โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๘ โมราผูกวิญญาณ

บทที่ ๘ โมราผูกวิญญาณ
ใจชามัลจดจ่ออยู่กับลูกปัดเม็ดนั้น... ทว่ายังต้องรอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม
วันที่ท่านปู่ศานติมันไว้ใจเขามากพอจะช่วยโดยไม่เกี่ยงงอน หากเอ่ยออกไปไม่ถูกจังหวะ
เขาอาจพลาดโอกาสไปอย่างถาวรเลยก็ได้ การตัดสินใจของท่านปู่มักมีครั้งเดียว
และต้องเป็นครั้งที่คิดสะระตะแล้วอย่างถี่ถ้วนที่สุด

ดังนั้นผู้เคยถือตนเป็นหนึ่งในเมห์ฮราซึ่งยังติดอยู่ในกายเด็กหญิงจึงใช้เวลาสำรวจตรวจตรา
ไปในสถานที่ที่รู้จักดี กลไกภายในรวงรังดูแตกต่างจากเวลาที่เขาจากมาอยู่บ้าง แสดงให้เห็นว่า
ที่นี่มีพัฒนาการเรื่องความปลอดภัยเสมอ สิ่งพึงระวังก็คืออยู่ให้ห่างอัคนิ ศัตรูสำคัญของตนให้มากที่สุด
เหมือนโชคจะเข้าข้าง เมื่อช่วงเวลานี้ศัตรูของเขาเกิดจะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจยาวอยู่ยังโลกภายนอก
พอดิบพอดี จนวันที่มันออกพ้นรวงรังไปแล้วชามัลจึงค่อยหายใจคล่องขึ้น

แขกผู้มาเยือนยืนยันเจตนาว่าจะอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆไม่เข้าหน้าใครนอกจากศานติมัน
ด้วยข้ออ้างว่ามีผู้ติดตามที่ประสงค์ร้ายอยู่ภายนอกและเขายังระแวงว่าอาจแทรกซึมเข้ามาถึงในนี้ได้
แม้ศานติมันเองจะหัวเราะและบอกว่าไม่มีทาง ชามัลทุ่มเทพลังอำพรางทั้งหมดที่มี ไม่กรายใกล้
บุคคลสำคัญเช่นทวดของเขา ทั้งผู้ดูแลชั้นพิเศษที่ถือเป็นคนสนิทอย่างมิตรา...ถ้าเดาไม่ผิด
ในอนาคตมันนี่เองคงจะเป็นคนชุบเลี้ยงผู้ชายอย่างไอ้มิตรมาแต่เล็ก และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ
ถึงเพียงนั้นย่อมไม่ธรรมดา

สำหรับคนอย่างชามัลที่รู้หลบเป็นปีก จึงไม่มีหนทางใดยากเกินความพยายามของเขา
เจ้าของวิญญาณที่ไม่ยอมพ่ายใช้ร่างของสิตาราซอกซอนสำรวจลึกลงไปในภูผาหิน
ทั้งขึ้นถึงยอดภูผาศิลาตระหง่านง้ำ ที่ไม่พบก็คือพี่สาวของสิตารา สรุปได้ว่าผู้หญิงชื่อดารา
หากยังมีชีวิตก็ไม่ได้ถูกซุกซ่อนไว้ที่นี่แน่นอน น่าเสียดาย...เพราะหากเจอตัว
ดาราเองก็คงจะมีประโยชน์กับเขาเช่นกัน

บางคราที่เฉียดเข้าใกล้ห้องพิธีสำคัญ ชามัลยังได้ยินบทสวดโบราณอันคุ้นชินแว่วเข้าหู
บทบูชาพระอัคนีเทวะ นั่นทำให้อารมณ์ของเขาถูกกวนตะกอนที่กรุ่นล้ำลึกให้ลอยคว้างขึ้น
ก็ไม่เชิงว่าขุ่นมัว ดูจะเป็นทางก่อเกิดความคิดเยาะหยันตัวเองอย่างไรพิกล
อำนาจแห่งไฟที่เคยนับถือ เคยคิดว่าอยู่ข้างตน และจะไปด้วยกันจนถึงที่สุด
กลับมีคนใช้อำนาจนั้นมาผลาญชีวิตของเขาจนสิ้นไป โดยเทวะที่เสียแรงหลงบูชา
มาเนิ่นนานก็ไม่ได้เข้าข้างเขาแต่อย่างใดเลย

“ขอมอบการสดุดีแด่พระอัคนีเทพ ปุโรหิตประจำบ้าน พระเจ้าผู้เป็นเทพแห่งการบูชายัญ ทรงความยุติธรรม”
“จะมีใครยุติธรรมกับข้าหรือก็เปล่า” เจ้าของร่างที่แฝงกายรำพันด้วยรอยยิ้มเสียดสี

“โอ...ข้าแต่พระอัคนี ปวงข้าขอสดุดีแด่พระองค์ทุกๆวัน พระผู้จุดประกายแห่งความหวัง...”
ไม่อยากอยู่รอฟังต่อ ชามัลปิดการรับรู้ของตนเองเสียเมื่อหันหลังจากมา “จากนี้ไป
ความหวังของข้าฝากไว้ในเงามืดเท่านั้น จะไม่มีแสงสว่างใดเป็นจุดหมายของข้าอีกเลย”

ใจหวังว่าในที่แห่งนี้คงมีอย่างอื่นที่รื่นหูรื่นใจกว่าให้ได้ชม

...แล้วก็มีมันอยู่จริงๆ ภายใต้ขุนเขาวังเวงที่เหล่าผู้คนเร้นกาย ธารากระแสใสสะอาด
ถูกปล่อยให้รินไหลผ่านใต้ขุนเขาไปไม่สะดุด เกาะแก่งที่แฝงข้างใต้ปฐพีก็งดงามไม่แพ้ลำน้ำ
ในหุบเขาลำเนาไพรที่เหล่าสตรีพร้อมจะเริงเล่น ชามัลเลียบเคียงเข้าซุ่มมองนารีเล่นน้ำกันสนุกสนาน
ใจที่เพลิดเพลินอดคิดไปไม่ได้หากแม้ว่าเขามีร่างกาย ความปรารถนาที่บ่มเพาะมาแสนนาน
คงได้รับการปลดปล่อยเสียที

‘ไปจากตรงนี้ได้แล้ว’ เสียงกวนใจจากสิตาราดังขึ้น

“อย่ามาคิดในหัวคนอื่นได้ไหม” ชามัลพึมพำรำคาญ

‘ใครกันแน่ล่ะที่มายึดพื้นที่ในหัวคนอื่น อย่าเอาลูกกะตาเรามาทำเรื่องน่ารังเกียจ
อย่างแอบมองสาวๆหน่อยเลย’ จิตของสิตาราที่เข้มแข็งขึ้นในวูบนั้นตอบสวนทันควัน

ชามัลได้แต่ส่ายหน้าระอา เอาเถอะ รอให้มีร่างเป็นของตัวเอง คราวนี้เขาจะไม่ง้อลูกตายายเด็กจุ้นจ้านนี่สักนิดเลย



เรื่องสำคัญอันกลายเป็นความลับของศานติมันกับวิญญาณในร่างเด็กหญิง
เกิดขึ้นภายใต้ฟ้าคืนเดือนแรมอันเงียบสงัด
ณ ผาตระหง่าน บนยอดมีลานหินธรรมชาติซึ่งบัดนี้กลายเป็นที่สำหรับทำพิธีสำคัญ
ใกล้ชั้นเชิงหินอันเปรียบประดุจตั่งบูชา ร่างของเด็กหญิงที่หมดสตินอนหลับซบอยู่
เงาของชามัลได้ผละจากร่างที่เขาสิงสู่มายาวนานออกมายืนเคียงใกล้ศานติมันเป็นครั้งแรก

น้ำยาสีทองแดงระเรื่อระอุไปด้วยไอควันร้อนเหมือนน้ำจากกระทะทองแดงถูกแบ่งใส่แก้ว
ร่างสูงสง่าของศานติมันก้มลงมองน้ำยาที่คล้ายจะเดือดพล่านอยู่ในตัวของมันเอง
ผมหยักศกยาวถึงกลางหลังสะบัดไหวไปตามลม เงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนเอ่ยกับรูปเงาที่เฝ้าดูอยู่ไม่ห่างกัน

“ข้ารู้ว่าวิชาต้องห้ามนี้มีอยู่ แต่ไม่เคยคิดจะใช้มันมาก่อน ข้าไม่อาจรับรองผล
แต่เชื่อว่าจากพลังความมุ่งมั่นจะช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จลงด้วยดี อันที่จริงมนตราบทนี้
หากท่องจนจบจะกลายเป็นคำสาป แต่ข้าได้ละส่วนท้ายไว้
เพื่อที่ท่านจะเป็นอิสระจากโมราได้เมื่อต้องการ”

“ทำเถอะ...ท่านศานติมัน ข้ารอมานานเหลือเกินแล้ว นับจากวันที่ข้าตาย...ผ่านมานมนาน
จนป่านนี้ และการที่ข้าได้มาพบกับท่าน มันก็เหมือนปาฏิหาริย์”

ร่างรูปเงาส่งเสียงครวญหวีดหวิวไปกับลม คล้ายคำวิงวอนขอส่วนบุญหรือเสี้ยวความเวทนา
จนศานติมันนึกเห็นใจเกินกว่าเคยเห็นใจผู้ใดที่ตนเคยผ่านพบมา

“เอาละ ข้าจะเริ่มเดี๋ยวนี้”

ท่ามกลางลมฟ้าที่หมุนวนเป็นเกลียว ศานติมัน เมห์ฮราได้กล่าวคำมนตร์พรั่งพรูออกจากปาก
“เบื้องพักตร์พระแม่กาลีผู้เสมือนหนึ่งสถิตในราศีแห่งเหล่าโจร” มือขวาของศานติมันหย่อนโมราสีเลือด
ลงในโอสถที่กำลังเดือด “ภายใต้ความเมตตาของท่านผู้เสวยเลือดเป็นภักษาหาร ข้าวอนให้ท่านรับ
โลหิตหยดนี้ไว้ในอุ้งหัตถ์ แลขอท่านโปรดพันธนาการวิญญาณดวงนี้ที่เห็นเป็นรูปเงาอยู่ต่อหน้าข้า ผู้มีนามว่า...”

“ชามัล”

“ขอพระแม่โปรดเมตตา...พันธนาการวิญญาณของชามัล ชายผู้ได้จบชีวิตในภาคมนุษย์ลงแล้วนี้ไว้กับ
หินโมราสีเลือด ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอันเรืองฤทธิ์ยิ่งกว่าใครในโลกหล้า! ทรงอำนาจกร้าวแกร่ง
เป็นหนึ่งในทิวา ทั้งแข็งแรงยิ่งขึ้นในราตรีกาล! ตราบจนกว่าอาตมันนี้จะปรารถนาการหลุดพ้นไป”
ศานติมันเอ่ยตามที่รูปเงาได้แจ้งต่อตนล่วงหน้า ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ล่วงรู้นามของสหายดังกล่าว

ทุกอย่างเงียบสงบราบคาบลงในไม่กี่อึดใจจากนั้น ศานติมันเหลียวหันไปรอบกายที่มีแต่ความว่างเปล่า
ก้มลงมองในแก้ว น้ำยาที่เดือดปุดก็สงบลงแล้วเช่นกัน

ทว่าฉับพลันทันใด!
สิ่งดำมะเมื่อมก็ทะลึ่งพรวดขึ้นจากแก้วที่ระเบิดแตกกระเด็นเป็นเสี่ยง
จงอางดำมหึมาผงาดขึ้นสูงค้ำเหนือศีรษะของศานติมัน!
ตาทั้งคู่แดงฉานราวหยาดโลหิตจากนรกานต์
เชื้อสายแห่งเมห์ฮรายังต้องตกตะลึงจนลมหายใจแทบหยุดด้วยพลังอภิมหาศาลที่สัมผัสได้
ก่อนร่างงูยักษ์จะอันตรธาน เหลือเพียงควันสีดำบดบังร่างหนึ่งไว้

เมื่อควันค่อยๆจางลง ชามัลยืนประจันหน้าอยู่กับเขา...
คราวนี้ไม่ใช่ในรูปลักษณ์ของเงาหม่นมัว ทว่าเป็นร่างกายกระจ่างชัดไม่ต่างจากมนุษย์
ผิวสองสีกระเดียดไปทางขาว ผมดำสนิทหยักศกน้อยๆยาวเสมอไหล่ ดวงตาสีน้ำตาลทองนั้น
ดุจแลบแสงสีเลือดชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเจือจางหายไป และเมื่ออีกฝ่ายแย้มยิ้มมาให้
ศานติมันคล้ายเห็นเขี้ยวขาววับที่งอกยาวขึ้นวูบเสมือนภาพหลอน ก่อนกลับกลายเป็นฟันเรียงสวย
เหมือนอย่างคนปกติธรรมดา ต่างก็แต่ชายซึ่งมีนามว่าชามัลผู้นี้งามคมซ่อนความเร้นลับอย่างเหลือร้าย!

ความน่ามองนั้นคงจะไม่มีที่ติ หากไม่นับรอยแผลเป็นไม่รู้ที่มาสองรอยบนใบหน้าซีกซ้าย
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หมดราศีลงเลย ตรงข้ามกลับยิ่งส่งให้แลอันตรายขึ้นเป็นทบทวี

“เรา...เคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” ศานติมันครางออกไปราวละเมอ

คนถูกจ้องมองรั้งชายพัสตราดำสนิทขึ้นปิดบังใบหน้า ไม่อยากให้อีกฝ่ายจดจำเขาได้
เมื่อพบเห็นเขาในกาลอนาคต “ข้าไม่อยากให้ใครเห็นรอยแผลบนหน้านี้
เพราะมันคือรอยแค้นที่ฟ้องความอ่อนแอของข้าเอง ส่วนที่เรื่องท่านถาม
ท่านก็เพิ่งเคยเจอข้าครั้งแรกตอนนี้นี่แหละ ท่านศานติมัน”
ชามัลยั้งคำพูดไว้เพียงนั้น แต่สำหรับเขา นี่ไม่ใช่คราวแรกที่เจอท่านปู่

“กายเนื้อของท่านเคยเป็นอย่างนี้หรือ ข้าคุ้นแววตาท่าน ท่านเหมือนใครสักคน แต่นึกไม่ออกว่าใคร”

ชามัลยิ้มด้วยดวงตาตอบไป ข้าก็เหมือนท่านอย่างไรล่ะท่านปู่
คงต้องคุ้นเคยแน่ เพราะส่องกระจกอยู่ทุกวัน...

เจ้าของร่างกายใหม่สดแบมือข้างหนึ่งออก บนฝ่ามือนั้น...หินโมรารัตติกาล
สมบัติล้ำค่าของเขานอนสงบอยู่ ชามัลหันกลับหลังไปยังร่างของเด็กหญิงที่ไม่ได้สติ
ทรุดกายลงจ้องมองเธอใกล้ๆ หยิบเส้นหนังอาคมที่วางทิ้งไว้บนตักนั้นขึ้นมาร้อยโมรา
กลับเข้าไปใหม่ ผูกมันรอบคอคนที่ตนประคับประคองขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะ
ร่ายมนตร์กำกับหลายซับหลายซ้อนให้สร้อยอยู่ยงคงกระพัน

“หลับให้สบายไปก่อนนะสิตาราที่รัก แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา คราวนี้ละ
เราสองคนคงได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการเสียที”



บนเกาะเงา ภายในปากปล่องลึกลงไปใต้เงื้อมเงากลางภูผา
หญิงสาวแห่งราศีพิจิกยังคงนั่งอยู่ริมทะเลสาบไร้เงาเหมือนเคย
ผมเกล้ารัดรึงขึ้นไปถักไว้เป็นเปียแข็งเหมือนหางแมงป่องที่ชูชันโค้งลงมา
จรดหน้าผากทำให้ดูราวอสรพิษที่อวดโอ้ พร้อมจะทำร้ายมือซึ่งเอื้อมไปสัมผัสได้ทุกเมื่อ
ไม่ไกลออกไปนั้นมีนักบวชดำซึ่งมารอฟังข่าวคราวความคืบหน้าอีกครา

ทั้งคู่เป็นสหายที่เท่าเทียม ไม่มีใครเป็นนาย ไม่มีใครเป็นบ่าว
แต่หลายคราวนักบวชเองก็รู้สึกว่าตนไม่เคยเข้าใจแม่ชีดำเลยสักนิดเดียว

พวกเขามาอยู่ตรงจุดนี้ด้วยกันเพราะอะไร แน่นอนว่าสำหรับนักบวชคือความภักดีต่อรัตติดารา
แต่หญิงสาวผู้ครองราศีพิจิกร่วมกันกับเขาไม่เคยเผยเจตนาที่ชัดเจนออกมาให้เข้าใจได้เลย

เรื่องเริ่มต้นเมื่อนานมาแล้ว จากการร่วมใจของผู้ครองอำนาจพลอยแห่งราศีทั้งสิบสอง
นั่นก็คือรัตติดารา เหล่าคนที่มารวมตัวกันด้วยอำนาจฝ่ายมืด หมายจะ
ชำระแผ่นดินสกปรกนี้ให้สะอาด ด้วยการทำลายล้าง...

ในบรรดาเทพผู้ยิ่งใหญ่ พระพรหมผู้สร้าง พระวิษณุผู้รักษา พวกเขากลับศรัทธาใน
แนวทางการทำลายแห่งองค์ศิวะ หรือพระศุลี ทั้งหมดจึงสาบานว่าจะทำให้ความมืดมิด
กลืนกินความสว่างไสวให้จงได้ พวกเขาเร้นกายในเงามืด ดำรงตนเยี่ยงโจร
หันมานับถือพระแม่กาลีเป็นเจ้าแม่สูงสุด

แต่กาลผ่านเนิ่นนาน รัตติดาราเริ่มแตกร้าว ยิ่งเมื่อราศีที่สิบสามคนก่อนได้ตายจากไป
ไม่มีใครมาคอยทำหน้าที่ศูนย์รวมอำนาจ บางราศีเริ่มอยากตั้งตนเป็นเอกเทศ บ้างอยาก
เข้าควบคุมราศีอื่นที่เหลือ บ้างอยากปลีกตัวเป็นอิสระเลิกเกี่ยวข้องกัน มีเพียงนักบวชดำ
และแม่ชีดำแห่งราศีพิจิก ที่ยังจริงจังกับการตามรัตติดารายิ่งกว่าผู้ใด

หลายปีก่อน พวกเขาทำตามธรรมเนียมการค้นหาราศีที่สิบสาม ซึ่งก็คือต้องหาดาวตกให้เจอ
ในคืนที่ฟ้ามืดมิดแทบจะไร้แสงดาว แล้ววันหนึ่งโชคก็เข้าข้าง ผู้ครองราศีพิจิกเร่งตามดาวตกไป
จากรอยแสงริบหรี่ชี้ทางบนฟากฟ้า มุ่งไปยังทิศดังกล่าวเพื่อหามนุษย์คนแรกที่พบเจอ

ทว่าที่พบ...กลับเป็นเด็กผู้หญิงถึงสองคน! ดาราคนพี่ และสิตาราคนน้อง

จากพลังที่สัมผัสได้ ในที่สุด พวกเขาจึงเลือกเธอผู้เป็นพี่สาว ทว่าไม่ทันไร
ยังพาเด็กสองคนมาไม่ถึงเกาะเงาด้วยซ้ำ กลับพบเข้ากับมือมืดของผู้มุ่งร้าย
ที่เดาว่าคงจะเป็นราศีใดสักราศีซึ่งคิดขัดขวางการมีอยู่ของราศีที่สิบสาม
ขบวนเดินทางถูกโจมตีด้วยน้ำมือของผู้เรืองเวทและนักฆ่าที่ปิดบังหน้าตา

ทุกอย่างถูกเผา ม่านไฟล้อมรอบทุกทิศทาง ท่ามกลางความชุลมุน
เชื่อกันว่าดาราไม่รอดชีวิต ส่วนสิตารานั้นหายตัวไปอย่างลึกลับ

จากนั้นมา แม่ชีดำเฝ้ามองภาพในกระจกน้ำแห่งทะเลสาบไร้เงาเพื่อเฝ้าคอยตามหา
ทว่าก็ไม่อาจมองไปถึงอนาคตที่จะพบเด็กหญิงคนน้องได้เลย จนกระทั่งไม่นานมานี้...
แต่แล้วเวลาล่วงผ่านเนิ่นนานหลายเดือน ดาวดวงน้อยก็ยังมาไม่ถึงมือเสียที

“ข้ามองเห็น แฝดราศีคนคู่ หนุ่มน้อยทั้งสองคนของเรา ทั้งวรรณะหรือนิลละ
ยังไม่มีใครเข้าถึงตัวสิตาราได้ เพราะแม่หนูนั่นมีใครบางคนครอบงำไว้”

“จนบัดนี้ข้ายังไม่เข้าใจว่าท่านเห็นอะไรในตัวแฝดกันแน่ เด็กพวกนั้นโตกว่าสิตาราแค่สองปี
ใช้ไปทำงานใหญ่ ถ้าเกิดเจอศัตรูจ้องตะครุบเอา มีหวังได้ตายหมู่”

“เด็กหนุ่มแฝด ทายาทของผู้ครองราศีคนคู่ คืนข้างขึ้นกับข้างแรม คนใดคนหนึ่ง
จะสามารถใช้อำนาจอย่างสมบูรณ์จากมุกทองคำหรือมุกดำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเกิดจากหอยฝาเดียวกัน
และจากบุคลิกซ่อนเร้นของทั้งสองคน เชื่อว่าพวกเขาจะสร้างตำนานที่เป็นของตัวเองได้แน่นอน”

นักบวชดำส่งเสียงคำหนึ่งในคอที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงคำรามหรือหัวเราะให้กับจินตนาการถึงอนาคตของเพื่อนร่วมราศี
“เอาเถอะ เป็นอย่างท่านว่าได้ก็ดี ขออย่าให้ไปเสียทีเสือสิงห์กระทิงแรดที่ขวางอยู่ตามทางก็แล้วกัน”



ชามัลรู้สึกว่าสิตาราดูเหมือนจะนอนนานเกินไปสักหน่อย อันที่จริงเขารอคอยอยากให้เธอ
รีบตื่นขึ้นมาไวๆ ดูทีหรือว่าจะมีปฏิกิริยายังไงกับเขาที่เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ชามัลไม่ปฏิเสธ
ว่าตนเองชอบที่จะสังเกตสังกาอาการตลกๆของเด็กผู้หญิงจอมดื้อคนนี้ที่ชอบทำสีหน้ามุ่งมั่นดันทุรัง
จนบ่อยครั้งอยากแกล้งให้ร้องไห้หงิงๆออกมาสักที

เมื่อเขาแยกออกมาจากร่างเธอที่ตนใช้เป็นที่อาศัยเนิ่นนาน หลังจากนอนข้ามวันข้ามคืนไปถึงสองวัน
ที่สุดสิตาราก็ร้องอืออาในคอและเริ่มพลิกตัว

“จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ตื่นได้แล้ว” ชามัลพูดกับเด็กหญิงเป็นภาษาไทย
เหมือนอย่างที่เคยพูดมาโดยตลอด เขาเคยนึกดีใจที่ตัวเองได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยมานานหลายปี
ไม่เช่นนั้นหากสื่อสารกันลำบาก ที่ผ่านมาเขาคงจะต้องหงุดหงิดกับการเลี้ยงเด็กมากกว่านี้หลายเท่า
แต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว เมื่อเขากลายเป็นสิ่งทรงพลังที่เข้าใจการสื่อสารทุกชาติทุกภาษา

ยามจ้องมองเด็กบนเตียง ชายหนุ่มยืนกอดอกยิ้มย่อง ด้วยร่างพรายรับใช้แห่งโมรา เขาสัมผัสได้
ตลอดเวลาว่ากายนี้ประจุไปด้วยพลัง เป็นความรู้สึกเปี่ยมอำนาจยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอย่างคนธรรมดาเสียอีก

ร่างกาย...ก็เหมือนเป็นที่รวมของธาตุขันธ์ต่างๆและวิญญาณ เขาถือว่าตัวเองเกิดใหม่แล้ว
ในร่างสุดพิเศษยิ่งกว่าที่เคยจินตนาการ ร่างอันทรงพลังกล้าแกร่ง จนคิดไปถึงว่าแม้อัคนิ
ศัตรูตัวฉกาจก็ยังต้องหวั่นเกรงหากได้มาปะทะกับเขาตอนนี้

แล้วในที่สุดสิตาราก็ลืมตา สายตานั้นไม่ได้งัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่น ทว่าเหมือนกับเธอรู้เรื่องราว
ตลอดระหว่างเวลาที่ผ่านมาซึ่งเขาสิ่งสู่อยู่ในร่าง เพราะเมื่อจิตแนบจิต ใจแนบใจ ความคิดและ
ประสบการณ์ของชามัลก็ถ่ายทอดไปสู่สิตาราเช่นกัน ทำให้เข้าใจหลายสิ่ง รู้หลายอย่างจนแทบจะ
เรียกว่าโตขึ้นมากในชั่วเวลานานหลายเดือน ตั้งแต่เขาเริ่มยึดร่าง จนมาเจอท่านปู่ศานติมัน
ใช้เวลาไปมากมายเพื่อทำให้อีกฝ่ายวางใจ จนยอมสร้างร่างที่ทรงพลังอันมหาศาลให้อย่างที่ต้องการ

ชามัลเอื้อมมือไปจะแตะหน้าผาก เป็นกิริยาซึ่งคนอย่างเขาไม่เคยทำกับเด็กมาก่อน
แต่จะยอมให้เด็กที่มีประโยชน์นี่เจ็บป่วยหรือเป็นอะไรไปไม่ได้ ทว่าสิ่งที่เกิด
กลับเป็นการต่อต้านแบบที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ เมื่อเจ้าของร่างเล็กผลักมือเขาทิ้ง
เบี่ยงกายกลิ้งลงจากเตียงแล้ววิ่งหนี

“ไปให้พ้นนะ คนเลว” สิตาราร้องโกรธๆ

ทว่าเด็กหญิงก็วิ่งไปไม่ทันถึงไหน ร่างที่เร็วเหนือมนุษย์ของชามัลปราดวูบเดียวก็ไปสกัด
ทางหนีเอาไว้ได้ สิตาราจึงกระแทกเข้าจนแทบล้มหงาย จมูกกึ่งปากแดงก่ำทั้งยังพยายามหันหนีต่อ
ชามัลจึงคว้าตัวเด็กที่ดิ้นสะบัดจนหัวหูรุ่ยร่ายเอาไว้มั่น

“เกลียดฉันมากรึ จำเอาไว้ ไม่ว่ายังไงเธอต้องอยู่กับฉัน อยู่ไปจนโตหรือไม่ก็ตายจากกันไปข้างนึง”

ถูกต้อง เขาเลือกเธอแล้ว ผู้ถือครองอัญมณีที่เขาสิงสู่คนใหม่อาจหาได้ก็จริง
แต่เพราะเขามีพลังความมืด จึงสัมผัสได้ว่าพลังด้านมืดของสิตารานั้นมีซ่อนไว้
มากมายเพียงไหน นั่นจะยิ่งส่งเสริมให้ทั้งพลอยและเขาซึ่งเป็นผู้รับใช้มีอำนาจมหาศาล
จะหาคนอย่างเด็กนี่ที่ไหนได้อีก คงไม่มีวัน

“โอ๊ย---” ชายหนุ่มอุทานลั่น เมื่อคมเขี้ยวจากฟันเล็กๆคมๆนั้นกัดเข้าที่กึ่งมือกึ่งข้อมือของเขา
ซึ่งรั้งแขนเธออยู่ ไม่ใช่กัดธรรมดา แต่ออกแรงกระชาก คล้ายเห็นมือเขาเป็นเนื้อติดกระดูกน่ากินสุดใจ
“เจ็บ! ยายเด็กบ้า!” ชามัลสะบัด ร่างสิตาราที่เสียหลักล้มจึงม้วนกลิ้งหลุนๆไปพ้นจากเขาได้
เด็กหญิงเห็นว่าทางออกสู่ประตูถูกขวางไว้ บวกกับห้องใต้ดินในวังเมห์ฮรานี้ไม่มีหน้าต่าง
ที่สุดก็เที่ยววิ่งวุ่นหาลู่ทางในห้องเหมือนตัวอะไรบางอย่างที่ติดกับดักแล้วพล่านไปมาไม่สิ้นสุด

ชามัลถูรอยกัดบริเวณข้อมืออย่างเสียเชิง บ้าจริง เด็กคนนี้ทำร้ายร่างกายเขาได้อย่างที่
ไม่คิดว่าคนอื่นจะทำสำเร็จ อาจเพราะสิตาราถือเป็นผู้ครอบครองโมรารัตติกาลไปแล้ว
เรียกง่ายๆว่าเป็นเจ้าของเขา...ผู้สิงสู่อยู่ในพลอย ถ้าอีกฝ่ายเอาจริงและพัฒนาไปจนมีอำนาจ
มากพอ จะสั่งอะไรเขาก็คงต้องยอม นี่มันเหมือนกับตอนที่ชามัลเองเคยครอบครอง
พลอยตาเสือราชันอยู่ระยะหนึ่งและช่วงใช้อัคนิซึ่งเป็นสมิงของเขาในเวลานั้นยิ่งกว่าข้าทาส
ทั้งกดทั้งเหยียดให้ต่ำลงไปแทบพื้น จนมันแค้นและลงมือฆ่าเขาเมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการของพลอย

เรื่องการพยศชิงอำนาจของนายและบ่าวพรรค์นั้นจะต้องไม่เกิดซ้ำรอย เพราะเขานี่แหละ
จะเป็นฝ่ายฝึกสิตาราให้เป็นไปตามทางที่ควร ก่อนที่เด็กหญิงจะปีกกล้าขาแข็งจนรู้ว่า
ต้องจัดการกับเขาเช่นไร

ดูสิ เจ้าตัวดีที่ประทุษร้ายเขาตอนนี้ไปหลบทำตาวาวๆเหมือนหนูซึ่งแอบซ่อนตัวในที่มืดอยู่อีกฟาก
ใช้เตียงหลังใหญ่เป็นปราการกั้นเขาไว้คนละฝั่ง

“เอาเถอะ ดื้อได้ก็ดื้อไป ฉันยังมีเวลาอีกหลายปีเลยที่จะฝึกเธอให้เชื่อง สิตารา...”


เมื่อสิ่งที่มุ่งหวังไว้สำเร็จลง ชามัลก็รู้ว่าถึงเวลาสมควรบอกลาศานติมัน
“รู้จักกันมาก็นาน ท่านก็เอาแต่ทำตัวเป็นคนเร่ร่อนลึกลับไร้ที่มา กว่าจะยอมบอกชื่อออกมาได้
ก็เป็นเวลาที่ใกล้จากกันเสียแล้ว” ศานติมันเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ตัวเขาเองไม่เคยยอมตกเป็นเครื่องมือ
ให้ใครหากว่าไม่เต็มใจ แต่ชายผู้เคยเป็นเพียงร่างรูปเงานี้สร้างความประทับใจให้อย่างที่ไม่มีใคร
เคยทำได้มาก่อน ไม่เพียงช่วยเหลือในเวลาที่ดวงของเขาดิ่งลง ทว่าในท่วงท่า ในแววตา
ความคิดอ่านดูเหมือนจะละม้าย ทำให้ศานติมันรู้สึกถูกชะตาแขกผู้ยังพยายามปิดบังหน้าตา
และตัวตนอย่างถึงที่สุด

“ขอบคุณ...ท่านศานติมัน สำหรับทุกสิ่งที่ท่านให้ข้า ที่ท่านให้ชีวิตนี้มา ข้าจะไม่ลืม”
ชามัลสื่อออกไปผ่านแววตาจริงจังซึ่งจะมีนานๆครั้ง ยอมรับกับตัวเองว่าอดตื้นตันไม่ได้

เคยคิดว่าสายใยของเขากับปู่คงสะบั้นไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าคนอย่างปู่ทำเรื่อง
เลวร้ายลงไปแค่ไหนกับน้องชาย โดยการจับอีกฝ่ายขังเป็นสมิงอยู่ในพลอยตาเสือ
อาจเพราะเขากลัวตนที่เป็นหลานจะโดนอะไรร้ายๆอย่างนั้นบ้างสักวัน ชามัลถึงกับ
เคยคิดว่าควรกำจัดปู่ให้พ้นทางไปเสียก่อน แต่ก็ไม่ทันได้ทำ ท่านชิงดับการรับรู้ของตัวเองลง
ด้วยยาสั่งนิทรา จนถึงตอนที่เขาจากห้วงเวลาเดิมมา ท่านก็ยังนิทราอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าสงบ
หรือวิญญาณจะร้อนรนทรมานอย่างใด
แต่สุดท้าย ก็ปู่นี่เองเป็นคนให้ชีวิต ตั้งแต่เลี้ยงเขาให้เติบโต จนกระทั่งให้ชีวิตใหม่ที่เขามีตอนนี้
แม้ท่านจะไม่รู้ตัวว่าได้สร้างเขามาหลายครั้งหลายครา เมื่อแรก คนเราได้กายเนื้อมาจากพ่อแม่
แต่ในสายพราหมณ์ จะถือว่ามีการเกิดครั้งที่สองก็ต่อเมื่อได้รับกายวิญญาณจากครู ซึ่งก็คือ
ยามที่ท่านปู่เลี้ยงเขาให้เติบโตขึ้นนั่นเอง แล้วมาบัดนี้...ยังมีการเกิดครั้งใหม่ที่พิเศษสุด
สำเร็จลงได้ด้วยน้ำมือท่านอีกเช่นกัน

ทว่าความรั้นในใจก็ทำให้ส่วนที่ดำมืดร้องบอกอีกอย่าง เพราะปู่นี่เองไม่ใช่หรือ ที่เพาะพันธุ์เขาขึ้นมา!
เลี้ยงดูให้ถือตัวเองวิเศษผิดมนุษย์มนาไม่เห็นหัวใคร แล้วเขาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ พอใจมากเสียด้วย
ยิ่งอยู่ต่อหน้าปู่นานไปก็รังแต่จะทำให้ความอ่อนแอที่ถูกเร้นลึกในใจคายพิษ ควรรีบจากกันเสียโดยเร็ว

“วันหนึ่งเราคงได้พบกัน...” ชามัลว่า ทั้งที่ใจจริงไม่คิดจะหันกลับมาเจอะเจอปู่ตนอีก
มิตรภาพเกิดขึ้นก็จริง แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจบมันลง

ชายหนุ่มตั้งท่าจะหันจากไป เขาต้องรีบตามสิตาราที่เพิ่งวิ่งปรู๊ดหนีเข้าป่าไปแล้วให้ทัน
แม้จะเป็นเกมของการไล่จับหนูที่อ่อนแอตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ใจนานไปนัก

ทว่าคนที่ชามัลทิ้งไว้เบื้องหลังกลับเรียกรั้ง และเมื่อชายหนุ่มหันไปก็ต้องนิ่งอั้น
เขี้ยวแก้วข้างหนึ่งของอสรพิษร้ายที่ร้อยไว้กับสร้อยหนังดิบดีถูกยื่นมาตรงหน้าเขา

“อันที่จริงข้าไม่คิดจะแบ่งมันให้ใคร แต่สิทธิ์ในสิ่งนี้ก็ควรเป็นของท่านแต่แรกด้วยซ้ำ
ท่านมากกว่าที่ให้มันกับข้า”

ชามัลรับเขี้ยวที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสมามองเป็นอึดใจ ไม่คิดว่าคนช่างวางแผนอย่างปู่
จะมอบสิ่งล้ำค่าแก่ใครได้อย่างสบายๆ ตอนแรกเขามอบของนี้กับอีกฝ่ายเพื่อเรียกความไว้วางใจ
เหมือนเป็นค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่เขาจะร้องขอ การสร้างร่างใหม่ให้ตน
แต่ในเมื่ออุตส่าห์สละให้มา...
“ข้าจะรับมันไว้ เป็นที่ระลึกถึงท่าน” ชามัลหัวเราะในคอ “ว่าแต่ไหนๆจะให้แล้ว
ข้าจะขอท่านอีกอย่างก็แล้วกัน” แขกผู้กำลังจะจรจากเลิกคิ้ว
ดวงตาซ่อนประกายร้ายลึกไว้ไม่ให้เผยออกมา

“ต้องการอะไรขอให้บอก”

“ข้าอยากได้เครื่องสายที่ตั้งอยู่ในห้องรับรองของท่าน ที่มันดูคล้ายๆซิตาร่า
...ข้าขอมันจากท่านได้หรือไม่”

“กีตาร่า ลาติน่า ไม่นึกว่าท่านชามัลจะชอบดนตรี”

{กล่าวได้ว่าเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายกีตาร์เป็นที่นิยมมากว่า ๕,๐๐๐ ปีเป็นอย่างต่ำ...
โดยเริ่มเป็นที่นิยมในแถบเอเชียกลาง เรียกว่าซิตาร่า(Sitara) – จากวิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซึ่งออกเสียงพ้องกับชื่อสิตาราที่หมายถึงดวงดาว...
สำหรับในที่นี้ กีตาร่า ลาติน่า เริ่มมีมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ ๑๖ รูปร่างคล้ายกีตาร์ในปัจจุบัน
คือมีรูเดียวและคอแคบ แต่ชามัลเรียกซิตาร่าเพื่อเชื่อมโยงให้ศานติมันฟังเข้าใจได้ทันที
ว่าเป็นเครื่องดนตรีแบบไหน}

“ก็ชอบในระดับหนึ่ง เล่นได้ไม่แตกฉาน แต่เด็กคนนั้นได้ฟังแล้วน่าจะหลับฝันดี
อีกอย่าง ข้าก็คงต้องเลี้ยงเด็กไปอีกนาน”

หลังการลาจากซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นปกติวิสัยในประสบการณ์ ชามัลไม่ได้รับรู้เลย
ว่าไกลออกไปร้อยปีข้างหน้าจากที่ซึ่งเขาอยู่ในเวลานี้ ยังมีคนผู้หนึ่งที่ยังไม่ลืมเขาอยู่อีกคน



พรต...อดีตคนสนิทหรือข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ยังคงห่วงใยผู้เคยเป็นนายที่ดับชีวิตไปนานแล้ว
เมื่อรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เขาอดรนทนไม่ได้จนต้องขอนัดพบชนะทัศน์ซึ่งเป็นน้องชาย
โดยการนัดแนะนอกเมห์ฮรา เวียงวังซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่ง
นับจากวันที่ท่านชามัลได้จากไป

ชนะทัศน์เห็นพี่ชายไม่แตะต้องกาแฟ ทั้งยังนั่งด้วยท่าเกร็งๆอยู่มุมหนึ่งของร้าน
ตั้งแต่ก่อนเขาย่างก้าวเข้าไป ...ขณะที่เขาเติบโตเป็นหนุ่ม เข้มแข็งขึ้นจากที่ไม่เคย
เดินได้ด้วยตัวเอง มาวันนี้เขาก้าวเดินอย่างอิสระ ได้ขึ้นเป็นผู้ดูแลชั้นพิเศษ
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งแทบจะสูงสุดในบรรดาผู้เฝ้าคอยพยุงตระกูลแห่งแสงสว่าง
เป็นรองก็แต่เพียงตัวผู้นำเท่านั้น ทว่าพี่...กลับดูหม่นหมองลง บุคลิกที่เคยปกติ
ก็ผิดแผกแปลกแยก ท่านอัคนิเคยให้โอกาสที่จะเป็นอิสระกับพี่ชายเขาแล้ว
เพราะรู้ว่าใจยังฝักใฝ่อยู่กับชามัล...อดีตทายาทตระกูลผู้ล่วงลับ ทว่าพี่ยังคงเลือก
ผูกติดอยู่กับวันเก่าๆ ทั้งที่ร่างกายทรุดโทรมลงทุกวันจนล่วงเข้าวัยกลางคนเข้าแล้ว
ก็ยังสู้แบกภาระเดิมไว้ไม่ยอมวาง

เพราะอะไรจึงต้องภักดีกับคนอย่างชามัลเพียงนั้น เขาอยากจะรู้

“ไงครับพี่ ไม่ได้เจอกันนาน” ชายหนุ่มทักทันทีที่นั่งลงยังโต๊ะเดียวกัน

“อืม ไม่ได้เจอกัน...เกือบสามปีเห็นจะได้แล้วนี่นะ แกดูไม่เปลี่ยนไปเลย เจ้าทัศน์” พรตทักตาลอยๆ

ตอนนั้นชนะทัศน์จำได้ว่าพี่เขาหายตัวไปด้วยข้ออ้างเรื่องภารกิจเพื่อตระกูล
เรื่องเก่าๆซึ่งท่านศานติมันเป็นคนริเริ่มไว้ แต่ข้ออ้างก็คือข้ออ้าง ไม่มีใครหวังผลงานจากพรตอีก
เพราะรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง เดิมพี่ไม่ใช่คนเด่นในเรื่องพลังพิเศษ แต่ด้วยสมองที่
บริหารจัดการทุกอย่างได้ดีทั้งความภักดีจึงเป็นที่ถูกใจของชามัล แต่ตอนนี้ อย่าว่าแต่พี่ไม่ใช่คน
มีสมรรถภาพพึ่งพาได้เหมือนเก่า ชายกลางคนที่ชนะทัศน์เห็นตรงหน้าดูหวาดกลัวการมีอยู่
ของตัวเองด้วยซ้ำ ก็ตั้งแต่วันที่ชามัลตายไปนั่นแหละ

คนเป็นน้องมองสังเกตพี่ชายที่อายุต่างกันไปเป็นคนละรุ่นกับตัวเองตรงๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจ
เขาไม่เปลี่ยน แต่พี่นี่สิ ดูอ่อนล้าอิดโรยลงไปทุกทีแล้ว จนเขากลัวว่าสักวันหนึ่งพี่จะไปหมดแรง
ล้มลงที่ไหน มือสั่น สายตาลอกแลก หายใจไม่เป็นจังหวะ เขาเคยเป็นน้องที่มีปัญหา
เพราะคิดคนละทางกับพี่เสมอเมื่อตอนเด็ก แต่ยิ่งโตก็ยิ่งอยากเข้าใจให้มากกว่าเดิม

“ทำไมพี่ถึงพาตัวเองถอยห่างจากผมไปทุกที ผมเป็นห่วงมากนะ”

คำห่วงใยของน้องชายคล้ายเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ใจพรตยังย้อนนึกไปถึงเรื่องของเจ้านาย
นานมาแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เขาได้พบวิญญาณท่านครั้งแรก ท่านชามัลไม่อาจเข้าไปในเวียงวังเมห์ฮราได้
หลังจากนั้นเขายังได้พบท่านอีกหลายครั้ง ระหว่างเวลาอันยาวนาน รู้ว่าท่านเพียรตามหาอัญมณี
ที่จะช่วยให้ย้อนไปในอดีต เป้าหมายคือร้อยปีก่อน เพื่อไปพบท่านศานติมัน และจัดการบางอย่าง
กับเมห์ฮราให้เข้าที่เข้าทาง ให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น... ตอนนี้เขารู้ว่าเจ้านายตนหายไปอยู่ที่ไหน
ท่านคงไปถึงที่ที่ต้องการแล้ว แต่หน้าที่ของพรตยังไม่จบ

“เรื่องตัวพี่น่ะช่างเถอะ ที่มานี่อยากจะให้แกช่วยพาพี่ไปที่ไหนสักแห่ง”

“จะให้ผมพาไปไหนล่ะ” ไม่ต้องถามก็ยังรู้ เรื่องนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับชามัล
ดูจะเป็นปมในใจของพี่ชายเขาเสียเหลือเกิน

“โภครา...ริมทะเลสาบเฟวา แต่เพราะไม่รู้ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นตรงจุดไหน ถึงได้มาขอให้แกช่วยนี่ไง”

ที่สุด ชนะทัศน์จึงพาพี่ชายไปดูร่องรอยที่เกิดอย่างที่อีกฝ่ายหวัง ตาที่สามของเขาตามรอยการ
ต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน จากการค่อยๆแกะรอยรายทาง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก
ทว่าเมื่อมาถึงพื้นที่ริมฝั่งซึ่งเป็นบริเวณที่ป่ามาพบกับตลิ่งมีแต่ดินและหิน เขาก็ไม่รู้ว่าพี่ชายจะได้อะไร
จากที่นี่ นอกจากความซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้นมา ชายหนุ่มถอนใจ ล้วงมือเข้าในกระเป๋าเสื้อตัวยาว
ในขณะที่พรตยังก้มๆเงยๆตามประสาต่อไป

สายตาของพรตสั่นพร่า แต่สมาธิในการมองหาของเขากลับเปิดกระจ่างชัด เขาทิ้งชีวิตและทุกอย่าง
เพียงเพราะคำสัญญาในวันเก่า แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลไหน เขาก็ไม่อยากจะล้มเหลวตลอดไป
ดวงตาหลุกหลิกแกว่งกวาดไปตามพื้นที่มีร่องรอยหินแตกปะปนกับเศษดิน พลันสายตาก็ไป
สะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง

บางอย่างที่เป็นลูกกลม เมื่อต้องแดดซึ่งสาดมาก็ค่อยๆเหลือบแลบรัศมีแดง
อวดลวดลายดุจธารโลหิตที่หลั่งริน



------------
รบกวนกดถูกใจด้วยนะคะ ถ้ารักกัน ^///^
อสิตา



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2556, 08:58:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2556, 08:58:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1475





<< บทที่ ๗ แรมสีเลือด สู่บรรพกาล (...จบบท)   บทที่ ๙ คู่ผจญกรรม >>
อสิตา 12 ธ.ค. 2556, 09:00:11 น.
คุณเกดซ่า – เนื้อคู่เสือดำน้อย เกิดแล้วสิ เกิดมานานแล้วด้วย หุหิ
ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้องก็มีเกดซ่านี่แหละที่ไม่ทิ้งเรา
คุณยิ้มยิ้ม – น้องยิ้มมาแล้ว ยินดีที่ได้เจอกันในสิรินดานะคะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าว่าจะลงถี่ขึ้น จันทร์-พุธ-ศุกร์
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – นั่นสิ ขุ่นแม่อารมณ์รุนแรงจริงๆ ตบขุ่นพ่อซะขนกระจุยเลย
แต่ก็นะ เล่นหลอกกันมาตั้งแต่ลูกชายเกิด สมควรโดนซ้า...
คุณดวงมาลย์ – คืนนี้จะจบแล้วนะ หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตายหยังเขียดหยังกบแน่นอน
คุณก้อนหิน – จะเชียร์เสือน้อยก็ได้ค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง แซบแน่นอนคนนี้ หุหุ

คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์ไม่ได้ไปเม้นให้น้องๆเลย ขอบ้าให้หมดยกก่อนนะ อยากกรีดร้อง
คุณโกลเด้นซัน – เสือน้อยก็อยากมีคนดูแลบ้างไรบ้าง จะได้โตมาดีๆ ส่วนชามัล
ก็เล่นกับท่านปู่ไปก่อน จะรู้ตัวไหมน้าว่ามีความสุขที่ได้อยู่กับท่านปู่อีกครั้ง
คุณบุลินทร – พี่มิ้งค์จะแย่แล้ว ช่วยด้วยยย จะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไรรรรรรร
คุณหนอนน้อยกลอยสวาท – ชาจังยังมีแผนอีกเยอะเลย เอาเรื่องไหนก่อนดีน้า...
ส่วนอัคจัง เค้าไม่โกรธเมียหรอกที่ฟาดหน้าเข้าให้หนึ่งฉาด เค้าอยากโดนด้วยซ้ำง่ะ เหอๆ
ตอนนี้ต้อยเริ่มแผลงฤทธิ์แล้วนะ...


ketza 12 ธ.ค. 2556, 09:02:17 น.
ที่รักมาแว้ววววว


ดวงมาลย์ 12 ธ.ค. 2556, 09:37:37 น.
สู้ๆๆๆๆๆๆ ชูป้ายไฟเชียร์เต็มที่ ก่อนจะหลบไปมุดหัวอยู่ในถ้ำเหมือนเดิม


ketza 12 ธ.ค. 2556, 09:53:53 น.
แหมๆๆ คิดจะแกล้งเด็กให้ร้องหงิงๆ เป็นไงล่ะ โดนเด็กกัดซะเลย น้องนู๋เลือดนักสู้อย่ามารังแกเค้าง่ายๆนะ 555...
....จะคอยดูว่าท่านพี่จะเอาอยู่เปล่า นู๋น้อยดูท่าไม่ใช่เล่นน๊าาาา......

ปล.รักคุณอสิที่ซู๊ดดด ...เพราะลูกๆคุณอสิหล่อ ล่ำ โดนใจเกดซ่าทุ๊กกคน ที่สำคัญเกดซ่าเป็นนางเอกของเรื่อง ด้วย โฮ๊ะๆๆๆๆ >/////<


ดังปัณณ์ 12 ธ.ค. 2556, 10:19:07 น.
อัลไลอ่า ชาจัง รอบนี้ฮีชนะนร้าาาาาาาาา กรี๊ดดดดดดดดดด จนกว่าจะตายจากกัน อร๊ายยยยยยยยยยยยยยๆๆๆๆๆๆ คุณแป้งมาๆๆๆมาจุ๊ฐทีหนึ่ง หม่ามี้ชาจังน่าร๊ากกกกกอ่า อั้ยๆๆๆๆ

555+แอบสะใจ โดนแระมั้ยล่ะ ชาจังหุๆๆๆ ต่อไปก็เชิญเลี้ยงต้อยตามสบาย อิๆ ใกล้เวลาต้อยจะได้เอาคืนแล้วสิ รอๆๆๆๆๆคร้าาาาาาาาาา

ปูลม.อัคจังมาโซใช่มะ ชอบถูกลงไม้ลงมือ 555+


ริญจน์ธร 12 ธ.ค. 2556, 13:39:36 น.
มาแล้วๆ วันนี้พี่มิ้งค์มาเร็ว


บุลินทร 12 ธ.ค. 2556, 14:02:01 น.
ชามัลช่างจองหองยิ่งนัก พี่มิ้งค์ในที่สุดก็ผ่านพ้นได้ เยี่ยมมาก


ภาวิน 12 ธ.ค. 2556, 16:22:23 น.
ชามัล ร้ายได้ใจดีจริง แวะมาอ่าน มาให้กำลังใจ คงต้องย้อนกลับไปอ่านของเก่าอีกหลายตอน หลังจากห่างหายไประยะหนึ่ง


goldensun 12 ธ.ค. 2556, 16:26:46 น.
ชามัลกับสิตารา ในฐานะทาสกับเจ้านาย ทาสจะคุมนายได้หรือคะ สิตาราออกจะฉลาด ถึงถูกข่มตอนนี้ คงจัดการได้แน่
สายใยปู่-หลานนี่ ใช้ได้นะคะ แถมชามัลยังมีแก่ใจห่วงปู่ กลัวตัวเองจะเก็บร้ายไม่อยู่ แล้วเล่นปู่เข้าให้
ว่าแต่ ที่พรตหานี่ โมราอีกเม็ดรึเปล่า หรือเม็ดเดียวกับที่ชามัลผูกคาถาไว้ ที่สิตาราครองอยู่ เพราะผ่านไปร้อยปี สิตาราจะอยู่ถึงหรือคะ


Zephyr 12 ธ.ค. 2556, 20:19:31 น.
ตามารนี่ก็ไม่ยอมรับความจริงนะ ตัวเองรักปู่จะตายแล้ว ยังจะซึน
โดนต้อยกัด เป็นรอย อีกหน่อยต้อยจะตบละนะ
พรต นายไม่เปลี่ยนข้างเอง ซูบซีด เซียว เหี่ยว แก่ เลยเห็นมั้ย
จงรักภักดี สุดดดดดดดดดดดดดดดดด แต่ผิดคนก็ลำบากนะ
ถ้าเค้าซาบซึ้งกะนายก็ดีไป แต่นี่ คงเห็นเป็นแต่ขี้้ข้าละมั้ง
เฮ่ออออออออออออออออ


lovemuay 12 ธ.ค. 2556, 20:37:55 น.
แหมๆๆ เห็นอย่างงี้อีตาชามัลก็เอ็นดูหนูน้อยมิใช่น้อยนะคะเนี่ย ถึงได้หมั่นเขี้ยวอยากแกล้งแบบนั้น อิอิ


SunSeed 12 ธ.ค. 2556, 21:19:52 น.
ชามารรรรน่าร๊าก มีมุมอ่อนโยนกะเค้าด้วยน๊า (หราาา) คริคริ


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ธ.ค. 2556, 23:44:05 น.
งืมมมม ถ้าให้เค้าอ่านทั้งเล่ม เค้าว่ามันต้องอ่านนานมากๆ แน่ๆ เหมือนเรื่องมันจะเริ่มซับซ้อน ปมเยอะ ปัญหาแยะ รายละเอียดถี่ยิบบบบเลยย
ไรเตอร์เนี้ยบบบบมว๊ากกก อ่านผ่านๆ ไม่ได้เลยทีเดียวว><


อสิตา 13 ธ.ค. 2556, 00:53:26 น.
อ้าว ลืมตอบเม้นต์ของเฟอร์ เมห์ฮราตอนก่อน
อัคน้อยอยากโดนตบ เพราะรู้สึกผิดที่หลอกภรรเมียมาตลอด ตบมาเลย...จะได้หายรู้สึกผิดไปบ้าง
มะม้าก็อยากให้มัชชี่เป็นต้นตระกูลตัวเอง
แต่คงไม่ใช่ต้นตระกูลอะนะ ตอนนั้นตัวละครเกิดกันหมดแล้ว หนุ่มแล้วด้วย
งิงิ ตามิตรต้องลอยไปตามชะตานะ เลือกเวลาเองไม่ได้
ส่วนตอนไปตก พี่รองก็ตกใกล้ๆตามารแหละ แต่มีคนมาหิ้วไปงาย


อสิตา 13 ธ.ค. 2556, 01:00:24 น.
อ้าวววว ลืมตอบคุณเรือใบด้วย...
ใจเย็นๆนะค้า ตัวละครต้องมีพัฒนาการ แต่ชามัลต้องใช้เวลานานอยู่แหละ
ฝากลุ้นกันไปด้วย ระหว่างนั้นก็ยังมีตัวละครน่ารักให้ชอบอีกมากมาย ฮี่ๆ


ใบบัวน่ารัก 13 ธ.ค. 2556, 07:15:06 น.
คิดจะเลี้ยงเด็ก รักเด็กก่อนดีไหม
ทำตัวดีๆๆกันนะ


เรือใบ 13 ธ.ค. 2556, 11:19:15 น.
นึกว่าลืมกัลลไปแล้ววววว ฮึ่ม ชามัลกับสิตารา เลี้ยงต้อยให้สนุกแล้วกันนะ แล้วจะคอยดู :P


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account