ม่านทิวาพชร {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

Tags: โมรารัตติกาล มรกตสนธยา มนตรามุกจันทรา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว อัญมณีเหนือกาล มนตราอัญมณี

ตอน: บทที่ 12 ระหว่างทางสำคัญไม่ต่างจากจุดหมาย

๑๒

ระหว่างทางสำคัญไม่ต่างจากจุดหมาย





รติและลียาเดินล่วงหน้ามาถึงด่านที่สิบสาม หลังหยุดพักที่จุดพักเมื่อครู่ ตั้งแต่แยกกับจิณลีและชลันธรมา หญิงสาวก็เอาแต่อยู่กับตัวเอง เขาถามสิบคำ เธอตอบคำ เห็นแล้วรติก็อดอึดอัดตามไปด้วยไม่ได้

“นี่ลียา ฉันว่าตัดใจดีกว่านะ สักวันเธอต้องเจอคนที่เป็นของเธอจริงๆ” ชายหนุ่มหันไปบอกคนที่เดินอยู่ข้างๆ

“นายคิดว่าการตัดใจมันทำได้ง่ายๆเหรอ” นักวาดภาพสาวหันมาถามด้วยน้ำเสียงห้วน

“ไม่รู้สิ ยังไม่เคยตัดใจจากใคร” หนุ่มผมตั้งแบมือพลางยักไหล่ ที่ผ่านมาเขาเคยคบกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็จริง แต่ไม่ได้จริงจัง หลังมีความสุขสมดังใจกันก็ต่างแยกย้าย จึงไม่ค่อยมีปัญหาที่ทำให้ปวดใจนัก

“งั้นก็อย่ามาบอกให้ฉันตัดใจ”

“ตอนนี้เธออาจคิดว่ามันยาก แต่เวลาผ่านไป เธอจะค่อยๆทำใจได้เอง เชื่อฉันสิ” คนที่ไม่เคยตัดใจจากใครเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“อืม ขอบใจย่ะ” ลียาเบ้ปากใส่เพื่อนหนุ่มอย่างประชด

“จริงใจมาก”

“แน่น้อน” หญิงสาวยักไหล่

“ว่าแต่...ถามจริงๆว่าเริ่มชอบจิณลีตั้งแต่เมื่อไหร่” รติสบตาเพื่อนด้วยท่าทีอยากรู้จริงจัง

“ก็นานพอสมควร” ลียาตอบตรงตามนิสัย “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ช่วงที่เราทำกิจกรรมด้วยกันเทอมสุดท้ายก่อนจะจบมหาวิทยาลัย จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ได้คิดกับจิณลีแค่เพื่อนอีกแล้ว ตอนนั้นฉันกลัวมากว่าเรียนจบจะไม่ได้พบกันอีก โชคดีที่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะผ่านมาหลายปี เราก็ยังได้ทำงานด้วยกันเหมือนเดิม” ดวงตาของหญิงสาวมีแววอิ่มเอมเมื่อนึกถึงภาพในวันวาร

“แล้วทำไมไม่บอกจิณลีไปตั้งแต่ตอนนั้น”

“ไม่กล้า”

“จนจิณลีมีแฟนไปหลายคนโดยที่เธอก็ยังแอบชอบเขาอยู่นี่นะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน

“ก็ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงพวกนั้น แล้วมันก็เป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆ”

“แต่ฉันว่า กับคุณชลันธร จิณลีไม่ได้แค่คบเฉยๆ” รติบอกอย่างมั่นใจ

“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ทำไมจิณลีต้องพบกับคุณชลันธร ตอนที่ฉันกล้ามากพอจะบอกรักเขาด้วย” โชคชะตาช่างไม่เข้าข้างเธอเอาเสียเลย

“นั่นก็แสดงว่าฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เธอได้คู่กับจิณลีไง” เขาสรุปให้และหวังว่าลียาจะนำไปใคร่ครวญอีกครั้งก่อนจะทำอะไรลงไป

“รอดูไปแล้วกันว่าสองคนนั้นจะขึ้นมาถึงยอดภูปีราหรือเปล่า” หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ทำไม” รติเลิกคิ้วหนาขึ้น ก่อนจะร้องอ๋อเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว “นี่อย่าบอกนะว่า เธอจะพิสูจน์รักแท้ของจิณลีกับคุณชลันธรด้วยการเดินขึ้นเขา”

“เดาเก่งดีนี่” ลียาหัวเราะในลำคอ

“หมายความว่าถ้าเดินขึ้นมาถึงยอดเขาได้ แสดงว่ารักกันจริงงั้นรึ” เขาออกจะเห็นขัดแย้งกับเพื่อนสาวอยู่มาก เพราะผู้หญิงทุกคนก็ไม่ได้ชอบการผจญภัยเสมอไป

“ไม่ถึงขนาดนั้น” หญิงสาวส่ายศีรษะเบาๆ “ใครก็รู้ว่าเส้นทางกว่าจะถึงยอดภูปีราลำบากขนาดไหน ระหว่างทางความเหนื่อยยากนั่นละจะทำให้คนเราเผยด้านมืดออกมา ฉันอยากให้จิณลีได้เห็นว่าคุณชลันธรเหมาะสมกับเขาจริงหรือเปล่า รอดูแล้วกันว่าผลจะออกมาเป็นยังไง”

รติถอนหายใจยาว ป่านนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนของเขากับชลันธรเดินทางถึงไหนแล้ว หวังว่าสองคนนั้นจะพากันมาถึงจุดหมาย เผื่อว่าลียาจะเห็นแก่รักแท้แล้วไม่ดันทุรังต่อ



แม้ตอนแรกชลันธรยืนยันว่าจะเดินเอง แต่เมื่อมาถึงด่านสิบสอง หญิงสาวก็เริ่มจะก้าวขาไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องยอมขี่หลังจิณลี ถึงแม้เขาจะเต็มใจ เธอก็รู้สึกเป็นตัวถ่วงอยู่ดี

“ไม่ต้องคิดมากหรอกเอลลา การเดินทางก็เหมือนกับความรักนั่นละ ถ้าไม่ช่วยประคองกันเดินไป ก็ไม่มีวันจะถึงจุดหมายปลายทางที่รอคอย” จิณลีกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอบอุ่น

ความจริงใจของเขาส่งผ่านมาถึงหัวใจดวงน้อย ทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ

“ฉันรู้ว่าคุณต้องเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่า แต่ฉันจะรบกวนคุณไม่นานหรอกนะคะ หลังจากถึงจุดพักสุดท้ายแล้ว ฉันจะเดินด้วยตัวเอง” ดวงตากลมโตสีดำขลับฉายแววเข้มแข็ง

“ครับ เราจะเดินไปด้วยกัน ผมจะไม่ปล่อยมือคุณ” เขาให้คำมั่น ยิ่งเห็นหญิงสาวไม่ย่อท้อเช่นนี้ พลังของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า

ขณะนั้นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่เดินสวนทางลงมาก็เอ่ยพร้อมยิ้มให้กำลังใจทั้งสอง

“สู้ๆนะครับ อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว”

“ใช่ค่ะ อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ วิวข้างบนสวยมาก คุ้มค่ากับการอดทนแน่นอน”

“ขอบคุณครับ” / “ขอบคุณค่ะ” จิณลีและชลันธรยิ้มตอบให้กับมิตรภาพที่ได้รับจากรายทาง นอกจากจุดหมายปลายทางที่งดงามแล้ว ระหว่างการเดินทางของพวกเขาก็น่าประทับใจไม่แพ้กันเลย



เมื่อขึ้นมาถึงยอดภูปีรา ชลันธรก็ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าสีเขียวสดที่พร่างพรมไปด้วยความชุ่มฉ่ำอย่างหมดแรง โดยมีคนตัวโตนั่งลงเหยียดขาอยู่ข้างๆ หญิงสาวไม่ปฏิเสธว่าเหนื่อยมากกับการเดินขึ้นเขาในครั้งนี้ แต่บรรยากาศอันงดงามก็คุ้มค่าสำหรับการเดินทางมาตลอดห้าชั่วโมงกว่าจริงๆ

ดวงตากลมโตเป็นประกายล่องลอย มองละอองไอสีขาวของสายหมอกที่กำลังโอบกอดเธอเอาไว้อย่างนุ่มนวลแผ่วเบา สายลมเย็นสบายพัดพายมาหยอกเย้ากับยอดหญ้าไม่ขาดสาย กิ่งของต้นไม้น้อยใหญ่โบกไหวไปมาราวกับทักทายผู้มาเยือน ไกลออกไปเบื้องหน้าเห็นทิวเขาทอดกายอยู่ลิบๆ บรรยากาศชวนเคลิ้มฝันทำให้หัวใจของชลันธรพองโต เธอรู้สึกสดชื่นกับความเป็นธรรมชาติของยอดภูปีราอย่างมากมาย

“ในที่สุดเราสองคนก็เอาชนะใจตัวเองได้แล้ว” หญิงสาวหันไปบอกจิณลีพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องทำสำเร็จ” ถึงระหว่างทางชลันธรจะเกิดอาการท้อแท้ให้เห็น แต่ที่สุดก็อดทนจนเดินมาถึงจุดหมาย จิณลียิ้มให้เธออย่างชื่นชมจากใจจริง

“ถ้าไม่มีคุณ ฉันอาจจะมาไม่ถึงก็ได้ ต้องขอบคุณคุณมากๆนะคะ” หญิงสาวกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

“แล้วคุณไม่โกรธใช่ไหม ที่ผมพามาเที่ยวลำบากแบบนี้”

“ลำบากที่ไหนคะ สนุกออก ได้ต่อสู้กับหัวใจตัวเอง และเมื่อชนะใจตัวเองแล้ว สิ่งตอบแทนที่ฉันได้รับก็คือความสวยงามรอบตัวตอนนี้” ชลันธรมองไปรอบกายด้วยสายตาชื่นชม ก่อนหันกลับมาสบตาคนนั่งข้างๆ “มันทำให้ฉันคิดได้อีกอย่างนะคะ ว่าถ้าระหว่างทางเราไม่ได้เจอกับความยากลำบากมาก่อน ตอนที่เราพิชิตยอดภูปีราได้อาจจะไม่มีความสุขมากขนาดนี้”

“ผมเห็นด้วยครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆพลางยิ้มอย่างประทับใจในตัวหญิงสาว

“จิณลี คุณชลันธร” เสียงห้าวร้องทักขึ้น

เมื่อจิณลีและชลันธรหันไปมองต้นเสียงก็เห็นหนุ่มผมตั้งกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับลียา เจ้าของร้านขายรูปหนุ่มโบกมือด้วยท่าทางยินดี

“ยินดีด้วย พวกคุณคือผู้พิชิตยอดภูปีรา”

“ท่าทางคุณรติกับคุณลียาไม่เหนื่อยเลยนะคะ” ชลันธรเอ่ยอย่างทึ่งๆ

“โอย ตอนมาถึงนี่ก็หมดสภาพเหมือนกันครับ โชคดีที่ได้นอนพักมาหนึ่งชั่วโมง” รติยิ้มกว้าง ก่อนหันไปบอกเพื่อน “ฉันรับกระเป๋าจากลูกหาบเอาไปเก็บที่บ้านพักแล้วนะ”

“อืม ขอบใจมาก” จิณลีพยักหน้าเบาๆ

“มีปัญหาอะไรระหว่างเดินทางหรือเปล่าคะ” ลียาถามขึ้นหลังลอบสังเกตท่าทางเพื่อนหนุ่มและชลันธรมาครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติใด

“ไม่มี ชลันธรอดทนมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก” จิณลีหันไปมองหญิงสาวอย่างชื่นชม

“ก็มีคุณช่วยด้วยนั่นแหละ ไม่งั้นฉันอาจจะเพิ่งถึงกลางทางก็ได้ค่ะ” ชลันธรยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกาย

“แบบนี้แสดงว่าไม่มีการด่าทอตบตีกันเกิดขึ้นระหว่างทางนะครับ เยี่ยมมาก” รติยกนิ้วให้พลางชำเลืองไปมองลียาและยักคิ้วกวนๆ เห็นไหมล่ะ

ลียาทำตาดุใส่ ก่อนหันมาบอกจิณลีและชลันธร “มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวไปเติมพลังกันก่อนดีกว่า ฉันกับรติจองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้แล้ว สั่งไว้ทั้งของคาวของหวานเลยละ”

“ไปสิ กำลังหิวพอดี” จิณลีลุกขึ้นยืน พลางยื่นมือให้ชลันธรจับ

หญิงสาวยิ้มรับ เอื้อมไปจับมือหนาและลุกขึ้น “ขอบคุณมากนะคะ”

ลียาเลื่อนสายตาไปทางอื่น เพราะภาพนั้นทำให้เจ็บเสียดๆในอกอย่างห้ามไม่อยู่ หนำซ้ำรติยังมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยันอีก ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม



ร้านอาหารที่จองไว้ตกแต่งแบบเรียบง่าย เปิดโล่งรับลมเย็นสบายจากทุกทิศ โต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากไม้กลมกลืนกับธรรมชาติซึ่งรายล้อมอยู่เป็นอย่างยิ่ง เมื่อทั้งสี่คนนั่งลงบนโต๊ะ น้ำผลไม้เย็นๆก็ถูกนำมาส่งที่โต๊ะเป็นอันดับแรก ก่อนที่อาหารร้อนกรุ่นกลิ่นหอมหวนจะตามมา

“ทานเต็มที่เลยนะทุกคน วันนี้ผมเลี้ยงเอง ฉลองที่จิณลีกับคุณชลันธรขึ้นมาถึงยอดภูปีราสำเร็จ” รติยิ้มกว้าง แล้วหันไปบอกลียาอย่างมีลับลมคมใน “เอาไงต่อดี”

“อะไรรึ” จิณลีขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก คุยเรื่องงานกันนิดหน่อยน่ะ” เจ้าของร้านขายรูปหนุ่มหัวเราะร่วน

จิณลีส่ายศีรษะไปมา ตั้งแต่ขึ้นมาถึงยอดภูปีรา รติก็ดูอารมณ์ดีแปลกๆชอบกล แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ติดใจ หันไปตักอาหารให้คนข้างกายอย่างเอาใจใส่

“ทานเยอะๆนะครับ คุณใช้พลังไปมาก”

“ขอบคุณค่ะ” ความอบอุ่นถักทอโอบหัวใจดวงน้อยไว้โดยที่หญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัว

“ลียา อยากทานอะไรบอกได้นะ เอื้อมไม่ถึง ฉันตักให้ได้” รติเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย ทว่าดวงตาสีดำเป็นประกายวับๆ

“ไม่เป็นไร” หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบ พยายามปั้นหน้าให้ยิ้มแย้มไว้ ทั้งที่ข้างในอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มที

“อ้าว คราวนี้ไม่ได้มากันแค่สามคนเหรอจ๊ะ” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหนึ่งของร้าน

“ป้าเภตรา” จิณลียิ้มให้เจ้าของร้านอาหารวัยกลางคนร่างท้วมที่กำลังเดินมายังโต๊ะของพวกเขา เนื่องจากมาภูปีราทีไรก็แวะร้านนี้ประจำ เขา รติ และลียาจึงสนิทสนมกับป้าเภตราเป็นอย่างดี

“มีหน้าใหม่เพิ่มมาหนึ่งคนครับ” รติบอก ก่อนหันไปแนะนำชลันธรให้หญิงร่างท้วมรู้จัก

“สวัสดีค่ะ” ชลันธรยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ลืมตัวไปว่าคนภูทิวาคงไม่รู้จักการไหว้

หญิงวัยกลางคนหรี่ตาคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง และถามออกมา “อืม…แฟนจิณลีหรือจ๊ะ” ถามจบก็หันไปมองชายหนุ่มอย่างใคร่รู้

“ป้าเภตราดูออกด้วยเหรอครับ” จิณลีกลั้นหัวเราะ เพราะรู้ว่าชลันธรต้องกำลังส่งสายตาดุๆมาให้เขาแน่ โทษฐานที่ไม่ปฏิเสธ

“ตกลงใช่หรือไม่ใช่จ๊ะ” นางยิ้มกรุ้มกริ่ม

“อืม…ว่าไงเอลลา ใช่หรือไม่ ตอบป้าเภตราหน่อยสิครับ” เขาหันไปถามความเห็นหญิงสาว ดวงตาสีเข้มทอประกายพราวระยับชวนหมั่นไส้

“ไม่ใช่ค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน” ชลันธรตอบเสียงหนักแน่น

“จริงรึ” เจ้าของร้านอาหารร่างท้วมทำท่าไม่อยากเชื่อ

“จริงค่ะ ใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองจิณลีด้วยสายตาข่มขู่ หากเขาตอบอย่างอื่นละก็ โดนแน่!

“ขึ้นภูปีรารอบนี้คงต้องเป็นเพื่อนไปก่อนครับ แต่รอบหน้า...ผมต้องเปลี่ยนคำตอบแน่ โอ๊ย” ไม่ทันขาดคำ กำปั้นเล็กๆก็ทุบเข้าที่ไหล่หนาทันที แต่จิณลีก็แค่แกล้งร้องโอดโอยไปอย่างนั้น เพราะความจริงหาได้สะทกสะท้านไม่

“ถ้าคราวหน้าเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟนได้ ป้าจะให้ทานข้าวที่ร้านฟรีเลยละจ้ะ” ป้าเภตราบอกอย่างใจป้ำพลางหัวเราะร่วน

“เดี๋ยวผมจะช่วยลุ้นอีกแรงครับ” รติว่าก่อนหันไปมองเพื่อนสาว “ลียาล่ะ จะช่วยลุ้นไหม”

“แน่นอนสิ” เจ้าของผมสีน้ำตาลแดงตอบพลางยักไหล่

“เอ้า เห็นแบบนี้แล้วก็ช่วยทำให้พวกเราสมหวังด้วยนะจิณลี คุณชลันธร” รติบอกสองหนุ่มสาว

จิณลียิ้มรับอย่างยินดี ขณะชลันธรหน้าแดงด้วยความขวยเขิน ยิ่งหันไปเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งแสงแรงกล้า หัวใจก็ยิ่งเต้นระรัวแรงราวจะทะลุออกมาจากอก



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ธ.ค. 2556, 15:50:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธ.ค. 2556, 16:02:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1201





<< บทที่ 11 รากแห่งความแค้น   บทที่ 13 งานเต้นรำใต้แสงดาว >>
ketza 18 ธ.ค. 2556, 15:55:59 น.
มาแว้ววววววววว ลงชื่อๆๆ 55


บุลินทร 18 ธ.ค. 2556, 16:01:40 น.
ฮ่าๆๆๆ เร็วอีกแล้วววว


บุลินทร 18 ธ.ค. 2556, 16:01:46 น.
คุณ yimyum
ไปอ่านมาแว้วใช่มั้ยครับ ได้ข่าวว่าอสิตามีเพิ่มหวานเต็มพิกัด ฮ่าๆๆ ว่าแล้วม่านทิวาก็ขอหวานบ้าง

คุณ ดวงมาลย์
ฮ่าๆๆๆๆๆ ขนาดเลเวลนี้ยังจั๊กกะเดียมนะพี่จุ๊บ ไปอ่านมรกตสิ หวานกว่านี้เยอะเบย

คุณ ketza
ไหนๆ วันนี้จะมาทันมั้ย คุณเกตซ่าเตรียมเป็นแม่ศรีเรือนของตามารใช่มั้ย

คุณ ใบบัวน่ารัก
ฮ่าๆๆๆ อย่าเพิ่งงงครับ เดี๋ยวเส้นเรื่องจะค่อยๆเข้ามาบรรจบกันว่าใครเกี่ยวกันยังไง

คุณ Zephyr
คุณแตงโม เอ๊ย เอลลาเฟอร์ (เห็นเล่นเกมทายดาราได้แตงโมรึ ฮ่าๆๆๆ) ลียาจะร้ายไม่ร้ายเดาออกด้วยรึ ว่าแต่เฟอร์จะทำอะไรลียาอะ ลียาจะได้เตรียมรับมือทัน ภูกระดึงอะไร นี่มันประเทศภูทิวานะ ไม่รู้จักหรอกภูกระดึง ฮ่าๆๆๆ แล้วไปเรียกดารันว่าป้าระวังโดนบีบเหมือนนกหรอก จิกเนื้อหนังเลือดสาด สยองงงง ตระกูลพินทะจิณลีอะไร เดาไปก่อนนะ

คุณ goldensun
ตอนนี้พระเอกของเราก็ชัดเจนขึ้นอีกแล้วครับ ยายลันจะรู้ตัวยังเนี่ยยย ฮ่าๆๆๆ ส่วนปัตติยะกับพินทะเดี๋ยวมีดวลกันแน่นอนครับ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ
ฮ่าๆๆๆ จริงๆดารันน่าจะเกิดตระกูลพินทะใช่มั้ยครับ เดี๋ยวรอดูนะว่าดารันจะได้แก้แค้นเมื่อไหร่

คุณ อสิตา
ก๊าก ยายเอลลาเฟอร์ ช่วงนี้สงสัยพลังกลับมาหลังจากเมนต์แบบเนือยๆมาช่วงนึง

คุณ lovemuay
ตอนก่อนนางเอกไม่รู้ ตอนนี้จิณลีเลยรุกมากขึ้นอีกครับ ฮ่าๆๆ

คุณ ริญจน์ธร
วันนี้ได้มาต่อมรกตสนธยาพอดี อิอิ

คุณ patok
อะไรคุณแพท สงสัยงานเยอะแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ พี่สาวจิณลีชื่อมิราต่างหาก ดารันเป็นอีกตัวเน้อ


อสิตา 18 ธ.ค. 2556, 16:18:11 น.
อยากยั่วเอลล่าเฟอร์ ฉากในนิยายตอนนี้ทำให้อยากไปเที่ยวดอย


lovemuay 18 ธ.ค. 2556, 16:24:42 น.
อยากให้มีคนมาแบกขึ้นเขาบ้างจังเลยค่ะ อิอิ


yimyum 18 ธ.ค. 2556, 16:51:13 น.
อาราย...หวานอีกและแต่วันนี้ขอมรกตนำนะจ๊ะ หวานกว่าน้ำตาล น้ำเชื่อม น้ำผุ้ง น้ำหวานอีกนะ
.....ส่วนม่านทิวาสู้ๆนะจ๊ะ^^


Zephyr 18 ธ.ค. 2556, 20:46:50 น.
ชิ เฟอร์จะไปญี่ปุ่นตะหาก
ตารตินี่เป็นอะไร จะตอกย้ำยายลียาเพื่อ....
เดี๋ยวเหอะ แช่งให้หาเมียไม่ได้เลยยยยย
ดูมี่ตอบคำถามไม่รู้เรื่องนะ เฮอะๆๆๆๆ
อะไรก็เดาๆๆๆๆ เป็นปริศนาๆๆๆๆๆ ชิชะ


goldensun 18 ธ.ค. 2556, 21:42:08 น.
ดูแลดีมากเลย จิณลี รุกน่าดู แต่ลันยังเขินอยู่มาก แถมเหมือนกับเพิ่งรู้จัก พยายามหน่อย
พิชิตยอดภูปีราได้อย่างนี้ ท่าทางลียาจะยอมถอดใจแล้วนะ


ใบบัวน่ารัก 18 ธ.ค. 2556, 21:50:35 น.
ขึ้นเขานี้คุ้นๆนะ
เราก็ไปพิชิตยอดภูมาแล้วด้วย เดินทั้งวันกว่าจะถึงที่พัก
เหนื่อยยยยยยยมากกกกกกก


นักอ่านเหนียวหนึบ 18 ธ.ค. 2556, 21:55:06 น.
หวานนนนนน
อ่านแล้วคิดถึงตอนไปภูกระดึงจิงๆ ด้วยยย
ทุกฉาก ทุกตอนเลย ยกเว้นก็แค่ ขี่หลัง !!!! ไม่สามารถจริงๆๆๆๆๆ
แต่ถ้าเป็นดันหลัง อันนี้ใช่เลย 5555


ริญจน์ธร 19 ธ.ค. 2556, 09:37:39 น.
มาช้านะเนี่ย


patok 19 ธ.ค. 2556, 15:15:20 น.
น่ารักจังเลย >< ลียา กับ รติ น่าจะคู่กันเนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account