มรกตสนธยา {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}} สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลเจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

...ผมอาจไม่ใช่เจ้าชายในฝัน
แต่คืนวันร่วมกันของเรายังไม่เพียงพอจะตัดสินอีกหรือ
ว่าผมมีค่าพอจะเป็นคนในชีวิตจริงของคุณ...

Tags: โมรารัตติกาล ม่านทิวาพชร มนตรามุกจันทรา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว คณิตา อัทธ์ อัญมณีเหนือกาล มนตราอัญมณี วาริท มุกดา

ตอน: บทที่๒/๑ โลกอนาคต



โลกอนาคต

ภาพของหญิงสาวผมบ๊อบเทสั้นข้างยาวข้างในชุดเสื้อเชิ้ตกับกระโปรงยืนยาวกลายเป็นเป้าสายตาแก่ผู้คนที่กำลังสัญจรผ่านไปมา คณิตารู้สึกตนเองดูแปลกแยกจากผู้คนในเมืองนี้เหลือเกิน บอกไม่ถูกว่าทำไม แม้พวกเขาทั้งหลายจะสวมใส่เสื้อผ้าติดกายเช่นเดียวกับเธอ แต่มันดูทันสมัยกว่า แปลกตากว่าการแต่งกายของเธอมาก คณิตาไม่กล้าหยุดพูดคุยหรือถามความกับผู้ใด แต่เท่าที่ฟังข้อความโฆษณาจากจอโทรทัศน์ตามตัวตึก ก็พอบอกได้ว่าตนเองยังอยู่ในเมืองไทย ผู้คนมากมายรอบข้างกายเธอล้วนพูดภาษาเดียวกัน

แต่ให้ตายเถอะ นี่เธอหลงมาอยู่ส่วนไหนในประเทศไทยกันแน่

หญิงสาวเดินอยู่บนถนนนานเท่าใดก็สุดรู้ ยามนี้สองขาอ่อนล้าจนจำต้องตัดสินใจนั่งพักริมฟุตปาธ หัวตาของเธอร้อนผ่าว หยาดน้ำตาจวนเจียนจะหยดไหลเมื่อเหลียวมองทางใดก็ล้วนแล้วแต่แปลกถิ่น

อลิซที่หลงตกลงไปในดินแดนมหัศจรรย์จะรู้สึกเหมือนเธอตอนนี้ใช่ไหม

คณิตาซบหน้าลงกับฝ่ามือ พยายามฝืนหยาดน้ำตาไว้ เพราะตอนนี้ตนเองก็ดูแปลกแยกจากผู้คนในเมืองมากพออยู่แล้ว ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น จู่ๆก็มีมือหนาข้างหนึ่งแตะลงบนหัวไหล่

“คนสวย มาเดินเล่นคนเดียวเหรอจ๊ะ”

คำถามเหมือนจะสุภาพ แต่กลิ่นอะไรบางอย่างที่ลอยมาเตะจมูกทำให้หญิงสาวผวา คณิตาผุดลุกขึ้นมองอีกฝ่ายตาโต สมองเริ่มเกิดอาการมึนงงอย่างหนัก สติสัมปชัญญะหดหาย คำว่า ‘อันตราย’ ดังระงมคล้ายกริ่งสัญญาณเตือนภัย

“ปะ...เปล่า ฉันไม่ได้มาคนเดียวสักหน่อย” เธอโกหกด้วยความพยายามเอาตัวรอด สองเท้าก้าวถอยหลังกรูด

“แต่ผมเห็นคุณนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วนี่ เอาน่า คืนวันใกล้สิ้นปีแบบนี้คงเหงาสิท่า มามะ เดี๋ยวจะช่วยปลอบ” ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นฉายแววไม่น่าไว้วางใจ นัยน์ตาทั้งสองจดจ้องเธอด้วยประกายตาประหลาด ชวนให้หนาวยะเยือกถึงขั้วหัวใจ

สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่สั่งให้เธอวิ่ง หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตาหนี หัวใจรัวกระหน่ำในอก ความหวาดกลัวพลุ่งพล่านทั่วสรรพางค์ โลกทั้งใบดูหมุนวนกลับตาลปัตร มองแทบไม่เห็นทาง คล้ายคนจะเป็นลม แต่ชั่วขณะก่อนทุกอย่างจะดับมืด คณิตาก็ชนโครมใส่ใครคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินผ่าน หญิงสาวคว้าหมับเข้าที่แขนผู้ชายคนนั้นทันที

“ชะ...ช่วยด้วย” เธอเอ่ยกับชายแปลกหน้า ก่อนจะล้มพับลงในอ้อนแขนของเขา

“เฮ่ย เดี๋ยวสิคุณ นี่มันอะไรกัน” อัทธ์เขย่าร่างที่จู่ๆก็แน่นิ่ง แต่เธอตรงหน้าไม่ยอมลืมตาขึ้นมาอีก

ชายหนุ่มเหลียวซ้ายมองขวา ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตามเธอมา ท่าทีชะงักงันแล้วหันหลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีทำให้อัทธ์ขมวดคิ้ว พอจะเดาสถานการณ์ตรงหน้าได้ไม่ยาก

เธอคงโดนคนร้ายป้ายยาสลบใส่แน่ อัทธ์สรุปได้แทบจะในทันที ข่าวคราวเกี่ยวกับคนร้ายชิงทรัพย์และข่มขืนมีให้เห็นแทบจะรายวัน

แต่ทำไมความซวยต้องมาตกที่เขาด้วยล่ะเนี่ย ชายหนุ่มแทบอยากยกมือก่ายหน้าผาก ทว่าสิ่งที่เขาทำได้คือการค่อยๆช้อนท้ายทอยหญิงสาวขึ้นพิจารณา ดวงหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย และแผงขนตางอนยาว ทำเอาชายผู้ผ่านร้อนหนาวมาไม่น้อยใจอ่อน ท้ายสุดชายหนุ่มจึงตัดสินใจช้อนเจ้าของร่างบางขึ้นอุ้ม พาตรงเข้าสู่อาคารหลังหนึ่ง



อัทธ์วางร่างหญิงสาวลงบนโซฟาภายในห้องรับแขก เขารู้ว่าตนเองไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านมากนัก สังคมเมืองสมัยนี้เต็มไปด้วยการแก่งแย่ง หลอกและถูกหลอก กลโกงหลากหลายรูปแบบถูกคิดขึ้นเพื่อหวังชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตาดำๆ อัทธ์เองยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผู้หญิงตรงหน้าคือเหยื่อหรือหนึ่งในมิจฉาชีพ

เขาเสี่ยงมากทีเดียวที่พาเธอขึ้นมาถึงห้องตนเอง ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้งๆที่เขาควรจะพาเธอไปส่งสถานีตำรวจมากกว่า เขาไม่มีเหตุผลสำหรับการกระทำในครั้งนี้เลย อัทธ์ก้มลงพิจารณาดวงหน้าซึ่งยังพริ้มหลับอยู่ วงหน้าของหญิงสาวดูสวยและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าหญิงสาวที่เขาเห็นโดยทั่วไป อาจเพราะเขามองเห็นรอยตำหนิหลายแห่งบนดวงหน้ารูปไข่ ทั้งไฝเม็ดเล็กๆตรงมุมปากด้านขวา และกระจางๆบริเวณขมับทั้งสองข้าง หญิงสาวไว้ผมบ๊อบเทไม่เท่ากัน เผยให้เห็นลำคอระหงด้านหลัง ปลายผมบ๊อบด้านซ้ายของเธอยาวกว่าด้านขวา และตอนนี้ปอยผมหนึ่งก็ตกลงมาระดวงหน้ารูปไข่ อัทธ์เอื้อมมือไปปัดปอยผมด้านหน้าขึ้นจึงมองเห็นรอยแผลเป็นจางๆบริเวณหน้าผากด้านซ้าย

“อีกไม่เกินสองชั่วโมงเธอคงตื่น” ขณะกำลังสำรวจหญิงสาวแปลกหน้าเพลิน เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยกับเขาราวรู้ใจ

“ถ้างั้นก็เฝ้าเธอไว้ ถ้าเธอตื่นเมื่อไร บอกผมด้วยนะ เอวา” ชายหนุ่มสั่งความกับเจ้าของเสียงหวาน

“แต่คุณไม่ควรพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ไม่มีประวัติระบุไว้ในฐานข้อมูลประชากรเลย” เจ้าของเสียงหวานนามเอวา ตอบเขาด้วยน้ำเสียงโทนเดิมคือ สูง หวาน แต่เรียบสนิท ไม่บ่งบอกอารมณ์ผู้พูดแม้แต่น้อย

“เธออาจเป็นคนเร่รอน”

“ไม่มีคนเร่ร่อนที่ไหนสวยและก็สะอาดแบบนี้หรอก”

อัทธ์ถอนหายใจ เขาผุดลุกขึ้นจากท่านั่งชันเข่าตรงโซฟา หันไปสบตาเจ้าของร่างซึ่งปรากฏภาพอยู่บนผนังห้อง

“เอาเป็นว่า เธอตื่นเมื่อไรเรียกแล้วกัน ผมจะไปอาบน้ำ” สั่งความเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินออกจากส่วนที่เป็นห้องรับแขก ตรงไปยังห้องนอน

ชายหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก เขากลับออกมาเพื่อรับประทานอาหารค่ำ อัทธ์แวะไปเมียงมองหญิงสาวแปลกหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นเธอยังนอนหลับสนิท เขาจึงกลับไปจัดการกับมื้อเย็นตามลำพัง

สองชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินจากคำพูดของเอวา อัทธ์เดินกลับมาทรุดกายลงนั่งบนพื้น จ้องคนกำลังหลับใหลด้วยสีหน้าติดจะวิตกเล็กน้อย

“ต้องพาไปหาหมอไหม ทำไมเธอยังไม่ตื่น”

“อัตราการเต้นของหัวใจและลมหายใจสม่ำเสมอดี เธอแค่หลับยาวเพราะฤทธิ์ยาสลบเท่านั้น” เอวาตอบเขาด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทดังเดิม

ชายหนุ่มกวาดตามองเจ้าของร่างบอบบางอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่เขาเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่บนพื้น เมื่อหยิบดูจึงพบว่ามันคือกล่องพลาสติกสีดำบรรจุพลอยสีเขียวรูปหัวใจครึ่งซีกไว้ อัทธ์พิจารณามองอัญมณีสีเขียวสดครู่ใหญ่ อะไรบางอย่างในกายผลักดันให้เขาตัดสินใจเปิดฝากล่องออก หยิบพลอยเม็ดโตขึ้นส่อง ความแวววาวของมันทอประกายงดงาม ล้อเล่นแสงไฟ

อัทธ์ตั้งใจจะเก็บมันใส่กล่องดังเดิม แต่ขณะนั้นก็มีเสียงครางดังจากร่างคนนอนอยู่บนโซฟา

“อือ...”

หลังเสียงคราง ดวงตาสีดำซึ่งหลบอยู่หลังเปลือกตาก็ลืมขึ้นมองเขา แววตาของหญิงสาวดูง่วงงุนในทีแรก แล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นความตระหนกแกมหวาดผวา

“อย่านะ” เธอรีบลุกขึ้นนั่ง พยายามกระถดถอยห่างจากเขา

แต่เธอก็เขยิบไปไหนได้ไม่ไกล ทำได้แค่ชันเข่าตนเองขึ้นกอด สองตาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างระแวงภัย ตอนนั้นเองอัทธ์จึงเห็นดวงตาของหญิงสาวแปลกหน้า เธอมีดวงตาชั้นเดียวตามแบบฉบับคนเชื้อสายจีน เพียงแต่โตและเรียวดั่งนัยน์ตาแมว

เธอดูต่างจากสาวๆที่นิยมศัลยกรรม กรีดตาสองชั้นเหลือเกิน

“ใจเย็นคุณ ผมไม่ใช่คนร้ายสักหน่อย คุณเป็นคนวิ่งมาขอความช่วยเหลือผมเองไม่ใช่เหรอ” อัทธ์พยายามอธิบายเมื่อเห็นสายตาหวาดกลัวของหญิงสาวตรงหน้า

“คุณช่วยฉันไว้เหรอ” เธอครางถาม พอจะจำเหตุการณ์ก่อนหมดสติได้ สีหน้าจึงคลายความหวาดระแวงลง “ขอบคุณนะคะ ว่าแต่คุณเป็นใคร”

“ผมชื่ออัทธ์ คุณล่ะ”

“ตา...คณิตา” เอ่ยปากบอกชื่อตนเองจบ หญิงสาวก็กวาดตามองรอบกาย ห้องแห่งนี้ค่อนข้างแปลกตาในความรู้สึกของเธอมาก “ที่นี่ที่ไหน”

“คอนโดฯผมเอง”

คณิตาขมวดคิ้วกับคำบอกเล่า เธอพอเดาได้ว่าที่นี่คือห้องพัก แต่หลายสิ่งดูแปลกตาเกินคำบรรยาย ทั้งห้องและข้าวของส่วนใหญ่เป็นสีขาว ดูสะอาด ทันสมัยและเรียบง่าย แต่สิ่งสะดุดตาสุดคงเป็นร่างโปร่งแสงของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่ไม่ห่างจากอัทธ์ เธอสวมใส่เดรสสีขาวแขนกุด หน้าตาสะสวย ไว้ผมยาวประบ่ากำลังจ้องมองคณิตาด้วยดวงหน้าเรียบสนิท

“เธอปรกติดีแล้ว คุณควรให้เธอออกจากห้อง”

“ไม่ต้องยุ่งน่า ผมจัดการเรื่องนี้เอง”

หลังคำสั่ง ร่างโปร่งแสงตรงหน้าก็เลือนหาย ท่ามกลางสีหน้าตื่นตกใจของคณิตา

“เธอเป็นใครคะ” วูบหนึ่ง คณิตาเกือบนึกถึงภูตผีหรือดวงวิญญาณ แต่ชายหนุ่มก็อธิบายให้เธอฟังก่อนจินตนาการจะบรรเจิดไกล

“นั่นมันภาพโฮโลแกรม เธอคือเอวาไง”

“คะ อะไรคือเอวา” คณิตาเลิกคิ้ว เขาพูดราวกับมันคือสิ่งที่เธอสมควรจะรับรู้กับคำอธิบายสั้นๆเพียงสองคำ

อัทธ์มองเธอด้วยสีหน้างุนงง กระนั้นเขาก็ยอมอธิบายเพิ่ม

“เธอชื่อเอวา โปรแกรมดูแลบ้านและจัดการชีวิตแบบสำเร็จรูปไง บ้านคุณไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมอดัมเอวานี้ไว้เหรอ”

คำถามของชายหนุ่มสร้างความงุนงงแก่หญิงสาวเป็นอย่างมาก คณิตากวาดสายตาสำรวจรอบห้องอีกครั้ง ความหวาดกลัวพลุ่งพล่านในใจ ขณะตัดสินใจเอ่ยปากถาม

“ที่นี่ประเทศไทยรึเปล่า”

สีหน้าอัทธ์แสดงความแปลกใจทันทีกับคำถาม อัทธ์เกือบหัวเราะออกมาอยู่แล้วเมื่อจู่ๆถูกถามด้วยคำถามไม่คาดฝัน แต่เขาก็ยั้งไว้ทันตอนเห็นสีหน้าจริงจังแกมหวาดหวั่นของคนบนโซฟา

“ถ้าไม่ใช่ประเทศไทยแล้วจะเป็นส่วนไหนในโลกล่ะ คุณกับผมไม่ได้พูดภาษาไทยกันอยู่เหรอ”

คณิตากลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกลำคอตนแห้งผากราวเป็นผง ความคิดเดียวในหัวตอนนี้เริ่มเตลิดเลยไกล

“ถ้างั้นคุณช่วยตอบฉันหน่อย...ตอนนี้ปีอะไร”

“นี่คุณโดนยาสลบจนสติฟั่นเฟือนรึเปล่า ถามอะไรแปลกๆ” อัทธ์บ่น ฝ่ามือหนาสัมผัสลงบนหน้าผากมนอย่างถือวิสาสะ แต่พอเห็นสีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้ เขาก็ยอมตอบคำถามแต่โดยดี “วันนี้วันที่ 30 ธันวาคม 2099 ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณอยากรู้”



ราวฟ้าถล่มลงตรงหน้า คณิตารู้สึกเหมือนตนเองกำลังฝัน ไม่สิ นี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะรอยสัมผัสอุ่นบนหน้าผากเธอคือของจริง หญิงสาวเขยิบกายออกห่างจากอัทธ์เล็กน้อย จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาโต เบิกกว้าง

“ค.ศ. 2099 งั้นเหรอ นี่ฉันอยู่ในอนาคตจริงๆเหรอเนี่ย” เธอพึมพำกับตัวเอง แทบไม่อยากจะเชื่อคำพูดอีกฝ่าย แต่บรรยากาศรอบกายล้วนเอื้อให้มั่นใจในคำพูดของเขา

ทั้งเมืองและห้องพัก ทุกอย่างล้วนดูทันสมัยเกินกว่ายุคเธอแทบทั้งสิ้น นี่เธอหลงเข้ามาในอนาคตได้อย่างไร จะหาทางกลับบ้านได้รึเปล่า

“เป็นอะไร ทำไมคุณดูเหมือนจะช็อก ยังไม่หายจากฤทธิ์ยาสลบเหรอ”

ไม่ใช่แค่คำถาม แต่ฝ่ามืออุ่นจัดยังแตะต้องลงบนหน้าผาก แก้ม และลำคอ จนคนนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาในทีแรกจำต้องผุดลุกขึ้นยืนเพื่อเดินหนีเขา

“เปล่าค่ะ ฉันหายดีแล้ว” เธอเขยิบห่างจากเขาอีกหน่อย รู้สึกไม่ชอบใจนักกับอาการมือไม้ถึง

“ถ้างั้นก็กลับบ้านเถอะ แล้วเรื่องคืนนี้คุณจะแจ้งความไหม แต่ผมเองก็จำหน้าคนร้ายไม่ได้เสียด้วยสิ”

คำว่า ‘กลับบ้าน’ กระทบหัวใจคณิตาอย่างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเธอรู้ว่าตนเองอยู่ห่างจากบ้านถึงเกือบเก้าสิบปี

เธอจะกลับบ้านได้อย่างไร พอเริ่มคิด หยาดน้ำตาก็รินไหลลงจากนัยน์ตารียาวทั้งสองข้าง เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ถูกดึงมาสู่โลกใบใหม่ เธอร้องไห้อย่างหนักเมื่อตระหนักว่าตนเองไม่มีบ้านให้กลับเสียแล้ว

“อ้าว เฮ่ย เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” อัทธ์หน้าเหวอทันที จู่ๆหญิงสาวแปลกหน้าซึ่งแสดงท่าทางรังเกียจสัมผัสของเขาก็ร้องไห้ออกมา เขาชักเริ่มทำตัวไม่ถูก ยืนละล้าละลังอยู่นาน ท้ายสุดก็เลือกเดินเข้าไปโอบไหล่บางเพื่อปลอบเธอ “ให้ผมไปส่งที่บ้านไหม”

อาจเป็นเพราะเห็นความอ่อนแอของหญิงสาวตรงหน้า อัทธ์จึงเอื้อเฟื้อน้ำใจ ทั้งๆที่ปรกติแล้วเขาเป็นคนไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของชาวบ้าน

“ไม่ค่ะ” คณิตารีบส่ายหน้า เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนอุ่น “ฉันไม่รู้ว่าจะกลับไปไหน”

“คุณหนีออกมาจากบ้านรึไง”

“เปล่า” เธอเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกจนหนทาง แต่ก็ไม่กล้าเล่าความจริงให้ฟัง เพราะมั่นใจว่าอัทธ์คงคิดว่าเธอเป็นบ้าแน่ๆ แล้วเธอก็ไม่อยากกลับลงไปเร่ร่อนกลางถนนอีก ความหวาดกลัวเมื่อครู่ยังสุมเต็มอก ยิ่งคิดก็ยิ่งสั่นผวา กลัวเหลือเกินว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เลวร้ายซ้ำ

คณิตาเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงๆเป็นครั้งแรก หญิงสาวจึงเพิ่งเห็นอีกฝ่ายชัดตา เขาเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ผึ่งผาย ดวงหน้าเรียวคมสันค่อนไปทางลูกครึ่งฝรั่งมากกว่าคนไทย อีกทั้งยังดูเหมาะเจาะกับผมทรงสกินเฮด จมูกโด่งได้รูปโดดเด่น ไรหนวดจางๆแถวแนวคางส่งผลให้เขายิ่งดูเข้ม หล่อเหลาจนคนมองแทบลืมหายใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังจดจ้องนิ่งสบตาเธอ

“ขอฉันค้างที่นี่สักคืนได้ไหม” คณิตากลั้นใจถาม เห็นแววตาคมเบิกกว้างเล็กน้อยหลังฟังคำขอของเธอ

“ไม่ได้” อัทธ์ปฏิเสธทันที ความหวาดระแวงแล่นพล่าน เขาเริ่มไม่ไว้ใจหญิงสาวตรงหน้าเสียแล้ว “แค่ผมช่วยคนแปลกหน้าอย่างคุณก็เสี่ยงมาก คงให้นอนค้างไม่ได้หรอก อีกอย่างคุณเป็นใครกันแน่ เอวาตรวจสอบลายนิ้วมือคุณแล้ว ไม่เห็นพบข้อมูลอะไรเลย”

หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างแน่น จะให้เจออะไรได้ไงเล่า ก็เธอใช่คนในยุคนี้เสียที่ไหน

“หรือคุณเป็นพวกแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้าเมือง”

คำคาดการณ์ของอัทธ์เล่นเอาเธอสะดุ้ง

“บ้าสิ แรงงานต่างด้าวประเทศไหนจะพูดไทยชัดขนาดนี้”

“ไม่รู้สิ คุณอาจฝึกภาษาไทยจนคล่องก็ได้” อัทธ์ยักไหล่ จากนั้นจึงใช้สายตากวาดสำรวจเจ้าของร่างบอบบางตรงหน้าอีกครั้ง “ยังไงผมก็ให้คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้ หายดีแล้วก็กลับไปเถอะ”

คำตัดสินของอัทธ์เรียกแววร้าวรานปรากฏบนดวงตาสีดำคู่สวย คณิตารู้สึกโหวงในอกอย่างบอกไม่ถูก ใช่เธอจะไว้ใจผู้ชายคนนี้นัก แต่อย่างน้อยเขาก็ดูเป็นคนดี ยอมช่วยเหลือเธอ ดังนั้นการเอ่ยปากขออาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราวจึงดูเป็นตัวเลือกดีที่สุดยามนี้ ทว่าความหวังสุดท้ายกลับหลุดลอย

คณิตาพยักหน้าน้อยๆยอมรับชะตากรรม เธอหันหลังให้เขา เหลียวมองรอบกายเพื่อหาประตูสู่ทางออก แต่เมื่อพบแล้วหญิงสาวก็ได้แต่ยืนงง ทำอะไรไม่ถูก ประตูในยุคนี้เขาเปิดปิดกันยังไง

“เอ่อ...ฉันเปิดประตูไม่เป็น” เธอหันมาสารภาพเสียงอ่อยกับคนด้านหลัง

อัทธ์มองปฏิกิริยาของหญิงสาวแปลกหน้าอย่างแคลงใจ เขาเดินไปหยุดอยู่ทางด้านหลังเธอ ยกมือขึ้นสัมผัสระบบเซ็นเซอร์ทางด้านข้างบานกระจก เสี้ยวนาทีถัดมา ประตูกระจกตรงหน้าก็เลื่อนเปิดออก คณิตาหันหลังกลับมาเงยหน้าสบตาชายหนุ่มอีกครั้ง

เธอพยายามจะยิ้มขอบคุณ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกินเพราะหัวใจตอนนี้กำลังหวาดหวั่นต่ออนาคตข้างหน้า

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” น้ำเสียงของเธอสั่นขณะเตรียมจะก้าวออกจากห้อง

“เดี๋ยว” แขนข้างหนึ่งของหญิงสาวถูกฝ่ามืออุ่นจัดรั้งไว้ รอยอบอุ่นเขยิบมาซ้อนทับแผ่นหลังบาง พร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นจางๆลอยแตะปลายจมูก “ผมให้คุณนอนที่โซฟาคืนนึงก็ได้ แต่จะให้เอวาจับตาดูคุณตลอดเวลา แล้วพรุ่งนี้เช้าคุณค่อยไป นี่ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว ผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปเดินเตร็ดเตร่ตามลำพังกลางถนนคงไม่ดีนัก”

ความหนักอึ้งในอกถูกยกลอยหาย แทนที่ด้วยความชุ่มชื่นจากน้ำใจของชายแปลกหน้า

“ขอบคุณค่ะ” คราวนี้หญิงสาวยิ้มให้เขาทั้งริมฝีปากและดวงตา

อย่างน้อยคืนนี้เธอก็มีที่ซุกหัวนอน


----------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วก็ได้เจอพระเอกนะคะ >/////<



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2556, 09:46:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2556, 09:46:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1519





<< บทที่๑/๒ ร้านอัญมณีในซอกหลืบ   บทที่๒/๒ โลกอนาคต >>
อสิตา 19 พ.ย. 2556, 09:49:34 น.
อัทธ์ได้เข้าไปสอนหญิงสาวอาบน้ำอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน


ริญจน์ธร 19 พ.ย. 2556, 10:03:14 น.
ตอบคอมเม้นค่ะ
คุณ ketza คุณอัทธ์มาหาหนูตาแล้วนะคะ แต่จะทำยังไงกันต่อไปดีน้า ต้องรอตอนหน้าแล้วละ

คุณ lovemuay มาแล้วค่ะ พระเอกของคณิตาอยู่ต่างเวลากับเธอค่า ว่าแต่คุณอัทธ์คนนี้จะเหมือนที่นางเอกเราฝันไว้รึเปล่า ต้องรอติดตามกันต่อไปนะคะ

คุณ อสิตา มาแล้วๆ ไม่ปล่อยให้รอนาน

คุณ ดวงมาลย์ แหะๆ แอบตื่นสาย ดีนะเป็นเล่มสามเลยแปะหลังชาวบ้านได้ 55555

คุณ Zephyr โหดตรงหนายยยยยย เฟอร์จังกล่าวร้ายพี่มูนนะ 555 ร้านนี้ขายของแล้วไม่รับเคลมค่ะ เพราะขายเสร็จก็ชิ่งหายไปในกาลเวลาแล้ว ส่วนโลกอนาคตนี่ ยังเป็นประเทศไทยค่ะ

คุณ บุลินทร พระเอกเรื่องนี้โผล่แล้วนะ พระเอกเรื่องม่านเมื่อไรจะมา(ข่มๆๆๆ)

คุณ ใบบัวน่ารัก คณิตาไม่ได้เตรียมตัวเลยไม่ได้พกอะไรมาเลยค่ะ ดีที่ได้พระเอกช่วยเอาไว้

คุณ konhin 5555 เริ่มมีคนหลงรักหนูอัคนีมายาซะแล้ว ยายหนูคนนี้คือย่าอมินตามาเกิดใหม่ค่ะ เนื่องจากสามเล่มนี้จะหลุดไปในกาลเวลาที่ต่างกัน เราเลยต้องมีตัวละครกลางเพื่อเชื่อมเรื่องทั้งสามไป ก็คือร้านกาลเวลา มิตร และ อัคนีมายา นี่แหละค่ะ

คุณ nako หลุดมาแบบบ้านนอกเข้ากรุงไปหน่อยเลยเกือบโดนทำร้ายเสียแล้ว ดีนะได้เจอพระเอกช่วยไว้

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องน้ำดำน่าจะเป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่น่าแก้ไขง่ายค่ะ เหมือนปัญหาโลกร้อน ปัญหาป่าไม้ (จริงจังไปไหม แหะๆ )

คุณ patok มิตรเป็นตัวละครเชื่อมที่จะอยู่ในทุกเล่มค่ะ สามเรื่องนี้ไม่ได้เกิดใกล้กันเหมือนภาคแรก อ่านไปพร้อมๆกันอาจมีงงๆบ้างเล็กน้อยค่ะ แต่ตอนท้ายของแต่ละเรื่องจะมีเฉลย


ดวงมาลย์ 19 พ.ย. 2556, 10:22:13 น.


ketza 19 พ.ย. 2556, 11:26:37 น.
พี่อัทธ์น่ารักที่ซู๊ดดเลย ไม่งั้นคืนนี้เค้าจะนอนที่ไหน >/////<
เอาอีก เอาอีก ยังไม่ได้อาบน้ำเลย 555 ฟิ๊ววววว.......


บุลินทร 19 พ.ย. 2556, 11:33:37 น.
พระเอกม่านกะลังเร่งให้โผล่อยู่ วันพฤหัสมาแน่ ฮ่าๆๆ


Zephyr 19 พ.ย. 2556, 13:32:02 น.
เม้นท์ บน มาจริงๆใช่มั้ย พฤหัสนะ ต้องโผล่นะ ไม่โผล่เหรอ หึหึหึ
คุณอัทธ์ก็ ตายังเป๋อๆแบบนี้ ปล่อยไปจะดีเหรอๆๆๆๆๆๆๆ
ผู้หญิงตัวคนเดียวนะๆๆๆๆๆๆๆ อันตรายๆๆๆๆๆๆ เพิ่งโดนยามานะๆๆๆๆๆๆ
ไม่เ็ป็นห่วงเหรอๆๆๆๆๆ ปล่อยไปแล้วจะรู้สึกผิดนะๆๆๆๆ
ฮ่าๆๆๆ เอคโค่กดดันๆๆๆ ยอมให้อยู่ด้วยเถอะๆๆๆๆๆ
ไม่ให้อยู่แล้ว คนอ่าน จะ ฟิน ได้ยังไง


lovemuay 19 พ.ย. 2556, 18:46:57 น.
พี่อัทธ์จะให้นอนคืนเดียวจริงๆหรอคะ? เดี๋ยวก็ใจอ่อน อิอิ


goldensun 19 พ.ย. 2556, 19:55:58 น.
โลกอนาคตนี่ น้ำใจเริ่มหายกันแล้วใช่มั้ยคะ รับสาวหลงทางเข้าบ้าน ยังระแวงว่าเป็นมิจฉาชีพ ทั้งที่เห็นๆ ว่าเกือบโดนทำร้าย โดนวางยามาซะด้วย แล้วตาจะทำยังไง กับสภาพที่ไม่มีตัวตนในโลกอนาคต


นักอ่านเหนียวหนึบ 19 พ.ย. 2556, 22:10:44 น.
ห๊ะ ยัยตาริกินยาอ่อน!!!!! หล่อนนะเฉียดร้อยแล้วนะยะ!!!! อัทธ์ขาของนูน่า ไรเตอร์บรรยายหน้าตาอัทธิ์ขา จนเค้าเคลิ้มเบยยย คิๆๆๆ


nako 19 พ.ย. 2556, 22:38:47 น.
นายอัทธ์จะใจร้ายจริงๆเหรอ ไม่สงสารหนูตาเหรอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account