โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๙ คู่ผจญกรรม(...จบบท) เริ่มบทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ!

ใกล้ปากอ่าวแม่น้ำคงคา สิตารา ชามัล และวรรณะเบนเส้นทางออกจากแหล่งชุมชน
ไปตามทางปลีกห่างเมืองออกไปจนบรรลุถึงหาด ที่นั่นมีเรือดำรูปทรงยาวแปลกประหลาด
เหมือนกระสุนจอดเทียบอยู่ลำพัง เรือพายลำเล็กกำลังตรงมารับพวกเขา ฝีพายสองคน
กับร่างสันทัดของเด็กหนุ่มอีกคน ซึ่งพอใกล้ฝั่งเด็กวัยรุ่นคนที่ว่านั่นก็กระโดดลงลุยน้ำมาหา
วรรณะวิ่งเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงคนเพิ่งมาใหม่ซึ่งเหมือนเป็นตัวเขาอีกคนในกระจก
ชุดรัดกุมที่สวมก็แทบจะเหมือนกัน ต่างเพียงสีสันเท่านั้น

และเมื่อคนมาใหม่ถูกพาเข้ามาใกล้ สิตารามองสบตาด้วยจึงได้เห็นความจริง
เด็กหนุ่มคนนี้มีแววตาแผกไปจากฝาแฝดของเขาโดยสิ้นเชิง

ในขณะที่วรรณะนั้นมีดวงตาสดใสราวจะเปลี่ยนบรรรยากาศรอบตัวให้กลายเป็นสีทอง
สุกสกาวได้สมชื่อ แต่นิลละมีดวงตาโศกซึ้งระคนเศร้า เป็นที่สังเกตของเด็กหญิงผู้กำลัง
ลอบมองไม่วางตา ทำไมกันนะ ทั้งที่หน้าเหมือนกัน เพียงสีหน้าและแววตากลับ
ทำให้คนเราดูผิดกันไปได้ถึงขนาดนี้

ฝาแฝดแต่งกายคล้ายกันด้วยเสื้อแขนกุดมีลวดลายในเนื้อ แม้จะดูไม่เตะตาแต่ก็
เห็นได้ว่าตัดเย็บประณีต ผ้าเคียนเอวผูกชายไว้ด้านข้าง กางเกงทรงค่อนข้างกระชับ
เป็นผ้าดิบสีตุ่นๆ รองเท้าหนังสีน้ำตาลรัดส้นหุ้มข้อ กับผ้าโพกศีรษะที่ไม่ได้คลุมมิดชิด
ยังเปิดให้เห็นผมส่วนบนและผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มที่ไม่ได้ไว้ยาวอะไรมากมายนัก
และอีกอย่างที่เหมือนกันแต่ต่างตรงสีสันก็คือ นิลละมีตุ้มหูมุกสีดำสนิทประดับอยู่
ตรงหูขวา ต่างจากของวรรณะที่เป็นสีทอง
ราวกับจะติดไว้เพื่อให้คนอื่นใช้แยกให้ออกว่าใครเป็นใครกระนั้น

“นี่นิลละ แฝดราศีคนคู่ของข้า ขอโทษทีที่เขาดูจะไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่
ส่วนใหญ่จะให้ข้าพูดแทน” วรรณะตบไหล่แฝดของตน ก่อนจะหันมาช่วยรับข้าวของไปขึ้นเรือ
มีเพียงกีตาร์ละตินคู่กายเท่านั้นที่สิตารายืนยันจะถือเองโดยพยายามระวังไม่ให้ถุงห่อหุ้มไป
สัมผัสกับน้ำทะเล

ชามัลก้าวลงไปมองท้องทะเลกว้าง... เมื่อยามมีชีวิต เขามาเที่ยวทะเลครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ
อาจจะเป็นก่อนตายสักปี หรือสองปี บวกรวมเข้าไปก็นานยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองปีเข้าแล้ว มากับ
นางเอกละครหลังข่าวคนไหนสักคนที่เลือกแล้วว่าจะไม่อ้าปากพูดแต่เรื่องตัวเองหรือฉอเลาะมากนัก
จนน่ารำคาญ

ยามนี้ เมื่อขาแช่น้ำทะเล รู้สึกถึงคลื่นที่ซัดมากระทบ ให้ความรู้สึกว่าดีจริงๆที่มีร่างกาย
เป็นสัมผัสของความสุข ที่หลังจากนี้เขาจะกอบโกยจนพอใจ

เรือลำนั้นถ้ามองจากตอนก่อนจะขึ้นก็เห็นเป็นโลหะทรงยาวผิดปกติ ในสายตาชามัล
หน้าตามันดูไม่โบร่ำโบราณอย่างที่คิด แม้จะห่างจากยุคสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ถึงแปดสิบปี
แต่ถ้านับจากปี 2033 ก่อนเขาจะย้อนมายังอดีต เรือนี่ก็เก่าร้อยปีเข้าไปแล้ว พอขึ้นมาบนเรือ
ก็เห็นได้ว่าส่วนประกอบข้างบนยังมีไม้อยู่มาก ดาดฟ้าเป็นไม้ ไม่ว่าอย่างไรเรือก็มีเครื่องยนต์
กำลังแรงส่งให้มันเคลื่อนที่ไปได้ไวพอตัว

สิตารามองแผ่นดินที่เริ่มดูเหมือนถอยห่างออกไป ความจริงเป็นเธอที่จากมา...
ยิ่งเรือลอยลำออกไปไกลก็ยิ่งสำนึกชัด
ตนคงไม่มีวันได้พบกับผู้ชายที่ชื่อมิตร เมห์ฮราอีกแล้วนับจากนี้ไป



“เราจะต้องเดินทางกันอีกไกล ทะลุเข้าไปในทะเลอันดามัน ขึ้นฝั่ง ก่อนตัดผ่านใต้คอคอดกระลงไปนิด
ที่นั่นมีเรืออีกลำรออยู่ มันจะพาพวกเราข้ามอ่าวไทยไปยังเกาะเงาที่อยู่แถวปลายแหลมของเมืองตราด”
นิลละเป็นคนอธิบายเรียบๆ ในห้องที่ดูเหมือนเป็นทั้งที่ประชุมและกินอาหารอยู่ส่วนกลางท้องเรือ
เนื่องจากที่ทางมีจำกัด สิตาราจึงถูกจัดให้พักในห้องที่มีเตียงสองชั้น สำหรับเธอและชามัล

“ยังไงเขาก็ตามติดท่านสิตาราแจเหมือนเงาตามตัวอยู่แล้ว พักห้องเดียวกันคงได้”
วรรณะผายมือเชิญให้เข้าไปดูห้องพักที่ทั้งแคบและเล็ก มีห้องน้ำในตัว

“ข้าไม่จำเป็นต้องมีห้องพัก” ชามัลยักไหล่ “แต่ข้าพอใจจะจับตาดูคนของข้าไม่ให้คลาดสายตา
ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม” ชามัลจงใจเน้นคำหลังเป็นพิเศษ

“โธ่ ท่านชามัล ยังไม่ไว้ใจพวกเราอีกหรือ” วรรณะลากเสียง ตาเป็นประกายพร่างแววเป็นมิตร
แต่ชามัลมองเลยไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปสำรวจห้องเสียแทน
“ข้าเชื่อว่าเมื่อไปถึงเกาะเงาและได้พบแม่ชีดำแล้ว ท่านสิตาราและท่านชามัลจะต้องเชื่อใจ
รวมถึงเต็มใจเป็นพวกเดียวกับเราอย่างแน่นอน”

ชามัลยิ้มมุมปาก สะกดคำว่าไม่มีวันไว้แต่เพียงในใจ พวกของเขา...มีแค่ตัวเขาเองเท่านั้น
แม้มีเหล่าคนที่ทำประโยชน์ให้ แต่จะต้องมีเขาอยู่บนปลายยอดสุดของความสัมพันธ์
ไม่ใช่ฐานะสหายหรือว่าเสมอกับใคร รวมถึงพวกรัตติดารา
ที่ไม่ว่าจุดประสงค์เดิมของพวกมันเป็นอย่างไหน เขานี่แหละจะเปลี่ยนมันเอง!

เรือเดินทางไปตามกระแสลมฟ้า สิตารานึกสงสัยเมื่อเห็นพวกคนชุดดำมายืนเรียงแถว
กันสองข้างกราบเรือในท่ากอดอก ทุกคนเพ่งมองลงไปยังผิวน้ำ ไม่มีใครปริปากพูดกัน
แต่เด็กหญิงรู้สึกว่าเวลาแบบนั้นเรือกลับแล่นฉิว ดูจะเร็วพอๆกับเรือในอนาคตที่เคยเห็น
จากภาพในจอโทรทัศน์ของมิตรด้วยซ้ำไป

เมื่อมีใครคนหนึ่งมายืนข้างเธอ เด็กหญิงไม่ได้หันไปมองเต็มๆก็ยังรู้สึกได้ว่าเป็นฝาแฝด
ไม่คนใดก็คนหนึ่ง เธอจึงเอ่ยถาม “พวกนี้คือ...”

“ภูตดารา คนที่ถูกฝึกมาเป็นกองกำลังไว้ต่อสู้และทำการต่างๆ เป็นกำลังสำคัญของรัตติดารา
แต่พวกนี้ไม่เหมือนคนธรรมดา ตรงที่มีวิชาอาคมสำหรับไว้ใช้ในเรื่องต่างกัน ตามแต่สังกัดราศีที่ถูกฝึกมา”
น้ำเสียงติดจะขรึมและหม่นต่ำเกินอายุนั้นบอกให้คนฟังรู้ชัดทีเดียวว่าเป็นนิลละที่ยืนอยู่เคียงเธอ
แม้ปกติเขาพูดน้อย แต่ลงเป็นเรื่องมีสาระหรือเรื่องที่สิตาราจำเป็นจะต้องรู้แล้วละก็
อธิบายได้ยาวเป็นวรรคเป็นเวรเหมือนกัน

“แต่งชุดดำแบบนี้ ทำให้นึกถึงนินจาเลย” สิตาราเอ่ยอารมณ์ดี

“นี่คงจะเป็นภูตดาราของราศีคนคู่สินะ”

“ผิดแล้ว เป็นของราศีพิจิก อย่าลืมสิว่าแม่ชีดำส่งพวกเรามา”

“เข้าใจละ” คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ “แล้วมีภูตดารากันหมดทั้งสิบสองราศีตามชื่อเดือนและหมู่ดาวนั่นเลยไหม”
สิตารารู้เรื่องนี้มาส่วนหนึ่งแล้ว ทั้งมิตรและชามัลต่างก็ย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอแน่ในอนาคต
และตอนนี้ก็นึกอยากรู้ให้มากกว่าเดิม จากปากคำของคนในอย่างนิลละคงบอกได้มากกว่า
ถ้าเขาจะยอมพูดความจริงกับเธอ

“ใช่ แต่ละราศีมีภูตดาราที่สาบานว่าจะภักดี พวกนี้เป็นกำลังให้เราแล้วก็ต้องเป็นตลอดไป”

“ลาออกไม่ได้หรือ”

นิลละส่ายหน้า

“ลาหยุด... ลาป่วยล่ะ...” สิตาราเริ่มแกล้งถามไปดูเขาส่ายหน้ารัวเล่นๆไปอย่างเพลิดเพลิน

“คนมีความรับผิดชอบน่ะเขาไม่ทำแบบนั้นกันหรอก ท่านสิตารา” นิลละปราม

“งั้นเหรอ” เด็กหญิงไพล่ไปนึกถึงมิตร ถ้าเป็นขานั้นละก็ มีวันลามากกว่าวันทำงานเสียอีก...
“แล้วได้ค่าจ้างไหม”

“ย่อมได้ เพราะเราต้องการซื้อใจคน ไม่ได้ต้องการแรงงานทาส
แค่พวกเขาต้องอยู่เป็นกำลังให้เราตลอดไปเท่านั้น จนกว่าจะป่วยจนทำอะไรไม่ไหว หรือว่าตาย”

เด็กหญิงทำปากยุกยิกเหมือนคันหนวดคันปากอยากจะพูด นั่นมันก็ไม่ต่างจากทาสเท่าไหร่ไม่ใช่หรือยังไง

“เรามีจุดมุ่งหมาย มีอุดมการณ์ ทางที่เลือกแล้วย่อมไม่เปลี่ยนแปลง
ภูตดาราแม้อยู่ประจำราศี แต่ก็มีคำสาบานที่ว่าหากวันใดได้รับคำสั่งโดยตรง
จากราศีที่สิบสาม พวกเขาจะต้องทำตามทันที
แม้ผู้ครองแต่ละราศีที่เลี้ยงดูมาก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามปรามอะไร”

“จู่ๆให้คนไม่รู้จักมาสั่งได้หรือ แล้วจะไปเอาความภักดีมาจากไหน ก็ไม่ใช่พวกเดียวกัน”

“ท่านยังเป็นเด็กน้อย ที่ข้าพูดว่าคำสาบานนั้นหาใช่หมายถึงคำสัญญาพล่อยๆ
แต่เป็นสาบานที่ผูกเงื่อนไว้ด้วยอาคม หากไม่ทำตามหรือทรยศ มีแต่ความตายเท่านั้นจะมาเยือน”

ปลายเสียงของนิลละกับกระแสลมที่พัดอู้มาทำให้สิตาราหนาวเยือกในอกลึกๆ

“ไม่ใช่แค่พวกภูตดารา คำสาบานนั้นเริ่มตั้งแต่ผู้ครองราศีต่างๆลงไปด้วยซ้ำ
หากเข้าพิธีดื่มน้ำผูกสาบานแล้วก็จะไม่อาจไถ่ถอนคำพูดได้ น้ำศักดิ์สิทธิ์...
จากทะเลสาบไร้เงาที่มีพิษสงของความตายละลายปนอยู่”

ราศีที่สิบสามที่เขาว่า ก็คือตัวสิตาราใช่ไหม!


ไม่ใช่จะดีใจหรอกที่ต้องมายุ่งกับเรื่องยากลำบากอะไรนี่ เธอเองจำได้ว่าหลายปีก่อน
แม่ชีดำก็พูดเรื่องการเป็นราศีที่สิบสามกับพี่สาวตน วรรณะบอกว่าเรื่องของพี่ดารานั้นเขาไม่รู้
สิตาราจะต้องรอไปถามคนที่เกาะเงาเอง แปลว่าพี่คงไม่ได้รับตำแหน่งราศีที่สิบสามที่ว่า
ตอนนี้พวกคนที่ตามวุ่นวายกับชีวิตเธอและพี่ก็จะมาเอาสิตาราไปรับตำแหน่งแทนเสียอีกแล้ว
“งั้นราศีที่สิบสามก็กุมอำนาจได้ด้วยกองทัพภูตดาราทรงอาคมนี่เอง คุมได้ทั้งสิบสองราศีนั่นเลยหรือ”
อย่างน้อยถ้าอยู่ในวงล้อมของคนพวกนี้แล้วปลอดภัย ไม่ต้องโดนรังแก ไม่ต้องหนีใครอีก
แบบนั้นก็น่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า

“ข้าคงต้องบอกท่าน ในเวลานี้รัตติดาราไม่เหมือนเก่า ตัวผู้ครองราศีหลายราศีตายไป
มีผู้สืบต่อที่กระด้างกระเดื่อง ยิ่งตอกย้ำยืนยันการตัดสินใจจะแยกตัวออกห่าง เราแตกแยก
เพราะตำแหน่งราศีที่สิบสามนั้นก็ว่างเว้นมานานแล้ว ยิ่งว่างนานที่เหลือก็ยิ่งร้าว หลายราศี
ไม่เพียงแยกตัวออกไปเท่านั้นยังหันมาสู้กันเอง หาได้สามัคคีเหมือนก่อน เพราะแบบนั้น
แม่ชีดำและท่านนักบวชจึงต้องหาทางตามหาราศีที่สาบสูญกลับมา
เพื่อให้ทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทางให้จงได้”


อย่างไรก็ดี การเดินทางคงต้องยาวนานเป็นอาทิตย์ตามกำลังของเครื่องยนต์
พวกภูตดาราไม่ได้ยืนอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน นิลละบอกว่าจะใช้พวกเขาเมื่อต้องการ
เร่งผ่านน่านน้ำอันตรายเท่านั้น สิตาราคิดว่าพอจะรู้ อันตรายคงหมายถึงภัยคุกคามเร้นลับ
ที่อาจมีอยู่ในทะเล หรือเป็นภัยจากรัตติดาราราศีศัตรูซึ่งอีกฝ่ายพูดถึง ความรู้สึกว่าตัวเอง
เป็นสื่อนำอันตรายแบบนี้หวนกลับมาอีกแล้ว
แต่ก่อนเวลาอยู่กับพี่ ไม่ว่าจะหนีไปไหนสองพี่น้องก็ต้องหลบๆซ่อนๆ เมื่อไปอยู่กับมิตร
ความรู้สึกนั้นก็หายไป พอกลับมาอดีตซึ่งเป็นที่ทางของตน ความรู้สึกเดิมๆก็ชักหวนกลับมาอีก

สิตาราลืมอารมณ์เหล่านั้นไปได้เมื่อเพลินกับการนั่งเรือ แม้มิตรจะพาเธอไปผจญภัยอยู่บ่อยครั้ง
แต่ฝ่ายนั้นไม่เคยพาลงเรือเลยสักครั้งเดียว เป็นไปได้ว่าเขากลัวน้ำแต่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา

ในห้องพัก เด็กหญิงสนุกกับการได้ปีนขึ้นไปบนเตียงชั้นบน ปล่อยที่นอนชั้นล่างให้งูร้าย
ในคราบชายหนุ่มรูปงามครอบครองไปตามสบาย เมื่อเธอชะโงกลงไปดู เห็นเขามองอยู่
สิตาราก็แลบลิ้นให้เสียแผล็บๆอย่างงูบ้างเป็นการล้อเลียน

ชามัลหรี่ตาลง ทั้งเห็นขันและรู้สึกชิงชังไปพร้อมๆกัน กับเด็กที่ทำตัวเหมือนลูกลิงอยู่เตียงข้างบน

“อยากจะอยู่กันดีๆหรืออยากให้ฉันอยู่กับเธอในร่างงู” ชายหนุ่มถามยวนๆ

“หัดนอนบ้างเถอะ ทำแบบนี้คนอื่นก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” สิตาราโวยเสร็จแล้วก็หลบวูบ
หดหัวที่ห้อยลงไปมองขึ้นมาเก็บบนเตียง กลัวงูร้ายจะเลื้อยมารัดลงโทษตนอีก
แต่แล้วเขาก็เงียบเสียงไปไม่โต้ตอบ ...เมื่อชะโงกไปดูช้าๆอีกครั้ง ชามัลกำลังหลับตาพริ้ม
คล้ายอยากจะหลับลงให้ได้จริงๆ

“บางทีเธออาจจะพูดถูก การหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด สงบ สบาย
แล้วฉันก็ไม่ได้หลับตาของตัวเองลงอย่างนี้มานานแล้ว”

จากนั้นชายหนุ่มก็นิ่งสนิท สิตาราดูเขาหายใจสม่ำเสมอคล้ายกำลังดิ่งสู่นิทรา
เห็นแล้วเด็กหญิงก็หลุดยิ้ม ก่อนหันขึ้นไปนอนกอดผ้าห่ม หลับปุ๋ยไปด้วยอีกคน...



“วรรณะ นี่เราอยู่ไหนกันแล้ว” สิตาราที่มาเกาะอยู่แถวหัวเรือเลือกถามคนที่เธอพอใจจะคุยเล่น
มากกว่าแฝดของเขา วันนี้พวกภูตดารามาเรียงแถวกันสองข้างเรืออีกครั้ง ช่วยคุมเรือให้พุ่งฉิวแล่นลิ่วไป

“ล่วงผ่านแนวหมู่เกาะอันดามันมาแล้วท่านสิตารา ตอนนี้อยู่ในอ่าวเมาะตะมะ น่านน้ำของพม่า”

ไม่นานจากนั้นเรือก็เริ่มเข้าใกล้เกาะเดี่ยวๆเกาะหนึ่งซึ่งเห็นอยู่ไม่ไกล
“จุดหมายของเราอยู่ไกลกว่านี้ไม่ใช่หรือ” สิตาราทัก ด้วยร่วมดูแผนที่ที่พวกคนโตกว่าเอามากางออกดูเกือบทุกวัน

“มีธุระรายทางนิดหน่อยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบ ที่จริงนิลละไม่เห็นด้วย
แต่ข้าขอร้อง แล้วขานั้นก็ไม่เคยปฏิเสธได้ลงคอ”

ชามัลเคลื่อนกายวูบไหวราวกับเงาผีอย่างการเลื้อยของงูเข้ามายืนอยู่ข้างหลังเมื่อไหร่ไม่ทราบได้
รู้ก็เมื่อเขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง “ธุระอะไร...น่าจะบอกก่อน นี่จะถึงอยู่แล้ว”

วรรณะหันไปยิ้มเขินหน้าแดงอย่างไม่มีพิรุธอันใด “ไว้ถึงค่อยรู้ไม่ได้หรือ”

“ถ้ามีคนจงใจปิดบัง ข้ายิ่งต้องการจะรู้ตอนนี้เลย” ชามัลยกมือขึ้นแตะสะเอวไว้ข้างหนึ่ง ยืนจังก้า
สีหน้ายิ้มมุมปากน้อยๆเหมือนอารมณ์ดี แม้ยังหย่อนเข่าข้างหนึ่ง แต่จากแววตาบอกให้รู้ว่าพร้อมจะลงมือ

“เกาะข้างหน้านั้นเป็นที่ที่คนธรรมดาไม่ค่อยรู้จัก แต่มีคนที่เราอยากพบเร้นกายอยู่ บนเกาะมีแต่ป่า
ท่านลองมองไปสิ” นิลละเป็นฝ่ายตอบแทนคู่แฝดของคน “รู้สึกไหมว่ามันเขียวชอุ่มเป็นพิเศษ
แม้แต่หาดก็ปกคลุมด้วยพืชคลุมดินชนิดที่มักขึ้นอยู่ชายทะเลเต็มพรืดไปหมด เหมือนรวมเอา
สรรพสิ่งที่เป็นสีเขียวเอาไว้ มันถึงชื่อว่าเกาะมรกต”

วรรณะจับไหล่ของนิลละ ก่อนจะชิงพูดต่อเสียเอง “จุดประสงค์สำคัญของเรานอกจากไปเจอคนแล้ว
ยังอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่ง มีน้ำตกเล็กๆตกลงสู่สระใจกลางเกาะ เป็นสระสีเขียวใสสวยงามมาก
ว่ากันว่าสำหรับผู้ใช้พลังมนตราควบคู่กับอัญมณีมันมีค่ามากกว่านั้น หากได้ลงอาบน้ำพร้อมอัญมณี
ของตนก็จะมีพลังบางอย่างจากสายธารเชื่อมโยงทั้งเจ้าของและอัญมณีถึงกันให้แน่นแฟ้นขึ้นอีก
ทั้งยังเป็นการชำระจิตด้วย”

“กำลังจะบอกว่ามันเหมาะกับสิตารา ควรจะพาเด็กนี่ไปด้วยงั้นสิ” ชามัลหรี่ตา แต่ก่อนจะเชื่อหรือไม่
ยังไงก็ต้องไปลองดูเองให้เห็นกับตา

เกาะนั้นเต็มไปด้วยพืชพรรณสีเขียวอย่างว่า ทางตัดสู่ใจกลางก็เต็มไปด้วยป่ารกแน่นขนัด
แต่ชามัลใช้ความเร็วของร่างงูยักษ์วูบไปดูที่บ่อมรกตล่วงหน้า เมื่อสัมผัสดูก็พบว่าน้ำนั้น
มีกระแสพลังประหลาดรุนแรงกว่าน้ำที่ใดในโลก จริงที่อาจช่วยเสริมพลัง นั่นอาจเป็นของขวัญจาก
ความเขียวชอุ่มพวกนี้ที่ไหลมารวมกัน และการที่แหล่งน้ำล้ำค่าถูกปิดตายไว้จากสายตาคนนอก
จะต้องมีคนคุมพื้นที่รักษาเกาะเอาไว้แน่นอน พวกคนที่แฝดราศีคนคู่ต้องการมาพบ

ทาสแห่งโมรารัตติกาลพุ่งวูบกลับไปหาสิตารา รอจนทุกคนเดินฝ่าด่านป่าเข้าไปถึงสระมรกต
ทั้งวรรณะและนิลละต่างเปลือยท่อนบนลงเล่นน้ำทว่าไม่ถอดผ้าโพกหัว ส่วนสิตาราใส่เสื้อผ้าลงไปทั้งตัว
ทั้งคู่สอนให้เด็กหญิงพึมพำคาถาบางอย่าง โดยมือจับโมราที่คอไว้

“ของวรรณะกับนิลละก็เป็นตุ้มหูที่ใส่ไว้คนละสีนั่นสิ”

“ของข้ามุกทองคำ ของนิลละมุกสีดำ เป็นของคู่กายพวกเรามาตั้งแต่เกิด”
วรรณะเอียงหน้าให้สิตาราดู ในขณะที่แฝดของเขากำลังนิ่งสงบกับการบริกรรมคาถา

ชามัลรู้สึกได้ชัด พลังของสิตารากำลังเริ่มปั่นป่วนเมื่อเธอสัมผัสกับน้ำในสระเขียวใส
ที่รายล้อมด้วยหมู่หินธรรมชาติ แต่ก่อนเด็กหญิงโตคงมาอย่างไม่ได้รับการสั่งสอนอะไรเลยจากผู้มีภูมิรู้
ครั้นไปอยู่กับมิตร มันก็เอาแต่สอนเรื่องอัญมณีให้ โดยไม่ได้ปลดปล่อยพลังของเจ้าตัวออกมาก่อน...
คงเพราะไม่มีปัญญาจะทำได้ ทว่าตอนนี้พลังของสิตารากำลังเริ่มเปิดเผยตัวตน เขาซึ่งเป็นทาสผู้ช่วงใช้
แห่งโมรารัตติกาลรู้สึกชัดกว่าใคร ดังนั้นเมื่อฝาแฝดทำท่าจะขึ้นจากน้ำ ชามัลจึงตัดสินใจเอ่ย
“สิตาราควรจะแช่น้ำนานๆ พวกเจ้าจะไปเจอใครที่ไหนก็ไป แต่เด็กจะอยู่กับข้าที่นี่”

“ทำไมฉันต้องอยู่นานขนาดนั้นด้วยเล่า เริ่มหนาวแล้วนะ”
สิตาราร้องประท้วง กระโดดตูมๆฟาดแขนอยู่ในน้ำแต่ชามัลไม่สนใจ

ทว่าเมื่อแฝดสบตาท้าทายของชามัล นิลละจึงรั้งให้วรรณะถอยห่าง ทั้งคู่ส่งกำลังใจให้เด็กหญิงเงียบๆทางสายตา

สิตาราฉุนจัด เอาเถอะ ถ้าเธออยู่ในน้ำนี้นานเป็นวันแล้วจะช่วยให้พลังก้าวหน้าขึ้นอย่างว่าก็อยากจะลอง
เธอเป็นผู้ครอบครองโมรานี่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ ยังจำได้ดี วินาทีที่ได้ให้เลือดกับพลอย แม้ตอนนั้น
จะมีวิญญาณของชามัลที่สิงสู่อยู่ในร่างบังคับ ...รอก่อน ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอมีอำนาจพอจะตอบโต้เขา
มากกว่าเป็นแค่คนอ่อนแอที่ให้คนแข็งแกร่งมาคอยออกคำสั่งอยู่แบบนี้ เมื่อนั้นไม่ใครก็ใครจะต้องได้รู้สึก

ร่างของชามัลยืนเป็นสง่ายามเมื่อจ้องมองร่างเล็กที่ตนบังคับให้เข้าไปยืนอยู่ใต้น้ำตก
ดูแล้วคงไม่ทรมานอะไรนัก ก็แค่เส้นสายเล็กๆสีขาวที่หลั่งลงมาตามขั้นก่อนจะตกลงมาตรงๆ
น้ำน้อยจนไม่ได้มีความรุนแรง เขาแค่อยากแกล้งเด็กดื้อให้หายซ่า เลยให้ทำเหมือนกับภาพการ
ฝึกวิชาที่จำติดมาจากหนังชุดที่เคยดูให้มันขำๆไปอย่างนั้น กว่าจะต้อนให้เข้าไปจนมุมตรงนั้นได้
สิตาราก็ตาขวางแล้วขวางอีก จากนั้นชามัลก็มาหาที่นั่งทอดอารมณ์โดยยังไม่ละสายตาไปจาก
ผู้ครองโมราที่อยู่ในฐานะเหยื่อ

แปลกที่เด็กหญิงเงียบนัก ไม่ประท้วงโวยวายน่ารำคาญเหมือนเคย คงเริ่มเกิดสมาธิที่มากับสายน้ำ
เขายังเห็นตัวเธออยู่ดีในสายตา ทว่าชามัลกลับเริ่มรู้สึกประหลาด ตึงๆหน่วงๆ สิตาราส่งกระแสปราณ
บางอย่างมาถึงเขา เป็นกระแสที่ไม่หนักหนาแต่ก็ทำให้รู้สึกรำคาญ บวกกับมุมที่เด็กหญิงอยู่นั้น
ลับตาคนนอกดีอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงคิดจะผละไปหาความสำราญส่วนตัว
...ความสำราญอย่างมนุษย์ผู้ชาย ที่เขาห่างหายไปนานจนแทบจะจำไม่ได้แล้ว

ชามัลวูบเข้าไปหาสิตาราที่ใต้น้ำตก ก่อนจะถอดสร้อยหนังเส้นยาวซึ่งร้อยเขี้ยวแก้วนาคา
ออกมาจากคอตน เพราะสิ่งนี้มีคุณสมบัติให้อยู่ยงคงกระพัน ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะคุ้มครองสิตาราไว้
“อยู่นี่นะ อย่าไปไหน”

เขาจะมีร่างกายขึ้นมาเพื่ออะไรถ้าต้องใช้ชีวิตน่าเบื่อเหมือนเดิม ร่างกายมีไว้ก็เพื่อหาความสุข
...เมื่อคิดได้ดังนั้น เงาร่างที่แปรเป็นพญางูดำปลอดก็พุ่งวาบหายไปในชั่วพริบตา
ปล่อยทิ้งเด็กหญิงไว้ใต้น้ำตกเพียงลำพัง


บทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ
หลังตัดสินใจออกเรือจากเกาะสิงห์เพื่อรวบรวมสมัครพรรคพวก ในอันที่จะ
สร้างหนทางยึดอำนาจความเป็นจ้าวราศีมาจากพี่ชายผู้ไม่เอาไหน
...บนดาดฟ้าเรือ สตรีในชุดหนังและผ้าสีน้ำตาลมีปลอกหนังรัดข้อหุ้มแขนขาทะมัดทะแมง
กำลังยืนต้านลมแรงที่พัดผมสยายฟู ประหนึ่งแผงคอซึ่งเกิดขึ้นตามพันธุ์อันได้รับจากบิดา
ทุกครั้งที่สายตากับหัวใจได้สัมผัสคลื่นลมจากบนเรือเช่นนี้ นางหวนนึกถึงยามเด็กที่ตนได้ขึ้นขี่คอ
หรือบางทีก็นั่งบนไหล่กว้างใหญ่ยิ่งข้างหนึ่งของบิดาผู้เป็นดั่งพญาราชสีห์ มองไปในทะเลอันไกลโพ้นด้วยกัน

‘พ่อ ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าหัวใจของคนทะเลอย่างเราคืออะไร’

‘คืออิสรภาพ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น...’

นั่นคือคำตอบที่จำติดใจ พ่อลูกตระเวนไปเช่นนั้นร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ พ่อสั่งสอนทุกอย่างให้
โดยไม่สนใจว่าลูกจะเป็นหญิงหรือชาย ใครรับได้มากกว่าก็รับ บางครั้งใช้กำลัง เตะตี
เหวี่ยงลงน้ำให้ตะเกียกตะกายขึ้นเรือมาเอง นั่นก็เพื่อให้แข็งแกร่ง สุดท้ายไม่ว่าอย่างไร
พ่อก็จับนางกลับขึ้นมานั่งบนบ่าเหมือนเดิม

“พ่อ...ในวันนี้พ่อเดินไม่ได้แล้ว แต่ข้าอยากขอให้ท่านอดทนรอ อย่างที่ข้าบอกกับท่านก่อนมา
ข้าจะกลับไปแน่ บนไหล่ของข้านี้จะมีพ่ออยู่ข้างหนึ่ง มีลูกน้องที่ภักดีอีกข้างหนึ่ง แม้เป็นโจรเถื่อน
ไม่มียศศักดิ์อะไร แต่เกียรติยศของข้าคือการดูแลคนที่มีความหมายต่อข้า พยุงไว้ด้วยไหล่ทั้งสองข้าง
หากว่าข้าจะเข้มแข็งพอ” เสียงพูดนั้นไม่มีใครยิน นอกจากเพียงตนกับทั้งพรายแห่งสายลม

เมื่อเรือเข้าใกล้เกาะสีเขียวอันเป็นเป้าหมาย หญิงสาวผู้เป็นบุตรีของราชันแห่งเหล่าโจรสลัด
จึงหันไปเอ่ยกับคนติดตาม

“จากวันนี้ไปข้าไม่ใช่ข้าคนเดิม จะแกร่งขึ้น จะกร้าวขึ้น และจงอย่าเรียกข้าว่านายหญิงอีก”
น้ำเสียงป่าเถื่อนเปล่งห้วนออกมาจากห้วงลึกในอก ดังจนเหล่าภูตดาราชุดเขียวทหารแห่งราศีสิงห์
ที่ติดตามนางมาได้ยินถนัดกันทุกผู้ตัวตน “จากนี้นามของข้าคือสิงหรานี ข้าจะเป็นนางสิงห์ตัวเมีย
ที่ทรงไว้ซึ่งแผงคองามสง่า แผงคอที่ถลกมาจากหนังของตัวผู้ที่ไม่คู่ควร!”

“เราเหล่าภูตดาราแห่งสายลมจะติดตามสิงหรานีไปจนราตรีสุดท้ายแห่งชีวิตมาเยือน”
และนั่นคือคำมั่นที่ลูกน้องกล่าวตอบนาง

“ข้าจะเป็นผู้ครองราศีต่อจากท่านพ่อ ต่อแต่นี้หมาตัวไหนขวางทาง ก็เท่ากับมันเลือกความตายแน่แล้ว”
หญิงสาวคำรามกร้าวพลางหันไปถ่มน้ำลายลงพื้น “ข้าจะฆ่าเสียให้สิ้น พวกไม่รู้ความน่ากลัวอย่างนักล่า
ของนางสิงห์ตัวเมียตัวนี้ จำเอาไว้ให้ดี!”

เข้าใกล้เกาะมรกตซึ่งถือเป็นอาณาเขตของราศีสิงห์แต่เดิมมา นางเองกำลังมาเพื่อพบปะชายผู้เคย
เป็นมือเท้าของบิดาซึ่งแยกตัวออกมาอยู่เงียบๆ สายตาคมของนักล่ากราดมองสำรวจเรือดำแปลกหน้า
ที่จอดลอยลำท้าทายอยู่เดียวดาย หาได้เข้าไปหลบมุมให้มิดชิดยังเวิ้งอ่าวซึ่งมีแมกไม้ใบบัง
อีกด้านของเกาะเหมือนอย่างเจ้าถิ่น

“รู้สึกว่าจะมีพวกอวดดีมาเหยียบจมูกสิงห์ แต่ข้ายังไม่มีอารมณ์จัดการกับมันตอนนี้
ได้สิ่งต้องการแล้วเราก็จะกลับ” นางเลี่ยงการนองเลือด เพื่อให้เกียรติกับพวกแยกตัวเป็นอิสระ
ที่คุมเกาะอยู่ด้วยอย่างหนึ่ง

นางนำเรือเข้าจอดเทียบ ลูกเรือลำยาวดำปลอดที่ทอดสมออยู่ก่อนมีทีท่าเอะใจ
เมื่อพบคนมาโดยไม่คาดคิด ทว่าก็ไม่มีใครกล้าส่งคนมาเจรจา ด้วยเห็นสัญลักษณ์โจรสลัดเกาะสิงห์ชัดแจ้ง
ทั้งยังเสียขวัญ ร่ำๆจะเตรียมถอยเรือออกหนีด้วยซ้ำหากเห็นการเตรียมโจมตีอย่างใด
จากเรือสีเขียวทหารหม่นมืดทรงเพรียวลมที่มาใหม่

“ดูพวกมัน หดหัวเหมือนเต่าหดเข้ากระดอง เรือดำ...ไม่ระบุว่าผุดมาจากรูไหน
ขี้ขลาดเหลือทน เอาเถอะ ขึ้นฝั่ง ระหว่างที่พวกเจ้าไปตามตัวชายผู้นั้นมาตามสั่ง
ข้าจะไปลงสระมรกต อย่าให้ใครไปกวนก็แล้วกัน”

สิงหรานี...ต่อแต่นี้นั่นคือนามของนาง แม้ในอดีตจะเคยมาที่นี่หลายครั้ง
แต่ในคราวนี้การมาของนางต่างออกไป นอกจากมาชำระล้างเพิ่มพลังในการใช้อำนาจ
จากอัญมณีคู่รัตติดารา ‘หัวใจราชสีห์’ ดวงสีเขียวสว่างที่ท่านพ่อมอบให้ติดมือมา
นางยังจะล้างตัวตนเดิม เกิดใหม่ที่นี่ และกลับออกไปอย่างแข็งแกร่งกว่าผู้ใด

ทว่า ณ ที่ซึ่งไม่คิดว่าจะเจอะเจอผู้คน เมื่อนางสิงห์แหวกว่ายน้ำสีมรกตใสไปจนเข้าใกล้มุม
ที่เส้นสายของน้ำตกเบื้องบนพรั่งพรูลงมา นางกลับเห็นเป้าหมายสะดุดตา ร่างหนึ่ง...บอบบาง
สั่นเทาอยู่ใต้เส้นสายสีขาว ขณะเดียวกันก็ดูสงบนิ่งอยู่ในสมาธิทั้งสภาพนั้นอย่างน่าประหลาด
และกระแสพลังที่สัมผัสได้จากเด็กหญิงผู้นั้น คือสิ่งที่ดึงดูดนางเข้าไปหา

สิตารากำลังแผ่พลังจากอัญมณีออกไปรุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
เด็กหญิงรู้ว่าน้ำตกนี้ช่วยขยายพลังของตน ราวกับจะส่งคลื่นขับไล่ชามัลได้
มันอาจรู้ว่าเธอไม่ต้องการเขามาบงการ และตอนนี้เขาก็ไม่อยู่แถวนี้แล้ว
แต่เธอยังอยากดึงดูดกระแสพลังจากน้ำตกต่อไป

เสียงน้ำเขยื้อนไหวราวกับมีใครกำลังใกล้เข้ามา เด็กหญิงลืมตาช้าๆ
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นร่างที่ว่ายเข้ามาใกล้ จนที่สุดก็ถึงตรงพื้นหินใต้น้ำที่เหยียบถึง
เจ้าของร่างนั้นกำลังตรงดิ่งมา เข้ามาใกล้จนผงาดเหนือเธอ ผู้หญิงสาวผิวออกขาวเผือด
สวยสง่าแต่ท่าทางป่าเถื่อนอย่างร้าย ร่างเพรียวแกร่ง กล้ามเนื้อท้องเห็นเป็นรอยชัด เหนือขึ้นไป
เป็นทรวงอกอวบที่คาดไว้ด้วยผ้าแถบสีน้ำตาลออกไปทางรุ่งริ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับนั้น
ทั้งคมทั้งดุ วาดไว้ด้วยสีดำคล้ำรอบดวงตาที่ดูเหมือนจะตรึงติดอยู่แทบเป็นถาวร

ท่าทางหญิงสาวแปลกหน้าราวกับจะคุกคาม แววตาดูเหมือนได้พบสิ่งถูกใจบ่งบอกว่าสิตาราควรระวัง
แต่ไม่รู้ทำไม เด็กหญิงเองก็รู้สึกถูกชะตาคนตรงหน้า

สิงหรานีเล็งเห็น เด็กคนนี้มีดวงหน้าละม้ายเด็กสาวคนซึ่งตนเคยพบ...เมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
และถ้าเป็นอย่างที่คิดละก็ เด็กนี่จะต้องเป็นน้องสาวของใครคนนั้นไม่ผิดแน่ คิดได้ดังนั้นก็แย้มยิ้ม
อวดให้เห็นฟันมีเขี้ยวข้างหนึ่ง เป็นยิ้มที่ดูน่าสะพรึงเมื่อบวกกับสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัวเอง

“เด็กน้อย ข้าว่า...เราควรจะไปด้วยกัน เจ้าคิดเหมือนข้าไหม”


-----------------------
ทวงนิยายได้ที่เพจเฟซบุค อสิตานะคะ ^3^
ป.ล. ในฉบับตีพิมพ์จริงจะมีบทหนุงหนิงของชามัลกับสิตารามากกว่านี้ ถือว่าให้กำไรคนซื้อแล้วกันนะคะ
จริงๆฉากนอน เค้ากอดกันนอนหลับด้วยละ หุหุ แต่คนเขียนไม่สามารถเอาต้นฉบับที่ตีพิมพ์มาลงได้
เผื่อมีมือดีก๊อปไปพิมพ์จากตรงนี้จะได้รู้ว่าต่างกัน หล่อนระแวงเกินไปมะ อะนะ กันไว้ดีกว่าแก้...

ถ้าชอบใจรบกวนกดไลค์คนละจิ้ม ส่งสายตาออดอ้อนในลมหนาว



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ธ.ค. 2556, 04:39:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2556, 17:48:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< บทที่ ๙ คู่ผจญกรรม (...ต่อ) งวดนี้มีตัวะครที่จะมีผลกับเรื่องม่านทิวาพชร กับมรกตสนธยาโผล่มาทักทายกันด้วยค่ะ   บทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ (...จบบท) >>
อสิตา 20 ธ.ค. 2556, 04:40:26 น.
วันนี้เกดซ่า - จะมาทันคนแรกอีกไหมน้า คนเขียนตื่นตั้งแต่ตีหนึ่งกว่าๆ เตรียมไฟล์แล้วก็กะจะนอนต่อเลยโพสไว
ดูเหมือนเกดว่าจะตกหลุมรักตามารเข้าให้แล้วนะนี่ หุหุ ทำอะไรก็รักไปหมด
หนูยิ้ม – วันนี้พี่ก็มาแต่ไก่โห่อีกเช่นเคย หนูยิ้มจะได้อ่านก่อนไปร.ร.ไหมนะ ระวังไปสายนา
เดี๋ยวหาว่างูไส้เดือนจงอางไม่เตือน
ริญจน์ธร – ช่วงนี้นอนฉลองจนน้ำหนักลดเลย เป็นวิธีที่ใช้ได้นะเนี่ย ไม่ตื่นขึ้นมาเขมือบ หุหุ
หนอนจัง – ห้ามทำไรชาจังนะ ไหนจะถลกหนังงู ลงไม้ลงมือกะชาจังบ่อยๆแบบนี้ อยากให้จับกดก็บอกมาเถอะ
จะยั่วกันชิมิ แหม เรื่องวรรณะเป็นผีดูดเลือดหนอนจังพูดเหมือนตาเห็นเลยนะ เข้าใจตัวละครดีเยี่ยมนี่

เจ๊ดวงมาลย์ที่รัก – ตอนนี้เหลืออีกเท่าไหร่ สารภาพมาซะดีๆอ่า เจ๊ของน้องๆ ใกล้ปีใหม่แล้วนะ สู้เข้าๆๆ
บุลินทร – ท่านพชรมุนิน แค่ชื่อก็บอกนี่ห้อว่าเกี่ยวกับเรื่องไหน เราขายของเต็มที่ ฮึดช่า
คุณเลิฟหมวย – ก็เด็กมันยั่วเลยหลวมตัวบานเบอะ แต่เค้าหวงเด็กเค้าอยู่นะ...
คุณโกลเด้นซัน – ชุดอัญมณีเหนือกาล มีคอนเซปต์ อดีต(โมรา)-ปัจจุบัน(เพชร)-อนาคต(เพริดอต)
นั่นคือการบ้านของผู้เขียนแต่ละคนค่ะ แต่เพราะเป็นเล่มแรก และเป็นเล่มอดีตที่เกิดก่อน เลยจะมีที่มาของ
เพชรเม็ดนั้น และมรกตสนธยาเม็ดนั้น ที่บังเอิญเป็นหนึ่งในพลอยของจ้าวราศีเมษกับสิงห์ หนึ่งในรัตติดารา
ที่มีบทบาทสำคัญต่อเรื่องไม่น้อยเลย ส่วนอนาคตของมัชฌิม์ ยังมีเหตุผลที่อัคนิจะไม่รู้นะคะ รอดูต่อไป

คุณเมล็ดทานตะวัน – ตั้งใจอ่านอยู่ใช่ไหมคะน้องวิว เม้นแบบกรุบกริบมากนะคะ น้องทาสทำเสียสมิรึเปล่า
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ชาจัง ชาเมา ชาแมว ชื่อน่ารักกก แหม นิสัยฮีเข็นยาก ไรเตอร์ก็ต้องอวยต้องฉุด
ต้องดึงต้องเข็นเป็นธรรมดาค่ะ เป็นการท้าทายความสามารถอยู่ ก็ต้องค่อยๆปูเรื่องไป แต่เรื่องนี้ชายหนุ่ม
น่ารักน่าลุ้นก็มีให้เลือกเยอะนะคะ รอดูๆ แต่คนเขียนก็ยังรักงูตัวนี้มากมาย
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา – ว่าใครกองยางมิชลินนนน คืนนี้อยากโดนเหรอเฟอร์ เธอจะเป็นเอลล่าใครชามารไม่สนหรอกนะ
ตามารกลายร่างกลางคืนเพราะหอมกลิ่นเนื้อขาวๆของเฟอร์ตะหาก ไม่กลัวเชือกกล้วยด้วย มะม้าเชื่อว่า
พออ่านไปถึงฉากหวึยๆสะเด็ดสะแด่วของนางสิงห์ เฟอร์จะอยากทำให้ผมตัวเองฟูวแบบนั้นนะ ริษยานางมากมาย


ketza 20 ธ.ค. 2556, 06:31:20 น.
น่ารักที่ซู๊ดดด มาแต่เช้าเลย จุ๊บๆๆ


ketza 20 ธ.ค. 2556, 06:45:00 น.
อ๊ายย... ยั่วกันอีกแระ.... พิมพ์ออกมาเลยน้าา เค้าจะอ่าน เค้าจะอ่าน กอดกัน กอดกัน....
.... ท่านพี่ทิ้งน้องไปไหนอ่ะ กลับมาเลยนะ....สิงห์สาวจะแกล้งเค้า เค้ากลัว เค้ากลัว >////<
◇◇ปล. วัยรุ่นชอบพูดซ้ำสองรอบ 55..


yimyum 20 ธ.ค. 2556, 07:26:47 น.
ไอ้ย่ะ....มาแต่ไก่โห่เลย
ได้อ่านอยู่แล้วจ้าาา!!!?


lovemuay 20 ธ.ค. 2556, 07:26:58 น.
อากาศหนาวๆแบบนี้กอดกันเข้าไว้นะคะ จะได้อบอุ่น อิอิ


ริญจน์ธร 20 ธ.ค. 2556, 09:59:02 น.
พี่มิ้งค์มาเช้ามากกกกกก น้องๆตื่นไม่ทัน


ดังปัณณ์ 20 ธ.ค. 2556, 10:30:26 น.
ง่ะ! จริงง่ะ วรรณะกับนิลละเป็นผีดิบหราาาาาาาาาาาาา คุณแป้งพูดจริงๆง่ะ

ว่าแต่ชาจังกลับมาไม่เจอ หนูสิดิ เป็นเรื่อง 555+ เอาดิ งูกับสิงห์ ชาจังระวังโดนกัดพุงแตกนร้าาาาาาาา 555+

ปูลม.ชริ! จับกดอัลไล หนอนไม่ยู้ ไม่ยู้สักนี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


บุลินทร 20 ธ.ค. 2556, 14:33:04 น.
สิตาราจะไปกับนางสิงห์มั้ยนะะะะ


Zephyr 20 ธ.ค. 2556, 14:58:19 น.
อะไรหนิ ไส้เดือนตาแดง ไปไหนเรอะ
หาความสุขสำราญจาก สิ่งใด ไส้เดือนมีสองเพศในตัวเดียวน้าาาา
สามารถให้ความสุขแก่ตัวเองได้ ฮะฮ่า ไม่ต้องไปหาที่อื่นร้อกกกก คริคริ
สิต้ากำลังฝึกวิชาอย่างเมามัน นางป่อยมันแผ่เป็นคลื่น รึ ฟีโรโมน เรียกราศีละนี่
เหมือนฝึกกังฟูสินะ อุอิ
สิงหรานี มาแล้วววววววววววววววววววววว แล้วพี่รองอ่า พี่รองไปไหน


goldensun 20 ธ.ค. 2556, 20:15:23 น.
สิตารากับสิงหรานี ถูกชะตากันแบบนี้ จะไปด้วยกันรึเปล่า แล้วถ้าสิงหรานีเจอชามัล จะเกิดอะไรขึ้น
แล้ววรรณะกับนิลละ จะยอมปล่อยสิตาราหรือ


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 ธ.ค. 2556, 23:30:22 น.
อร๊ายยยๆๆๆ นิสัยงู แอบเลื้อยไปนอนข้างบนกะน้องเค้าละเซ่
เฮอะ ตาชามัวเมา นิสัยผู้ชายหื่นออกมาตลอดเลยนะ
เดี๋ยวหนูสิมีใครมาฉกตัวไปแล้วจะรู้สึก
วรรณะ กะ นิลละ จะมีบทบาทมากขึ้นอีกไหมหนอ
เรื่องนี้หนุ่มๆ เยอะจุง ป้ากระชุ่มกระชวย เอ้ยยย
555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account