โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๖ รอคอย ณ ทะเลสาบไร้เงา

***ประจันต์คิรีเขตต์ หรือปัจจันตคิรีเขตร บ้างสะกดว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ ...เป็นชื่อเดิมที่ไทยใช้เรียกเกาะกง
(ไม่ใช่ชื่อเกาะ แต่เป็นชื่อจังหวัดในเขมร)ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของราชอาณาจักรกัมพูชา
(ใกล้ส่วนปลายแหลมของจังหวัดตราด) มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
ชาวเกาะกงมีเชื้อสายทั้งเขมรและไทยเพราะถูกเปลี่ยนมือผู้ถือครองไปมา เมื่อช่วงที่เกาะกงอยู่ภายใต้
อิทธิพลของกรุงสยาม รัชกาลที่ ๔ ได้พระราชทานนามเมืองนี้ว่า ปัจจันตคิรีเขตร ซึ่งมีความหมายว่า
"ปลายเขตแดนที่ภูเขา" และตั้งนามเมืองให้คล้องกับเมืองประจวบคีรีขันธ์(เดิมชื่อ บางนางรมย์)
ซึ่งเมืองทั้งสองตั้งอยู่ในแนวรุ้งเดียวกัน แต่คนละฟากฝั่งของอ่าวไทย


บทที่ ๖ รอคอย ณ ทะเลสาบไร้เงา

ย้อนกลับไปร้อยปีก่อนหน้านั้น ค.ศ 1933 (พุทธศักราช ๒๔๗๖)
ประจันต์คิรีเขตต์ ใกล้ชายแดนสยาม ปลายแหลมของจังหวัดตราด

ไกลจากฝั่งออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ผ่านน่านน้ำดำมืด สายลมแห่งราตรีกระซิบกระซาบ
บอกต่อกันถึงเกาะหนึ่งซึ่งเร้นเงาอยู่หลังม่านมนตร์กำบัง เกาะที่จะปรากฏขึ้นเพียงในคืนเดือนแรม
ตามตำนานเล่าขาน มันคือแดนของรัตติกาล ชายหาดระยิบระยับเหมือนโรยไว้ด้วยเกล็ดดารา
ที่แตกกระจายพร่างลงมาเป็นละออง บนเกาะมีภูเขาใหญ่สีดำสนิทกลมกลืนอยู่กับป่าขึ้นรกชัฏ
ทุกอย่างซ่อนตัวสงบงัน จนบางครั้งแม้แต่ลมยังมิอาจพานพบสถานที่แห่งนี้...เกาะเงา

ใจกลางเกาะ ปากปล่องของภูเขาที่ลึกลงไปเปิดโล่งออก มีทะเลสาบอยู่ ณ เบื้องนั้น
คนที่อยู่ข้างใต้ปล่องภูเขาจึงสามารถมองขึ้นไปเห็นท้องฟ้าได้ทุกเวลา

ยามนี้บนเวิ้งฟ้าจันทราเสี้ยวคมทอแสงสีเงินหม่นสลัว แต่เงาจันทร์หาได้ไปปรากฏเบื้องล่าง
บนผืนน้ำสีดำมืดตื้อ ทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่ลึกลงไปในปล่องกลางภูเขายังคงเป็นสีดำสงบเหมือนเคย
ผืนน้ำอันรวมเอาเงามืดของสรรพสิ่งมาไว้ มันจึงไม่สะท้อนเงาของแสงสว่างใดที่ส่องกระทบ
ทว่าบางคนกลับมองเห็นความเป็นไปผ่านสีดำของกระจกน้ำเมื่อเอื้อมมือลงแตะต้องสัมผัส

ร่างสตรีผู้หนึ่งคุกเข่าบนโขดหินริมทะเลสาบใต้ปล่องภูเขา
มือเรียวคล้ำเนียนแตะผิวน้ำเพียงแผ่ว
เท่านั้นก็เพียงพอ
“แม่ชีดำ ท่านเห็นอะไรบ้างไหม สิ่งใดกำลังจะเกิด ในอนาคตข้างหน้า...”
ชายผิวคล้ำยิ่งกว่าในชุดคลุมมิดชิดไม่ต่างกันที่ยืนกอดอกอยู่เอ่ยถามเคร่งขรึมสะท้อนก้องมา
“นักบวชดำ ข้าเห็น เห็นว่าสิ่งใดกำลังจะมาจากอนาคต”
หญิงสาวเสียงเย็นผู้ยังก้มอยู่เหนือแผ่นน้ำเอ่ยตอบอย่างพึงใจ

“ข้าไม่เข้าใจ”

“ดาวน้อยๆที่ฟ้าประทานมาให้ และเราเคยปล่อยหลุดมือไปครั้งหนึ่ง จะกลับมาหาเราในคราวนี้”

“หมายถึง เด็กผู้หญิงคนนั้น...”

“ใช่ แต่พึงระวังให้จงหนัก เพราะหากไม่ดูแลให้ดี ดาวดวงน้อยนั้นจะกลืนกินเรา
นางจะมาพร้อมกับพลังเข้มแข็งที่ยากจะต้านทาน”

“ข้าไม่กลัวถูกกลืนกิน คำสาบานของเราคือภักดีต่อผู้ครองรัตติดาราราศีที่สิบสาม
ไม่ว่าคนคนนั้นสั่งอะไรข้าก็พร้อมจะไป สั่งให้ตายข้าก็จะนอนตายให้ดูต่อหน้า”
ชายผิวคล้ำผู้มีจมูกงองุ้มเอ่ยบอกสหายหญิงของตนหนักแน่น

“น่าชื่นชมเสียจริง” หญิงสาวว่า “นั่นน่ะสิ ถ้าผู้ภักดีไม่ใช่ท่านแล้วจะเป็นใคร ยังจำได้
หลายปีก่อนที่พวกเราตามดาวตกไปตามธรรมเนียมการตามหาผู้ครองราศีที่สิบสาม...”

“ให้หาผู้นำรัตติดาราคนใหม่จากใครคนแรกที่เราเจอ ตามทิศที่ดาวตกลงไป”

“แล้วเราก็พบเด็กผู้หญิงสองคน” หญิงสาวละมือขึ้นจากผิวน้ำ แตะน้ำนั้นกลางหน้าผาก
ที่ซึ่งหางแมงป่องจรดลงมา... ผมของแม่ชีดำทั้งสิ้นถูกรวบตึงแน่นติดหนังศีรษะ ก่อนจะถักเป็นเปีย
วางปลายหางชี้มายังเบื้องหน้า ดุจอสรพิษร้ายฤทธิ์แรงตามราศีพิจิกที่นางเป็นจ้าวผู้ครองราศี
ร่วมกับนักบวชดำสหายร่วมตาย “น่าขำนะท่านนักบวช ตอนนั้นข้าเลือกว่าที่ผู้ครองราศีที่สิบสาม
จากหนึ่งในนั้น คือเด็กคนพี่ชื่อดารา...แต่ดูเหมือนเราจะเลือกผิด”

“เป็นการตัดสินใจผิดครั้งใหญ่ของเราจริงๆ แต่ก็ยังไม่สาย หากดาวดวงน้อยนั้นจะกลับคืนมา”
นักบวชดำขมวดคิ้ว

“สถานที่ที่นางอยู่นั้นไกลออกไป แต่ข้าพอจะรู้ละว่าเป็นที่ไหน ข้าจะส่งฝาแฝดแห่งดาวราศีคนคู่
ไปต้อนรับสิตารา ณ แดนไกล ส่วนเราจะรอการมาของนางอยู่ที่นี่” แม่ชีดำเหยียดกายยืน
เงยแหงนขึ้นมองฟากฟ้า “ขอให้ผ่านพ้นไปถึงกึ่งกลางราตรีนี้เท่านั้น คืนมืดนี้จันทราเว้าแหว่งจนถึงที่สุด
ทั้งเป็นเวลาที่ดาวพร้อมใจกันอับแสง อีกไม่นานเท่านั้น นางจะต้องกลับคืนมาสู่มือเรา!”



หลายวันมาแล้วที่สิตาราติดอยู่ในถ้ำกับวิญญาณร้าย ตอนนี้เธออยากกลับไปหามิตรเต็มแก่
ทว่าความรู้สึกถูกกดทับเหมือนถูกผีอำตรึงร่างกายไว้ไม่ให้หนี เธอไม่มีทางจะส่งเสียงร้องหรือว่าขยับ
ตกอยู่ในความมืดลำพังกับรูปเงา กองไฟถูกดับลงแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะถูกจุดขึ้นอีก เห็นได้ชัด
ว่าชามัลเกรงจะถูกพบเสียก่อนเวลาที่เขารอคอย สิตาราจึงจำต้องอยู่สงบนิ่งในถ้ำนั้นไปด้วยกัน

เธอทนความเย็นอยู่ได้ด้วยเม็ดลูกอมที่เป็นยาแก้หนาวซึ่งมิตรให้ไว้ซองใหญ่ในอกเสื้อ
ที่สำคัญชามัลไม่ปล่อยให้เธอพูดเกินจำเป็น สิตาราได้แต่หรี่ตาโตสวยลงอย่างชิงชัง
เป็นที่ขบขันในสายตาผู้มองยิ่งนัก เขาเล่านิทานหลอกเด็กให้เธอฟังหลายต่อหลายเรื่อง
แต่ดูท่าคนฟังจะยังไม่อารมณ์ดีขึ้นเลย

“รู้อะไรไหม ตอนนี้เธอเหมือนกระต่ายขี้หงุดหงิดที่กำลังจะถูกเอาไปทำอาหารละ”

สิตารารู้ว่าตัวเองดูไม่ได้ ผมแกละสองข้างที่มัดรวบไว้แต่ทีแรกก็หลุดลุ่ยยุ่งเหยิง
แต่เธอก็ไม่อาจเอื้อมมือขึ้นไปคลายมันออกให้หายรำคาญ
อยากอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก็ทำไม่ได้อีกเหมือนกัน

“ที่ข้างนอกนั่น ทะเลสาบเฟวา ใครมาถึงเมืองนี้ก็อดไม่ได้ที่จะต้องสัมผัสความสวยงามของมันกันทั้งนั้น
คืนนี้แล้วที่เธอจะได้ออกไปชมทะเลสาบนั่น แต่น่าเสียดายไปหน่อยที่มันเป็นคืนเดือนมืด และถ้า
ตามที่พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า เดือนดาวก็จะถูกเมฆบังมืดมิดหมด เป็นเวลาสำคัญที่เราจะข้ามผ่าน
ยุคสมัยนี้ไปด้วยกัน”

สิตาราขมวดคิ้วกับคำพูดที่ชวนให้หนาวเยือกในอก
แล้วมิตรล่ะ จะมาช่วยเธอหรือเปล่า จะต้องจากกันไปตลอดกาลทั้งอย่างนี้เหรอ

“พูดสิ ฉันอนุญาตให้พูดได้ แต่อย่าตะโกนนะ ไม่งั้นก็จบกัน กลับไปเป็นใบ้เหมือนเดิม”

“ฉัน...อยากเจอมิตรอีกสักครั้ง” พอพูดคำแสนเศร้านั่นแล้วน้ำตาหยดแรกก็กลิ้งเกลือกลงมาตามแก้มนวล
ก่อนไหลปรี่ลงตามมาอีกหลายหยด ทั้งหมดนั้นเป็นไปเงียบๆ ไม่มีอาการฟูมฟาย แต่เด็กหญิงก็ยังพูดต่อ
ด้วยเสียงครางอย่างวิงวอน “ถ้าต้องจากกันไปโดยไม่ได้ลา ก็เหมือนกับตอนต้องจากกับพี่ เหมือนตายทั้งเป็น”

“ทำใจซะเถอะสาวน้อย” ชามัลเอ่ยกับคนที่ดูมุมไหนก็ยังเป็นเด็ก “ชั่ววินาทีสุดท้ายที่มาถึงตัวน่ะ
ไม่ค่อยจะมีใครมีเวลาได้เตรียมใจหรอก ฉันเคยผ่านมาแล้ว เข้าใจเรื่องนั้นดี
แม้ว่าจะไม่มีคนที่อยากบอกลาก็ตาม”

สิตาราเบิกตามองรูปเงาที่ชะโงกเข้ามาใกล้ “ไม่มีใครสักคนเลยเหรอ”

“ใช่ ไม่มี”

วูบนั้นสิตารารู้สึกเกือบจะสงสาร แต่มันก็สมควรแล้วสำหรับคนอย่างนี้ คนที่พรากเธอกับมิตรจากกัน

“มิตรของเธอยังไม่ตาย เสือดำนั่นคงจะช่วยมันแน่ รู้แค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้ว
หยุดร้องไห้ทีเถอะยายเด็กมอม! เวลาสำคัญกำลังจะมาถึงแล้ว รอก่อน
แค่รอให้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น...” รูปเงาครางอย่างหมายมาด

เด็กหญิงรู้ว่าชามัลไม่ได้เมตตา หากเธอแสดงมากไปกว่านี้ความรู้สึกของเขาจะเป็นรำคาญจนทนไม่ไหว
สิตารามองค้อนอย่างโกรธๆ ปากยื่น หน้ามุ่ย ตาวาววับสื่อออกไปว่าอยากเกลียดชัง ที่จริงแล้ว
เธอไม่เข้าใจเขามากกว่า คนที่ตายแล้วไม่รู้จักตายแบบนี้มีอยู่มาก แต่ที่สามารถมาทำตัวราวกับ
คนมีชีวิต คอยทำร้ายทำลายคนอื่นได้จริงนั้นคงจะหายากเต็มที

เขากำลังจะเปลี่ยนชีวิตเธอ เที่ยงคืนนี้จะมีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้นบ้าง สิตาราไม่อยากให้มันมาถึงเลย


เวลาถูกปล่อยให้เคลื่อนคล้อยผ่านไป จนดึกสงัด... ชามัลให้สิตาราลุกขึ้น เขาครอบงำเธอไว้แบบกึ่งๆ
เด็กหญิงจึงไม่สามารถเอ่ยปาก ได้แต่เดินตามรูปเงาไปเงียบๆ ท้องฟ้ามืดเหมือนพรมกำมะหยี่ดำ
ลมเย็นครางอู้พาให้ป่าสั่นไหว สิตาราถูกพาไปจนมองเห็นทะเลสาบเฟวาตกอยู่ในอนธการหม่นสลัว
ของคืนเดือนดับ ท้องน้ำเงียบงันคล้ายไม่สะท้อนรับสิ่งใด ดูไม่ต่างจากทะเลสาบไร้เงา

“เมื่อถึงตอนสำคัญฉันจะใช้โมราเม็ดหนี่ง เพียงเม็ดเดียวจากสามสิบกว่าเม็ดก็เพียงพอแล้ว
ที่จะพาเราไปถึงอดีต และเมื่อไปถึงที่นั่น เราจะไปหาปู่ของฉันกัน เพราะอันดับแรกที่ฉันต้องการ
ก็คือ...ร่างกาย”

“จะมาสิงอยู่ในโมรารัตติกาลนี้หรือ” สิตาราที่พอจะรู้อะไรอยู่บ้างเอ่ยออกไป
แล้วก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขายอมให้เธอพูดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“โมราที่ทรงพลังมหาศาล คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันจะเป็นวิญญาณที่ผูกติดอยู่
ในลูกปัดเม็ดหนึ่งเม็ดใดในสร้อยประคำนั่น แต่คนอื่นจะไม่รู้หรอกว่ามันคือเม็ดไหน
รู้ก็แค่ฉันเป็นทาสรับใช้ และเธอที่จะเป็นนาย...เป็นในนามน่ะนะ แต่ฐานะจริงๆของเรา
อาจมีการสลับตำแหน่งกันอยู่นิดหน่อย เพราะคนที่ต้องฟังคำสั่งก็คือเธอ”

“หมายความว่าเราจะผูกติดกันอย่างนั้นตลอดไป”

เขาไม่ตอบ แต่เด็กหญิงเห็นรอยยิ้มจากริมฝีปากของรูปเงาชัดเจน
“เอาละ สิตารา...” ชามัลกำลังจะสั่งให้คนตัวเล็กเอาสร้อยประคำออกมา
ทว่าสุ้มเสียงอันสงัดลงผิดปกติในบรรยากาศของป่ากลับทำให้เขานิ่งชะงักไป
“ใครมาแอบอยู่! ยังจะอุตส่าห์ตามเจอจนได้ ไหนๆก็มาแล้ว ออกมาเถอะ
สู้กันซะที่นี่ มาช่วยกันเปลี่ยนน้ำในทะเลสาบเฟวาให้เป็นสีเลือด
แต่ขอโทษนะ ที่มันจะต้องเป็นเลือดของแก...เพราะฉันไม่มี”

ชามัลหัวเราะกระหึ่ม ที่จริงเขารู้อยู่แล้ว ปราณแบบนี้ กลิ่นอายแบบนี้
มัน...เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ลอบตามเขาตั้งแต่ตอนล่วงเข้าขุมทรัพย์ที่เก็บกักโมรา

สิตาราเหลียวซ้ายแลขวา แล้วเธอก็เห็นจุดเรืองวาวสีเหลืองทองคล้ายประจุเพลิงแลบขึ้นสองจุด
พร้อมเสียคำรามต่ำลึก ก่อนที่เสือมหึมาตัวนั้นจะย่างเยื้องออกมาจากที่กำบังตนอยู่หลังหินใหญ่
โดดแผล่วเหมือนแมวตีนเบาลงมาประจันหน้าห่างออกไปไม่กี่ช่วงตัว ความสูงของมันมากกว่าสิตารา
ที่ยืนอยู่เสียอีก ทำให้เด็กหญิงใจหวิวๆไม่เป็นส่ำ แม้ชามัลบอกว่าเสือตัวที่เห็นช่วยมิตร แต่ดูจาก
แววตาท่าทีแล้ว ไม่มีอะไรที่ส่อเค้าไมตรีเลยแม้แต่อย่างเดียว

เมฆเบื้องบนเคลื่อนไหวเปิดเผยให้แสงสลัวมัวหมองซีดจางลอดเร้นลงมาในเวลานั้นพอดิบพอดี
และเมื่อเท้าของเสือก้าวมาเบื้องหน้าอีกก้าว สัมผัสกับแสงจันทร์ที่คล้ายลงมาเปิดเผยตัวตนที่แท้
ภาพที่สิตาราเห็น เสมือนมายาภาพถูกปัดเป่าออกไป เท้าสีดำปกคลุมด้วยขนมันละเลื่อม
กลายเป็นเท้าในบูทหนังดำรัดหุ้มมิดชิด เมื่อไล่สายตาขึ้นไป เธอก็พบว่าเสือกลับกลายเป็นเด็กหนุ่ม!

ชามัลเขม้นจ้องอีกฝ่ายเช่นกัน ร่างเพรียวสมส่วนนั้นอยู่ในชุดดำ
ส่วนสูงเพียงสันทัดเพราะยังไม่เติบหนุ่มเต็มตัว ผมยาวตรงดำขลับถูกรวบไว้หลังต้นคอ
เผยช่วงหน้าคมได้รูป เพียงแววตาดุดันที่แสนจะคุ้นเคยก็กระตุกอารมณ์ชามัลให้ขุ่นมัวได้
เด็กผีนี่มีแววตากร้าวกระด้างเหมือนพ่อมันที่เป็นศัตรูของเขาเหลือเกิน แต่หน้านั้น
ออกจะสวยคมเหมือนแม่ ผู้หญิงที่เขาเคยถูกใจเมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ก่อนจะแปรเป็นเกลียดชังเข้าไส้ สรุปว่านี่คือผลผลิตน่ารังเกียจของคนสองคนบนโลก
ที่เขาอยากจะฆ่าให้ตายมากกว่าใครในปฐพี และหากมีโอกาสแม้เสี้ยวนาที ชามัลก็จะไม่รีรอ

“ข้ามาช่วยเจ้า...สิตารา” ผู้มาใหม่เอ่ยหนักแน่นกับเด็กหญิงประหนึ่งว่าไม่ใส่ใจ
ตัวตนของรูปเงาที่ห่างออกไปเท่าใดนัก แต่นั่นหมายถึงการท้าทาย

สิตารายังไม่ทันได้เอ่ยตอบชามัลก็ชิงสวน “มัชฌิม์ เมห์ฮรา...ลูกชายคนกลางของท่านผู้นำตระกูล
ปีนี้อายุเท่าไหร่ล่ะ หย่านมหรือยัง ถ้าให้เดา อย่างมากก็ไม่ถึงสิบเจ็ด คิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ
ถึงจะมาช่วยเด็กนี่ไปจากมือข้าได้”
เมื่อเด็กหนุ่มนี่เจรจาด้วยคำโบราณคร่ำครึเหมือนพ่อมัน เขาก็พูดตอบด้วยภาษาระดับเดียวกัน
ลิ้นงูอย่างชามัลพลิกแพลงได้เก่งตามสถานการณ์อยู่แล้วไม่ว่าต้องรับมือกับอะไร
“ถ้าให้สมน้ำสมเนื้อกันสักหน่อย ข้าคงต้องขอให้เรียกพ่อของเจ้ามาเจอกันกับข้า
แบบนั้นถึงจะค่อยสมศักดิ์ศรี”

“ไม่จำเป็น...” มัชฌิม์คำรามตอบ

ชามัลยิ้มสาแก่ใจ ดูจากแววตา อีกฝ่ายมิได้หลงกลเขาที่จะทำให้มันฮึดอวดดี
ไม่ขอความช่วยเหลือจากพ่อ แต่คล้ายเจ้าตัวเตรียมใจมาก่อนแล้ว ว่าหากจะชนะ
ก็ขอเป็นชัยชนะที่ได้มาด้วยน้ำแรงของตนลำพัง และดูเหมือนมั่นใจว่าจะมาชนะเอามากๆด้วยซ้ำ
เรียกว่าอวดดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง

“จุๆๆ เห็นได้ชัดทีเดียว ว่าแถวนี้ใครเป็นลูกที่มีปัญหากับพ่อ
เพราะสายตาของเด็กเคยมีปัญหาเหมือนกันน่ะ ย่อมเข้าใจกันได้ดี”
ชามัลย้อนนึกถึงตัวเอง ตอนยังหนุ่มแม้เขาแสดงออกว่าเชื่อฟังท่านปู่ที่เลี้ยงมาดีอยู่
ทว่าปัญหาที่เก็บไว้ในอกก็ตกตะกอนนอนก้นจนมาระเบิดเอาทีหลังเมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
ถ้าเทียบกับพวกมีปัญหาแต่แรกจนออกนอกหน้า แบบไหนจะดีกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน

ใจหนึ่งมัชฌิม์ยังแน่ใจว่าตนจะเอาชนะชามัลได้ อีกฝ่ายก็เป็นเพียงวิญญาณดวงหนึ่ง
แค่รูปเงา ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวสำหรับบุตรชายผู้นำตระกูลเมห์ฮราที่เปี่ยมประจุไปด้วยพลังไฟ
ซึ่งพร้อมจะส่งออกไปผลาญเผาทุกสิ่ง แม้ท่านพ่อจะเตือนให้ระวังให้จงหนัก เขาก็ระวังอยู่นี่แล้ว
บิดาประเมินเขาต่ำไป เขาไม่น่าสมเพชเหมือนอย่างชายชื่อมิตรที่เป็นญาติผู้พี่
มัชฌิม์อยากให้ท่านพ่อได้เห็นว่าเขาโตพอที่ท่านควรต้องไว้ใจ ไม่ต่างจากท่านพี่อัครา
พี่ชายที่แก่กว่ากันแค่ปีเดียวแต่กลับได้รับการปฏิบัติเหมือนอย่างกับโตกว่าเขาเสียมากมาย!

ชามัลหัวเราะเสียงสะท้อนเหมือนลมหวีดหวิว ร่างรูปเงาวูบหายไปจากที่เดิม
มาโผล่ทีเดียวตรงหน้ามัชฌิม์ ใกล้จนเด็กหนุ่มต้องเป็นฝ่ายผงะถอยไปยืนตั้งหลัก
“เอาสิมัชฌิม์ เมห์ฮรา ถ้าคิดว่าแย่งเด็กนี่ไปจากข้าได้ ลองดูสักตั้งจะเป็นไร!”



---------
โปรดติดตาม
บทที่ ๗ แรมสีเลือด คืนสู่บรรพกาล

มัชฌิม์ตั้งใจจะทำสิ่งที่รู้ว่าอาจโดนตำหนิรุนแรงทีหลังโดยไม่กลัว แม้เขาไม่ใช่หนุ่มคะนอง
แต่ด้วยความหยิ่งผยองเกินขีดจำกัดชักพาให้เป็นไป ทายาทอันดับสองของตระกูลเมห์ฮรา
เริ่มกางกั้นเขตอาคม จากแนวป่า เหนือ ใต้ ออก ตก ไกลออกไปถึงพื้นที่เหนือคุ้งทะเลสาบส่วนหนึ่ง
แน่ใจว่าถ้าสู้กันรุนแรงบิดาที่นำคนออกตามหาสิตาราอยู่ในป่าจะต้องรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นที่นี่
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นภายใต้เขตมนตร์กำบังแน่นหนา ก็จะไม่มีสัญญาณส่งออกไปให้ภายนอกรับรู้ได้เลย
รวมถึงวิญญาณของชามัลก็ไม่อาจหนีหายออกไปพ้นเขตอาคมนี้เช่นกัน

สิตาราวิ่งออกไปยืนห่างรูปเงาของชามัล และไม่เฉียดใกล้คนกึ่งเสือที่เริ่มจะมีแววตาเรืองแสงขึ้นมาอีก
ไฟในตาแตกปะทุคล้ายพร้อมจะจุดระเบิดพุ่งเข้าทำร้ายทำลายกันให้วินาศได้ทุกเมื่อ

*-*
ท่านสามารถทวงนิยาย หรือกอดรัดพัดเหวี่ยงได้ที่เพจ...อสิตา ณ เฟซบุ๊ค



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ธ.ค. 2556, 12:48:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ธ.ค. 2556, 12:48:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1387





<< บทที่ ๕ รอยเล็บที่ไม่อยากลืม   บทที่ ๗ แรมสีเลือด สู่บรรพกาล >>
ketza 3 ธ.ค. 2556, 12:49:02 น.
เย้ๆๆๆ ตะโกนก้อง มาแว้ววววว


ริญจน์ธร 3 ธ.ค. 2556, 12:49:41 น.
ว่ามาไวแล้ว ยังโดนเกดซ่าแซงนะนี่ ไวแท้


อสิตา 3 ธ.ค. 2556, 12:53:41 น.
คุณเกดซ่า – “ไม่ได้เป็นคนแรกของเธอแต่ขอเป็นคนสุดท้าย”
แต่คราวที่แล้วได้คนแรกนะ งั้นก็แปลว่าไม่ใช่คนสุดท้ายของเธอน่ะสิ น่าสงสารจริงๆ *-*
เริ่มเดินทางสองต่อสองงั้นรึ ได้ข่าวว่ามีผู้ชายโผล่มาอีกคนแน่ะ วัยกำลังขบเผาะเลย...
คุณริญจน์ธร – เอลล่าเฟอร์คลั่งไปทั่วเลย สงสัยต้องจับมัดมือมัดเท้า เอาไรอุดปากแล้วให้ชามัลนั่งทับ
คุณบุลินทร – ตัวละครสองคน แสยะแค่คนละครั้งเองนะ...ถ้าไม่รวมร่างสัตว์ เถียงๆๆ
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา...หางกระเดิด ก้นกระดก – เสือส้มงั้นรึ มันไม่มีเหตุผลลลลนี่ๆๆๆที่อัคน้อยๆๆ
จะกลายๆๆๆร่างงงงงๆๆ เป็นเสือส้มมมมม เอาเสือดำไปก่อนละกัน ส่วนชามารก้ต้องเอาใจเด็กน่ะ
อาจต้องทำอะไรที่ฝืนตัวไปบ้าง แต่ก็หลุดร้ายออกมาเรื่อยๆ แหม มันเก็บอาการไม่อยู่นิ
คุณซาอิ แกะน้อยงุงิหางขมวดพันกัน – อะไรกัน หลงรักมิตรอีกคนแล้วเหรอ วันนี้มีลูกเสือหนุ่ม
จนดำๆนุ่มๆมานำเสนอจ้ะ แต่อีกสักพักถึงจะโตนะ โตมาเร้าใจ งิงิ

คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ ผู้กรีดร้องเสียงดังและมีจริต(ชามัลชอบมาก) – ทำไมเป็นญาติกันแล้วตุ๋ย
ไม่ได้อ่า ไม่ท้องซะหน่อย ไม่สึกไม่หรอ อันนี้ชาจังถามมาอะนะ แล้วทำไมหนอนต้องอยากให้มิตร
อยู่บนคาน ใจร้ายจุงเระ *-* อัคนีมายาจะมีบทท้ายเล่มนี้ค่า แต่ภาคสามเป็นตัวเด่น นี่หล่อนยังจะเขียนอีกเล่มสินะ!
คุณดวงมาลย์ – ณ จุดนี้ น้องกำลังจะคว้านท้องงงงง กรี๊ดดดดดดด แงงงงง อยากนอนหนีความจริง
คุณใบบัวน่ารัก – แต่เรื่องก่อนๆก็มีฉากโรแมนติกไม่น้อยไปกว่าฉากพิศวงนะคะ ไปยืนอ่านที่ร้านก็ได้
ทำตาหวาน... เรื่องตามหารักแท้ของมิตร มีแน่นอนค่ะ หุหุ ตัวละครนี้รักมากนะ *0*
คุณนักอ่านเหนียวหนึบหนับหยึบหยับ – เรื่องของตามิตรต้องมีแน่นอน บทฮีไม่ใช่น้อยๆนา ตอนนี้ต้อง
ช่วยกันเลี้ยงเด็กไปก่อนจ้า รอดูตามารบ้องแบ๊วเป็นพักๆ น่ารักน่าหยิก ...ป.ล. อ่านเม้นแล้วก็ต้องขำสิคะ
คนเขียนยังขำเลย

คุณผักชีมีหนอนเกาะใบ - สังเกตนะคะส่วนใหญ่คนที่ไม่ชอบชามารนี่แต่ละคนเนี่ย นิสัยจะคล้ายๆมารนี่ทุกคนเลย
อาจรู้สึกไม่ดีที่มีกระจกมาส่องใจ อร๊างงงง ส่วนสาวๆที่ตัวจริงนิสัยดีเนี่ย เห็นเค้าชอบมารนี่กันนะคะ แปรผันผกผันขิงๆ
คุณก้อนหิน – งานนี้สิต้าโดนรังแกอีกแล้ว แต่สิต้าไม่ยอมอยู่เฉยหรอกนะ จะดิ้นๆๆ ตลอดแหละ
คุณเรือใบ – มัชฌิม์มาจากท่านพ่ออัคนิส่งมาช่วยมิตรไงคะ...แบบว่าฝึกลูกชาย แต่อยากเขียนคู่รักละอ่อน
ฮีต้องมีคู่แน่นอน อนาคตสิตาราใครจะรับไปเลี้ยงดู โปรดติดตาม
คุณพระอาทิตย์สีทองผ่องไสว – ตามิตรก็เซ่อซ่าไม่ประมาณตน อย่างนี้แหละน้า ทุ่มเทช่วยสิตาราเต็มที่
ไม่คิดถึงตัวเองตลอดเลย อำนาจของโมรากำลังจะปรากฏแล้วค่ะ
คุณเมล็ดทานตะวัน ซี๊ดๆ – ชามารโฉดเต็มที่เลย ใครไม่รักตัวเองช่วยรักเค้าหน่อยน้า ไม่โฉดก็เดินเรื่องไม่ได้ดิ
ฮีเล่นบทตัวร้ายควบพระเอกนี่นา... ไม่ร้ายแล้วใครจะร้ายล่ะ


บุลินทร 3 ธ.ค. 2556, 12:56:02 น.
มิตรของสิตารายังไม่ตายยยยย


ดวงมาลย์ 3 ธ.ค. 2556, 13:00:41 น.
เค้าอยากนอนด้วย แง ปล.ถ้าเราคว้านท้องน.น.จะลดลงไหม กั๊กๆๆๆๆ


ketza 3 ธ.ค. 2556, 13:14:20 น.
ง่ะ...เกดซ่าขอสลับมั่งแระกัน คนแรกมั่ง... คนสุดท้ายมั่ง....กินหัวกินหาง.... เพื่ออรรถรสในการอ่าน >/////< จิงๆนะ
...หวายๆๆ พ่อเสือน้อยกระดูกกรุบกริบ ลักษณะจะเป็นเสือน้อยใจร้อนแถมขี้น้อยใจซะด้วย >/////<
... ระวังท่านชามัลนะ ท่านโหดขึ้น และก็เหมือนจะกวนอารมณ์เก่งขึ้นด้วย 55555....


ดังปัณณ์ 3 ธ.ค. 2556, 18:09:35 น.
ง่ะ! หม่ามี้ชาจังชอบแกล้งเค้าาาาาาาาาาาาาา ฮือๆๆๆ ชาจังแระตัวดี ชอบเอาเท้ามาเขี่ยหนอนเล่น กระซิกๆๆๆ ห้ามเหยียบลงมานะ เดี๋ยวหนอนแบนแต๊ดติดพื้น กระดึ๊บไม่ได้ แง้วววววววววว (ชาจังยกเท้าบี้ ขยี้ๆๆ ชริ! เดี๊ยะไม่รักเลยนะ หล่อนนิ ชาจี้!!!)

และอัลไลลลลลลล ทามม้ายยยยยยยยยยมีจริต 555+ ตอนนี้สั้นเมิ่กค่ะ กระซิกๆๆ ชาจังจะหลอกเด็กอีกแระสิ อิตานี่ชอบหาเรื่องเด็ก คุณแป้งงงงงงงงงงงงง มะไหร่จะให้ต้อยได้เอาคืน หมั่นไส้ชามัน ชริ!


นักอ่านเหนียวหนึบ 3 ธ.ค. 2556, 19:59:57 น.
แนะนำไรเตอร์ว่า ตอนรวมเล่มให้คัดเอาคอมเม้นต์แถมเข้าไปในเล่มด้วย จิได้อรรถรสอร่อยมากมายยย
อ่านมาถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ชอบชาจังอยู่ดี เมื่อไหร่จะทำตัวให้สมกับที่ไรเตอร์เค้าเป็นมาดามดันให้นายได้แจ้งเกิดซัดที
ฮ๊าาาา


ใบบัวน่ารัก 3 ธ.ค. 2556, 20:35:09 น.
มีลูกกี่คนเนื่ย
มีปริศนาเยอะจัง


Zephyr 3 ธ.ค. 2556, 21:13:08 น.
อะไรฟร่ะ ตานี่กลายเป็นเด็กมีปัญหากะพ่อ อิจฉาพี่ชายซะงั้น
อะไรเว้ๆๆๆๆๆ น้องสาวสั่งสอนหน่อยสิ พี่รองจะออกนอกลู่นอกทางละนะ
อย่าทำตัวเหมือนมารี่สิ มัชณิม์ นายเป็นเสือนะ มิใช่งูเลื้อยยยยยย
สิบเจ็ด กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด สิบเจ็ด จะเด็กไปไหน
แก่กว่าปีเดียว ชริ มะม้าจะให้แฟนเฟอร์เด็กไปนะ สิบแปด โอ้วววว สิบแปด กะลังน่าเคี้ยว
กรุบๆๆๆกริบๆๆๆ อร่อยจุง เนื้อนิ่ม น่าหยิก น่ากัด น่ารัด น่าฟัด
แต่พี่รองนายจะกักมนตราทำไมน่า ยังงี้พ่อก็หาไม่เจอเซ่ะ แค่ยายสิตาราคนเดียว
ก็หลุมดำพอละ นายยังจะเพิ่มหมอกมนต์อีก
ฮ่ะๆๆๆ เม้นมานี่ไม่มีงูเล้ยยยยยย ดีใจมะ ที่ถูกลืมมมมม หุหุ
อะไรนะ.... แค้นเหรอ ม่ายสน
งอนเหรอ ไม่ง้อหรอก
สะบัดตูดหนี มีด้วยเรอะ
ไปงอนต่อในชุดคลุมปลอมๆนั่นไป ฮ่าๆๆๆๆ
ห้าม ทำ พี่ รอง เจ็บ นะ ไม่ งั้น เจอ ดี เฟอร์ จะ รีด เลือด ออก จาก ตัว นาย ให้ ได้ ทั้ง ที่ ไม่ มี นี่ ละ
ลองดูสิ หึหึ


konhin 3 ธ.ค. 2556, 21:25:50 น.
โห อีตาชามัลยังร้ายไม่เปลี่ยน ไม่กล้าถามว่าจะใช่พระเอกเปล่า? คราวที่แล้วก็เดาผิด ฮ่าๆๆ


goldensun 3 ธ.ค. 2556, 21:46:38 น.
สิตาราเนื้อหอมจริง เจอสามฝ่ายรุมแย่งซะแล้ว ชามัล นักบวชดำกับนางชีดำ แถมด้วยมัชฌิม์ ชามัลเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ น่าจะชนะมัชฌิม์นะ ท่าทางจะเลือดร้อน อวดเก่งซะด้วย แต่สองนักบวชจะเป็นตาอยู่มาฉกเอาสิตาราไปได้รึเปล่า ลุ้นๆๆๆๆ


อสิตา 3 ธ.ค. 2556, 23:21:00 น.
+++


SunSeed 4 ธ.ค. 2556, 12:18:41 น.
มีตัวป่วนโผล่มาอีกตัวและ ผลผลิตอัคนิกะ... เหอๆๆๆ ทำไมยิ่งอ่านยิ่งรัก (ความเลว) ชามารน๊าพี่แป้ง


เรือใบ 4 ธ.ค. 2556, 12:24:37 น.
พระเอกอยู่ไหนนนนน ทำไมมีแต่คนแปลกๆ ตัวแปลกๆอยากได้หนูสิตาราทั้งนั้นเลยย ไม่น่าอิจฉาเลยนะเนี่ย


อสิตา 4 ธ.ค. 2556, 19:15:40 น.


ketza 5 ธ.ค. 2556, 11:41:20 น.
เอิ่ม.....ม่าจริงนะ เรื่องนี้มีแต่คนหล่อๆตะหาก
ท่านพี่ชามัล ท่านพี่อัคนิ มาแก้ข่าวด่วน........(ใครมาก่อนได้เป็นพระเอกเรื่องนี้ เอาตัวเกดซ่าไปเล้ย >////< )เหอๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account