มรกตสนธยา {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}} สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลเจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

...ผมอาจไม่ใช่เจ้าชายในฝัน
แต่คืนวันร่วมกันของเรายังไม่เพียงพอจะตัดสินอีกหรือ
ว่าผมมีค่าพอจะเป็นคนในชีวิตจริงของคุณ...

Tags: โมรารัตติกาล ม่านทิวาพชร มนตรามุกจันทรา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว คณิตา อัทธ์ อัญมณีเหนือกาล มนตราอัญมณี วาริท มุกดา

ตอน: บทที่๑/๑ ร้านอัญมณีในซอกหลืบ

๑ ร้านอัญมณีในซอกหลืบ

Never knew such a day could come
ไม่เคยตระหนักว่าจะมีวันเช่นนี้
And I never knew such a love could be inside of one
ฉันไม่เคยรู้ถึงวันที่มีรักในใจใครสักคน
And I never knew what my life was for
ไม่เคยสนว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร
But now that you're here I know for sure
แต่ฉันรู้ในทันทีเมื่อเธอยืนตรงนี้ [1]


เสียงเพลงบรรเลงหวาน แว่วผ่านจากเครื่องดนตรี แสงไฟหรี่ลงจนเหลือเพียงความสลัวราง ไม่นานบานประตูใหญ่ห้องบอลรูมก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการเดินเข้ามาของชายหญิงคู่หนึ่ง เธอในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์เดินเคียงคู่มาพร้อมกับเจ้าชาย พวกเขาเหมาะสม ควรคู่ แทบจะเรียกว่าเป็นคู่เพอร์เฟกต์ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยทีเดียว

คณิตาถอนหายใจเบาๆ เฝ้ามองภาพเพื่อนรักบนเวทีด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม เธอยินดีเหลือเกิน ในที่สุดเจ้าหญิงก็ตามหาเจ้าชายของตัวเองพบแล้ว

“ตาไม่ไปรับดอกไม้จากเจ้าสาวเหรอ”

ใครคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อเธอพร้อมทั้งกวักมือเรียก คณิตาเกือบส่ายหน้าอยู่แล้ว แต่แขนเธอถูกฝ่ายนั้นลากออกไปยืนหน้าเวทีเสียก่อน เสียงพิธีกรภายในงานกำลังประกาศหาตัวสาวโสดเพื่อออกมารับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว คณิตายืนอออยู่กับเพื่อนและแขกผู้หญิงอีกหลายคนซึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกันหน้าเวที

เลยขึ้นทางด้านบน มุกดากำลังยืนหันหลังให้พวกเธอ และเมื่อพิธีกรนับครบสาม ดอกไม้จากมือเจ้าสาวก็ลอยละลิ่วตกลงในมือคณิตา หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงมุกดากล่าวกับเธอ

“ดีใจด้วยนะตา ฉันจะรอดูหน้าเจ้าชายของแก”

คณิตายิ้มแหยๆให้กับคำอวยพรของเพื่อน ผู้หญิงอย่างเธอจะหาเจ้าชายในฝันเจอจริงเหรอ



เสียงกริ่งดังระงมแล่นผ่านเข้าสู่โสตประสาท คณิตาต้องใช้เวลารวบรวมสติครู่ใหญ่ จึงเข้าใจถึงที่มาของเสียงมันคือนาฬิกาปลุกนั่นเอง หญิงสาวร่างบางไว้ผมทรงบ๊อบเทสั้นข้างยาวข้างงัวเงียลุกจากเตียงนอน เอื้อมมือกดปิดเสียงนาฬิกา แล้วจึงล้มตัวลงนอนต่อด้วยความง่วงจัด

ถัดจากเสียงนาฬิกาปลุกคือเสียงจากโทรศัพท์มือถือ มันดังซ้ำๆย้ำให้เธอจำต้องลุกขึ้นเดินไปคว้าหาโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายกดรับสาย

“อะไรกันไอ้มูน โทร.มาหาทำไมแต่เช้า” น้ำเสียงคนเพิ่งตื่นนอนส่อแววหงุดหงิดชัดเจน

“เช้าที่ไหน เที่ยงต่างหาก ไหนบอกจะแวะมาหา”

“ตายละ เที่ยงได้ไง ก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่แปดโมง”

ความง่วงหายวับเป็นปลิดทิ้ง คณิตาชะโงกกลับมาดูนาฬิกาแล้วก็อยากเขกศีรษะตัวเองนัก เธอตั้งเวลาไว้แปดโมงจริงๆนั่นแหละ แต่พอกดดับดันล้มตัวลงนอนต่อ เวลาสี่ชั่วโมงแวบหายอย่างรวดเร็ว

“แกไม่ต้องมาก็ได้นะ ฉันอยู่โรงพยาบาลแล้ว คุณริทเลื่อนประชุม ขับรถมาส่งฉันแทน” มุกดาเอ่ยต่อมาตามสาย

วันนี้สองสาวมีนัดกันเพื่อพามุกดาซึ่งตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนไปโรงพยาบาล เพราะวาริทเกิดติดประชุมตอนเช้า แต่เมื่อเธอเบี้ยวนัด สามีแสนดีของมุกดาเลยเป็นฝ่ายต้องเลื่อนนัดตัวเองแทนเพื่อภรรยาสุดที่รัก

“ขอโทษจริงๆ เมื่อคืนดึกไปหน่อยเลยตื่นไม่ขึ้น” คณิตาบ่นงึมงำด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร ไว้แวะมาหาฉันที่บ้านตอนเย็นแทนสิ”

“ไม่เอาหรอก ไม่อยากขัดเวลาจู๋จี๋ของแกกับคุณริท” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับทำหน้าย่นใส่โทรศัพท์ในมือ

ก็มันจริงไหมล่ะ เวลาเธออยู่กับสองสามีภรรยาคู่นี้ทีไร เหมือนตัวเองเป็นก้างขวางคอชะมัด คณิตาคิดด้วยความหมั่นไส้

“บ้า ฉันกับคุณริทไปจู๋จี๋กันต่อหน้าแกตอนไหน”

“อ้าว ที่ฉันเห็นคุณริทส่งสายตาหวานให้แกตลอดเวลานั่นไม่เรียกจู๋จี๋เหรอ”

“ไอ้ตาบ้า” เสียงหวานแหวมาตามสาย

คณิตาหัวเราะ นึกใบหน้าแดงก่ำของมุกดาออกเลยทีเดียว

“อย่าโมโหน่าว่าที่คุณแม่ เดี๋ยวลูกออกมาจะขี้หงุดหงิด”

“แกก็อย่าหาเรื่องยั่วฉันสิ”

“เออ ไม่ยั่วก็ได้ ตกลงไม่ต้องให้ฉันไปโรงพยาบาลจริงๆใช่ไหม แกจะกลับบ้านยังไง” คณิตาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“คุณริทรออยู่”

คำตอบของมุกดาเรียกรอยยิ้มประดับขึ้นบนดวงหน้ารูปไข่ทันที ทั้งที่ตอนแรกมุกดาบอกว่าการประชุมของวาริทในวันนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ท้ายสุดก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าภรรยาสุดที่รักอีกแล้ว

คิดๆดู คณิตาก็อดอิจฉาเพื่อนไม่ได้ ชาติก่อนยายมูนทำบุญด้วยอะไรวะ ถึงครอบครองผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างวาริทได้

คณิตานึกย้อนถึงความฝันเมื่อตอนก่อนตื่นนอน ความจริงเรื่องราวในฝันนั้นเพิ่งผ่านไปไม่ถึงปี ผิดอยู่หน่อยตรงที่เธอไม่ได้เป็นคนรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว เพราะคืนวันแต่งงานของมุกดา คณิตาวิ่งวุ่นกับการรันคิวงานให้เพื่อนรักจนแทบไม่มีเวลาเงยหน้ามองเวทีด้วยซ้ำ วันนั้นเธอว่างไปยื่นหน้าเวทีเสียที่ไหนล่ะ

ฝันเพ้อเจ้อแล้วยายตา ผู้หญิงอย่างเธอน่ะ แม้แต่แฟนยังหาไม่ได้เลย

หลังจากพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย เธอก็วางสายจากมุกดา หันมาเริ่มต้นชีวิตประจำวันตัวเอง แต่เพราะทีแรกตั้งใจจะให้เวลาทั้งวันกับเพื่อน คณิตาจึงไม่มีแผนการสำหรับบ่ายวันนี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็เดินลงมายังชั้นล่างของตัวทาวน์เฮาส์ บ้านหลังนี้เป็นสมบัติจากบิดาแท้ๆของเธอเคยซื้อไว้ให้ตอนท่านแยกทางกับมารดา คณิตาเคยหนีหน้าครอบครัวมาอยู่คนเดียวที่นี่พักใหญ่ ทว่าหลังจากเกิดเรื่องกับครองขวัญ ผู้เป็นน้องสาว[2] เธอก็ได้ปรับความเข้าใจกับคคนางค์ผู้เป็นมารดาและดรงค์พ่อเลี้ยงเป็นครั้งแรก คณิตาเคยตัดสินใจจะขายทาวน์เฮาส์เพื่อย้ายกลับไปอยู่กับมารดา แต่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย การขายบ้านหลังหนึ่งใช่จะสามารถทำได้ง่าย ท้ายสุดคณิตาเลยเก็บทาวน์เฮาส์หลังนี้ไว้เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่เธอและมุกดาลงขันร่วมกัน แล้วเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านตนเองกับบ้านมารดา

มูนอายเป็นชื่อร้านค้าออนไลน์ซึ่งให้บริการด้านการเช่าอุปกรณ์ตกแต่งสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน สองสาวเริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกันเมื่อประมาณสามปีมาแล้ว ทุกวันนี้มูนอายเป็นที่รู้จักของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมากมาย ทั้งผู้กำลังมองหาอุปกรณ์ตกแต่งงานในราคาย่อมเยา รวมไปถึงคู่บ่าวสาวผู้ต้องการออกแบบงานแต่งงานตนเองด้วยธีมโดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ดังนั้นคณิตาจึงใช้ทาวน์เฮาส์หลังนี้ไว้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ตกแต่งสถานที่ทั้งหลาย รวมถึงการดัดแปลงบริเวณชั้นล่างให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศ อย่างไรก็ตามรูปแบบการทำงานของทั้งสองก็ยังเป็นไปอย่างง่ายๆ ตามสไตล์คนรักอิสระเสรี

“อ้าว พี่ตาตื่นแล้ว อู้งานนะคะเนี่ย เป็นเจ้าของเลยได้โอกาสตื่นสายเชียว” กิ่งลดาหรือน้องกิ่ง เด็กกราฟิกที่คณิตาดึงตัวมาช่วยเธอออกแบบ ตะโกนต้อนรับเสียงดัง ทำให้อีกสองสามคนในห้องหันมามองหน้าเธอเป็นตาเดียว

“อย่ามาพูดมากนะไอ้กิ่ง ใครกันแน่เป็นคนเซฟงานผิดให้ฉันต้องแก้ รู้ไหมพี่นอนตอนกี่โมงเมื่อเช้านี้” คณิตาใช้ปึกกระดาษในมือฟาดลงไม่แรงนักบนศีรษะทุยปกคลุมด้วยผมซอยสั้นของรุ่นน้อง

“โอ๊ย พี่ตา อย่าดิ ผมเสียทรงหมด แหะๆ กิ่งขอโทษ ไม่แซวก็ได้” กิ่งลดาหน้าจ๋อย หันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ รีบทำงานต่อ

คณิตาชะโงกหน้ามามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเลยไปห้องครัว หญิงสาวส่ายหน้าเมื่อเห็นข้าวของในตู้เย็นนั้นร่อยหรอจนเกือบหมด เธอจึงตัดสินใจคว้ากระเป๋าสตางค์เตรียมออกจากบ้าน

“พี่จะออกไปซื้อของมาตุนหน่อย มีใครอยากได้อะไรไหม” เธอตะโกนถาม ซึ่งโดยปรกติหนุ่มสาวทั้งหลายในห้องมักจะรีบแย่งชิงบอกรายการอาหารไม่ต่างจากนกกระจอกแตกรัง

แต่บ่ายวันนี้กลับต่างออกไป เมื่อทุกสายตากลับจดจ้องมองยังหน้าจอโทรทัศน์ที่เปิดค้างอยู่ เป็นผลให้คณิตาสาวเท้าเข้ามามุงดูตาม

“ดูอะไรกัน”

“เซอร์ไพรส์ขอแต่งงานค่ะพี่ แต่รอบนี้ผู้หญิงเป็นฝ่ายขอผู้ชายแต่งงานนะ” หนึ่งในพนักงานมูนอายเอ่ยกับเธอถึงรายการโทรทัศน์ที่กำลังฉาย

คณิตาเบนสายตามองโทรทัศน์ตามคนอื่นๆ สิ่งที่เห็นคือภาพผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกสัมภาษณ์จากทางรายการ เธอเป็นผู้หญิงผมสั้นประบ่า อายุน่าจะประมาณสามสิบปลายๆ แต่งตัวภูมิฐาน ชื่อเจนสุดา

“ทำไมคุณเจนถึงคิดจะมาขอผู้ชายแต่งงานครับ” หนึ่งในพิธีกรของรายการถามหญิงสาวระหว่างการถ่ายทำ

“เพราะรู้ว่าเขาไม่มีวันจะขอฉันแต่งงานน่ะสิคะ”

“ทำไมล่ะครับ”

“พอลเขาป่วยเป็นโรคไตวายเรื้องรังระยะสุดท้ายค่ะ เขาเลยคิดเสมอว่าตนเองไม่มีความสามารถในการดูแลคนอื่นหรือสร้างครอบครัว แต่สิ่งที่ฉันอยากทำให้เขารู้ก็คือฉันไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแล เพราะเราก็แค่อยากมีวันเวลาทั้งสุขและทุกข์ร่วมกัน”

ภาพหญิงสาวในโทรทัศน์ถูกซูมใบหน้าชัดจนเห็นริ้วรอยจางๆและหยาดน้ำตาคลออยู่บนหน่วยตา พาเอาหลายคนที่กำลังยืนดูรายการไม่มีใครยอมขยับตัวไปไหน คณิตาเองก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนลืมหิว เรื่องราวในรายการดำเนินไปถึงตอนผู้หญิงเป็นฝ่ายเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกับชายคนรักท่ามกลางฝูงชน

“พอลคะ ตลอดสิบปีตั้งแต่เราคบกันมาจนถึงวันที่รู้ว่าคุณไม่สบาย คุณมักบอกเจนว่าตัวคุณไม่คู่ควรกับเจน แต่มันไม่จริงเลย คุณคือผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับเจนเสมอ เจนไม่อยากให้โรคภัยกลายเป็นตัวฉุดรั้งความสุขของเรา เจนไม่อยากรออีกต่อไป ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เจนขอเดินไปบนเส้นทางนั้นกับคุณ”

“เจน...คุณแน่ใจจริงๆเหรอ” เสียงชายหนุ่มอายุประมาณสี่สิบปีครางถาม แต่แววตาเขากลับคลอด้วยหยาดน้ำตา

“แน่ใจค่ะ” เธอบอกพร้อมรอยยิ้มทั้งๆที่ตนเองเป็นฝ่ายร้องไห้ “คุณเคยได้ยินไหม มีคนบอกว่าการได้อยู่กับคนที่เรารัก เวลามีความสุข ความสุขของเราจะเพิ่มเป็นสองเท่า แต่เวลาเศร้า ความเศร้าของเราจะโดนหารสอง เจนอยากเป็นคนคนนั้นของคุณ เป็นครอบครัว เป็นคนจะมาช่วยหารความทุกข์เพื่อเราจะได้มีแต่ความสุขตลอดไป”

“โคตรซึ้งเลยว่ะพี่” กิ่งลดาแทรกขึ้นทันทีหลังคำพูดของหญิงสาวในโทรทัศน์จบลง

เธอป้ายน้ำตาบนดวงหน้าทิ้ง พร้อมกับรีบควานหากระดาษทิชชูมาสั่งน้ำมูก เช่นเดียวกับอีกหลายคนกำลังแอบพยายามซ่อนน้ำตา คณิตาหันมองพนักงานแต่ละคนพลางส่ายหน้า

“ตกลงจะกินน้ำตาแทนข้าวใช่เปล่า พี่จะได้ไม่ซื้อของมาฝาก”

“โธ่ เดี๋ยวสิพี่ตา แล้วนี่อะไรกัน คนอื่นเขาบ่อน้ำตาแตก พี่ไม่คิดจะร้องไห้บ้างเหรอ”

“ไม่อะ แต่ก็ซึ้งนะ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ เธอเข้มแข็งมาก” คณิตากล่าว

“จริงพี่ แต่ผู้ป่วยไตวายเนี่ยไม่มีทางรักษาเหรอ”

“มี แต่ต้องใช้เงินมหาศาลเลยละ เพราะคนเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายต้องฟอกเลือดอาทิตย์หนึ่งหลายครั้ง แล้ววิธีการรักษาดีที่สุดคือการเปลี่ยนไต แต่มันไม่ได้ทำง่ายๆหรอก ผู้บริจาคไตไม่ได้มีจำนวนมากพอสำหรับคนป่วยโรคไต” พนักงานคนหนึ่งซึ่งพอมีความรู้ในเรื่องนี้เอ่ยขึ้น

“ทำไมล่ะ”

“เท่าที่เคยได้ยินมานะคะ สำหรับไตถ้าไม่ได้มาจากคนเป็นที่เป็นเครือญาติยอมตัดให้ข้างหนึ่ง ก็จะได้มาจากคนตายที่อยู่ในภาวะสมองตาย[3] ซึ่งสัดส่วนระหว่างคนบริจาคกับคนรับบริจาคมันต่างกันมาก ดังนั้นคนป่วยส่วนใหญ่มักตายก่อนจะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ”

“ฟังดูหดหู่ชะมัด พอเหอะ แค่งานแต่งอาทิตย์หน้าก็สาหัสแล้ว เลิกพูดเรื่องเครียดๆดีกว่า ลิสต์ของกินมา เดี๋ยวจะได้ไปซื้อตุนไว้ให้ แล้วเย็นนี้ใครทำงานเสร็จเร็วก็รีบกลับบ้านไปซะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเจอศึกหนักอย่ามาหาว่าพี่ใช้งานหนักล่ะ” คณิตาตัดบทลูกน้องทั้งหลายที่เริ่มเข้าสู่บทดราม่า



บ่ายแก่ แสงแดดสาดส่องสว่าง เจิดจ้าเสียจนคนกำลังเดินอยู่ริมฟุตปาธจำต้องหยีตา คณิตาเพิ่งเดินออกจากร้านอาหารริมทางหลังจากจัดการกับมื้อเช้าและกลางวันของตนเสร็จ ชั่วขณะก่อนเธอจะเดินกลับถึงรถยนต์ส่วนตัว หญิงสาวก็เหลือบสายตาเห็นป้ายไม้โฆษณาเป็นรูปลูกศร

‘มีร้านอัญมณีเปิดใหม่’

คณิตายืนมองป้ายอยู่นานพลางขมวดคิ้วสงสัย เมื่อกี้มีป้ายอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ

เธอหันมองตามลูกศร มันชี้ตรงไปยังซอยเล็กๆซอยหนึ่งด้านซ้ายมือ กว่าจะรู้ตัว หญิงสาวก็พาตัวเองเดินเข้าซอยแห่งนั้นมาแล้ว สองข้างทางของซอยร่มรื่นด้วยความเขียวชอุ่มจากแมกไม้หลายสายพันธุ์ จนแสงตะวันยามบ่ายไม่อาจส่องผ่านเงาไม้ลงมา คณิตาถอดแว่นกันแดดออก สายตาเพ่งพิศเบื้องหน้า

สุดปลายทางเดินของซอยเล็กคืออาคารไม้ชั้นเดียว ตั้งเด่นท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ หญิงสาวหยุดลงหน้าตัวอาคาร เงยขึ้นพิจารณาสิ่งก่อสร้างตรงหน้า ตัวอาคารหลังนี้ทำจากไม้สีเหลืองอมส้มทรงสี่เหลี่ยม หลังคาแบน ให้ความรู้สึกทันสมัย บานกระจกบนประตูมีป้ายไม้ทรงกลมขนาดใหญ่แขวนอยู่ ลักษณะของแผ่นไม้ถูกตัดขวางมาจากลำต้น ตัวอักษรสีดำถูกแกะสลักลึกลงไปในเนื้อไม้ เขียนไว้ด้วยข้อความสั้นๆ...‘กาลเวลา’

“ชื่อร้านเก๋ดี” คณิตาพึมพำกับตนเอง ก้าวสองเท้าไปตามบันไดไม้

หญิงสาวหยุดพิจารณาอยู่ครู่ หน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัส บานกระจกค่อนข้างมัว แต่กระนั้นเมื่อเพ่งพิศดู เธอก็เห็นข้าวของโบราณมากมายและอัญมณีหลายเม็ดวางเรียงรายอยู่บนแท่นโชว์สินค้า

ถัดจากหน้าต่างสี่เหลี่ยมคือบานประตูไม้ กระจกฝ้ามัวๆหลังแผ่นป้ายทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นด้านใน หญิงสาวตัดสินใจผลักบานประตูไม้เข้าไป สัมผัสแรกลอยกรุ่นแตะปลายจมูกเธอคือกลิ่นหอมผสานมากับกลิ่นอับชื้นของไม้ อุณหภูมิภายในร้านค่อนข้างเย็นสบาย ขณะนั้นชายหนุ่มร่างสูงสง่า ใบหน้ามีเค้าของความเป็นตะวันตกผสมตะวันออก และหญิงสาวร่างระหง ผมยาวตรงเลยบ่าสีดำขลับ ก็เดินสวนออกมา[4] ใบหน้าของทั้งสอง ดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง คณิตาขมวดคิ้วมองจนสองร่างลับหายออกจากประตู อุปาทานรึเปล่าก็สุดรู้เมื่อเธอรู้สึกเหมือนผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นส่งยิ้มมาให้ คงยิ้มทักทายตามมารยาทละมั้ง

“อ้าว มาถึงแล้วก็เข้ามา” เสียงของชายอีกคนที่ยังอยู่ภายในร้านกล่าว พลอยให้เธอสาวเท้าเข้ามาหยุดลงกลางร้าน


----------------------------------------------------------------
[1] เพลง Spend My Life With You- Eric Benet feat. Tamia

[2] ครองขวัญ คคนางค์ และดรงค์ ตัวละครจากเรื่อง “มนตรามุกจันทรา” เล่มที่สองของนวนิยายชุดมนตราอัญมณี

[3] ภาวะสมองตาย คือการที่ brain stem ถูกทำลายจนสิ้นสุดการทำงานโดยสิ้นเชิงตลอดไป และตามกฎหมายไทยในปัจจุบันถือว่าผู้ที่มีภาวะสมองตายคือผู้เสียชีวิตแล้ว – ที่มาจาก ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย www.rcpt.org

[4] ชลันธร และ จิณลี สองหนุ่มสาวผู้เกี่ยวของกับเพชรน้ำงามทรงรีซึ่งมีอำนาจเปิดประตูมิติใน “ม่านทิวาพชร” เล่มที่สองของนวนิยายชุดอัญมณีเหนือกาล (เขียนโดย บุลินทร)



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2556, 11:45:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2556, 16:09:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1797





<< บทนำ ขบวนการโจรกรรม   บทที่๑/๒ ร้านอัญมณีในซอกหลืบ >>
อสิตา 12 พ.ย. 2556, 11:49:58 น.
ตามิตรออกมาแล้ว


ริญจน์ธร 12 พ.ย. 2556, 11:55:38 น.
ตอบคอมเม้นค่ะ

คุณ ดวงมาลย์ ขอบคุณค่า เรื่องนี้ออกแหวกแนวจากที่ปรกติเขียนหน่อยๆค่ะ

คุณ patok นิยายของริญจน์ธรมีฉากโรแมนติกแน่นอนค่ะ เพียงแต่กลิ่นอายของเรื่องนี้อาจแปลกกว่าเรื่องก่อนๆ แต่แน่นอนว่าความหวานไม่มีน้อยกว่าเดิมค่า

คุณ ภาวิน ขอบคุณค่าพี่ปุ๊ก เปิดเรื่องมาขอดึงดูดไว้ก่อนเนอะ

คุณ sugar ได้ค่า รอบนี้ก็จัดหนักพอควรสำหรับเรื่องนี้น้า

คุณ lovemuay เรื่องนี้ทั้งหวาน ทั้งลุ้น ทั้งตื่นเต้นค่ะ เป็นงานหนึ่งซึ่งใช้เวลาเขียนยาวนานมาก

คุณ Zephyr 5555 ไม่บอกดีกว่าว่ามีโหดไหม เก็บให้เฟอร์จังคิดไปก่อน

คุณ บุลินทร แหมๆอ่านจบไปแล้วนี่ ล้ำไม่ล้ำเดี๋ยวต้องดูบทสอง

คุณ นปารมี เรื่องนี้แหวกจากแฟนตาซีเดิมๆที่เคยเขียนเลยค่า ถ้าจัดประเภทกันจริงๆเรื่องนี้คงเป็นกึ่งแฟนตาซีกึ่งไซไฟละมั้ง

คุณ พันธุ์แตงกวา ขอบคุณมากค่ะพี่แตงกวา ฝากเรื่องใหม่ของหนูด้วยน้า

คุณ goldensun นั่นสิเนอะ ให้ใครเจอดีน้า มาตามลุ้นกันต่อนะคะว่าชิปนี้จะมีความสำคัญอย่างไร

คุณ nako หายไปนานเพราะเรื่องนี้ใช้เวลาเขียนนานมาก ฝากผลงานใหม่ด้วยนะคะ

คุณ ketza ^____________^ ขอบคุณค่าที่ตามมาอ่าน


lovemuay 12 พ.ย. 2556, 12:41:05 น.
พระเอกจะโผล่มาเมื่อไหร่น้า อิอิ


ภาวิน 12 พ.ย. 2556, 13:06:22 น.
เข้าไปในร้านแล้วจะเจออะไร


บุลินทร 12 พ.ย. 2556, 13:19:33 น.
ร้านกาลเวลาาาาา


ดวงมาลย์ 12 พ.ย. 2556, 13:36:13 น.
ไลค์ร้อนๆ มาเสิร์ฟจ้า


Zephyr 12 พ.ย. 2556, 13:37:22 น.
โฮยยยย ของมะม้าก็มี ของพี่มูนก็มี ของมี่ละ มีป่ะ ร้านกาลเวลาน่ะ
ยายตาก็ยังโก๊ะๆเปิ่นๆนาเนี่ย
หนุ่มในร้านนั่นตามิตร แล้วหญิงร่างโปร่งระหงนั่น ใคร??? ยายหนูสิตารารึ
ไม่ๆๆๆๆ เป็นไปไม่ได้ เรื่องนู้นยังตัวกะเปี๊ยกเดียว
พระเอกอยู่ไหนน้า
คุณริทยังหวานต่อเนื่อง แย่งซีนนนนน


ริญจน์ธร 12 พ.ย. 2556, 16:11:25 น.
ก๊อปไฟล์แล้วลืมเชิงอรรถ หนุ่มในร้านมีสองคนนะ คนแรกมากับผู้หญิงคือ จิณลีกับชลันธร พระนางของน้องมีนค่า ส่วนอีกคนก็ต้องตามิตรเนอะ


patok 12 พ.ย. 2556, 16:32:02 น.
กำลังสนุกเลย ^^
1. ผูกเรื่องได้ดีมากค่ะ อินตั้งแต่บทแรก
2. คุณริทยังเป็นเจ้าชายในฝันเหมือนเดิม ><
3.เห็นคุณซีบอกว่า เรื่องนี้จะยังคงความหวานและโรแมนติคไว้เหมือนทุกๆครั้ง แต่ คณิตา กับความหวาน เอ่อ เดาไม่ออกจริงๆค่ะ 55+


goldensun 12 พ.ย. 2556, 19:56:01 น.
ซึ้งกับฉากขอแต่งงานด้วยคน คำพูดกินใจดีจัง
ร้านกาลเวลามาโผล่เรื่องนี้ด้วย ได้เจอหนุ่มติสต์เจ้าของร้าน แล้วหนูสิตารามาด้วยแล้วยัง
ตาฝันว่าได้ดอกไม้เจ้าสาว จะได้มรกตตอนหน้ารึเปล่า


nako 12 พ.ย. 2556, 22:26:06 น.
จะได้เจอใครในร้านกาลเวลา


ketza 13 พ.ย. 2556, 18:10:59 น.
รอ ร๊อ รอ คุณอัทธ์ จะเปิดตัวมาแบบไหน >////<
นู๋ตา เป้นเด็กแนวนิ ผมสั้นข้างยาวข้าง 555....
แอบเห้นพ่อหนุ่มมิตรตื่นจากการจำศีล ออกมาแว๊ปๆๆ ^_^


นักอ่านเหนียวหนึบ 13 พ.ย. 2556, 22:30:54 น.
แหม๋ พ่อมิตร อยู่เรื่องนู้นเป็นพระเอกมะใช่หราาา
ทำไมมาเรื่องนี้ ทักนางเอกของเรื่องแบบคนแก่ ขนาดนั้นนละจ้ะ
555 แล้วๆๆๆๆ นางเอกก็จะได้อัญมณีไปครอบครอง (ใชป่าววว)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account