ่มใกล้เข้ามา แต่ก่อนอื่นขอทวนอดีตก่อนนะ
คุณเลิฟหมวย – ตานิวน่ารักนะคะ หรือเพราะคนเขียนชอบคนเจ้าเล่ห์ เหอๆ ถ้าไม่มีนวาระ เรื่องคงน่าเบื่อแย่เลย

คุณเมล็ดทานตะวัน – มาช้ามากนะคะ ก็ยังดีกว่าไม่มา ขอบพระคุณรุนช่องที่กลับมา พี่ครามเสร็จสมอารมณ์หมายไปละ
คุณแพทแมว – หมอริชน่าจะได้ผ่อนคลายสักนิด แผนของนวาระกำลังจะเริ่มตอนหน้านี่แล้วนะคะ หุหุ
คุณโกลเด้นซัน – ถึงนวาระจะพาลกับครามตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วค่ะ น่าสงสารจริงๆ มาลุ้นให้ทุกคนต่อสู้ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่งดีกว่า จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน
คุณเฟอร์ – แหมเฟอร์ สะกดความหื่นไว้ไม่ไหวเลยนะ มะม้าเห็นแล้วที่เฟอร์ไปเม้นคลั่งๆในตอนฉากได้กัน ว่าไม่น่าอ่านค้าง เอางี้มะ ต่อไปถ้าได้กันมะม้าเขียนไว้ที่หัวกระทู้เลย แด่ลูกเฟอร์ ตอนนี้ตัวละครได้กัน รีบเข้ามาอ่านด่วน!!! คนจะได้รู้กันทั่วว่าเฟอร์เป็นคนยังงาย


เรือใบ 10 ต.ค. 2556, 07:43:32 น.
คู่ดาหวันกับหมอริชน่ารักจัง ^^ คู่จิ้นคู่ใหม่เนอะ ฮึมม นวาระเนี่ยสำคัญก็จริง ฉลาดด้วย แต่ฮีดูไม่จริงใจเลย คิดนู่นนี่นั่นตลอด ยังไงก็ขอให้ล้มการทดลองได้ไวๆน๊า


ภาวิน 10 ต.ค. 2556, 07:52:11 น.
หมอริชมัวแต่นอนดมที่คั่นหนังสือ พ่อครามเลยนอนดมผีเสื้อวนัสสาเพลินไป แต่ไม่เป็นไร พลาดจากหนูวนัสก็ยังมีดาหวันให้ชื่นมื่น


ketza 10 ต.ค. 2556, 09:37:15 น.
อ๊าย เริ่มเชียร์นู๋ดาหวัน เผื่อหมดริชจะหันมามองเธอบ้าง หล่อนก็น่ารักอ่ะ


Barby 10 ต.ค. 2556, 11:25:44 น.
คู่นี้น่ารักดีอ่ะชอบๆเชียร์ให้ได้กันเร็วๆ อุ้ยไม่ใช่ให้รักกันเร็วๆ


ดังปัณณ์ 10 ต.ค. 2556, 12:16:50 น.
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย หมอหมา เอ๊ย หมอริชน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกอ่ะ กรี๊ดดดดดดด(โหยหวนไปสามโลก) 555+ ตอนนี้พ่อครามโดนน็อคเหมือนเป็นคู่รองเลยชัดๆ อั้ยๆๆๆๆๆ หมอน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก อิๆ


ดังปัณณ์ 10 ต.ค. 2556, 12:17:58 น.
ว่าแต่ ครางคุงไปไหนอ่า คุณแป้งชอบทรมานพระเอกนางเอก แง้ๆๆๆ เอาครามเค้ากลับมา วนัส(ตัวปลอม)ยังกอดไม่จุใจเลยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยย


Sukhumvit66 10 ต.ค. 2556, 13:27:26 น.
โอ๊ย ๆ มีคนมาปลอบใจหมอริชแล้วว้อย......


lovemuay 10 ต.ค. 2556, 17:30:20 น.
ท่าทางพ่อหมอริชคงได้คนมาดามใจนะเนี่ย


พันธุ์แตงกวา 10 ต.ค. 2556, 18:18:36 น.
เอาพ่อครามของเค้าคืนมานะ ใครมาพรากพ่อครามไป
หมอริชยิ้มได้แล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย
รอลุ้นจุดแตกหัก


นักอ่านเหนียวหนึบ 10 ต.ค. 2556, 20:24:45 น.
อร๊ายยยย จิมีใครได้ ใครเสียอีกมั้ยยยย 5555
อ่านที่ไรเตอร์ตอบคอมเม้นท์แล้วอยากอ่านตอนถัดไปเบย
ไหนๆ นายนิวมีดีอัลไลๆๆ


goldensun 10 ต.ค. 2556, 21:31:43 น.
ครามไปไหนซะแล้ว ทิ้งวนัสไว้คนเดียว เต็มใจไปหรือโดนพาไป เพราะดูแล้ว วนัสเหมือนจะไม่คืบหน้าเรื่องพลังเลย
หมอริชกับดาหวันน่ารักแฮะ หมอแกยังขี้เล่นได้อยู่อีกนะ จะแยกจากกันตอนตื่นเหมือนครามมั้ย


ree 11 ต.ค. 2556, 03:51:49 น.
หมอริช มีคนมาดามใจไวเหลือเกิน แถมเป็นลูกสาวของบอสใหญ่อีก จะยอมรับกันอย่างจริงใจได้ตลอดหรือเปล่านะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account