โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา
ตอน: บทที่ ๗ แรมสีเลือด สู่บรรพกาล
มัชฌิม์ตั้งใจจะทำสิ่งที่รู้ว่าอาจโดนตำหนิรุนแรงทีหลังโดยไม่กลัว แม้เขาไม่ใช่หนุ่มคะนอง
แต่ด้วยความหยิ่งผยองเกินขีดจำกัดชักพาให้เป็นไป ทายาทอันดับสองของตระกูลเมห์ฮรา
เริ่มกางกั้นเขตอาคม จากแนวป่า เหนือ ใต้ ออก ตก ไกลออกไปถึงพื้นที่เหนือคุ้งทะเลสาบส่วนหนึ่ง
แน่ใจว่าถ้าสู้กันรุนแรงบิดาที่นำคนออกตามหาสิตาราอยู่ในป่าจะต้องรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นที่นี่
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นภายใต้เขตมนตร์กำบังแน่นหนา ก็จะไม่มีสัญญาณส่งออกไปให้ภายนอกรับรู้ได้เลย
รวมถึงวิญญาณของชามัลก็ไม่อาจหนีหายออกไปพ้นเขตอาคมนี้เช่นกัน
สิตาราวิ่งออกไปยืนห่างรูปเงาของชามัล และไม่เฉียดใกล้คนกึ่งเสือที่เริ่มจะมีแววตาเรืองแสงขึ้นมาอีก
ไฟในตาแตกปะทุคล้ายพร้อมจะจุดระเบิดพุ่งเข้าทำร้ายทำลายกันให้วินาศได้ทุกเมื่อ
ทว่า...เมื่อมัชฌิม์เป็นฝ่ายเปิดฉากพุ่งเข้าใส่ร่างรูปเงา สิ่งที่เกิดมิได้คล้ายกับที่มันเคยเกิด
ภายใต้ขุมทรัพย์แห่งความมืดเลยแม้สักน้อย ชามัลไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายจู่โจมกรงเล็บคมปลาบ
เข้ามาทำร้ายจิตที่รวมตัวของเขาได้อีก แต่กั้นเด็กหนุ่มไว้ด้วยมนตร์ไฟเก่าแก่โบราณทรงฤทธิ์
แม้กายเนื้อแตกดับไปแล้ววิญญาณของเขาก็ยังไม่ลืม ทุกบท ทุกตอนของคาถาที่ท่านปู่ศานติมัน
ผู้นำคนเก่าของเมห์ฮราเป็นผู้ถ่ายทอดมาให้จนแตกฉาน เขาเกิดมาเพื่อเป็นหนึ่ง
ไม่ว่าอยู่หรือตายก็ยังคิดว่าตนเป็นหนึ่งเสมอมา ต่างจากเด็กหนุ่มผู้ที่แม้พยายามเชื่อสักเพียงไหน
ว่าตนแข็งแกร่งดุดัน แต่ที่แท้ในใจแล้วก็คอยแต่จะคิดไปว่าเป็นรองพี่ชาย
เมื่อเป็นดั่งนี้ก็เสมือนมัชฌิม์โจมตีเข้าหากำแพงภูผาของจิตเหนียวแข็งที่ไม่ยอมให้ทะลวงไปได้
ครั้นเพิ่มแรงปะทะมากเข้า กลับเป็นเขาเองที่จะเจ็บเสียอีกด้วย
เสียงหัวเราะก้องของชามัลสะท้านสะเทือนเสียดแทงจนสิตาราที่อยู่ในเขตอาคมยังต้องเอามือปิดหู
กำหนดสมาธิกำบังไม่ให้ตนเองโดนทำร้ายไปด้วยแรงของเสียงนั้น ทว่าในระหว่างที่เขาสู้
ชามัลกลับส่งเสียงเรียกมาถึงเธอด้วยในใจ
‘สิตารา ปลดโมราออกจากสร้อยเดี๋ยวนี้ เอามันออกมาเม็ดหนึ่ง ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เราจะไม่เสียเวลา’
เด็กหญิงอยากเหลือเกินที่จะไม่ทำตาม แต่เสียงของผีนรกอย่างชามัลก็แทรกซอนเข้ามา
ลึกเหมือนหนึ่งจะบีบขั้วหัวใจและควบคุมร่างเธออีก มือสั่นๆหยิบสร้อยประคำที่ร้อยด้วย
สายหนังทอเส้นละเอียดยิบออกมาคลายเงื่อนออก หยิบมาถือไว้เม็ดหนึ่ง มือเธอขยับ
ตามคำสั่งเขาก็จริง แต่สมาธิชามัลในเวลานั้นแยกออกเป็นหลายส่วน ที่กำลังปะทะกับมัชฌิม์ก็อีก
ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าจะควบคุมคนที่มีพลังแฝงเร้นอย่างสิตาราได้ทั้งตัว เท้าเล็กจึงพาเธอหนีห่าง
พวกเขาที่กำลังสู้กันในราวป่า สิตาราวิ่งไปจนถึงริมทะเลสาบโดยที่ชามัลไม่ได้หันกลับมาเห็น
เพราะมัวแต่วุ่นกับคู่ต่อสู้ของตน
“เป็นยังไง มัชฌิม์ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ดีใจไหมที่ได้สร้างเขตอาคมไว้เป็นแดนตายของตัวเอง”
ชามัลกรากเข้าหาร่างของหนุ่มน้อยที่เวลานี้ทรุดลงอยู่ในท่าหมอบ กระอักออกมาเป็นเลือดสดๆ
ซึ่งเกิดจากอาการช้ำในเพราะใช้พลังอัดกระแทกเข้าหาชามัลจนแรงนั้นย้อนเข้าตัว
รูปเงาคุกเข่าลงไปใกล้ อุทานเหยียดเยาะเจือกระแสยินดี “จุๆๆ ดูซิ เลือดออกแดงฉาน”
ชามัลว่าแล้วก็เอื้อมมือซีดจางไปรองเลือดที่กำลังหยาดรินไหลหยดก่อนจะหัวเราะเบาๆ
อย่างแสนสมเพช “นี่ถ้าพ่อเจ้ามาเห็นภาพงดงามแบบที่ข้าเห็นคงตะลึงน่าดู”
ชามัลเอื้อมไปบีบคอซ้ำ ออกแรงเค้นจนมัชฌิม์หน้าเบ้ ก่อนเข่นเสียงสบถใส่อีกคำแล้วผละจาก
ไปหาสิตารา ทิ้งเหยื่อไว้เบื้องหลัง เขาห่วงเด็กนั่นกับโมรามากกว่าเด็กหนุ่มน่าสมเพช
ที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อกรอะไรอีก
รูปเงาเล็งเห็นเด็กหญิงยืนตัวสั่นอยู่ที่ริมตลิ่ง เหม่อมองฟากฟ้าสีหม่นเห็นเมฆดำ
มาชุมนุมเป็นเกลียวราวกับกำลังจะเอื้อมเงื้อมมือลงมาถึงตัว พลังธาตุในกายเธอ
กำลังปั่นป่วนลุกโพลงในคืนมืด ต้องอาศัยมันต้านแรงสะกดของชามัล
สิตาราจะไม่ยอมไปกับเขาเด็ดขาด
“ฉันจะอยู่ที่นี่ กับมิตร... ไม่ไปกับผีนรกหน้าไหนทั้งนั้น” สิตาราตะโกนแล้ววิ่งหนี
ทว่าไม่พ้นมือของรูปเงาที่กำลังเดือดดาลและรีบร้อนไปได้
ร่างรูปเงาวูบเข้าสิงสู่ในร่างเล็ก ประทับรอยจนสนิท สิตารามือหนึ่งกำโมราเม็ดสำคัญ
อีกมือกำสร้อยประคำที่ถูกผูกให้ติดกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ดังใจวิญญาณร้ายในร่างเด็ก
ก็โผกลับไปหามัชฌิม์ที่เวลานี้พุ่งเข้ามาถึงริมตลิ่ง ชามัลใช้มือข้างถือประคำนั้นฟาด
เข้าที่หน้าอีกฝ่ายสุดแรง โดยยืมพลังเร้นลับที่อัดแน่นในตัวอัญมณีเป็นตัวสร้างความเจ็บปวด
มัชฌิม์ร้องลั่น กระอักเลือดสดๆออกมาลิ่มใหญ่ พร้อมๆกับที่ชามัลในร่างสิตาราเริ่มสาธยาย
มนตราที่เพียรเสาะหามา มนตร์ที่จะทำให้เม็ดลูกปัดแตกสลาย
โมรารัตติกาลเม็ดสำคัญวูบวาบขึ้นเป็นสีแดงก่ำเรืองรอง เกิดลมหมุนจนน้ำที่ริมตลิ่ง
เริ่มแหวกออกเป็นวงกว้าง พื้นตรงที่พวกเขาอยู่แทบจะแห้งสนิทเมื่อจุดดำค่อยๆปรากฏ
และแหวกช่องออกเป็นวงกลม ชามัลในร่างสิตาราหัวเราะลั่น กำลังจะก้าวเข้าไปอยู่แล้ว
ทว่ามัฌชิม์กลับใช้แรงเฮือกสุดท้ายโผเข้ามายื้อไว้! มือนั้นไขว่คว้ามากระตุกสุดแรงใจ
ด้วยพลังเฮือกที่เหลือ ทีเดียวสายประคำโมราขาดสะบั้น! ลูกปัดกลมหลายสิบเม็ด
ปลิวว่อนอยู่ในลมหมุนคว้าง ท่ามกลางหลุมดำมหึมาที่ก่อเกิด หมุนติ้วรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
และกำลังสูบพวกเขาลงไป
“บัดซบเอ๊ย!” ชามัลอุทานลั่น พยายามตะกายคว้าโมราเอาไว้ให้ได้ทั้งที่มองมันไม่เห็น
ในกระแสหมุนคว้างที่ปั่นทั้งร่างให้ลอยไป ทั้งมัชฌิม์ยังเกาะเอวสิตาราไว้แน่นสุดชีวิต
อย่างไม่ยอมปล่อย โดยเจ้าตัวมันเหมือนจะหมดสติไปแล้วในท่านั้น
เขตอาคมที่ทายาทอันดับสองของเมห์ฮราสร้างไว้พลันแตกสลายออกรอบทิศ
เป็นเสมือนสัญญาณเรียกหาออกไปถึงบิดาที่อยู่ห่างไปในป่า แต่หากจะมีใครมาตอนนี้
ก็นับว่าสายเกินเสียแล้ว
ชามัลแทบเป็นบ้า ในกระแสลมหมุนวน เขาที่สิงอยู่ในร่างสิตาราไขว่คว้าลูกปัดโมรา
ที่ถูกหลุมดำดูดกลืนหายไปไว้ได้เพียงเม็ดเดียว! เหลืออยู่เพียงเท่านี้ พลอยที่เขา
จะใช้เพื่อสร้างร่างจำลอง หมายความว่าจะทำลายมันไม่ได้ จะกลับมายัง
ห้วงเวลาปัจจุบันของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
โชคชะตาที่แสนจะน่าสมเพช...การเดินทางนี้จะมีแค่เที่ยวเดียวไม่มีขากลับ
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นเขาก็จะเดินหน้าต่อ ทุกอย่างต้องได้ผลคุ้มค่ากับที่ต้องสูญเสียไป!
จากวันที่รู้ข่าวร้ายจนถึงวันนี้ เวลาผ่านมานานนับเดือน
ในร้านที่ดูเหมือนกาลเวลาจะหยุดหมุน มิตร เมห์ฮราหายจากการบาดเจ็บทางกายแล้ว
แต่สภาพทางใจดูเหมือนจะทรุดหนัก เรื่องครั้งนี้มันทำให้เขาหวนไปนึกถึงการสูญเสีย
สตรีอันเป็นที่รักไปถึงสองคน
คนหนึ่งคือคนรัก คนหนึ่งคือบุคคลพิเศษ...สตรีสูงวัยที่มักแวะเวียนมาหาเขาเป็นประจำ
คนรักตายไปต่อหน้า เพื่อนคนพิเศษอีกคนห่างหาย พอรู้ข่าวอีกทีก็พบว่าผู้ชราเสียชีวิตไปแล้ว
ชะตาชีวิตเขาคงมีคำสาป รักผูกพันกับใครก็ดูเหมือนคนคนนั้นจะต้องจากลา...รวมทั้งสิตารา
สำหรับคราวนี้มิตรรู้มานานแล้ว แน่ใจว่าวันหนึ่งจะต้องจากกัน เพราะอะไรน่ะหรือ...
ก็เพราะว่าครั้งหนึ่งที่เขาท่องเที่ยวอยู่ในกาลเวลาครั้งอดีต เขาเคยได้พบกับสิตารามาก่อน
ในสภาพที่โตเป็นสาว! นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักเธอ
แต่สำหรับสิตารา เธอกลับดีใจมากมายที่ได้พบเขาและยืนยันว่าเป็นเพื่อนเก่า
เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน เธอเล่าทุกสิ่งที่เกิดให้มิตรฟัง นั่นมันเป็นจุดเริ่มต้น
ของการที่เขาพยายามย้อนกลับไปช่วยเธอในวัยเด็กออกมาจากวงล้อมไฟด้วยซ้ำ
ร้านกาลเวลา ร้านซึ่งพาเขาท่องเที่ยวไป มันไม่ได้จะยอมเดินทางตามที่ต้องการไปเสียทุกครั้ง
อย่างตอนนี้ ไม่ว่ามิตรพยายามอ้อนวอนให้มันย้อนเวลากลับไปยังร้อยปีก่อนเท่าไรมันก็เฉยสนิท
แน่นอนว่าเธอได้กลับไปยังช่วงเวลานั้นเพราะความต้องการของชามัลที่กระสันอยากจะ
โค่นรากถอนโคนเมห์ฮรา เขาไม่รู้ว่ามันจะทำสำเร็จไหม ไม่รู้เลย
ทฤษฎีเวลานั้นมีหลากหลาย ในภาพยนตร์มากมาย เมื่อตัวละครย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงอดีต
หลายสิ่งในปัจจุบันพลันเปลี่ยนตามไปด้วย แต่มิตรเชื่อว่านั่นไม่ใช่สำหรับเขา ปัจจุบันที่เขาเห็น
และผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขายังนั่งอยู่ที่เดิม มีความทรงจำแบบเดิมๆ
หากจะมีการย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตได้จริง ผลลัพธ์ของการกระทำนั้นก็คงสร้างโลกใหม่
อาจเป็นโลกคู่ขนานที่แตกแขนงออกไปไม่มีวันมาบรรจบพบเจอ
อดีตที่ถูกเปลี่ยนก็จะกลายเป็นอดีตของโลกนั้น เป็นเรื่องเล่าคนละเรื่องไปโดยสิ้นเชิง
กับเหตุการณ์ที่เขาเคยผ่านพบมาบนโลกใบนี้
ท่านอาอัคนิกลัดกลุ้มไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คืนแรมนั้นท่านตามไปพบซากแห่งการต่อสู้
รอยเลือดของมัชฌิม์ และร่องรอยการข้ามเวลาที่ริมฝั่งทะเลสาบเฟวา
ภายหลังมิตรรั้นตามไปดูที่เกิดเหตุจนได้ และออกตามร้องเรียกหาสิตาราไปทั่ว
ในละแวกนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่เป็นผล ก่อนจะแยกจากกัน ท่านอายังเอ่ยกับเขา
‘โชคชะตาบางอย่าง ถึงพยายามฝืนมันแค่ไหนด้วยกรรมใหม่ สุดท้ายวิถีกรรมเก่าอาจชักพาให้เป็นไป
แม้เรามีหน้าที่ขัดขืน เบี่ยงเบนอะไรที่ไม่ถูกต้องให้กลับสู่ความถูกต้อง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
เราทำเต็มที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ’
มิตรมองยอดเขาอันนะปุรณะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกหิมาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนตัดใจบ่ายหน้ากลับเข้าร้าน ท่านอาคงเจ็บปวดยิ่งกว่าเขา หากพยายามได้มากกว่านี้ท่านคงทำแล้ว
ลูกชายของท่านหายไปในห้วงอดีตด้วยทั้งคนโดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่สิตาราก็แทบไม่ต่างจาก
ลูกสาวของมิตร เมื่อแรกที่เขากลับมาที่ร้าน มิตรยังฝันว่าร้านอาจยอมพาเขากลับไปช่วยเธอ
แต่แล้วมันก็ไม่เป็นดังหวัง เมื่อร้านกาลเวลายังนิ่งสนิทอยู่ ณ ปี 2033
มิตรห่วงใยเด็กน้อยที่เขาเลี้ยงดูมาจนน้ำตาลูกผู้ชายถึงกับไหลซึม
เมื่อต้องอยู่ในร้านอัญมณีที่เงียบงันลงแล้ว มันคงไม่มีทางเหมือนเดิมอีก
กับชีวิตที่อ้างว้าง เขาอยากจะจำศีลให้นานขึ้น
นอนหลับไม่ต้องตื่นขึ้นมาเจอความจริงแบบที่ต้องเจอ
และแล้ววันหนึ่งที่เขาตื่นขึ้นมา มิตรสัมผัสได้ถึงกระแสรุ่มร้อนจากดวงแก้วขนาดย่อม
ที่เขาซ่อนไว้ใต้เคาน์เตอร์ที่นั่งประจำ ชายหนุ่มรีบร้อนหยิบมันออกมาดู หินแก้วนี้ช่วยให้เห็นได้
เวลามีใครที่ต้องการพบหรือติดต่อเขาอย่างเร่งด่วน
ภาพที่ปรากฏในลูกแก้วใสขนาดเท่ากำปั้น เป็นใบหน้าน่ารักที่คุ้นเคย
สิตารากำลังเดินทางดั้นด้นไปตามลำพัง ช้าบ้าง เร็วบ้าง ผ่านละแวกป่าและเมืองเล็กๆ
บ้านคนทั้งสภาพความเป็นอยู่ดูโบราณ เด็กหญิงยังมัดแกละสองข้างอย่างที่ทำอยู่ตามปกติ
ทว่าสีหน้าที่เห็นนั้นกลับร้ายกาจ กร้าวแกร่ง เห็นได้ชัดว่าข้างในนั้นยังมีชามัล!
วิญญาณของเด็กหญิงซึ่งถูกกดไว้ข้างในคงจะเป็นตัวเรียกหาเขา อยากให้เขาไปช่วย
แต่มิตรก็ไม่มีปัญญาจะพาตัวเองไปได้...
“สิตารา ฉันขอโทษ ฉันนี่มันไม่เอาไหน ดูแลเธอไม่ได้เลย”
ชายหนุ่มรู้ดี ถึงจะคร่ำครวญไปคำพูดของเขาก็ไม่อาจส่งถึงเธอ
ตลอดเวลาที่เฝ้ามอง ทำให้เข้าใจได้ว่าชามัลกำลังมุ่งไปทางตะวันออก จากโภคราสู่อัสสัม
เดินทางตามลำพังบ้าง ปลอมแปลงตนเป็นเด็กน้อยน่าสงสารเข้าหาชาวบ้านบ้าง
มิตรรู้ว่าจุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน หากชามัลต้องการจะมีร่าง
ก็ต้องไปหาคนคนเดียวที่จะช่วยมันได้ ณ วังเมห์ฮรา
มีคนผู้เดียวที่รู้วิชาพันธนาการวิญญาณให้อยู่ในรูปทาสรับใช้แห่งอัญมณี!
ค่ำคืนในป่า ไฟมนตร์ถูกจุดขึ้นด้วยมือของร่างเล็กเพื่อปัดเป่าแมลงรบกวน
จนถึงภยันตรายนานาไม่ให้กรายใกล้ ทั้งที่แต่ก่อนชามัลไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้
แม้มีพลังควบคุมแสงสว่าง แต่เขาเคยมีความมืดเป็นเพื่อนแท้ ทว่าเพราะร่างบอบบาง
ของเด็กผู้หญิงคนนี้ที่จะต้องดูแลให้ดี ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก
“รอก่อนนะสิตารา อย่ากังวลไปเลย หลับให้สนิทเถอะ ฉันเองก็เบื่อร่างจิ๋วๆอ่อนแอ
ของเธอเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาเมื่อไหร่จะรีบคืนให้ทันที”
จากวันนั้นที่ข้ามมายังอดีต ชามัลที่เพิ่งฟื้นคืนสติจากแรงเหวี่ยงมหาศาลในการข้ามเวลา
ไม่พบร่องรอยของลูกชายศัตรูตัวดีที่เกาะติดมาด้วย เหมือนว่าคงจะกระจัดกระจายพลัดพรายไปคนละทาง
อาจมีใครสักคนที่มีอำนาจมาช่วยพาตัวมันไปตั้งแต่ก่อนหน้าเขาฟื้น ชามัลจึงเลิกพะวงถึง แม้ใจยัง
ไม่ลืมเสี้ยนหนามแต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการสร้างร่างกายของเขาเองขึ้นมาก่อน
ชามัลดูแลโมรารัตติกาลเพียงเม็ดเดียวที่ยังเหลืออย่างดีที่สุด เที่ยวเสาะหาเส้นวัสดุ
ลงอาคมเหนียวมาร้อยลูกปัด ทั้งยังลงมนตรากำกับไว้หลายชั้นก่อนจะสวมเข้าที่คอสิตารา
ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะให้หินโมราอาถรรพณ์ได้ดื่มเลือดของสิตารา และยอมรับเธอ
เป็นนายของมันตลอดไป
เขาใช้มีดเล่มเล็กที่หามาได้กรีดที่ปลายนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนที่หยดเลือดแดงเข้มจะหยดเผาะ
ซึมซาบเข้าไปในโมราที่อาบอิ่มรอยเลือดนั้นเข้าไปสู่ภายในอย่างช้าๆ ความผูกพันที่จะไม่มีวันสิ้นสลาย
ชามัลยิ้มก่อนจะเอนกายลงหลับพริ้มบนคาคบไม้ใหญ่ มือกุมสร้อยโมราไว้ใกล้หัวใจพลางสื่อสารถึงเธอ
“ต้องช่วยกันรักษามันไว้นะ เพราะนี่คือหยดเลือดแห่งชีวิตของเรา ชีวิตที่เราจะใช้ร่วมกัน ตลอดไป...”
‘ฮึ...’ เสียงของเจ้าของร่างที่แท้จริงผู้ซึ่งยังโดนกักบริเวณคล้ายไม่พอใจมาจากในอก
ทว่าเมื่อมาอยู่ในร่าง อยู่ใกล้กับจิตเธอเช่นนี้ ชามัลก็รู้แน่ชัดว่าเด็กหญิงเคยเป็นใคร
ผ่านอะไรมา และที่สำคัญ ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา ไม่ใช่ความเกลียดชังเลยทั้งที่มันควรจะมี
เหมือนกระแสบางอย่างเชื่อมโยงกันลึกซึ้ง อาจเป็นจากช่วงชีวิตก่อนหน้าที่เขาลืมเลือนไปแล้ว
ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี เพราะจากนี้ไปเขาจะไม่ยอมปล่อยเธออย่างแน่นอน
ดวงตาแลบประกายแสงสีแดงเลือดอันเกิดจากพลังโมราที่ทรงอำนาจเหนือกาลหรี่ดับ
พร้อมจิตของวิญญาณร้ายที่เคลื่อนสู่นิทรา
นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้หลับลงอย่างสบายใจแบบนี้ คงต้องขอบคุณเธอ...สิตารา
ในขวบปีที่สามสิบเอ็ดของอายุขัย ศานติมัน เมห์ฮราเติบโตเป็นเสาหลักของตระกูล
ช่วยแบ่งเบาภาระบิดาที่มีโรคประจำตัวได้มาก โดยมีอัคนิน้องชายสุดที่รักซึ่งอ่อนวัยกว่าตน
ถึงเก้าปีเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นฝ่ายลุยลงมือในภารกิจหลากหลาย ทว่าศานติมันยังคงเป็นสมอง
ส่วนสำคัญที่สุดของเมห์ฮราในเวลานั้น มันเป็นบทบาทที่น้องชายผู้เป็นว่าที่ผู้นำตระกูล‘แบ่ง’ให้เขา
และตอนนี้ชายหนุ่มก็พยายามจะพอใจกับมัน แค่ตอนนี้เท่านั้น...
ศานติมันเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ใช้เวลาชีวิตไปกับการสั่งสมภูมิรู้หลายหลาก
แม้กระทั่งความรู้ที่อาจสาบสูญไปแล้วของชนเหล่าอื่น ถูกกลบฝังด้วยกาลอันผ่านเลย
ก็มีเขานี่เองที่จะดั้นด้นไปขุดค้นเอาปัญญาเหล่านั้นมาปัดฝุ่นทำให้กลายเป็นของตัว
วันเกิด...คือวันที่ผ่านมาเพื่อเตือนตัวเองให้รู้ ว่าเวลาชีวิตข้างวดลงอีกปีแล้ว
ข้าได้ของขวัญวันเกิดปีนี้มากมาย ทั้งที่ใจก็ไม่ได้ยินดีด้วยเครื่องทองของมีค่า
หรืออัญมณีที่ผู้คนเอามากองให้เลย แต่มีสิ่งล้ำค่าอย่างหนึ่ง
ที่ข้าอยากเสาะแสวงหามาเป็นสมบัติแห่งตนให้จงได้
ยังมีเรื่องเล่าถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ในช่วงเดือนสิบสองของปี สิ่งมีชีวิตโบราณนั้น
จะเคลื่อนกายาจากหลักแหล่งบนยอดภูผาหิมาลัยลงมายังป่าแถบใต้เมืองสิกขิม
เพื่อคายพิษในหุบเขาอันเป็นอ้อมกอดของหิมาลัยตามสัญญาเก่าของเผ่าพันธุ์
อันมีต้นกำเนิดในแดนนี้ และศานติมันก็ดั้นด้นมาลำพังจนถึงที่
ด้วยต้องการชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของนาคาเขี้ยวแก้ว ตัวเอกของตำนานดังกล่าวกลับไป
มันเป็นแร่กึ่งอัญมณีอันกำเนิดจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าจะช่วยเพิ่มความไร้เทียมทาน
ต่อคุณไสยทั้งสิ้นที่มุ่งมาทำลายตัวผู้เป็นเจ้าของ ศานติมันสู้อุตส่าห์ละกิจของตระกูลลงชั่วคราว
รอมแรมมาลำบากลำบน ใช้เวลาวางกับดักซุ่มรอคอยจนได้พบนาคาที่ตัวใสราวกับจะกลืนไปในบรรยากาศ!
ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตนัก ความยาวเพียงโบกี้รถไฟสักท่อน พญางูใหญ่ยิ่งกว่านี้ศานติมันยังเคยพบมาแล้ว
แต่ความงดงามของนาคาเขี้ยวแก้วก็ทำให้ตะลึงพรึงเพริดไปด้วยความปีติ เขี้ยวใสตระการตาคู่นั้น
กับความหลงใหลที่ทำให้เผลอไผล มันจึงฉกปลายเขี้ยวลงเฉี่ยวมือเขาจนได้
ความเจ็บปวดราวน้ำแข็งพิษกัดกินลึกเข้ามาในเนื้อ จู่โจมจากบาดแผลสู่ขั้วหัวใจ
แม้รู้จักสมุนไพรที่อาจมาล้างพิษ ทว่าร่างกายไม่อาจขยับ ศานติมันตระหนกตกใจ
เมื่อรับรู้ความจริงที่ว่าตนพลาดเสียแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ใครเลยจะรู้
นี่มันอาจปลิดชีวิตของเขาลงเลยก็ว่าได้!
ทว่าคนสำคัญแห่งเมห์ฮราก็ได้แต่ระงับความกังวลนั้นลง
นั่งแน่นิ่งเพื่อเดินกระแสพลังปราณขับพิษ ผิวกายค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
เหงื่อออกทั่วร่างราวกับตาน้ำผุด ธาตุในกายแตกซ่านและรู้สึกอยู่ในใจ
ว่าหากไม่พยายามลุกไปหายาแก้พิษให้ได้เดี๋ยวนี้ ตนอาจไม่ได้อยู่ถึงวันแห่งอำนาจที่รอคอย
“ท่านถูกพิษ...”
เสียงหนึ่งซึ่งไม่คุ้นเคยดังขึ้นปลุกศานติมันจากห้วงความทรมานที่ทั้งรุ่มร้อนและหนาวเยือกเย็น
เสียดขั้วกระดูกสลับกันไป ชายหนุ่มเงยหน้านิดหนึ่ง มองผ่านผมยาวหยักศกที่รุ่ยร่ายมาปิดใบหน้าตนไว้ครึ่งๆ
ที่อยู่ต่อหน้าเขาคือร่างเล็กๆผอมๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าของตาโตสวย
ทว่าสำเนียงพูดนั้นกลับฟังเจ้าเล่ห์ราวกับเสียงเด็กผู้ชาย
ศานติมันยิ้มเอ็นดู เด็กนี่จะโผล่มาทางไหนไม่รู้ได้ บางทีอีกฝ่ายอาจช่วยเขาให้รอด
เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากเด็กตรงหน้าให้ได้ ถ้าเพียงแต่บอกให้ไปเก็บสมุนไพรมาถูกชนิด
ทว่าความหวังดูจะริบหรี่เต็มที เมื่อลิ้นของชายหนุ่มคล้ายจะชาแข็งไปเสียแล้ว
กว่าจะอ้าปากขึ้นก็ช้าเกินการณ์
“รออยู่ตรงนี้ ข้าจะไปหายามาให้”
เด็กนั่นว่าแล้วแผล่วหาย
“ด...ดะ เดียว...เดี๋ยว” ช้าไปแล้ว กว่าเสียงจะลอดพ้มริมฝีปากอีกฝ่ายก็ไปไกลเกินจะได้ยิน
ศานติมันแทบถอดใจ ทางรอดเพียงหนึ่งเดียวโจนหนีไปต่อหน้า เด็กแปลกหน้าคนนั้นไม่มีทางแยกแยะ
สมุนไพรธรรมดากับชนิดพิเศษที่จะนำมารักษาพิษในลักษณะนี้ได้ สติของชายหนุ่มผู้เคยทระนง
ในปัญญาว่าเหนือว่าผู้ใดเริ่มเลือนรางลง จนที่สุด...เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
-------------
คนเขียนน็อก(เพราะงาน เลยมาช้า อ่อก)
แต่ก็มาแล้วนะคะ
อสิตา
แต่ด้วยความหยิ่งผยองเกินขีดจำกัดชักพาให้เป็นไป ทายาทอันดับสองของตระกูลเมห์ฮรา
เริ่มกางกั้นเขตอาคม จากแนวป่า เหนือ ใต้ ออก ตก ไกลออกไปถึงพื้นที่เหนือคุ้งทะเลสาบส่วนหนึ่ง
แน่ใจว่าถ้าสู้กันรุนแรงบิดาที่นำคนออกตามหาสิตาราอยู่ในป่าจะต้องรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นที่นี่
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นภายใต้เขตมนตร์กำบังแน่นหนา ก็จะไม่มีสัญญาณส่งออกไปให้ภายนอกรับรู้ได้เลย
รวมถึงวิญญาณของชามัลก็ไม่อาจหนีหายออกไปพ้นเขตอาคมนี้เช่นกัน
สิตาราวิ่งออกไปยืนห่างรูปเงาของชามัล และไม่เฉียดใกล้คนกึ่งเสือที่เริ่มจะมีแววตาเรืองแสงขึ้นมาอีก
ไฟในตาแตกปะทุคล้ายพร้อมจะจุดระเบิดพุ่งเข้าทำร้ายทำลายกันให้วินาศได้ทุกเมื่อ
ทว่า...เมื่อมัชฌิม์เป็นฝ่ายเปิดฉากพุ่งเข้าใส่ร่างรูปเงา สิ่งที่เกิดมิได้คล้ายกับที่มันเคยเกิด
ภายใต้ขุมทรัพย์แห่งความมืดเลยแม้สักน้อย ชามัลไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายจู่โจมกรงเล็บคมปลาบ
เข้ามาทำร้ายจิตที่รวมตัวของเขาได้อีก แต่กั้นเด็กหนุ่มไว้ด้วยมนตร์ไฟเก่าแก่โบราณทรงฤทธิ์
แม้กายเนื้อแตกดับไปแล้ววิญญาณของเขาก็ยังไม่ลืม ทุกบท ทุกตอนของคาถาที่ท่านปู่ศานติมัน
ผู้นำคนเก่าของเมห์ฮราเป็นผู้ถ่ายทอดมาให้จนแตกฉาน เขาเกิดมาเพื่อเป็นหนึ่ง
ไม่ว่าอยู่หรือตายก็ยังคิดว่าตนเป็นหนึ่งเสมอมา ต่างจากเด็กหนุ่มผู้ที่แม้พยายามเชื่อสักเพียงไหน
ว่าตนแข็งแกร่งดุดัน แต่ที่แท้ในใจแล้วก็คอยแต่จะคิดไปว่าเป็นรองพี่ชาย
เมื่อเป็นดั่งนี้ก็เสมือนมัชฌิม์โจมตีเข้าหากำแพงภูผาของจิตเหนียวแข็งที่ไม่ยอมให้ทะลวงไปได้
ครั้นเพิ่มแรงปะทะมากเข้า กลับเป็นเขาเองที่จะเจ็บเสียอีกด้วย
เสียงหัวเราะก้องของชามัลสะท้านสะเทือนเสียดแทงจนสิตาราที่อยู่ในเขตอาคมยังต้องเอามือปิดหู
กำหนดสมาธิกำบังไม่ให้ตนเองโดนทำร้ายไปด้วยแรงของเสียงนั้น ทว่าในระหว่างที่เขาสู้
ชามัลกลับส่งเสียงเรียกมาถึงเธอด้วยในใจ
‘สิตารา ปลดโมราออกจากสร้อยเดี๋ยวนี้ เอามันออกมาเม็ดหนึ่ง ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เราจะไม่เสียเวลา’
เด็กหญิงอยากเหลือเกินที่จะไม่ทำตาม แต่เสียงของผีนรกอย่างชามัลก็แทรกซอนเข้ามา
ลึกเหมือนหนึ่งจะบีบขั้วหัวใจและควบคุมร่างเธออีก มือสั่นๆหยิบสร้อยประคำที่ร้อยด้วย
สายหนังทอเส้นละเอียดยิบออกมาคลายเงื่อนออก หยิบมาถือไว้เม็ดหนึ่ง มือเธอขยับ
ตามคำสั่งเขาก็จริง แต่สมาธิชามัลในเวลานั้นแยกออกเป็นหลายส่วน ที่กำลังปะทะกับมัชฌิม์ก็อีก
ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าจะควบคุมคนที่มีพลังแฝงเร้นอย่างสิตาราได้ทั้งตัว เท้าเล็กจึงพาเธอหนีห่าง
พวกเขาที่กำลังสู้กันในราวป่า สิตาราวิ่งไปจนถึงริมทะเลสาบโดยที่ชามัลไม่ได้หันกลับมาเห็น
เพราะมัวแต่วุ่นกับคู่ต่อสู้ของตน
“เป็นยังไง มัชฌิม์ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ดีใจไหมที่ได้สร้างเขตอาคมไว้เป็นแดนตายของตัวเอง”
ชามัลกรากเข้าหาร่างของหนุ่มน้อยที่เวลานี้ทรุดลงอยู่ในท่าหมอบ กระอักออกมาเป็นเลือดสดๆ
ซึ่งเกิดจากอาการช้ำในเพราะใช้พลังอัดกระแทกเข้าหาชามัลจนแรงนั้นย้อนเข้าตัว
รูปเงาคุกเข่าลงไปใกล้ อุทานเหยียดเยาะเจือกระแสยินดี “จุๆๆ ดูซิ เลือดออกแดงฉาน”
ชามัลว่าแล้วก็เอื้อมมือซีดจางไปรองเลือดที่กำลังหยาดรินไหลหยดก่อนจะหัวเราะเบาๆ
อย่างแสนสมเพช “นี่ถ้าพ่อเจ้ามาเห็นภาพงดงามแบบที่ข้าเห็นคงตะลึงน่าดู”
ชามัลเอื้อมไปบีบคอซ้ำ ออกแรงเค้นจนมัชฌิม์หน้าเบ้ ก่อนเข่นเสียงสบถใส่อีกคำแล้วผละจาก
ไปหาสิตารา ทิ้งเหยื่อไว้เบื้องหลัง เขาห่วงเด็กนั่นกับโมรามากกว่าเด็กหนุ่มน่าสมเพช
ที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อกรอะไรอีก
รูปเงาเล็งเห็นเด็กหญิงยืนตัวสั่นอยู่ที่ริมตลิ่ง เหม่อมองฟากฟ้าสีหม่นเห็นเมฆดำ
มาชุมนุมเป็นเกลียวราวกับกำลังจะเอื้อมเงื้อมมือลงมาถึงตัว พลังธาตุในกายเธอ
กำลังปั่นป่วนลุกโพลงในคืนมืด ต้องอาศัยมันต้านแรงสะกดของชามัล
สิตาราจะไม่ยอมไปกับเขาเด็ดขาด
“ฉันจะอยู่ที่นี่ กับมิตร... ไม่ไปกับผีนรกหน้าไหนทั้งนั้น” สิตาราตะโกนแล้ววิ่งหนี
ทว่าไม่พ้นมือของรูปเงาที่กำลังเดือดดาลและรีบร้อนไปได้
ร่างรูปเงาวูบเข้าสิงสู่ในร่างเล็ก ประทับรอยจนสนิท สิตารามือหนึ่งกำโมราเม็ดสำคัญ
อีกมือกำสร้อยประคำที่ถูกผูกให้ติดกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ดังใจวิญญาณร้ายในร่างเด็ก
ก็โผกลับไปหามัชฌิม์ที่เวลานี้พุ่งเข้ามาถึงริมตลิ่ง ชามัลใช้มือข้างถือประคำนั้นฟาด
เข้าที่หน้าอีกฝ่ายสุดแรง โดยยืมพลังเร้นลับที่อัดแน่นในตัวอัญมณีเป็นตัวสร้างความเจ็บปวด
มัชฌิม์ร้องลั่น กระอักเลือดสดๆออกมาลิ่มใหญ่ พร้อมๆกับที่ชามัลในร่างสิตาราเริ่มสาธยาย
มนตราที่เพียรเสาะหามา มนตร์ที่จะทำให้เม็ดลูกปัดแตกสลาย
โมรารัตติกาลเม็ดสำคัญวูบวาบขึ้นเป็นสีแดงก่ำเรืองรอง เกิดลมหมุนจนน้ำที่ริมตลิ่ง
เริ่มแหวกออกเป็นวงกว้าง พื้นตรงที่พวกเขาอยู่แทบจะแห้งสนิทเมื่อจุดดำค่อยๆปรากฏ
และแหวกช่องออกเป็นวงกลม ชามัลในร่างสิตาราหัวเราะลั่น กำลังจะก้าวเข้าไปอยู่แล้ว
ทว่ามัฌชิม์กลับใช้แรงเฮือกสุดท้ายโผเข้ามายื้อไว้! มือนั้นไขว่คว้ามากระตุกสุดแรงใจ
ด้วยพลังเฮือกที่เหลือ ทีเดียวสายประคำโมราขาดสะบั้น! ลูกปัดกลมหลายสิบเม็ด
ปลิวว่อนอยู่ในลมหมุนคว้าง ท่ามกลางหลุมดำมหึมาที่ก่อเกิด หมุนติ้วรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
และกำลังสูบพวกเขาลงไป
“บัดซบเอ๊ย!” ชามัลอุทานลั่น พยายามตะกายคว้าโมราเอาไว้ให้ได้ทั้งที่มองมันไม่เห็น
ในกระแสหมุนคว้างที่ปั่นทั้งร่างให้ลอยไป ทั้งมัชฌิม์ยังเกาะเอวสิตาราไว้แน่นสุดชีวิต
อย่างไม่ยอมปล่อย โดยเจ้าตัวมันเหมือนจะหมดสติไปแล้วในท่านั้น
เขตอาคมที่ทายาทอันดับสองของเมห์ฮราสร้างไว้พลันแตกสลายออกรอบทิศ
เป็นเสมือนสัญญาณเรียกหาออกไปถึงบิดาที่อยู่ห่างไปในป่า แต่หากจะมีใครมาตอนนี้
ก็นับว่าสายเกินเสียแล้ว
ชามัลแทบเป็นบ้า ในกระแสลมหมุนวน เขาที่สิงอยู่ในร่างสิตาราไขว่คว้าลูกปัดโมรา
ที่ถูกหลุมดำดูดกลืนหายไปไว้ได้เพียงเม็ดเดียว! เหลืออยู่เพียงเท่านี้ พลอยที่เขา
จะใช้เพื่อสร้างร่างจำลอง หมายความว่าจะทำลายมันไม่ได้ จะกลับมายัง
ห้วงเวลาปัจจุบันของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
โชคชะตาที่แสนจะน่าสมเพช...การเดินทางนี้จะมีแค่เที่ยวเดียวไม่มีขากลับ
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นเขาก็จะเดินหน้าต่อ ทุกอย่างต้องได้ผลคุ้มค่ากับที่ต้องสูญเสียไป!
จากวันที่รู้ข่าวร้ายจนถึงวันนี้ เวลาผ่านมานานนับเดือน
ในร้านที่ดูเหมือนกาลเวลาจะหยุดหมุน มิตร เมห์ฮราหายจากการบาดเจ็บทางกายแล้ว
แต่สภาพทางใจดูเหมือนจะทรุดหนัก เรื่องครั้งนี้มันทำให้เขาหวนไปนึกถึงการสูญเสีย
สตรีอันเป็นที่รักไปถึงสองคน
คนหนึ่งคือคนรัก คนหนึ่งคือบุคคลพิเศษ...สตรีสูงวัยที่มักแวะเวียนมาหาเขาเป็นประจำ
คนรักตายไปต่อหน้า เพื่อนคนพิเศษอีกคนห่างหาย พอรู้ข่าวอีกทีก็พบว่าผู้ชราเสียชีวิตไปแล้ว
ชะตาชีวิตเขาคงมีคำสาป รักผูกพันกับใครก็ดูเหมือนคนคนนั้นจะต้องจากลา...รวมทั้งสิตารา
สำหรับคราวนี้มิตรรู้มานานแล้ว แน่ใจว่าวันหนึ่งจะต้องจากกัน เพราะอะไรน่ะหรือ...
ก็เพราะว่าครั้งหนึ่งที่เขาท่องเที่ยวอยู่ในกาลเวลาครั้งอดีต เขาเคยได้พบกับสิตารามาก่อน
ในสภาพที่โตเป็นสาว! นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักเธอ
แต่สำหรับสิตารา เธอกลับดีใจมากมายที่ได้พบเขาและยืนยันว่าเป็นเพื่อนเก่า
เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน เธอเล่าทุกสิ่งที่เกิดให้มิตรฟัง นั่นมันเป็นจุดเริ่มต้น
ของการที่เขาพยายามย้อนกลับไปช่วยเธอในวัยเด็กออกมาจากวงล้อมไฟด้วยซ้ำ
ร้านกาลเวลา ร้านซึ่งพาเขาท่องเที่ยวไป มันไม่ได้จะยอมเดินทางตามที่ต้องการไปเสียทุกครั้ง
อย่างตอนนี้ ไม่ว่ามิตรพยายามอ้อนวอนให้มันย้อนเวลากลับไปยังร้อยปีก่อนเท่าไรมันก็เฉยสนิท
แน่นอนว่าเธอได้กลับไปยังช่วงเวลานั้นเพราะความต้องการของชามัลที่กระสันอยากจะ
โค่นรากถอนโคนเมห์ฮรา เขาไม่รู้ว่ามันจะทำสำเร็จไหม ไม่รู้เลย
ทฤษฎีเวลานั้นมีหลากหลาย ในภาพยนตร์มากมาย เมื่อตัวละครย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงอดีต
หลายสิ่งในปัจจุบันพลันเปลี่ยนตามไปด้วย แต่มิตรเชื่อว่านั่นไม่ใช่สำหรับเขา ปัจจุบันที่เขาเห็น
และผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขายังนั่งอยู่ที่เดิม มีความทรงจำแบบเดิมๆ
หากจะมีการย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตได้จริง ผลลัพธ์ของการกระทำนั้นก็คงสร้างโลกใหม่
อาจเป็นโลกคู่ขนานที่แตกแขนงออกไปไม่มีวันมาบรรจบพบเจอ
อดีตที่ถูกเปลี่ยนก็จะกลายเป็นอดีตของโลกนั้น เป็นเรื่องเล่าคนละเรื่องไปโดยสิ้นเชิง
กับเหตุการณ์ที่เขาเคยผ่านพบมาบนโลกใบนี้
ท่านอาอัคนิกลัดกลุ้มไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คืนแรมนั้นท่านตามไปพบซากแห่งการต่อสู้
รอยเลือดของมัชฌิม์ และร่องรอยการข้ามเวลาที่ริมฝั่งทะเลสาบเฟวา
ภายหลังมิตรรั้นตามไปดูที่เกิดเหตุจนได้ และออกตามร้องเรียกหาสิตาราไปทั่ว
ในละแวกนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่เป็นผล ก่อนจะแยกจากกัน ท่านอายังเอ่ยกับเขา
‘โชคชะตาบางอย่าง ถึงพยายามฝืนมันแค่ไหนด้วยกรรมใหม่ สุดท้ายวิถีกรรมเก่าอาจชักพาให้เป็นไป
แม้เรามีหน้าที่ขัดขืน เบี่ยงเบนอะไรที่ไม่ถูกต้องให้กลับสู่ความถูกต้อง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
เราทำเต็มที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ’
มิตรมองยอดเขาอันนะปุรณะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกหิมาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนตัดใจบ่ายหน้ากลับเข้าร้าน ท่านอาคงเจ็บปวดยิ่งกว่าเขา หากพยายามได้มากกว่านี้ท่านคงทำแล้ว
ลูกชายของท่านหายไปในห้วงอดีตด้วยทั้งคนโดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่สิตาราก็แทบไม่ต่างจาก
ลูกสาวของมิตร เมื่อแรกที่เขากลับมาที่ร้าน มิตรยังฝันว่าร้านอาจยอมพาเขากลับไปช่วยเธอ
แต่แล้วมันก็ไม่เป็นดังหวัง เมื่อร้านกาลเวลายังนิ่งสนิทอยู่ ณ ปี 2033
มิตรห่วงใยเด็กน้อยที่เขาเลี้ยงดูมาจนน้ำตาลูกผู้ชายถึงกับไหลซึม
เมื่อต้องอยู่ในร้านอัญมณีที่เงียบงันลงแล้ว มันคงไม่มีทางเหมือนเดิมอีก
กับชีวิตที่อ้างว้าง เขาอยากจะจำศีลให้นานขึ้น
นอนหลับไม่ต้องตื่นขึ้นมาเจอความจริงแบบที่ต้องเจอ
และแล้ววันหนึ่งที่เขาตื่นขึ้นมา มิตรสัมผัสได้ถึงกระแสรุ่มร้อนจากดวงแก้วขนาดย่อม
ที่เขาซ่อนไว้ใต้เคาน์เตอร์ที่นั่งประจำ ชายหนุ่มรีบร้อนหยิบมันออกมาดู หินแก้วนี้ช่วยให้เห็นได้
เวลามีใครที่ต้องการพบหรือติดต่อเขาอย่างเร่งด่วน
ภาพที่ปรากฏในลูกแก้วใสขนาดเท่ากำปั้น เป็นใบหน้าน่ารักที่คุ้นเคย
สิตารากำลังเดินทางดั้นด้นไปตามลำพัง ช้าบ้าง เร็วบ้าง ผ่านละแวกป่าและเมืองเล็กๆ
บ้านคนทั้งสภาพความเป็นอยู่ดูโบราณ เด็กหญิงยังมัดแกละสองข้างอย่างที่ทำอยู่ตามปกติ
ทว่าสีหน้าที่เห็นนั้นกลับร้ายกาจ กร้าวแกร่ง เห็นได้ชัดว่าข้างในนั้นยังมีชามัล!
วิญญาณของเด็กหญิงซึ่งถูกกดไว้ข้างในคงจะเป็นตัวเรียกหาเขา อยากให้เขาไปช่วย
แต่มิตรก็ไม่มีปัญญาจะพาตัวเองไปได้...
“สิตารา ฉันขอโทษ ฉันนี่มันไม่เอาไหน ดูแลเธอไม่ได้เลย”
ชายหนุ่มรู้ดี ถึงจะคร่ำครวญไปคำพูดของเขาก็ไม่อาจส่งถึงเธอ
ตลอดเวลาที่เฝ้ามอง ทำให้เข้าใจได้ว่าชามัลกำลังมุ่งไปทางตะวันออก จากโภคราสู่อัสสัม
เดินทางตามลำพังบ้าง ปลอมแปลงตนเป็นเด็กน้อยน่าสงสารเข้าหาชาวบ้านบ้าง
มิตรรู้ว่าจุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน หากชามัลต้องการจะมีร่าง
ก็ต้องไปหาคนคนเดียวที่จะช่วยมันได้ ณ วังเมห์ฮรา
มีคนผู้เดียวที่รู้วิชาพันธนาการวิญญาณให้อยู่ในรูปทาสรับใช้แห่งอัญมณี!
ค่ำคืนในป่า ไฟมนตร์ถูกจุดขึ้นด้วยมือของร่างเล็กเพื่อปัดเป่าแมลงรบกวน
จนถึงภยันตรายนานาไม่ให้กรายใกล้ ทั้งที่แต่ก่อนชามัลไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้
แม้มีพลังควบคุมแสงสว่าง แต่เขาเคยมีความมืดเป็นเพื่อนแท้ ทว่าเพราะร่างบอบบาง
ของเด็กผู้หญิงคนนี้ที่จะต้องดูแลให้ดี ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก
“รอก่อนนะสิตารา อย่ากังวลไปเลย หลับให้สนิทเถอะ ฉันเองก็เบื่อร่างจิ๋วๆอ่อนแอ
ของเธอเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาเมื่อไหร่จะรีบคืนให้ทันที”
จากวันนั้นที่ข้ามมายังอดีต ชามัลที่เพิ่งฟื้นคืนสติจากแรงเหวี่ยงมหาศาลในการข้ามเวลา
ไม่พบร่องรอยของลูกชายศัตรูตัวดีที่เกาะติดมาด้วย เหมือนว่าคงจะกระจัดกระจายพลัดพรายไปคนละทาง
อาจมีใครสักคนที่มีอำนาจมาช่วยพาตัวมันไปตั้งแต่ก่อนหน้าเขาฟื้น ชามัลจึงเลิกพะวงถึง แม้ใจยัง
ไม่ลืมเสี้ยนหนามแต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการสร้างร่างกายของเขาเองขึ้นมาก่อน
ชามัลดูแลโมรารัตติกาลเพียงเม็ดเดียวที่ยังเหลืออย่างดีที่สุด เที่ยวเสาะหาเส้นวัสดุ
ลงอาคมเหนียวมาร้อยลูกปัด ทั้งยังลงมนตรากำกับไว้หลายชั้นก่อนจะสวมเข้าที่คอสิตารา
ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะให้หินโมราอาถรรพณ์ได้ดื่มเลือดของสิตารา และยอมรับเธอ
เป็นนายของมันตลอดไป
เขาใช้มีดเล่มเล็กที่หามาได้กรีดที่ปลายนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนที่หยดเลือดแดงเข้มจะหยดเผาะ
ซึมซาบเข้าไปในโมราที่อาบอิ่มรอยเลือดนั้นเข้าไปสู่ภายในอย่างช้าๆ ความผูกพันที่จะไม่มีวันสิ้นสลาย
ชามัลยิ้มก่อนจะเอนกายลงหลับพริ้มบนคาคบไม้ใหญ่ มือกุมสร้อยโมราไว้ใกล้หัวใจพลางสื่อสารถึงเธอ
“ต้องช่วยกันรักษามันไว้นะ เพราะนี่คือหยดเลือดแห่งชีวิตของเรา ชีวิตที่เราจะใช้ร่วมกัน ตลอดไป...”
‘ฮึ...’ เสียงของเจ้าของร่างที่แท้จริงผู้ซึ่งยังโดนกักบริเวณคล้ายไม่พอใจมาจากในอก
ทว่าเมื่อมาอยู่ในร่าง อยู่ใกล้กับจิตเธอเช่นนี้ ชามัลก็รู้แน่ชัดว่าเด็กหญิงเคยเป็นใคร
ผ่านอะไรมา และที่สำคัญ ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา ไม่ใช่ความเกลียดชังเลยทั้งที่มันควรจะมี
เหมือนกระแสบางอย่างเชื่อมโยงกันลึกซึ้ง อาจเป็นจากช่วงชีวิตก่อนหน้าที่เขาลืมเลือนไปแล้ว
ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี เพราะจากนี้ไปเขาจะไม่ยอมปล่อยเธออย่างแน่นอน
ดวงตาแลบประกายแสงสีแดงเลือดอันเกิดจากพลังโมราที่ทรงอำนาจเหนือกาลหรี่ดับ
พร้อมจิตของวิญญาณร้ายที่เคลื่อนสู่นิทรา
นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้หลับลงอย่างสบายใจแบบนี้ คงต้องขอบคุณเธอ...สิตารา
ในขวบปีที่สามสิบเอ็ดของอายุขัย ศานติมัน เมห์ฮราเติบโตเป็นเสาหลักของตระกูล
ช่วยแบ่งเบาภาระบิดาที่มีโรคประจำตัวได้มาก โดยมีอัคนิน้องชายสุดที่รักซึ่งอ่อนวัยกว่าตน
ถึงเก้าปีเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นฝ่ายลุยลงมือในภารกิจหลากหลาย ทว่าศานติมันยังคงเป็นสมอง
ส่วนสำคัญที่สุดของเมห์ฮราในเวลานั้น มันเป็นบทบาทที่น้องชายผู้เป็นว่าที่ผู้นำตระกูล‘แบ่ง’ให้เขา
และตอนนี้ชายหนุ่มก็พยายามจะพอใจกับมัน แค่ตอนนี้เท่านั้น...
ศานติมันเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ใช้เวลาชีวิตไปกับการสั่งสมภูมิรู้หลายหลาก
แม้กระทั่งความรู้ที่อาจสาบสูญไปแล้วของชนเหล่าอื่น ถูกกลบฝังด้วยกาลอันผ่านเลย
ก็มีเขานี่เองที่จะดั้นด้นไปขุดค้นเอาปัญญาเหล่านั้นมาปัดฝุ่นทำให้กลายเป็นของตัว
วันเกิด...คือวันที่ผ่านมาเพื่อเตือนตัวเองให้รู้ ว่าเวลาชีวิตข้างวดลงอีกปีแล้ว
ข้าได้ของขวัญวันเกิดปีนี้มากมาย ทั้งที่ใจก็ไม่ได้ยินดีด้วยเครื่องทองของมีค่า
หรืออัญมณีที่ผู้คนเอามากองให้เลย แต่มีสิ่งล้ำค่าอย่างหนึ่ง
ที่ข้าอยากเสาะแสวงหามาเป็นสมบัติแห่งตนให้จงได้
ยังมีเรื่องเล่าถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ในช่วงเดือนสิบสองของปี สิ่งมีชีวิตโบราณนั้น
จะเคลื่อนกายาจากหลักแหล่งบนยอดภูผาหิมาลัยลงมายังป่าแถบใต้เมืองสิกขิม
เพื่อคายพิษในหุบเขาอันเป็นอ้อมกอดของหิมาลัยตามสัญญาเก่าของเผ่าพันธุ์
อันมีต้นกำเนิดในแดนนี้ และศานติมันก็ดั้นด้นมาลำพังจนถึงที่
ด้วยต้องการชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของนาคาเขี้ยวแก้ว ตัวเอกของตำนานดังกล่าวกลับไป
มันเป็นแร่กึ่งอัญมณีอันกำเนิดจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าจะช่วยเพิ่มความไร้เทียมทาน
ต่อคุณไสยทั้งสิ้นที่มุ่งมาทำลายตัวผู้เป็นเจ้าของ ศานติมันสู้อุตส่าห์ละกิจของตระกูลลงชั่วคราว
รอมแรมมาลำบากลำบน ใช้เวลาวางกับดักซุ่มรอคอยจนได้พบนาคาที่ตัวใสราวกับจะกลืนไปในบรรยากาศ!
ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตนัก ความยาวเพียงโบกี้รถไฟสักท่อน พญางูใหญ่ยิ่งกว่านี้ศานติมันยังเคยพบมาแล้ว
แต่ความงดงามของนาคาเขี้ยวแก้วก็ทำให้ตะลึงพรึงเพริดไปด้วยความปีติ เขี้ยวใสตระการตาคู่นั้น
กับความหลงใหลที่ทำให้เผลอไผล มันจึงฉกปลายเขี้ยวลงเฉี่ยวมือเขาจนได้
ความเจ็บปวดราวน้ำแข็งพิษกัดกินลึกเข้ามาในเนื้อ จู่โจมจากบาดแผลสู่ขั้วหัวใจ
แม้รู้จักสมุนไพรที่อาจมาล้างพิษ ทว่าร่างกายไม่อาจขยับ ศานติมันตระหนกตกใจ
เมื่อรับรู้ความจริงที่ว่าตนพลาดเสียแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ใครเลยจะรู้
นี่มันอาจปลิดชีวิตของเขาลงเลยก็ว่าได้!
ทว่าคนสำคัญแห่งเมห์ฮราก็ได้แต่ระงับความกังวลนั้นลง
นั่งแน่นิ่งเพื่อเดินกระแสพลังปราณขับพิษ ผิวกายค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
เหงื่อออกทั่วร่างราวกับตาน้ำผุด ธาตุในกายแตกซ่านและรู้สึกอยู่ในใจ
ว่าหากไม่พยายามลุกไปหายาแก้พิษให้ได้เดี๋ยวนี้ ตนอาจไม่ได้อยู่ถึงวันแห่งอำนาจที่รอคอย
“ท่านถูกพิษ...”
เสียงหนึ่งซึ่งไม่คุ้นเคยดังขึ้นปลุกศานติมันจากห้วงความทรมานที่ทั้งรุ่มร้อนและหนาวเยือกเย็น
เสียดขั้วกระดูกสลับกันไป ชายหนุ่มเงยหน้านิดหนึ่ง มองผ่านผมยาวหยักศกที่รุ่ยร่ายมาปิดใบหน้าตนไว้ครึ่งๆ
ที่อยู่ต่อหน้าเขาคือร่างเล็กๆผอมๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าของตาโตสวย
ทว่าสำเนียงพูดนั้นกลับฟังเจ้าเล่ห์ราวกับเสียงเด็กผู้ชาย
ศานติมันยิ้มเอ็นดู เด็กนี่จะโผล่มาทางไหนไม่รู้ได้ บางทีอีกฝ่ายอาจช่วยเขาให้รอด
เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากเด็กตรงหน้าให้ได้ ถ้าเพียงแต่บอกให้ไปเก็บสมุนไพรมาถูกชนิด
ทว่าความหวังดูจะริบหรี่เต็มที เมื่อลิ้นของชายหนุ่มคล้ายจะชาแข็งไปเสียแล้ว
กว่าจะอ้าปากขึ้นก็ช้าเกินการณ์
“รออยู่ตรงนี้ ข้าจะไปหายามาให้”
เด็กนั่นว่าแล้วแผล่วหาย
“ด...ดะ เดียว...เดี๋ยว” ช้าไปแล้ว กว่าเสียงจะลอดพ้มริมฝีปากอีกฝ่ายก็ไปไกลเกินจะได้ยิน
ศานติมันแทบถอดใจ ทางรอดเพียงหนึ่งเดียวโจนหนีไปต่อหน้า เด็กแปลกหน้าคนนั้นไม่มีทางแยกแยะ
สมุนไพรธรรมดากับชนิดพิเศษที่จะนำมารักษาพิษในลักษณะนี้ได้ สติของชายหนุ่มผู้เคยทระนง
ในปัญญาว่าเหนือว่าผู้ใดเริ่มเลือนรางลง จนที่สุด...เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
-------------
คนเขียนน็อก(เพราะงาน เลยมาช้า อ่อก)
แต่ก็มาแล้วนะคะ
อสิตา
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2556, 16:48:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2556, 16:54:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1568
<< บทที่ ๖ รอคอย ณ ทะเลสาบไร้เงา | บทที่ ๗ แรมสีเลือด สู่บรรพกาล (...จบบท) >> |
อสิตา 6 ธ.ค. 2556, 16:54:45 น.
คุณเกดซ่าผู้น่ารัก – เย็นวันศุกร์ จะยังมาเร็วเหมือนเดิมไหมน้า... ตอนนี้เสือน้อยดดนชามัลตุ๋ยเบย โดนแว้วๆๆ
คุณริญจน์ธร – ข้าคิดนิยาย+นอนเพลินง่ะ มาช้าเลย ชิๆ พี่มูนไปเที่ยวแล้ว คงไม่รู้
คุณบุลินทร – มิตรของสิตา แปลว่า “เพื่อน”ของสิตารา เหอๆ
คุณดวงมาลย์ งานไม่ทัน ยังไม่มีเวลาลดดด ไม่มีเวลาคว้านอะไรทั้งนั้น
คุณหนอนน้อย – นอกจากตอนก่อนสั้น ตอนนี้ยังมาช้าด้วย ช่วงนี้บีซี่นี่นา เมื่อวานกลับดึก
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ภาคที่แล้วได้อ่านใช่ไหมคะ ชามัลชั่วมาก โผล่มาดีเลยก็แย่สิน่า
เอาเป็นว่ามันคือการเดินทางเพื่อการเรียนรู้ของวิญญาณดวงหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น
คุณใบบัวน่ารัก – ในภาคก่อนเคยบอกไว้ว่าอัคนิมีลูกสามคนค่ะ อัครา มัชฌิม์ และลูกสาว
ที่ตอนแรกไม่ได้ชื่ออัคนีมายา แต่เพราะมีศัตรูชาติปางก่อนตามมาเลยเปลี่ยนเป็นชื่อนี้
คุณเกดซ่าผู้น่ารัก – เย็นวันศุกร์ จะยังมาเร็วเหมือนเดิมไหมน้า... ตอนนี้เสือน้อยดดนชามัลตุ๋ยเบย โดนแว้วๆๆ
คุณริญจน์ธร – ข้าคิดนิยาย+นอนเพลินง่ะ มาช้าเลย ชิๆ พี่มูนไปเที่ยวแล้ว คงไม่รู้
คุณบุลินทร – มิตรของสิตา แปลว่า “เพื่อน”ของสิตารา เหอๆ
คุณดวงมาลย์ งานไม่ทัน ยังไม่มีเวลาลดดด ไม่มีเวลาคว้านอะไรทั้งนั้น
คุณหนอนน้อย – นอกจากตอนก่อนสั้น ตอนนี้ยังมาช้าด้วย ช่วงนี้บีซี่นี่นา เมื่อวานกลับดึก
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ภาคที่แล้วได้อ่านใช่ไหมคะ ชามัลชั่วมาก โผล่มาดีเลยก็แย่สิน่า
เอาเป็นว่ามันคือการเดินทางเพื่อการเรียนรู้ของวิญญาณดวงหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น
คุณใบบัวน่ารัก – ในภาคก่อนเคยบอกไว้ว่าอัคนิมีลูกสามคนค่ะ อัครา มัชฌิม์ และลูกสาว
ที่ตอนแรกไม่ได้ชื่ออัคนีมายา แต่เพราะมีศัตรูชาติปางก่อนตามมาเลยเปลี่ยนเป็นชื่อนี้
อสิตา 6 ธ.ค. 2556, 17:00:21 น.
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา – ทำไมมัชฌิม์จะเป็นเด็กแบบนี้ไมได้ มะม้าไม่เคยเขียนตัวละครเกิดออกมาก็ผ่องใส
สวยหรูไม่ต้องมีพัฒนาการหรอกนะ - - แบบนั้นไม่รู้จะเขียนทำไม... ตอนนี้อายุ16ตะหาก
เดี๋ยวก็โตเอง ก็เห็นพูดถึงงูตั้งเยอะนี่นาตอนท้ายๆ ยังไงก็อดไม่ได้ละน่า
คุณก้อนหิน – ชามัลนี่แหละค่ะพระเอก คนเขียนยิ้มชั่วร้าย เอ แต่คนเขียนก็เป็นโรคชอบหลอกคนอ่านนะคะ
คุณโกลเด้นซัน – ถูกแล้วค่ะ มัชฌิม์ก่อเรื่องใหญ่ทีเดียว วัยรุ่นก็งี้ ส่วนนักบวช เดี๋ยวคงออกมา ตอนนี้ให้ปู่มีบทก่อน
คุณเมล็ดทานตะวัน – แหม หนุ่มน้อยนี่ไม่เรียกตัวป่วนนะ แต่ก็ดุสมตัวอยู่เหมือนกัน
คุณเรือใบ – พระเอกอยู่แถวนี้ละค่ะ คนแปลกๆหรือ แค่เป็นเสือเอง งั้นอัคนิก็แปลกด้วย
อันที่จริงไม่ชอบเขียนเรื่องคนปกติอยู่แล้วค่ะ แหม 55
คุณเกดซ่า หายไปไหนนนนน
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา – ทำไมมัชฌิม์จะเป็นเด็กแบบนี้ไมได้ มะม้าไม่เคยเขียนตัวละครเกิดออกมาก็ผ่องใส
สวยหรูไม่ต้องมีพัฒนาการหรอกนะ - - แบบนั้นไม่รู้จะเขียนทำไม... ตอนนี้อายุ16ตะหาก
เดี๋ยวก็โตเอง ก็เห็นพูดถึงงูตั้งเยอะนี่นาตอนท้ายๆ ยังไงก็อดไม่ได้ละน่า
คุณก้อนหิน – ชามัลนี่แหละค่ะพระเอก คนเขียนยิ้มชั่วร้าย เอ แต่คนเขียนก็เป็นโรคชอบหลอกคนอ่านนะคะ
คุณโกลเด้นซัน – ถูกแล้วค่ะ มัชฌิม์ก่อเรื่องใหญ่ทีเดียว วัยรุ่นก็งี้ ส่วนนักบวช เดี๋ยวคงออกมา ตอนนี้ให้ปู่มีบทก่อน
คุณเมล็ดทานตะวัน – แหม หนุ่มน้อยนี่ไม่เรียกตัวป่วนนะ แต่ก็ดุสมตัวอยู่เหมือนกัน
คุณเรือใบ – พระเอกอยู่แถวนี้ละค่ะ คนแปลกๆหรือ แค่เป็นเสือเอง งั้นอัคนิก็แปลกด้วย
อันที่จริงไม่ชอบเขียนเรื่องคนปกติอยู่แล้วค่ะ แหม 55
คุณเกดซ่า หายไปไหนนนนน
ketza 6 ธ.ค. 2556, 17:04:20 น.
มาทีเผลอ แต่ท่านพี่ชามัลก็มาแว้วว ม๊วบบบบบบบบ
มาทีเผลอ แต่ท่านพี่ชามัลก็มาแว้วว ม๊วบบบบบบบบ
ketza 6 ธ.ค. 2556, 17:05:47 น.
เกดซ่ามาแว้วคร๊า............ เกดซ่าอยากเป็นคนแรกของท่านพี่ชามัล
มามะมาจุ๊บทีนึง >////////<
เกดซ่ามาแว้วคร๊า............ เกดซ่าอยากเป็นคนแรกของท่านพี่ชามัล
มามะมาจุ๊บทีนึง >////////<
ketza 6 ธ.ค. 2556, 17:44:53 น.
ท่านพี่โหดเกิ้น.... เกดซ่ากลัวแระน๊า... แข้งขาอ่อนสั่นพั่บๆๆๆๆ
..... ดูท่าความโหดจะอัพขึ้นอีกเรื่อยๆ เหอๆๆๆ
พ่อเสือน้อยเป็นไงมั่ง.... ท่านพี่อัคนิมาช่วยลูกชายด่วนนน
ท่านพี่โหดเกิ้น.... เกดซ่ากลัวแระน๊า... แข้งขาอ่อนสั่นพั่บๆๆๆๆ
..... ดูท่าความโหดจะอัพขึ้นอีกเรื่อยๆ เหอๆๆๆ
พ่อเสือน้อยเป็นไงมั่ง.... ท่านพี่อัคนิมาช่วยลูกชายด่วนนน
อสิตา 6 ธ.ค. 2556, 17:54:09 น.
วันศุกร์นี้คนหนีไปเที่ยวกันหมดแล้ว ยังดีที่มีเกดซ่า //กัดผ้าเช็ดหน้า
วันศุกร์นี้คนหนีไปเที่ยวกันหมดแล้ว ยังดีที่มีเกดซ่า //กัดผ้าเช็ดหน้า
Zephyr 6 ธ.ค. 2556, 18:47:17 น.
มีมาสร้างบุญคุณกะปู่ในอดีตด้วย เด็กเกเร
ตายละ มัชฌิม์ไปโผล่โลกไหนละเนี่ย ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยนะ เมี้ยววววว เอ้ย โฮกกกก
กลับมามะ ปะป๊าเป็นห่วง มะม้าห่วงมั้ง ไม่ออกเลยนี่หว่า ปล่อยปะป๊าฉายเดี่ยวววว
มารี่ เริ่มพันผูกสิต้าเรอะ เหม่ กรีดเลือดเค้า ขออนุญาตรึยัง ใช่ว่าอยากกรีดก็กรีดหนิ
บังคับขืนใจชัดๆๆๆๆ อัญมณีของเรา โหยยยย ใช้คำว่าเราเป็นด้วย ชิชะ
มีมาสร้างบุญคุณกะปู่ในอดีตด้วย เด็กเกเร
ตายละ มัชฌิม์ไปโผล่โลกไหนละเนี่ย ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยนะ เมี้ยววววว เอ้ย โฮกกกก
กลับมามะ ปะป๊าเป็นห่วง มะม้าห่วงมั้ง ไม่ออกเลยนี่หว่า ปล่อยปะป๊าฉายเดี่ยวววว
มารี่ เริ่มพันผูกสิต้าเรอะ เหม่ กรีดเลือดเค้า ขออนุญาตรึยัง ใช่ว่าอยากกรีดก็กรีดหนิ
บังคับขืนใจชัดๆๆๆๆ อัญมณีของเรา โหยยยย ใช้คำว่าเราเป็นด้วย ชิชะ
ดวงมาลย์ 6 ธ.ค. 2556, 19:23:57 น.
มาช้าาาาา ดีนะที่น่ารัก ยอมให้อภัย
มาช้าาาาา ดีนะที่น่ารัก ยอมให้อภัย
SunSeed 6 ธ.ค. 2556, 19:43:55 น.
มาแล้วววว (มาซ๊ากกกที) รอลุ้นอยู่ว่าพี่แป้งจะลงวันไหน อิอิ
มาแล้วววว (มาซ๊ากกกที) รอลุ้นอยู่ว่าพี่แป้งจะลงวันไหน อิอิ
goldensun 6 ธ.ค. 2556, 20:31:59 น.
รู้สึกว่า การเดินทางย้อนอดีต จะแก้อดีตไม่ได้นะคะ ถ้าชามัลไม่พาสิตาราย้อนมา ก็เท่ากับว่า ศานติมันต้องตายเพราะพิษนาคาเขี้ยวแก้วแล้วสิ ที่ย้อนอดีตเพราะกรรมผูกพันรึเปล่า แล้วทำไมไม่กรีดเลือดกับโมราตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหลือเม็ดเดียวค่อยมาทำ อย่างว่า อดีตเปลี่ยนไม่ได้แน่เลย
แล้วมัชฌิม์ไปอยู่ที่ไหนกัน เจ็บหนักซะด้วย ใครจะช่วย ถ้าหายงานนี้ นิสัยจะเปลี่ยนรึเปล่า
รู้สึกว่า การเดินทางย้อนอดีต จะแก้อดีตไม่ได้นะคะ ถ้าชามัลไม่พาสิตาราย้อนมา ก็เท่ากับว่า ศานติมันต้องตายเพราะพิษนาคาเขี้ยวแก้วแล้วสิ ที่ย้อนอดีตเพราะกรรมผูกพันรึเปล่า แล้วทำไมไม่กรีดเลือดกับโมราตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหลือเม็ดเดียวค่อยมาทำ อย่างว่า อดีตเปลี่ยนไม่ได้แน่เลย
แล้วมัชฌิม์ไปอยู่ที่ไหนกัน เจ็บหนักซะด้วย ใครจะช่วย ถ้าหายงานนี้ นิสัยจะเปลี่ยนรึเปล่า
บุลินทร 6 ธ.ค. 2556, 21:45:17 น.
มาอยู่เป็นเพื่อนพี่มิ้งค์แว้วววว
มาอยู่เป็นเพื่อนพี่มิ้งค์แว้วววว
ดังปัณณ์ 6 ธ.ค. 2556, 22:41:43 น.
แง่ะ! มาทำเสือน้อยของเค้าทำม้ายยยยยยยยยยย ชาจัง แก๊! แกล้งเด็กนี่มีความสุขมากเลยหรือไงยะ! แว้ดๆๆๆ
เอาล่ะ...หายโกดแระ ดีนะที่ชาจังดูแลหนูสิดี เห้อออออออออออออออออ อัลไลจะเกิดขึ้น โมราเหลือแค่ลูกเดียว แล้วจะทำอัลไลได้ แล้วเสือน้อยของเก๊าล่ะหายไปไหน กระซิกๆๆ
หม่ามี้ชาจังใจร้าย คุณแป้งอ่ะซาดิสต์อ่ะ ฮือๆ ฝากบอกชาจังด้วย ห้ามร้ายกะหนูสินะ ไม่งั้นจะหิ้วค้อนมุดคอมฯไปทุบหัว
แง่ะ! มาทำเสือน้อยของเค้าทำม้ายยยยยยยยยยย ชาจัง แก๊! แกล้งเด็กนี่มีความสุขมากเลยหรือไงยะ! แว้ดๆๆๆ
เอาล่ะ...หายโกดแระ ดีนะที่ชาจังดูแลหนูสิดี เห้อออออออออออออออออ อัลไลจะเกิดขึ้น โมราเหลือแค่ลูกเดียว แล้วจะทำอัลไลได้ แล้วเสือน้อยของเก๊าล่ะหายไปไหน กระซิกๆๆ
หม่ามี้ชาจังใจร้าย คุณแป้งอ่ะซาดิสต์อ่ะ ฮือๆ ฝากบอกชาจังด้วย ห้ามร้ายกะหนูสินะ ไม่งั้นจะหิ้วค้อนมุดคอมฯไปทุบหัว
konhin 6 ธ.ค. 2556, 23:26:17 น.
อย่างน้อยก็แปลว่าซักวันสิตาจะพ้นภัย เพราะอย่างน้อยก็ได้โตมาเจอมิตรอีกรอบ
อย่างน้อยก็แปลว่าซักวันสิตาจะพ้นภัย เพราะอย่างน้อยก็ได้โตมาเจอมิตรอีกรอบ
นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ธ.ค. 2556, 23:39:15 น.
โหยยยย เข้าใจละ ว่าทำไมเราไม่ควรไปเปลี่ยนอดีต และไม่ควรไปล้ำเส้นอนาคต
แค่คิดก็อีนุงตุงนังจะแย่แล้ววว
ดูอย่างตามิตรซิ ไปป๊ะกะหนูสิตอนโตมาแล้วนี่เอง ชอบเค้าชะม้าาาา คิๆๆๆ
แต่สุดท้าย บุญกรรมที่ทำกันมาก็พาให้ทุกอย่างเป็นไป
ว่าแต่หนูสิไปผูกพัน รักใคร่ ไยดี อัลไลกับตาชามัวนั่นกันเล่า (อ่านแล้วนะค้า ภาคที่แล้ว ถึงได้แอบคิดว่า คนเลวขนาดนั้นจะมาเป็นคนดีได้จิงเหรอ หรือพระเอกเรื่องนี้เป็นคนโฉด!!!!)
เสือน้อย มือกาวของเรา เดี๋ยวนายจิต้องมีบทบาทออกมาอีกชะม้าา รอๆๆๆ
โหยยยย เข้าใจละ ว่าทำไมเราไม่ควรไปเปลี่ยนอดีต และไม่ควรไปล้ำเส้นอนาคต
แค่คิดก็อีนุงตุงนังจะแย่แล้ววว
ดูอย่างตามิตรซิ ไปป๊ะกะหนูสิตอนโตมาแล้วนี่เอง ชอบเค้าชะม้าาาา คิๆๆๆ
แต่สุดท้าย บุญกรรมที่ทำกันมาก็พาให้ทุกอย่างเป็นไป
ว่าแต่หนูสิไปผูกพัน รักใคร่ ไยดี อัลไลกับตาชามัวนั่นกันเล่า (อ่านแล้วนะค้า ภาคที่แล้ว ถึงได้แอบคิดว่า คนเลวขนาดนั้นจะมาเป็นคนดีได้จิงเหรอ หรือพระเอกเรื่องนี้เป็นคนโฉด!!!!)
เสือน้อย มือกาวของเรา เดี๋ยวนายจิต้องมีบทบาทออกมาอีกชะม้าา รอๆๆๆ
pkka 7 ธ.ค. 2556, 21:36:57 น.
ตามมาอ่านด้วย ชามัล มารอบนี้ร้ายกว่าเดิมอีก รังแกแม้กระทั่งเด็ก!
ตามมาอ่านด้วย ชามัล มารอบนี้ร้ายกว่าเดิมอีก รังแกแม้กระทั่งเด็ก!
เรือใบ 9 ธ.ค. 2556, 09:26:03 น.
คู่จิ้น มัชฌิช์กะสิตารา หุหุหุ หากันให้เจอไวๆนะ
คู่จิ้น มัชฌิช์กะสิตารา หุหุหุ หากันให้เจอไวๆนะ