โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา
ตอน: บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว...
บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว
เรือลำใหม่พาพวกเขาเดินทางจากประจวบคีรีขันธ์ ข้ามอ่าวไทยไปสู่ประจันต์คิรีเขตต์
ซึ่งอยู่บนระนาบเส้นรุ้งเดียวกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาลอยลำรอคอยอยู่สองสามวัน
จึงถึงคืนแรมที่เกาะเงาซึ่งเร้นในแดนรัตติกาลจะเปิดทาง
สิตาราตะลึงมองชายหาดทรายขาวพราวระยิบระยับ เหมือนลาดโรยไว้ด้วยเศษเล็กละอองน้อย
ของสะเก็ดดาวบนท้องฟ้า น้ำใสยิ่งกว่ากระจก แม้อาศัยเพียงแสงจันทร์และแสงดาวที่สาดลงมา
ก็เห็นทะลุไปถึงไหนๆ
และที่กลางปล่องภูเขาทะมึน เบื้องบนเปิดโล่งเห็นฟ้าดารดาษดาว ทว่าทะเลสาบ
ที่ทอดอยู่ก้นบึ้งนั้นกลับไม่สะท้อนภาพของสิ่งใดเลย มันดูมืดตื้อเหมือนกระจกเงาแห่งราตรี
บนศาลาขนาดใหญ่ริมน้ำนั้นเอง แม่ชีดำและนักบวชดำรอคอยต้อนรับการมาของเด็กหญิงอยู่แล้ว
ทั้งคู่มีผ้าคลุมดุจราตรีคลุมไหล่ไว้มิดชิด แม่ชีดูยิ้มย่องเยียบเย็นในสีหน้า ผมดำเป็นทรงเหมือน
หางแมงป่องสมราศีพิจิก ส่วนนักบวชเคร่งขรึมปึ่งชาผมตัดสั้นเกรียน กลิ่นอายชวนเกรงขาม
โชยออกมาพอกัน
และสิ่งแรกที่สิตาราเอ่ยถามกับคนพวกนั้น ก็คือเป้าหมายเพียงอย่างเดียวที่หัวใจดวงน้อย
จดจ่ออยู่ตลอดเวลา “พี่ดารายังอยู่กับพวกท่านหรือเปล่า! ข้าอยากพบพี่”
แม่ชีดำเอียงคอ ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะตอบ “โธ่ ท่านผู้เป็นราศีที่สิบสามของข้า
เสียใจยิ่งแล้วที่ทำให้ท่านตัวน้อยๆต้องผิดหวัง...ถ้าให้พูดตามตรง หากพี่ท่านไม่ตายเสียแล้ว
ก็สังหรณ์ว่าคนพวกอื่นเอาตัวนางไป นานหลายปีมานี้ไร้ร่องรอยนางรวมถึงตัวท่านเองก็ด้วย
จนพวกเราแทบจะหมดหวังกัน”
เมื่อสหายหญิงของตนกล่าวนักบวชดำกลับเมินมองไปทางอื่น ลอบถอนหายใจยาว
ในขณะที่สิตารานิ่งอั้น แล้วหยดน้ำตาก็ค่อยๆรินไหล ความหวังทั้งหมดเหมือนจะหรี่ดับ
ลงในเวลานั้นเอง ชามัลก็เพียงแต่พูดให้ความหวัง ให้เธอยอมมาจนถึงที่นี่ แต่มิตรล่ะ
เขาหลอกเธอว่าพี่ยังไม่ตาย หรือว่ามิตรเองก็ไม่รู้จริงๆว่าพี่ยังอยู่หรือไม่อย่างไร
ค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงต้อนรับ แม่ชีดำหรี่ตาลอบสังเกตชามัลเป็นพิเศษ ต่างกับผู้มีใจอสรพิษ
เขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งใดในที่นั้นเลย จริงอยู่ เขาเคยหมายใจจะมาให้ถึงที่นี่ ที่ของรัตติดารา
แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น คนพวกนี้บอกว่าเด็กหญิงจะยังไม่ได้อำนาจมาจนกว่าจะอายุสิบเก้า
ซึ่งเป็นข้อแม้ของอำนาจเก่าแก่โบราณ แม้เขาจะใช้กำลังเร่งรัดก็คงไม่มีวันได้สมดั่งใจ
ดังนั้นอสรพิษหนุ่มจึงไม่สบอารมณ์เอามากๆ ที่สุดก็ถึงกับปลีกตัวจากงานออกไปหลบมุมอยู่ลำพัง
เมื่องานเลี้ยงใกล้เลิกรา ในที่ประชุมซึ่งแยกห่างออกมา แม่ชีดำกำลังสนทนากับวรรณะเป็นการส่วนตัว
“ก็ตามที่แจ้งแก่ท่านแม่ชี ยังดีที่ตุลาการมาช่วยกันสิงหรานีไว้ บวกกับที่ท่านชามัลทำลายเรือนางแล้ว
พวกสิงห์มันเลยหมดโอกาสตามติดมาได้” น้ำเสียงเด็กหนุ่มออกจะมีแววชื่นชมอยู่ไม่น้อยยามเมื่อ
กล่าวถึงผู้มีใจอสรพิษทว่าทรงอำนาจร้ายกาจอย่างชามัลที่เขายอมรับนับถือ พูดจบวรรณะก็ไอออกมา
สองสามที เอามือจับหน้าอก มองแม่ชีอย่างขอลุแก่โทษ
“เจ้าเองก็เดินทางสมบุกสมบันมามาก ไปพักเปลี่ยนถ่ายเลือดรักษาอาการของตัวเองเสียเถอะ”
“ขอบคุณท่านเหลือเกินที่ไม่เคยลืมใส่ใจสุขภาพของข้า”
“พวกเจ้าฝาแฝดก็เหมือนลูกข้า ในเมื่อเจ้านับถือข้าดุจมารดา ข้าก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นแม่”
แม่ชียิ้มเยือกเย็น “ข้ายินดีที่พวกตุลาการยังแสดงท่าทีสนับสนุนเรา เพราะคนจากศาลาวิกาลนั้น
ก็นับเป็นพวกเดียวกับเรามาช้านานแล้ว ตั้งแต่เราแสดงเจตจำนงจะรักษาไว้ซึ่งการมีอยู่ของราศีที่สิบสาม
จากนี้เราก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อมีท่านสิตาราเป็นสมบัติของพวกเรา อ้อ...รวมถึงอสรพิษรูปงาม
ตนนั้นก็ด้วยเหมือนกัน”
แม้จะตั้งตัวไม่ติดในวูบแรก กับข่าวว่าพี่สาวตนอาจจะตายไปแล้ว แต่เด็กหญิงก็เริ่มทำใจ
เมื่อกลับมายังอดีต สิตาราพบว่าตนไม่ได้กลับมาสู่เวลาปีที่ตนแยกจากพี่ เวลาของที่นี่ผ่านไป
เท่าๆกับเวลาซึ่งเธอไปอยู่ในร้านของมิตร จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีใครกำหนดไว้ก็ไม่รู้ได้
ที่มันบังเอิญพอดีกับร้อยปีที่โมราพาข้ามมา
ทุกอย่างบนเกาะนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่ ทุกวันผ่านไปกับการเรียนรู้ ที่อยู่อาศัยใต้ปล่องภูเขาเรียกรวมๆ
ว่าศาลาเงา มีบางอย่างคล้ายเวียงวังเมห์ฮราอันซ่อนอยู่ใต้พิภพ ต่างกันตรงที่มาซ่อนเร้นอยู่ในปล่อง
ภูเขารวมกับทะเลสาบ ยังดีที่กลางปล่องนั้นเปิดโล่งขึ้นไปเห็นท้องฟ้ากว้าง
ตัวศาลามีส่วนอาคารมุงหลังคากระเบื้อง แต่ห้องหับส่วนหน้าก็แทรกอยู่ในตัวภูเขา
แบ่งเป็นส่วนกลางไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนที่อยู่อาศัยเฉพาะบุคคลสำคัญ โดยแยก
ที่พักอาศัยของเหล่าภูตดาราออกไปซุกซ่อนไว้ในราวป่าทะมึนซึ่งใบไม้แต่ละใบเขียวหม่น
จนเกือบดำ สมเป็นเกาะที่เร้นอยู่หลังประตูของรัตติกาล
ในป่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่มากมาย สิตาราไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปที่นั่นลำพัง
ขณะที่แม่ชีเข้มงวด แต่บางวันนักบวชดำซึ่งใจดีต่างจากใบหน้าก็จะพาเธอไปสักการะ
เทวรูปพระแม่กาลียังเทวสถานกลางป่าอันสงบงัน
“พระแม่สูงสุดของรัตติดารา ให้ทั้งคุณและโทษกับผู้คน แต่ถ้าเจ้านับถือ
พระแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าอย่างแน่นอน” นักบวชดำเอ่ยบอก
ภายในศาลากึ่งทึบกึ่งโล่ง มีทั้งเสาต้นเดี่ยวและแง่มุมสถาปัตย์เล่นเชิงก่อขึ้นบังลมในบางจุด
ที่นี่จึงทั้งมิดชิดจากสายตาภายนอกและมีลมรวยรินเข้ามาได้ คนมาใหม่ลอบมองดูนักบวช
ผิวคล้ำเข้มผู้มีจมูกงองุ้มราวปากอีกา แต่เสียงสุขุมฟังดูใจดีผิดกับหน้าตา
สิตาราหันกลับไปพิศเทวนารีองค์ดำแลบลิ้นออกมายาวผู้มีสิบกร เธอรู้สึกขนลุกแปลกๆ
แต่ก็มีสิ่งที่ชอบ เช่นในมือที่ถือสรรพาวุธร้ายเอาไว้ต่างชนิดกัน กับความขลังน่าสะพรึง
จนประทับใจ อาจเกิดจากซากหัวกะโหลกเก่าเก็บแห้งกรังที่กองพูนดุจจะเป็นบรรณาการ
ทั้งกระดูกสัตว์ กระดองเต่าก็มีให้เห็น หรือนี่เองจะเป็นเหตุให้ยามค่ำคืนอันมืดมิด
บางทีก็ได้ยินเสียงสวดมนต์หรือเสียงโหยหวนดังจากป่า ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นที่นี่
แต่ก็ไม่มีใครยอมบอกเด็กหญิงชัดๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ณ เทวสถานแห่งนี้กันแน่
นอกจากคนที่เกาะเงาจะดีกับเธอแล้ว ชามัลเองก็ดีขึ้นมาก บางวันเขาถึงกับชวนสิตารา
ไปเล่นอะไรกันบนชายหาดเหมือนอย่างกับเด็กๆ และเธอก็ชอบเขามากขึ้นทุกที...
“เอ้า นี่! พวงมาลัยดอกไม้ เหมือนสาวๆที่ฮาวาย ฉันทำให้เธอ” คนพยายามเอาใจเอ่ยบอก
สิตาราที่ถูกแอบสวมมาลัยให้ตอนกำลังนั่งเล่นทรายเงยมองคนตัวสูงอย่างงงๆ
“เอามงกุฎไปด้วย จำไว้ เธอคือราชินีของเกาะนี้! ราชินี...แห่งเหล่ารัตติดารา”
คนพูดแกล้งทำเสียงให้ฟังดูยิ่งใหญ่
เด็กหญิงแลบลิ้นเขินๆ เขาทำท่าอย่างกับจะยกทะโมนอย่างเธอเป็นเจ้าหญิง
สิตาราดึงพวงดอกไม้เหล่านั้นลงมาจากหัวตน เอาวิ่งไล่ฟาดชามัลที่ยังพูดแหย่
ไม่หยุดปากเสียจนหนำ ท่ามกลางเสียหัวเราะขำของทั้งเธอกับเขาและคนที่บังเอิญผ่านมาเห็น
เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ไม่พยายามหาเรื่องทะเลาะ ทั้งยังใจดีกับสิตาราจนเธอชักเริ่มจะ
เอาชามัลไปเทียบกับมิตรนั่นทีเดียว เขาสำนึกตัวแล้วหรือ ไม่ว่าแรกๆจะแย่อย่างไร
แต่ตอนนี้สิตารากลับคิดว่าโชคดีแค่ไหนที่ยังมีชามัล...ที่เธอไม่รู้ก็คือ ชามัลที่เห็นอยู่ตอนนี้
กำลังพยายามทำดีกับเธอให้มาก กำลังสังเกตสังกา เพื่อให้แน่ใจว่าสิตาราจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ด้วยดี
ผ่านไปไม่นาน เผลอหน่อยเดียวสิตาราก็อายุสิบสามปีกว่า คืนหนึ่งที่เธอทั้งอิ่ม ทั้งง่วง
ตั้งใจว่าล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็จะเอกเขนกบนเตียงในห้องหับสวยๆของตน
ภายใต้ศาลาเงากลายเป็นที่ของเธอ ปลอดภัยอยู่ภายใต้ปล่องภูเขาสีดำของเกาะซึ่งซ่อนเร้น
ณ แดนรัตติกาล ไม่ต้องกลัวเงื้อมมือของใครตามมาไล่ล่า
ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่านี้อีกแล้ว เด็กหญิงไว้ใจแม่ชีดำเพราะพี่ดาราเคยไว้ใจอีกฝ่าย
แม้ว่าตอนนี้ไม่มีพี่ ...ทว่าส่วนลึกในใจก็ยังหวัง พี่อาจยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครรู้
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ สิตาราที่กำลังใช้ผ้าซับน้ำซึ่งหมาดอยู่บนผิวหน้าก็ต้องหยุด
กะพริบตามองคนที่นั่งทอดกายใช้มือทั้งสองยันตัวไว้บนเตียงตน สีหน้าชามัลเบิกบาน
แต่แววตาของเขาบอกความหมายบางอย่างที่ต่างออกไป
“ฉันมาลาเธอ...” ชายหนุ่มพูดง่ายๆด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นเยาะตัวเองหรืออื่นใด
ขณะลุกขึ้นยืน มันเป็นความคิดโง่ๆ ที่เคยคิดว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กสักคน เลี้ยงให้
โตขึ้นมาด้วยความรักและผูกพันกับเขา เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวเท่านั้น
เขาต้องจากเธอไป... เพราะภารกิจของเขายังมีอีกมาก
จะให้มาจมอยู่แต่ที่เกาะกับเด็กผู้หญิงคนเดียวได้อย่างไร
สิตาราใจหาย ไม่เหมือนตอนที่เธอยอมไปกับสิงหรานี นั่นเพราะใจส่วนลึกยังรู้ว่าชามัลไม่มีวันปล่อย
สุดท้ายแล้วเขาจะตามมา เคยว่าเกลียดเขา ด่าเขาเลวต่างๆนานา แต่ตอนนี้สิตาราก็แค่เด็กที่
หลงทางอยู่ในอดีต มันเคยเป็นที่ของเธอ แต่เมื่อไปอยู่กับมิตรนานหลายปี ที่นี่ก็แปลกหน้า
แปลกผู้คน... แล้ว‘เขา’ คนคอยดูแลเอาใจใส่ ก็คือคนเพียงคนเดียวที่เชื่อมโยงเธอกับเรื่องยาวนาน
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา แล้วจู่ๆชามัลกลับบอกว่ากำลังจะจากไป
แม้ความสัมพันธ์จะเป็นไปอย่างลุ่มๆดอนๆเพิ่งมาดีในระยะหลัง แต่สิตาราก็รู้ว่าตนเอง
จำเป็นต้องมีอีกฝ่าย ...มือเล็กเอื้อมขึ้นแตะโมรา เกือบจะใช้กระแสจิตเหนี่ยวรั้งบังคับไม่ให้เขาไป
แต่ใจที่อ่อนล้าก็รู้ว่าตนไม่มีพลังเพียงพอ
“ทำไมต้องไป...”
“ตอนแรกฉันคงมั่นใจเกินไปจนลืมคิดถึงธาตุแท้ของตัวเอง คิดว่าจะเลี้ยงดูเด็กสักคนได้
แต่ขืนอยู่กันไปอย่างนี้คงไม่ไหว...อย่าทำท่าเหมือนหมาถูกทิ้งแบบนั้น ขอร้องละ”
สิตาราสั่นน้อยๆไปตลอดร่าง พยายามเก็บความอ่อนแอเอาไว้ แล้วคืนที่ดาวเกลื่อนฟ้า
ที่เขาเคยสอนให้เธอหัดมองดาว คืนวันเหล่านั้นมันไม่มีความหมายเลยหรือไง
“จากนี้ใครจะสอนฉันดูดาว ยังจำได้ไม่หมดเลย” คนพูดกลั้นใจอ้างไปอย่างนั้น
รู้ว่ามันออกจะฟังไร้สาระ เธอก็แค่...อยากให้เขาอยู่ด้วยกัน
“ก็...ให้นิลละสอนไปแล้วกัน หรือไม่ก็พวกพิจิก พวกนั้นคงกะเลี้ยงดูเธอให้ดีเต็มที่อยู่แล้ว
แต่อย่าลืมล่ะ ดื้อให้มากเข้าไว้ เป็นตัวของตัวเอง อย่ายอมให้ใครล้างสมอง”
นอกจากฉันคนเดียว...คือคำที่เขาไม่ได้พูดออกไป
ตาโตเรียวสวยซึ่งรื้นไปด้วยหยาดน้ำแห่งความอ่อนแอมองสบตาสีน้ำตาลทอง
ที่มีแววทั้งขำและระอา ขำ...ที่เธอช่างเข้าใจอะไรยากเสียจริง
“เขี้ยวแก้วนาคาขอให้ใส่ไว้ หวังว่าคงไม่โง่จนถอดมันทิ้ง... ส่วนโมรานั่นคงถอดไม่ได้
ให้ใส่ไว้คู่กันทั้งสองอย่าง อย่าบอกให้ใครรู้ความจริงมากไปกว่าที่รู้อยู่แล้ว คนที่นี่จะ
ไม่เอามันไปจากเธอ เพราะมันเคยเป็นของรัตติดารา ในอดีตกาลนานมาแล้วก่อนจะมีคน
เอามันไปซ่อน ตอนนี้พวกเขาที่รู้ว่าเธอมาจากอนาคตคงเห็นสมควรที่เธอจะครอบครองมันไว้”
ชามัลไม่ได้เอ่ยออกไปว่าเขาเคยลองตามหาโมราเส้นที่อยู่ในช่วงเวลานี้มาแล้ว
ทว่ามันยังไม่ได้ถูกนำไปซ่อนในสถานที่เดียวกับเมื่อตอนอนาคตซึ่งเขาและสิตาราได้มันมา
เรื่องนั้นรอไว้พยายามอีกครั้งหลังงานเสร็จคงไม่เสียหาย
“อยู่ที่นี่ พรตจะอยู่กับเธอ ดูแลเธอ รวมทั้งนิลละ บอกตรงๆ ฉันว่าเด็กที่ชื่อนิลละนั่น
ดูจะไว้ใจได้มากกว่าแฝดอีกคนเยอะเลย พูดตามประสาคนเลวที่ดูพวกเดียวกันออกน่ะนะ
แม้ภายนอกจะสดใสน่าคบหากว่ากัน จำคำของฉันไว้ให้ดีๆ... เพราะงั้นฉันจะเอาเด็กที่ชื่อ
วรรณะไปด้วย ดูเจ้าตัวก็อยากไปกับฉัน ฉันจะไปเพื่อสอดส่องรัตติดาราทุกๆราศีที่เหลือ”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่” สิตาราถาม น้ำเสียงฟังดูโหวงเหวงเหมือนไม่ใช่เสียงเธอเอง
เขาจะไป จะไปแล้วจริงๆ เธออยากขอให้ชามัลตามหาพี่ดาราให้ พี่อาจยังมีชีวิตอยู่
ให้เขาตามหาและช่วยบอกเธอ แต่คำขอนั้นคงดูเหมือนผิดที่ผิดเวลา เพราะเขาคง
เห็นคำพูดแต่ละคำของเธอไร้ค่าอย่างเหลือเกิน
ชามัลก้าวไปยังม่านอ่อนบางที่กั้นแบ่งส่วนห้องนอนชั้นใน ยกมือเรียวแข็งแรง
ขึ้นโบกน้อยๆให้เจ้าของร่างเล็ก ก่อนจะหันจากเธอไป
“ฉันจะไปกับลม บอกไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ แต่เวลาที่ฉันกลับมาคงเป็นเวลาที่ลมพัด
แรมรัตติกาล คืนไหนสักคืน ไกลออกไปในอนาคตข้างหน้า ฉันจะมาปรากฏตัวที่หาด
ของเกาะเงาอีกครั้ง จนกว่าจะถึงเวลานั้น...แล้วพบกัน สิตารา”
ผู้สิงสู่ในโมรารัตติกาลตระหนักรู้ ทางแห่งอำนาจของเขาไม่ได้แคบอยู่เพียงเกาะเงา
เขายังต้องการกำลังของภูตดาราและการเข้าถึงราศีอื่นซึ่งอาจเป็นสะพานสู่สิ่งที่เขาต้องการ
คำถามคาใจ ตอนนี้พี่สาวของสิตาราที่ชื่อดารานั้นอยู่ที่ไหน ถ้ายังมีชีวิตไม่ได้ตายไปจริงอย่างว่า
ใครซ่อนเธอไว้...
กับอีกคำถามซึ่งสำคัญยิ่งกว่า ลูกชายศัตรูเขาอยู่ไหน ใครช่วยมัน...
ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชื่อมัชฌิม์ ตอนเขาไปอยู่ในเมห์ฮราพักใหญ่
ชามัลแน่ใจได้ว่าคนที่เขาต้องการตัวไม่ได้อยู่ใต้เงื้อมมือของปู่เขาหรือแม้แต่อัคนิแน่
ดังนั้นชามัลจึงคิดจากไปเพื่อตามหาและคงไม่หวนมายังเกาะอีกในเร็ววัน
วรรณะหนึ่งในแฝดราศีคนคู่มากับเขา ทิ้งนิลละไว้อยู่ดูแลสิตารา สัมผัสบอกชัด
ว่าคนที่เกาะรวมถึงพรตจะเก็บสิตาราไว้ราวกับไข่ในหิน เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา
เปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจ แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่ถูกกับเด็ก อยู่นานไปมีแต่จะ
เกลียดกันยิ่งกว่ารักใคร่ แปลก...แม่นั่นทำท่าทางอย่างกับจะเสียน้ำตาและไม่อยากให้เขาทิ้ง
แต่สุดท้ายสิตาราก็ไม่ได้ขอร้องให้เขาอยู่ ดีแล้วที่เธอไม่เสียเวลา
เมื่อมีเพียงตนเองลำพังเขาก็เป็นอิสระ ใช้พลังอันเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเดินทางขึ้นเหนือ
หาร่องรอยของมัชฌิม์ ทั้งยังสืบเสาะดูเส้นสายความเป็นไปของเมห์ฮรา แล้วก็ได้รู้ความจริง
ในยุคของทวดเขา ท่านผู้นั้นเป็นผู้นำที่แข็งแรงเพียงใจ ร่างกายเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว
แต่ด้วยฝีมือของผู้ดูแลชั้นพิเศษอย่างมิตราที่ทรงอาวุโสคอยรับใช้ใกล้ชิด กับทายาททั้งสอง
คือศานติมันและอัคนิเป็นกำลังสำคัญ เวลานี้เมห์ฮราก็ยิ่งใหญ่จนข่มเงาความมืดของรัตติดารา
ที่เป็นศัตรู ทั้งบีบเข้าหาจนแทบว่าจะทำให้รัตติดาราใกล้สาบสูญไปทุกทีๆ
“ขอโทษด้วย เพื่อนร่วมตระกูลทั้งหลาย ข้าคนนี้จะค่อยๆปลุก
ศัตรูที่ใกล้ตายให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมารัดคอพวกเจ้าเอง”
ชามัลเชื่อมั่นว่าหากทุกอย่างเปลี่ยน ตัวเขาก็ไม่ได้จะเลือนรางจางหายไป
แน่นอนว่าเขาจะสร้างอนาคตอย่างใหม่ขึ้นมา และจะมีชีวิตยาวนานไปจนได้เห็นวันนั้น
อนาคตซึ่งอาจเป็นเส้นขนานกับโลกที่เขาจากมาโดยสิ้นเชิง
อสรพิษใช้วรรณะที่ติดตามมาให้เป็นประโยชน์ในการติดต่อทำการที่ไม่สะดวกจะทำด้วยตนเอง
แต่ก็ไม่มากจนมันกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ บางทีเขาก็ปล่อยเด็กหนุ่มทิ้งไว้ เขาเองฉวยจังหวะ
เข้าถึงพวกเมห์ฮรารอบนอกที่เป็นด่านอารักขายังสมรภูมิสำคัญซึ่งกระจายตัวออกไปในภูมิภาคของโลก
สอดส่องดูตัวแทนตระกูลผู้ทำหน้าที่เป็นแสงสว่างคอยชี้นำทางให้เหล่าผู้คน ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง
ให้แก่วงการค้นคว้าเรื่องวิทยาการ หรือความเป็นไปของหลายดินแดน
เมื่อพร้อม ชามัลจึงลงมือสังหารคนระดับหัวหน้าที่รายล้อมอยู่รอบนอก! เว้นไว้เพียงตัวอันตรายของจริง
ซึ่งอยู่กระชับวงในเข้าไปที่ลำพังเขาคนเดียวไม่อาจเข้าถึง คนพวกนี้อยู่ไปก็จะคอยขวางทาง ก่อนอื่นต้อง
เริ่มจากกุดแขนขาของเมห์ฮราจนพวกมันกระดิกกระเดี้ยไม่ได้... ถึงตอนนี้ก็ได้รู้แล้ว ว่าเหตุการณ์สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ของตระกูล ที่ว่าผู้มุ่งร้ายจู่โจมเข้ามาในช่วงปีนี้มันเป็นฝีมือใคร ที่แท้ก็เป็นมือของเขา
...คนในที่เจ็บช้ำจากการถูกขับไล่ไสส่งและการถูกแทนที่ พวกมันจะต้องชดใช้ด้วยทุกสิ่งที่มี!
หากในหน้าประวัติศาสตร์นั้นเมห์ฮราก็ยังยิ่งใหญ่ ทำไมผู้มุ่งร้ายที่ว่าจึงเงียบหาย?
เขากระทำการไม่สำเร็จหรือ...ชามัลไม่เชื่อเช่นนั้น เขาจะเปลี่ยนอนาคตด้วยมือของตัวเอง
อะไรจะเกิดขึ้นจากนี้คงต้องลองให้รู้กัน
อสรพิษผู้ทระนงได้รู้ความเป็นไปของราศีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกตุลาการราศีตุลย์
ที่ศาลาวิกาลซึ่งซุกซ่อนในย่านใกล้เสาชิงช้า เวลาผ่านนานนับเป็นปีๆ เขาสืบเสาะ
เข้าหา คบหา จนกลายเป็นสหายสนิทของผู้นำราศีกุมภ์ วาเลนติโน่เป็นเชื้อสายจาก
แดนไกลที่เข้ามาซ่องสุมกำลังไว้เพื่ออำนาจอันเป็นหนึ่งของรัตติดารา สหายต่างชาติ
คนนี้ของเขารักในความสำเริงสำราญไม่ต่างกัน เล็งเห็นความงาม
และความรักในตัวผู้คนทั้งสองเพศ ไม่ว่าหญิง...หรือชาย
“ชามัล อย่าคิดว่าข้ารู้ไม่ทัน ข้ารู้ว่าสายตาคนอย่างท่านมองแต่สตรีเท่านั้น
ไม่ได้พิศวาสข้าเหมือนอย่างที่ท่านพยายามจะโกหก เพราะงั้นเราแค่เป็นสหายร่วมอุดมการณ์
รัตติดาราก็พอ แล้วข้าจะรอวันได้ชื่นชมอำนาจแห่งราศีที่สิบสาม แต่ถึงไม่มีเรื่องนั้นข้าก็พอใจ
จะคบหาคนที่ความคิดไปกันได้แบบท่านอยู่แล้ว”
“ต้องแบบนี้สิท่านวาเลนติโน่ ...หากเข้าใจข้าทะลุปรุโปร่งได้ถึงระดับนั้นก็ดี
เพราะข้าไม่ชอบคนโง่ คบกันได้ประเดี๋ยวประด๋าว ต้องฉลาดทันกันถึงจะคบกันยาว”
ชามัลหัวเราะ เขาชอบชายเจ้าของผมสีทองจางซอยสั้นเข้ารูป ดวงหน้าคมออกไปทางสวยซีด
ไม่ได้เข้มเป็นอิตาลีอย่างชื่อเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังแต่งกายพรายแพรวทันสมัยราวกับหลุดมาจาก
ลาสเวกัสในโลกอนาคต สีโปรดคือสีม่วงแห่งพลอยอะเมทีสต์ประจำราศี
วาเลนติโน่ใช้ความรักสนุกของตนอย่างเป็นประโยชน์ รู้จักเส้นสายทุกอย่างในเอเชียบูรพา
ทั้งพาชามัลเข้าถึงความสำราญแห่งแสงสีที่ซ่อนอยู่ในเมืองทันสมัย รวมถึงยุโรปอันเป็นที่โปรดของตนเอง
ณ บาร์ใต้ดินแสงสีระยิบระยับ กับการเสพสุขด้วยตา หู จมูก ปาก และเพศรส
ชายผู้มาจากอนาคตได้รู้ว่าช่วงเวลาแห่งอดีตกาลก็มีอะไรดีๆให้ค้นหาเรื่อยไป
ทีแรกเขาเสียดายว่าต้องมาตกอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ยุคสมัยนี้บางสถานที่
ก็พัฒนาก้าวไกลไปพอเพียงจะสอดรับกับความอยากของเขาได้เหลือเกินแล้ว
ค่ำคืนแห่งเสียงเพลงที่ผ่อนคลายจากการเสาะแสวงหาอำนาจ ชามัลนั่งดื่มกลางวงพนันหรูหรา
เสียงกีตาร์ของนักรักละตินซึ่งบรรเลงคลอไปในบรรยากาศชวนให้หวนคิดถึงใครบางคน
ใครที่ดูไม่เข้ากับสถานที่เริงรมย์นี้เอาเสียเลย เด็กน้อยคนหนึ่งที่เขาทิ้งมา
ป่านนี้จะมีพลังก้าวหน้าไปถึงไหน จะเล่นดนตรีได้เก่งขนาดไหน ยังรอเขากลับไปหา
ด้วยแววตาเหมือนลูกหมาตัวน้อยรอคอยเจ้าของ หรือเกลียดเขาเข้าไส้
ถึงวันพบกันอีกครั้งก็คงได้รู้ นี่ก็ผ่านมานานกี่ปีเข้าแล้วนะ
“ท่านทำหน้าเคลิบเคลิ้ม...คิดถึงใครหรือไงสหาย ตาพราวเป็นประกายแบบนี้
คงจะคิดถึงผู้หญิงแน่นอน ที่แนบซ้ายแนบขวาข้างกายนั่นยังไม่พอรึ”
เจ้าของสถานที่เอ่ยถามด้วยภาษารัตติดาราซึ่งฟังเข้าใจกันอยู่เพียงสองคนในที่นั้น
ชามัลยิ้มพึงใจ วาเลนติโน่มักเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลชวนฝันราวกับสำเนียงของศิลปินซึ่งฟังเข้าหูเขา
แต่ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษกลับเอ่ยเชิงปฏิเสธ “เปล่า แค่คิดเรื่องในอดีตนิดหน่อย”
“ไม่รอดสายตานักรักอย่างข้าไปได้ ลืมแล้วหรือ ข้าเกิดวันวาเลนไทน์ถึงได้ชื่อวาเลนติโน่
และข้าก็เป็นเทพเจ้าแห่งความรักมาตั้งแต่เกิด แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก จากตอนนี้
สีหน้าท่านไม่ได้บอกว่าคิดถึงเรื่องราว แต่เป็นคิดถึง...คน”
“ไม่มีหรอก คนที่ข้าคิดถึง ไม่เคยมี” ชามัลผ่อนลมหายใจ
“นึกว่าท่านพบดาราที่ท่านตามหาที่ไหนแล้วซะอีก”
“เรื่องผู้หญิงคนนั้น...จะว่าไป ไม่นานนี้ก็เริ่มได้ยินบางอย่างที่อาจเกี่ยวกับการหายตัวไป
ของนางบ้างแล้ว รอให้แน่ใจก่อน ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับไอ้ที่ข้านึกอยู่ตอนนี้หรอก
ข้าก็แค่...กำลังนึกถึงเด็กคนหนึ่ง”
“ก็มีเด็กอยู่คนเดียวในชีวิตท่าน ถ้างั้นนางคงสำคัญสำหรับท่านยิ่งกว่าที่ข้าเคยเข้าใจ
เอาเถอะท่านชามัล ถึงท่านจะมีความลับในใจมากมายแต่ข้ายอมให้เสียคน
เพราะหลงใหลในความงามแห่งอสรพิษเช่นท่านจริงๆ” เจ้าของสถานที่ว่าแล้วก็
หันไปจุมพิตดูดดื่มกับสตรีสาวแสนสวยที่เอนเคียงกายบนโซฟานุ่ม ขณะช่วงไหล่
ยังรับสัมผัสนวดเฟ้นจากชายผิวแทนรูปร่างแน่นไปด้วยลอนกล้ามเนื้อ
ชามัลยิ้มในหน้า คืนนี้จะปล่อยให้วาเลนติโน่มีความสุขไปก่อน แต่แผนบางอย่างของเขา
ก็ใกล้ได้เวลาต้องลงมือ เร็วๆนี้ เขาจะบอกลาเพื่อนกลับไปยังสยาม อีกฝ่ายจะตามไป
หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ใจ
...คราวนี้ธุระของเขาอยู่ถึงเมืองเพชร กับตัวพชรมุนินซึ่งเป็นจ้าวราศีเมษ
เขารู้จักชายกลางคนผู้นั้นมาได้แรมปีแล้ว เป็นรัตติดาราที่ยอมสงบเสงี่ยมอยู่ในสายตาดีอยู่
ออกจะรักสงบเกินฐานะผู้เป็นหนึ่งในราศีแห่งความมืดไปบ้าง แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาจะ
เอามาตั้งข้อรังเกียจ
สิ่งสำคัญที่รู้มา พชรมุนินได้ทำเรื่องบางอย่าง...ที่ถ้าเป็นจริงเขาคงไม่อาจอภัย
หากว่ามีการให้ที่ซุกหัวหลบซ่อน จนถึงชุบเลี้ยงลูกชายศัตรูคนสำคัญของเขาขึ้นมา
รู้ทั้งรู้ว่าตระกูลแห่งแสงสว่างนั้นเป็นขั้วตรงข้ามกับรัตติดาราโดยสิ้นเชิง เวลานี้มันจะ
เติบกล้าไปถึงไหนแล้วในโลกแห่งอดีต ไม่นานเขาคงจะได้พบมันอีกครั้ง
กับไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชื่อมัชฌิม์ เมห์ฮรา!
สิงหรานีใช้เวลารอนแรมรวบรวมสมัครพรรคพวก เริ่มต้นการสืบทอดอำนาจรัตติดาราสิงห์
มายาวนานหลายปี นางเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น บัดนี้กาลผ่านเลยจนวัยใกล้ล่วงเข้ายี่สิบแปด
คร่ำหวอดในโลกกว้างยิ่งกว่าเดิม อาศัยคำแนะนำจากอโพซินเต้ ครูมนตราผู้เฒ่าที่สู้อุตส่าห์
ไปอัญเชิญมาจากเกาะมรกต
{ชื่อฉายา... ในภาษาพม่า อโพ เป็นคำนำหน้าสำหรับเรียกคนวัยปู่ หรือตา, ซินเต้ แปลว่า สิงห์ }
ครูบาผู้มีรูปลักษณ์รุ่ยร่าย ผมยาวยิ่งม้วนทบเป็นกระเซิง กายค่อมคู้น่าสะพรึง
ชายชราเคยเป็นคนของราศีสิงห์มาช้านาน แต่ด้วยท่านไม่ยอมรับในตัวพี่ชายทั้งสามของนาง
ที่สองคนแรกก็โง่เง่าไม่เอาถ่าน ส่วนคนสามความคิดแหกคอกนอกขนบอย่างเหลือทน ทว่า
เมื่อรู้ว่าคนอย่างลูกสาวเจ้าเกาะสิงห์หมายขึ้นเป็นผู้นำ บรมครูด้านมนตราไม่รีรอที่จะ
รีบสั่งให้คนเก็บผ้าผ่อนทั้งของขลังโกยมายัดลงห่อผ้ารุ่งริ่ง หามตนที่ตอนนั้นยังป่วย
ตามมาขึ้นเรือนางสิงห์ไม่มีอิดออด แม้เมื่อแรกศิษย์สาวจะเพียงฝากสารถึงและมิได้
ปรากฏกายไปเชิญด้วยตนเอง ด้วยไม่ต้องการให้อดีตสลัดราศีสิงห์บางคนไม่พอใจ
หากเห็นตัวนางก้าวล้ำเข้าไปถึงถิ่นที่พวกเขาอยากจะอยู่เงียบๆกันลำพัง
บัดนี้นางสิงห์พร้อมเรือลมกรดที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยครูบาซ่อมแซม
และช่วยเสริมมนตราให้กำลังแล่นลิ่วไปในทะเล
“นางสิงห์น้อยเอย ตูข้าผู้เป็นครูอับอายนักที่เคยแต่หดหัวเวลาที่อสรพิษนั้นทำเรือพวกเจ้าพินาศ”
“ท่านกำลังจับไข้ ยอมให้หามมาขึ้นเรือพวกข้าก็บุญแล้ว” ศิษย์สาวเท้าความ
“ข้าเคยคิดทิ้งวิชาอาคม หลงลืมการปล่อยของราวกับมือใหม่ฝึกหัด
จึงถึงกับของขึ้นให้คนรอบข้างต้องลำบาก ที่ว่าขี่หลังเสือแล้วลงยากก็คงไม่ต่างกับ
การเล่นวิชาอันตราย แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงดอกนะ ข้าจะกลับมาเป็นคนเก่าที่พึ่งได้
เพื่อช่วยเหลือการใหญ่เจ้าต่อไปอีกแสนนาน”
“เป็นผิดของข้า หาใช่ของพ่อครู ตั้งแต่วันที่ออกเรือมาข้าก็สัญญากับตัวเอง
จะแบกผู้คนที่ติดตามข้าไว้บนบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาไว้บนบ่าอีกข้างหนึ่ง
จึงเป็นข้าที่ต้องดูแลใครๆ”
หญิงสาวกล่าวหนักแน่น ตัวนางมีอุดมการณ์บางอย่างที่เร้นลึกไว้ภายใน
ยอมให้รู้เพียงแค่ผู้ยินยอมติดตาม และขอเพียงกล้าร่วมก้าวไปจนสุดทางด้วยกัน
ก่อนถึงเวลานั้น หน้าที่ดูแลทุกคนก็ถือเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว
มนตราก้าวหน้า ความบุ่มบ่ามลดน้อยลง แต่ความเหี้ยมหาญเอาจริงดูจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
และนางก็ยังไม่ลืมแค้นซึ่งอสรพิษร้ายตนนั้นได้ก่อไว้ วันหนึ่งคงได้พบกับมันอีกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ต้องกลับไปจัดการเหล่าหมูสกปรกที่ยังเกลือกปลักละเลงแอ่งอาจมบนเกาะสิงห์
ให้สิ้นซากไปเสียที
คำสั่งแรก นางสั่งให้จับพี่ชายคนโตไปขังไว้ในคอกจริงอย่างที่เคยลั่นปาก
พี่ชายรองยอมสวามิภักดิ์อยู่ใต้อำนาจ นางสิงห์จึงปรารถนาจะจัดงานเลี้ยงกินดื่ม
ฉลองวาระได้กลับบ้าน ให้ลูกน้องได้ผ่อนคลายกันเต็มที่ ทว่าภาพความเอะอะชุลมุน
ที่เห็นเมื่อย่างเท้าเข้าคูหาสิงห์ กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เจอ
“ถอยไปไอ้พวกสวะ! หมาตัวไหนอยากให้ตัวเมียเดินนำก็ไปตามหัวหน้าของพวกมึงมา
กูเกิดเป็นชาติสิงห์ ไม่มีวันยอมตามตูดตัวเมียแน่ ถ้าอยากขึ้นเป็นจ้าวนัก ก็ให้มัน
เห็นศพพ่อตัวเองก่อนแล้วกัน”
นางพญาคนใหม่แห่งถ้ำมองภาพคนบ้าด้วยอาการสงบ ทำมือส่งสัญญาณให้ลูกน้อง
ถอยออกนอกรัศมี เป็นพี่ชายโง่งั่งของนางเองที่อาละวาด บิดาสู้อุตส่าห์รอดชีวิต
รอนางมาได้อย่างเหลือเชื่อ กลับจะต้องมาช้ำใจช้ำในตายคามือลูกเนรคุณเสียแล้ว
ถ้าเพียงเรื่องความไม่ลงรอยยังพอไว้ชีวิต หากมันไม่ลากบิดาที่ป่วยจนเดินไม่ได้ออกมาจากห้อง
เอาคมอาวุธจ่อคอชายผู้เคยเป็นราชสีห์ ผู้บัดนี้หลับตาแน่นด้วยอ่อนล้าทั้งแสนอดสูใจ
“เฮ้ย! ปล่อยพ่อเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่ระยำหมา! แล้วข้าจะถือว่าเจ้าแค่เมาเหล้าเมายาดอง...”
เสียงต่ำกดกร้าวเสมือนหนึ่งคำเตือนครั้งสุดท้ายจากปากนาง
“ฮ่าๆๆ กลับมาเห็นภาพประทับใจพอดี เป็นไง นังน้องอวดดี ออกเรือไปไกลโพ้นทะล
คราวนี้กวาดผัวมาได้กี่คนล่ะเจ้า” คนเป็นพี่ที่ยืนแอ่นไปแอ่นมาแค่นเสียงถามอู้อี้
แต่ดังพอที่ทุกผู้จะได้ยิน “นึกว่าจะตายเสียกลางทาง เก่งเหมือนกันนี่ที่จูงจมูก
ผู้ชายเหี้ยมๆตัวเป็นยักษ์มาได้เป็นพรวน”
ก่อนใครจะทันได้คาดคิด มีดพกเล่มโค้งสะบัดปลิวราวกงล้อ
แล่นเป็นแนวดิ่งปักฉึกเข้าไปกลางเบ้าตาของคนพูดล้มตึง!
เลือดพุ่งจากหน้าที่ยังยิ้มค้างราวสายน้ำ คนที่อยู่ใกล้เร่งกรูกันเข้าไปรับร่างผู้ชราไว้มิให้ล้ม
มีดมนตราอำนาจแรงกล้าชำแรกเกราะอาคมเบาบางและของดีทั้งสิ้นที่ต่างโบยบินหนีหาย
ตั้งแต่ที่เจ้าตัวคิดเหยียบบิดาซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งครูบา...
“สิงหรานี ท่านไม่กลัวปาพลาดหรือนั่น” ใครบางคนอุทานชื่นชมเมื่อเรื่องร้ายคลี่คลาย
“ข้ารู้...ว่ามันไม่พลาด แต่งานเลี้ยงวันนี้คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง” ท้ายคำนางสิงห์คำรามกระหึ่มคูหา
“งะ งานเลี้ยงวันนี้ คงจะต้อง...”
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่” สิงหรานีหันไปส่งยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ยกเลิกใช่ไหมท่าน”
“ถุย! ไม่ใช่...รอช้าอะไรกันอยู่เล่าวะ เอาศพมันไปโยนทะเล
แล้วเร่งยกเหล้ายกเนื้อมาให้พอสามวันสามคืน
แผ่นดินสูงขึ้นเป็นวา แบบนี้ยิ่งต้องฉลองหนักกว่าเดิม!”
ชายกลางคนผู้อาวุโสแห่งราศีเมษมองออกไปจากช่องว่างซึ่งซ่อนแฝงในลำต้นของไม้ใหญ่
ทิวทัศน์ตรงนี้เห็นน้ำตกผาหยดน้ำสายเล็กๆรินไหลงดงาม พวกเขาเคยเร้นกายอยู่ยังเขตนี้มานานแล้ว
ณ เขาอ่างแก้ว เมืองเพชร
ในต้นไม้ที่ขนาดไม่ใหญ่โตนัก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพชรมุนินซึ่งเชี่ยวชาญการใช้เพชรรัตน์คู่กาย
ก่อมิติเหลื่อมล้ำ จนเสมือนหนึ่งเกิดห้องหับกว้างขวางอยู่ภายในลำต้นไม้
การใช้พลังเปิดทางสู่มิติอื่นนี้เองเป็นตัวทำให้เขาได้ค้นพบอีกดินแดนหนึ่งที่สงบ
สว่างไสว ปราศจากปัญหาของพวกรัตติดาราเข้ามาข้องเกี่ยว ใจพชรมุนินนึกยินดี
ที่ตนไม่เคยเข้าร่วมพิธีดื่มน้ำสาบาน อันจะมีผลให้ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งถูกแช่งไว้มีอันต้องถึงชีวิต
หากผิดคำสัตย์ เขาไม่อยากตายอย่างคนผิดคำพูด
แม้ว่าสุดท้ายอย่างไรคนเราก็ยังคงหนีความตายไม่พ้น
ข้างภรรยา บุตรหลานและคนสนิทของเขาได้โยกย้ายข้ามไปสู่แดนซึ่งถูกขนานนามว่าแดนทิวา
เรียบร้อยแล้ว ทุกคนปลอดภัย ไม่มีเหลือสิ่งใดให้ห่วงอีก ยังเพียงตัวเขาที่มีบ่วงสุดท้ายอยู่สองสามประการ
...ก่อนจะต้องจากไป เมื่อไม่นานมานี้เขายังพูดกับคนที่ตนแสนห่วงใย ต่อจากนี้อีกฝ่ายจะก้าวเดินไป
ข้างหน้าได้ดีแค่ไหนเพียงลำพัง
‘ออกเดินทางเถอะมัชฌิม์ ทางอนาคตรอคอยเจ้าอยู่’
ยามนั้นชายกลางคนผมเผ้าขาวโพลนเกินอายุหันไปบอก
...เด็กหนุ่มที่เติบโตเป็นชายหนุ่ม คนจรซมซานมาที่กลายเป็นศิษย์รัก
‘ท่านพชรมุนิน ข้าไม่รู้จะขอบคุณด้วยคำไหน’ ชายหนุ่มยิ้มเข้มแข็งให้อาจารย์
แววตายังคงเอาจริงดุจเดิม แต่ร่องรอยของเด็กมีปัญหา
ที่ชอบก่อปัญหาเพิ่มในวันเก่าได้อันตรธานหายไปแล้ว
พชรมุนินมองคนที่ตนเห็นเป็นเสมือนลูกหลานด้วยห่วงใย
มัชฌิม์ในวันนี้ยังรวบผมยาวตรงดำสนิทไว้หลังคอ เพียงแต่มันยาวขึ้นจนปลายหางแทบจรดบั้นเอว
ชายหนุ่มสวมกางเกงดำทรงพองรัดตรงข้อเท้า ตัดกับสีขาวของผ้าเคียนเอวและเสื้อแขนยาวแหวกเปิดอก
เห็นช่วงบนที่เต็มแน่น ทั้งกล้ามเนื้อ ทั้งอักขระมนตราสักเอาไว้เต็มพรืดบนผิวเนื้อสีทองแดงอ่อนระอุ
หูข้างหนึ่งเจาะประดับห่วงและตุ้มเหล็กดำแวววาวเป็นแถวเป็นแนวขึ้นไปตลอดใบหู ดูทั้งเหี้ยม กร้าน
ดุดัน แววตาดุจพยัคฆ์ร้ายกำลังจะถูกปล่อยจากกรงขัง พร้อมโลดแล่นไปสู่จุดหมายเพียงหนึ่งเดียว
ที่ต้องการ เป้าหมายซึ่งคนเป็นอาจารย์รู้ดี ใจศิษย์รักจดจ่อถึงมันโดยตลอด
โมรารัตติกาลของอสรพิษร้ายตนนั้น!
‘ไปเถอะ ทางของเจ้ายังยาวไกลนัก ตอนนี้เจ้าอาจยังสู้อสรพิษร้ายไม่ได้
จงอย่าบุ่มบ่ามอีก ให้ไปพบคนที่ข้าฝากฝังเจ้าไว้กับเขา... อย่าลืม อันดับแรก
มองไปยังปัจจุบันและอนาคต ขอเพียงอย่าได้ลืมอดีต อดีตที่ผ่านพ้นคือบทเรียน
นั่นคือความหมายของมัน แต่บางเวลาหากย้อนมองกลับหลังแล้วมันจะถ่วงหนัก
ที่ข้อเท้าไม่ให้เจ้าก้าวต่อไป ขอให้รวบรวมความเข้มแข็ง ปลดพันธนาการนั้นออกให้ได้ด้วยตัวเอง’
‘ข้าจะไม่ลืมคำสอนของท่านพชรมุนิน’
แล้วบุตรชายของผู้นำตระกูลแห่งแสงสว่างซึ่งตกมาจากอนาคตก็ก้าวจากไป
โดยมิได้สงสัยว่าจากนั้นเพียงไม่นานพชรมุนินซึ่งเป็นอาจารย์จะต้องเผชิญสิ่งใดต่อ
ดวงตาที่สามแห่งความหยั่งรู้ซึ่งเป็นพรสวรรค์ของคนในตระกูลนั้นมัชฌิม์มีอยู่ก็จริง
ทว่ามันยังไม่กล้าแข็งพอ อย่างน้อยก็ไม่พอจะเทียบได้กับพลังปิดตาแห่งการหยั่งรู้ของผู้เป็นอาจารย์
พชรมุนินปิดกั้นความรับรู้เรื่องอนาคตของตนจากทุกคนเสียสิ้น เสี้ยวความคิดเล็กๆ ชายกลางคน
อยากจะดิ้นรน แต่รู้ดี ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้ ผู้คนที่เขาผลักไสให้ก้าวไปสู่หนทางสว่างจะปลอดภัยกว่า
ผู้ครองราศีเมษสงบสติเฝ้ารอคอย ย้ำกับตัวเองว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง
จะลองปักหลักสู้กับ‘มัน’ดูสักตั้ง ทุ่มเทพลังทั้งกายใจให้หมดในคราวนี้
อสรพิษร้ายที่มาจากความมืดจะชนะ หรือแสงสว่างแห่งความจริงจะหยุดมันลงได้!!
เรือลำใหม่พาพวกเขาเดินทางจากประจวบคีรีขันธ์ ข้ามอ่าวไทยไปสู่ประจันต์คิรีเขตต์
ซึ่งอยู่บนระนาบเส้นรุ้งเดียวกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาลอยลำรอคอยอยู่สองสามวัน
จึงถึงคืนแรมที่เกาะเงาซึ่งเร้นในแดนรัตติกาลจะเปิดทาง
สิตาราตะลึงมองชายหาดทรายขาวพราวระยิบระยับ เหมือนลาดโรยไว้ด้วยเศษเล็กละอองน้อย
ของสะเก็ดดาวบนท้องฟ้า น้ำใสยิ่งกว่ากระจก แม้อาศัยเพียงแสงจันทร์และแสงดาวที่สาดลงมา
ก็เห็นทะลุไปถึงไหนๆ
และที่กลางปล่องภูเขาทะมึน เบื้องบนเปิดโล่งเห็นฟ้าดารดาษดาว ทว่าทะเลสาบ
ที่ทอดอยู่ก้นบึ้งนั้นกลับไม่สะท้อนภาพของสิ่งใดเลย มันดูมืดตื้อเหมือนกระจกเงาแห่งราตรี
บนศาลาขนาดใหญ่ริมน้ำนั้นเอง แม่ชีดำและนักบวชดำรอคอยต้อนรับการมาของเด็กหญิงอยู่แล้ว
ทั้งคู่มีผ้าคลุมดุจราตรีคลุมไหล่ไว้มิดชิด แม่ชีดูยิ้มย่องเยียบเย็นในสีหน้า ผมดำเป็นทรงเหมือน
หางแมงป่องสมราศีพิจิก ส่วนนักบวชเคร่งขรึมปึ่งชาผมตัดสั้นเกรียน กลิ่นอายชวนเกรงขาม
โชยออกมาพอกัน
และสิ่งแรกที่สิตาราเอ่ยถามกับคนพวกนั้น ก็คือเป้าหมายเพียงอย่างเดียวที่หัวใจดวงน้อย
จดจ่ออยู่ตลอดเวลา “พี่ดารายังอยู่กับพวกท่านหรือเปล่า! ข้าอยากพบพี่”
แม่ชีดำเอียงคอ ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะตอบ “โธ่ ท่านผู้เป็นราศีที่สิบสามของข้า
เสียใจยิ่งแล้วที่ทำให้ท่านตัวน้อยๆต้องผิดหวัง...ถ้าให้พูดตามตรง หากพี่ท่านไม่ตายเสียแล้ว
ก็สังหรณ์ว่าคนพวกอื่นเอาตัวนางไป นานหลายปีมานี้ไร้ร่องรอยนางรวมถึงตัวท่านเองก็ด้วย
จนพวกเราแทบจะหมดหวังกัน”
เมื่อสหายหญิงของตนกล่าวนักบวชดำกลับเมินมองไปทางอื่น ลอบถอนหายใจยาว
ในขณะที่สิตารานิ่งอั้น แล้วหยดน้ำตาก็ค่อยๆรินไหล ความหวังทั้งหมดเหมือนจะหรี่ดับ
ลงในเวลานั้นเอง ชามัลก็เพียงแต่พูดให้ความหวัง ให้เธอยอมมาจนถึงที่นี่ แต่มิตรล่ะ
เขาหลอกเธอว่าพี่ยังไม่ตาย หรือว่ามิตรเองก็ไม่รู้จริงๆว่าพี่ยังอยู่หรือไม่อย่างไร
ค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงต้อนรับ แม่ชีดำหรี่ตาลอบสังเกตชามัลเป็นพิเศษ ต่างกับผู้มีใจอสรพิษ
เขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งใดในที่นั้นเลย จริงอยู่ เขาเคยหมายใจจะมาให้ถึงที่นี่ ที่ของรัตติดารา
แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น คนพวกนี้บอกว่าเด็กหญิงจะยังไม่ได้อำนาจมาจนกว่าจะอายุสิบเก้า
ซึ่งเป็นข้อแม้ของอำนาจเก่าแก่โบราณ แม้เขาจะใช้กำลังเร่งรัดก็คงไม่มีวันได้สมดั่งใจ
ดังนั้นอสรพิษหนุ่มจึงไม่สบอารมณ์เอามากๆ ที่สุดก็ถึงกับปลีกตัวจากงานออกไปหลบมุมอยู่ลำพัง
เมื่องานเลี้ยงใกล้เลิกรา ในที่ประชุมซึ่งแยกห่างออกมา แม่ชีดำกำลังสนทนากับวรรณะเป็นการส่วนตัว
“ก็ตามที่แจ้งแก่ท่านแม่ชี ยังดีที่ตุลาการมาช่วยกันสิงหรานีไว้ บวกกับที่ท่านชามัลทำลายเรือนางแล้ว
พวกสิงห์มันเลยหมดโอกาสตามติดมาได้” น้ำเสียงเด็กหนุ่มออกจะมีแววชื่นชมอยู่ไม่น้อยยามเมื่อ
กล่าวถึงผู้มีใจอสรพิษทว่าทรงอำนาจร้ายกาจอย่างชามัลที่เขายอมรับนับถือ พูดจบวรรณะก็ไอออกมา
สองสามที เอามือจับหน้าอก มองแม่ชีอย่างขอลุแก่โทษ
“เจ้าเองก็เดินทางสมบุกสมบันมามาก ไปพักเปลี่ยนถ่ายเลือดรักษาอาการของตัวเองเสียเถอะ”
“ขอบคุณท่านเหลือเกินที่ไม่เคยลืมใส่ใจสุขภาพของข้า”
“พวกเจ้าฝาแฝดก็เหมือนลูกข้า ในเมื่อเจ้านับถือข้าดุจมารดา ข้าก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นแม่”
แม่ชียิ้มเยือกเย็น “ข้ายินดีที่พวกตุลาการยังแสดงท่าทีสนับสนุนเรา เพราะคนจากศาลาวิกาลนั้น
ก็นับเป็นพวกเดียวกับเรามาช้านานแล้ว ตั้งแต่เราแสดงเจตจำนงจะรักษาไว้ซึ่งการมีอยู่ของราศีที่สิบสาม
จากนี้เราก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อมีท่านสิตาราเป็นสมบัติของพวกเรา อ้อ...รวมถึงอสรพิษรูปงาม
ตนนั้นก็ด้วยเหมือนกัน”
แม้จะตั้งตัวไม่ติดในวูบแรก กับข่าวว่าพี่สาวตนอาจจะตายไปแล้ว แต่เด็กหญิงก็เริ่มทำใจ
เมื่อกลับมายังอดีต สิตาราพบว่าตนไม่ได้กลับมาสู่เวลาปีที่ตนแยกจากพี่ เวลาของที่นี่ผ่านไป
เท่าๆกับเวลาซึ่งเธอไปอยู่ในร้านของมิตร จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีใครกำหนดไว้ก็ไม่รู้ได้
ที่มันบังเอิญพอดีกับร้อยปีที่โมราพาข้ามมา
ทุกอย่างบนเกาะนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่ ทุกวันผ่านไปกับการเรียนรู้ ที่อยู่อาศัยใต้ปล่องภูเขาเรียกรวมๆ
ว่าศาลาเงา มีบางอย่างคล้ายเวียงวังเมห์ฮราอันซ่อนอยู่ใต้พิภพ ต่างกันตรงที่มาซ่อนเร้นอยู่ในปล่อง
ภูเขารวมกับทะเลสาบ ยังดีที่กลางปล่องนั้นเปิดโล่งขึ้นไปเห็นท้องฟ้ากว้าง
ตัวศาลามีส่วนอาคารมุงหลังคากระเบื้อง แต่ห้องหับส่วนหน้าก็แทรกอยู่ในตัวภูเขา
แบ่งเป็นส่วนกลางไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนที่อยู่อาศัยเฉพาะบุคคลสำคัญ โดยแยก
ที่พักอาศัยของเหล่าภูตดาราออกไปซุกซ่อนไว้ในราวป่าทะมึนซึ่งใบไม้แต่ละใบเขียวหม่น
จนเกือบดำ สมเป็นเกาะที่เร้นอยู่หลังประตูของรัตติกาล
ในป่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่มากมาย สิตาราไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปที่นั่นลำพัง
ขณะที่แม่ชีเข้มงวด แต่บางวันนักบวชดำซึ่งใจดีต่างจากใบหน้าก็จะพาเธอไปสักการะ
เทวรูปพระแม่กาลียังเทวสถานกลางป่าอันสงบงัน
“พระแม่สูงสุดของรัตติดารา ให้ทั้งคุณและโทษกับผู้คน แต่ถ้าเจ้านับถือ
พระแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าอย่างแน่นอน” นักบวชดำเอ่ยบอก
ภายในศาลากึ่งทึบกึ่งโล่ง มีทั้งเสาต้นเดี่ยวและแง่มุมสถาปัตย์เล่นเชิงก่อขึ้นบังลมในบางจุด
ที่นี่จึงทั้งมิดชิดจากสายตาภายนอกและมีลมรวยรินเข้ามาได้ คนมาใหม่ลอบมองดูนักบวช
ผิวคล้ำเข้มผู้มีจมูกงองุ้มราวปากอีกา แต่เสียงสุขุมฟังดูใจดีผิดกับหน้าตา
สิตาราหันกลับไปพิศเทวนารีองค์ดำแลบลิ้นออกมายาวผู้มีสิบกร เธอรู้สึกขนลุกแปลกๆ
แต่ก็มีสิ่งที่ชอบ เช่นในมือที่ถือสรรพาวุธร้ายเอาไว้ต่างชนิดกัน กับความขลังน่าสะพรึง
จนประทับใจ อาจเกิดจากซากหัวกะโหลกเก่าเก็บแห้งกรังที่กองพูนดุจจะเป็นบรรณาการ
ทั้งกระดูกสัตว์ กระดองเต่าก็มีให้เห็น หรือนี่เองจะเป็นเหตุให้ยามค่ำคืนอันมืดมิด
บางทีก็ได้ยินเสียงสวดมนต์หรือเสียงโหยหวนดังจากป่า ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นที่นี่
แต่ก็ไม่มีใครยอมบอกเด็กหญิงชัดๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ณ เทวสถานแห่งนี้กันแน่
นอกจากคนที่เกาะเงาจะดีกับเธอแล้ว ชามัลเองก็ดีขึ้นมาก บางวันเขาถึงกับชวนสิตารา
ไปเล่นอะไรกันบนชายหาดเหมือนอย่างกับเด็กๆ และเธอก็ชอบเขามากขึ้นทุกที...
“เอ้า นี่! พวงมาลัยดอกไม้ เหมือนสาวๆที่ฮาวาย ฉันทำให้เธอ” คนพยายามเอาใจเอ่ยบอก
สิตาราที่ถูกแอบสวมมาลัยให้ตอนกำลังนั่งเล่นทรายเงยมองคนตัวสูงอย่างงงๆ
“เอามงกุฎไปด้วย จำไว้ เธอคือราชินีของเกาะนี้! ราชินี...แห่งเหล่ารัตติดารา”
คนพูดแกล้งทำเสียงให้ฟังดูยิ่งใหญ่
เด็กหญิงแลบลิ้นเขินๆ เขาทำท่าอย่างกับจะยกทะโมนอย่างเธอเป็นเจ้าหญิง
สิตาราดึงพวงดอกไม้เหล่านั้นลงมาจากหัวตน เอาวิ่งไล่ฟาดชามัลที่ยังพูดแหย่
ไม่หยุดปากเสียจนหนำ ท่ามกลางเสียหัวเราะขำของทั้งเธอกับเขาและคนที่บังเอิญผ่านมาเห็น
เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ไม่พยายามหาเรื่องทะเลาะ ทั้งยังใจดีกับสิตาราจนเธอชักเริ่มจะ
เอาชามัลไปเทียบกับมิตรนั่นทีเดียว เขาสำนึกตัวแล้วหรือ ไม่ว่าแรกๆจะแย่อย่างไร
แต่ตอนนี้สิตารากลับคิดว่าโชคดีแค่ไหนที่ยังมีชามัล...ที่เธอไม่รู้ก็คือ ชามัลที่เห็นอยู่ตอนนี้
กำลังพยายามทำดีกับเธอให้มาก กำลังสังเกตสังกา เพื่อให้แน่ใจว่าสิตาราจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ด้วยดี
ผ่านไปไม่นาน เผลอหน่อยเดียวสิตาราก็อายุสิบสามปีกว่า คืนหนึ่งที่เธอทั้งอิ่ม ทั้งง่วง
ตั้งใจว่าล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็จะเอกเขนกบนเตียงในห้องหับสวยๆของตน
ภายใต้ศาลาเงากลายเป็นที่ของเธอ ปลอดภัยอยู่ภายใต้ปล่องภูเขาสีดำของเกาะซึ่งซ่อนเร้น
ณ แดนรัตติกาล ไม่ต้องกลัวเงื้อมมือของใครตามมาไล่ล่า
ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่านี้อีกแล้ว เด็กหญิงไว้ใจแม่ชีดำเพราะพี่ดาราเคยไว้ใจอีกฝ่าย
แม้ว่าตอนนี้ไม่มีพี่ ...ทว่าส่วนลึกในใจก็ยังหวัง พี่อาจยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครรู้
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ สิตาราที่กำลังใช้ผ้าซับน้ำซึ่งหมาดอยู่บนผิวหน้าก็ต้องหยุด
กะพริบตามองคนที่นั่งทอดกายใช้มือทั้งสองยันตัวไว้บนเตียงตน สีหน้าชามัลเบิกบาน
แต่แววตาของเขาบอกความหมายบางอย่างที่ต่างออกไป
“ฉันมาลาเธอ...” ชายหนุ่มพูดง่ายๆด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นเยาะตัวเองหรืออื่นใด
ขณะลุกขึ้นยืน มันเป็นความคิดโง่ๆ ที่เคยคิดว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กสักคน เลี้ยงให้
โตขึ้นมาด้วยความรักและผูกพันกับเขา เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวเท่านั้น
เขาต้องจากเธอไป... เพราะภารกิจของเขายังมีอีกมาก
จะให้มาจมอยู่แต่ที่เกาะกับเด็กผู้หญิงคนเดียวได้อย่างไร
สิตาราใจหาย ไม่เหมือนตอนที่เธอยอมไปกับสิงหรานี นั่นเพราะใจส่วนลึกยังรู้ว่าชามัลไม่มีวันปล่อย
สุดท้ายแล้วเขาจะตามมา เคยว่าเกลียดเขา ด่าเขาเลวต่างๆนานา แต่ตอนนี้สิตาราก็แค่เด็กที่
หลงทางอยู่ในอดีต มันเคยเป็นที่ของเธอ แต่เมื่อไปอยู่กับมิตรนานหลายปี ที่นี่ก็แปลกหน้า
แปลกผู้คน... แล้ว‘เขา’ คนคอยดูแลเอาใจใส่ ก็คือคนเพียงคนเดียวที่เชื่อมโยงเธอกับเรื่องยาวนาน
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา แล้วจู่ๆชามัลกลับบอกว่ากำลังจะจากไป
แม้ความสัมพันธ์จะเป็นไปอย่างลุ่มๆดอนๆเพิ่งมาดีในระยะหลัง แต่สิตาราก็รู้ว่าตนเอง
จำเป็นต้องมีอีกฝ่าย ...มือเล็กเอื้อมขึ้นแตะโมรา เกือบจะใช้กระแสจิตเหนี่ยวรั้งบังคับไม่ให้เขาไป
แต่ใจที่อ่อนล้าก็รู้ว่าตนไม่มีพลังเพียงพอ
“ทำไมต้องไป...”
“ตอนแรกฉันคงมั่นใจเกินไปจนลืมคิดถึงธาตุแท้ของตัวเอง คิดว่าจะเลี้ยงดูเด็กสักคนได้
แต่ขืนอยู่กันไปอย่างนี้คงไม่ไหว...อย่าทำท่าเหมือนหมาถูกทิ้งแบบนั้น ขอร้องละ”
สิตาราสั่นน้อยๆไปตลอดร่าง พยายามเก็บความอ่อนแอเอาไว้ แล้วคืนที่ดาวเกลื่อนฟ้า
ที่เขาเคยสอนให้เธอหัดมองดาว คืนวันเหล่านั้นมันไม่มีความหมายเลยหรือไง
“จากนี้ใครจะสอนฉันดูดาว ยังจำได้ไม่หมดเลย” คนพูดกลั้นใจอ้างไปอย่างนั้น
รู้ว่ามันออกจะฟังไร้สาระ เธอก็แค่...อยากให้เขาอยู่ด้วยกัน
“ก็...ให้นิลละสอนไปแล้วกัน หรือไม่ก็พวกพิจิก พวกนั้นคงกะเลี้ยงดูเธอให้ดีเต็มที่อยู่แล้ว
แต่อย่าลืมล่ะ ดื้อให้มากเข้าไว้ เป็นตัวของตัวเอง อย่ายอมให้ใครล้างสมอง”
นอกจากฉันคนเดียว...คือคำที่เขาไม่ได้พูดออกไป
ตาโตเรียวสวยซึ่งรื้นไปด้วยหยาดน้ำแห่งความอ่อนแอมองสบตาสีน้ำตาลทอง
ที่มีแววทั้งขำและระอา ขำ...ที่เธอช่างเข้าใจอะไรยากเสียจริง
“เขี้ยวแก้วนาคาขอให้ใส่ไว้ หวังว่าคงไม่โง่จนถอดมันทิ้ง... ส่วนโมรานั่นคงถอดไม่ได้
ให้ใส่ไว้คู่กันทั้งสองอย่าง อย่าบอกให้ใครรู้ความจริงมากไปกว่าที่รู้อยู่แล้ว คนที่นี่จะ
ไม่เอามันไปจากเธอ เพราะมันเคยเป็นของรัตติดารา ในอดีตกาลนานมาแล้วก่อนจะมีคน
เอามันไปซ่อน ตอนนี้พวกเขาที่รู้ว่าเธอมาจากอนาคตคงเห็นสมควรที่เธอจะครอบครองมันไว้”
ชามัลไม่ได้เอ่ยออกไปว่าเขาเคยลองตามหาโมราเส้นที่อยู่ในช่วงเวลานี้มาแล้ว
ทว่ามันยังไม่ได้ถูกนำไปซ่อนในสถานที่เดียวกับเมื่อตอนอนาคตซึ่งเขาและสิตาราได้มันมา
เรื่องนั้นรอไว้พยายามอีกครั้งหลังงานเสร็จคงไม่เสียหาย
“อยู่ที่นี่ พรตจะอยู่กับเธอ ดูแลเธอ รวมทั้งนิลละ บอกตรงๆ ฉันว่าเด็กที่ชื่อนิลละนั่น
ดูจะไว้ใจได้มากกว่าแฝดอีกคนเยอะเลย พูดตามประสาคนเลวที่ดูพวกเดียวกันออกน่ะนะ
แม้ภายนอกจะสดใสน่าคบหากว่ากัน จำคำของฉันไว้ให้ดีๆ... เพราะงั้นฉันจะเอาเด็กที่ชื่อ
วรรณะไปด้วย ดูเจ้าตัวก็อยากไปกับฉัน ฉันจะไปเพื่อสอดส่องรัตติดาราทุกๆราศีที่เหลือ”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่” สิตาราถาม น้ำเสียงฟังดูโหวงเหวงเหมือนไม่ใช่เสียงเธอเอง
เขาจะไป จะไปแล้วจริงๆ เธออยากขอให้ชามัลตามหาพี่ดาราให้ พี่อาจยังมีชีวิตอยู่
ให้เขาตามหาและช่วยบอกเธอ แต่คำขอนั้นคงดูเหมือนผิดที่ผิดเวลา เพราะเขาคง
เห็นคำพูดแต่ละคำของเธอไร้ค่าอย่างเหลือเกิน
ชามัลก้าวไปยังม่านอ่อนบางที่กั้นแบ่งส่วนห้องนอนชั้นใน ยกมือเรียวแข็งแรง
ขึ้นโบกน้อยๆให้เจ้าของร่างเล็ก ก่อนจะหันจากเธอไป
“ฉันจะไปกับลม บอกไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ แต่เวลาที่ฉันกลับมาคงเป็นเวลาที่ลมพัด
แรมรัตติกาล คืนไหนสักคืน ไกลออกไปในอนาคตข้างหน้า ฉันจะมาปรากฏตัวที่หาด
ของเกาะเงาอีกครั้ง จนกว่าจะถึงเวลานั้น...แล้วพบกัน สิตารา”
ผู้สิงสู่ในโมรารัตติกาลตระหนักรู้ ทางแห่งอำนาจของเขาไม่ได้แคบอยู่เพียงเกาะเงา
เขายังต้องการกำลังของภูตดาราและการเข้าถึงราศีอื่นซึ่งอาจเป็นสะพานสู่สิ่งที่เขาต้องการ
คำถามคาใจ ตอนนี้พี่สาวของสิตาราที่ชื่อดารานั้นอยู่ที่ไหน ถ้ายังมีชีวิตไม่ได้ตายไปจริงอย่างว่า
ใครซ่อนเธอไว้...
กับอีกคำถามซึ่งสำคัญยิ่งกว่า ลูกชายศัตรูเขาอยู่ไหน ใครช่วยมัน...
ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชื่อมัชฌิม์ ตอนเขาไปอยู่ในเมห์ฮราพักใหญ่
ชามัลแน่ใจได้ว่าคนที่เขาต้องการตัวไม่ได้อยู่ใต้เงื้อมมือของปู่เขาหรือแม้แต่อัคนิแน่
ดังนั้นชามัลจึงคิดจากไปเพื่อตามหาและคงไม่หวนมายังเกาะอีกในเร็ววัน
วรรณะหนึ่งในแฝดราศีคนคู่มากับเขา ทิ้งนิลละไว้อยู่ดูแลสิตารา สัมผัสบอกชัด
ว่าคนที่เกาะรวมถึงพรตจะเก็บสิตาราไว้ราวกับไข่ในหิน เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา
เปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจ แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่ถูกกับเด็ก อยู่นานไปมีแต่จะ
เกลียดกันยิ่งกว่ารักใคร่ แปลก...แม่นั่นทำท่าทางอย่างกับจะเสียน้ำตาและไม่อยากให้เขาทิ้ง
แต่สุดท้ายสิตาราก็ไม่ได้ขอร้องให้เขาอยู่ ดีแล้วที่เธอไม่เสียเวลา
เมื่อมีเพียงตนเองลำพังเขาก็เป็นอิสระ ใช้พลังอันเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเดินทางขึ้นเหนือ
หาร่องรอยของมัชฌิม์ ทั้งยังสืบเสาะดูเส้นสายความเป็นไปของเมห์ฮรา แล้วก็ได้รู้ความจริง
ในยุคของทวดเขา ท่านผู้นั้นเป็นผู้นำที่แข็งแรงเพียงใจ ร่างกายเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว
แต่ด้วยฝีมือของผู้ดูแลชั้นพิเศษอย่างมิตราที่ทรงอาวุโสคอยรับใช้ใกล้ชิด กับทายาททั้งสอง
คือศานติมันและอัคนิเป็นกำลังสำคัญ เวลานี้เมห์ฮราก็ยิ่งใหญ่จนข่มเงาความมืดของรัตติดารา
ที่เป็นศัตรู ทั้งบีบเข้าหาจนแทบว่าจะทำให้รัตติดาราใกล้สาบสูญไปทุกทีๆ
“ขอโทษด้วย เพื่อนร่วมตระกูลทั้งหลาย ข้าคนนี้จะค่อยๆปลุก
ศัตรูที่ใกล้ตายให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมารัดคอพวกเจ้าเอง”
ชามัลเชื่อมั่นว่าหากทุกอย่างเปลี่ยน ตัวเขาก็ไม่ได้จะเลือนรางจางหายไป
แน่นอนว่าเขาจะสร้างอนาคตอย่างใหม่ขึ้นมา และจะมีชีวิตยาวนานไปจนได้เห็นวันนั้น
อนาคตซึ่งอาจเป็นเส้นขนานกับโลกที่เขาจากมาโดยสิ้นเชิง
อสรพิษใช้วรรณะที่ติดตามมาให้เป็นประโยชน์ในการติดต่อทำการที่ไม่สะดวกจะทำด้วยตนเอง
แต่ก็ไม่มากจนมันกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ บางทีเขาก็ปล่อยเด็กหนุ่มทิ้งไว้ เขาเองฉวยจังหวะ
เข้าถึงพวกเมห์ฮรารอบนอกที่เป็นด่านอารักขายังสมรภูมิสำคัญซึ่งกระจายตัวออกไปในภูมิภาคของโลก
สอดส่องดูตัวแทนตระกูลผู้ทำหน้าที่เป็นแสงสว่างคอยชี้นำทางให้เหล่าผู้คน ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง
ให้แก่วงการค้นคว้าเรื่องวิทยาการ หรือความเป็นไปของหลายดินแดน
เมื่อพร้อม ชามัลจึงลงมือสังหารคนระดับหัวหน้าที่รายล้อมอยู่รอบนอก! เว้นไว้เพียงตัวอันตรายของจริง
ซึ่งอยู่กระชับวงในเข้าไปที่ลำพังเขาคนเดียวไม่อาจเข้าถึง คนพวกนี้อยู่ไปก็จะคอยขวางทาง ก่อนอื่นต้อง
เริ่มจากกุดแขนขาของเมห์ฮราจนพวกมันกระดิกกระเดี้ยไม่ได้... ถึงตอนนี้ก็ได้รู้แล้ว ว่าเหตุการณ์สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ของตระกูล ที่ว่าผู้มุ่งร้ายจู่โจมเข้ามาในช่วงปีนี้มันเป็นฝีมือใคร ที่แท้ก็เป็นมือของเขา
...คนในที่เจ็บช้ำจากการถูกขับไล่ไสส่งและการถูกแทนที่ พวกมันจะต้องชดใช้ด้วยทุกสิ่งที่มี!
หากในหน้าประวัติศาสตร์นั้นเมห์ฮราก็ยังยิ่งใหญ่ ทำไมผู้มุ่งร้ายที่ว่าจึงเงียบหาย?
เขากระทำการไม่สำเร็จหรือ...ชามัลไม่เชื่อเช่นนั้น เขาจะเปลี่ยนอนาคตด้วยมือของตัวเอง
อะไรจะเกิดขึ้นจากนี้คงต้องลองให้รู้กัน
อสรพิษผู้ทระนงได้รู้ความเป็นไปของราศีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกตุลาการราศีตุลย์
ที่ศาลาวิกาลซึ่งซุกซ่อนในย่านใกล้เสาชิงช้า เวลาผ่านนานนับเป็นปีๆ เขาสืบเสาะ
เข้าหา คบหา จนกลายเป็นสหายสนิทของผู้นำราศีกุมภ์ วาเลนติโน่เป็นเชื้อสายจาก
แดนไกลที่เข้ามาซ่องสุมกำลังไว้เพื่ออำนาจอันเป็นหนึ่งของรัตติดารา สหายต่างชาติ
คนนี้ของเขารักในความสำเริงสำราญไม่ต่างกัน เล็งเห็นความงาม
และความรักในตัวผู้คนทั้งสองเพศ ไม่ว่าหญิง...หรือชาย
“ชามัล อย่าคิดว่าข้ารู้ไม่ทัน ข้ารู้ว่าสายตาคนอย่างท่านมองแต่สตรีเท่านั้น
ไม่ได้พิศวาสข้าเหมือนอย่างที่ท่านพยายามจะโกหก เพราะงั้นเราแค่เป็นสหายร่วมอุดมการณ์
รัตติดาราก็พอ แล้วข้าจะรอวันได้ชื่นชมอำนาจแห่งราศีที่สิบสาม แต่ถึงไม่มีเรื่องนั้นข้าก็พอใจ
จะคบหาคนที่ความคิดไปกันได้แบบท่านอยู่แล้ว”
“ต้องแบบนี้สิท่านวาเลนติโน่ ...หากเข้าใจข้าทะลุปรุโปร่งได้ถึงระดับนั้นก็ดี
เพราะข้าไม่ชอบคนโง่ คบกันได้ประเดี๋ยวประด๋าว ต้องฉลาดทันกันถึงจะคบกันยาว”
ชามัลหัวเราะ เขาชอบชายเจ้าของผมสีทองจางซอยสั้นเข้ารูป ดวงหน้าคมออกไปทางสวยซีด
ไม่ได้เข้มเป็นอิตาลีอย่างชื่อเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังแต่งกายพรายแพรวทันสมัยราวกับหลุดมาจาก
ลาสเวกัสในโลกอนาคต สีโปรดคือสีม่วงแห่งพลอยอะเมทีสต์ประจำราศี
วาเลนติโน่ใช้ความรักสนุกของตนอย่างเป็นประโยชน์ รู้จักเส้นสายทุกอย่างในเอเชียบูรพา
ทั้งพาชามัลเข้าถึงความสำราญแห่งแสงสีที่ซ่อนอยู่ในเมืองทันสมัย รวมถึงยุโรปอันเป็นที่โปรดของตนเอง
ณ บาร์ใต้ดินแสงสีระยิบระยับ กับการเสพสุขด้วยตา หู จมูก ปาก และเพศรส
ชายผู้มาจากอนาคตได้รู้ว่าช่วงเวลาแห่งอดีตกาลก็มีอะไรดีๆให้ค้นหาเรื่อยไป
ทีแรกเขาเสียดายว่าต้องมาตกอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ยุคสมัยนี้บางสถานที่
ก็พัฒนาก้าวไกลไปพอเพียงจะสอดรับกับความอยากของเขาได้เหลือเกินแล้ว
ค่ำคืนแห่งเสียงเพลงที่ผ่อนคลายจากการเสาะแสวงหาอำนาจ ชามัลนั่งดื่มกลางวงพนันหรูหรา
เสียงกีตาร์ของนักรักละตินซึ่งบรรเลงคลอไปในบรรยากาศชวนให้หวนคิดถึงใครบางคน
ใครที่ดูไม่เข้ากับสถานที่เริงรมย์นี้เอาเสียเลย เด็กน้อยคนหนึ่งที่เขาทิ้งมา
ป่านนี้จะมีพลังก้าวหน้าไปถึงไหน จะเล่นดนตรีได้เก่งขนาดไหน ยังรอเขากลับไปหา
ด้วยแววตาเหมือนลูกหมาตัวน้อยรอคอยเจ้าของ หรือเกลียดเขาเข้าไส้
ถึงวันพบกันอีกครั้งก็คงได้รู้ นี่ก็ผ่านมานานกี่ปีเข้าแล้วนะ
“ท่านทำหน้าเคลิบเคลิ้ม...คิดถึงใครหรือไงสหาย ตาพราวเป็นประกายแบบนี้
คงจะคิดถึงผู้หญิงแน่นอน ที่แนบซ้ายแนบขวาข้างกายนั่นยังไม่พอรึ”
เจ้าของสถานที่เอ่ยถามด้วยภาษารัตติดาราซึ่งฟังเข้าใจกันอยู่เพียงสองคนในที่นั้น
ชามัลยิ้มพึงใจ วาเลนติโน่มักเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลชวนฝันราวกับสำเนียงของศิลปินซึ่งฟังเข้าหูเขา
แต่ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษกลับเอ่ยเชิงปฏิเสธ “เปล่า แค่คิดเรื่องในอดีตนิดหน่อย”
“ไม่รอดสายตานักรักอย่างข้าไปได้ ลืมแล้วหรือ ข้าเกิดวันวาเลนไทน์ถึงได้ชื่อวาเลนติโน่
และข้าก็เป็นเทพเจ้าแห่งความรักมาตั้งแต่เกิด แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก จากตอนนี้
สีหน้าท่านไม่ได้บอกว่าคิดถึงเรื่องราว แต่เป็นคิดถึง...คน”
“ไม่มีหรอก คนที่ข้าคิดถึง ไม่เคยมี” ชามัลผ่อนลมหายใจ
“นึกว่าท่านพบดาราที่ท่านตามหาที่ไหนแล้วซะอีก”
“เรื่องผู้หญิงคนนั้น...จะว่าไป ไม่นานนี้ก็เริ่มได้ยินบางอย่างที่อาจเกี่ยวกับการหายตัวไป
ของนางบ้างแล้ว รอให้แน่ใจก่อน ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับไอ้ที่ข้านึกอยู่ตอนนี้หรอก
ข้าก็แค่...กำลังนึกถึงเด็กคนหนึ่ง”
“ก็มีเด็กอยู่คนเดียวในชีวิตท่าน ถ้างั้นนางคงสำคัญสำหรับท่านยิ่งกว่าที่ข้าเคยเข้าใจ
เอาเถอะท่านชามัล ถึงท่านจะมีความลับในใจมากมายแต่ข้ายอมให้เสียคน
เพราะหลงใหลในความงามแห่งอสรพิษเช่นท่านจริงๆ” เจ้าของสถานที่ว่าแล้วก็
หันไปจุมพิตดูดดื่มกับสตรีสาวแสนสวยที่เอนเคียงกายบนโซฟานุ่ม ขณะช่วงไหล่
ยังรับสัมผัสนวดเฟ้นจากชายผิวแทนรูปร่างแน่นไปด้วยลอนกล้ามเนื้อ
ชามัลยิ้มในหน้า คืนนี้จะปล่อยให้วาเลนติโน่มีความสุขไปก่อน แต่แผนบางอย่างของเขา
ก็ใกล้ได้เวลาต้องลงมือ เร็วๆนี้ เขาจะบอกลาเพื่อนกลับไปยังสยาม อีกฝ่ายจะตามไป
หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ใจ
...คราวนี้ธุระของเขาอยู่ถึงเมืองเพชร กับตัวพชรมุนินซึ่งเป็นจ้าวราศีเมษ
เขารู้จักชายกลางคนผู้นั้นมาได้แรมปีแล้ว เป็นรัตติดาราที่ยอมสงบเสงี่ยมอยู่ในสายตาดีอยู่
ออกจะรักสงบเกินฐานะผู้เป็นหนึ่งในราศีแห่งความมืดไปบ้าง แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาจะ
เอามาตั้งข้อรังเกียจ
สิ่งสำคัญที่รู้มา พชรมุนินได้ทำเรื่องบางอย่าง...ที่ถ้าเป็นจริงเขาคงไม่อาจอภัย
หากว่ามีการให้ที่ซุกหัวหลบซ่อน จนถึงชุบเลี้ยงลูกชายศัตรูคนสำคัญของเขาขึ้นมา
รู้ทั้งรู้ว่าตระกูลแห่งแสงสว่างนั้นเป็นขั้วตรงข้ามกับรัตติดาราโดยสิ้นเชิง เวลานี้มันจะ
เติบกล้าไปถึงไหนแล้วในโลกแห่งอดีต ไม่นานเขาคงจะได้พบมันอีกครั้ง
กับไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชื่อมัชฌิม์ เมห์ฮรา!
สิงหรานีใช้เวลารอนแรมรวบรวมสมัครพรรคพวก เริ่มต้นการสืบทอดอำนาจรัตติดาราสิงห์
มายาวนานหลายปี นางเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น บัดนี้กาลผ่านเลยจนวัยใกล้ล่วงเข้ายี่สิบแปด
คร่ำหวอดในโลกกว้างยิ่งกว่าเดิม อาศัยคำแนะนำจากอโพซินเต้ ครูมนตราผู้เฒ่าที่สู้อุตส่าห์
ไปอัญเชิญมาจากเกาะมรกต
{ชื่อฉายา... ในภาษาพม่า อโพ เป็นคำนำหน้าสำหรับเรียกคนวัยปู่ หรือตา, ซินเต้ แปลว่า สิงห์ }
ครูบาผู้มีรูปลักษณ์รุ่ยร่าย ผมยาวยิ่งม้วนทบเป็นกระเซิง กายค่อมคู้น่าสะพรึง
ชายชราเคยเป็นคนของราศีสิงห์มาช้านาน แต่ด้วยท่านไม่ยอมรับในตัวพี่ชายทั้งสามของนาง
ที่สองคนแรกก็โง่เง่าไม่เอาถ่าน ส่วนคนสามความคิดแหกคอกนอกขนบอย่างเหลือทน ทว่า
เมื่อรู้ว่าคนอย่างลูกสาวเจ้าเกาะสิงห์หมายขึ้นเป็นผู้นำ บรมครูด้านมนตราไม่รีรอที่จะ
รีบสั่งให้คนเก็บผ้าผ่อนทั้งของขลังโกยมายัดลงห่อผ้ารุ่งริ่ง หามตนที่ตอนนั้นยังป่วย
ตามมาขึ้นเรือนางสิงห์ไม่มีอิดออด แม้เมื่อแรกศิษย์สาวจะเพียงฝากสารถึงและมิได้
ปรากฏกายไปเชิญด้วยตนเอง ด้วยไม่ต้องการให้อดีตสลัดราศีสิงห์บางคนไม่พอใจ
หากเห็นตัวนางก้าวล้ำเข้าไปถึงถิ่นที่พวกเขาอยากจะอยู่เงียบๆกันลำพัง
บัดนี้นางสิงห์พร้อมเรือลมกรดที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยครูบาซ่อมแซม
และช่วยเสริมมนตราให้กำลังแล่นลิ่วไปในทะเล
“นางสิงห์น้อยเอย ตูข้าผู้เป็นครูอับอายนักที่เคยแต่หดหัวเวลาที่อสรพิษนั้นทำเรือพวกเจ้าพินาศ”
“ท่านกำลังจับไข้ ยอมให้หามมาขึ้นเรือพวกข้าก็บุญแล้ว” ศิษย์สาวเท้าความ
“ข้าเคยคิดทิ้งวิชาอาคม หลงลืมการปล่อยของราวกับมือใหม่ฝึกหัด
จึงถึงกับของขึ้นให้คนรอบข้างต้องลำบาก ที่ว่าขี่หลังเสือแล้วลงยากก็คงไม่ต่างกับ
การเล่นวิชาอันตราย แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงดอกนะ ข้าจะกลับมาเป็นคนเก่าที่พึ่งได้
เพื่อช่วยเหลือการใหญ่เจ้าต่อไปอีกแสนนาน”
“เป็นผิดของข้า หาใช่ของพ่อครู ตั้งแต่วันที่ออกเรือมาข้าก็สัญญากับตัวเอง
จะแบกผู้คนที่ติดตามข้าไว้บนบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาไว้บนบ่าอีกข้างหนึ่ง
จึงเป็นข้าที่ต้องดูแลใครๆ”
หญิงสาวกล่าวหนักแน่น ตัวนางมีอุดมการณ์บางอย่างที่เร้นลึกไว้ภายใน
ยอมให้รู้เพียงแค่ผู้ยินยอมติดตาม และขอเพียงกล้าร่วมก้าวไปจนสุดทางด้วยกัน
ก่อนถึงเวลานั้น หน้าที่ดูแลทุกคนก็ถือเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว
มนตราก้าวหน้า ความบุ่มบ่ามลดน้อยลง แต่ความเหี้ยมหาญเอาจริงดูจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
และนางก็ยังไม่ลืมแค้นซึ่งอสรพิษร้ายตนนั้นได้ก่อไว้ วันหนึ่งคงได้พบกับมันอีกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ต้องกลับไปจัดการเหล่าหมูสกปรกที่ยังเกลือกปลักละเลงแอ่งอาจมบนเกาะสิงห์
ให้สิ้นซากไปเสียที
คำสั่งแรก นางสั่งให้จับพี่ชายคนโตไปขังไว้ในคอกจริงอย่างที่เคยลั่นปาก
พี่ชายรองยอมสวามิภักดิ์อยู่ใต้อำนาจ นางสิงห์จึงปรารถนาจะจัดงานเลี้ยงกินดื่ม
ฉลองวาระได้กลับบ้าน ให้ลูกน้องได้ผ่อนคลายกันเต็มที่ ทว่าภาพความเอะอะชุลมุน
ที่เห็นเมื่อย่างเท้าเข้าคูหาสิงห์ กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เจอ
“ถอยไปไอ้พวกสวะ! หมาตัวไหนอยากให้ตัวเมียเดินนำก็ไปตามหัวหน้าของพวกมึงมา
กูเกิดเป็นชาติสิงห์ ไม่มีวันยอมตามตูดตัวเมียแน่ ถ้าอยากขึ้นเป็นจ้าวนัก ก็ให้มัน
เห็นศพพ่อตัวเองก่อนแล้วกัน”
นางพญาคนใหม่แห่งถ้ำมองภาพคนบ้าด้วยอาการสงบ ทำมือส่งสัญญาณให้ลูกน้อง
ถอยออกนอกรัศมี เป็นพี่ชายโง่งั่งของนางเองที่อาละวาด บิดาสู้อุตส่าห์รอดชีวิต
รอนางมาได้อย่างเหลือเชื่อ กลับจะต้องมาช้ำใจช้ำในตายคามือลูกเนรคุณเสียแล้ว
ถ้าเพียงเรื่องความไม่ลงรอยยังพอไว้ชีวิต หากมันไม่ลากบิดาที่ป่วยจนเดินไม่ได้ออกมาจากห้อง
เอาคมอาวุธจ่อคอชายผู้เคยเป็นราชสีห์ ผู้บัดนี้หลับตาแน่นด้วยอ่อนล้าทั้งแสนอดสูใจ
“เฮ้ย! ปล่อยพ่อเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่ระยำหมา! แล้วข้าจะถือว่าเจ้าแค่เมาเหล้าเมายาดอง...”
เสียงต่ำกดกร้าวเสมือนหนึ่งคำเตือนครั้งสุดท้ายจากปากนาง
“ฮ่าๆๆ กลับมาเห็นภาพประทับใจพอดี เป็นไง นังน้องอวดดี ออกเรือไปไกลโพ้นทะล
คราวนี้กวาดผัวมาได้กี่คนล่ะเจ้า” คนเป็นพี่ที่ยืนแอ่นไปแอ่นมาแค่นเสียงถามอู้อี้
แต่ดังพอที่ทุกผู้จะได้ยิน “นึกว่าจะตายเสียกลางทาง เก่งเหมือนกันนี่ที่จูงจมูก
ผู้ชายเหี้ยมๆตัวเป็นยักษ์มาได้เป็นพรวน”
ก่อนใครจะทันได้คาดคิด มีดพกเล่มโค้งสะบัดปลิวราวกงล้อ
แล่นเป็นแนวดิ่งปักฉึกเข้าไปกลางเบ้าตาของคนพูดล้มตึง!
เลือดพุ่งจากหน้าที่ยังยิ้มค้างราวสายน้ำ คนที่อยู่ใกล้เร่งกรูกันเข้าไปรับร่างผู้ชราไว้มิให้ล้ม
มีดมนตราอำนาจแรงกล้าชำแรกเกราะอาคมเบาบางและของดีทั้งสิ้นที่ต่างโบยบินหนีหาย
ตั้งแต่ที่เจ้าตัวคิดเหยียบบิดาซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งครูบา...
“สิงหรานี ท่านไม่กลัวปาพลาดหรือนั่น” ใครบางคนอุทานชื่นชมเมื่อเรื่องร้ายคลี่คลาย
“ข้ารู้...ว่ามันไม่พลาด แต่งานเลี้ยงวันนี้คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง” ท้ายคำนางสิงห์คำรามกระหึ่มคูหา
“งะ งานเลี้ยงวันนี้ คงจะต้อง...”
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่” สิงหรานีหันไปส่งยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ยกเลิกใช่ไหมท่าน”
“ถุย! ไม่ใช่...รอช้าอะไรกันอยู่เล่าวะ เอาศพมันไปโยนทะเล
แล้วเร่งยกเหล้ายกเนื้อมาให้พอสามวันสามคืน
แผ่นดินสูงขึ้นเป็นวา แบบนี้ยิ่งต้องฉลองหนักกว่าเดิม!”
ชายกลางคนผู้อาวุโสแห่งราศีเมษมองออกไปจากช่องว่างซึ่งซ่อนแฝงในลำต้นของไม้ใหญ่
ทิวทัศน์ตรงนี้เห็นน้ำตกผาหยดน้ำสายเล็กๆรินไหลงดงาม พวกเขาเคยเร้นกายอยู่ยังเขตนี้มานานแล้ว
ณ เขาอ่างแก้ว เมืองเพชร
ในต้นไม้ที่ขนาดไม่ใหญ่โตนัก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพชรมุนินซึ่งเชี่ยวชาญการใช้เพชรรัตน์คู่กาย
ก่อมิติเหลื่อมล้ำ จนเสมือนหนึ่งเกิดห้องหับกว้างขวางอยู่ภายในลำต้นไม้
การใช้พลังเปิดทางสู่มิติอื่นนี้เองเป็นตัวทำให้เขาได้ค้นพบอีกดินแดนหนึ่งที่สงบ
สว่างไสว ปราศจากปัญหาของพวกรัตติดาราเข้ามาข้องเกี่ยว ใจพชรมุนินนึกยินดี
ที่ตนไม่เคยเข้าร่วมพิธีดื่มน้ำสาบาน อันจะมีผลให้ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งถูกแช่งไว้มีอันต้องถึงชีวิต
หากผิดคำสัตย์ เขาไม่อยากตายอย่างคนผิดคำพูด
แม้ว่าสุดท้ายอย่างไรคนเราก็ยังคงหนีความตายไม่พ้น
ข้างภรรยา บุตรหลานและคนสนิทของเขาได้โยกย้ายข้ามไปสู่แดนซึ่งถูกขนานนามว่าแดนทิวา
เรียบร้อยแล้ว ทุกคนปลอดภัย ไม่มีเหลือสิ่งใดให้ห่วงอีก ยังเพียงตัวเขาที่มีบ่วงสุดท้ายอยู่สองสามประการ
...ก่อนจะต้องจากไป เมื่อไม่นานมานี้เขายังพูดกับคนที่ตนแสนห่วงใย ต่อจากนี้อีกฝ่ายจะก้าวเดินไป
ข้างหน้าได้ดีแค่ไหนเพียงลำพัง
‘ออกเดินทางเถอะมัชฌิม์ ทางอนาคตรอคอยเจ้าอยู่’
ยามนั้นชายกลางคนผมเผ้าขาวโพลนเกินอายุหันไปบอก
...เด็กหนุ่มที่เติบโตเป็นชายหนุ่ม คนจรซมซานมาที่กลายเป็นศิษย์รัก
‘ท่านพชรมุนิน ข้าไม่รู้จะขอบคุณด้วยคำไหน’ ชายหนุ่มยิ้มเข้มแข็งให้อาจารย์
แววตายังคงเอาจริงดุจเดิม แต่ร่องรอยของเด็กมีปัญหา
ที่ชอบก่อปัญหาเพิ่มในวันเก่าได้อันตรธานหายไปแล้ว
พชรมุนินมองคนที่ตนเห็นเป็นเสมือนลูกหลานด้วยห่วงใย
มัชฌิม์ในวันนี้ยังรวบผมยาวตรงดำสนิทไว้หลังคอ เพียงแต่มันยาวขึ้นจนปลายหางแทบจรดบั้นเอว
ชายหนุ่มสวมกางเกงดำทรงพองรัดตรงข้อเท้า ตัดกับสีขาวของผ้าเคียนเอวและเสื้อแขนยาวแหวกเปิดอก
เห็นช่วงบนที่เต็มแน่น ทั้งกล้ามเนื้อ ทั้งอักขระมนตราสักเอาไว้เต็มพรืดบนผิวเนื้อสีทองแดงอ่อนระอุ
หูข้างหนึ่งเจาะประดับห่วงและตุ้มเหล็กดำแวววาวเป็นแถวเป็นแนวขึ้นไปตลอดใบหู ดูทั้งเหี้ยม กร้าน
ดุดัน แววตาดุจพยัคฆ์ร้ายกำลังจะถูกปล่อยจากกรงขัง พร้อมโลดแล่นไปสู่จุดหมายเพียงหนึ่งเดียว
ที่ต้องการ เป้าหมายซึ่งคนเป็นอาจารย์รู้ดี ใจศิษย์รักจดจ่อถึงมันโดยตลอด
โมรารัตติกาลของอสรพิษร้ายตนนั้น!
‘ไปเถอะ ทางของเจ้ายังยาวไกลนัก ตอนนี้เจ้าอาจยังสู้อสรพิษร้ายไม่ได้
จงอย่าบุ่มบ่ามอีก ให้ไปพบคนที่ข้าฝากฝังเจ้าไว้กับเขา... อย่าลืม อันดับแรก
มองไปยังปัจจุบันและอนาคต ขอเพียงอย่าได้ลืมอดีต อดีตที่ผ่านพ้นคือบทเรียน
นั่นคือความหมายของมัน แต่บางเวลาหากย้อนมองกลับหลังแล้วมันจะถ่วงหนัก
ที่ข้อเท้าไม่ให้เจ้าก้าวต่อไป ขอให้รวบรวมความเข้มแข็ง ปลดพันธนาการนั้นออกให้ได้ด้วยตัวเอง’
‘ข้าจะไม่ลืมคำสอนของท่านพชรมุนิน’
แล้วบุตรชายของผู้นำตระกูลแห่งแสงสว่างซึ่งตกมาจากอนาคตก็ก้าวจากไป
โดยมิได้สงสัยว่าจากนั้นเพียงไม่นานพชรมุนินซึ่งเป็นอาจารย์จะต้องเผชิญสิ่งใดต่อ
ดวงตาที่สามแห่งความหยั่งรู้ซึ่งเป็นพรสวรรค์ของคนในตระกูลนั้นมัชฌิม์มีอยู่ก็จริง
ทว่ามันยังไม่กล้าแข็งพอ อย่างน้อยก็ไม่พอจะเทียบได้กับพลังปิดตาแห่งการหยั่งรู้ของผู้เป็นอาจารย์
พชรมุนินปิดกั้นความรับรู้เรื่องอนาคตของตนจากทุกคนเสียสิ้น เสี้ยวความคิดเล็กๆ ชายกลางคน
อยากจะดิ้นรน แต่รู้ดี ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้ ผู้คนที่เขาผลักไสให้ก้าวไปสู่หนทางสว่างจะปลอดภัยกว่า
ผู้ครองราศีเมษสงบสติเฝ้ารอคอย ย้ำกับตัวเองว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง
จะลองปักหลักสู้กับ‘มัน’ดูสักตั้ง ทุ่มเทพลังทั้งกายใจให้หมดในคราวนี้
อสรพิษร้ายที่มาจากความมืดจะชนะ หรือแสงสว่างแห่งความจริงจะหยุดมันลงได้!!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ธ.ค. 2556, 09:46:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ธ.ค. 2556, 09:46:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1591
<< บทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ (...จบบท) | บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว...(...จบบท) >> |

อสิตา 25 ธ.ค. 2556, 09:46:45 น.
คุณเกดซ่าท้าลมหนาว – มาไวมาก ชื่นใจจริงๆเกดซ่า... ปีใหม่ไม่ไปเที่ยวไหนกะเค้าใช่ไหมคะ
555 คนเขียนก็คงไปไหนไม่ไกล เกดซ่าไม่อยากเป็นหนึ่งในสามคนนั้นของชามัล แต่อยากเป็น
คนสุดท้ายของเธอ...สินะ
คุณบุลินทร – ตอนก่อนก็ชื่อผิด ทำไมไม่รีบบอกฟระ ให้ข้าปล่อยไก่อยู่ตั้งนาน เดี๋ยวให้เฟอร์กลิ้งทับเลย
คุณหนอนน้อย – ชาจังบอกว่ารักต้องการเวลา หนูสิต้าถูกรังแกอีกแล้ว คราวนี้หงอยด้วย
เหอๆ ชาจังน่ะ สามคนแค่นี้นะบ่ยั่น ต่อให้เป็นสิบยังไหว
คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์เตรียมโพสต์นิยายไว้ตั้งแต่กลางคืน แปะตอนเช้าก่อนออกไปเยี่ยมหญิงคลอดภาวิน
คุณหนูยิ้ม – สอบเสร็จรึยัง ช่วงนี้เอาเสื้อกันหนาวไปร.ร.ทุกวันท่าจะดีนะ เวลาหนาวแล้วไม่ได้เอาไปนี่สยองมาก
คุณก้อนหิน – ลุ้นให้ชามัลถูกรังแกและควบคุมเต็มที่เลยนะคะ 555 ปีใหม่ไปเที่ยวไหมคะเนี่ย
คุณเมล็ดทานตะวัน – ห้ามว่าสิงหรานี เพราะมีคนบอกว่าคนเขียนนิสัยเหมือนตัวนี้ ห้ามว่าๆๆๆ ไม่งั้นจะฟ้องพี่ทาส
คุณโกลเด้นซัน – นั่นสิคะ ชามัลไม่ยอมถูกควบคุมแน่ๆ คงกลัวเผลอลงมือกับเด็กบ้างละ ตอนนี้ถึงได้มีทางเลือกนี้
เพิ่มขึ้นจากที่เคยคิดไว้ แต่ละราศีก็ไม่ลงรอยกัน มีปัญหาแน่ๆ ...เรื่องความฝังใจของพรตจะกล่าวถึงในภายหลังค่ะ หุหุ
แต่จริงๆเหตุมันก็ไม่ได้แรงมาก บังเอิญว่าพรตเป็นคนซึมลึกของเค้าเอง อาจเพราะกรรมเก่าด้วยที่ทำให้ยอมกัน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – เกิดเป็นราศีที่สิบสามต้องอดทนแรงจากทุกฝ่าย แต่สักวันหนูสิต้าจะไม่ยอมเหมือนกัน
ป.ล.อย่าติดถุด ถ่มถุยไปจากสิงหรานีสิคะ เลอะใส่คีย์บอร์ดมันไม่ดีนะ... เราต้องมาลำบากเช็ดเองอีก -..-
ถ้าอยากจะทำจริงๆ แนะนำให้ทำบนสนามหญ้าที่ไม่ต้องเช็ดถู
คุณเกดซ่าท้าลมหนาว – มาไวมาก ชื่นใจจริงๆเกดซ่า... ปีใหม่ไม่ไปเที่ยวไหนกะเค้าใช่ไหมคะ
555 คนเขียนก็คงไปไหนไม่ไกล เกดซ่าไม่อยากเป็นหนึ่งในสามคนนั้นของชามัล แต่อยากเป็น
คนสุดท้ายของเธอ...สินะ
คุณบุลินทร – ตอนก่อนก็ชื่อผิด ทำไมไม่รีบบอกฟระ ให้ข้าปล่อยไก่อยู่ตั้งนาน เดี๋ยวให้เฟอร์กลิ้งทับเลย
คุณหนอนน้อย – ชาจังบอกว่ารักต้องการเวลา หนูสิต้าถูกรังแกอีกแล้ว คราวนี้หงอยด้วย
เหอๆ ชาจังน่ะ สามคนแค่นี้นะบ่ยั่น ต่อให้เป็นสิบยังไหว
คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์เตรียมโพสต์นิยายไว้ตั้งแต่กลางคืน แปะตอนเช้าก่อนออกไปเยี่ยมหญิงคลอดภาวิน
คุณหนูยิ้ม – สอบเสร็จรึยัง ช่วงนี้เอาเสื้อกันหนาวไปร.ร.ทุกวันท่าจะดีนะ เวลาหนาวแล้วไม่ได้เอาไปนี่สยองมาก
คุณก้อนหิน – ลุ้นให้ชามัลถูกรังแกและควบคุมเต็มที่เลยนะคะ 555 ปีใหม่ไปเที่ยวไหมคะเนี่ย
คุณเมล็ดทานตะวัน – ห้ามว่าสิงหรานี เพราะมีคนบอกว่าคนเขียนนิสัยเหมือนตัวนี้ ห้ามว่าๆๆๆ ไม่งั้นจะฟ้องพี่ทาส
คุณโกลเด้นซัน – นั่นสิคะ ชามัลไม่ยอมถูกควบคุมแน่ๆ คงกลัวเผลอลงมือกับเด็กบ้างละ ตอนนี้ถึงได้มีทางเลือกนี้
เพิ่มขึ้นจากที่เคยคิดไว้ แต่ละราศีก็ไม่ลงรอยกัน มีปัญหาแน่ๆ ...เรื่องความฝังใจของพรตจะกล่าวถึงในภายหลังค่ะ หุหุ
แต่จริงๆเหตุมันก็ไม่ได้แรงมาก บังเอิญว่าพรตเป็นคนซึมลึกของเค้าเอง อาจเพราะกรรมเก่าด้วยที่ทำให้ยอมกัน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – เกิดเป็นราศีที่สิบสามต้องอดทนแรงจากทุกฝ่าย แต่สักวันหนูสิต้าจะไม่ยอมเหมือนกัน
ป.ล.อย่าติดถุด ถ่มถุยไปจากสิงหรานีสิคะ เลอะใส่คีย์บอร์ดมันไม่ดีนะ... เราต้องมาลำบากเช็ดเองอีก -..-
ถ้าอยากจะทำจริงๆ แนะนำให้ทำบนสนามหญ้าที่ไม่ต้องเช็ดถู


ketza 25 ธ.ค. 2556, 09:47:12 น.
ท่านพี่ชามัลของเกดซ่า ม๊วบบบบบบบบ
ท่านพี่ชามัลของเกดซ่า ม๊วบบบบบบบบ


ketza 25 ธ.ค. 2556, 10:21:08 น.
ท่านพี่ชามัลกลับมาน๊าาาาา.........อย่าทิ้งเค๊าไป แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
......คอยดูนะ กลับมาเจอกันอีกที เค๊าจะสวยให้ตะเองตะลึงตึงตึงเบย คอยดู๊...... >////<....
Merry Christmas Ka...เกดซ่าเที่ยวๆๆๆ ไหนดี 55555....
ท่านพี่ชามัลกลับมาน๊าาาาา.........อย่าทิ้งเค๊าไป แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
......คอยดูนะ กลับมาเจอกันอีกที เค๊าจะสวยให้ตะเองตะลึงตึงตึงเบย คอยดู๊...... >////<....
Merry Christmas Ka...เกดซ่าเที่ยวๆๆๆ ไหนดี 55555....

ดังปัณณ์ 25 ธ.ค. 2556, 11:55:35 น.
อั้ยย่ะ! คุณแป้ง นี่ นี่ นี่ นี่ๆๆๆๆๆๆๆ (อัลไล) 555+ มะไหร่ชาจังจะเจอหนูสิ แล้วๆๆๆๆๆ พชรมุนินมาเจอกัน แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ ใครจะรอดใครจะตายอ่ะเนี่ย อร๊างงงงงงงงง ไหนมาทิ้งกันกลางคันได้อ่า ดูจิ ป่อยให้ชาจังทิ้งปมอนาคตไว้ แล้วมาสปอยอดีตงี้ เค้าก็ลงแดงงงงงงงงงงงงดี๊ หนอนดีดดิ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แงะ! กลับไปหาหนูสิคราวนี้ เหนเค้าเป็นสาวแระ อย่าหื่นนร้าาาาาาาาาาา 555+ แหมว่าแต่อยากให้นิลละกับหนูสิ ลั้นล้าปาตี้กันจัง ขอให้สนิทชิดเชื้อกันฝุดๆเลยนะ ประมาณ ไม่มีชาจัง นิลละเป็นเพื่อนคนเดียวไรงี้ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ ขอให้ชาจังได้ดีดดิ้นทีเหอะ แอร๊ยยยยยยย อยากเห็นชาจังหึงขึ้นหน้าอ่าาาาาาาาาคุณแป้งงงงงงง
อั้ยย่ะ! คุณแป้ง นี่ นี่ นี่ นี่ๆๆๆๆๆๆๆ (อัลไล) 555+ มะไหร่ชาจังจะเจอหนูสิ แล้วๆๆๆๆๆ พชรมุนินมาเจอกัน แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ ใครจะรอดใครจะตายอ่ะเนี่ย อร๊างงงงงงงงง ไหนมาทิ้งกันกลางคันได้อ่า ดูจิ ป่อยให้ชาจังทิ้งปมอนาคตไว้ แล้วมาสปอยอดีตงี้ เค้าก็ลงแดงงงงงงงงงงงงดี๊ หนอนดีดดิ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แงะ! กลับไปหาหนูสิคราวนี้ เหนเค้าเป็นสาวแระ อย่าหื่นนร้าาาาาาาาาาา 555+ แหมว่าแต่อยากให้นิลละกับหนูสิ ลั้นล้าปาตี้กันจัง ขอให้สนิทชิดเชื้อกันฝุดๆเลยนะ ประมาณ ไม่มีชาจัง นิลละเป็นเพื่อนคนเดียวไรงี้ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ ขอให้ชาจังได้ดีดดิ้นทีเหอะ แอร๊ยยยยยยย อยากเห็นชาจังหึงขึ้นหน้าอ่าาาาาาาาาคุณแป้งงงงงงง



goldensun 25 ธ.ค. 2556, 20:33:55 น.
ชามัลก็ยังเป็นชามัล ยังไงก็ทะนงในความสามารถของตัวเอง
และดูแล้ว ชะตากรรมก็ยังหมุนไปตามแนวเดิม ก็น่าลุ้นทั้งชามัลกับมัชฌิม์ จะแก้เกมส์กันยังไง
ชามัลก็ยังเป็นชามัล ยังไงก็ทะนงในความสามารถของตัวเอง
และดูแล้ว ชะตากรรมก็ยังหมุนไปตามแนวเดิม ก็น่าลุ้นทั้งชามัลกับมัชฌิม์ จะแก้เกมส์กันยังไง


konhin 26 ธ.ค. 2556, 03:00:39 น.
มาแล้ววว ยังอยากให้เสือน้อยเป็นพระเอกฮ่าๆๆ รอดูคับผม
มาแล้ววว ยังอยากให้เสือน้อยเป็นพระเอกฮ่าๆๆ รอดูคับผม

นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ธ.ค. 2556, 01:26:59 น.
ปุกาดๆๆ ตอนนี้ สนามหญ้าหน้าบ้าน ชุ่ม มากๆ แล้ว 5555
ตอนนี้เก็บมาได้หลายราศีเลยนะนี่
ทำไม ทำไม ทำไม ชาเมาดูจะเป็นชายโฉดอีกละอะ ตกลงฮีเป็นพระเอกช้ะ
เป็นพระเอกแค่ตอนจบช้ะ ตลอดเรื่องจะเป็นผู้ร้ายช้ะ
ก็ดีนะ two in one
ปุกาดๆๆ ตอนนี้ สนามหญ้าหน้าบ้าน ชุ่ม มากๆ แล้ว 5555
ตอนนี้เก็บมาได้หลายราศีเลยนะนี่
ทำไม ทำไม ทำไม ชาเมาดูจะเป็นชายโฉดอีกละอะ ตกลงฮีเป็นพระเอกช้ะ
เป็นพระเอกแค่ตอนจบช้ะ ตลอดเรื่องจะเป็นผู้ร้ายช้ะ
ก็ดีนะ two in one


Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 17:35:44 น.
ชามี่ทิ้งสิต้าทำมายยยย กลัวทำใจให้ฆ่าไม่ได้ืรึกลัวติดสิต้าจนขาดไม่ได้กันแน่
อั้ยยะ มะม้า ราศีกุมภ์เป็นไบเซกช่งลเหนอววววว
ตามารไปเนียนกะเค้าแต่ไม่ยักกะเป็นไปด่วยแหะ
กลับมาคราวนี้ สิต้าสวยจนมาร่ตะลึงชัวร์
แค้นฝังหุ่นจริงนะ มาล่าพี่รองด้วย
แต่แหม พี่รองผิวทแงแดง เจาะหูด้วย สักยันต์อีกตะหาก
ว้างววววววววว เท่เชียะ
ชามี่ทิ้งสิต้าทำมายยยย กลัวทำใจให้ฆ่าไม่ได้ืรึกลัวติดสิต้าจนขาดไม่ได้กันแน่
อั้ยยะ มะม้า ราศีกุมภ์เป็นไบเซกช่งลเหนอววววว
ตามารไปเนียนกะเค้าแต่ไม่ยักกะเป็นไปด่วยแหะ
กลับมาคราวนี้ สิต้าสวยจนมาร่ตะลึงชัวร์
แค้นฝังหุ่นจริงนะ มาล่าพี่รองด้วย
แต่แหม พี่รองผิวทแงแดง เจาะหูด้วย สักยันต์อีกตะหาก
ว้างววววววววว เท่เชียะ

Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 17:35:49 น.
ชามี่ทิ้งสิต้าทำมายยยย กลัวทำใจให้ฆ่าไม่ได้ืรึกลัวติดสิต้าจนขาดไม่ได้กันแน่
อั้ยยะ มะม้า ราศีกุมภ์เป็นไบเซกช่งลเหนอววววว
ตามารไปเนียนกะเค้าแต่ไม่ยักกะเป็นไปด่วยแหะ
กลับมาคราวนี้ สิต้าสวยจนมาร่ตะลึงชัวร์
แค้นฝังหุ่นจริงนะ มาล่าพี่รองด้วย
แต่แหม พี่รองผิวทแงแดง เจาะหูด้วย สักยันต์อีกตะหาก
ว้างววววววววว เท่เชียะ
ชามี่ทิ้งสิต้าทำมายยยย กลัวทำใจให้ฆ่าไม่ได้ืรึกลัวติดสิต้าจนขาดไม่ได้กันแน่
อั้ยยะ มะม้า ราศีกุมภ์เป็นไบเซกช่งลเหนอววววว
ตามารไปเนียนกะเค้าแต่ไม่ยักกะเป็นไปด่วยแหะ
กลับมาคราวนี้ สิต้าสวยจนมาร่ตะลึงชัวร์
แค้นฝังหุ่นจริงนะ มาล่าพี่รองด้วย
แต่แหม พี่รองผิวทแงแดง เจาะหูด้วย สักยันต์อีกตะหาก
ว้างววววววววว เท่เชียะ