โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา
ตอน: บทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ (...จบบท)
เสียงน้ำเขยื้อนไหวราวกับมีใครกำลังใกล้เข้ามา เด็กหญิงลืมตาช้าๆ
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นร่างที่ว่ายเข้ามาใกล้ จนที่สุดก็ถึงตรงพื้นหินใต้น้ำที่เหยียบถึง
เจ้าของร่างนั้นกำลังตรงดิ่งมา เข้ามาใกล้จนผงาดเหนือเธอ ผู้หญิงสาวผิวออกขาวเผือด
สวยสง่าแต่ท่าทางป่าเถื่อนอย่างร้าย ร่างเพรียวแกร่ง กล้ามเนื้อท้องเห็นเป็นรอยชัด เหนือขึ้นไป
เป็นทรวงอกอวบที่คาดไว้ด้วยผ้าแถบสีน้ำตาลออกไปทางรุ่งริ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับนั้น
ทั้งคมทั้งดุ วาดไว้ด้วยสีดำคล้ำรอบดวงตาที่ดูเหมือนจะตรึงติดอยู่แทบเป็นถาวร
ท่าทางหญิงสาวแปลกหน้าราวกับจะคุกคาม แววตาดูเหมือนได้พบสิ่งถูกใจบ่งบอกว่าสิตาราควรระวัง
แต่ไม่รู้ทำไม เด็กหญิงเองก็รู้สึกถูกชะตาคนตรงหน้า
สิงหรานีเล็งเห็น เด็กคนนี้มีดวงหน้าละม้ายเด็กสาวคนซึ่งตนเคยพบ...เมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
และถ้าเป็นอย่างที่คิดละก็ เด็กนี่จะต้องเป็นน้องสาวของใครคนนั้นไม่ผิดแน่ คิดได้ดังนั้นก็แย้มยิ้ม
อวดให้เห็นฟันมีเขี้ยวข้างหนึ่ง เป็นยิ้มที่ดูน่าสะพรึงเมื่อบวกกับสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัวเอง
“เด็กน้อย ข้าว่า...เราควรจะไปด้วยกัน เจ้าคิดเหมือนข้าไหม”
วรรณะและนิลละต้องผิดหวัง อันที่จริงพวกเขาต้องการมาพบชายผู้หนึ่ง
จุดหมายคือเพื่อชวนไปเป็นสหายร่วมทำการใหญ่ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
บุคคลที่ว่าถอนตัวจากกลุ่มราศีสิงห์นานแล้ว ทว่าชายที่พวกเขามาตามหากลับไม่ปรากฏ
“น่าเสียดาย ท่านผู้นั้นจากไปกับคนอีกพวกหนึ่งแล้ว” ผู้ตอบจงใจไม่ขยายความว่ากลุ่มคนของราศีสิงห์
เพิ่งมาตามตัวชายที่คู่แฝดต้องการพบคล้อยหลังไปอีกทางเมื่อเพียงไม่กี่อึดใจนี้เอง! และที่ชายคนนั้น
ยอมไป ก็เพราะสารลับจากผู้ที่จะขึ้นเป็นผู้นำราศีคนใหม่เป็นสำคัญ
วรรณะและนิลละไม่รู้ตัวว่าเพราะเสียเวลาอยู่ที่สระมรกตนานไปไม่กี่อึดใจเท่านั้นจึงพลาดสิ่งสำคัญ
ฝาแฝดที่ผิดหวังกลับไปหาสิตารากับชามัลยังสระมรกต เมื่อไม่พบผู้ใดจึงรุดไปยังหาด ยังไม่ทันถึง
ก็ได้ยินเสียงเป่าสัญญาณจากเรือดำเรียกให้ลั่นไปหมด ทั้งคู่รีบร้อนไปถึงเรือพายลำเล็กที่รออยู่
“เร็วเข้าเถิดพวกท่าน!”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วเรือนั่นใคร ถ้าข้าจำไม่ผิดมันคือเรือสลัดของ...”
“ถูกแล้วท่านนิลละ คนของเกาะสิงห์มาที่นี่ ไม่เพียงเท่านั้น
นางที่ประกาศตัวเองว่าคือสิงหรานีผู้นำคนใหม่ยังเอาตัวท่านสิตาราไปแล้ว!”
“ออกเรือตาม เร่งความเร็วด่วนที่สุด!” นิลละตะโกน
“แต่ท่านชามัลหายไป” วรรณะยังพะว้าพะวง
“เขาตามมาไม่กี่อึดใจก็ทันเรา ไม่แน่อาจตามสิงหรานีอะไรนั่นไปด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ
เราต้องออกเรือตามท่านสิตาราเดี๋ยวนี้ ลืมแล้วหรือว่าเราดั้นด้นมาเพื่ออะไร”
นิลละเอ่ยเสียงต่ำ จ้องตาคู่แฝดนิ่งสงบ
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่การจะตามพวกภูตดาราแห่งสายลมของเรือสลัดนั่นไปไม่ง่ายเลย
แทบไม่มีวี่แววจะทัน”
“พลังที่สื่อถึงน้ำของเราสองคนน่าจะพอช่วยได้” คนเคร่งขรึมกว่าเอ่ย
“แต่เรายังไม่เคยใช้พลังที่ว่าในการบังคับเรือ” วรรณะส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ
ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้วเขาเองก็เป็นคนสู้ไม่ถอยไม่แพ้คู่แฝด แต่อดไม่ได้ที่จะกังขา
“ภูตดาราดำ เข้าที่!” นิลละออกคำสั่งเสียงดัง “ไม่ลองก็ไม่รู้ คราวนี้แหละ
จะได้สู้กับโจรสลัดแห่งน่านน้ำต้องสาปพวกนั้นดูสักที”
ชามัลมองหญิงสาวสามคนที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่แทบเท้าอย่างพึงใจ
สตรีพวกนี้ใช่ว่าโดนทำร้าย ทว่ากลับสิ้นสติไปด้วยแรงปรารถนาของเขาเอง
ซึ่งบ่มกลั่นอัดอั้นมากว่ายี่สิบปี ความโหยหิวที่จะเริงรักตามครรลองของสัตว์มีชีวิต
แต่ก่อนเขาไม่ใช่พวกมักมาก ทว่าหญิงพวกนี้ผ่านเข้ามาในหนทางอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิด
ให้เพริดไปจนถึงที่สุดของเขาพอดี ช่วยไม่ได้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าร่างใหม่ของเขาจะอิ่มจะพอเมื่อใด
ชายผู้เป็นเจ้าของดวงจิตดำมืดก้าวผ่านร่างสาวชาวเกาะที่สมยอมเต็มอกเต็มใจเหล่านั้นไป
อย่างหมดความไยดี กลายร่างเป็นงูดำปลาบพุ่งข้ามป่าไปสู่สระมรกต ทว่าเมื่อไปถึง...
เด็กหญิงซึ่งตนทิ้งไว้กลับหายตัวไปเสียแล้ว!
เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าเรือที่ควรจะทอดสมอรอตนก็อันตรธานหายไปจากที่ลอยลำอยู่
นี่พวกมันคิดพาสิตาราหนีจากเขาอย่างนั้นหรือ ในระหว่างที่ชามัลปิดกั้นจิตจากเด็กนั่นเพราะ
รำคาญกระแสรบกวนประหลาดที่ส่งออกมาจากตัวอีกฝ่าย ยิ่งเฉพาะในเวลาที่ตัวเองกำลัง
หาความสุขเขาก็ตัดขาดการรับรู้อื่น หลับหูหลับตาไม่สนใจสิ่งใดนอกจากไฟแห่งดำกฤษณาตรงหน้า
จนเมื่อมันมอดดับ มารู้ตัวก็สายไป
งูดำทะมึนทะยานไปเหนือเกลียวคลื่น เป็นครู่ใหญ่จึงโจนพรึ่บลงถึงดาดฟ้าเรือดำ
เลื้อยปราดไปยังหัวเรือที่นิลละและวรรณะหันมาตกตะลึง ก่อนจะผงาดขึ้นสูงกว่าศีรษะ
ของเด็กหนุ่มแฝด แผ่แม่เบี้ยคุกคาม ดวงตาเป็นสีแดงฉานยิ่งกว่าถ่านร้อนในนรก
“สิตาราอยู่ไหน! ไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าหรือไง”
“พวกข้าก็คิดว่าท่านสิตาราอาจไปกับท่านบนเรืออีกลำ นี่แปลว่าท่านทิ้งนางไปจากสระมรกตสินะ
มัวไปทำอะไรอยู่!”
“จะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า...” อสรพิษคำราม ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นจนแทบอดรนทนไม่ได้
“ข้าจะไปให้ถึงตัวเด็กนั่นก่อน พวกเจ้าถ้ามีปัญญาเร่งตามมาให้ทันก็แล้วกัน!”
บนเรือซึ่งมีนามว่า‘ลมกรด’ เหล่าภูตดาราแห่งสายลมในชุดเขียวหม่นอมเทาอย่างสีทหาร
ยืนเรียงรายสื่อกระแสจิตสู่พระพาย บังคับให้ลมพาเรือแฉลบแล่นฉิวตัดคลื่นไปได้อย่างไม่สะดุด
เวทลมขั้นสูงคือเคล็ดลับความว่องไวเป็นเจ้าทะเลของโจรสลัดกลุ่มราศีสิงห์ตลอดมา
ที่กลางเรือ เวลานี้สิงหรานีที่กำลังคุยกับเด็กหญิงอยู่อย่างเห็นเป็นสนุก
ภาษาลับของรัตติดาราเชื่อมโยงทั้งคู่ถึงกัน
“ข้าพูดไทยได้นะ ข้ามีเชื้อไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นพม่าปนกับแขกขาว
ถ้าเผื่อว่าเด็กอย่างเจ้าอยากจะรู้ บ้านแม่ข้าอยู่ที่เมืองตราด ไม่อยากจะคุย ต้นตระกูลเป็น
เจ้าเมืองเสียด้วย เสียแต่ว่าข้าดันชอบมาทางข้างพ่อที่เป็นโจร” คนพูดว่าแล้วก็หัวเราะดังลั่น
“ข้าเคยไปอยู่ที่ตราดพักหนึ่ง เป็นเมืองที่น่าอยู่มากถ้าไม่มีใครมาตามราวีจนต้องหนีก็คงอยู่ที่นั่น
ไปอีกนาน พี่สาวเป็นลูกครึ่งนี่เอง ถึงได้สวยแปลกตา ถึงดูเผินๆจะบ้าไปหน่อย”
สิตาราตอบโผงผางไม่ต่างกัน
“เออ เจ้านี่ก็เป็นเด็กที่กวนโทโสแต่น่ารักดี เหมือนข้าตอนเด็กๆอยู่เชียวละ”
คนพูดยื่นมือขาวแต่กร้านไปยีผมบนศีรษะเล็กๆ หมายเปลี่ยนคนตรงหน้าให้เป็นสิงโต
ที่ผงาดเหนือตัวผู้เหมือนตน
สิตาราหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ผมแห้งหมาดแล้วก็ค่อยๆฟูขึ้นมาเหมือนสิงโตสมชื่อสิงหรานี
ดูเป็นพวกมีวิชาแข็งแกร่งทั้งกำลังและอาคม แต่จะเอาชนะชามัลได้หรือเปล่า... ไม่ทันไรที่คิดดังนั้น
เจ้าของร่างเล็กก็เริ่มรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดจนโมราระอุขึ้น
“ดีใจที่ได้พบเจ้า ...ครั้งหนึ่งข้าเคยรู้จักคนที่หน้าตาเหมือนอย่างนี้”
สิตาราไม่ได้ยินคำพูดเข้าหู เพราะความรู้สึกกระตุกวูบแรงยิ่งปะทุขึ้นที่โมรา
ราวกับเลือดในอกของเธอจะพุ่งออกมาจากมัน
จนสตรีเจ้าของเรือก็พลันรู้สึกเมื่อเห็นเด็กหญิงนิ่วหน้า
“เป็นอะไร”
“งูจงอาง เขา...กำลังตามมา เขาโกรธมาก และตอนนี้ก็กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
เด็กหญิงกุมขมับ เกือบจะทรุดลงกองกับพื้น ขณะที่มือแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้กร้าวกระด้าง
กับทุกคนแต่ดูเหมือนจะชอบเธอเป็นพิเศษจับแขนสิตาราให้ทรงตัวยืนอยู่ได้
“เฮ้ย นังหนู ไม่ต้องกลัวไป เรากำลังจะถึงฝั่งตะนาวศรีอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว แผ่นดินอยู่อีกนิดเดียว
ถ้าตามไปทันกันที่นั่น อย่างน้อยมันก็จะได้ไปสู้กับข้าบนบก”
เรือลมกรดยิ่งเร่งความเร็วให้พุ่งไปข้างหน้าแรงและเร็วขึ้นอีก
ทั้งกำลังของภูติแห่งรัตติดาราสิงห์ที่เชี่ยวชาญเวทสายลม รวมกับ
แรงเครื่องยนต์ทันสมัยที่สุดของยุคนั้นช่วยส่ง พวกเขาผ่านหมู่เกาะเล็กเกาะน้อย
ใช้พวกมันกำบังลัดเลาะหลบหนีด้วยความชาญทะเลแถบนี้กว่าเรือของผู้ติดตาม
ทว่าขณะไปถึงและกำลังทยอยขึ้นบกนั้นเอง ทั้งสิตาราและสิงหรานีที่กำลังก้าวขึ้นไป
ตั้งหลักบนฝั่งก็ต้องตกตะลึงกับเสียงโครมใหญ่ที่อัดปะทะเรือลมกรดซึ่งลอยลำทอดสมอทิ้งไว้เบื้องหลัง
เมื่อหันมองกลับไป! ภาพที่ปะทะสายตาคือเงาร่างยาวๆสีดำคล้ายกลุ่มควัน
เคลื่อนไหวเร็วจนจับตาแทบไม่ทันกำลังพุ่งเข้าทะลวงลำเรือครั้งแล้วครั้งอีก
เจาะชอนไชเหมือนหนอนทำลายลูกแอ๊ปเปิ้ล ต่างตรงที่เป็นเรือเดินทะเลลำย่อม
ทั้งเศษโลหะและเศษไม้กระจายว่อน ก่อนจะมีเสียงลั่นครึ่ก แล้วเรือที่ทอดสมอ
อยู่ไม่ไกลฝั่งก็เริ่มเอียง ลูกเรือร้องเอ็ดตะโรกันยกใหญ่
“บัดซบเอ๊ย! มันทำลายเรือเราจนได้ นิสัยกัดไม่ปล่อยเหมือนจงอาง!”
นอกจากลูกเรือ ใจคนพูดยังห่วงคนพิเศษที่ตนเพิ่งพามาจากเกาะมรกต
เพราะตอนนี้คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมจะประมือกับใคร
“ชามัลเป็นพวกพยาบาท...” สิตารามองภาพนั้นด้วยแววตารู้สึกผิด
คล้ายเธอรู้อยู่แล้วว่าอาจเกิดเรื่องแบบนี้ แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆกลับรู้สึกแย่กว่าที่คิด
บางทีเขาคงไม่ได้ตามมาเพราะเขาเห็นค่าเธอ แต่เป็นโมรารัตติกาลต่างหาก
“บีบรัด ดักหน้าดักหลังศัตรูไว้ทุกทางเพื่อให้ตัวเองชนะ นั่นแหละผู้ชายชื่อชามัล”
สิตารายอมมาด้วยอย่างหนึ่งเพราะถูกชะตาสิงหรานี เพราะรู้ว่าขัดขืนหญิงกล้าแกร่งผู้นี้ไม่ได้
และบางทีก็อยากจะลองหนีไปจากชามัล แต่อีกใจก็รู้ คนอย่างนั้นต้องมาตามตนกลับไปแน่
ก็แค่อยากจะแก้เผ็ดเรื่องที่บังคับให้เธอแช่น้ำ ทั้งเรื่องที่เคยเป็นงูมารัด และเรื่องก่อนหน้านั้นอีกสารพัด
มันกำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนถึงความโกรธระดับนี้ของผู้รับใช้แห่งโมรา!
ข้างฝ่ายโจรสลัดก็คงไม่น้อยหน้า ยิ่งเรือโดนทำลายสิงหรานีคงไม่ยอมลดรา... บางทีถ้าสิตาราหนีไปเสีย
อาจเบี่ยงเบนความสนใจไปได้บ้าง อย่างน้อยชามัลจะได้มุ่งเป้ามายังเธอก่อนจะทันฆ่าใคร
ฉวยจังหวะที่นางสิงห์กำลังตะเบ็งเสียงเอะอะสั่งการลูกเรือที่เรียกหาแต่ชื่อ‘สิงหรานี’กันเซ็งแซ่
ร่างเล็กพรวดพราดหนีจากหาดทราย หวังจะพรางกายยังป่าละเมาะที่เห็นอยู่ทั่วไปแถบนั้น
ทว่าสายตาของนางสิงห์ผู้ดุดันกลับไวเหลือเชื่อตวัดมาเห็นเข้าจนได้ ร่างสูงเพรียวพุ่งเข้าหาสิตารา
คว้าแขนเอาไว้ด้วยมือเหนียวหนับ
“จะหนีไปไหน! เจ้าต้องอยู่กับข้า” หญิงสาวคำราม
“ปล่อยเถอะพี่สาว ถ้าเอาตัวข้าไว้พวกพี่จะเดือดร้อนนะ” สิตาราตอบอีกฝ่ายไปด้วยความห่วงใยมากกว่าอื่น
สิงหรานีไม่ได้หยุดฟังสิตารา แต่ต้องหันกลับไปมองต้นตอเสียงร้องโหยหวนซึ่งดังขึ้นใกล้ตัว
เลือดสดๆสาดเข้าตานางเต็มๆ เมื่อคนสนิทที่ยืนขวางอยู่แถวนั้นถูกร่างของงูพุ่งทะลุทรวงอกล้มลงขาดใจ
ทั้งเงาดำที่ทะลวงร่างนั้นยังอัดกระแทกลงทรายกระจุยขึ้นมาเต็มเหนี่ยว ปรากฏเป็นร่างชายสูงสง่า
ในชุดเกราะเกล็ดมันปลาบดำวาวน่าเกรงขาม ทั้งเข็มขัดข้อรัดทั้งตัวแลเหมือนครึ่งคนครึ่งอสรพิษ
สิตาราไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ ปกติชามัลมักแต่งกายให้กลมกลืนกับคนยุคนี้ที่ผ่านพบ
ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาพร้อมจะสู้อย่างไม่ออมมือ ทั้งที่ยังยืนเท้าสะเอวข้างหนึ่งในท่ารบกวนอารมณ์
ชาวบ้านซึ่งเป็นของถนัด ทว่าความแข็งกร้าวชัดเจนในดวงตานั้นทำให้บรรยากาศแปรไปโดยสิ้นเชิง
สิงหรานีคุมแค้นหนัก มองไปรอบๆยังเห็นอีกหลายศพบนหาดในสภาพไม่ต่างกัน
“ไอ้งูห่านรก แกเป็นใคร กล้าดียังไง!”
“โจรสลัดหนึ่งในรัตติดาราสินะ ข้าได้ยินลูกน้องเรียกหานามเจ้านายมันก่อนตาย”
ชามัลทำหน้ากวนอารมณ์แต่แววตาแข็งกร้าว จงใจราดน้ำมันลงบนไฟแค้นที่พลุ่งแรงอยู่แล้ว
ของผู้ซึ่งเห็นลูกน้องถูกเข่นฆ่าจนเลือดกระเซ็นเข้านัยน์ตาอย่างจัง “...ไม่เห็นจะต้องไว้ผม
ให้เข้ากับราศีขนาดนั้นเลยนี่” อสรพิษผู้มาเยือนเอ่ยเหยียดหยาม “ข้าชามัล เมห์ฮรา...รู้จักไหม
เมห์ฮรา ตระกูลแห่งแสงสว่างที่รัตติดาราเกลียดนักหนา” ชามัลกระซิบบอกเรื่องที่มาแห่งตน
ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ปรายตามองซากศพเกลื่อนกลาด แล้วหันมาพูดต่อ
“อย่าโทษที่ข้าเอาชีวิตคนของเจ้าเลยนะ ต้องโทษที่ตัวเจ้าบังอาจแตะต้องสมบัติของข้า
โทษตัวเองเถอะที่ทำให้มดปลวกพวกนี้ต้องตาย”
เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดเผยที่มาของตนต่อคน เรื่องที่แม้แต่วรรณะหรือนิลละก็ยังไม่เคยแม้แต่
รู้ระแคะระคาย หนึ่งเพราะอยากยั่วคู่ต่อสู้ ด้วยเล็งเห็นสตรีตรงหน้าคู่ควรจะประมือ สอง
จะมีอะไรดีไปกว่าทำให้มีคนแค้นเมห์ฮราเพิ่มขึ้นอีก
“อ่อ ไอ้พวกตระกูลเวรที่ทำเป็นใช้แสงสว่างสั่วๆช่วยพยุงโลก พลังหยั่งรู้! เฮอะ
แต่ที่แท้ก็แค่ชอบหาประโยชน์ใส่ตัว”
“ขอบคุณที่ชม ถ้าข้าได้เป็นหัวหน้าเมื่อไหร่ข้าจะเปลี่ยนมันเป็นตระกูลผู้หาผลประโยชน์
อย่างเป็นทางการเสียเลย พวกโง่ทั้งหลายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตีความ”
ชามัลหรี่ตาพินิจ แม้อีกฝ่ายทาตาดำ คิ้วหนาเข้มเรียงตัวรกไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิง
เขาก็ยังเล็งเห็นความงามคมเฉียบ...แต่ถึงจะสวยแค่ไหนก็ไร้ค่า ผู้ที่กล้าสำรากใส่หน้า
ทั้งขโมยของที่เป็นของเขา แค่ข้อเดียวก็เพียงพอจะทำให้เอามันถึงตายคามือได้แล้ว
ไม่ต้องตริตรองให้เสียเวลา ยังไม่รวมถึงด่าทอโคตรเหง้าตระกูล ที่แม้เขาคิดทำลาย...
แต่ต้องเป็นการทำลายด้วยการอุทิศกำลังและเลือดเนื้ออย่างสมเกียรติ
ไม่ใช่ปากหญิงไร้อารยะไม่รู้หัวนอนปลายตีน
“มาเดินเล่นอะไรที่นี่สิตารา” ชามัลเอ่ยข้ามหัวของสตรีที่ขวางหน้า “ช่วยยืนยันหน่อยซิ
เธอรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงที่ทำท่าเหมือนคนบ้าตรงหน้าฉันนี่ใคร พูด...ถ้าไม่อยากให้มีคนตายมากไปกว่านี้”
“สิงหรานี ผู้ครองราศีสิงห์” สิตาราพูดรัวเร็ว แน่ใจว่าชามัลไม่คิดเมตตาคนพวกนี้
แต่ก็ร้อนๆหนาวๆ ไม่อยากจะให้เขาโกรธขึ้นไปอีก ความโกรธของทาสรับใช้แห่งโมรายามนี้
ทำเอาเธอที่เป็นเจ้าของพลอยตัวสั่นใจสั่นไปด้วย แข้งขาก็อ่อนแรง “พอเถอะอย่าฆ่าใครอีกเลย
ฉันจะกลับไปกับชามัล”
“นังหนู! ใครบอกว่าจะให้เจ้าไป มาสู้กับข้าตัวต่อตัวดีกว่าชามัล ใครชนะได้เด็กนี่ไป”
สิงหรานีตวาดกร้าวพลางชักดาบยาวปลายบานเหมือนพร้าตัดปลายที่เหน็บหลังไว้ออกมา
ชี้หน้าคู่ต่อสู้ สิตาราเห็นโดยตลอดถึงลวดลายอักขระสีเงินลงยาดำขลังสะท้อนรับแสงปลาบ
ไล่ไปตามคมตั้งแต่โคนถึงปลายดาบ ไม่ใช่ภาษารัตติดารา แต่คงจะเป็นคำพม่าซึ่งดูเหมือนเป็น
พื้นเพของพวกที่มาจากเกาะสิงห์
ชามัลยิ้มเยาะโดยนัยน์ตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย วูบหนึ่งสิตาราคล้ายเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่
แล้วเขี้ยวนั้นก็อันตรธานหาย เมื่อร่างที่ปักหลักกางมือออกทั้งสองข้าง พลันปรากฏเป็นดาบสั้น
สองมือสีขาววับทรงโง้งไม่ต่างจากเขี้ยวงู และถ้าสายตาของเด็กหญิงมองไม่ผิด
ที่สันซึ่งหันออกหาศัตรูดูเหมือนจะมีรางปล่อยน้ำพิษยาวลงมาตลอดแนว
เรียกได้ว่าเฉือนโดนตรงไหนก็คงจะติดพิษตรงนั้น
“พี่สาว ระวังดาบเขี้ยวนั่นให้ดี มันมีพิษ” เด็กหญิงเตือน ถึงอย่างไรก็ยังไม่อยากให้หญิงสาวเท่ๆ
ตรงหน้าตนต้องมาตายง่ายดาย แต่ดูเหมือนตอนนี้ผู้ครองราศีสิงห์จะโกรธหนักยิ่งกว่าชามัลเสียอีก
ค่าที่เลือดของคนสนิทยังไหลอาบหน้า หญิงสาวใช้หลังมือปาดความเปียกชื้นและความอัปยศ
บนหน้าดุดันทิ้ง ถ่มน้ำลายลงพื้นทราย ก่อนจะโยนดาบปลายตัดหนาหนักขึ้นแล้วรับไว้ ควงรวดเร็วราวจักรผัน
ชามัลแสยะยิ้ม เขามีพลังความร้อนที่ผลักดันลมได้บางส่วน แต่ผู้หญิงคนนี้ใช้วิชาลมโดยตรง
ถึงได้ควงดาบหนักๆได้ราวกับมันไม่มีน้ำหนักอย่างนั้น อสรพิษไม่รอให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งตัว
ร่างในชุดดำสนิทกรากเข้าใส่สตรีที่ยืนคอยทันที
สิงหรานีปล่อยมือจากแขนของสิตาราเพื่อตั้งหลัก จังหวะนั้นเองเด็กหญิงจึงดีดตัวหนีห่าง
แต่ยังไม่อาจละสายตาจากภาพชวนหวาดเสียว เมื่อเงาดำของชามัลเร็วรี่พุ่งเข้าใส่ ข้างพี่สาวสุดโหด
ก็หันดาบเล่มยาวเข้ารับคมดาบเขี้ยวได้ว่องไวเป็นสามารถ แต่สุดท้าย...ชามัลก็ไวกว่าอยู่ดี
หัวหน้าแห่งพวกสิงห์ถูกกระแทกแรงจนเสียหลัก แต่จังหวะที่ร่างกระเด็นไป
คมดาบยาวกลับตวัดฉับเข้าหาต้นแขนของชามัล เลือดดำคล้ำสาดกระจาย
ตกต้องลงบนพื้นทรายกลายเป็นควันฉ่าพวยพุ่ง
คู่ต่อสู้ผละจากกันชั่วขณะ อสรพิษหนุ่มไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากมายไปกว่าหลากใจ
ดาบเล่มนั้นของผู้หญิงราศีสิงห์ตัดผ่านเกล็ดทะลุถึงเนื้อเขาได้ แบบนี้เรียกว่าคงจะมี‘ของดี’
ระดับตำนานอยู่กับตัวเป็นแน่ เขาก็แค่ขาดการระวัง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตนถึงเลือดตก
คราวนี้คงต้องเอาจริงเสียที
สิตาราตกใจที่ชามัลเลือดออก โลหิตดำข้นไหลอาบพื้นทรายกระหย่อมใหญ่
แต่ท่าทางเขาไม่ได้เจ็บปวด เธอจึงเบนสายตามายังพี่สาวที่ค่อยๆใช้ดาบยันตัวขึ้น
ทว่าเลือดสีแดงไหลออกจมูกทั้งสองข้าง บอกให้รู้ว่าภายในตัวคงกำลังบอบช้ำเพราะ
แรงโจมตีจากอสรพิษร้ายร่างคน เด็กหญิงคิดว่าจะมีใครเอ่ยอะไร แต่เปล่าเลย
รอบกายของชามัลเริ่มมีกลุ่มควันดำกระจายตัวคลุ้ง แล้วสิตาราก็เห็น!
เงาหัวแผ่พังพานมหึมากับตาสีแดงนั่นผงาดขึ้น
ลูกเรือที่ดูการประลองตัวต่อตัวอยู่พากันแตกตื่น แต่สิงหรานีคำรามกร้าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
พลางยกดาบขึ้นชี้ไปยังศัตรู ปากพึมพำคาถาบางอย่าง ก่อเกิดลมฟ้ากระโชกแรงพัดมาทันใด
สิตาราส่ายหน้าดิกก่อนตะโกนออกไป “อย่า---!” เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครหยุดฟัง
นี่มันก็แค่เสียงของเด็กอ่อนแอ แต่ถ้าเธอไม่ช่วย สิงหรานีจะต้องตายแน่ในคราวนี้
เด็กหญิงยกมือขึ้นแตะโมรา ระลึกถึงคำบังคับควบคุมพลังอำนาจของอัญมณีที่มิตรสอนให้จนขึ้นใจ
กับความรู้สึกเป็นสมาธิยามเมื่ออยู่กลางสระวันนี้ แล้วเพ่งกระแสแห่งใจทั้งหมดพุ่งตรงไปข้างหน้า
เพื่อหยุดชามัล!
งูยักษ์ที่กำลังส่ายเงาน่าสะพรึ่งเป็นจังหวะเตรียมโจมตีเหยื่อหยุดชะงัก...
รู้สึกเหมือนเลือดในกายกำลังร้อนขึ้นๆ แรงบีบที่จุดขึ้นมาพร้อมอำนาจสั่งโดยตรงจากโมรารัตติกาล
“หยุดเดี๋ยวนี่นะชามัล ฉันสั่งให้หยุด!” สิตาราตะโกนออกไปด้วยเสียงอ่อนล้า
แต่อาจเป็นเพราะน้ำตก ทำให้ใจเธอแข็งแรง ความคิดพุ่งตรงไปยังจุดเดียวยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยเป็น
แล้วภาพที่เกิดก็ทำให้ตกตะลึง เมื่องูดำบิดพราดคล้ายโดนตีขนดหาง ก่อนจะกลับร่างเป็นชามัล
คุกเข่าหอบหายใจอยู่กับพื้น เงยขึ้นมองคนตัวเล็กด้วยตาแดงฉานกราดเกรี้ยวราวกับอยากฆ่าเธอเสียแทน
“สิตารา!”
“แบบนี้เอง เด็กนั่นควบคุมแกได้” สิงหรานีร้องเสียงดัง
ชามัลทรงกายเหยียดยืนสง่า ขณะที่สิตาราตกประหม่ากับเสียงขู่ของเขา
อสรพิษร้ายเบนขวับกลับไปทางนางสิงห์ คู่ต่อสู้ประสานตากันอีกครั้ง
และกำลังจะพุ่งเข้าใส่กันในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า
ถ้าเสียงเย็นเรียบขรึมเสียงหนึ่งไม่แทรกขึ้น
“อย่ามาสู้กันต่อหน้าข้า รัตติดาราด้วยกันจะฟาดฟันกันไปไย...
ทางที่ดีควรให้ราศีที่สิบสามตัดสินใจไปเลยดีกว่า จะเลือกอยู่กับใคร”
ทั้งหมดมองไปยังต้นเสียง...ชายอายุราวสามสิบปลาย ดูสูงสง่าในชุดเทาเรียบๆราวกับบาทหลวง
ที่ชั้นเชิงผ้ายาวระขานั้นเป็นลายไทยอ่อนบางเห็นจางๆในเนื้อผ้า กับทรงผมตั้งๆไม่ยาวนักที่ชามัลรู้สึกว่า
ออกจะดูผิดยุคกว่าคนโบราณแถวนี้ไปมาก ถ้าไม่รวมนางสิงห์คลั่งตรงหน้าเขานี่เสียคน
“ตุลาการ!” นางผู้เป็นจ้าวราศีสิงห์อุทาน
“รู้จักข้าก็ดีแล้ว แต่ไม่ต้องแนะนำตัวหรอกนะ เพราะข้าได้ยินหมดแล้วว่าพวกเจ้าเป็นใคร”
ชามัลยิ้มมุมปาก ไม่เลวเลย คนมาใหม่นี้คงมีพลังปิดตาสูงยิ่ง จึงอำพรางการมีตัวตน
ทั้งที่อยู่ใกล้เพียงในป่าละเมาะไว้จากตาที่สามของคนอย่างเขาได้ แต่คงเพราะเป้าหมาย
ของเขามุ่งอยู่ที่การมาเอาตัวสิตาราคืนจากสตรีบ้าคลั่งมากกว่าอื่น ดูจากคำเรียกขาน
ของสิงหรานีบวกกับข้อมูลที่รู้มาจากวรรณะ เขาก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมาจากราศีไหน
พวกดาวตราชั่ง...ราศีตุลย์ มีหน้าที่ไกล่เกลี่ยรักษายุติธรรมในรัตติดารา
“ก็นับว่าทำหน้าที่ได้ดี โผล่หัวมาได้จังหวะ” อสรพิษเอ่ยยิ้มๆ
สิงหรานีส่ายหน้า พลางใช้นิ้วปาดเลือดจากจมูกที่ไหลเข้าปากทิ้ง
“เรากำลังตกลงกันด้วยการต่อสู้ อย่าสะเออะมาแทรกหน่อยเลย”
“ข้าบอกตอนไหนว่าจะตกลงกับเจ้า” ชามัลเอ่ยขำๆ “เด็กนี่เป็นของข้าแต่แรก
ยังไงก็ไม่พ้นมือ แล้วก็ไม่ต้องรอให้ใครช่วยไกล่เกลี่ยอะไรข้าก็ชนะใสๆ”
สิ้นคำชามัล ทั้งสองคนก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้าโรมรันกันอีกรอบ
“พอแค่นี้แหละ! ฉันจะกลับไปกับชามัล” เสียงตัดบทจากคนตัวเล็กดังขัดจังหวะ
...ที่เลือกแบบนี้ เหตุผลแรก จะต้องมีคนตายอีกแน่ ไม่ใช่ตัวสิงหรานีก็คงเป็นพวกภูตดาราแห่งสายลม
ที่เป็นลูกน้อง ถึงเธอจะยอมตามมาเอง แต่ตอนนี้เกมเลือดสมควรจะจบลงได้แล้ว สิตาราไม่อยากเห็นเลือดอีกเลย
“ไปสิ ไว้สะสางความผิดของเธอกันทีหลัง ได้ฆ่าโจรไปมากพอดู...ค่อยหายโกรธ
ที่เหลือฝากด้วยก็แล้วกัน ตุลาการ”
ชามัลแปรเปลี่ยนเป็นงูยักษ์อีกครา เลื้อยพรวดเหมือนควันดำเข้าหาสิตารา
หมายจะกระชากให้โลดลิ่วกลับไปยังเรือดำที่ยังอยู่นอกอ่าวด้วยกัน ทว่านางสิงห์ที่ไวราวลมกรด
ยังคิดพุ่งตามไม่ชักช้า ติดก็แต่ผู้มาใหม่ปรี่เข้าขวางกั้นทันท่วงทีด้วยจักรคมกริบขนาดใหญ่ที่เดิม
ซ่อนไว้ตรงแผ่นหลัง
“ถ้าอยากระราน สู้กับข้าแทนนี่...สิงหรานี”
“ถุย! ตุลาการจุ้นจ้านเหมือนที่ได้ยินไม่มีผิด ไม่ต้องมาทำเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
เจ้าก็แค่เข้าข้างพวกพิจิก อยากให้แม่ชีดำได้ตัวเด็กไป” หญิงสาวสบถอย่างไม่เชื่อถือ
“ก็ใช่ ในเมื่อราศีที่สิบสามจะทำให้ความแตกร้าวสงบลง
แล้วทำไมข้าต้องเข้าข้างโจรที่มองเพียงประโยชน์ของตัว”
ตาคมดุของนางสิงห์มองข้ามไหล่ชายที่มาขวางไปยังโพ้นทะเล
เห็นสิ่งมีชีวิตเลื้อยคลานนั่นกำลังพาเหยื่อของตนไกลออกไปทุกที
เรือลมกรดก็พังเสียหายต้องซ่อมแซม หมดหนทางจะติดตาม... วันนี้นางแพ้
แต่มันเป็นแค่วันแรกของการต่อสู้ที่นางสิงห์จะไม่ลืม
ตุลาการผู้นี้คงแทบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างูร้ายนั่นสักกี่มากน้อย นางไม่กลัว
แต่ยังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการอีกมากนัก “เอาเถอะ ข้ายังไม่อยากลงมือกับตุลาการในตอนนี้
แต่ขอให้จำไว้ เรื่องทุกอย่างสิงหรานีคนนี้ไม่มีวันลืม!”
เมื่อพวกสลัดกลุ่มสิงห์ถอยห่างออกไปจัดการกับเรือและคนเจ็บคนตาย ได้เวลาที่ตุลาการ
จะผละจาก ณ ป่าละเมาะนั้นมีร่างบอบบางน่าถนอมร่างหนึ่งรอคอยเขาอยู่
พร้อมสายตาหนักใจที่ส่งมาให้เหมือนเคย
“พี่ชายเสี่ยงมากที่ออกไปคนเดียว ทำไมไม่เอามณีสีรุ้งติดตัวไปด้วยคะ
มาฝากไว้กับน้องอยู่แบบนี้” สาวน้อยผมบ๊อบจัดลอนหยักแนบศีรษะตามสมัยนิยม
อย่างชาวพระนครขยับลุกยืน แบมือเรียวออก เห็นสร้อยเส้นยาวห้อยเม็ดจี้โอปอล
รูปไข่สีทองอ่อนๆ ทอประกายรุ้งพร่างพรายยิ่งกว่าโอปอลเม็ดใด
ตุลาการมองน้องน้อยวัยแรกผลิที่อ่อนกว่าเขามากอย่างเอื้อเอ็นดู “เก็บไว้กับน้องละดีแล้ว รตี...
เพราะพี่จะรักษาความเป็นตุลาการไว้ได้ในระดับพอดีๆก็ต่อเมื่อไม่มีอำนาจมากนัก หากมีสิ่งที่
ทำให้พลังอำนาจเพิ่มมาพี่อาจคลั่งเลือด น้องเองก็รู้ดี”
วรรณะกับนิลละยินดีเป็นอันมากที่สิตาราและชามัลกลับถึงเรือดำที่เร่งแล่นติดตามมาถึง
ระยะขนาดนี้ใกล้จนเห็นเรือลมกรดเอียงกะเท่เร่สภาพยับเยิน เรือดำรีบตีลำหันหัวลงใต้
เตรียมขึ้นฝั่งในที่ห่างออกไปจากจุดที่สิงหรานีและตุลาการอยู่
“เดิมทีเราตั้งใจจะขึ้นฝั่งพม่าแล้วตัดไปขึ้นเรือลำใหม่ที่มารอแถวบางสะพานอยู่แล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ขึ้นฝั่งเยื้องไปสักหน่อยแล้วเดินทางตัดแผ่นดินตรงไปได้เลย”
“ดี ยังไงสิงหรานีกับพวกราศีตุลย์ที่มาใหม่ก็คงไม่ว่างตามเราตอนนี้ พวกเจ้าก็แล่นเรือไปให้ถึงเร็วๆ
ส่วนข้ามีเรื่องต้องคุยกับเด็กในปกครอง”
ชามัลผลักสิตาราที่เงียบกริบเข้าไปในห้องส่วนตัวแคบๆที่มีเตียงสองชั้น
ก่อนจะเริ่มด้วยน้ำเสียงคุกคาม
“พยายามทำอะไร... ไอ้ที่เธอทำตอนฉันกำลังสู้นั่น มันฆ่าฉันได้เลยนะ
ต่อหน้าผู้หญิงที่มีดาบแบบนั้น”
สิตารามองแผลที่แขนซึ่งอีกฝ่ายหันให้ดูจะๆ ยังเห็นเลือดสีดำไหลซึมเป็นคราบกรัง
“หรือว่าการทำลายฉัน นั่นคือจุดประสงค์ของเธอ” ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำอย่างเดือดดาลถึงที่สุด
“นางโจรพรรค์นั้น มันพิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วหรือไงว่ามันพร้อมจะให้สิ่งที่ดีกว่า
ไม่นึกเลยว่าเด็กอย่างเธอจะทำได้ถึงขนาดนี้” คราวนี้ชามัลไม่พูดเปล่า
ยังเข้ามาจับสิตาราเขย่าแรงด้วยสองมือจนหัวสั่นหัวคลอน
“หยุดนะ!” เด็กหญิงดิ้นสะบัด ไม่เพียงเท่านั้นยังร้องไห้ออกมา “ก็ตัวเองอยากฆ่าคนมากมายทำไม”
“ฆ่าโจรมันผิดด้วยเรอะ อย่ากล้าดีมาพูดเหมือนอยู่ๆฉันไปรังแกพวกมันก่อน” ชามัลเริ่มหัวเสียมากขึ้นเรื่อยๆ
“พวกนั้นแค่ทำตามคำสั่ง ไม่ลองคิดว่าคนที่ตายเป็นญาติพี่น้องตัวเองล่ะ ฆ่าคนเป็นเบือ
เลวไม่มีที่เปรียบ ฉันเกลียดชามัลที่สุด!” สิตารารู้ดีว่าที่ผ่านมาเธอชอบเขา ไม่ได้เกลียด
อย่างที่ร้องปาวๆ แต่ตอนนี้ก็ชักจะอยากเกลียดเสียจริงๆ
ชายหนุ่มผู้ซ่อนร่างอสรพิษคลายมือจากเด็กหญิงที่ร้องไห้ไม่หยุด หรี่ตามองเธอ
อย่างสมเพชระคนชิงชัง “ท่าทางเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้เสียแล้ว ขืนอยู่กันไปฉันคงต้องฆ่าเธอด้วย
ให้คิดว่าคนตายเป็นญาติพี่น้องเรอะ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ เธอคงลืมไปแล้วละมัง ว่าฉันอยากจะ
ขุดรากถอนโคนไอ้พวกญาติพี่น้องเมห์ฮรากเฬวรากของฉันแค่ไหน”
สิตารามองคนพูดอย่างทดท้อ นั่นสินะ ไม่น่าลืมเลยว่าเขามีแต่ความคิดจะทำลาย
ทว่าที่จริงชามัลไม่ได้ใส่ใจเกลียดชังใครในตระกูลเป็นพิเศษ เขาแค่แค้นที่เมื่ออัคนิกลับมา
ก็มีแต่คนพลอยยินดี ไม่มีแม้ใครสักคนที่เสียเวลาจัดงานศพให้เขาด้วยซ้ำ!
ชามัลปล่อยให้หน้าที่ดูแลเด็กหญิงตกเป็นของคู่แฝด อสรพิษในคราบชายหนุ่มยังคง
ซ่อนความโกรธอันเดือดพล่านไว้ตลอดเวลาที่พวกเขาขึ้นบกและเดินทางตัดป่าแดนพม่า
เข้าสู่แผ่นดินสยาม จนล่วงเข้าเขตบางสะพาน บริเวณที่นัดหมายกับเรือไว้อยู่ใกล้บ่อทองหลาง
หาดเล็กๆในส่วนของแผ่นดินที่ยื่นออกสู่ทะเล
ทว่า...ใกล้กับเรือนั้น มีใครบางคนที่ทำให้ชามัลแทบลืมความเกรี้ยวกราดลงไปได้ชั่วขณะ
เป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาอดีตอันไกลแสนไกลเกินใครจะติดตามมา
“พรต! ทำไมถึงมาอยู่นี่” อสรพิษเขม้นมองอดีตคนสนิทที่แต่งกายกลมกลืนไปกับชาวเรือ
พรตซึ่งอยู่ในวัยกลางคนดูทรุดโทรมและเหนื่อยล้าลงไปมาก แต่มีบางอย่างในแววตาที่
สดใสกระจ่างจนชวนให้สะท้อนใจ
“ท่านชามัล” พรตทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “ชนะทัศน์บอกไว้ว่าผมมีโอกาสเพียงหนเดียว
ที่จะมาดักรอเจอท่าน หากว่าข้ามมายังอดีต ผมเลยเดินทางมาที่นี่ ก่อนจะใช้โมรารัตติกาล
เม็ดที่บังเอิญพบตรงจุดเกิดเหตุติดตามท่านมา”
“ว่าไงนะ” ชามัลตาลุกวาว แทบจะลืมทุกคนที่อยู่รายล้อมไปหมด
แต่สุดท้ายก็ยังลากแขนพรตแยกออกมา กระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน
“เจอโมรานั่นกี่เม็ด เอามันออกมาเดี๋ยวนี้ ยังมีเหลืออยู่ใช่ไหม”
“เสียใจท่านชามัล... หาทั่วแล้ว มันตกอยู่ที่นั่นเม็ดเดียวจริงๆ”
ชามัลหลับตาลงข่มกลั้นโทสะ ผ่อนลมหายใจ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ตลอดมาเขาไม่เคยใส่ใจในตัวข้ารับใช้ผู้ภักดีตนตั้งแต่อีกฝ่ายยังหนุ่มจนล่วงเข้ากลางคน
ถึงอย่างนั้นพรตก็ยังรอคอย ดั้นด้นตามมาได้จนถึงอดีต ทั้งรู้ใจ ยอมเสี่ยงภัย ความสัตย์ซื่อ
ที่อีกฝ่ายมีให้เขาอย่างไม่เคยเบี่ยงเบนคลาดคลาไปทางไหนทำเอาชามัลต้องอัศจรรย์ใจ
“เจ้ามันบ้า พรต...” อสรพิษร้ายในร่างคนส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “บ้าที่รักเจ้านายมากขนาดนี้
แต่สักวันข้าจะตอบแทนให้ถึงขนาด ให้สาสมกับความภักดีนี้แน่นอน”
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นร่างที่ว่ายเข้ามาใกล้ จนที่สุดก็ถึงตรงพื้นหินใต้น้ำที่เหยียบถึง
เจ้าของร่างนั้นกำลังตรงดิ่งมา เข้ามาใกล้จนผงาดเหนือเธอ ผู้หญิงสาวผิวออกขาวเผือด
สวยสง่าแต่ท่าทางป่าเถื่อนอย่างร้าย ร่างเพรียวแกร่ง กล้ามเนื้อท้องเห็นเป็นรอยชัด เหนือขึ้นไป
เป็นทรวงอกอวบที่คาดไว้ด้วยผ้าแถบสีน้ำตาลออกไปทางรุ่งริ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับนั้น
ทั้งคมทั้งดุ วาดไว้ด้วยสีดำคล้ำรอบดวงตาที่ดูเหมือนจะตรึงติดอยู่แทบเป็นถาวร
ท่าทางหญิงสาวแปลกหน้าราวกับจะคุกคาม แววตาดูเหมือนได้พบสิ่งถูกใจบ่งบอกว่าสิตาราควรระวัง
แต่ไม่รู้ทำไม เด็กหญิงเองก็รู้สึกถูกชะตาคนตรงหน้า
สิงหรานีเล็งเห็น เด็กคนนี้มีดวงหน้าละม้ายเด็กสาวคนซึ่งตนเคยพบ...เมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
และถ้าเป็นอย่างที่คิดละก็ เด็กนี่จะต้องเป็นน้องสาวของใครคนนั้นไม่ผิดแน่ คิดได้ดังนั้นก็แย้มยิ้ม
อวดให้เห็นฟันมีเขี้ยวข้างหนึ่ง เป็นยิ้มที่ดูน่าสะพรึงเมื่อบวกกับสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัวเอง
“เด็กน้อย ข้าว่า...เราควรจะไปด้วยกัน เจ้าคิดเหมือนข้าไหม”
วรรณะและนิลละต้องผิดหวัง อันที่จริงพวกเขาต้องการมาพบชายผู้หนึ่ง
จุดหมายคือเพื่อชวนไปเป็นสหายร่วมทำการใหญ่ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
บุคคลที่ว่าถอนตัวจากกลุ่มราศีสิงห์นานแล้ว ทว่าชายที่พวกเขามาตามหากลับไม่ปรากฏ
“น่าเสียดาย ท่านผู้นั้นจากไปกับคนอีกพวกหนึ่งแล้ว” ผู้ตอบจงใจไม่ขยายความว่ากลุ่มคนของราศีสิงห์
เพิ่งมาตามตัวชายที่คู่แฝดต้องการพบคล้อยหลังไปอีกทางเมื่อเพียงไม่กี่อึดใจนี้เอง! และที่ชายคนนั้น
ยอมไป ก็เพราะสารลับจากผู้ที่จะขึ้นเป็นผู้นำราศีคนใหม่เป็นสำคัญ
วรรณะและนิลละไม่รู้ตัวว่าเพราะเสียเวลาอยู่ที่สระมรกตนานไปไม่กี่อึดใจเท่านั้นจึงพลาดสิ่งสำคัญ
ฝาแฝดที่ผิดหวังกลับไปหาสิตารากับชามัลยังสระมรกต เมื่อไม่พบผู้ใดจึงรุดไปยังหาด ยังไม่ทันถึง
ก็ได้ยินเสียงเป่าสัญญาณจากเรือดำเรียกให้ลั่นไปหมด ทั้งคู่รีบร้อนไปถึงเรือพายลำเล็กที่รออยู่
“เร็วเข้าเถิดพวกท่าน!”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วเรือนั่นใคร ถ้าข้าจำไม่ผิดมันคือเรือสลัดของ...”
“ถูกแล้วท่านนิลละ คนของเกาะสิงห์มาที่นี่ ไม่เพียงเท่านั้น
นางที่ประกาศตัวเองว่าคือสิงหรานีผู้นำคนใหม่ยังเอาตัวท่านสิตาราไปแล้ว!”
“ออกเรือตาม เร่งความเร็วด่วนที่สุด!” นิลละตะโกน
“แต่ท่านชามัลหายไป” วรรณะยังพะว้าพะวง
“เขาตามมาไม่กี่อึดใจก็ทันเรา ไม่แน่อาจตามสิงหรานีอะไรนั่นไปด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ
เราต้องออกเรือตามท่านสิตาราเดี๋ยวนี้ ลืมแล้วหรือว่าเราดั้นด้นมาเพื่ออะไร”
นิลละเอ่ยเสียงต่ำ จ้องตาคู่แฝดนิ่งสงบ
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่การจะตามพวกภูตดาราแห่งสายลมของเรือสลัดนั่นไปไม่ง่ายเลย
แทบไม่มีวี่แววจะทัน”
“พลังที่สื่อถึงน้ำของเราสองคนน่าจะพอช่วยได้” คนเคร่งขรึมกว่าเอ่ย
“แต่เรายังไม่เคยใช้พลังที่ว่าในการบังคับเรือ” วรรณะส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ
ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้วเขาเองก็เป็นคนสู้ไม่ถอยไม่แพ้คู่แฝด แต่อดไม่ได้ที่จะกังขา
“ภูตดาราดำ เข้าที่!” นิลละออกคำสั่งเสียงดัง “ไม่ลองก็ไม่รู้ คราวนี้แหละ
จะได้สู้กับโจรสลัดแห่งน่านน้ำต้องสาปพวกนั้นดูสักที”
ชามัลมองหญิงสาวสามคนที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่แทบเท้าอย่างพึงใจ
สตรีพวกนี้ใช่ว่าโดนทำร้าย ทว่ากลับสิ้นสติไปด้วยแรงปรารถนาของเขาเอง
ซึ่งบ่มกลั่นอัดอั้นมากว่ายี่สิบปี ความโหยหิวที่จะเริงรักตามครรลองของสัตว์มีชีวิต
แต่ก่อนเขาไม่ใช่พวกมักมาก ทว่าหญิงพวกนี้ผ่านเข้ามาในหนทางอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิด
ให้เพริดไปจนถึงที่สุดของเขาพอดี ช่วยไม่ได้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าร่างใหม่ของเขาจะอิ่มจะพอเมื่อใด
ชายผู้เป็นเจ้าของดวงจิตดำมืดก้าวผ่านร่างสาวชาวเกาะที่สมยอมเต็มอกเต็มใจเหล่านั้นไป
อย่างหมดความไยดี กลายร่างเป็นงูดำปลาบพุ่งข้ามป่าไปสู่สระมรกต ทว่าเมื่อไปถึง...
เด็กหญิงซึ่งตนทิ้งไว้กลับหายตัวไปเสียแล้ว!
เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าเรือที่ควรจะทอดสมอรอตนก็อันตรธานหายไปจากที่ลอยลำอยู่
นี่พวกมันคิดพาสิตาราหนีจากเขาอย่างนั้นหรือ ในระหว่างที่ชามัลปิดกั้นจิตจากเด็กนั่นเพราะ
รำคาญกระแสรบกวนประหลาดที่ส่งออกมาจากตัวอีกฝ่าย ยิ่งเฉพาะในเวลาที่ตัวเองกำลัง
หาความสุขเขาก็ตัดขาดการรับรู้อื่น หลับหูหลับตาไม่สนใจสิ่งใดนอกจากไฟแห่งดำกฤษณาตรงหน้า
จนเมื่อมันมอดดับ มารู้ตัวก็สายไป
งูดำทะมึนทะยานไปเหนือเกลียวคลื่น เป็นครู่ใหญ่จึงโจนพรึ่บลงถึงดาดฟ้าเรือดำ
เลื้อยปราดไปยังหัวเรือที่นิลละและวรรณะหันมาตกตะลึง ก่อนจะผงาดขึ้นสูงกว่าศีรษะ
ของเด็กหนุ่มแฝด แผ่แม่เบี้ยคุกคาม ดวงตาเป็นสีแดงฉานยิ่งกว่าถ่านร้อนในนรก
“สิตาราอยู่ไหน! ไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าหรือไง”
“พวกข้าก็คิดว่าท่านสิตาราอาจไปกับท่านบนเรืออีกลำ นี่แปลว่าท่านทิ้งนางไปจากสระมรกตสินะ
มัวไปทำอะไรอยู่!”
“จะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า...” อสรพิษคำราม ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นจนแทบอดรนทนไม่ได้
“ข้าจะไปให้ถึงตัวเด็กนั่นก่อน พวกเจ้าถ้ามีปัญญาเร่งตามมาให้ทันก็แล้วกัน!”
บนเรือซึ่งมีนามว่า‘ลมกรด’ เหล่าภูตดาราแห่งสายลมในชุดเขียวหม่นอมเทาอย่างสีทหาร
ยืนเรียงรายสื่อกระแสจิตสู่พระพาย บังคับให้ลมพาเรือแฉลบแล่นฉิวตัดคลื่นไปได้อย่างไม่สะดุด
เวทลมขั้นสูงคือเคล็ดลับความว่องไวเป็นเจ้าทะเลของโจรสลัดกลุ่มราศีสิงห์ตลอดมา
ที่กลางเรือ เวลานี้สิงหรานีที่กำลังคุยกับเด็กหญิงอยู่อย่างเห็นเป็นสนุก
ภาษาลับของรัตติดาราเชื่อมโยงทั้งคู่ถึงกัน
“ข้าพูดไทยได้นะ ข้ามีเชื้อไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นพม่าปนกับแขกขาว
ถ้าเผื่อว่าเด็กอย่างเจ้าอยากจะรู้ บ้านแม่ข้าอยู่ที่เมืองตราด ไม่อยากจะคุย ต้นตระกูลเป็น
เจ้าเมืองเสียด้วย เสียแต่ว่าข้าดันชอบมาทางข้างพ่อที่เป็นโจร” คนพูดว่าแล้วก็หัวเราะดังลั่น
“ข้าเคยไปอยู่ที่ตราดพักหนึ่ง เป็นเมืองที่น่าอยู่มากถ้าไม่มีใครมาตามราวีจนต้องหนีก็คงอยู่ที่นั่น
ไปอีกนาน พี่สาวเป็นลูกครึ่งนี่เอง ถึงได้สวยแปลกตา ถึงดูเผินๆจะบ้าไปหน่อย”
สิตาราตอบโผงผางไม่ต่างกัน
“เออ เจ้านี่ก็เป็นเด็กที่กวนโทโสแต่น่ารักดี เหมือนข้าตอนเด็กๆอยู่เชียวละ”
คนพูดยื่นมือขาวแต่กร้านไปยีผมบนศีรษะเล็กๆ หมายเปลี่ยนคนตรงหน้าให้เป็นสิงโต
ที่ผงาดเหนือตัวผู้เหมือนตน
สิตาราหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ผมแห้งหมาดแล้วก็ค่อยๆฟูขึ้นมาเหมือนสิงโตสมชื่อสิงหรานี
ดูเป็นพวกมีวิชาแข็งแกร่งทั้งกำลังและอาคม แต่จะเอาชนะชามัลได้หรือเปล่า... ไม่ทันไรที่คิดดังนั้น
เจ้าของร่างเล็กก็เริ่มรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดจนโมราระอุขึ้น
“ดีใจที่ได้พบเจ้า ...ครั้งหนึ่งข้าเคยรู้จักคนที่หน้าตาเหมือนอย่างนี้”
สิตาราไม่ได้ยินคำพูดเข้าหู เพราะความรู้สึกกระตุกวูบแรงยิ่งปะทุขึ้นที่โมรา
ราวกับเลือดในอกของเธอจะพุ่งออกมาจากมัน
จนสตรีเจ้าของเรือก็พลันรู้สึกเมื่อเห็นเด็กหญิงนิ่วหน้า
“เป็นอะไร”
“งูจงอาง เขา...กำลังตามมา เขาโกรธมาก และตอนนี้ก็กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
เด็กหญิงกุมขมับ เกือบจะทรุดลงกองกับพื้น ขณะที่มือแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้กร้าวกระด้าง
กับทุกคนแต่ดูเหมือนจะชอบเธอเป็นพิเศษจับแขนสิตาราให้ทรงตัวยืนอยู่ได้
“เฮ้ย นังหนู ไม่ต้องกลัวไป เรากำลังจะถึงฝั่งตะนาวศรีอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว แผ่นดินอยู่อีกนิดเดียว
ถ้าตามไปทันกันที่นั่น อย่างน้อยมันก็จะได้ไปสู้กับข้าบนบก”
เรือลมกรดยิ่งเร่งความเร็วให้พุ่งไปข้างหน้าแรงและเร็วขึ้นอีก
ทั้งกำลังของภูติแห่งรัตติดาราสิงห์ที่เชี่ยวชาญเวทสายลม รวมกับ
แรงเครื่องยนต์ทันสมัยที่สุดของยุคนั้นช่วยส่ง พวกเขาผ่านหมู่เกาะเล็กเกาะน้อย
ใช้พวกมันกำบังลัดเลาะหลบหนีด้วยความชาญทะเลแถบนี้กว่าเรือของผู้ติดตาม
ทว่าขณะไปถึงและกำลังทยอยขึ้นบกนั้นเอง ทั้งสิตาราและสิงหรานีที่กำลังก้าวขึ้นไป
ตั้งหลักบนฝั่งก็ต้องตกตะลึงกับเสียงโครมใหญ่ที่อัดปะทะเรือลมกรดซึ่งลอยลำทอดสมอทิ้งไว้เบื้องหลัง
เมื่อหันมองกลับไป! ภาพที่ปะทะสายตาคือเงาร่างยาวๆสีดำคล้ายกลุ่มควัน
เคลื่อนไหวเร็วจนจับตาแทบไม่ทันกำลังพุ่งเข้าทะลวงลำเรือครั้งแล้วครั้งอีก
เจาะชอนไชเหมือนหนอนทำลายลูกแอ๊ปเปิ้ล ต่างตรงที่เป็นเรือเดินทะเลลำย่อม
ทั้งเศษโลหะและเศษไม้กระจายว่อน ก่อนจะมีเสียงลั่นครึ่ก แล้วเรือที่ทอดสมอ
อยู่ไม่ไกลฝั่งก็เริ่มเอียง ลูกเรือร้องเอ็ดตะโรกันยกใหญ่
“บัดซบเอ๊ย! มันทำลายเรือเราจนได้ นิสัยกัดไม่ปล่อยเหมือนจงอาง!”
นอกจากลูกเรือ ใจคนพูดยังห่วงคนพิเศษที่ตนเพิ่งพามาจากเกาะมรกต
เพราะตอนนี้คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมจะประมือกับใคร
“ชามัลเป็นพวกพยาบาท...” สิตารามองภาพนั้นด้วยแววตารู้สึกผิด
คล้ายเธอรู้อยู่แล้วว่าอาจเกิดเรื่องแบบนี้ แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆกลับรู้สึกแย่กว่าที่คิด
บางทีเขาคงไม่ได้ตามมาเพราะเขาเห็นค่าเธอ แต่เป็นโมรารัตติกาลต่างหาก
“บีบรัด ดักหน้าดักหลังศัตรูไว้ทุกทางเพื่อให้ตัวเองชนะ นั่นแหละผู้ชายชื่อชามัล”
สิตารายอมมาด้วยอย่างหนึ่งเพราะถูกชะตาสิงหรานี เพราะรู้ว่าขัดขืนหญิงกล้าแกร่งผู้นี้ไม่ได้
และบางทีก็อยากจะลองหนีไปจากชามัล แต่อีกใจก็รู้ คนอย่างนั้นต้องมาตามตนกลับไปแน่
ก็แค่อยากจะแก้เผ็ดเรื่องที่บังคับให้เธอแช่น้ำ ทั้งเรื่องที่เคยเป็นงูมารัด และเรื่องก่อนหน้านั้นอีกสารพัด
มันกำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนถึงความโกรธระดับนี้ของผู้รับใช้แห่งโมรา!
ข้างฝ่ายโจรสลัดก็คงไม่น้อยหน้า ยิ่งเรือโดนทำลายสิงหรานีคงไม่ยอมลดรา... บางทีถ้าสิตาราหนีไปเสีย
อาจเบี่ยงเบนความสนใจไปได้บ้าง อย่างน้อยชามัลจะได้มุ่งเป้ามายังเธอก่อนจะทันฆ่าใคร
ฉวยจังหวะที่นางสิงห์กำลังตะเบ็งเสียงเอะอะสั่งการลูกเรือที่เรียกหาแต่ชื่อ‘สิงหรานี’กันเซ็งแซ่
ร่างเล็กพรวดพราดหนีจากหาดทราย หวังจะพรางกายยังป่าละเมาะที่เห็นอยู่ทั่วไปแถบนั้น
ทว่าสายตาของนางสิงห์ผู้ดุดันกลับไวเหลือเชื่อตวัดมาเห็นเข้าจนได้ ร่างสูงเพรียวพุ่งเข้าหาสิตารา
คว้าแขนเอาไว้ด้วยมือเหนียวหนับ
“จะหนีไปไหน! เจ้าต้องอยู่กับข้า” หญิงสาวคำราม
“ปล่อยเถอะพี่สาว ถ้าเอาตัวข้าไว้พวกพี่จะเดือดร้อนนะ” สิตาราตอบอีกฝ่ายไปด้วยความห่วงใยมากกว่าอื่น
สิงหรานีไม่ได้หยุดฟังสิตารา แต่ต้องหันกลับไปมองต้นตอเสียงร้องโหยหวนซึ่งดังขึ้นใกล้ตัว
เลือดสดๆสาดเข้าตานางเต็มๆ เมื่อคนสนิทที่ยืนขวางอยู่แถวนั้นถูกร่างของงูพุ่งทะลุทรวงอกล้มลงขาดใจ
ทั้งเงาดำที่ทะลวงร่างนั้นยังอัดกระแทกลงทรายกระจุยขึ้นมาเต็มเหนี่ยว ปรากฏเป็นร่างชายสูงสง่า
ในชุดเกราะเกล็ดมันปลาบดำวาวน่าเกรงขาม ทั้งเข็มขัดข้อรัดทั้งตัวแลเหมือนครึ่งคนครึ่งอสรพิษ
สิตาราไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ ปกติชามัลมักแต่งกายให้กลมกลืนกับคนยุคนี้ที่ผ่านพบ
ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาพร้อมจะสู้อย่างไม่ออมมือ ทั้งที่ยังยืนเท้าสะเอวข้างหนึ่งในท่ารบกวนอารมณ์
ชาวบ้านซึ่งเป็นของถนัด ทว่าความแข็งกร้าวชัดเจนในดวงตานั้นทำให้บรรยากาศแปรไปโดยสิ้นเชิง
สิงหรานีคุมแค้นหนัก มองไปรอบๆยังเห็นอีกหลายศพบนหาดในสภาพไม่ต่างกัน
“ไอ้งูห่านรก แกเป็นใคร กล้าดียังไง!”
“โจรสลัดหนึ่งในรัตติดาราสินะ ข้าได้ยินลูกน้องเรียกหานามเจ้านายมันก่อนตาย”
ชามัลทำหน้ากวนอารมณ์แต่แววตาแข็งกร้าว จงใจราดน้ำมันลงบนไฟแค้นที่พลุ่งแรงอยู่แล้ว
ของผู้ซึ่งเห็นลูกน้องถูกเข่นฆ่าจนเลือดกระเซ็นเข้านัยน์ตาอย่างจัง “...ไม่เห็นจะต้องไว้ผม
ให้เข้ากับราศีขนาดนั้นเลยนี่” อสรพิษผู้มาเยือนเอ่ยเหยียดหยาม “ข้าชามัล เมห์ฮรา...รู้จักไหม
เมห์ฮรา ตระกูลแห่งแสงสว่างที่รัตติดาราเกลียดนักหนา” ชามัลกระซิบบอกเรื่องที่มาแห่งตน
ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ปรายตามองซากศพเกลื่อนกลาด แล้วหันมาพูดต่อ
“อย่าโทษที่ข้าเอาชีวิตคนของเจ้าเลยนะ ต้องโทษที่ตัวเจ้าบังอาจแตะต้องสมบัติของข้า
โทษตัวเองเถอะที่ทำให้มดปลวกพวกนี้ต้องตาย”
เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดเผยที่มาของตนต่อคน เรื่องที่แม้แต่วรรณะหรือนิลละก็ยังไม่เคยแม้แต่
รู้ระแคะระคาย หนึ่งเพราะอยากยั่วคู่ต่อสู้ ด้วยเล็งเห็นสตรีตรงหน้าคู่ควรจะประมือ สอง
จะมีอะไรดีไปกว่าทำให้มีคนแค้นเมห์ฮราเพิ่มขึ้นอีก
“อ่อ ไอ้พวกตระกูลเวรที่ทำเป็นใช้แสงสว่างสั่วๆช่วยพยุงโลก พลังหยั่งรู้! เฮอะ
แต่ที่แท้ก็แค่ชอบหาประโยชน์ใส่ตัว”
“ขอบคุณที่ชม ถ้าข้าได้เป็นหัวหน้าเมื่อไหร่ข้าจะเปลี่ยนมันเป็นตระกูลผู้หาผลประโยชน์
อย่างเป็นทางการเสียเลย พวกโง่ทั้งหลายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตีความ”
ชามัลหรี่ตาพินิจ แม้อีกฝ่ายทาตาดำ คิ้วหนาเข้มเรียงตัวรกไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิง
เขาก็ยังเล็งเห็นความงามคมเฉียบ...แต่ถึงจะสวยแค่ไหนก็ไร้ค่า ผู้ที่กล้าสำรากใส่หน้า
ทั้งขโมยของที่เป็นของเขา แค่ข้อเดียวก็เพียงพอจะทำให้เอามันถึงตายคามือได้แล้ว
ไม่ต้องตริตรองให้เสียเวลา ยังไม่รวมถึงด่าทอโคตรเหง้าตระกูล ที่แม้เขาคิดทำลาย...
แต่ต้องเป็นการทำลายด้วยการอุทิศกำลังและเลือดเนื้ออย่างสมเกียรติ
ไม่ใช่ปากหญิงไร้อารยะไม่รู้หัวนอนปลายตีน
“มาเดินเล่นอะไรที่นี่สิตารา” ชามัลเอ่ยข้ามหัวของสตรีที่ขวางหน้า “ช่วยยืนยันหน่อยซิ
เธอรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงที่ทำท่าเหมือนคนบ้าตรงหน้าฉันนี่ใคร พูด...ถ้าไม่อยากให้มีคนตายมากไปกว่านี้”
“สิงหรานี ผู้ครองราศีสิงห์” สิตาราพูดรัวเร็ว แน่ใจว่าชามัลไม่คิดเมตตาคนพวกนี้
แต่ก็ร้อนๆหนาวๆ ไม่อยากจะให้เขาโกรธขึ้นไปอีก ความโกรธของทาสรับใช้แห่งโมรายามนี้
ทำเอาเธอที่เป็นเจ้าของพลอยตัวสั่นใจสั่นไปด้วย แข้งขาก็อ่อนแรง “พอเถอะอย่าฆ่าใครอีกเลย
ฉันจะกลับไปกับชามัล”
“นังหนู! ใครบอกว่าจะให้เจ้าไป มาสู้กับข้าตัวต่อตัวดีกว่าชามัล ใครชนะได้เด็กนี่ไป”
สิงหรานีตวาดกร้าวพลางชักดาบยาวปลายบานเหมือนพร้าตัดปลายที่เหน็บหลังไว้ออกมา
ชี้หน้าคู่ต่อสู้ สิตาราเห็นโดยตลอดถึงลวดลายอักขระสีเงินลงยาดำขลังสะท้อนรับแสงปลาบ
ไล่ไปตามคมตั้งแต่โคนถึงปลายดาบ ไม่ใช่ภาษารัตติดารา แต่คงจะเป็นคำพม่าซึ่งดูเหมือนเป็น
พื้นเพของพวกที่มาจากเกาะสิงห์
ชามัลยิ้มเยาะโดยนัยน์ตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย วูบหนึ่งสิตาราคล้ายเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่
แล้วเขี้ยวนั้นก็อันตรธานหาย เมื่อร่างที่ปักหลักกางมือออกทั้งสองข้าง พลันปรากฏเป็นดาบสั้น
สองมือสีขาววับทรงโง้งไม่ต่างจากเขี้ยวงู และถ้าสายตาของเด็กหญิงมองไม่ผิด
ที่สันซึ่งหันออกหาศัตรูดูเหมือนจะมีรางปล่อยน้ำพิษยาวลงมาตลอดแนว
เรียกได้ว่าเฉือนโดนตรงไหนก็คงจะติดพิษตรงนั้น
“พี่สาว ระวังดาบเขี้ยวนั่นให้ดี มันมีพิษ” เด็กหญิงเตือน ถึงอย่างไรก็ยังไม่อยากให้หญิงสาวเท่ๆ
ตรงหน้าตนต้องมาตายง่ายดาย แต่ดูเหมือนตอนนี้ผู้ครองราศีสิงห์จะโกรธหนักยิ่งกว่าชามัลเสียอีก
ค่าที่เลือดของคนสนิทยังไหลอาบหน้า หญิงสาวใช้หลังมือปาดความเปียกชื้นและความอัปยศ
บนหน้าดุดันทิ้ง ถ่มน้ำลายลงพื้นทราย ก่อนจะโยนดาบปลายตัดหนาหนักขึ้นแล้วรับไว้ ควงรวดเร็วราวจักรผัน
ชามัลแสยะยิ้ม เขามีพลังความร้อนที่ผลักดันลมได้บางส่วน แต่ผู้หญิงคนนี้ใช้วิชาลมโดยตรง
ถึงได้ควงดาบหนักๆได้ราวกับมันไม่มีน้ำหนักอย่างนั้น อสรพิษไม่รอให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งตัว
ร่างในชุดดำสนิทกรากเข้าใส่สตรีที่ยืนคอยทันที
สิงหรานีปล่อยมือจากแขนของสิตาราเพื่อตั้งหลัก จังหวะนั้นเองเด็กหญิงจึงดีดตัวหนีห่าง
แต่ยังไม่อาจละสายตาจากภาพชวนหวาดเสียว เมื่อเงาดำของชามัลเร็วรี่พุ่งเข้าใส่ ข้างพี่สาวสุดโหด
ก็หันดาบเล่มยาวเข้ารับคมดาบเขี้ยวได้ว่องไวเป็นสามารถ แต่สุดท้าย...ชามัลก็ไวกว่าอยู่ดี
หัวหน้าแห่งพวกสิงห์ถูกกระแทกแรงจนเสียหลัก แต่จังหวะที่ร่างกระเด็นไป
คมดาบยาวกลับตวัดฉับเข้าหาต้นแขนของชามัล เลือดดำคล้ำสาดกระจาย
ตกต้องลงบนพื้นทรายกลายเป็นควันฉ่าพวยพุ่ง
คู่ต่อสู้ผละจากกันชั่วขณะ อสรพิษหนุ่มไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากมายไปกว่าหลากใจ
ดาบเล่มนั้นของผู้หญิงราศีสิงห์ตัดผ่านเกล็ดทะลุถึงเนื้อเขาได้ แบบนี้เรียกว่าคงจะมี‘ของดี’
ระดับตำนานอยู่กับตัวเป็นแน่ เขาก็แค่ขาดการระวัง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตนถึงเลือดตก
คราวนี้คงต้องเอาจริงเสียที
สิตาราตกใจที่ชามัลเลือดออก โลหิตดำข้นไหลอาบพื้นทรายกระหย่อมใหญ่
แต่ท่าทางเขาไม่ได้เจ็บปวด เธอจึงเบนสายตามายังพี่สาวที่ค่อยๆใช้ดาบยันตัวขึ้น
ทว่าเลือดสีแดงไหลออกจมูกทั้งสองข้าง บอกให้รู้ว่าภายในตัวคงกำลังบอบช้ำเพราะ
แรงโจมตีจากอสรพิษร้ายร่างคน เด็กหญิงคิดว่าจะมีใครเอ่ยอะไร แต่เปล่าเลย
รอบกายของชามัลเริ่มมีกลุ่มควันดำกระจายตัวคลุ้ง แล้วสิตาราก็เห็น!
เงาหัวแผ่พังพานมหึมากับตาสีแดงนั่นผงาดขึ้น
ลูกเรือที่ดูการประลองตัวต่อตัวอยู่พากันแตกตื่น แต่สิงหรานีคำรามกร้าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
พลางยกดาบขึ้นชี้ไปยังศัตรู ปากพึมพำคาถาบางอย่าง ก่อเกิดลมฟ้ากระโชกแรงพัดมาทันใด
สิตาราส่ายหน้าดิกก่อนตะโกนออกไป “อย่า---!” เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครหยุดฟัง
นี่มันก็แค่เสียงของเด็กอ่อนแอ แต่ถ้าเธอไม่ช่วย สิงหรานีจะต้องตายแน่ในคราวนี้
เด็กหญิงยกมือขึ้นแตะโมรา ระลึกถึงคำบังคับควบคุมพลังอำนาจของอัญมณีที่มิตรสอนให้จนขึ้นใจ
กับความรู้สึกเป็นสมาธิยามเมื่ออยู่กลางสระวันนี้ แล้วเพ่งกระแสแห่งใจทั้งหมดพุ่งตรงไปข้างหน้า
เพื่อหยุดชามัล!
งูยักษ์ที่กำลังส่ายเงาน่าสะพรึ่งเป็นจังหวะเตรียมโจมตีเหยื่อหยุดชะงัก...
รู้สึกเหมือนเลือดในกายกำลังร้อนขึ้นๆ แรงบีบที่จุดขึ้นมาพร้อมอำนาจสั่งโดยตรงจากโมรารัตติกาล
“หยุดเดี๋ยวนี่นะชามัล ฉันสั่งให้หยุด!” สิตาราตะโกนออกไปด้วยเสียงอ่อนล้า
แต่อาจเป็นเพราะน้ำตก ทำให้ใจเธอแข็งแรง ความคิดพุ่งตรงไปยังจุดเดียวยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยเป็น
แล้วภาพที่เกิดก็ทำให้ตกตะลึง เมื่องูดำบิดพราดคล้ายโดนตีขนดหาง ก่อนจะกลับร่างเป็นชามัล
คุกเข่าหอบหายใจอยู่กับพื้น เงยขึ้นมองคนตัวเล็กด้วยตาแดงฉานกราดเกรี้ยวราวกับอยากฆ่าเธอเสียแทน
“สิตารา!”
“แบบนี้เอง เด็กนั่นควบคุมแกได้” สิงหรานีร้องเสียงดัง
ชามัลทรงกายเหยียดยืนสง่า ขณะที่สิตาราตกประหม่ากับเสียงขู่ของเขา
อสรพิษร้ายเบนขวับกลับไปทางนางสิงห์ คู่ต่อสู้ประสานตากันอีกครั้ง
และกำลังจะพุ่งเข้าใส่กันในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า
ถ้าเสียงเย็นเรียบขรึมเสียงหนึ่งไม่แทรกขึ้น
“อย่ามาสู้กันต่อหน้าข้า รัตติดาราด้วยกันจะฟาดฟันกันไปไย...
ทางที่ดีควรให้ราศีที่สิบสามตัดสินใจไปเลยดีกว่า จะเลือกอยู่กับใคร”
ทั้งหมดมองไปยังต้นเสียง...ชายอายุราวสามสิบปลาย ดูสูงสง่าในชุดเทาเรียบๆราวกับบาทหลวง
ที่ชั้นเชิงผ้ายาวระขานั้นเป็นลายไทยอ่อนบางเห็นจางๆในเนื้อผ้า กับทรงผมตั้งๆไม่ยาวนักที่ชามัลรู้สึกว่า
ออกจะดูผิดยุคกว่าคนโบราณแถวนี้ไปมาก ถ้าไม่รวมนางสิงห์คลั่งตรงหน้าเขานี่เสียคน
“ตุลาการ!” นางผู้เป็นจ้าวราศีสิงห์อุทาน
“รู้จักข้าก็ดีแล้ว แต่ไม่ต้องแนะนำตัวหรอกนะ เพราะข้าได้ยินหมดแล้วว่าพวกเจ้าเป็นใคร”
ชามัลยิ้มมุมปาก ไม่เลวเลย คนมาใหม่นี้คงมีพลังปิดตาสูงยิ่ง จึงอำพรางการมีตัวตน
ทั้งที่อยู่ใกล้เพียงในป่าละเมาะไว้จากตาที่สามของคนอย่างเขาได้ แต่คงเพราะเป้าหมาย
ของเขามุ่งอยู่ที่การมาเอาตัวสิตาราคืนจากสตรีบ้าคลั่งมากกว่าอื่น ดูจากคำเรียกขาน
ของสิงหรานีบวกกับข้อมูลที่รู้มาจากวรรณะ เขาก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมาจากราศีไหน
พวกดาวตราชั่ง...ราศีตุลย์ มีหน้าที่ไกล่เกลี่ยรักษายุติธรรมในรัตติดารา
“ก็นับว่าทำหน้าที่ได้ดี โผล่หัวมาได้จังหวะ” อสรพิษเอ่ยยิ้มๆ
สิงหรานีส่ายหน้า พลางใช้นิ้วปาดเลือดจากจมูกที่ไหลเข้าปากทิ้ง
“เรากำลังตกลงกันด้วยการต่อสู้ อย่าสะเออะมาแทรกหน่อยเลย”
“ข้าบอกตอนไหนว่าจะตกลงกับเจ้า” ชามัลเอ่ยขำๆ “เด็กนี่เป็นของข้าแต่แรก
ยังไงก็ไม่พ้นมือ แล้วก็ไม่ต้องรอให้ใครช่วยไกล่เกลี่ยอะไรข้าก็ชนะใสๆ”
สิ้นคำชามัล ทั้งสองคนก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้าโรมรันกันอีกรอบ
“พอแค่นี้แหละ! ฉันจะกลับไปกับชามัล” เสียงตัดบทจากคนตัวเล็กดังขัดจังหวะ
...ที่เลือกแบบนี้ เหตุผลแรก จะต้องมีคนตายอีกแน่ ไม่ใช่ตัวสิงหรานีก็คงเป็นพวกภูตดาราแห่งสายลม
ที่เป็นลูกน้อง ถึงเธอจะยอมตามมาเอง แต่ตอนนี้เกมเลือดสมควรจะจบลงได้แล้ว สิตาราไม่อยากเห็นเลือดอีกเลย
“ไปสิ ไว้สะสางความผิดของเธอกันทีหลัง ได้ฆ่าโจรไปมากพอดู...ค่อยหายโกรธ
ที่เหลือฝากด้วยก็แล้วกัน ตุลาการ”
ชามัลแปรเปลี่ยนเป็นงูยักษ์อีกครา เลื้อยพรวดเหมือนควันดำเข้าหาสิตารา
หมายจะกระชากให้โลดลิ่วกลับไปยังเรือดำที่ยังอยู่นอกอ่าวด้วยกัน ทว่านางสิงห์ที่ไวราวลมกรด
ยังคิดพุ่งตามไม่ชักช้า ติดก็แต่ผู้มาใหม่ปรี่เข้าขวางกั้นทันท่วงทีด้วยจักรคมกริบขนาดใหญ่ที่เดิม
ซ่อนไว้ตรงแผ่นหลัง
“ถ้าอยากระราน สู้กับข้าแทนนี่...สิงหรานี”
“ถุย! ตุลาการจุ้นจ้านเหมือนที่ได้ยินไม่มีผิด ไม่ต้องมาทำเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
เจ้าก็แค่เข้าข้างพวกพิจิก อยากให้แม่ชีดำได้ตัวเด็กไป” หญิงสาวสบถอย่างไม่เชื่อถือ
“ก็ใช่ ในเมื่อราศีที่สิบสามจะทำให้ความแตกร้าวสงบลง
แล้วทำไมข้าต้องเข้าข้างโจรที่มองเพียงประโยชน์ของตัว”
ตาคมดุของนางสิงห์มองข้ามไหล่ชายที่มาขวางไปยังโพ้นทะเล
เห็นสิ่งมีชีวิตเลื้อยคลานนั่นกำลังพาเหยื่อของตนไกลออกไปทุกที
เรือลมกรดก็พังเสียหายต้องซ่อมแซม หมดหนทางจะติดตาม... วันนี้นางแพ้
แต่มันเป็นแค่วันแรกของการต่อสู้ที่นางสิงห์จะไม่ลืม
ตุลาการผู้นี้คงแทบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างูร้ายนั่นสักกี่มากน้อย นางไม่กลัว
แต่ยังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการอีกมากนัก “เอาเถอะ ข้ายังไม่อยากลงมือกับตุลาการในตอนนี้
แต่ขอให้จำไว้ เรื่องทุกอย่างสิงหรานีคนนี้ไม่มีวันลืม!”
เมื่อพวกสลัดกลุ่มสิงห์ถอยห่างออกไปจัดการกับเรือและคนเจ็บคนตาย ได้เวลาที่ตุลาการ
จะผละจาก ณ ป่าละเมาะนั้นมีร่างบอบบางน่าถนอมร่างหนึ่งรอคอยเขาอยู่
พร้อมสายตาหนักใจที่ส่งมาให้เหมือนเคย
“พี่ชายเสี่ยงมากที่ออกไปคนเดียว ทำไมไม่เอามณีสีรุ้งติดตัวไปด้วยคะ
มาฝากไว้กับน้องอยู่แบบนี้” สาวน้อยผมบ๊อบจัดลอนหยักแนบศีรษะตามสมัยนิยม
อย่างชาวพระนครขยับลุกยืน แบมือเรียวออก เห็นสร้อยเส้นยาวห้อยเม็ดจี้โอปอล
รูปไข่สีทองอ่อนๆ ทอประกายรุ้งพร่างพรายยิ่งกว่าโอปอลเม็ดใด
ตุลาการมองน้องน้อยวัยแรกผลิที่อ่อนกว่าเขามากอย่างเอื้อเอ็นดู “เก็บไว้กับน้องละดีแล้ว รตี...
เพราะพี่จะรักษาความเป็นตุลาการไว้ได้ในระดับพอดีๆก็ต่อเมื่อไม่มีอำนาจมากนัก หากมีสิ่งที่
ทำให้พลังอำนาจเพิ่มมาพี่อาจคลั่งเลือด น้องเองก็รู้ดี”
วรรณะกับนิลละยินดีเป็นอันมากที่สิตาราและชามัลกลับถึงเรือดำที่เร่งแล่นติดตามมาถึง
ระยะขนาดนี้ใกล้จนเห็นเรือลมกรดเอียงกะเท่เร่สภาพยับเยิน เรือดำรีบตีลำหันหัวลงใต้
เตรียมขึ้นฝั่งในที่ห่างออกไปจากจุดที่สิงหรานีและตุลาการอยู่
“เดิมทีเราตั้งใจจะขึ้นฝั่งพม่าแล้วตัดไปขึ้นเรือลำใหม่ที่มารอแถวบางสะพานอยู่แล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ขึ้นฝั่งเยื้องไปสักหน่อยแล้วเดินทางตัดแผ่นดินตรงไปได้เลย”
“ดี ยังไงสิงหรานีกับพวกราศีตุลย์ที่มาใหม่ก็คงไม่ว่างตามเราตอนนี้ พวกเจ้าก็แล่นเรือไปให้ถึงเร็วๆ
ส่วนข้ามีเรื่องต้องคุยกับเด็กในปกครอง”
ชามัลผลักสิตาราที่เงียบกริบเข้าไปในห้องส่วนตัวแคบๆที่มีเตียงสองชั้น
ก่อนจะเริ่มด้วยน้ำเสียงคุกคาม
“พยายามทำอะไร... ไอ้ที่เธอทำตอนฉันกำลังสู้นั่น มันฆ่าฉันได้เลยนะ
ต่อหน้าผู้หญิงที่มีดาบแบบนั้น”
สิตารามองแผลที่แขนซึ่งอีกฝ่ายหันให้ดูจะๆ ยังเห็นเลือดสีดำไหลซึมเป็นคราบกรัง
“หรือว่าการทำลายฉัน นั่นคือจุดประสงค์ของเธอ” ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำอย่างเดือดดาลถึงที่สุด
“นางโจรพรรค์นั้น มันพิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วหรือไงว่ามันพร้อมจะให้สิ่งที่ดีกว่า
ไม่นึกเลยว่าเด็กอย่างเธอจะทำได้ถึงขนาดนี้” คราวนี้ชามัลไม่พูดเปล่า
ยังเข้ามาจับสิตาราเขย่าแรงด้วยสองมือจนหัวสั่นหัวคลอน
“หยุดนะ!” เด็กหญิงดิ้นสะบัด ไม่เพียงเท่านั้นยังร้องไห้ออกมา “ก็ตัวเองอยากฆ่าคนมากมายทำไม”
“ฆ่าโจรมันผิดด้วยเรอะ อย่ากล้าดีมาพูดเหมือนอยู่ๆฉันไปรังแกพวกมันก่อน” ชามัลเริ่มหัวเสียมากขึ้นเรื่อยๆ
“พวกนั้นแค่ทำตามคำสั่ง ไม่ลองคิดว่าคนที่ตายเป็นญาติพี่น้องตัวเองล่ะ ฆ่าคนเป็นเบือ
เลวไม่มีที่เปรียบ ฉันเกลียดชามัลที่สุด!” สิตารารู้ดีว่าที่ผ่านมาเธอชอบเขา ไม่ได้เกลียด
อย่างที่ร้องปาวๆ แต่ตอนนี้ก็ชักจะอยากเกลียดเสียจริงๆ
ชายหนุ่มผู้ซ่อนร่างอสรพิษคลายมือจากเด็กหญิงที่ร้องไห้ไม่หยุด หรี่ตามองเธอ
อย่างสมเพชระคนชิงชัง “ท่าทางเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้เสียแล้ว ขืนอยู่กันไปฉันคงต้องฆ่าเธอด้วย
ให้คิดว่าคนตายเป็นญาติพี่น้องเรอะ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ เธอคงลืมไปแล้วละมัง ว่าฉันอยากจะ
ขุดรากถอนโคนไอ้พวกญาติพี่น้องเมห์ฮรากเฬวรากของฉันแค่ไหน”
สิตารามองคนพูดอย่างทดท้อ นั่นสินะ ไม่น่าลืมเลยว่าเขามีแต่ความคิดจะทำลาย
ทว่าที่จริงชามัลไม่ได้ใส่ใจเกลียดชังใครในตระกูลเป็นพิเศษ เขาแค่แค้นที่เมื่ออัคนิกลับมา
ก็มีแต่คนพลอยยินดี ไม่มีแม้ใครสักคนที่เสียเวลาจัดงานศพให้เขาด้วยซ้ำ!
ชามัลปล่อยให้หน้าที่ดูแลเด็กหญิงตกเป็นของคู่แฝด อสรพิษในคราบชายหนุ่มยังคง
ซ่อนความโกรธอันเดือดพล่านไว้ตลอดเวลาที่พวกเขาขึ้นบกและเดินทางตัดป่าแดนพม่า
เข้าสู่แผ่นดินสยาม จนล่วงเข้าเขตบางสะพาน บริเวณที่นัดหมายกับเรือไว้อยู่ใกล้บ่อทองหลาง
หาดเล็กๆในส่วนของแผ่นดินที่ยื่นออกสู่ทะเล
ทว่า...ใกล้กับเรือนั้น มีใครบางคนที่ทำให้ชามัลแทบลืมความเกรี้ยวกราดลงไปได้ชั่วขณะ
เป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาอดีตอันไกลแสนไกลเกินใครจะติดตามมา
“พรต! ทำไมถึงมาอยู่นี่” อสรพิษเขม้นมองอดีตคนสนิทที่แต่งกายกลมกลืนไปกับชาวเรือ
พรตซึ่งอยู่ในวัยกลางคนดูทรุดโทรมและเหนื่อยล้าลงไปมาก แต่มีบางอย่างในแววตาที่
สดใสกระจ่างจนชวนให้สะท้อนใจ
“ท่านชามัล” พรตทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “ชนะทัศน์บอกไว้ว่าผมมีโอกาสเพียงหนเดียว
ที่จะมาดักรอเจอท่าน หากว่าข้ามมายังอดีต ผมเลยเดินทางมาที่นี่ ก่อนจะใช้โมรารัตติกาล
เม็ดที่บังเอิญพบตรงจุดเกิดเหตุติดตามท่านมา”
“ว่าไงนะ” ชามัลตาลุกวาว แทบจะลืมทุกคนที่อยู่รายล้อมไปหมด
แต่สุดท้ายก็ยังลากแขนพรตแยกออกมา กระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน
“เจอโมรานั่นกี่เม็ด เอามันออกมาเดี๋ยวนี้ ยังมีเหลืออยู่ใช่ไหม”
“เสียใจท่านชามัล... หาทั่วแล้ว มันตกอยู่ที่นั่นเม็ดเดียวจริงๆ”
ชามัลหลับตาลงข่มกลั้นโทสะ ผ่อนลมหายใจ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ตลอดมาเขาไม่เคยใส่ใจในตัวข้ารับใช้ผู้ภักดีตนตั้งแต่อีกฝ่ายยังหนุ่มจนล่วงเข้ากลางคน
ถึงอย่างนั้นพรตก็ยังรอคอย ดั้นด้นตามมาได้จนถึงอดีต ทั้งรู้ใจ ยอมเสี่ยงภัย ความสัตย์ซื่อ
ที่อีกฝ่ายมีให้เขาอย่างไม่เคยเบี่ยงเบนคลาดคลาไปทางไหนทำเอาชามัลต้องอัศจรรย์ใจ
“เจ้ามันบ้า พรต...” อสรพิษร้ายในร่างคนส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “บ้าที่รักเจ้านายมากขนาดนี้
แต่สักวันข้าจะตอบแทนให้ถึงขนาด ให้สาสมกับความภักดีนี้แน่นอน”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ธ.ค. 2556, 12:37:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2556, 17:45:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1520
<< บทที่ ๙ คู่ผจญกรรม(...จบบท) เริ่มบทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ! | บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว... >> |

อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 12:38:15 น.
คุณเกดซ่า – วันนี้เกดซ่าตื่นแล้ว เดี๋ยวต้องมาแน่เลย เค้าเริ่มป่วยแล้วง่าเกดซ่า งอแง อยากกินน้ำเย็น
อยากกินซุชิ อยากกินสุกี้ บาบีคิว ดิ้นพราดๆ เริ่มมั่วละ นิยายออกตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอก คนสนใจแต่ไปเที่ยว
กับไปม็อบ เหอๆ
คุณหนูยิ้ม – วันนี้มาทันพักเที่ยงไหม ถ้าไม่ทันก็กลับมาอ่านตอนเย็น สอบอยู่ด้วยนิ สู้ๆ
คุณเลิฟหมวย – งูหนุ่มงอนเด็กแล้ว เหอๆ เด็กก็งอนตอบ เอาไงดีน้า ...คนเขียนไม่ชอบความหนาวเลยค่ะ ป่วยแล้ว
คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์มีสองแบบ คือมาเช้าเกิน กับมาสายเกิน ไม่มีมาพอดีๆ เหอๆๆ
คุณหนอนน้อย – เรื่องวรรณะกับนิลละ ต้องรอติดตามต่อเอาเอง งี้ๆๆ ส่วนงูกับสิงห์น่ะไม่ปิ๊งกันหรอกนะ
ตอนนี้งูอยากตีเด็กด้วย กำลังหาทางจัดการที่เหมาะสมอยู่
คุณบุลินทร – ก็ไปนะ แต่ไปได้ไม่กี่น้ำ คนเค้าหวงของเค้า หนูสิต้าคิดถึงมิตรแล้ว เกลียดงู
คุณเฟอร์ สุดหื่น – ฟีโรโมนเรียกราศี เชือ่เค้าเลย ฟังดูน่าเกลียดแท้ๆ พี่รองรอก่อนสิ ตัวละครมันเยอะนะ
ส่วนงูเค้าไม่เสพสุขกะตัวเองหรอก มีคนพิศวาสเค้าเยอะไป คนมันหน้าตาดีแถมลีลาเด็ดอะนะ
คุณโกลเด้นซัน – วรรณะกับนิลละยังเด็กค่ะ อายุ14เอง เด็กกว่ามัชฌิม์อีก ต้องฟักตัวอีกนาน
ส่วนงูไม่ยอมสิงห์แน่นอน กับตัวละครสำคัญที่ออกมาขวางกลางก็ควรระวังเหมือนกัน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – จริงๆเด็กน้อยลงมานอนกับงูค่ะ แบบว่าลงมาแหย่แล้วเผลอหลับอะนะ
แต่ตอนนี้งอนกันไปแล้ว เรื่องนี้หนุ่มๆเพียบ แบ่งๆกันไปได้เลยค่ะ


คุณเกดซ่า – วันนี้เกดซ่าตื่นแล้ว เดี๋ยวต้องมาแน่เลย เค้าเริ่มป่วยแล้วง่าเกดซ่า งอแง อยากกินน้ำเย็น
อยากกินซุชิ อยากกินสุกี้ บาบีคิว ดิ้นพราดๆ เริ่มมั่วละ นิยายออกตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอก คนสนใจแต่ไปเที่ยว
กับไปม็อบ เหอๆ
คุณหนูยิ้ม – วันนี้มาทันพักเที่ยงไหม ถ้าไม่ทันก็กลับมาอ่านตอนเย็น สอบอยู่ด้วยนิ สู้ๆ
คุณเลิฟหมวย – งูหนุ่มงอนเด็กแล้ว เหอๆ เด็กก็งอนตอบ เอาไงดีน้า ...คนเขียนไม่ชอบความหนาวเลยค่ะ ป่วยแล้ว
คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์มีสองแบบ คือมาเช้าเกิน กับมาสายเกิน ไม่มีมาพอดีๆ เหอๆๆ
คุณหนอนน้อย – เรื่องวรรณะกับนิลละ ต้องรอติดตามต่อเอาเอง งี้ๆๆ ส่วนงูกับสิงห์น่ะไม่ปิ๊งกันหรอกนะ
ตอนนี้งูอยากตีเด็กด้วย กำลังหาทางจัดการที่เหมาะสมอยู่
คุณบุลินทร – ก็ไปนะ แต่ไปได้ไม่กี่น้ำ คนเค้าหวงของเค้า หนูสิต้าคิดถึงมิตรแล้ว เกลียดงู
คุณเฟอร์ สุดหื่น – ฟีโรโมนเรียกราศี เชือ่เค้าเลย ฟังดูน่าเกลียดแท้ๆ พี่รองรอก่อนสิ ตัวละครมันเยอะนะ
ส่วนงูเค้าไม่เสพสุขกะตัวเองหรอก มีคนพิศวาสเค้าเยอะไป คนมันหน้าตาดีแถมลีลาเด็ดอะนะ
คุณโกลเด้นซัน – วรรณะกับนิลละยังเด็กค่ะ อายุ14เอง เด็กกว่ามัชฌิม์อีก ต้องฟักตัวอีกนาน
ส่วนงูไม่ยอมสิงห์แน่นอน กับตัวละครสำคัญที่ออกมาขวางกลางก็ควรระวังเหมือนกัน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – จริงๆเด็กน้อยลงมานอนกับงูค่ะ แบบว่าลงมาแหย่แล้วเผลอหลับอะนะ
แต่ตอนนี้งอนกันไปแล้ว เรื่องนี้หนุ่มๆเพียบ แบ่งๆกันไปได้เลยค่ะ




ketza 23 ธ.ค. 2556, 12:47:17 น.
กรี๊ดดดดดดดด ท่านพี่มาแว้ววววววววว
กรี๊ดดดดดดดด ท่านพี่มาแว้ววววววววว

ketza 23 ธ.ค. 2556, 13:05:53 น.
โห........ท่านพี่ชามัล เอิ่ม..จัดไปสาม เอิ้กๆๆๆๆ >////<
....สิงห์สาวก็ใช่ย่อยนะเนี่ย โหดพอกัน เหอๆๆๆ
...พรตมาขโมยซีนตอนท้ายอ่ะ ซึ้งได้อีก เยี่ยมมากที่สุด ปรบมือคร๊า....
โห........ท่านพี่ชามัล เอิ่ม..จัดไปสาม เอิ้กๆๆๆๆ >////<
....สิงห์สาวก็ใช่ย่อยนะเนี่ย โหดพอกัน เหอๆๆๆ
...พรตมาขโมยซีนตอนท้ายอ่ะ ซึ้งได้อีก เยี่ยมมากที่สุด ปรบมือคร๊า....

บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 16:53:15 น.
ชื่อตอนผิดรึเปล่า ชิ้งหรือชิงราศี
ชื่อตอนผิดรึเปล่า ชิ้งหรือชิงราศี

ketza 23 ธ.ค. 2556, 16:54:18 น.
***คุงบุลินทร เกดก็เห็นแว้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามุกของคุงอสิหรือเปล่า 555...
***คุงบุลินทร เกดก็เห็นแว้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามุกของคุงอสิหรือเปล่า 555...

ดังปัณณ์ 23 ธ.ค. 2556, 17:03:18 น.
คุณแป้งยั่วอ่าาาาาาาาาาาาาาาาา ชริ! ตอนนี้ชั้งชังชามัลอ่า เห้ออออออออออ แรงอ่ะ หนูสิก็ไม่ยอม ชาจังก็ไม่ยอม แล้วทีเงี้ยจะรักกันยังไง ฮือๆๆ อยากรู้ใจจะขาด
ปล.ชริ! ผู้หญิงตั้งสามคน หนูสิโตแล้วแอบนอกใจล่ะคอยดู๊
คุณแป้งยั่วอ่าาาาาาาาาาาาาาาาา ชริ! ตอนนี้ชั้งชังชามัลอ่า เห้ออออออออออ แรงอ่ะ หนูสิก็ไม่ยอม ชาจังก็ไม่ยอม แล้วทีเงี้ยจะรักกันยังไง ฮือๆๆ อยากรู้ใจจะขาด
ปล.ชริ! ผู้หญิงตั้งสามคน หนูสิโตแล้วแอบนอกใจล่ะคอยดู๊


อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 17:46:31 น.
เราเขียนชื่อตอนผิดจริงด้วย เกดซ่าไม่ยอมบอกเรา ต้องรอให้มี่จังมาบอกอ่า


ketza 23 ธ.ค. 2556, 18:03:59 น.
นึกว่าเล่นมุกไง เหมือนสะดวกดายอ่ะ 555..
นึกว่าเล่นมุกไง เหมือนสะดวกดายอ่ะ 555..

บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 18:15:59 น.
แอบสงสัยสะดวกดายเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ตกลงถูกใช่มั้ยนั่น
แอบสงสัยสะดวกดายเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ตกลงถูกใช่มั้ยนั่น

ริญจน์ธร 23 ธ.ค. 2556, 18:44:04 น.
พี่มูนมาช้าเลยไม่ทันเห็นเลย
พี่มูนมาช้าเลยไม่ทันเห็นเลย


อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 19:14:09 น.
สะดวกดาย... คำปกตินิ เห็นในหนังสือบ่อยออก
เกดซ่าไม่คุ้นไม่เป็นไร แต่บุลินทรนี่...

เกดซ่าไม่คุ้นไม่เป็นไร แต่บุลินทรนี่...


ketza 23 ธ.ค. 2556, 19:24:59 น.
5555... คุงบุลินโดนเบย ฟิ้ววววว.......
5555... คุงบุลินโดนเบย ฟิ้ววววว.......

บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 19:41:25 น.
แง TT
แง TT

konhin 23 ธ.ค. 2556, 22:09:27 น.
โอ๊ะ คุมชามัลได้ด้วย เย้ๆ
โอ๊ะ คุมชามัลได้ด้วย เย้ๆ

SunSeed 23 ธ.ค. 2556, 23:27:16 น.
สิงหรานีนี่ ออกแนว "ถ่อย" จังนะคะพี่แป้ง เหอๆๆๆ
ปล.ชั้นรักชามารเหมือนเดิม อิอิ
สิงหรานีนี่ ออกแนว "ถ่อย" จังนะคะพี่แป้ง เหอๆๆๆ
ปล.ชั้นรักชามารเหมือนเดิม อิอิ

goldensun 24 ธ.ค. 2556, 19:43:43 น.
กลายเป็นว่า สระมรกตทำให้จิตของสิตารามีสมาธิจนคุมชามัลได้ แต่ก็นะ ข้ารับใช้แรงๆ นายก็มีสิทธิ์เอาไม่อยู่เหมือนกัน
ราศีตุลย์จะมีคลั่งเลือดกับเค้าด้วย สงสัยสิบสองราศีแบ่งพวกสู้กันเละแน่ ถึงต้องมีราศีที่สิบสามคอยคุม
พรตตามมาจนเจอซะด้วย เก่งจริงๆ ขนาดไม่มีพลังเด่น นอกจากใจที่ภักดีนะนี่ ความดีอะไรของชามัลผูกใจพรตไว้นะ
กลายเป็นว่า สระมรกตทำให้จิตของสิตารามีสมาธิจนคุมชามัลได้ แต่ก็นะ ข้ารับใช้แรงๆ นายก็มีสิทธิ์เอาไม่อยู่เหมือนกัน
ราศีตุลย์จะมีคลั่งเลือดกับเค้าด้วย สงสัยสิบสองราศีแบ่งพวกสู้กันเละแน่ ถึงต้องมีราศีที่สิบสามคอยคุม
พรตตามมาจนเจอซะด้วย เก่งจริงๆ ขนาดไม่มีพลังเด่น นอกจากใจที่ภักดีนะนี่ ความดีอะไรของชามัลผูกใจพรตไว้นะ

นักอ่านเหนียวหนึบ 24 ธ.ค. 2556, 23:23:18 น.
เรื่องนี้มีแต่คนแร๊งๆๆ กันทั้งนั้นเลย
หนูสิจะอดทนได้แค่ไหนน้าาา
ถรูด (เสียงถ่มน้ำลายลงคีย์บอดร์ด!!!!! )
เรื่องนี้มีแต่คนแร๊งๆๆ กันทั้งนั้นเลย
หนูสิจะอดทนได้แค่ไหนน้าาา
ถรูด (เสียงถ่มน้ำลายลงคีย์บอดร์ด!!!!! )

Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 16:17:45 น.
เหยยยย มีแต่คนบ้าเลือดอ่า ฝั่งนี้ฝั่งนู้น
ดูจิตไม่ปกติสักคน 5555 แต่คนอ่านก็บ้าอ่านน้า
ตางูจัเดือดไปไหน ช่างเป็นข้ารับใช้ที่รุนแรงจุงเบย
หื่นจัดอีกตะหาก ตั้งสามสาวยังทำเอาสลบ
แล้วยังแรงเหลือมาตามสิต้า มาฟัดกะสิงหรานีอีก
เชื่อแล้วว่างูบ้าจริงๆๆๆๆ
เหยยยย มีแต่คนบ้าเลือดอ่า ฝั่งนี้ฝั่งนู้น
ดูจิตไม่ปกติสักคน 5555 แต่คนอ่านก็บ้าอ่านน้า
ตางูจัเดือดไปไหน ช่างเป็นข้ารับใช้ที่รุนแรงจุงเบย
หื่นจัดอีกตะหาก ตั้งสามสาวยังทำเอาสลบ
แล้วยังแรงเหลือมาตามสิต้า มาฟัดกะสิงหรานีอีก
เชื่อแล้วว่างูบ้าจริงๆๆๆๆ
