ม่านทิวาพชร {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

Tags: โมรารัตติกาล มรกตสนธยา มนตรามุกจันทรา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว อัญมณีเหนือกาล มนตราอัญมณี

ตอน: บทที่ 6 หนี



หนี

ม้าสีเทาพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วดุจสายลม มุ่งลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นทุกทีๆ

ชวาลีบังคับม้าด้วยท่าทางมั่นคงโดยมีธศิญานั่งอยู่เบื้องหลังพร้อมกับเกาะเอวชายหนุ่มไว้แน่น หลังจากใคร่ครวญอยู่นานสองนาน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจทำตามความต้องการของอีกฝ่าย แม้รู้ว่าทางที่ตนเองเลือกผิดอย่างมหันต์ แต่หัวใจของชวาลีก็บอกให้ทำเช่นนั้นโดยไม่มีเหตุผล

เขาใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะพาธศิญารอดพ้นสายตาคนเดินเวรยามออกมาได้ และแน่นอนว่าหากโดนจับได้ ท่านผู้ว่าการคงไม่ไว้ชีวิตเขาเป็นแน่

ตลอดการเดินทาง ต่างฝ่ายต่างไม่เอ่ยอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าควรหนีไปให้ไกลที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก พระจันทร์เบื้องบนส่องแสงกระจ่างราวกับจะช่วยอวยชัยให้การเดินทางปลอดภัย เมื่อคิดว่ามาไกลพอสมควร องครักษ์หนุ่มจึงดึงสายบังเหียนเบาๆเพื่อให้ม้าหยุดพัก และหันไปบอกผู้เป็นเจ้านาย

‘คืนนี้เราคงต้องพักในป่ากันก่อนนะครับ’

‘ฉันพักที่ไหนก็ได้ คุณไม่ต้องห่วง แค่รอดจากการคลุมถุงชนได้ ฉันก็ดีใจแล้ว’ ลูกสาวผู้ปกครองเขตราศิเอ่ยด้วยสายตาเป็นประกายเข้มแข็ง

‘ไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอครับ’ ชวาลีถามอีกครั้ง

‘มาถามตอนนี้ก็สายไปแล้วละชวาลี แต่ถึงจะให้ตอบจริงๆ ฉันก็ขอยืนยันคำเดิม’ น้ำเสียงของธศิญาเด็ดเดี่ยว

‘แต่อย่าลืมนะครับว่าเราหนีไม่ได้ตลอด’ เขาเองก็ยังมองไม่เห็นเหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

‘ฉันรู้ แต่ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆชวาลี ยังไงก็คงต้องหนีต่อไป’ ใบหน้าหวานรูปไข่ฉายแววจริงจัง ‘แต่ถ้าคุณลำบากใจ คุณช่วยฉันแค่นี้ก็ได้ ฉันจะไปตามทางของฉันเอง ส่วนคุณก็กลับคฤหาสน์ไปเสีย และบอกว่าไม่รู้เรื่องที่ฉันหายไป’ เสียงนั้นติดจะน้อยใจ

‘ผมจะดูแลคุณธศิญา ไม่ว่าคุณธศิญาอยู่ที่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่น’ ดวงตาคมสีเข้มเต็มไปด้วยความจงรักภักดี

‘ขอบคุณมาก’ ธศิญายิ้มอย่างตื้นตัน

‘ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นองครักษ์ของคุณธศิญา ผมบอกตัวเองเสมอว่าจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม’

‘คุณทำทุกอย่างเพราะหน้าที่อย่างนั้นเหรอ’ คิ้วเรียวเลิกขึ้นพร้อมกับดวงตากลมเรียวที่หม่นแสงลงนิดๆ ‘คุณเคยทำตามเสียงหัวใจบ้างหรือเปล่า หรือว่า…คุณจะไม่มีหัวใจ’

ชายหนุ่มได้ยินคำถามจึงหันมองไปเบื้องหน้า ‘ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่สำหรับผม เรื่องหน้าที่กับหัวใจต้องแยกแยะให้เด็ดขาด ถ้าปะปนกันเมื่อไหร่ก็ต้องรีบตั้งสติและแยกมันออกจากกันทันที’

‘แปลกนะ ทำไมหน้าที่ที่คนเราได้รับมาทีหลัง กลับมีอำนาจเหนือหัวใจที่อยู่กับเรามาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก และเพราะหน้าที่คำเดียว ทำให้เราไม่สามารถทำตามที่ใจต้องการได้’

‘ไม่ใช่แค่หน้าที่อย่างเดียวหรอกครับ มีหลายอย่างที่ทำให้คนเราไม่สามารถทำตามใจตนเองได้’ ชวาลียิ้มเศร้าๆ

เมื่อจบประโยคนั้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบไป ยินเพียงเสียงเหล่าแมลงขับขานลำนำแห่งพงไพร

เป็นนานกว่าธศิญาจะเอ่ยขึ้น ‘คุณจะพาฉันไปที่ไหนต่อคะ’

‘เราจะเดินทางหาที่พักที่ปลอดภัยครับ’ องครักษ์หนุ่มหันมาตอบ

‘งั้นไปต่อดีกว่า ฉันอยากจะไปให้ไกลจากคฤหาสน์ ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี’ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น

‘ครับ’ เมื่อมือของหญิงสาวเอื้อมมาเกาะเอวของเขาแล้ว ชวาลีก็ส่งเสียงให้ม้าตัวใหญ่ออกวิ่งอีกครั้ง



องครักษ์หนุ่มและลูกสาวผู้ว่าการเขตราศิเดินทางมาพบถ้ำขนาดใหญ่โดยบังเอิญในเวลาต่อมา ชวาลีบังคับม้าตรงไปหยุดยังปากถ้ำ ก่อนจะหันไปบอกผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหลัง

‘โชคดีของเราแล้วครับคุณธศิญา คืนนี้คงปลอดภัยกว่านอนกลางป่า’

‘คุณว่ายังไง ฉันก็ว่าตามกัน’ หญิงสาวบอกอย่างเชื่อมั่นในตัวเขา

เมื่อได้ข้อสรุป ชายหนุ่มก็จุดตะเกียงเจ้าพายุที่นำมาด้วยและถือด้วยมือหนึ่งขณะที่อีกมือบังคับม้าให้เดินเข้าไปในถ้ำ

ผนังของถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย พื้นระดับสูงต่ำไม่เท่ากัน บางจุดมีน้ำไหลผ่านร่องหินเล็กๆ บางจุดมีแอ่งน้ำขนาดกลางรองรับน้ำฝนจากปากถ้ำด้านบน เข้ามาอีกนิดหนึ่งจึงเจอพื้นที่แห้งซึ่งพอจะนอนหลับพักผ่อนได้

ทั้งสองลงจากม้าและยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางมาหลายชั่วโมง ชวาลีลอบมองใบหน้าของหญิงสาวในแสงสลัวและยิ้มอยู่ผู้เดียว จังหวะนั้นเองที่ธศิญาตวัดสายตามามองและทันเห็นสายตาของเขาที่เลื่อนไปมองม้าสีเทาที่ผูกกับโขดหินอยู่ด้านหนึ่งของผนังถ้ำพอดี

‘มีอะไรเหรอ ชวาลี’ หน้าเธอผิดปกติงั้นรึ เขาถึงได้จ้องมองเช่นนั้น

‘ไม่มีอะไรครับ’ องครักษ์หนุ่มเงยหน้าขึ้นบอก แต่หลบสายตาโดยไว

‘อืม งั้นฉันว่าพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป’ สมองของเธอตื้อเต็มที ไม่อยากครุ่นคิดอะไรอีกแล้วในตอนนี้

‘ผมจะจัดที่นอนให้’ ชวาลีบอกอย่างห่วงใย

‘ไม่ต้องหรอก ในเมื่อฉันเลือกที่จะหนีออกจากคฤหาสน์ เลือกที่จะทิ้งความสุขสบาย ฉันก็ต้องหัดใช้ชีวิตอย่างลำบากให้ได้’ ดวงตากลมเรียวเป็นประกายเด็ดเดี่ยว

‘แต่ว่า…’

‘ไม่มีแต่’

‘ครับ’ ชวาลีไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวผู้ที่ภายนอกดูบอบบางจะมีจิตใจที่หนักแน่นแน่วแน่เช่นนี้

หลังจากธศิญานอนหลับแล้ว ชายหนุ่มยังคงนั่งดูแลความปลอดภัยของหญิงสาวอยู่ไม่ห่างพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วจู่ๆคำพูดของเธอก็ลอยเข้ามาในหูอีกครั้ง

‘แปลกนะ ทำไมหน้าที่ที่คนเราได้รับมาทีหลัง กลับมีอำนาจเหนือหัวใจที่อยู่กับเรามาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก และเพราะหน้าที่คำเดียว ทำให้เราไม่สามารถทำตามที่ใจต้องการได้’

ทำไมเขาจะไม่อยากทำตามเสียงหัวใจเล่า ถ้าเกียรติยศของเขาคู่ควรกับธศิญา เขาคงไม่ต้องกักเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวแบบนี้ เขาคงบอกเธอตั้งแต่แน่ใจว่ารัก

ชวาลีลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของร่างบอบบางซึ่งนอนหันหลังอยู่ท่ามกลางแสงรำไรของตะเกียงเจ้าพายุ ชาตินี้แม้ไม่ได้เคียงคู่ ไม่มีโอกาสเอื้อนเอ่ยความในใจ ไม่ได้ครอบครอง จะเป็นไปได้ไหมที่จะขอให้ได้เห็นกันเช่นนี้ตลอดไป

‘ยังไม่นอนอีกรึ’ ธศิญาถามขึ้นโดยไม่หันกลับมามอง

สีหน้าขององครักษ์หนุ่มตกใจนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติ ‘ยังครับ’

‘ฉันก็เหมือนกัน หลับแค่ตา แต่ใจไม่หลับด้วย’ น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงจิตใจที่ร้าวราน

‘คงเป็นเพราะแปลกที่แปลกทาง แล้วก็มีเรื่องให้คิดมากใช่ไหมครับ’ ชวาลีเดาว่าคงไม่พ้นสาเหตุเหล่านี้

หญิงสาวถอนหายใจยาวก่อนตอบ ‘ค่ะ คุณล่ะ มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่า ฉันได้ยินเสียงถอนใจ’

‘เปล่าครับ’ เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทันที

‘คนเราถ้าไม่ได้มีเรื่องกลัดกลุ้ม จู่ๆจะถอนหายใจทำไม มีเรื่องอะไรปรึกษาฉันได้นะ คุณช่วยเหลือฉันมามาก ขอให้ฉันได้ช่วยคุณบ้าง’ ลูกสาวผู้ว่าการเอ่ยพลางหยัดตัวลุกขึ้นนั่งและหันมามององครักษ์หนุ่มด้วยสายตายินดี

‘ผมไม่รบกวนคุณธศิญาดีกว่าครับ’ ชวาลีก้มศีรษะอย่างเคารพ

หญิงสาวพยักหน้ารับรู้และเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ชายหนุ่มไม่คาดคิดออกมา ‘ชวาลี…ต่อไปฉันกับคุณจะเรียกกันเหมือนเพื่อนได้ไหม’

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยแววประหลาดใจ ขณะที่อีกฝ่ายเอ่ยต่อ

‘ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์แล้ว ฉันอยากให้คุณลืมว่าฉันคือลูกผู้ว่าการ อยากให้คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง คุณเรียกฉันว่าธศิญาเฉยๆก็ได้’

‘แต่ผมว่า…’ ยังไม่ทันจะได้เอ่ยจบ หญิงสาวก็แทรกขึ้น

‘ฉันไม่คู่ควรเป็นเพื่อนของคุณรึ’ เสียงนั้นมีแววตัดพ้อ

‘ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมต่างหากที่ไม่คู่ควรจะเป็นเพื่อนกับคุณธศิญา’ เขาไม่มีวันทำตัวเสมอธศิญาเด็ดขาด

ดวงตาคู่งามหม่นแสงลง หากเธอไม่ต้องแบกเกียรติยศไว้บนบ่า และเขาไม่ต้องถือหน้าที่ไว้ในมือ หัวใจคงไม่ต้องอึดอัดเหมือนเช่นเวลานี้ หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยพลางยิ้มเศร้าๆ ‘ช่างเถอะ สงสัยฉันจะเบลอจนพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คุณอย่าใส่ใจเลย’

ความเงียบแผ่เข้าปกคลุมบรรยากาศอีกครั้ง ทั้งสองต่างปล่อยให้ความคิดล่องลอยอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเอง แม้แสงแรกแห่งทิวากำลังจะมาเยือนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะหลับตาลงพักผ่อน



ทันทีที่รู้ว่าผู้เป็นลูกสาวหายไปจากคฤหาสน์ ภสินธุ์และอังศุธรก็กระวนกระวายใจขึ้นมาทันที ณ คฤหาสน์หินอ่อนหลังใหญ่เวลานี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเครียดกังวล

‘ดิฉันพบจดหมายนี้ในห้องของคุณธศิญาค่ะ’ จาวียื่นจดหมายให้ท่านผู้ว่าการและทำราวกับไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

ชายวัยกลางคนรับซองสีน้ำตาลมาจากสาวใช้ ก่อนจะเปิดอ่านเนื้อความในจดหมายท่ามกลางผู้รับใช้อีกสิบนายที่นั่งอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่
‘ลูกว่ายังไงบ้างคะคุณ’ อังศุธรถามด้วยความร้อนใจ

‘ลูกหนีไป เพราะไม่ต้องการแต่งงานกับคุณดุริยะ และจะกลับมาเมื่อเรายอมยกเลิกการแต่งงาน’ มือของชายวัยกลางคนขยำกระดาษด้วยความไม่พอใจ

‘คุณภสินธุ์ครับ นอกจากคุณธศิญาแล้ว ชวาลีก็หายไปด้วยครับ’ ผู้เดินเวรยามคนหนึ่งรายงาน

จาวีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น แต่ยังพยายามเก็บพิรุธไว้ให้มิดชิดที่สุดจนไม่มีใครสังเกตเห็น

‘ชวาลีงั้นรึ!’ ผู้ปกครองเขตเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เสียแรงที่ไว้ใจให้ดูแลธศิญา ไม่นึกว่าองครักษ์หนุ่มจะเป็นคนที่พาลูกสาวตนหนีไปเสียเอง

‘เราจะทำยังไงต่อไปดีคะ’ อังศุธรถามด้วยใบหน้าเครียดขึง ใจหนึ่งก็นึกสงสารลูก ไม่อยากบังคับอีกต่อไป แต่อีกใจก็นึกถึงการสืบทอดอำนาจของครอบครัวที่ควรจะคงอยู่สืบไป

‘งานแต่งงานของธศิญากับคุณดุริยะจะไม่มีการยกเลิกเป็นอันขาด เราต้องพาตัวธศิญากลับมาให้ได้!’ ภสินธุ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนหันไปสั่งการ ‘ทุกคน! ตามหาลูกของฉันและชวาลีให้พบ’

‘ครับท่าน!!’

‘หากได้ตัวชวาลีกลับมาเมื่อไหร่ พี่จะต้องลงโทษอย่างสาสม’ ดวงตาของชายวัยกลางคนไม่มีความปรานีเจืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว!






แสงตะวันส่องผ่านปากถ้ำด้านบนเข้ามาภายใน กระทบร่างของคนสองคนซึ่งกำลังอยู่ในนิทรารมณ์ เปลือกตาของชวาลีขยับเล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆหรี่ตาขึ้น เมื่อปรับสายตากับแสงแดดจ้าได้แล้วจึงหันไปมองหญิงสาวและพบว่าเจ้าตัวยังคงนอนหลับสนิท

เขายิ้มบางๆด้วยความอิ่มเอม ปล่อยให้นอนต่อไปก่อนแล้วกัน เพราะเมื่อคืนกว่าธศิญาจะหลับคงใช้เวลานานพอสมควร

‘คุณธศิญา ผมหวังว่าคุณจะลืมความขมขื่นในเร็ววัน ผมอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรทำร้ายคุณได้ และผมจะเป็นคนปลอบโยนคุณเอง ผมสัญญาว่าจะอยู่ตรงนี้ข้างๆคุณ จะปกป้องคุณตราบชีวิตผมสูญสิ้น’ ชวาลีกล่าวราวกับจะปฏิญาณกับตนเอง

ขณะนั้นหญิงสาวก็นอนพลิกตัวมายังด้านที่เขานั่งอยู่ คิ้วเรียวสวยของเธอขมวดเข้าหากัน ใบหน้าหวานระบายไปด้วยความกังวล ชวาลีเห็นแล้วก็ได้แต่นึกสงสารธศิญา เธอคงจะเครียดกับการตัดสินใจครั้งนี้ไม่น้อย แม้ยามหลับก็ยังไม่ได้หลับอย่างสบายใจ

‘ชวาลี…’ เสียงแผ่วเบาดังมาจากเจ้าของร่างบอบบางที่ดวงตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท ‘ชวาลี คุณอย่าทิ้งฉันไปนะ คุณต้องอยู่ข้างๆฉัน สัญญานะ’

องครักษ์หนุ่มเลิกคิ้วหนาขึ้น คุณธศิญาละเมอถึงเขาหรือนี่?

‘ชวาลี…ฉัน…ฉัน…’ คล้ายอีกฝ่ายอยากจะบอกอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายคำพูดนั้นก็ไม่ได้เล็ดลอดออกมา

ธศิญาเงียบไป แต่วินาทีถัดมาชวาลีก็ตกใจเมื่อเห็นหยดน้ำใสๆไหลออกมาจากตาของเธอ

‘คุณธศิญาครับ…คุณธศิญา’ ชายหนุ่มตัดสินใจเรียกอีกฝ่าย

เมื่อได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหู หญิงสาวก็รู้สึกตัวและค่อยๆลืมตาขึ้น ธศิญามองไปรอบๆถ้ำ ก่อนจะพบว่าตอนนี้เช้าแล้ว

‘คุณธศิญาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ’ ชวาลีถามอย่างห่วงใยทันที

‘ฉัน…เป็นอะไรคะ?’ ลูกสาวผู้ว่าการเขตราศิชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและถามด้วยความงุนงง

‘เมื่อกี้คุณธศิญาร้องไห้ครับ’

‘จริงเหรอ’ ธศิญาไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงความชื้นบนแก้มทั้งสองข้าง หญิงสาวจึงไม่โต้แย้ง ‘สงสัยฉันคงฝันร้ายน่ะ ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก’ เธอบอกเมื่อเห็นแววตาเป็นกังวลของชวาลี

‘ไม่เป็นไรแน่นะครับ’ องครักษ์หนุ่มถามย้ำอีกครั้ง แต่รู้ดีว่าถึงยังไงก็ไม่ได้คำตอบ ถ้าธศิญาไม่ต้องการพูดเอง

‘ฉันไม่โกหกคุณหรอก ชวาลี’ หญิงสาวตอบหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นยืน ‘ฉันขอไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ’

‘ที่ไหนครับ’ ชวาลีลุกขึ้นตาม

‘แอ่งน้ำในถ้ำนี่ละ ที่นี่ไม่มีห้องน้ำเหมือนที่คฤหาสน์นี่นา’ ธศิญาบอกอย่างคนไม่มีทางเลือก

‘น้ำขังในแอ่งอาจสกปรกได้ ถ้ำนี้มีร่องน้ำเล็กๆไหลผ่าน แสดงว่าต้นน้ำน่าจะอยู่ไม่ไกล เราไปอาบน้ำที่นั่นดีกว่านะครับ’ ชวาลีคาดเดาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา

‘ก็ได้ค่ะ งั้นไปหาลำธารกัน ฉันอยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว คุณก็คงเหมือนกัน’ หญิงสาวเอ่ยพลางบิดกายไปมาเพื่อขับไล่ความเกียจคร้าน

‘งั้นเอาเสื้อผ้าไปด้วยนะครับ’

ธศิญาก้มลงหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตนขึ้นโดยไม่รอให้เขาช่วยและบอกพร้อมยิ้มสดใส ‘พร้อมแล้ว’

ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตนขึ้นมาเช่นกัน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเคียงกันไปยังม้าสีเทา แต่แล้วด้วยความที่พื้นขรุขระนั้นเองทำให้ธศิญาเสียหลักโดยไม่ทันตั้งตัว

‘ว้าย-ย-ย’

ชวาลีเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปรับร่างบอบบางเอาไว้ ธศิญากะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะโล่งใจเมื่อตนเองปลอดภัย

แม้ความตกใจหายไปแล้ว แต่หญิงสาวยังคงอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม สายตาสองคู่สบประสานกันนิ่งดุจจะค้นคว้าหัวใจของกันและกัน แต่สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็หลบตากันเมื่อสำนึกบางอย่างเรียกให้สติกลับคืนมา

‘ขอโทษครับ’ ชวาลีกล่าวโดยไม่มองหน้าเธอ

‘ขอโทษฉันทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ฉันจะล้ม คุณช่วยก็ถูกแล้วนี่คะ’ ธศิญาเห็นบางอย่างในดวงตาของเขาที่ทำให้หัวใจพองฟูขึ้น แต่ประกายในดวงตาคมนั้นก็ปรากฎเพียงแวบเดียวจนเธอไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือไม่ ‘โอ๊ย!’ หญิงสาวอุทานอย่างเจ็บปวดหลังจากเดินก้าวแรก

องครักษ์หนุ่มรีบนั่งลงเพื่อดูข้อเท้าให้ เพียงมือหนาสัมผัสข้อเท้าขวาเบาๆเท่านั้น ใบหน้าหวานก็เหยเกทันที

‘เจ็บมากเลย’

‘ข้อเท้าคงพลิกครับ’ ใบหน้าของเขานิ่งสงบราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายตื่นตระหนก

แต่ธศิญายังหน้าเสียเหมือนเดิม ‘ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วยนะ’ เธอเอ่ยพลางพ่นลมหายใจฮึดฮัดเจ็บใจ

‘ไม่ต้องกลัวนะครับ แค่ไม่พยายามใช้เท้ามาก ไม่นานก็หายครับ’ ชวาลียิ้มอ่อนโยนปลุกปลอบ

‘แต่ฉันจะเป็นภาระให้คุณมากขึ้นหรือเปล่า’ เธอมองหน้าเขาอย่างไม่สบายใจ

‘โธ่ คุณธศิญาครับ คุณไม่เคยเป็นภาระของผมเลย’ องครักษ์หนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

‘ฮึ เพราะคุณยึดหลักหน้าที่เป็นสำคัญใช่ไหมล่ะ’ หญิงสาวบอกอย่างรู้ทันพร้อมเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางแสนงอน

‘ที่คุณธศิญาพูดก็ถูกครับ แต่ว่าผมทำหน้าที่ด้วยหัวใจ’ ดวงตาคมฉายแววจงรักภักดี

แม้จะเป็นคำกล่าวแสนธรรมดา แต่ก็คล้ายจะทำให้โลกทั้งใบของธศิญาหยุดนิ่งได้ทันใด เธอไม่รู้ว่าคำพูดของชวาลีมีนัยยะหรือไม่ แต่แค่ได้ฟังก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก

‘ขออนุญาตนะครับ’ เจ้าของร่างสูงขยับตัวเข้าหาเธอเพื่อจะช่วยประคอง

เมื่อลูกสาวผู้ว่าการพยักหน้า ชวาลีก็ประคองเธอไปขึ้นหลังม้าด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตามขึ้นไปนั่งประกบด้านหลัง

‘ขอโทษนะครับคุณธศิญา’

‘ไม่เป็นไร’ ธศิญารู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการล่วงเกิน แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพราะเธอข้อเท้าพลิกและอาจตกจากหลังม้าได้ง่ายกว่ายามปกติ ทว่าอ้อมแขนแกร่งที่โอบประคองอยู่ตอนนี้ก็ทำให้ความอุ่นซ่านแล่นไปถึงกลางหัวใจ



ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงลำธารแห่งหนึ่งแถวถ้ำนั้นเอง ชวาลีประคองธศิญามายังริมแม่น้ำที่ไหลระเรื่อย เมื่อเห็นน้ำใสๆกับปลาแหวกว่ายไปมา คนข้อเท้าพลิกก็ชักอยากอาบน้ำจนทนไม่ไหว

‘ถ้าเท้าไม่เจ็บ ฉันจะลงไปว่ายน้ำให้สะใจเลย’ เธอเอ่ยด้วยความเสียดาย เพราะแค่คิดก็สดชื่นแล้ว

‘ช่วงนี้ต้องอยู่นิ่งๆไปก่อนนะครับ’

‘จะทำได้ไหมเนี่ย’ หญิงสาวทำหน้ายู่

‘ได้สิครับ ถ้าคุณธศิญาต้องการอะไรบอกผม ผมทำให้เอง’ สายตาที่มองหญิงสาวท่วมท้นไปด้วยความเทิดทูน

‘คุณทำให้ฉันได้ทุกเรื่องที่ไหนล่ะ อย่างเรื่องอาบน้ำนี่ ฉันก็ต้องอาบเอง’

คำพูดของธศิญาทำให้ชวาลีฉุกคิดขึ้นมาได้ นั่นสินะ เขาคงช่วยเธอทุกเรื่องไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวแบบนี้ แต่จะทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพังก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ถ้าจะอยู่ใกล้ก็ไม่เหมาะสมอีก

‘ผมไม่อยากให้คุณธศิญาคลาดสายตา’ องครักษ์หนุ่มบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ

‘ไม่ได้ คุณจะมองฉันอาบน้ำได้ยังไง’ เธอว่าเสียงดุ ก่อนจะเสนอทางออก ‘คุณอยู่ได้ แต่ต้องหันหลังไปทางอื่น แล้วก็ห้ามหันกลับมามองฉันเด็ดขาดถ้าฉันไม่ได้เรียก’

‘แบบนั้นก็ได้ครับ’ ชวาลีพยักหน้ารับทันที นี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เมื่อตกลงกันได้ ชายหนุ่มก็ประคองธศิญาไปยังริมลำธารพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอ จากนั้นเขาจึงเดินกลับออกมายืนหันหลังอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ระหว่างที่หญิงสาวอาบน้ำ เธอส่งเสียงเตือนเป็นระยะๆไม่ให้เขาหันไป เวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ธศิญาจึงส่งสัญญาณว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว

‘ผมหันไปได้แล้วใช่ไหมครับ’ ชวาลีถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

‘ใช่ ฉันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว’

เมื่อองครักษ์หนุ่มหันกลับไปมองก็เห็นผู้เป็นนายอยู่ในชุดเสื้อและกางเกงสีเข้มทะมัดทะแมง รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาทำให้หัวใจของชวาลีพองโตอย่างประหลาด

‘ถึงตาคุณอาบแล้ว’

‘ครับ’ เขาเดินเข้าไปประคองเจ้าของร่างบางมายังใต้ต้นไม้ต้นเดิม

‘เดี๋ยวฉันนั่งหันหลัง เพื่อความยุติธรรม’ ธศิญาบอกกลั้วยิ้ม เขาเองก็คงจะเขินเหมือนกันถ้ามีผู้หญิงนั่งดูตัวเองอาบน้ำ

‘ถ้ามีอะไรผิดปกติ คุณธศิญาต้องเรียกผมทันทีนะครับ’ ชวาลีเน้นย้ำ เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอมากที่สุด

‘ได้ แต่ก่อนจะมาช่วยฉันน่ะ ช่วยแต่งตัวให้มิดชิดด้วยนะ’

‘ครับ’ ชวาลีอมยิ้ม ดีใจที่เห็นหญิงสาวสดใสขึ้นกว่าเมื่อวานมาก

เขาถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินไปยังริมลำธาร ก่อนจะเริ่มอาบน้ำ ขณะนั้นก็หันไปมองธศิญาซึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เป็นช่วงๆด้วยความห่วงใย

ชวาลีใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าชุดเก่าลงในกระเป๋า แต่แล้ววินาทีที่เขาก้มลงถือกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นนั้นเอง เสียงร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้น

‘กรี๊ด-ด-ด!’



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ย. 2556, 13:05:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 2556, 13:07:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1262





<< บทที่ 5 บุรุษแปลกหน้า   บทที่ 7 คนที่ตามหา >>
อสิตา 28 พ.ย. 2556, 13:11:50 น.
พี่มิ้งค์มาเจิม รอนานมากนะ แสยะ ...


บุลินทร 28 พ.ย. 2556, 13:19:14 น.
มาเร็วจังงงง ยังตอบเมนต์ไม่เสร็จเบย


บุลินทร 28 พ.ย. 2556, 13:19:33 น.
คุณ lovemuay
ฮ่า มีนิดหน่อยครับ แต่ขนาดเพิ่งรู้จักกันนะเนี่ย จะมีคารมเด็ดกว่านี้มั้ยต้องติดตามครับ

คุณ ดวงมาลย์
วันนี้มาพร้อมกันสามคนเลยน้าาา อิอิ

คุณ อสิตา
โมรารัตติกาลล้างอะไร คราวนี้อสิมาช้าสุดเหมือนเดิมเลย ใช้ไม่ได้!

คุณ ริญจน์ธร
รอติดตามฉากล้างตู้ปลาของตาอัทธ์กับยายตานะ ฮ่าๆๆๆ

คุณ patok
พระเอกมาสามแนวครับ เหมือนภาคแรกที่มีสามแบบ เลือกตามสบายเลย ส่วนเตียงยวบอาจมีใครสักคนมาดูลันครับ อิอิ หากำไลเพชรหงส์ทิวาตามมาภูทิวาเลยคุณแพท

คุณ goldensun
ตอนแรกลันก้ำกึ่งว่าอาจคนละประเทศ แต่พอคุยกับจิณลีแล้วเอนเอียงไปทางคนละมิติชัวร์ครับ ไม่รู้จักอเมริกางี้ ตอนนี้ลันฝันถึงเรื่องราวของธศิญาเพิ่มแล้วครับ ค่อยๆสืบเสาะกันต่อทีละนิดๆ

คุณ Zephyr
เดี๋ยวมันจะมีเฉลยว่าทำไมพี่มิราไม่ตกใจ อิอิ เฟอร์อยากพูดภาษาทัศยะรึ เอลลาเฟอร์ ฮ่าๆๆๆๆ ดูแบ๊วมาก เอลลาเฟอร์ เอยาของวิโอมาร ตาครามมาไม่ได้นะ ชักจะข้ามชุดละ ฮ่าๆๆ

คุณ konhin
เรียกว่าโชคชะตามีส่วนครับ แต่จะมีส่วนยังไงนั้นต้องติดตามไปเรื่อยๆ

คุณ ฤดูฝัน
อันนี้เป็นปัจจุบันครับ สามภาคจะข้ามเวลาคนละแบบ โมรารัตติกาลย้อนอดีต ม่านทิวาพชรอยู่ปัจจุบันอีกมิติ ส่วนมรกตสนธยาไปอนาคตเลยครับ


Zephyr 28 พ.ย. 2556, 13:48:41 น.
วิโอมารี่ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ม้ายยยยยยยยยยยยยยยย ม่ายอาววววววววว
วิโออัคนิสิ วิโออัคราก็ได้ ไม่เอาวิโอมารรรรรรรรรรรรรรรรรร
ภาษานี่ภาษาภูทิวาไม่ใช่เหรอ ภาษาที่เหมือนภาษาไทยคือภาษาทัศยะ เอ รึเฟอร์จำผิด
เอลลาเฟอร์ น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก ออก ฟังดูดี แต่เหมือนตะล่อมเด็กเลยอ่า
คุคิ ฟินอ่ะ ธศิญา และชวาลี อ่านเป็นชวาลาอยู่เรื่อยเบยยยย
ตอนจบนี่คุณหนูเธอจะทดสอบชวาลา เอ้ย ชวาลีเหรอ กรี๊ดดดดดดดดดดดด ซะดังเลย


Zephyr 28 พ.ย. 2556, 13:50:01 น.
อ้าว ลืม กดไปแล้ว เอยาไม่มารด้วย เอายาของอัคนิ เอยาของอัครา
เอยาของมะม้า เอยาของพี่มูน เอยาของมี่จัง ฮ่าๆๆๆๆๆ
เอลลาเฟอร์ โลภภภภภภภภภภภภภภภภภภ นะจะลอก หุหุ


ริญจน์ธร 28 พ.ย. 2556, 15:12:07 น.
มาช้า! ปล่อยให้พี่มิ้งค์กับพี่มูนรอนาน
ปล. เฟอร์จังคลั่งแล้ว 555


lovemuay 28 พ.ย. 2556, 15:59:28 น.
คุณพ่อคงพอจะเดาได้สินะคะ ว่าองค์รักษ์หนุ่มต้องแอบรักลูกสาวของตัวเองแน่นอน


ดวงมาลย์ 28 พ.ย. 2556, 19:51:58 น.
อุต๊ะ จะเกิดอะไรขึ้นต่อนะ


konhin 28 พ.ย. 2556, 20:16:58 น.
รักแต่ต้องเก็บงำน่าสงสารอ่ะ


ใบบัวน่ารัก 28 พ.ย. 2556, 21:12:02 น.
อ้าวช่วย กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
เดี๋ยวก็โดนจับกลับไปนั่งพับถุงอยู่ดีน้า


nako 28 พ.ย. 2556, 22:31:04 น.
เกิดอะไรขึ้นกับธศิญา!!


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 พ.ย. 2556, 00:57:43 น.
นิยายตอนนี้สอนให้รู้ว่า ผอ สระอี มีอยู่ทุกจักรวาลลลลล
บรึ๋ยๆๆๆๆ เสียวหลัง


goldensun 29 พ.ย. 2556, 18:08:29 น.
มาอยู่มิติเดียวกัน ยังฝันถึงได้หรือคะ ยังคิดอยู่เลยว่าลันจะตามเรื่องธศิญาต่อได้ยังไง
ท่าทางธศิญากับชวาลีใจตรงกันแล้ว แต่ชวาลีไม่กล้าอาจเอื้อมมากกว่า
เจ็บตัวอยู่แล้ว กรี๊ดอย่างนี้ เจออะไร ชวาลีช่วยด่วน


patok 3 ธ.ค. 2556, 21:34:55 น.
สงสารชวาลีและธศิญา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account