โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๕ รอยเล็บที่ไม่อยากลืม

ความสั่นสะเทือนจากในห้องโถงยังไม่จางหาย คล้ายว่ามันกำลังจะปริแตกลามมาถึงข้างนอก
ยังไม่ทันได้หยุดพักหายใจ ทันใด ชามัลกรากเข้ามายืนข้างๆจนทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต้องหันไประวัง
แทบพร้อมกัน แต่แล้วกลับพบว่าตาเรืองวาวของร่างรูปเงาไม่ได้จับจ้องพวกเขาหรือโมรา
ทว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งที่อยู่ข้างหลังและพาให้ชนคอของมิตรลุกชันเมื่อยินเสียงคำรามต่ำ
มาจากมัน เขาค่อยๆหันไปพร้อมสิตารา แล้วทั้งคู่ก็เห็น...

เสือดำสนิทตัวมหึมากำลังย่างก้าวเข้ามา ตาสีเหลืองแลบประกายไฟของมันเรืองหรี่แสงอย่างน่ากลัว
เสือนั้นคำรามฮื่อในคอ แสยะเขี้ยวขาว ก่อนจะแผดเสียงแหลมยาวเหมือนแมวปิศาจ โจนฝ่ากลาง
ระหว่างมิตรและสิตาราเข้าหาชามัลในทันที!




บทที่ ๕ รอยเล็บที่ไม่อยากลืม

มิตรล้มกลิ้ง ประคำหลุดมือ คบไฟกระเด็นไปอีกทางแต่ยังไม่ดับ จังหวะเดียวกับความสั่นสะเทือน
ภายในโถงมรณะลามมาถึงข้างนอก พื้นปริแตกถล่มกราว เพดานข้างบนก็เช่นกัน

ด้วยสัญชาตญาณสั่ง สิตาราเอื้อมไปคว้าประคำโมราที่เกือบจะถูกหินทับมาได้หวุดหวิด
เธอเร่งเอามันคล้องคอฉับ ก่อนจะร้องเรียกหามิตร พร้อมกับวิ่งไปหยิบไต้ซึ่งหล่นอยู่ใกล้ตนมาถือไว้
ขณะที่ความสับสนเกิดขึ้นติดต่อกัน เสียงเสือดำยังคงคำรามโกรธจัดยามเข้าพันตู
กับร่างรูปเงาที่สลายหายไปทางนั้นทีทางนี้ทีวูบวาบ ชัดเจนว่ากรงเล็บของเสือสามารถทำร้ายร่างวิญญาณ
ที่ดูเป็นกลุ่มพลังงานร้อนรนของชามัลได้ แม้จะไม่ถนัดถนี่นักแต่ก็เห็นว่าเขาทุรนทุรายคล้ายบาดเจ็บ
ส่งเสียงร้องคำรามเกรี้ยวกราดแข่งกับเสียงเสือจนแทบจะโหยหวนเหมือนเปรตหรืออสุรกายจากนรก
ยินเสียงกรีดยาวครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างรูปเงานั้นจะวูบสลายหายไปในบัดดล

พื้นแตกเปรี๊ยะไล่ระนาวไปจนถึงตรงที่ร่างของมิตรนอนจุกแอ้กอยู่
เกิดช่องมหึมาพาให้ร่างชายหนุ่มร่วงวูบลงไป!

“มิตร!”
สิตาราร้องเสียงหลง ตะกายไปหาแต่ไม่ทันเสียแล้ว แสงไต้ส่องให้เห็น
แม้มิได้ร่วงลงสู่เหวไร้ก้นบึ้งแต่ชายหนุ่มลงไปติดอยู่ตรงแง่หนึ่งที่อยู่ลึกลงไปมาก
เสือดำกระโจนตามติดลงไปหา สิตาราไม่รู้ว่ามันจะลงไปช่วยหรือว่าทำร้ายมิตรด้วยอีกคน

ทว่าเรื่องนั้นจะเป็นยังไงต่อไปเด็กหญิงก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้เลย

ร่างเล็กถอยออกมาจากรอยแยกพสุธาทั้งรอยยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มของเจ้าของร่าง
แต่จากบางสิ่งที่คล้ายรูปเงาซึ่งเพิ่งวูบเข้าไปหาเธอในชั่วเสี้ยววินาที
หลังโยนคบไต้ที่ไม่จำเป็นทิ้งไป มือของสิตาราเอื้อมขึ้นสัมผัสประคำโมราที่สวมอยู่รอบคอ
ตาเป็นประกายวาวขึ้นอย่างสาสมใจ
“พวกโง่...ขอรับตัวเด็กนี่กับโมราไปก่อนก็แล้วกัน อย่าเพิ่งตายกันเร็วนักล่ะ
เพราะเรื่องนี้ยังต้องการพระเอกสักคนสองคน แม้ว่ามันจะต้องตายหมดในตอนจบก็เถอะ”

เสียงหินยังคงถล่มลงมา ท่ามกลางวินาทีชีวิตที่เคลื่อนผ่าน ไม่มีสายตาคู่ใดเลยจะมองมาเห็น
ว่าร่างเล็กที่เวลานี้คล่องแคล่วเกินตัวไปมากของสิตาราโจนหายไปยังทิศใด!


ในห้วงลึกที่มิตรตกลงไปไม่มีไฟกรด... มันเป็นหลุมที่เกิดจากกลไกการทำลายตัวเองของสถานที่แห่งนี้
ไว้ต้อนรับผู้บุกรุกซึ่งบังอาจหยิบโมรารัตติกาลไปจากที่ เป็นเหตุผลว่าทำไมท่านอาอัคนิของเขา
ไม่ทำลายที่นี่เสีย อาจทิ้งไว้เป็นบทเรียนสำหรับคนที่รั้นจะฝ่าฝืน แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ปิดตาย
ทางเลือกของโชคชะตา ถ้าหากว่าจะมีใครสักคนอาจหาญเข้ามาเอาประคำโมรานั้นไปจนได้
เป็นการเล่นเกมอย่างยุติธรรม สำหรับทั้งเขาและชามัล

แต่ตอนนี้เป็นเขาที่พ่ายแพ้ มิตรปวดร้าวไปตลอดร่างทั้งภายนอกและภายใน แทบไม่อาจขยับตัวได้อีก
เมื่อร่างลอยลงมากระแทกแง่หินจนจุกแอ้ก ในยามที่พระแม่ธรณียังสั่นไหวครางครืนคล้ายอยากสูบเขาลงไป

ดวงตาของมิตรเริ่มหรี่ลง แล้วเขาก็เห็นจุดของแสงสว่างน่าสะพรึงคู่หนึ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้
ตาของเสือดำตัวนั้น! มันมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร และผู้ใดส่งมันมา เขาไม่มีทางรู้

สายตาที่ดุร้ายยิ่งใกล้เข้ามา เขี้ยวคมวาวแสยะออกพร้อมเสียงคำรามลั่น มิตรหลับตาสนิทลง
ไม่อยากรับรู้วินาทีสุดท้ายของชีวิตที่มาถึง ทำไมนะ ทั้งที่เขาอุตส่าห์นอนรักษาชีวิตตัวเอง
ให้ยืนยาวเพื่อรอคอยบางอย่าง รอคอยจะพบเธออีกครั้งในสักวัน แต่แล้วความใจอ่อน
ก็ทำให้เขารนหาที่ตายแบบแปลกๆ
เขาเชื่อว่าถ้าตนเองทิ้งสิตาราแล้วหนีไปอีกทางก็อาจจะหนีพ้น แต่แล้วเขาก็ดันให้ทางเลือก
อย่างพิเศษสุดกับมันด้วยการเสนอตัวมาปลดปล่อยพลอยให้ แถมสิตาราก็ยังไม่รู้จะรอด
ปลอดภัยอย่างที่หวังหรือเปล่า เขาไม่รู้ และคงไม่มีทางรู้ เพราะจะต้องตายอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว

ห้วงความคิดของมิตรค่อยๆหรี่ดับ
ผ่านไปช้านาน เขาเริ่มรู้สึกว่าร่างตนขึ้นมาอยู่บนบางสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหว
ขนสีดำสนิทแนบอยู่กับใบหน้า เจ้าเสือดำนั่น มันช่วยเขา เสือนี่ไม่มีกลิ่นสาบเลยสักนิด
บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นเสือมายา ใครบางคนส่งเสือดำตัวนี้มา
ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นผู้นำแห่งเมห์ฮรา อาของเขา...อัคนิ เมห์ฮรา



สิตาราฝัน ฝันว่าเธอกำลังโลดแล่นหนีจากแผ่นดินไหวและความตาย แล้วก็ทิ้งมิตรไว้เบื้องหลัง
ในฝันนั้นเธอไม่เสียใจเลย มีแต่ความรู้สึกกระหยิ่มยินดี ลำพองในอกอย่างประหลาด จนแทบ
อยากจะหัวเราะร่าออกมาสุดเสียงให้ทั้งโลกได้รับรู้ เธอกระโจนผละจากช่วงที่หินถล่มไปจนไกลพอ
ในถ้ำอันแวดล้อมด้วยหินและน้ำแข็ง ทุกอย่างสงบ สงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอเองที่โลดลิ่วไป
ในเงามืด เป้สะพายแนบติดหลังไม่ได้เป็นตัวถ่วงแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับพลังเข้มแข็งในตัวตน

พลังนั้นพาร่างเธอพุ่งไปนานจวบเป็นวันในหนทางมืดมิดคนละทางกับที่ผ่านเข้ามา
หลบหลีกกับดักหลุมพรางเป็นสามารถ ไปไกลจนถึงทางที่กับดักพรางตาเริ่มจะน้อยลงก็ยังวิ่งต่อ
คล้ายมีลมเพลมพัดอย่างของมิตรคอยช่วยพยุงแต่สิตาราเริ่มรู้สึกล้าแปลกๆ
เหมือนกล้ามเนื้อกำลังจะฉีกขาด แม้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วแต่บางอย่างข้างในกำลังร่ำร้องว่าทนไม่ไหว...

‘พอเถอะ หยุดที... เหนื่อย ขอพักหน่อย!’

‘อ่อนแอเหลือเกิน’ ที่สุดก็มีอีกเสียงรำพึงตอบมาในใจ

ร่างเล็กบอบบางเกินวัยหยุดชะงักทรุดลงคล้ายถูกปิดสวิตช์กะทันหัน สิ่งที่เข้าควบคุมร่าง
ปล่อยให้เธอนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน พอเริ่มฟื้นตัวก็กลับลุกมากินอาหารและน้ำในเป้รวดเร็ว
พักให้ย่อยแล้วออกวิ่งต่อ เมื่อไปไม่ไหวก็พักอีก ราวกับสิตาราเป็นตุ๊กตาที่ต้องเติมพลังงานเป็นระยะ
แต่ก็ไม่ได้รับความปรานีแต่อย่างใดไปกว่านั้น จนกระทั่ง...

แสงสว่างมัวซัวรอคอยอยู่เบื้องหน้า เท้าของสิตาราย่ำพรวดลงในหิมะ ภาพรอบกายที่ผ่านไปเร็วฉิว
ดูจะขาวโพลนเลือนรางในความรู้สึกหลับๆตื่นๆ เธอหลับฝันทั้งยังวิ่งไปด้วยพลังขับเคลื่อนแปลกประหลาด
ตอนนี้สิตาราเริ่มแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน แต่คือความจริงที่เกิดขึ้น จะเพราะใครเป็นไม่ได้ นอกจาก
เจ้าร่างรูปเงาเร้นลับที่มาปรากฏกายบงการชะตาของมิตรและเธอ ตอนนี้มิตรถูกทิ้งไว้ลำพังทั้งที่บาดเจ็บ
สีหน้าเขาครั้งสุดท้ายดูเจ็บปวดมาก สิตาราคิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมา

‘มิตรจะตายหรือเปล่า ฉันอยาก...กลับไปดูมิตร’ เสียงภายในใจวิงวอนสั่นพร่า

‘หึ คนหนังด้านหนังเหนียวพรรค์นั้นคงไม่จอดง่ายๆหรอก ห่วงตัวเองดีกว่ายายเปี๊ยก’
เสียงร้ายกาจเอ่ยตอบ ตอนนี้สติที่ถูกกดไว้ของสิตาราเริ่มรู้ชัดว่าเขาเป็นใคร

‘แต่ว่า เราไม่เคยแยกจากกัน มิตรดูแลฉันมา จู่ๆจะให้ทิ้งกันได้ยังไง’

‘เราสองคนยังต้องไปกันอีกไกล ลืมไอ้บ้านั่นซะ ต่อไปฉันจะดูแลเธอเอง ถึงจะไม่ชอบเลี้ยงเด็ก
แต่เรายังจำเป็นต้องมีกันและกันอย่างนี้ต่อไป’

ไม่มีเสียงตอบใดๆอีก แม้จิตสิตารายังไม่เลิกอาละวาดคร่ำครวญขอร้องเรื่องมิตร
รู้ตัวอีกทีพื้นหิมะใต้ฝ่าเท้าก็เริ่มบางลง ร่างเล็กก้าวผ่านป่าสูงอันหนาวเย็น
โดดจากหินก้อนสูงๆต่ำๆลงสู่พื้นที่ต่ำลงไป คล้ายจะมองเห็นประกายระยิบระยับสีเงิน
กว้างขวางราวกับแผ่นกระจกซึ่งถูกเร้นในไอเย็นอยู่ไกลออกไป ทะเลสาบ...
ภาพนั้นก่อความรู้สึกสบายใจและปลอบโยนอย่างบอกไม่ถูก แล้วสติก็ถูกปล่อยให้จมลง
แต่สิตาราก็รู้ ร่างจะยังคงก้าวต่อไปด้วยการนำพาของวิญญาณร้ายที่เข้ามาจับของพื้นที่อยู่ร่วมกันกับเธอ!


แสงสีส้มอมทองอบอุ่นนั้นเป็นแสงของไฟไม่ผิดแน่... ดวงตาเรียวคมสวยค่อยๆลืมขึ้น
เธอคงจะหลับไปนาน อาจจะเรียกว่าเป็นหลายวัน ยังปวดไปทั้งตัวจนขยับนิดเดียวก็ต้องครางอูย

“นอนนิ่งๆไปสักพักก่อน เดี๋ยวค่อยลุกมาหาอะไรกิน”

เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังของเธอที่ฟุบตะแคงอยู่ เสียงที่ไม่เหมือนกับเสียงมนุษย์คนใด
บางคราวก็ฟังคล้ายคำกระซิบของสายลม แต่มันกลับชัดเจนอยู่ตรงริมหู แน่นอนว่าตอนนี้สิตารา
ต้องอยู่กับเขา แล้วก็ไม่มีมิตรอยู่กับเธอเสียด้วย! เด็กหญิงขยับตัวช้าๆ รู้สึกได้ว่ามีสมุนไพร
ประคบอยู่บนร่างหลายจุด

“นี่คุณทำให้ฉัน”

“เรียกชื่อสิ...ใช่ ฉันทำ แต่ใช้ร่างเธอที่ไม่รู้สึกตัวนั่นแหละทำ ก็ฉันไม่มีมือนี่”
รูปเงาทำท่าคล้ายไหวไหล่เบาๆ

“อ้อ แล้วคุณ...ชามัลก็จุดไฟได้ด้วยเหรอ ไม่ยักกะรู้ว่าผีจะจุดไฟได้” สิตารายอมเรียกชื่อเขา
ไม่ใช่เพราะเชื่อฟัง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเขาทำอะไรได้แค่ไหนยังไง

“ได้สิ ถ้าผีนั้นเคยเป็นเจ้าแห่งไฟมาก่อน อย่างน้อยก็เกือบๆจะแน่ใจว่าเคยเป็น”
เสียงเอ่ยมีแววสมเพชระคนขื่นแค้นแฝงอยู่ปนกับความขำขันจากใจจริง
ใช่ ชามัลเคยคิดว่าเขาเป็น แต่ความคิดนั้นก็สิ้นสุดเมื่อวินาทีที่เขากำลังจะ
ถูกมันหยุดลมหายใจในสภาพร่างบอบช้ำเละเทะไม่เหลือชิ้นดี

“ฉัน...อยากรู้เรื่องของชามัลมากกว่านี้ มิตรเล่าออกมาแค่นิดเดียวเอง”

“ฟังนะ บอกตรงๆเลยว่าฉันไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับเด็ก ยอมให้เป็นกรณีพิเศษแล้วกัน
แต่ก่อนที่เธอจะขอให้ฉันเล่าอะไร ก็ลุกมาอุ่นอาหารกระป๋องนั่นกินเองเสียก่อน ทำได้ใช่ไหม”

สิตาราซึ่งยังไม่มีแรงพูดมากนักค่อยๆขยับลุกคืบคลาน รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของสร้อยประคำที่ลำคอ
แต่เธอไม่กระโตกกระตากให้เขานึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาตอนนี้ พยายามหยิบนั่นจับนี่ไม่ชักช้าภายใต้สายตา
ที่จับจ้องมองมา เมื่อซุปอุ่นจัดตกถึงท้อง ความรู้สึกแย่ๆก็เริ่มทุเลาไปจากร่างกายหลายส่วน เหมือนว่า
ชามัลจะจับความรู้สึกของเธอได้ เสียงบอกเล่าจึงได้เริ่มต้นขึ้น

“มิตร...คนที่เลี้ยงดูเธอมา เขามาจากตระกูลใหญ่ เมห์ฮรามีอิทธิพลต่อโลก
เป็นตระกูลแห่งความหยั่งรู้ที่เรียกว่าตาที่สาม พวกเรามีลางสังหรณ์ถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด
มองไปเห็นสิ่งที่ยังไม่ปรากฏแก่ตา แต่ในการทำงานสำคัญต่างๆเราจำเป็นต้องมีมากกว่านั้น
แค่รู้จะไปทำอะไรได้ บรรพบุรุษเราจึงได้พัฒนาพลังธาตุไฟขึ้นเพื่อใช้ต่อกรกับผู้ที่ขวางทาง
เมห์ฮราจึงเป็นเหมือนเปลวไฟท่ามกลางความมืดมิดที่นำพาผู้คนก้าวไปข้างหน้า
ตั้งแต่ยุคโบราณนานนมมาแล้วใครๆก็ต้องพึ่งเรา เพื่อให้เรานำพาไปสู่หนทางที่ต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นพระราชาหรือเจ้าของดินแดนยิ่งใหญ่มาจากไหน”
ชามัลหยุดเว้นจังหวะเพื่อให้คนฟังมีโอกาสพูด

“ฟังเหมือนนิทานเลย”

“แน่นอน นิทานส่วนใหญ่ก็จำลองมาจากเรื่องจริงทั้งนั้น การสร้างไฟจากอากาศ
ทำให้เราสามารถควบคุมความร้อนก่อนที่ไฟจะติดขึ้นมาได้ด้วย ไว้สร้างลมเพลมพัด
เหมือนที่ฉันช่วยให้อากาศร้อนดันตัว ให้เธอวิ่งหลบกับดักในขุมทรัพย์นั่นได้เร็วขึ้นไงล่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง แล้วเรื่องนั้นยังไงต่อ เมห์ฮรากลายเป็นขุนนางของพระราชาหรือ”

“ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นในบางยุคสมัย แต่ถ้าถามฉัน ถ้ามียุคที่ฉันได้ขึ้นเป็นผู้นำ
การก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดต่างหากที่ฉันต้องการ...ก็คงเกือบจะได้เป็นอยู่แล้วน่ะนะ
ถ้าไม่มาตายซะก่อน”

“คนที่ฆ่าชามัล เขา...” สิตาราพูดขยักถ้อยคำอย่างไม่แน่ใจ เกรงวิญญาณร้ายตรงหน้าจะโกรธ
แต่เมื่อเขายังเฉย เธอก็พูดต่อจนจบ “เขาได้เป็นหัวหน้าตระกูลแทนงั้นสิ”

“ใช่ ฉันยอมรับอย่างไม่อาย แต่นั่นเป็นเรื่องที่เราจะต้องแก้ไข”

“อัคนิ หัวหน้าตระกูลคนนั้น มิตรชื่นชมเขามาก บอกว่าเขาคู่ควรทุกอย่าง
ไม่อยากขัดจังหวะหรอกนะ แบบนี้จะให้เชื่อใครดีล่ะ”

“หึๆ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะตีความคำว่าคู่ควรยังไง มิตรของเธอคงจะกราบกรานมัน
เหมือนพ่อบังเกิดเกล้าถึงได้ชมนัก เพราะว่าก็ดูเหมือนมิตรจะเป็นลูกลับๆของอัคนิจริงๆ”

“ไม่หรอก มิตรเคยบอกฉัน...พ่อของเขาชื่อศานติมัน เป็นเจ้าตระกูลคนก่อนที่ไม่ได้ความอะไรเลย
เขาไม่เข้าข้างใครแค่เพราะว่าเป็นพ่อตัวเอง ผิดก็ว่าไปตามผิด มิตรว่าพ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่บนโลก
มีก็แต่อาที่ชื่ออัคนิที่รู้เรื่อง ส่งเขามาอยู่ในที่ปลอดภัย เพราะหากรู้ว่าเขามีตัวตนพ่อพรรค์นั้นคงหาทาง
ใช้ประโยชน์จากมิตรอย่างแน่นอน”

ชามัลสะอึกไปในนาทีนั้น โดนใช้ประโยชน์ อย่างที่เขาเคยโดนจากปู่งั้นสิ...
เคยเดาว่าคนจรไร้หัวนอนปลายเท้าแต่ได้ใช้สกุลเมห์ฮราอย่างมิตรน่าจะเป็นลูกของอัคนิ
กับผู้หญิงยิปซีคนนั้น ถึงได้ติดนิสัยหดหัวหลับจำศีลอยู่ในกาลเวลาจนไม่แก่ไม่เฒ่ามาดุจเดียวกัน
ไม่ต่างจากอัคนิที่แท้จริงแล้วเป็นน้องชายปู่ของชามัลและควรจะดูชราห่างวัยจากเขาไปถึงสองรุ่น
ถ้ามันไม่ได้ผ่านการจำศีล แม้ว่ามันจะนอนหลับไปอย่างเต็มใจหรือไม่ก็ตามที

ปู่ของเขา คือเจ้าของนามศานติมันที่เด็กหญิงว่า
สรุปแล้วอาจกลับกลายเป็นว่าปู่ดันไปยุ่งกับผู้หญิงของน้องชาย
แย่งผู้หญิงคนนั้นมาเป็นของตัวจนมีลูกลับๆ ก่อนจะแต่งงานมีพ่อเขา
แบบนี้ก็ยิ่งนับว่าเขากับมิตรเป็นญาติที่ใกล้ชิดกันขึ้นมาอีก
มิน่า...บางทีเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับปู่จากตัวมัน

เอาเถอะ นั่นก็เป็นเรื่องนานนมมาแล้ว ถึงจะได้รู้ข้อใหญ่ใจความเอาตอนนี้ว่ามิตรเป็นพี่ชายของพ่อ
ชามัลก็ไม่สน เพราะขนาดพ่อตัวเองเขายังแทบไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา มีแต่ปู่ศานติมันคนเดียว
ที่เลี้ยงเขามา แต่ตอนนี้ปู่ก็...

“เหอะ คนไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นจะเป็นลูกใครก็ช่าง ฟังเรื่องของฉันต่อดีกว่า...
ในสายตาเด็กอย่างเธอ ฉันอาจดูเป็นตัวร้ายในนิทานที่อยากจะแย่งชิงตำแหน่งสูงสุดมาเป็นของตัว
อันดับแรกเลยก็ต้องเป็นหนึ่งในตระกูลตัวเองให้ได้ก่อน ถูกอย่างที่มิตรมันว่าอยู่เหมือนกัน...
เพราะปมในใจบางอย่างนั่นละ ทำให้ท่านปู่ศานติมันกลายเป็นผู้นำที่ไม่เอาไหน แม้ท่านจะ
เป็นคนฉลาดมาก ช่างน่าเสียดาย เพราะท่านไม่เคยสลัดปมนั้นไปจากใจได้เลย ปมที่ว่า
ก็คือเรื่องของน้องชายเพียงคนเดียวที่ท่านปู่รักมากที่สุด รักมากยิ่งกว่าฉันที่เป็นหลานรักเสียอีก”

“อัคนิ เมห์ฮราคนนั้นน่ะหรือ”

“ใช่ ถ้าเธอได้พบเขา เธอจะเห็นว่าเขาไม่แก่ไม่ชรา ทั้งที่อายุก็ร่วมร้อยเข้าไปแล้ว นั่นก็เพราะ...
ชายคนนั้นเกิดมาพร้อมพลังไฟที่เชื่อกันว่าสูงส่งกว่าใคร ทุกคนจึงเห็นควรให้เขาเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
แทนท่านปู่ศานติมันที่เป็นทายาทคนแรก ทำให้หัวใจท่านปู่แตกสลาย ทั้งรัก ทั้งแค้นน้องชายที่ว่า
จนที่สุดท่านก็ทำให้น้องตนเองเหมือนตายทั้งเป็นด้วยยาสั่งนิทรา ก่อนจะนำวิญญาณไปกักขังไว้
ในพลอยตาเสือ ข้อแม้ของยาสั่งนั้นมีอยู่ว่าหากร่างกายผู้ใดยังรอคอยอยู่ได้เกินกึ่งศตวรรษ
โดยปราณที่เชื่อมร่างกายกับวิญญาณไม่สลายก็จะฟื้นคืน

ตอนนั้นฉันกับอัคนิผู้กลายเป็นสมิงของพลอยตาเสือต่อสู้กัน ฉันตาย พลอยราชันแตกสลาย
มันเองก็น่าจะหายไปแล้วแท้ๆ ใครจะรู้ว่ามันจะกลับเป็นอิสระ...จนฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ”

“ถ้าสู้กันแล้วแพ้ ก็น่าจะยอมให้เขาได้ตำแหน่งนั้นไป” สิตาราติง

“แต่การต่อสู้มันยังไม่จบนี่เด็กโง่ ไม่คิดว่าคนที่กลับมาจากความตายเพื่อมาทวงถาม
สมควรจะได้รับโอกาสให้สู้อีกครั้งหรือไง ฉันจะย้อนกลับไปจัดการมันเสียตั้งแต่มันยังอ่อนหัด
ไม่ปีกกล้าขาแข็งอย่างตอนนี้ จะทำลายเมห์ฮราให้พินาศเสียตั้งแต่ร้อยปีก่อน
ให้มันต้องเจ็บปวด ทุรนทุรายเหมือนตายทั้งเป็น!”

“เอ้อ ยอมรับก็ได้ว่าชามัลเก่ง ฉันเคยเห็นวิญญาณ แต่ยังไม่เคยเจอรายไหนเหมือนแบบนี้
แต่ทางเอาชนะที่ว่า ก็คือจะกลับไปในอดีตใช่ไหมล่ะ ไปเล่นงานอัคนิตอนที่เขาไม่รู้ตัวว่ามีภัย
การต่อสู้ที่ไม่ใช่วิธีซื่อตรงแบบนั้นจะดีเหรอ” สิตาราทำเสียงดูแคลนโดยไม่ปิดบัง
เริ่มอยากยั่วโมโหชามัลแบบเนียนๆ

“ฮะๆ เด็กอย่างเธอจะไปรู้อะไร” เสียงของรูปเงาเริ่มจะกร้าวแข็งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เมื่อต่อสู้กัน เวลาที่จะต้องเจ็บหรือต้องตาย เหตุผลอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว มนุษย์ทำทุกอย่าง
เพื่อย้ายความพ่ายแพ้ไปไว้ฝั่งที่ไม่ใช่ตัวเอง โยนความเจ็บปวดไปให้ฝั่งตรงข้ามกับตัวเสมอ”

สิตาราก้มลงกะพริบตาปริบๆ สิ่งที่เขาบอกมันตรงข้ามกับสิ่งที่มิตรเคยสอนเธอมาตลอด
เหมือนจะไม่สามารถเข้าใจหรือยอมรับได้ แต่ไม่รู้ทำไม...เมื่อคิดถึงวินาทีที่ตัวเองกับพี่สาว
ทุรนทุรายหนีศัตรู ชีวิตใกล้หลุดลอย สิตาราก็อยากจะทำอะไรก็ได้ให้คนที่เจ็บหรือต้องตายไม่ใช่ฝั่งตน
จะขี้โกงขนาดไหนก็ได้ ถ้ายิ่งย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้เธอก็คงไม่ลังเลเลยที่จะทำ ชามัลเองบอกว่ายังไม่สาย...
เรื่องของพี่ดารา เขาจะพาเธอกลับไปยังห้วงเวลาในอดีตอีกครั้ง ไปเพื่อให้รู้ว่าพี่เป็นตายร้ายดียังไงจากวันนั้น

แต่กับคนตรงหน้า ไม่สิ วิญญาณร้ายตรงหน้า สิตาราก็พอจะรู้ว่าเขาทำเรื่องเลวร้ายมามากแค่ไหน
เขาเป็นคนสารภาพออกมาเองเสียด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะไปกับเขาได้ยังไง ถึงแม้ว่าเขาอาจจะ...
เป็นเจ้าชะตาของเธออย่างที่มิตรเคยพูดถึง

“นี่...มิตรบอกว่าเราจะรู้ว่าควรเชื่อใจใครหรือเปล่า ก็ต่อเมื่อได้มองตาคนคนนั้น
ฉันยังไม่เคยสบตาคุณ เอ๊ย ชามัลชัดๆเลย แล้วแบบนี้เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไง”
สิตารากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เพื่อนเหรอ แค่ควรเข้าใกล้เขาหรือเปล่ายังต้องคิดแล้วคิดอีก

“มาดูสิ ตอนนี้เลย”

เด็กหญิงกะพริบตา มองมือที่คล้ายจะเจือจางออกมาจากใต้รูปเงาดำที่นั่งขัดสมาธิอยู่ของเขากวักเรียก
เอาเถอะ สำหรับคนทั่วไปเขาอาจจะแปลก แต่ทั้งพี่ดาราทั้งเธอก็เห็นผีมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่
พี่สอนว่าเป็นน้องสาวคนเก่งต้องไม่กลัว แล้วแค่นี้จะเป็นไร เธอเป็นคนขอเอง เขาให้ดูแล้วก็ควรจะก้าวเข้าไป

สิตาราค่อยๆคืบตัวเข้าหาจนชามัลส่งเสียงขำออกมาคำหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ชอบหัวเราะเหมือนเยาะ
บางทีไม่รู้เยาะตัวเองหรือใคร แต่ตอนนี้เขาคงขำเธอแน่ คิดแบบนั้นแล้วเด็กหญิงก็คลานเข้าไปหาเขา
อย่างกล้ามากขึ้น มือเล็กๆค่อยๆเอื้อมไป เลิกผ้าคลุมหน้านั้นขึ้นช้าๆไม่ให้เหลือเงามืดลงมาบังอีก

ช่วงหน้าของชามัลเป็นสีเผือดเหมือนศพ คล้ายคน ทว่าเกือบจะมองทะลุไปได้
แต่ตอนนี้เขาทำให้สิตาราเห็นหน้าที่คงจะเคยหล่อเหลาชัดกว่าที่เคย
เด็กหญิงกลืนน้ำลาย เพิ่งสังเกตเห็นรอยเล็บที่มุมปากซ้าย
และอีกรอยพาดจากแก้มขึ้นไปถึงตา ร่องรอยนั้นมีขอบเรียบหมือนรอยมีดกรีด
แต่มองอีกทีก็เหมือนรอยเล็บตะกุย บอกไม่ถูกว่าอย่างไหน

“กรงเล็บสมิง...ตอนแปลงร่างเป็นคน” รูปเงาเฉลยคล้ายกระซิบ

“เสือ...”

“ใช่ แต่ไม่ใช่เสือดำนั่นหรอก นี่เป็นฝีมือพ่อมัน คนที่ฆ่าฉันไง”

สิตารารู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มพูนจนแทบจะไม่กล้าเปิดผ้าที่เบาหวิวเสมือนไม่มีอยู่ขึ้นไปให้เลยช่วงตา
เกือบสะดุ้งเมื่อพลันสบตาของเขาชัดๆ ตาสีน้ำตาลทองวาวโรจน์ราวเปลวของถ่านร้อนใกล้ราแสง
วูบนั้นเธอเห็น...ประกายตาที่ไม่จริงใจ หลอกลวง ซ่อนเล่ห์ร้าย
ความไม่ซื่อสัตย์เท่าที่จิตวิญญาณสกปรกดวงหนึ่งจะพึงมี
ทุกอย่างอัดรวมหมุนวนเป็นคลื่นสาดซัดเข้าใส่จนเด็กหญิงต้องผงะออกมา

นี่หรือคนที่ขอให้เธอไปด้วย ให้ร่วมชะตา ไม่มีวันเสียหรอก ไม่มีวัน!

ทันทีที่รู้ว่าอยู่ด้วยไม่ได้แน่ สิตารายิ่งถอยออกมาห่างร่างรูปเงาซึ่งยังนั่งนิ่ง
เธอถอดสร้อยประคำโมราออกเหวี่ยงไปอีกทางก่อนผละหนี

“จะไปไหนล่ะ หน้าฉันมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง”

สิตาราขบฟันแน่นไม่ตอบ เด็กหญิงหันไปคว้าเป้หลังที่วางทิ้งอยู่ขึ้นรวดเร็ว
ตั้งใจจะออกวิ่งไปตายเอาดาบไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ตายด้วยมือเจ้าของดวงวิญญาณ
ซึ่งแบกรับความเคียดแค้นและเพลิงผลาญเข้ามาอัดสุม
คนคนนี้ไม่มีความดีอะไรให้มองเห็นได้ในแววตาของเขาเลย
แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว ตายไปนานแล้วอย่างที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิด
แต่ความแค้นของเขา เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวินาทีก่อนนี้เอง!

ร่างเล็กบางวิ่งเร็วจี๋ไปยังทางออกของถ้ำมืดๆโดยใช้การรับรู้ของตาที่สามเข้าช่วย
แม้เห็นจากหางตาว่าเมื่อแรกรูปเงานั้นไม่ได้ขยับ แต่เธอรู้สึกว่าบางอย่างตามติด
เร็วรี่มาข้างหลังจนประชิดตัว

“โอ๊ย---” หมวกฮู้ดที่ห้อยตกไปเบื้องหลังถูกกระชากจนตัวสิตาราลอยขึ้น
มือที่มองไม่เห็นหมุนเธอกลับไปเผชิญหน้ากับชามัลที่ตอนนี้เข้ามาอยู่ใกล้
จนหน้าแทบจะติดกัน ดวงตาของเขาที่ใต้ผ้าคลุมดำนั้นกลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนเลือด!

“จะหนีไปไหน! มิตรน่ะไม่มีวันมาช่วยเธอได้อีกแล้ว!”

สิตาราดิ้นกระแด่วอย่างน่าสงสาร จะร้องก็ร้องไม่ออก เหมือนมีอะไรมาอุดปากไว้
คอโดนรั้งด้วยเสื้อจนปวดร้าวแทบจะทนต่อไปไม่ได้ แต่แล้วก่อนที่เธอจะถึงขีดสุด
ร่างทั้งร่างก็ถูกปล่อยให้ร่วงลงนั่งไอโขลก

“ที่ฉันบอกว่าไม่มีมือน่ะจริง แต่จะว่าหยิบจับอะไรไม่ได้ก็ไม่เชิง
นี่เธอคงเห็นแล้ว เวลาตั้งใจจริงๆก็หยิบได้เหมือนกัน แต่ขอร้องว่าอย่าทำให้ฉัน
เสียแรงโดยใช่เหตุ” ชามัลพูดเสียงเย็นยะเยียบ “ถ้าฉันโกรธจนฆ่าเธอตาย
ซึ่งมันก็เป็นไปได้ไม่ยาก...ถ้าเป็นแบบนั้น นิทานเรื่องนี้คงต้องจบก่อนเวลาอันควรแน่ๆเลย”



มิตรรู้สึกว่าธาตุต่างๆในกายกำลังปั่นป่วน จนวันคืนผ่านไป ธาตุไฟเขายิ่งอ่อนล้า
กระดูกกระเดี้ยวเหมือนจะแตกทำลายลง แต่แล้วไฟระอุของใครบางคนก็ค่อยๆ
หลั่งรินเข้ามาทีละน้อย ระบบภายในของมิตรเพิ่งถูกต่อให้ติดขึ้นมาใหม่
ด้วยกระแสปราณชีวิต ที่สุดไฟอุ่นๆนั้นก็ปลุกเขาให้ลืมตา
ชายหนุ่มพยายามส่งเสียงร้องแหบห้าวจากลำคอ หวังจะตะโกนให้สุดเสียง
แต่ที่ได้ยินดูเหมือนจะใกล้เคียงกับแมวกระซิบ
แถมยังเป็นแมวที่ไม่น่ารักและป่วยใกล้ตายเอาเสียด้วย

“สิตารา เธออยู่ไหน นั่น...ท่าน” มิตรตกตะลึงเมื่อกวาดสายไปพบใบหน้าของคนที่ช่วยเขา
อัคนิ เมห์ฮรา ผมตรงยาวล้อมเสี้ยวหน้าคมงามดุดันไม่มีใครเสมอ ริมฝีปากหยักสวย
เบะลงน้อยๆคล้ายกำลังโกรธขึ้งและไม่พึงใจในสภาพของเขาเอาเลย
“ท่านอา! แต่ว่าเสือตัวนั้น...ไม่ใช่ท่าน” ชายหนุ่มที่เพิ่งฟื้นคืนสติยังคงเอ่ยแหบช้า
ท่านอาอัคนิของเขามีร่างแปลงเป็นพญาเสือโคร่งที่ดุร้ายสง่างาม
แต่เสือดำตัวนั้นเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก

“ลูกชายข้าเอง แต่จากอาการบาดเจ็บรุนแรงของเจ้า ลำพังมัชฌิม์คงจะช่วยไม่ได้
หึ ทีแรกเด็กนั่นคิดจะจัดการเอง จนเห็นว่าไม่ไหวเลยเพิ่งยอมให้พ่อมันรู้ข่าว
พอรู้ข้าก็รีบมายังโภครา”

มิตรเหลียวหันดูรอบกาย สิตาราไม่ได้อยู่ที่นี่กับเขาแน่ ที่ที่เขาอยู่สภาพเป็นห้องใต้ดินทันสมัย
คงจะเป็นฐานลับของเมห์ฮราในอนาคต สำหรับชายที่กาลเวลาดูเหมือนจะไร้ความหมายอย่างมิตร
ที่เขาเรียกว่าอนาคต เพราะมันแปลกหน้าสำหรับเขาซึ่งไม่ได้มาเยือนปีค.ศ.ไกลขนาดนี้บ่อยๆ

ท่านอาถึงกับต้องมาดูแลเขาด้วยตัวเอง จะว่าไปเขาก็เคยพบตัวเป็นๆของท่านแค่ครั้งเดียว
ถ้าไม่นับการคุยกันผ่านลูกแก้วที่มิตรมองเห็นภาพของใครก็ตามที่อยู่อีกฝั่งได้แม้อีกฝ่าย
จะไม่เห็นเขาก็ตาม เพราะมีลูกแก้วนั้น บางทีคนที่อยากพบเขาจริงจังก็จะเรียกหาเขาผ่านมันได้
แต่ก็ไม่ทุกเวลา
ซึ่งถ้านับจากการพบกันครั้งแรกในค.ศ.2015 ก็ห่างจากค.ศ.นี้เกือบยี่สิบปี
อีกฝ่ายกลับไม่ได้ดูแก่ลงมากอย่างที่ควรจะเป็นเลย คงเป็นผลจากการเดินจักระ
พลังปราณอยู่เป็นนิจ มีเพิ่มมาคือริ้วรอยเล็กๆแถวหัวคิ้วซึ่งมักขมวดมุ่น กับท่วงท่า
ที่ยิ่งภูมิฐานขึ้นจากเดิม แววตาเหมือนมีไฟประจุอยู่ยังไม่เปลี่ยนแปลง แล้วก็อีกอย่าง
ท่านยังไม่สวมเสื้ออย่างเคย ราวกับจะเป็นยี่ห้อประจำตัวไปแล้วตามที่มิตร
เคยแอบคิดทะลึ่งว่าท่านอัคนิของแท้ต้องไม่ใส่เสื้อ อวดให้เห็นไหล่กว้าง
และช่วงบนตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้องามสมส่วนตามเคย
แม้อากาศที่นี่จะเรียกว่าหนาว แต่เชื่อว่าออกไปพ้นห้องที่มีการปรับอุณหภูมิก็คงจะอย่างนี้

“จากวันที่ข้าเตือนเจ้าเรื่องโมรา…ผ่านมาสิบแปดปี สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิด
ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนเจ้าก็ยังดื้อด้านไม่เปลี่ยน”

“ท่านอา แต่สำหรับข้ามันเพิ่งไม่นานมานี้เอง คนเราจะให้เปลี่ยนง่ายนักได้รึ”
มิตรยังมีแก่ใจยิ้มเรี่ยราด

“งั้นคงต้องว่าเตือนไม่ทันไรก็ขัดคำสั่ง หลานโข่ง เจ้านี่มันโง่นัก”

มิตรหน้าหุบ เมื่อสติค่อยๆคืนกลับ สำนึกก็ทำให้เขาจมลงในหมอน
“ด่าข้าเถอะ ข้าทำสิตาราต้องลำบาก”

“ไม่ใช่แค่เจ็บป่วยทางกาย แต่เจ้ายังมีอาการเหมือนคนโดนของ
เพราะถูกแรงกดทับจากจิตของวิญญาณร้าย รู้ตัวหรือเปล่า
เจ้าอาจไม่ได้พบหน้าเด็กนั่นอีกต่อไปแล้ว”

“หรือว่า! ชามัล...”

“มันยังไม่ได้ฆ่าเด็ก เท่าที่มัชฌิม์บอก บวกกับการคาดเดาของข้า
ชามัลไม่ฆ่าคนที่มีประโยชน์ขนาดนั้นง่ายนัก แต่จากสภาพบาดเจ็บของเจ้าตอนนี้
เราคงไม่แบกเจ้าไปช่วยขัดขวางชามัลแน่ และถ้าเราทำไม่สำเร็จ
เด็กจะต้องถูกพาตัวไปยังอดีตกับมัน”

“แล้วทำไมท่าน...ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ท่านอาน่าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
มิตรนิ่งคิด เสือดำที่ช่วยเขาคงจะเก่งไม่น้อย แต่คงไม่มีทางเทียบได้กับตัวผู้นำตระกูล

“สิตารา เด็กนั่นเหมือนหลุมดำ ไปอยู่ที่ไหนตาที่สามก็ส่องไปไม่ถึง ป่ากว้างใหญ่ ต้องใช้เวลา
การมีอยู่ของวิญญาณชามัลก็ประหนึ่งไร้ตัวตน มันจะโผล่ออกมาแน่ แต่ต้องรอให้ถึง
คืนสำคัญที่โมรารัตติกาลจะใช้ได้ผล”

“ข้ารู้ คืนเดือนมืดครั้งต่อไปสินะ ว่าแต่เรามีเวลาเหลืออีกกี่วัน”

“ถ้าข้าบอกว่า มันจะมาถึงในคืนนี้แล้ว... แต่เพราะการเดินทางอย่างผิดมนุษย์
และกลบเกลื่อนร่องรอยของชามัล ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าเราจะแกะรอยเด็กนั่นเจอ”




----------------------
รักกันชอบกันอย่าลืมตามไปที่เพจ “อสิตา” ในเฟซบุคนะคะ
โปรดติดตาม
บทที่ ๖ รอคอย... ณ ทะเลสาบไร้เงา




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ย. 2556, 13:06:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 2556, 13:07:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1579





<< บทที่ ๔ ขุมทรัพย์แห่งความมืด(...จบบท)   บทที่ ๖ รอคอย ณ ทะเลสาบไร้เงา >>
ketza 28 พ.ย. 2556, 13:08:15 น.
ไม่ใช่คนแรกของเธอ ....ขอเป็นคนสุดท้าย...ฮิ้วววว >/////<


อสิตา 28 พ.ย. 2556, 13:10:18 น.
คุณดวงมาลย์ – ไม่มี้ไม่มี ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกแล้วกลับมาหมดแรงเค้าไม่เบี้ยวหรอกน่าเจ๊
คุณเกดซ่า – กอดสิ กอดเลย ถ้าสวยถูกใจท่านชามัลไม่ดีดหรอก แต่ปกติฮีก็เลือกอยู่นะ...
หึหึ ไปกับพี่ชามัลแล้วจะได้ทุกอย่างนะหนูเกดซ่า ชามัลกล่าว
เกดซ่าวันนี้ใส่กางเกงในสีอะไร ท่านชามัลถาม...
คุณบุลินทร – ก็มันน่าตัดตรงนี้พอดีง่า สั้นรึนี่ ชิๆ แล้วตอนนี้ล่ะเป็นไง มันจบบทพอดีอีกละ
คุณริญจน์ธร – การเดินทางของชามัล+สิตาราได้เริ่มขึ้น แต่เรื่องย้อนอดีตต้องมาลุ้นกันอีกที มุมิ

คุณแพทโอเค – อะไรประมาณนั้นค่ะ มันแสดงให้เห็นเหมือนกับคนในชีวิตจริง
ที่มีเรื่องกันไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด แต่ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองเสมอ
ใครเล่าเรื่องของตัวเองได้ดีกว่าเราก็จะเชื่อคนนั้น แต่ตามารนี่แก้ตัวเห็นๆ
...แต่ในภาคนี้ก็จะมีมุมดีของตัวละครที่เคยเลวนะคะ บางตัวอาจดูเป็นคนดีไปเลย
เพราะในบางเวลาเขาก็ดีจริงๆ แสดงให้เห็นว่าคนเรามีหลายแง่มุม รอดูกันต่อไปค่ะ


อสิตา 28 พ.ย. 2556, 13:11:08 น.
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – เม้นยาวดีเหลือเกินนะหนอนด้น ชามัลก็เท่ตามประสาฮีอะ
มิตรปล้ำกะเสือนี่หมายถึงตุ๋ยกันอะนะ หนอนลามกที่สุด //ทำหน้าชอบใจ
ในรูปกะเสือดำนั่นไม่ใช่สิตารา เป็นหนูอัคนีมายา น้องสาวของมัชฌิม์เอง
คุณเลิฟหมวย – สู้ก็น่าจะได้นะคะ แต่แกล้งแพ้ดีกว่า จะได้ไม่เป็นจุดสนใจ
จะได้แฮ๊ปโมราหนีแบบนี้ไง ชามัลวางแผนตลอด อุอุ ได้โมรา ได้สิตาราก็พอใจละ
คุณโกลเด้นซัน – มิตรตอนนี้น่าสงสาร ช่วยสิตาราไม่ได้ คุณพ่ออยากจะร้องไห้จริงๆ
แต่ถึงช่วยไม่ได้ตอนนี้บทบาทของมิตรก็ยังไม่หมดไปแน่นอนค่ะ *-*

คุณแกะน้อยงุงิหางมันละเลื่อม – ตาชามารโกรธแล้ว บอกว่าจะไปถอนขนแกะที่บ้าน ในเตียงนอนด้วย
หลงรักมิตรหรือคะนี่ หุหุ คนเขียนก็ร้าก คนอะไรน่าหยิกน่าหยอก กวนดีค่ะ
คุณใบบัวน่ารัก – อร๊างงง อ่านอยู่รึคะนี่ นึกว่าหายไป มิตรไม่ไหวละ ขอนอนพักก่อนนะ คร่อก
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา ก้นตุ้ยนุ้ย – มะม้าเอาเสือออกมาแหย่นิดเดียวก่อนงาย เดี๋ยวค่อยออกเต็มๆ
เออ พี่คนโตมันอยู่ไหน มัวทำอะไรอยู่ไม่ช่วยน้องเลย แต่อันนี้เป็นภารกิจของมัชฌิม์นะ
เพราะปะป๊ารู้ว่ามันคือชะตาของฮีน่ะ เลยไม่ส่งลูกชายคนโตมายุ่ง
เสือส้มออกมาแล้วนะ สมใจรึยัง เสื้อไม่ใส่ตลอดอะ เค้ามันพวกชอบโชว์

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – หุหุ จะต้องไปอยู่กะตาชามารจริงไหม รอดูกันต่อไปว่าเสือจะช่วยนางได้ไหม
คุณก้อนหิน – มิตร ชายหนุ่มผู้มีชะตาประหลาด ต้องช่วยคนอื่นอยู่ร่ำไป แต่ตัวเองเอาไม่รอด 55
แต่ฮีชิลอยู่นะ ไม่เข็ดสักที หน้ามึนไปเรื่อยๆ มองโลกแง่บวก ไม่ยอมแพ้ นั่นละมิตร
คุณเรือใบ – ไม่ฆ่าหรอกค่ะ ตามิตรนี่เป็นตัวละครตัวสุดท้ายในซีรี่ส์ที่คนเขียนจะยอมให้ตายเลยน้า
ภาคสามฮีก็ต้องมาเล่นอีกเพียบเลย ใครจะตายก็ตาย แต่มิตรต้องอยู่ 55
คุณบาร์บี้ – มาช้ายังดีกว่าไม่มานะคะ หุหุ มิตรช้ำในแล้ว สงสัยต้องกินน้ำใบบัวบอกสักหลายๆลิตร


บุลินทร 28 พ.ย. 2556, 13:21:55 น.
รู้สึกตัวละครของอสิตาจะชอบแสยะนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ


อสิตา 28 พ.ย. 2556, 13:32:22 น.
ไปนับมาแล้ว ทั้งไฟล์มีแสยะแค่สองครั้ง อย่ามากล่าวหากันนะ...
(เสือกับงูไม่รวม)


ketza 28 พ.ย. 2556, 13:36:54 น.
อ๊ายยย.....เริ่มเดินทาง สองต่อสอง โรแมนติกมากมายแน่ๆ ต่อจากนี้ เหอๆๆ
กอดท่านพี่ชามัลหมับๆๆๆ (เนียนๆ)
ท่านพี่อัคนิก็มา อ๊ายๆๆๆ ปู้จายชุกมากตอนนี้..........ปลาบปลื้ม 555


ketza 28 พ.ย. 2556, 13:44:42 น.
ท่านพี่ชามัลถามไรม่ารุอ่ะ >//////< สีชมพูน๊าาาาา 555


Zephyr 28 พ.ย. 2556, 14:17:09 น.
เสือส้มมาที่ไหน มาเป็นท่านอัคนิอ่ะ ไม่อาววววววววววววว
เฟอร์เรื่องมากนะ เออ ตอนนี้เป็นเอลลาเฟอร์แล้ว อิอิ
ต่อๆๆๆ เฟอร์จะเอาแบบเสือส้ม ร่างเสือสิ นี่มาแบบไม่ใส่เสื้อ
ช่ายมันน่าลูบคลำ แต่จะเอาขนๆๆๆๆนิ่มๆๆๆๆฟูๆๆๆๆๆ
ตอนนี้มาแบบเข้มๆๆๆ เอาแบบน่าร้ากกกกกกกกกกก อ่ะ
ถึงมันจะไม่เข้ากะเนื้อเรื่องก็ตามที เหอะๆๆๆๆ
แต่อ่านแค่เรื่องนี้ในมุมมองมารี่นี่ เสือส้มเค้ากลายเป็นตัวร้ายซะงั้นอ่ะ
มุมมองของคนที่ยังไม่สำนึกอ่ะเนอะ ต้องปรับปรุงอีกมากนะเนี่ยยะ
ว่าแต่ เฮียเล่นมุกกะสิต้าเป็นด้วย ไม่มีมืองี้ ยักไหล่งี้
ยอมให้มองตาทองๆโหลๆสะโหลสะเหลด้วย โหหหหหหหหหหห
ถือว่าลดตัวอย่างแรง ยอมเล่าเรื่องอีก ยิ่งผิดคาดไปกันใหญ่
จะดูแลเธอเอง ยิ่งำม่น่าเชื่อไปอีก นี่มารี่จริงๆเรอะ
ตัวจริงจริงๆอ่ะ มัน มัน มัน เหมือนไม่ช่ายยยยยยยยยยยยยยยยเลย ฮ่าๆๆๆๆ


ริญจน์ธร 28 พ.ย. 2556, 15:13:23 น.
55555 มาคลั่งเรื่องนี้ต่อด้วยเหรอเฟอร์จัง
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ท่าจะรักกันยากหน่อยนะคู่นี้ ก็ชามัลเล่นจะกินเด็กนี่นา


บุลินทร 28 พ.ย. 2556, 15:30:07 น.
วันนี้เอลลาเฟอร์คลั่งมาก ฮ่าๆๆๆ


sai 28 พ.ย. 2556, 15:44:38 น.
ตาชามารเปนมารได้ตลอดเวจริงๆๆๆ มิตรจ้าๆๆๆแกะช่วยรักษาไหมจ้ะ555

ปล.ถ้าชามารมาถอนขนแกะบนเตียงจะเอาขนอุดปากเลยชริๆ


ดังปัณณ์ 28 พ.ย. 2556, 18:40:14 น.
แหม นะ ชาจัง หล่อนนี่มันกวนจิงจิ๊ง ดูดิ ขู่ต้อยได้หน้าตาเฉย เดี๊ยะๆๆๆ พอต้อยเอาคืนแล้วจะหัวเราะให้ฟันร่วง หนอยแน่ะ จะกลับไปทำร้ายเค้าอ่ะ แน่ใจเหรอ เดี๊ยะๆๆๆๆๆ ทำทั่นอัคนิได้ไง ชริ!

แล้วนั่นอัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล ตุ๋ยกันอัลไลลลลลลลลลลลลล เค้าเป็นญาติกัน(เอ๊ะ!) ถ้าไม่ใช่จะจิ้นนนนนนนน อร๊ายยยยยยยยยยยย แง่ะ! ไม่อาวววววววววววววววว มัชฌิไปหลอกสาวที่ไหนก็ได้เหอะ ส่วนปู่มิตรนี่นะ ให้เค้ายุบนคานไปเหอะ อย่าฉุดลงมานะอร๊ายยยยยยยย (อย่าชวนหนอนหื่นดิ คุณแป้งอ่ะ ไม่อาวววววว หม่ามี้ชาจังชอบแพร่เชื่อหื่นยุเรื่อยรุย)

และไหน ฮ่ะๆๆๆ อัคนีมายา อร๊ายยยยยยเซะซี่อ่า ว่าแต่จะเกี่ยวอะไรกะชาจังและต้อยเนี่ย


ดวงมาลย์ 28 พ.ย. 2556, 19:55:36 น.
สนุกอ่ะ (ส่ายก้นดุ๊กดิ๊ก ลุ้นตอนต่อไป)


ใบบัวน่ารัก 28 พ.ย. 2556, 21:02:17 น.
ก็ยังตามอ่านๆๆอยู่3เรื่องที่แล้วมันวิทยาศาสตร์ปนแอบจิตอ่านแล้วเครียส
เหมือนมิตรจะมีความหลังนะ กะสาวคนไหนน้า
จักสักเรื่องให้ตามหารักแท้ของมิตรบ้างดิ


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 พ.ย. 2556, 01:18:08 น.
อุ้ยๆ แอบเห็นตามิตรมีฟามหลัง สิแดงว่าต้องมีเรื่องของฮี ด้วยชิมะฮ้าาาา อยากอ่านๆๆๆ
หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ หนูสิจะทำให้ตามารกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนดวงตาดุร้าย กลายเป็นใสแจ๋ว บ้องแบ๋ว นะเคอะ
แต่จะทันหราาา ฮีจะย้อนอดีตคืนนี้แล้วนะ
ปล. อ่านเรื่องจบแบบ เครียดๆ มันๆ มาอ่านเม้นข้างบนนี้แล้ว เอ๊ะ ทำไมชั้นยิ้ม ชั้นขำ เอ๊ะ ชั้นอ่านเรื่องตลก เอ๊ะ รีดเดอร์แต่ละคน หรือจะไฝว้!!!!


Chii 29 พ.ย. 2556, 01:46:56 น.
กะ กันและกัน ที่ออกจากปากมานนี่นี่มัน ....
นอกจากไม่โรแมนติก ยังไปในทางน่าแขยง

สงสารสิต้าชะมัดเลย ถ้าต้องเป็นนางเอกที่มีพระเอกแบบนี้
สิต้าเป็นแค่ตัวเอกฝ่ายหญิงก้อได้นะะะะ


konhin 29 พ.ย. 2556, 04:13:45 น.
โหยยยย สงสารสิตา


เรือใบ 29 พ.ย. 2556, 11:46:49 น.
เย้ ดีใจจังที่ท่านอัคนิช่วยมิตร แล้วมัชฌิมาจากไหนนน เนื่อคู่หนูสิตารารึเปล่าาาา อยู่กับชามัลมากๆหนูสิตาราจะเปลี่ยนมั้ยเนี่ย ดูแล้วอนาคตไม่สดใสเลยย


goldensun 29 พ.ย. 2556, 18:41:37 น.
เกือบตายแล้ว มิตร อัคนิตามมาต่อชีวิตได้ทันเวลา พ่อหลานโข่ง ท้่ายสุดตาชามัลก็สมหวังจนได้
ประโยชน์ของสิตาราอยู่ที่มีพลังในการซ่อนตัวนี่เอง ชามัลถึงยังไว้ชีวิตอยู่ นอกเหนืออยากอาศัยร่างสินะ
ใกล้จะได้เห็นอำนาจของโมราแล้วสินะคะ อัคนิจะแก้เกมส์ยังไง


SunSeed 1 ธ.ค. 2556, 11:32:20 น.
อัลไลยกันน๊าาาาา ยิ่งอ่านยิ่งรักชามารรรรรร (ลำเอียงฟุดๆ) ไม่ว่าจะพูดจะแสดงยังไงก็น่าร๊ากกกกอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account