โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ (...จบบท)

เสียงน้ำเขยื้อนไหวราวกับมีใครกำลังใกล้เข้ามา เด็กหญิงลืมตาช้าๆ
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นร่างที่ว่ายเข้ามาใกล้ จนที่สุดก็ถึงตรงพื้นหินใต้น้ำที่เหยียบถึง
เจ้าของร่างนั้นกำลังตรงดิ่งมา เข้ามาใกล้จนผงาดเหนือเธอ ผู้หญิงสาวผิวออกขาวเผือด
สวยสง่าแต่ท่าทางป่าเถื่อนอย่างร้าย ร่างเพรียวแกร่ง กล้ามเนื้อท้องเห็นเป็นรอยชัด เหนือขึ้นไป
เป็นทรวงอกอวบที่คาดไว้ด้วยผ้าแถบสีน้ำตาลออกไปทางรุ่งริ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับนั้น
ทั้งคมทั้งดุ วาดไว้ด้วยสีดำคล้ำรอบดวงตาที่ดูเหมือนจะตรึงติดอยู่แทบเป็นถาวร

ท่าทางหญิงสาวแปลกหน้าราวกับจะคุกคาม แววตาดูเหมือนได้พบสิ่งถูกใจบ่งบอกว่าสิตาราควรระวัง
แต่ไม่รู้ทำไม เด็กหญิงเองก็รู้สึกถูกชะตาคนตรงหน้า

สิงหรานีเล็งเห็น เด็กคนนี้มีดวงหน้าละม้ายเด็กสาวคนซึ่งตนเคยพบ...เมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
และถ้าเป็นอย่างที่คิดละก็ เด็กนี่จะต้องเป็นน้องสาวของใครคนนั้นไม่ผิดแน่ คิดได้ดังนั้นก็แย้มยิ้ม
อวดให้เห็นฟันมีเขี้ยวข้างหนึ่ง เป็นยิ้มที่ดูน่าสะพรึงเมื่อบวกกับสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัวเอง

“เด็กน้อย ข้าว่า...เราควรจะไปด้วยกัน เจ้าคิดเหมือนข้าไหม”



วรรณะและนิลละต้องผิดหวัง อันที่จริงพวกเขาต้องการมาพบชายผู้หนึ่ง
จุดหมายคือเพื่อชวนไปเป็นสหายร่วมทำการใหญ่ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
บุคคลที่ว่าถอนตัวจากกลุ่มราศีสิงห์นานแล้ว ทว่าชายที่พวกเขามาตามหากลับไม่ปรากฏ

“น่าเสียดาย ท่านผู้นั้นจากไปกับคนอีกพวกหนึ่งแล้ว” ผู้ตอบจงใจไม่ขยายความว่ากลุ่มคนของราศีสิงห์
เพิ่งมาตามตัวชายที่คู่แฝดต้องการพบคล้อยหลังไปอีกทางเมื่อเพียงไม่กี่อึดใจนี้เอง! และที่ชายคนนั้น
ยอมไป ก็เพราะสารลับจากผู้ที่จะขึ้นเป็นผู้นำราศีคนใหม่เป็นสำคัญ

วรรณะและนิลละไม่รู้ตัวว่าเพราะเสียเวลาอยู่ที่สระมรกตนานไปไม่กี่อึดใจเท่านั้นจึงพลาดสิ่งสำคัญ
ฝาแฝดที่ผิดหวังกลับไปหาสิตารากับชามัลยังสระมรกต เมื่อไม่พบผู้ใดจึงรุดไปยังหาด ยังไม่ทันถึง
ก็ได้ยินเสียงเป่าสัญญาณจากเรือดำเรียกให้ลั่นไปหมด ทั้งคู่รีบร้อนไปถึงเรือพายลำเล็กที่รออยู่

“เร็วเข้าเถิดพวกท่าน!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วเรือนั่นใคร ถ้าข้าจำไม่ผิดมันคือเรือสลัดของ...”

“ถูกแล้วท่านนิลละ คนของเกาะสิงห์มาที่นี่ ไม่เพียงเท่านั้น
นางที่ประกาศตัวเองว่าคือสิงหรานีผู้นำคนใหม่ยังเอาตัวท่านสิตาราไปแล้ว!”

“ออกเรือตาม เร่งความเร็วด่วนที่สุด!” นิลละตะโกน

“แต่ท่านชามัลหายไป” วรรณะยังพะว้าพะวง

“เขาตามมาไม่กี่อึดใจก็ทันเรา ไม่แน่อาจตามสิงหรานีอะไรนั่นไปด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ
เราต้องออกเรือตามท่านสิตาราเดี๋ยวนี้ ลืมแล้วหรือว่าเราดั้นด้นมาเพื่ออะไร”
นิลละเอ่ยเสียงต่ำ จ้องตาคู่แฝดนิ่งสงบ

“ข้าเข้าใจแล้ว แต่การจะตามพวกภูตดาราแห่งสายลมของเรือสลัดนั่นไปไม่ง่ายเลย
แทบไม่มีวี่แววจะทัน”

“พลังที่สื่อถึงน้ำของเราสองคนน่าจะพอช่วยได้” คนเคร่งขรึมกว่าเอ่ย

“แต่เรายังไม่เคยใช้พลังที่ว่าในการบังคับเรือ” วรรณะส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ
ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้วเขาเองก็เป็นคนสู้ไม่ถอยไม่แพ้คู่แฝด แต่อดไม่ได้ที่จะกังขา

“ภูตดาราดำ เข้าที่!” นิลละออกคำสั่งเสียงดัง “ไม่ลองก็ไม่รู้ คราวนี้แหละ
จะได้สู้กับโจรสลัดแห่งน่านน้ำต้องสาปพวกนั้นดูสักที”



ชามัลมองหญิงสาวสามคนที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่แทบเท้าอย่างพึงใจ
สตรีพวกนี้ใช่ว่าโดนทำร้าย ทว่ากลับสิ้นสติไปด้วยแรงปรารถนาของเขาเอง
ซึ่งบ่มกลั่นอัดอั้นมากว่ายี่สิบปี ความโหยหิวที่จะเริงรักตามครรลองของสัตว์มีชีวิต

แต่ก่อนเขาไม่ใช่พวกมักมาก ทว่าหญิงพวกนี้ผ่านเข้ามาในหนทางอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิด
ให้เพริดไปจนถึงที่สุดของเขาพอดี ช่วยไม่ได้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าร่างใหม่ของเขาจะอิ่มจะพอเมื่อใด

ชายผู้เป็นเจ้าของดวงจิตดำมืดก้าวผ่านร่างสาวชาวเกาะที่สมยอมเต็มอกเต็มใจเหล่านั้นไป
อย่างหมดความไยดี กลายร่างเป็นงูดำปลาบพุ่งข้ามป่าไปสู่สระมรกต ทว่าเมื่อไปถึง...
เด็กหญิงซึ่งตนทิ้งไว้กลับหายตัวไปเสียแล้ว!

เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าเรือที่ควรจะทอดสมอรอตนก็อันตรธานหายไปจากที่ลอยลำอยู่
นี่พวกมันคิดพาสิตาราหนีจากเขาอย่างนั้นหรือ ในระหว่างที่ชามัลปิดกั้นจิตจากเด็กนั่นเพราะ
รำคาญกระแสรบกวนประหลาดที่ส่งออกมาจากตัวอีกฝ่าย ยิ่งเฉพาะในเวลาที่ตัวเองกำลัง
หาความสุขเขาก็ตัดขาดการรับรู้อื่น หลับหูหลับตาไม่สนใจสิ่งใดนอกจากไฟแห่งดำกฤษณาตรงหน้า
จนเมื่อมันมอดดับ มารู้ตัวก็สายไป

งูดำทะมึนทะยานไปเหนือเกลียวคลื่น เป็นครู่ใหญ่จึงโจนพรึ่บลงถึงดาดฟ้าเรือดำ
เลื้อยปราดไปยังหัวเรือที่นิลละและวรรณะหันมาตกตะลึง ก่อนจะผงาดขึ้นสูงกว่าศีรษะ
ของเด็กหนุ่มแฝด แผ่แม่เบี้ยคุกคาม ดวงตาเป็นสีแดงฉานยิ่งกว่าถ่านร้อนในนรก

“สิตาราอยู่ไหน! ไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าหรือไง”

“พวกข้าก็คิดว่าท่านสิตาราอาจไปกับท่านบนเรืออีกลำ นี่แปลว่าท่านทิ้งนางไปจากสระมรกตสินะ
มัวไปทำอะไรอยู่!”

“จะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า...” อสรพิษคำราม ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นจนแทบอดรนทนไม่ได้
“ข้าจะไปให้ถึงตัวเด็กนั่นก่อน พวกเจ้าถ้ามีปัญญาเร่งตามมาให้ทันก็แล้วกัน!”



บนเรือซึ่งมีนามว่า‘ลมกรด’ เหล่าภูตดาราแห่งสายลมในชุดเขียวหม่นอมเทาอย่างสีทหาร
ยืนเรียงรายสื่อกระแสจิตสู่พระพาย บังคับให้ลมพาเรือแฉลบแล่นฉิวตัดคลื่นไปได้อย่างไม่สะดุด
เวทลมขั้นสูงคือเคล็ดลับความว่องไวเป็นเจ้าทะเลของโจรสลัดกลุ่มราศีสิงห์ตลอดมา

ที่กลางเรือ เวลานี้สิงหรานีที่กำลังคุยกับเด็กหญิงอยู่อย่างเห็นเป็นสนุก
ภาษาลับของรัตติดาราเชื่อมโยงทั้งคู่ถึงกัน
“ข้าพูดไทยได้นะ ข้ามีเชื้อไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นพม่าปนกับแขกขาว
ถ้าเผื่อว่าเด็กอย่างเจ้าอยากจะรู้ บ้านแม่ข้าอยู่ที่เมืองตราด ไม่อยากจะคุย ต้นตระกูลเป็น
เจ้าเมืองเสียด้วย เสียแต่ว่าข้าดันชอบมาทางข้างพ่อที่เป็นโจร” คนพูดว่าแล้วก็หัวเราะดังลั่น

“ข้าเคยไปอยู่ที่ตราดพักหนึ่ง เป็นเมืองที่น่าอยู่มากถ้าไม่มีใครมาตามราวีจนต้องหนีก็คงอยู่ที่นั่น
ไปอีกนาน พี่สาวเป็นลูกครึ่งนี่เอง ถึงได้สวยแปลกตา ถึงดูเผินๆจะบ้าไปหน่อย”
สิตาราตอบโผงผางไม่ต่างกัน

“เออ เจ้านี่ก็เป็นเด็กที่กวนโทโสแต่น่ารักดี เหมือนข้าตอนเด็กๆอยู่เชียวละ”
คนพูดยื่นมือขาวแต่กร้านไปยีผมบนศีรษะเล็กๆ หมายเปลี่ยนคนตรงหน้าให้เป็นสิงโต
ที่ผงาดเหนือตัวผู้เหมือนตน

สิตาราหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ผมแห้งหมาดแล้วก็ค่อยๆฟูขึ้นมาเหมือนสิงโตสมชื่อสิงหรานี
ดูเป็นพวกมีวิชาแข็งแกร่งทั้งกำลังและอาคม แต่จะเอาชนะชามัลได้หรือเปล่า... ไม่ทันไรที่คิดดังนั้น
เจ้าของร่างเล็กก็เริ่มรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดจนโมราระอุขึ้น

“ดีใจที่ได้พบเจ้า ...ครั้งหนึ่งข้าเคยรู้จักคนที่หน้าตาเหมือนอย่างนี้”

สิตาราไม่ได้ยินคำพูดเข้าหู เพราะความรู้สึกกระตุกวูบแรงยิ่งปะทุขึ้นที่โมรา
ราวกับเลือดในอกของเธอจะพุ่งออกมาจากมัน
จนสตรีเจ้าของเรือก็พลันรู้สึกเมื่อเห็นเด็กหญิงนิ่วหน้า

“เป็นอะไร”

“งูจงอาง เขา...กำลังตามมา เขาโกรธมาก และตอนนี้ก็กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
เด็กหญิงกุมขมับ เกือบจะทรุดลงกองกับพื้น ขณะที่มือแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้กร้าวกระด้าง
กับทุกคนแต่ดูเหมือนจะชอบเธอเป็นพิเศษจับแขนสิตาราให้ทรงตัวยืนอยู่ได้

“เฮ้ย นังหนู ไม่ต้องกลัวไป เรากำลังจะถึงฝั่งตะนาวศรีอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว แผ่นดินอยู่อีกนิดเดียว
ถ้าตามไปทันกันที่นั่น อย่างน้อยมันก็จะได้ไปสู้กับข้าบนบก”

เรือลมกรดยิ่งเร่งความเร็วให้พุ่งไปข้างหน้าแรงและเร็วขึ้นอีก
ทั้งกำลังของภูติแห่งรัตติดาราสิงห์ที่เชี่ยวชาญเวทสายลม รวมกับ
แรงเครื่องยนต์ทันสมัยที่สุดของยุคนั้นช่วยส่ง พวกเขาผ่านหมู่เกาะเล็กเกาะน้อย
ใช้พวกมันกำบังลัดเลาะหลบหนีด้วยความชาญทะเลแถบนี้กว่าเรือของผู้ติดตาม

ทว่าขณะไปถึงและกำลังทยอยขึ้นบกนั้นเอง ทั้งสิตาราและสิงหรานีที่กำลังก้าวขึ้นไป
ตั้งหลักบนฝั่งก็ต้องตกตะลึงกับเสียงโครมใหญ่ที่อัดปะทะเรือลมกรดซึ่งลอยลำทอดสมอทิ้งไว้เบื้องหลัง

เมื่อหันมองกลับไป! ภาพที่ปะทะสายตาคือเงาร่างยาวๆสีดำคล้ายกลุ่มควัน
เคลื่อนไหวเร็วจนจับตาแทบไม่ทันกำลังพุ่งเข้าทะลวงลำเรือครั้งแล้วครั้งอีก
เจาะชอนไชเหมือนหนอนทำลายลูกแอ๊ปเปิ้ล ต่างตรงที่เป็นเรือเดินทะเลลำย่อม
ทั้งเศษโลหะและเศษไม้กระจายว่อน ก่อนจะมีเสียงลั่นครึ่ก แล้วเรือที่ทอดสมอ
อยู่ไม่ไกลฝั่งก็เริ่มเอียง ลูกเรือร้องเอ็ดตะโรกันยกใหญ่

“บัดซบเอ๊ย! มันทำลายเรือเราจนได้ นิสัยกัดไม่ปล่อยเหมือนจงอาง!”
นอกจากลูกเรือ ใจคนพูดยังห่วงคนพิเศษที่ตนเพิ่งพามาจากเกาะมรกต
เพราะตอนนี้คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมจะประมือกับใคร

“ชามัลเป็นพวกพยาบาท...” สิตารามองภาพนั้นด้วยแววตารู้สึกผิด
คล้ายเธอรู้อยู่แล้วว่าอาจเกิดเรื่องแบบนี้ แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆกลับรู้สึกแย่กว่าที่คิด
บางทีเขาคงไม่ได้ตามมาเพราะเขาเห็นค่าเธอ แต่เป็นโมรารัตติกาลต่างหาก
“บีบรัด ดักหน้าดักหลังศัตรูไว้ทุกทางเพื่อให้ตัวเองชนะ นั่นแหละผู้ชายชื่อชามัล”

สิตารายอมมาด้วยอย่างหนึ่งเพราะถูกชะตาสิงหรานี เพราะรู้ว่าขัดขืนหญิงกล้าแกร่งผู้นี้ไม่ได้
และบางทีก็อยากจะลองหนีไปจากชามัล แต่อีกใจก็รู้ คนอย่างนั้นต้องมาตามตนกลับไปแน่
ก็แค่อยากจะแก้เผ็ดเรื่องที่บังคับให้เธอแช่น้ำ ทั้งเรื่องที่เคยเป็นงูมารัด และเรื่องก่อนหน้านั้นอีกสารพัด

มันกำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนถึงความโกรธระดับนี้ของผู้รับใช้แห่งโมรา!
ข้างฝ่ายโจรสลัดก็คงไม่น้อยหน้า ยิ่งเรือโดนทำลายสิงหรานีคงไม่ยอมลดรา... บางทีถ้าสิตาราหนีไปเสีย
อาจเบี่ยงเบนความสนใจไปได้บ้าง อย่างน้อยชามัลจะได้มุ่งเป้ามายังเธอก่อนจะทันฆ่าใคร

ฉวยจังหวะที่นางสิงห์กำลังตะเบ็งเสียงเอะอะสั่งการลูกเรือที่เรียกหาแต่ชื่อ‘สิงหรานี’กันเซ็งแซ่
ร่างเล็กพรวดพราดหนีจากหาดทราย หวังจะพรางกายยังป่าละเมาะที่เห็นอยู่ทั่วไปแถบนั้น
ทว่าสายตาของนางสิงห์ผู้ดุดันกลับไวเหลือเชื่อตวัดมาเห็นเข้าจนได้ ร่างสูงเพรียวพุ่งเข้าหาสิตารา
คว้าแขนเอาไว้ด้วยมือเหนียวหนับ
“จะหนีไปไหน! เจ้าต้องอยู่กับข้า” หญิงสาวคำราม

“ปล่อยเถอะพี่สาว ถ้าเอาตัวข้าไว้พวกพี่จะเดือดร้อนนะ” สิตาราตอบอีกฝ่ายไปด้วยความห่วงใยมากกว่าอื่น

สิงหรานีไม่ได้หยุดฟังสิตารา แต่ต้องหันกลับไปมองต้นตอเสียงร้องโหยหวนซึ่งดังขึ้นใกล้ตัว
เลือดสดๆสาดเข้าตานางเต็มๆ เมื่อคนสนิทที่ยืนขวางอยู่แถวนั้นถูกร่างของงูพุ่งทะลุทรวงอกล้มลงขาดใจ
ทั้งเงาดำที่ทะลวงร่างนั้นยังอัดกระแทกลงทรายกระจุยขึ้นมาเต็มเหนี่ยว ปรากฏเป็นร่างชายสูงสง่า
ในชุดเกราะเกล็ดมันปลาบดำวาวน่าเกรงขาม ทั้งเข็มขัดข้อรัดทั้งตัวแลเหมือนครึ่งคนครึ่งอสรพิษ
สิตาราไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ ปกติชามัลมักแต่งกายให้กลมกลืนกับคนยุคนี้ที่ผ่านพบ
ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาพร้อมจะสู้อย่างไม่ออมมือ ทั้งที่ยังยืนเท้าสะเอวข้างหนึ่งในท่ารบกวนอารมณ์
ชาวบ้านซึ่งเป็นของถนัด ทว่าความแข็งกร้าวชัดเจนในดวงตานั้นทำให้บรรยากาศแปรไปโดยสิ้นเชิง

สิงหรานีคุมแค้นหนัก มองไปรอบๆยังเห็นอีกหลายศพบนหาดในสภาพไม่ต่างกัน
“ไอ้งูห่านรก แกเป็นใคร กล้าดียังไง!”

“โจรสลัดหนึ่งในรัตติดาราสินะ ข้าได้ยินลูกน้องเรียกหานามเจ้านายมันก่อนตาย”
ชามัลทำหน้ากวนอารมณ์แต่แววตาแข็งกร้าว จงใจราดน้ำมันลงบนไฟแค้นที่พลุ่งแรงอยู่แล้ว
ของผู้ซึ่งเห็นลูกน้องถูกเข่นฆ่าจนเลือดกระเซ็นเข้านัยน์ตาอย่างจัง “...ไม่เห็นจะต้องไว้ผม
ให้เข้ากับราศีขนาดนั้นเลยนี่” อสรพิษผู้มาเยือนเอ่ยเหยียดหยาม “ข้าชามัล เมห์ฮรา...รู้จักไหม
เมห์ฮรา ตระกูลแห่งแสงสว่างที่รัตติดาราเกลียดนักหนา” ชามัลกระซิบบอกเรื่องที่มาแห่งตน
ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ปรายตามองซากศพเกลื่อนกลาด แล้วหันมาพูดต่อ
“อย่าโทษที่ข้าเอาชีวิตคนของเจ้าเลยนะ ต้องโทษที่ตัวเจ้าบังอาจแตะต้องสมบัติของข้า
โทษตัวเองเถอะที่ทำให้มดปลวกพวกนี้ต้องตาย”

เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดเผยที่มาของตนต่อคน เรื่องที่แม้แต่วรรณะหรือนิลละก็ยังไม่เคยแม้แต่
รู้ระแคะระคาย หนึ่งเพราะอยากยั่วคู่ต่อสู้ ด้วยเล็งเห็นสตรีตรงหน้าคู่ควรจะประมือ สอง
จะมีอะไรดีไปกว่าทำให้มีคนแค้นเมห์ฮราเพิ่มขึ้นอีก

“อ่อ ไอ้พวกตระกูลเวรที่ทำเป็นใช้แสงสว่างสั่วๆช่วยพยุงโลก พลังหยั่งรู้! เฮอะ
แต่ที่แท้ก็แค่ชอบหาประโยชน์ใส่ตัว”

“ขอบคุณที่ชม ถ้าข้าได้เป็นหัวหน้าเมื่อไหร่ข้าจะเปลี่ยนมันเป็นตระกูลผู้หาผลประโยชน์
อย่างเป็นทางการเสียเลย พวกโง่ทั้งหลายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตีความ”

ชามัลหรี่ตาพินิจ แม้อีกฝ่ายทาตาดำ คิ้วหนาเข้มเรียงตัวรกไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิง
เขาก็ยังเล็งเห็นความงามคมเฉียบ...แต่ถึงจะสวยแค่ไหนก็ไร้ค่า ผู้ที่กล้าสำรากใส่หน้า
ทั้งขโมยของที่เป็นของเขา แค่ข้อเดียวก็เพียงพอจะทำให้เอามันถึงตายคามือได้แล้ว
ไม่ต้องตริตรองให้เสียเวลา ยังไม่รวมถึงด่าทอโคตรเหง้าตระกูล ที่แม้เขาคิดทำลาย...
แต่ต้องเป็นการทำลายด้วยการอุทิศกำลังและเลือดเนื้ออย่างสมเกียรติ
ไม่ใช่ปากหญิงไร้อารยะไม่รู้หัวนอนปลายตีน

“มาเดินเล่นอะไรที่นี่สิตารา” ชามัลเอ่ยข้ามหัวของสตรีที่ขวางหน้า “ช่วยยืนยันหน่อยซิ
เธอรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงที่ทำท่าเหมือนคนบ้าตรงหน้าฉันนี่ใคร พูด...ถ้าไม่อยากให้มีคนตายมากไปกว่านี้”

“สิงหรานี ผู้ครองราศีสิงห์” สิตาราพูดรัวเร็ว แน่ใจว่าชามัลไม่คิดเมตตาคนพวกนี้
แต่ก็ร้อนๆหนาวๆ ไม่อยากจะให้เขาโกรธขึ้นไปอีก ความโกรธของทาสรับใช้แห่งโมรายามนี้
ทำเอาเธอที่เป็นเจ้าของพลอยตัวสั่นใจสั่นไปด้วย แข้งขาก็อ่อนแรง “พอเถอะอย่าฆ่าใครอีกเลย
ฉันจะกลับไปกับชามัล”

“นังหนู! ใครบอกว่าจะให้เจ้าไป มาสู้กับข้าตัวต่อตัวดีกว่าชามัล ใครชนะได้เด็กนี่ไป”
สิงหรานีตวาดกร้าวพลางชักดาบยาวปลายบานเหมือนพร้าตัดปลายที่เหน็บหลังไว้ออกมา
ชี้หน้าคู่ต่อสู้ สิตาราเห็นโดยตลอดถึงลวดลายอักขระสีเงินลงยาดำขลังสะท้อนรับแสงปลาบ
ไล่ไปตามคมตั้งแต่โคนถึงปลายดาบ ไม่ใช่ภาษารัตติดารา แต่คงจะเป็นคำพม่าซึ่งดูเหมือนเป็น
พื้นเพของพวกที่มาจากเกาะสิงห์

ชามัลยิ้มเยาะโดยนัยน์ตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย วูบหนึ่งสิตาราคล้ายเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่
แล้วเขี้ยวนั้นก็อันตรธานหาย เมื่อร่างที่ปักหลักกางมือออกทั้งสองข้าง พลันปรากฏเป็นดาบสั้น
สองมือสีขาววับทรงโง้งไม่ต่างจากเขี้ยวงู และถ้าสายตาของเด็กหญิงมองไม่ผิด
ที่สันซึ่งหันออกหาศัตรูดูเหมือนจะมีรางปล่อยน้ำพิษยาวลงมาตลอดแนว
เรียกได้ว่าเฉือนโดนตรงไหนก็คงจะติดพิษตรงนั้น

“พี่สาว ระวังดาบเขี้ยวนั่นให้ดี มันมีพิษ” เด็กหญิงเตือน ถึงอย่างไรก็ยังไม่อยากให้หญิงสาวเท่ๆ
ตรงหน้าตนต้องมาตายง่ายดาย แต่ดูเหมือนตอนนี้ผู้ครองราศีสิงห์จะโกรธหนักยิ่งกว่าชามัลเสียอีก
ค่าที่เลือดของคนสนิทยังไหลอาบหน้า หญิงสาวใช้หลังมือปาดความเปียกชื้นและความอัปยศ
บนหน้าดุดันทิ้ง ถ่มน้ำลายลงพื้นทราย ก่อนจะโยนดาบปลายตัดหนาหนักขึ้นแล้วรับไว้ ควงรวดเร็วราวจักรผัน

ชามัลแสยะยิ้ม เขามีพลังความร้อนที่ผลักดันลมได้บางส่วน แต่ผู้หญิงคนนี้ใช้วิชาลมโดยตรง
ถึงได้ควงดาบหนักๆได้ราวกับมันไม่มีน้ำหนักอย่างนั้น อสรพิษไม่รอให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งตัว
ร่างในชุดดำสนิทกรากเข้าใส่สตรีที่ยืนคอยทันที

สิงหรานีปล่อยมือจากแขนของสิตาราเพื่อตั้งหลัก จังหวะนั้นเองเด็กหญิงจึงดีดตัวหนีห่าง
แต่ยังไม่อาจละสายตาจากภาพชวนหวาดเสียว เมื่อเงาดำของชามัลเร็วรี่พุ่งเข้าใส่ ข้างพี่สาวสุดโหด
ก็หันดาบเล่มยาวเข้ารับคมดาบเขี้ยวได้ว่องไวเป็นสามารถ แต่สุดท้าย...ชามัลก็ไวกว่าอยู่ดี

หัวหน้าแห่งพวกสิงห์ถูกกระแทกแรงจนเสียหลัก แต่จังหวะที่ร่างกระเด็นไป
คมดาบยาวกลับตวัดฉับเข้าหาต้นแขนของชามัล เลือดดำคล้ำสาดกระจาย
ตกต้องลงบนพื้นทรายกลายเป็นควันฉ่าพวยพุ่ง

คู่ต่อสู้ผละจากกันชั่วขณะ อสรพิษหนุ่มไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากมายไปกว่าหลากใจ
ดาบเล่มนั้นของผู้หญิงราศีสิงห์ตัดผ่านเกล็ดทะลุถึงเนื้อเขาได้ แบบนี้เรียกว่าคงจะมี‘ของดี’
ระดับตำนานอยู่กับตัวเป็นแน่ เขาก็แค่ขาดการระวัง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตนถึงเลือดตก
คราวนี้คงต้องเอาจริงเสียที

สิตาราตกใจที่ชามัลเลือดออก โลหิตดำข้นไหลอาบพื้นทรายกระหย่อมใหญ่
แต่ท่าทางเขาไม่ได้เจ็บปวด เธอจึงเบนสายตามายังพี่สาวที่ค่อยๆใช้ดาบยันตัวขึ้น
ทว่าเลือดสีแดงไหลออกจมูกทั้งสองข้าง บอกให้รู้ว่าภายในตัวคงกำลังบอบช้ำเพราะ
แรงโจมตีจากอสรพิษร้ายร่างคน เด็กหญิงคิดว่าจะมีใครเอ่ยอะไร แต่เปล่าเลย
รอบกายของชามัลเริ่มมีกลุ่มควันดำกระจายตัวคลุ้ง แล้วสิตาราก็เห็น!
เงาหัวแผ่พังพานมหึมากับตาสีแดงนั่นผงาดขึ้น

ลูกเรือที่ดูการประลองตัวต่อตัวอยู่พากันแตกตื่น แต่สิงหรานีคำรามกร้าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
พลางยกดาบขึ้นชี้ไปยังศัตรู ปากพึมพำคาถาบางอย่าง ก่อเกิดลมฟ้ากระโชกแรงพัดมาทันใด

สิตาราส่ายหน้าดิกก่อนตะโกนออกไป “อย่า---!” เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครหยุดฟัง
นี่มันก็แค่เสียงของเด็กอ่อนแอ แต่ถ้าเธอไม่ช่วย สิงหรานีจะต้องตายแน่ในคราวนี้

เด็กหญิงยกมือขึ้นแตะโมรา ระลึกถึงคำบังคับควบคุมพลังอำนาจของอัญมณีที่มิตรสอนให้จนขึ้นใจ
กับความรู้สึกเป็นสมาธิยามเมื่ออยู่กลางสระวันนี้ แล้วเพ่งกระแสแห่งใจทั้งหมดพุ่งตรงไปข้างหน้า
เพื่อหยุดชามัล!

งูยักษ์ที่กำลังส่ายเงาน่าสะพรึ่งเป็นจังหวะเตรียมโจมตีเหยื่อหยุดชะงัก...
รู้สึกเหมือนเลือดในกายกำลังร้อนขึ้นๆ แรงบีบที่จุดขึ้นมาพร้อมอำนาจสั่งโดยตรงจากโมรารัตติกาล

“หยุดเดี๋ยวนี่นะชามัล ฉันสั่งให้หยุด!” สิตาราตะโกนออกไปด้วยเสียงอ่อนล้า
แต่อาจเป็นเพราะน้ำตก ทำให้ใจเธอแข็งแรง ความคิดพุ่งตรงไปยังจุดเดียวยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยเป็น
แล้วภาพที่เกิดก็ทำให้ตกตะลึง เมื่องูดำบิดพราดคล้ายโดนตีขนดหาง ก่อนจะกลับร่างเป็นชามัล
คุกเข่าหอบหายใจอยู่กับพื้น เงยขึ้นมองคนตัวเล็กด้วยตาแดงฉานกราดเกรี้ยวราวกับอยากฆ่าเธอเสียแทน

“สิตารา!”

“แบบนี้เอง เด็กนั่นควบคุมแกได้” สิงหรานีร้องเสียงดัง

ชามัลทรงกายเหยียดยืนสง่า ขณะที่สิตาราตกประหม่ากับเสียงขู่ของเขา
อสรพิษร้ายเบนขวับกลับไปทางนางสิงห์ คู่ต่อสู้ประสานตากันอีกครั้ง
และกำลังจะพุ่งเข้าใส่กันในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า
ถ้าเสียงเย็นเรียบขรึมเสียงหนึ่งไม่แทรกขึ้น

“อย่ามาสู้กันต่อหน้าข้า รัตติดาราด้วยกันจะฟาดฟันกันไปไย...
ทางที่ดีควรให้ราศีที่สิบสามตัดสินใจไปเลยดีกว่า จะเลือกอยู่กับใคร”

ทั้งหมดมองไปยังต้นเสียง...ชายอายุราวสามสิบปลาย ดูสูงสง่าในชุดเทาเรียบๆราวกับบาทหลวง
ที่ชั้นเชิงผ้ายาวระขานั้นเป็นลายไทยอ่อนบางเห็นจางๆในเนื้อผ้า กับทรงผมตั้งๆไม่ยาวนักที่ชามัลรู้สึกว่า
ออกจะดูผิดยุคกว่าคนโบราณแถวนี้ไปมาก ถ้าไม่รวมนางสิงห์คลั่งตรงหน้าเขานี่เสียคน

“ตุลาการ!” นางผู้เป็นจ้าวราศีสิงห์อุทาน

“รู้จักข้าก็ดีแล้ว แต่ไม่ต้องแนะนำตัวหรอกนะ เพราะข้าได้ยินหมดแล้วว่าพวกเจ้าเป็นใคร”

ชามัลยิ้มมุมปาก ไม่เลวเลย คนมาใหม่นี้คงมีพลังปิดตาสูงยิ่ง จึงอำพรางการมีตัวตน
ทั้งที่อยู่ใกล้เพียงในป่าละเมาะไว้จากตาที่สามของคนอย่างเขาได้ แต่คงเพราะเป้าหมาย
ของเขามุ่งอยู่ที่การมาเอาตัวสิตาราคืนจากสตรีบ้าคลั่งมากกว่าอื่น ดูจากคำเรียกขาน
ของสิงหรานีบวกกับข้อมูลที่รู้มาจากวรรณะ เขาก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมาจากราศีไหน
พวกดาวตราชั่ง...ราศีตุลย์ มีหน้าที่ไกล่เกลี่ยรักษายุติธรรมในรัตติดารา

“ก็นับว่าทำหน้าที่ได้ดี โผล่หัวมาได้จังหวะ” อสรพิษเอ่ยยิ้มๆ

สิงหรานีส่ายหน้า พลางใช้นิ้วปาดเลือดจากจมูกที่ไหลเข้าปากทิ้ง
“เรากำลังตกลงกันด้วยการต่อสู้ อย่าสะเออะมาแทรกหน่อยเลย”

“ข้าบอกตอนไหนว่าจะตกลงกับเจ้า” ชามัลเอ่ยขำๆ “เด็กนี่เป็นของข้าแต่แรก
ยังไงก็ไม่พ้นมือ แล้วก็ไม่ต้องรอให้ใครช่วยไกล่เกลี่ยอะไรข้าก็ชนะใสๆ”

สิ้นคำชามัล ทั้งสองคนก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้าโรมรันกันอีกรอบ

“พอแค่นี้แหละ! ฉันจะกลับไปกับชามัล” เสียงตัดบทจากคนตัวเล็กดังขัดจังหวะ
...ที่เลือกแบบนี้ เหตุผลแรก จะต้องมีคนตายอีกแน่ ไม่ใช่ตัวสิงหรานีก็คงเป็นพวกภูตดาราแห่งสายลม
ที่เป็นลูกน้อง ถึงเธอจะยอมตามมาเอง แต่ตอนนี้เกมเลือดสมควรจะจบลงได้แล้ว สิตาราไม่อยากเห็นเลือดอีกเลย

“ไปสิ ไว้สะสางความผิดของเธอกันทีหลัง ได้ฆ่าโจรไปมากพอดู...ค่อยหายโกรธ
ที่เหลือฝากด้วยก็แล้วกัน ตุลาการ”

ชามัลแปรเปลี่ยนเป็นงูยักษ์อีกครา เลื้อยพรวดเหมือนควันดำเข้าหาสิตารา
หมายจะกระชากให้โลดลิ่วกลับไปยังเรือดำที่ยังอยู่นอกอ่าวด้วยกัน ทว่านางสิงห์ที่ไวราวลมกรด
ยังคิดพุ่งตามไม่ชักช้า ติดก็แต่ผู้มาใหม่ปรี่เข้าขวางกั้นทันท่วงทีด้วยจักรคมกริบขนาดใหญ่ที่เดิม
ซ่อนไว้ตรงแผ่นหลัง

“ถ้าอยากระราน สู้กับข้าแทนนี่...สิงหรานี”

“ถุย! ตุลาการจุ้นจ้านเหมือนที่ได้ยินไม่มีผิด ไม่ต้องมาทำเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
เจ้าก็แค่เข้าข้างพวกพิจิก อยากให้แม่ชีดำได้ตัวเด็กไป” หญิงสาวสบถอย่างไม่เชื่อถือ

“ก็ใช่ ในเมื่อราศีที่สิบสามจะทำให้ความแตกร้าวสงบลง
แล้วทำไมข้าต้องเข้าข้างโจรที่มองเพียงประโยชน์ของตัว”

ตาคมดุของนางสิงห์มองข้ามไหล่ชายที่มาขวางไปยังโพ้นทะเล
เห็นสิ่งมีชีวิตเลื้อยคลานนั่นกำลังพาเหยื่อของตนไกลออกไปทุกที
เรือลมกรดก็พังเสียหายต้องซ่อมแซม หมดหนทางจะติดตาม... วันนี้นางแพ้
แต่มันเป็นแค่วันแรกของการต่อสู้ที่นางสิงห์จะไม่ลืม

ตุลาการผู้นี้คงแทบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างูร้ายนั่นสักกี่มากน้อย นางไม่กลัว
แต่ยังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการอีกมากนัก “เอาเถอะ ข้ายังไม่อยากลงมือกับตุลาการในตอนนี้
แต่ขอให้จำไว้ เรื่องทุกอย่างสิงหรานีคนนี้ไม่มีวันลืม!”

เมื่อพวกสลัดกลุ่มสิงห์ถอยห่างออกไปจัดการกับเรือและคนเจ็บคนตาย ได้เวลาที่ตุลาการ
จะผละจาก ณ ป่าละเมาะนั้นมีร่างบอบบางน่าถนอมร่างหนึ่งรอคอยเขาอยู่
พร้อมสายตาหนักใจที่ส่งมาให้เหมือนเคย

“พี่ชายเสี่ยงมากที่ออกไปคนเดียว ทำไมไม่เอามณีสีรุ้งติดตัวไปด้วยคะ
มาฝากไว้กับน้องอยู่แบบนี้” สาวน้อยผมบ๊อบจัดลอนหยักแนบศีรษะตามสมัยนิยม
อย่างชาวพระนครขยับลุกยืน แบมือเรียวออก เห็นสร้อยเส้นยาวห้อยเม็ดจี้โอปอล
รูปไข่สีทองอ่อนๆ ทอประกายรุ้งพร่างพรายยิ่งกว่าโอปอลเม็ดใด

ตุลาการมองน้องน้อยวัยแรกผลิที่อ่อนกว่าเขามากอย่างเอื้อเอ็นดู “เก็บไว้กับน้องละดีแล้ว รตี...
เพราะพี่จะรักษาความเป็นตุลาการไว้ได้ในระดับพอดีๆก็ต่อเมื่อไม่มีอำนาจมากนัก หากมีสิ่งที่
ทำให้พลังอำนาจเพิ่มมาพี่อาจคลั่งเลือด น้องเองก็รู้ดี”



วรรณะกับนิลละยินดีเป็นอันมากที่สิตาราและชามัลกลับถึงเรือดำที่เร่งแล่นติดตามมาถึง
ระยะขนาดนี้ใกล้จนเห็นเรือลมกรดเอียงกะเท่เร่สภาพยับเยิน เรือดำรีบตีลำหันหัวลงใต้
เตรียมขึ้นฝั่งในที่ห่างออกไปจากจุดที่สิงหรานีและตุลาการอยู่

“เดิมทีเราตั้งใจจะขึ้นฝั่งพม่าแล้วตัดไปขึ้นเรือลำใหม่ที่มารอแถวบางสะพานอยู่แล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ขึ้นฝั่งเยื้องไปสักหน่อยแล้วเดินทางตัดแผ่นดินตรงไปได้เลย”

“ดี ยังไงสิงหรานีกับพวกราศีตุลย์ที่มาใหม่ก็คงไม่ว่างตามเราตอนนี้ พวกเจ้าก็แล่นเรือไปให้ถึงเร็วๆ
ส่วนข้ามีเรื่องต้องคุยกับเด็กในปกครอง”

ชามัลผลักสิตาราที่เงียบกริบเข้าไปในห้องส่วนตัวแคบๆที่มีเตียงสองชั้น
ก่อนจะเริ่มด้วยน้ำเสียงคุกคาม
“พยายามทำอะไร... ไอ้ที่เธอทำตอนฉันกำลังสู้นั่น มันฆ่าฉันได้เลยนะ
ต่อหน้าผู้หญิงที่มีดาบแบบนั้น”

สิตารามองแผลที่แขนซึ่งอีกฝ่ายหันให้ดูจะๆ ยังเห็นเลือดสีดำไหลซึมเป็นคราบกรัง
“หรือว่าการทำลายฉัน นั่นคือจุดประสงค์ของเธอ” ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำอย่างเดือดดาลถึงที่สุด
“นางโจรพรรค์นั้น มันพิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วหรือไงว่ามันพร้อมจะให้สิ่งที่ดีกว่า
ไม่นึกเลยว่าเด็กอย่างเธอจะทำได้ถึงขนาดนี้” คราวนี้ชามัลไม่พูดเปล่า
ยังเข้ามาจับสิตาราเขย่าแรงด้วยสองมือจนหัวสั่นหัวคลอน

“หยุดนะ!” เด็กหญิงดิ้นสะบัด ไม่เพียงเท่านั้นยังร้องไห้ออกมา “ก็ตัวเองอยากฆ่าคนมากมายทำไม”

“ฆ่าโจรมันผิดด้วยเรอะ อย่ากล้าดีมาพูดเหมือนอยู่ๆฉันไปรังแกพวกมันก่อน” ชามัลเริ่มหัวเสียมากขึ้นเรื่อยๆ

“พวกนั้นแค่ทำตามคำสั่ง ไม่ลองคิดว่าคนที่ตายเป็นญาติพี่น้องตัวเองล่ะ ฆ่าคนเป็นเบือ
เลวไม่มีที่เปรียบ ฉันเกลียดชามัลที่สุด!” สิตารารู้ดีว่าที่ผ่านมาเธอชอบเขา ไม่ได้เกลียด
อย่างที่ร้องปาวๆ แต่ตอนนี้ก็ชักจะอยากเกลียดเสียจริงๆ

ชายหนุ่มผู้ซ่อนร่างอสรพิษคลายมือจากเด็กหญิงที่ร้องไห้ไม่หยุด หรี่ตามองเธอ
อย่างสมเพชระคนชิงชัง “ท่าทางเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้เสียแล้ว ขืนอยู่กันไปฉันคงต้องฆ่าเธอด้วย
ให้คิดว่าคนตายเป็นญาติพี่น้องเรอะ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ เธอคงลืมไปแล้วละมัง ว่าฉันอยากจะ
ขุดรากถอนโคนไอ้พวกญาติพี่น้องเมห์ฮรากเฬวรากของฉันแค่ไหน”

สิตารามองคนพูดอย่างทดท้อ นั่นสินะ ไม่น่าลืมเลยว่าเขามีแต่ความคิดจะทำลาย
ทว่าที่จริงชามัลไม่ได้ใส่ใจเกลียดชังใครในตระกูลเป็นพิเศษ เขาแค่แค้นที่เมื่ออัคนิกลับมา
ก็มีแต่คนพลอยยินดี ไม่มีแม้ใครสักคนที่เสียเวลาจัดงานศพให้เขาด้วยซ้ำ!

ชามัลปล่อยให้หน้าที่ดูแลเด็กหญิงตกเป็นของคู่แฝด อสรพิษในคราบชายหนุ่มยังคง
ซ่อนความโกรธอันเดือดพล่านไว้ตลอดเวลาที่พวกเขาขึ้นบกและเดินทางตัดป่าแดนพม่า
เข้าสู่แผ่นดินสยาม จนล่วงเข้าเขตบางสะพาน บริเวณที่นัดหมายกับเรือไว้อยู่ใกล้บ่อทองหลาง
หาดเล็กๆในส่วนของแผ่นดินที่ยื่นออกสู่ทะเล

ทว่า...ใกล้กับเรือนั้น มีใครบางคนที่ทำให้ชามัลแทบลืมความเกรี้ยวกราดลงไปได้ชั่วขณะ
เป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาอดีตอันไกลแสนไกลเกินใครจะติดตามมา

“พรต! ทำไมถึงมาอยู่นี่” อสรพิษเขม้นมองอดีตคนสนิทที่แต่งกายกลมกลืนไปกับชาวเรือ
พรตซึ่งอยู่ในวัยกลางคนดูทรุดโทรมและเหนื่อยล้าลงไปมาก แต่มีบางอย่างในแววตาที่
สดใสกระจ่างจนชวนให้สะท้อนใจ

“ท่านชามัล” พรตทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “ชนะทัศน์บอกไว้ว่าผมมีโอกาสเพียงหนเดียว
ที่จะมาดักรอเจอท่าน หากว่าข้ามมายังอดีต ผมเลยเดินทางมาที่นี่ ก่อนจะใช้โมรารัตติกาล
เม็ดที่บังเอิญพบตรงจุดเกิดเหตุติดตามท่านมา”

“ว่าไงนะ” ชามัลตาลุกวาว แทบจะลืมทุกคนที่อยู่รายล้อมไปหมด
แต่สุดท้ายก็ยังลากแขนพรตแยกออกมา กระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน
“เจอโมรานั่นกี่เม็ด เอามันออกมาเดี๋ยวนี้ ยังมีเหลืออยู่ใช่ไหม”

“เสียใจท่านชามัล... หาทั่วแล้ว มันตกอยู่ที่นั่นเม็ดเดียวจริงๆ”

ชามัลหลับตาลงข่มกลั้นโทสะ ผ่อนลมหายใจ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ตลอดมาเขาไม่เคยใส่ใจในตัวข้ารับใช้ผู้ภักดีตนตั้งแต่อีกฝ่ายยังหนุ่มจนล่วงเข้ากลางคน
ถึงอย่างนั้นพรตก็ยังรอคอย ดั้นด้นตามมาได้จนถึงอดีต ทั้งรู้ใจ ยอมเสี่ยงภัย ความสัตย์ซื่อ
ที่อีกฝ่ายมีให้เขาอย่างไม่เคยเบี่ยงเบนคลาดคลาไปทางไหนทำเอาชามัลต้องอัศจรรย์ใจ
“เจ้ามันบ้า พรต...” อสรพิษร้ายในร่างคนส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “บ้าที่รักเจ้านายมากขนาดนี้
แต่สักวันข้าจะตอบแทนให้ถึงขนาด ให้สาสมกับความภักดีนี้แน่นอน”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ธ.ค. 2556, 12:37:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2556, 17:45:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1420





<< บทที่ ๙ คู่ผจญกรรม(...จบบท) เริ่มบทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ!   บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว... >>
อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 12:38:15 น.
คุณเกดซ่า – วันนี้เกดซ่าตื่นแล้ว เดี๋ยวต้องมาแน่เลย เค้าเริ่มป่วยแล้วง่าเกดซ่า งอแง อยากกินน้ำเย็น
อยากกินซุชิ อยากกินสุกี้ บาบีคิว ดิ้นพราดๆ เริ่มมั่วละ นิยายออกตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอก คนสนใจแต่ไปเที่ยว
กับไปม็อบ เหอๆ
คุณหนูยิ้ม – วันนี้มาทันพักเที่ยงไหม ถ้าไม่ทันก็กลับมาอ่านตอนเย็น สอบอยู่ด้วยนิ สู้ๆ
คุณเลิฟหมวย – งูหนุ่มงอนเด็กแล้ว เหอๆ เด็กก็งอนตอบ เอาไงดีน้า ...คนเขียนไม่ชอบความหนาวเลยค่ะ ป่วยแล้ว
คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์มีสองแบบ คือมาเช้าเกิน กับมาสายเกิน ไม่มีมาพอดีๆ เหอๆๆ
คุณหนอนน้อย – เรื่องวรรณะกับนิลละ ต้องรอติดตามต่อเอาเอง งี้ๆๆ ส่วนงูกับสิงห์น่ะไม่ปิ๊งกันหรอกนะ
ตอนนี้งูอยากตีเด็กด้วย กำลังหาทางจัดการที่เหมาะสมอยู่

คุณบุลินทร – ก็ไปนะ แต่ไปได้ไม่กี่น้ำ คนเค้าหวงของเค้า หนูสิต้าคิดถึงมิตรแล้ว เกลียดงู
คุณเฟอร์ สุดหื่น – ฟีโรโมนเรียกราศี เชือ่เค้าเลย ฟังดูน่าเกลียดแท้ๆ พี่รองรอก่อนสิ ตัวละครมันเยอะนะ
ส่วนงูเค้าไม่เสพสุขกะตัวเองหรอก มีคนพิศวาสเค้าเยอะไป คนมันหน้าตาดีแถมลีลาเด็ดอะนะ
คุณโกลเด้นซัน – วรรณะกับนิลละยังเด็กค่ะ อายุ14เอง เด็กกว่ามัชฌิม์อีก ต้องฟักตัวอีกนาน
ส่วนงูไม่ยอมสิงห์แน่นอน กับตัวละครสำคัญที่ออกมาขวางกลางก็ควรระวังเหมือนกัน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – จริงๆเด็กน้อยลงมานอนกับงูค่ะ แบบว่าลงมาแหย่แล้วเผลอหลับอะนะ
แต่ตอนนี้งอนกันไปแล้ว เรื่องนี้หนุ่มๆเพียบ แบ่งๆกันไปได้เลยค่ะ


ketza 23 ธ.ค. 2556, 12:47:17 น.
กรี๊ดดดดดดดด ท่านพี่มาแว้ววววววววว


ketza 23 ธ.ค. 2556, 13:05:53 น.
โห........ท่านพี่ชามัล เอิ่ม..จัดไปสาม เอิ้กๆๆๆๆ >////<
....สิงห์สาวก็ใช่ย่อยนะเนี่ย โหดพอกัน เหอๆๆๆ
...พรตมาขโมยซีนตอนท้ายอ่ะ ซึ้งได้อีก เยี่ยมมากที่สุด ปรบมือคร๊า....


บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 16:53:15 น.
ชื่อตอนผิดรึเปล่า ชิ้งหรือชิงราศี


ketza 23 ธ.ค. 2556, 16:54:18 น.
***คุงบุลินทร เกดก็เห็นแว้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามุกของคุงอสิหรือเปล่า 555...


ดังปัณณ์ 23 ธ.ค. 2556, 17:03:18 น.
คุณแป้งยั่วอ่าาาาาาาาาาาาาาาาา ชริ! ตอนนี้ชั้งชังชามัลอ่า เห้ออออออออออ แรงอ่ะ หนูสิก็ไม่ยอม ชาจังก็ไม่ยอม แล้วทีเงี้ยจะรักกันยังไง ฮือๆๆ อยากรู้ใจจะขาด

ปล.ชริ! ผู้หญิงตั้งสามคน หนูสิโตแล้วแอบนอกใจล่ะคอยดู๊


อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 17:46:31 น.
เราเขียนชื่อตอนผิดจริงด้วย เกดซ่าไม่ยอมบอกเรา ต้องรอให้มี่จังมาบอกอ่า


ketza 23 ธ.ค. 2556, 18:03:59 น.
นึกว่าเล่นมุกไง เหมือนสะดวกดายอ่ะ 555..


บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 18:15:59 น.
แอบสงสัยสะดวกดายเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ตกลงถูกใช่มั้ยนั่น


ริญจน์ธร 23 ธ.ค. 2556, 18:44:04 น.
พี่มูนมาช้าเลยไม่ทันเห็นเลย


yimyum 23 ธ.ค. 2556, 18:58:39 น.
มาไม่ทันเที่ยงต้องทำงาน เลยมาอ่านตอนเย็น หุหุ


อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 19:14:09 น.
สะดวกดาย... คำปกตินิ เห็นในหนังสือบ่อยออก
เกดซ่าไม่คุ้นไม่เป็นไร แต่บุลินทรนี่...


ketza 23 ธ.ค. 2556, 19:24:59 น.
5555... คุงบุลินโดนเบย ฟิ้ววววว.......


บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 19:41:25 น.
แง TT


konhin 23 ธ.ค. 2556, 22:09:27 น.
โอ๊ะ คุมชามัลได้ด้วย เย้ๆ


SunSeed 23 ธ.ค. 2556, 23:27:16 น.
สิงหรานีนี่ ออกแนว "ถ่อย" จังนะคะพี่แป้ง เหอๆๆๆ
ปล.ชั้นรักชามารเหมือนเดิม อิอิ


goldensun 24 ธ.ค. 2556, 19:43:43 น.
กลายเป็นว่า สระมรกตทำให้จิตของสิตารามีสมาธิจนคุมชามัลได้ แต่ก็นะ ข้ารับใช้แรงๆ นายก็มีสิทธิ์เอาไม่อยู่เหมือนกัน
ราศีตุลย์จะมีคลั่งเลือดกับเค้าด้วย สงสัยสิบสองราศีแบ่งพวกสู้กันเละแน่ ถึงต้องมีราศีที่สิบสามคอยคุม
พรตตามมาจนเจอซะด้วย เก่งจริงๆ ขนาดไม่มีพลังเด่น นอกจากใจที่ภักดีนะนี่ ความดีอะไรของชามัลผูกใจพรตไว้นะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 24 ธ.ค. 2556, 23:23:18 น.
เรื่องนี้มีแต่คนแร๊งๆๆ กันทั้งนั้นเลย
หนูสิจะอดทนได้แค่ไหนน้าาา
ถรูด (เสียงถ่มน้ำลายลงคีย์บอดร์ด!!!!! )


Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 16:17:45 น.
เหยยยย มีแต่คนบ้าเลือดอ่า ฝั่งนี้ฝั่งนู้น
ดูจิตไม่ปกติสักคน 5555 แต่คนอ่านก็บ้าอ่านน้า
ตางูจัเดือดไปไหน ช่างเป็นข้ารับใช้ที่รุนแรงจุงเบย
หื่นจัดอีกตะหาก ตั้งสามสาวยังทำเอาสลบ
แล้วยังแรงเหลือมาตามสิต้า มาฟัดกะสิงหรานีอีก
เชื่อแล้วว่างูบ้าจริงๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account