โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว...

บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว
เรือลำใหม่พาพวกเขาเดินทางจากประจวบคีรีขันธ์ ข้ามอ่าวไทยไปสู่ประจันต์คิรีเขตต์
ซึ่งอยู่บนระนาบเส้นรุ้งเดียวกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาลอยลำรอคอยอยู่สองสามวัน
จึงถึงคืนแรมที่เกาะเงาซึ่งเร้นในแดนรัตติกาลจะเปิดทาง

สิตาราตะลึงมองชายหาดทรายขาวพราวระยิบระยับ เหมือนลาดโรยไว้ด้วยเศษเล็กละอองน้อย
ของสะเก็ดดาวบนท้องฟ้า น้ำใสยิ่งกว่ากระจก แม้อาศัยเพียงแสงจันทร์และแสงดาวที่สาดลงมา
ก็เห็นทะลุไปถึงไหนๆ

และที่กลางปล่องภูเขาทะมึน เบื้องบนเปิดโล่งเห็นฟ้าดารดาษดาว ทว่าทะเลสาบ
ที่ทอดอยู่ก้นบึ้งนั้นกลับไม่สะท้อนภาพของสิ่งใดเลย มันดูมืดตื้อเหมือนกระจกเงาแห่งราตรี
บนศาลาขนาดใหญ่ริมน้ำนั้นเอง แม่ชีดำและนักบวชดำรอคอยต้อนรับการมาของเด็กหญิงอยู่แล้ว
ทั้งคู่มีผ้าคลุมดุจราตรีคลุมไหล่ไว้มิดชิด แม่ชีดูยิ้มย่องเยียบเย็นในสีหน้า ผมดำเป็นทรงเหมือน
หางแมงป่องสมราศีพิจิก ส่วนนักบวชเคร่งขรึมปึ่งชาผมตัดสั้นเกรียน กลิ่นอายชวนเกรงขาม
โชยออกมาพอกัน

และสิ่งแรกที่สิตาราเอ่ยถามกับคนพวกนั้น ก็คือเป้าหมายเพียงอย่างเดียวที่หัวใจดวงน้อย
จดจ่ออยู่ตลอดเวลา “พี่ดารายังอยู่กับพวกท่านหรือเปล่า! ข้าอยากพบพี่”

แม่ชีดำเอียงคอ ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะตอบ “โธ่ ท่านผู้เป็นราศีที่สิบสามของข้า
เสียใจยิ่งแล้วที่ทำให้ท่านตัวน้อยๆต้องผิดหวัง...ถ้าให้พูดตามตรง หากพี่ท่านไม่ตายเสียแล้ว
ก็สังหรณ์ว่าคนพวกอื่นเอาตัวนางไป นานหลายปีมานี้ไร้ร่องรอยนางรวมถึงตัวท่านเองก็ด้วย
จนพวกเราแทบจะหมดหวังกัน”

เมื่อสหายหญิงของตนกล่าวนักบวชดำกลับเมินมองไปทางอื่น ลอบถอนหายใจยาว
ในขณะที่สิตารานิ่งอั้น แล้วหยดน้ำตาก็ค่อยๆรินไหล ความหวังทั้งหมดเหมือนจะหรี่ดับ
ลงในเวลานั้นเอง ชามัลก็เพียงแต่พูดให้ความหวัง ให้เธอยอมมาจนถึงที่นี่ แต่มิตรล่ะ
เขาหลอกเธอว่าพี่ยังไม่ตาย หรือว่ามิตรเองก็ไม่รู้จริงๆว่าพี่ยังอยู่หรือไม่อย่างไร

ค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงต้อนรับ แม่ชีดำหรี่ตาลอบสังเกตชามัลเป็นพิเศษ ต่างกับผู้มีใจอสรพิษ
เขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งใดในที่นั้นเลย จริงอยู่ เขาเคยหมายใจจะมาให้ถึงที่นี่ ที่ของรัตติดารา
แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น คนพวกนี้บอกว่าเด็กหญิงจะยังไม่ได้อำนาจมาจนกว่าจะอายุสิบเก้า
ซึ่งเป็นข้อแม้ของอำนาจเก่าแก่โบราณ แม้เขาจะใช้กำลังเร่งรัดก็คงไม่มีวันได้สมดั่งใจ
ดังนั้นอสรพิษหนุ่มจึงไม่สบอารมณ์เอามากๆ ที่สุดก็ถึงกับปลีกตัวจากงานออกไปหลบมุมอยู่ลำพัง

เมื่องานเลี้ยงใกล้เลิกรา ในที่ประชุมซึ่งแยกห่างออกมา แม่ชีดำกำลังสนทนากับวรรณะเป็นการส่วนตัว
“ก็ตามที่แจ้งแก่ท่านแม่ชี ยังดีที่ตุลาการมาช่วยกันสิงหรานีไว้ บวกกับที่ท่านชามัลทำลายเรือนางแล้ว
พวกสิงห์มันเลยหมดโอกาสตามติดมาได้” น้ำเสียงเด็กหนุ่มออกจะมีแววชื่นชมอยู่ไม่น้อยยามเมื่อ
กล่าวถึงผู้มีใจอสรพิษทว่าทรงอำนาจร้ายกาจอย่างชามัลที่เขายอมรับนับถือ พูดจบวรรณะก็ไอออกมา
สองสามที เอามือจับหน้าอก มองแม่ชีอย่างขอลุแก่โทษ

“เจ้าเองก็เดินทางสมบุกสมบันมามาก ไปพักเปลี่ยนถ่ายเลือดรักษาอาการของตัวเองเสียเถอะ”

“ขอบคุณท่านเหลือเกินที่ไม่เคยลืมใส่ใจสุขภาพของข้า”

“พวกเจ้าฝาแฝดก็เหมือนลูกข้า ในเมื่อเจ้านับถือข้าดุจมารดา ข้าก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นแม่”
แม่ชียิ้มเยือกเย็น “ข้ายินดีที่พวกตุลาการยังแสดงท่าทีสนับสนุนเรา เพราะคนจากศาลาวิกาลนั้น
ก็นับเป็นพวกเดียวกับเรามาช้านานแล้ว ตั้งแต่เราแสดงเจตจำนงจะรักษาไว้ซึ่งการมีอยู่ของราศีที่สิบสาม
จากนี้เราก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อมีท่านสิตาราเป็นสมบัติของพวกเรา อ้อ...รวมถึงอสรพิษรูปงาม
ตนนั้นก็ด้วยเหมือนกัน”


แม้จะตั้งตัวไม่ติดในวูบแรก กับข่าวว่าพี่สาวตนอาจจะตายไปแล้ว แต่เด็กหญิงก็เริ่มทำใจ
เมื่อกลับมายังอดีต สิตาราพบว่าตนไม่ได้กลับมาสู่เวลาปีที่ตนแยกจากพี่ เวลาของที่นี่ผ่านไป
เท่าๆกับเวลาซึ่งเธอไปอยู่ในร้านของมิตร จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีใครกำหนดไว้ก็ไม่รู้ได้
ที่มันบังเอิญพอดีกับร้อยปีที่โมราพาข้ามมา

ทุกอย่างบนเกาะนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่ ทุกวันผ่านไปกับการเรียนรู้ ที่อยู่อาศัยใต้ปล่องภูเขาเรียกรวมๆ
ว่าศาลาเงา มีบางอย่างคล้ายเวียงวังเมห์ฮราอันซ่อนอยู่ใต้พิภพ ต่างกันตรงที่มาซ่อนเร้นอยู่ในปล่อง
ภูเขารวมกับทะเลสาบ ยังดีที่กลางปล่องนั้นเปิดโล่งขึ้นไปเห็นท้องฟ้ากว้าง

ตัวศาลามีส่วนอาคารมุงหลังคากระเบื้อง แต่ห้องหับส่วนหน้าก็แทรกอยู่ในตัวภูเขา
แบ่งเป็นส่วนกลางไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนที่อยู่อาศัยเฉพาะบุคคลสำคัญ โดยแยก
ที่พักอาศัยของเหล่าภูตดาราออกไปซุกซ่อนไว้ในราวป่าทะมึนซึ่งใบไม้แต่ละใบเขียวหม่น
จนเกือบดำ สมเป็นเกาะที่เร้นอยู่หลังประตูของรัตติกาล
ในป่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่มากมาย สิตาราไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปที่นั่นลำพัง
ขณะที่แม่ชีเข้มงวด แต่บางวันนักบวชดำซึ่งใจดีต่างจากใบหน้าก็จะพาเธอไปสักการะ
เทวรูปพระแม่กาลียังเทวสถานกลางป่าอันสงบงัน

“พระแม่สูงสุดของรัตติดารา ให้ทั้งคุณและโทษกับผู้คน แต่ถ้าเจ้านับถือ
พระแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าอย่างแน่นอน” นักบวชดำเอ่ยบอก

ภายในศาลากึ่งทึบกึ่งโล่ง มีทั้งเสาต้นเดี่ยวและแง่มุมสถาปัตย์เล่นเชิงก่อขึ้นบังลมในบางจุด
ที่นี่จึงทั้งมิดชิดจากสายตาภายนอกและมีลมรวยรินเข้ามาได้ คนมาใหม่ลอบมองดูนักบวช
ผิวคล้ำเข้มผู้มีจมูกงองุ้มราวปากอีกา แต่เสียงสุขุมฟังดูใจดีผิดกับหน้าตา

สิตาราหันกลับไปพิศเทวนารีองค์ดำแลบลิ้นออกมายาวผู้มีสิบกร เธอรู้สึกขนลุกแปลกๆ
แต่ก็มีสิ่งที่ชอบ เช่นในมือที่ถือสรรพาวุธร้ายเอาไว้ต่างชนิดกัน กับความขลังน่าสะพรึง
จนประทับใจ อาจเกิดจากซากหัวกะโหลกเก่าเก็บแห้งกรังที่กองพูนดุจจะเป็นบรรณาการ
ทั้งกระดูกสัตว์ กระดองเต่าก็มีให้เห็น หรือนี่เองจะเป็นเหตุให้ยามค่ำคืนอันมืดมิด
บางทีก็ได้ยินเสียงสวดมนต์หรือเสียงโหยหวนดังจากป่า ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นที่นี่
แต่ก็ไม่มีใครยอมบอกเด็กหญิงชัดๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ณ เทวสถานแห่งนี้กันแน่

นอกจากคนที่เกาะเงาจะดีกับเธอแล้ว ชามัลเองก็ดีขึ้นมาก บางวันเขาถึงกับชวนสิตารา
ไปเล่นอะไรกันบนชายหาดเหมือนอย่างกับเด็กๆ และเธอก็ชอบเขามากขึ้นทุกที...

“เอ้า นี่! พวงมาลัยดอกไม้ เหมือนสาวๆที่ฮาวาย ฉันทำให้เธอ” คนพยายามเอาใจเอ่ยบอก

สิตาราที่ถูกแอบสวมมาลัยให้ตอนกำลังนั่งเล่นทรายเงยมองคนตัวสูงอย่างงงๆ

“เอามงกุฎไปด้วย จำไว้ เธอคือราชินีของเกาะนี้! ราชินี...แห่งเหล่ารัตติดารา”
คนพูดแกล้งทำเสียงให้ฟังดูยิ่งใหญ่

เด็กหญิงแลบลิ้นเขินๆ เขาทำท่าอย่างกับจะยกทะโมนอย่างเธอเป็นเจ้าหญิง
สิตาราดึงพวงดอกไม้เหล่านั้นลงมาจากหัวตน เอาวิ่งไล่ฟาดชามัลที่ยังพูดแหย่
ไม่หยุดปากเสียจนหนำ ท่ามกลางเสียหัวเราะขำของทั้งเธอกับเขาและคนที่บังเอิญผ่านมาเห็น

เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ไม่พยายามหาเรื่องทะเลาะ ทั้งยังใจดีกับสิตาราจนเธอชักเริ่มจะ
เอาชามัลไปเทียบกับมิตรนั่นทีเดียว เขาสำนึกตัวแล้วหรือ ไม่ว่าแรกๆจะแย่อย่างไร
แต่ตอนนี้สิตารากลับคิดว่าโชคดีแค่ไหนที่ยังมีชามัล...ที่เธอไม่รู้ก็คือ ชามัลที่เห็นอยู่ตอนนี้
กำลังพยายามทำดีกับเธอให้มาก กำลังสังเกตสังกา เพื่อให้แน่ใจว่าสิตาราจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ด้วยดี

ผ่านไปไม่นาน เผลอหน่อยเดียวสิตาราก็อายุสิบสามปีกว่า คืนหนึ่งที่เธอทั้งอิ่ม ทั้งง่วง
ตั้งใจว่าล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็จะเอกเขนกบนเตียงในห้องหับสวยๆของตน
ภายใต้ศาลาเงากลายเป็นที่ของเธอ ปลอดภัยอยู่ภายใต้ปล่องภูเขาสีดำของเกาะซึ่งซ่อนเร้น
ณ แดนรัตติกาล ไม่ต้องกลัวเงื้อมมือของใครตามมาไล่ล่า

ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่านี้อีกแล้ว เด็กหญิงไว้ใจแม่ชีดำเพราะพี่ดาราเคยไว้ใจอีกฝ่าย
แม้ว่าตอนนี้ไม่มีพี่ ...ทว่าส่วนลึกในใจก็ยังหวัง พี่อาจยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครรู้

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ สิตาราที่กำลังใช้ผ้าซับน้ำซึ่งหมาดอยู่บนผิวหน้าก็ต้องหยุด
กะพริบตามองคนที่นั่งทอดกายใช้มือทั้งสองยันตัวไว้บนเตียงตน สีหน้าชามัลเบิกบาน
แต่แววตาของเขาบอกความหมายบางอย่างที่ต่างออกไป

“ฉันมาลาเธอ...” ชายหนุ่มพูดง่ายๆด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นเยาะตัวเองหรืออื่นใด
ขณะลุกขึ้นยืน มันเป็นความคิดโง่ๆ ที่เคยคิดว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กสักคน เลี้ยงให้
โตขึ้นมาด้วยความรักและผูกพันกับเขา เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวเท่านั้น
เขาต้องจากเธอไป... เพราะภารกิจของเขายังมีอีกมาก
จะให้มาจมอยู่แต่ที่เกาะกับเด็กผู้หญิงคนเดียวได้อย่างไร

สิตาราใจหาย ไม่เหมือนตอนที่เธอยอมไปกับสิงหรานี นั่นเพราะใจส่วนลึกยังรู้ว่าชามัลไม่มีวันปล่อย
สุดท้ายแล้วเขาจะตามมา เคยว่าเกลียดเขา ด่าเขาเลวต่างๆนานา แต่ตอนนี้สิตาราก็แค่เด็กที่
หลงทางอยู่ในอดีต มันเคยเป็นที่ของเธอ แต่เมื่อไปอยู่กับมิตรนานหลายปี ที่นี่ก็แปลกหน้า
แปลกผู้คน... แล้ว‘เขา’ คนคอยดูแลเอาใจใส่ ก็คือคนเพียงคนเดียวที่เชื่อมโยงเธอกับเรื่องยาวนาน
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา แล้วจู่ๆชามัลกลับบอกว่ากำลังจะจากไป

แม้ความสัมพันธ์จะเป็นไปอย่างลุ่มๆดอนๆเพิ่งมาดีในระยะหลัง แต่สิตาราก็รู้ว่าตนเอง
จำเป็นต้องมีอีกฝ่าย ...มือเล็กเอื้อมขึ้นแตะโมรา เกือบจะใช้กระแสจิตเหนี่ยวรั้งบังคับไม่ให้เขาไป
แต่ใจที่อ่อนล้าก็รู้ว่าตนไม่มีพลังเพียงพอ
“ทำไมต้องไป...”

“ตอนแรกฉันคงมั่นใจเกินไปจนลืมคิดถึงธาตุแท้ของตัวเอง คิดว่าจะเลี้ยงดูเด็กสักคนได้
แต่ขืนอยู่กันไปอย่างนี้คงไม่ไหว...อย่าทำท่าเหมือนหมาถูกทิ้งแบบนั้น ขอร้องละ”

สิตาราสั่นน้อยๆไปตลอดร่าง พยายามเก็บความอ่อนแอเอาไว้ แล้วคืนที่ดาวเกลื่อนฟ้า
ที่เขาเคยสอนให้เธอหัดมองดาว คืนวันเหล่านั้นมันไม่มีความหมายเลยหรือไง
“จากนี้ใครจะสอนฉันดูดาว ยังจำได้ไม่หมดเลย” คนพูดกลั้นใจอ้างไปอย่างนั้น
รู้ว่ามันออกจะฟังไร้สาระ เธอก็แค่...อยากให้เขาอยู่ด้วยกัน

“ก็...ให้นิลละสอนไปแล้วกัน หรือไม่ก็พวกพิจิก พวกนั้นคงกะเลี้ยงดูเธอให้ดีเต็มที่อยู่แล้ว
แต่อย่าลืมล่ะ ดื้อให้มากเข้าไว้ เป็นตัวของตัวเอง อย่ายอมให้ใครล้างสมอง”
นอกจากฉันคนเดียว...คือคำที่เขาไม่ได้พูดออกไป

ตาโตเรียวสวยซึ่งรื้นไปด้วยหยาดน้ำแห่งความอ่อนแอมองสบตาสีน้ำตาลทอง
ที่มีแววทั้งขำและระอา ขำ...ที่เธอช่างเข้าใจอะไรยากเสียจริง

“เขี้ยวแก้วนาคาขอให้ใส่ไว้ หวังว่าคงไม่โง่จนถอดมันทิ้ง... ส่วนโมรานั่นคงถอดไม่ได้
ให้ใส่ไว้คู่กันทั้งสองอย่าง อย่าบอกให้ใครรู้ความจริงมากไปกว่าที่รู้อยู่แล้ว คนที่นี่จะ
ไม่เอามันไปจากเธอ เพราะมันเคยเป็นของรัตติดารา ในอดีตกาลนานมาแล้วก่อนจะมีคน
เอามันไปซ่อน ตอนนี้พวกเขาที่รู้ว่าเธอมาจากอนาคตคงเห็นสมควรที่เธอจะครอบครองมันไว้”

ชามัลไม่ได้เอ่ยออกไปว่าเขาเคยลองตามหาโมราเส้นที่อยู่ในช่วงเวลานี้มาแล้ว
ทว่ามันยังไม่ได้ถูกนำไปซ่อนในสถานที่เดียวกับเมื่อตอนอนาคตซึ่งเขาและสิตาราได้มันมา
เรื่องนั้นรอไว้พยายามอีกครั้งหลังงานเสร็จคงไม่เสียหาย

“อยู่ที่นี่ พรตจะอยู่กับเธอ ดูแลเธอ รวมทั้งนิลละ บอกตรงๆ ฉันว่าเด็กที่ชื่อนิลละนั่น
ดูจะไว้ใจได้มากกว่าแฝดอีกคนเยอะเลย พูดตามประสาคนเลวที่ดูพวกเดียวกันออกน่ะนะ
แม้ภายนอกจะสดใสน่าคบหากว่ากัน จำคำของฉันไว้ให้ดีๆ... เพราะงั้นฉันจะเอาเด็กที่ชื่อ
วรรณะไปด้วย ดูเจ้าตัวก็อยากไปกับฉัน ฉันจะไปเพื่อสอดส่องรัตติดาราทุกๆราศีที่เหลือ”

“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่” สิตาราถาม น้ำเสียงฟังดูโหวงเหวงเหมือนไม่ใช่เสียงเธอเอง
เขาจะไป จะไปแล้วจริงๆ เธออยากขอให้ชามัลตามหาพี่ดาราให้ พี่อาจยังมีชีวิตอยู่
ให้เขาตามหาและช่วยบอกเธอ แต่คำขอนั้นคงดูเหมือนผิดที่ผิดเวลา เพราะเขาคง
เห็นคำพูดแต่ละคำของเธอไร้ค่าอย่างเหลือเกิน

ชามัลก้าวไปยังม่านอ่อนบางที่กั้นแบ่งส่วนห้องนอนชั้นใน ยกมือเรียวแข็งแรง
ขึ้นโบกน้อยๆให้เจ้าของร่างเล็ก ก่อนจะหันจากเธอไป
“ฉันจะไปกับลม บอกไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ แต่เวลาที่ฉันกลับมาคงเป็นเวลาที่ลมพัด
แรมรัตติกาล คืนไหนสักคืน ไกลออกไปในอนาคตข้างหน้า ฉันจะมาปรากฏตัวที่หาด
ของเกาะเงาอีกครั้ง จนกว่าจะถึงเวลานั้น...แล้วพบกัน สิตารา”


ผู้สิงสู่ในโมรารัตติกาลตระหนักรู้ ทางแห่งอำนาจของเขาไม่ได้แคบอยู่เพียงเกาะเงา
เขายังต้องการกำลังของภูตดาราและการเข้าถึงราศีอื่นซึ่งอาจเป็นสะพานสู่สิ่งที่เขาต้องการ
คำถามคาใจ ตอนนี้พี่สาวของสิตาราที่ชื่อดารานั้นอยู่ที่ไหน ถ้ายังมีชีวิตไม่ได้ตายไปจริงอย่างว่า
ใครซ่อนเธอไว้...
กับอีกคำถามซึ่งสำคัญยิ่งกว่า ลูกชายศัตรูเขาอยู่ไหน ใครช่วยมัน...
ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชื่อมัชฌิม์ ตอนเขาไปอยู่ในเมห์ฮราพักใหญ่
ชามัลแน่ใจได้ว่าคนที่เขาต้องการตัวไม่ได้อยู่ใต้เงื้อมมือของปู่เขาหรือแม้แต่อัคนิแน่

ดังนั้นชามัลจึงคิดจากไปเพื่อตามหาและคงไม่หวนมายังเกาะอีกในเร็ววัน
วรรณะหนึ่งในแฝดราศีคนคู่มากับเขา ทิ้งนิลละไว้อยู่ดูแลสิตารา สัมผัสบอกชัด
ว่าคนที่เกาะรวมถึงพรตจะเก็บสิตาราไว้ราวกับไข่ในหิน เลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา
เปี่ยมไปด้วยพลังและอำนาจ แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่ถูกกับเด็ก อยู่นานไปมีแต่จะ
เกลียดกันยิ่งกว่ารักใคร่ แปลก...แม่นั่นทำท่าทางอย่างกับจะเสียน้ำตาและไม่อยากให้เขาทิ้ง
แต่สุดท้ายสิตาราก็ไม่ได้ขอร้องให้เขาอยู่ ดีแล้วที่เธอไม่เสียเวลา


เมื่อมีเพียงตนเองลำพังเขาก็เป็นอิสระ ใช้พลังอันเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเดินทางขึ้นเหนือ
หาร่องรอยของมัชฌิม์ ทั้งยังสืบเสาะดูเส้นสายความเป็นไปของเมห์ฮรา แล้วก็ได้รู้ความจริง
ในยุคของทวดเขา ท่านผู้นั้นเป็นผู้นำที่แข็งแรงเพียงใจ ร่างกายเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว
แต่ด้วยฝีมือของผู้ดูแลชั้นพิเศษอย่างมิตราที่ทรงอาวุโสคอยรับใช้ใกล้ชิด กับทายาททั้งสอง
คือศานติมันและอัคนิเป็นกำลังสำคัญ เวลานี้เมห์ฮราก็ยิ่งใหญ่จนข่มเงาความมืดของรัตติดารา
ที่เป็นศัตรู ทั้งบีบเข้าหาจนแทบว่าจะทำให้รัตติดาราใกล้สาบสูญไปทุกทีๆ

“ขอโทษด้วย เพื่อนร่วมตระกูลทั้งหลาย ข้าคนนี้จะค่อยๆปลุก
ศัตรูที่ใกล้ตายให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมารัดคอพวกเจ้าเอง”
ชามัลเชื่อมั่นว่าหากทุกอย่างเปลี่ยน ตัวเขาก็ไม่ได้จะเลือนรางจางหายไป
แน่นอนว่าเขาจะสร้างอนาคตอย่างใหม่ขึ้นมา และจะมีชีวิตยาวนานไปจนได้เห็นวันนั้น
อนาคตซึ่งอาจเป็นเส้นขนานกับโลกที่เขาจากมาโดยสิ้นเชิง

อสรพิษใช้วรรณะที่ติดตามมาให้เป็นประโยชน์ในการติดต่อทำการที่ไม่สะดวกจะทำด้วยตนเอง
แต่ก็ไม่มากจนมันกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ บางทีเขาก็ปล่อยเด็กหนุ่มทิ้งไว้ เขาเองฉวยจังหวะ
เข้าถึงพวกเมห์ฮรารอบนอกที่เป็นด่านอารักขายังสมรภูมิสำคัญซึ่งกระจายตัวออกไปในภูมิภาคของโลก
สอดส่องดูตัวแทนตระกูลผู้ทำหน้าที่เป็นแสงสว่างคอยชี้นำทางให้เหล่าผู้คน ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง
ให้แก่วงการค้นคว้าเรื่องวิทยาการ หรือความเป็นไปของหลายดินแดน

เมื่อพร้อม ชามัลจึงลงมือสังหารคนระดับหัวหน้าที่รายล้อมอยู่รอบนอก! เว้นไว้เพียงตัวอันตรายของจริง
ซึ่งอยู่กระชับวงในเข้าไปที่ลำพังเขาคนเดียวไม่อาจเข้าถึง คนพวกนี้อยู่ไปก็จะคอยขวางทาง ก่อนอื่นต้อง
เริ่มจากกุดแขนขาของเมห์ฮราจนพวกมันกระดิกกระเดี้ยไม่ได้... ถึงตอนนี้ก็ได้รู้แล้ว ว่าเหตุการณ์สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ของตระกูล ที่ว่าผู้มุ่งร้ายจู่โจมเข้ามาในช่วงปีนี้มันเป็นฝีมือใคร ที่แท้ก็เป็นมือของเขา
...คนในที่เจ็บช้ำจากการถูกขับไล่ไสส่งและการถูกแทนที่ พวกมันจะต้องชดใช้ด้วยทุกสิ่งที่มี!

หากในหน้าประวัติศาสตร์นั้นเมห์ฮราก็ยังยิ่งใหญ่ ทำไมผู้มุ่งร้ายที่ว่าจึงเงียบหาย?
เขากระทำการไม่สำเร็จหรือ...ชามัลไม่เชื่อเช่นนั้น เขาจะเปลี่ยนอนาคตด้วยมือของตัวเอง
อะไรจะเกิดขึ้นจากนี้คงต้องลองให้รู้กัน

อสรพิษผู้ทระนงได้รู้ความเป็นไปของราศีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกตุลาการราศีตุลย์
ที่ศาลาวิกาลซึ่งซุกซ่อนในย่านใกล้เสาชิงช้า เวลาผ่านนานนับเป็นปีๆ เขาสืบเสาะ
เข้าหา คบหา จนกลายเป็นสหายสนิทของผู้นำราศีกุมภ์ วาเลนติโน่เป็นเชื้อสายจาก
แดนไกลที่เข้ามาซ่องสุมกำลังไว้เพื่ออำนาจอันเป็นหนึ่งของรัตติดารา สหายต่างชาติ
คนนี้ของเขารักในความสำเริงสำราญไม่ต่างกัน เล็งเห็นความงาม
และความรักในตัวผู้คนทั้งสองเพศ ไม่ว่าหญิง...หรือชาย

“ชามัล อย่าคิดว่าข้ารู้ไม่ทัน ข้ารู้ว่าสายตาคนอย่างท่านมองแต่สตรีเท่านั้น
ไม่ได้พิศวาสข้าเหมือนอย่างที่ท่านพยายามจะโกหก เพราะงั้นเราแค่เป็นสหายร่วมอุดมการณ์
รัตติดาราก็พอ แล้วข้าจะรอวันได้ชื่นชมอำนาจแห่งราศีที่สิบสาม แต่ถึงไม่มีเรื่องนั้นข้าก็พอใจ
จะคบหาคนที่ความคิดไปกันได้แบบท่านอยู่แล้ว”

“ต้องแบบนี้สิท่านวาเลนติโน่ ...หากเข้าใจข้าทะลุปรุโปร่งได้ถึงระดับนั้นก็ดี
เพราะข้าไม่ชอบคนโง่ คบกันได้ประเดี๋ยวประด๋าว ต้องฉลาดทันกันถึงจะคบกันยาว”
ชามัลหัวเราะ เขาชอบชายเจ้าของผมสีทองจางซอยสั้นเข้ารูป ดวงหน้าคมออกไปทางสวยซีด
ไม่ได้เข้มเป็นอิตาลีอย่างชื่อเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังแต่งกายพรายแพรวทันสมัยราวกับหลุดมาจาก
ลาสเวกัสในโลกอนาคต สีโปรดคือสีม่วงแห่งพลอยอะเมทีสต์ประจำราศี

วาเลนติโน่ใช้ความรักสนุกของตนอย่างเป็นประโยชน์ รู้จักเส้นสายทุกอย่างในเอเชียบูรพา
ทั้งพาชามัลเข้าถึงความสำราญแห่งแสงสีที่ซ่อนอยู่ในเมืองทันสมัย รวมถึงยุโรปอันเป็นที่โปรดของตนเอง

ณ บาร์ใต้ดินแสงสีระยิบระยับ กับการเสพสุขด้วยตา หู จมูก ปาก และเพศรส
ชายผู้มาจากอนาคตได้รู้ว่าช่วงเวลาแห่งอดีตกาลก็มีอะไรดีๆให้ค้นหาเรื่อยไป
ทีแรกเขาเสียดายว่าต้องมาตกอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ยุคสมัยนี้บางสถานที่
ก็พัฒนาก้าวไกลไปพอเพียงจะสอดรับกับความอยากของเขาได้เหลือเกินแล้ว

ค่ำคืนแห่งเสียงเพลงที่ผ่อนคลายจากการเสาะแสวงหาอำนาจ ชามัลนั่งดื่มกลางวงพนันหรูหรา
เสียงกีตาร์ของนักรักละตินซึ่งบรรเลงคลอไปในบรรยากาศชวนให้หวนคิดถึงใครบางคน
ใครที่ดูไม่เข้ากับสถานที่เริงรมย์นี้เอาเสียเลย เด็กน้อยคนหนึ่งที่เขาทิ้งมา
ป่านนี้จะมีพลังก้าวหน้าไปถึงไหน จะเล่นดนตรีได้เก่งขนาดไหน ยังรอเขากลับไปหา
ด้วยแววตาเหมือนลูกหมาตัวน้อยรอคอยเจ้าของ หรือเกลียดเขาเข้าไส้
ถึงวันพบกันอีกครั้งก็คงได้รู้ นี่ก็ผ่านมานานกี่ปีเข้าแล้วนะ

“ท่านทำหน้าเคลิบเคลิ้ม...คิดถึงใครหรือไงสหาย ตาพราวเป็นประกายแบบนี้
คงจะคิดถึงผู้หญิงแน่นอน ที่แนบซ้ายแนบขวาข้างกายนั่นยังไม่พอรึ”
เจ้าของสถานที่เอ่ยถามด้วยภาษารัตติดาราซึ่งฟังเข้าใจกันอยู่เพียงสองคนในที่นั้น

ชามัลยิ้มพึงใจ วาเลนติโน่มักเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลชวนฝันราวกับสำเนียงของศิลปินซึ่งฟังเข้าหูเขา
แต่ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษกลับเอ่ยเชิงปฏิเสธ “เปล่า แค่คิดเรื่องในอดีตนิดหน่อย”

“ไม่รอดสายตานักรักอย่างข้าไปได้ ลืมแล้วหรือ ข้าเกิดวันวาเลนไทน์ถึงได้ชื่อวาเลนติโน่
และข้าก็เป็นเทพเจ้าแห่งความรักมาตั้งแต่เกิด แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก จากตอนนี้
สีหน้าท่านไม่ได้บอกว่าคิดถึงเรื่องราว แต่เป็นคิดถึง...คน”

“ไม่มีหรอก คนที่ข้าคิดถึง ไม่เคยมี” ชามัลผ่อนลมหายใจ

“นึกว่าท่านพบดาราที่ท่านตามหาที่ไหนแล้วซะอีก”

“เรื่องผู้หญิงคนนั้น...จะว่าไป ไม่นานนี้ก็เริ่มได้ยินบางอย่างที่อาจเกี่ยวกับการหายตัวไป
ของนางบ้างแล้ว รอให้แน่ใจก่อน ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับไอ้ที่ข้านึกอยู่ตอนนี้หรอก
ข้าก็แค่...กำลังนึกถึงเด็กคนหนึ่ง”

“ก็มีเด็กอยู่คนเดียวในชีวิตท่าน ถ้างั้นนางคงสำคัญสำหรับท่านยิ่งกว่าที่ข้าเคยเข้าใจ
เอาเถอะท่านชามัล ถึงท่านจะมีความลับในใจมากมายแต่ข้ายอมให้เสียคน
เพราะหลงใหลในความงามแห่งอสรพิษเช่นท่านจริงๆ” เจ้าของสถานที่ว่าแล้วก็
หันไปจุมพิตดูดดื่มกับสตรีสาวแสนสวยที่เอนเคียงกายบนโซฟานุ่ม ขณะช่วงไหล่
ยังรับสัมผัสนวดเฟ้นจากชายผิวแทนรูปร่างแน่นไปด้วยลอนกล้ามเนื้อ

ชามัลยิ้มในหน้า คืนนี้จะปล่อยให้วาเลนติโน่มีความสุขไปก่อน แต่แผนบางอย่างของเขา
ก็ใกล้ได้เวลาต้องลงมือ เร็วๆนี้ เขาจะบอกลาเพื่อนกลับไปยังสยาม อีกฝ่ายจะตามไป
หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ใจ

...คราวนี้ธุระของเขาอยู่ถึงเมืองเพชร กับตัวพชรมุนินซึ่งเป็นจ้าวราศีเมษ
เขารู้จักชายกลางคนผู้นั้นมาได้แรมปีแล้ว เป็นรัตติดาราที่ยอมสงบเสงี่ยมอยู่ในสายตาดีอยู่
ออกจะรักสงบเกินฐานะผู้เป็นหนึ่งในราศีแห่งความมืดไปบ้าง แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาจะ
เอามาตั้งข้อรังเกียจ
สิ่งสำคัญที่รู้มา พชรมุนินได้ทำเรื่องบางอย่าง...ที่ถ้าเป็นจริงเขาคงไม่อาจอภัย
หากว่ามีการให้ที่ซุกหัวหลบซ่อน จนถึงชุบเลี้ยงลูกชายศัตรูคนสำคัญของเขาขึ้นมา
รู้ทั้งรู้ว่าตระกูลแห่งแสงสว่างนั้นเป็นขั้วตรงข้ามกับรัตติดาราโดยสิ้นเชิง เวลานี้มันจะ
เติบกล้าไปถึงไหนแล้วในโลกแห่งอดีต ไม่นานเขาคงจะได้พบมันอีกครั้ง
กับไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชื่อมัชฌิม์ เมห์ฮรา!


สิงหรานีใช้เวลารอนแรมรวบรวมสมัครพรรคพวก เริ่มต้นการสืบทอดอำนาจรัตติดาราสิงห์
มายาวนานหลายปี นางเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น บัดนี้กาลผ่านเลยจนวัยใกล้ล่วงเข้ายี่สิบแปด
คร่ำหวอดในโลกกว้างยิ่งกว่าเดิม อาศัยคำแนะนำจากอโพซินเต้ ครูมนตราผู้เฒ่าที่สู้อุตส่าห์
ไปอัญเชิญมาจากเกาะมรกต
{ชื่อฉายา... ในภาษาพม่า อโพ เป็นคำนำหน้าสำหรับเรียกคนวัยปู่ หรือตา, ซินเต้ แปลว่า สิงห์ }
ครูบาผู้มีรูปลักษณ์รุ่ยร่าย ผมยาวยิ่งม้วนทบเป็นกระเซิง กายค่อมคู้น่าสะพรึง
ชายชราเคยเป็นคนของราศีสิงห์มาช้านาน แต่ด้วยท่านไม่ยอมรับในตัวพี่ชายทั้งสามของนาง
ที่สองคนแรกก็โง่เง่าไม่เอาถ่าน ส่วนคนสามความคิดแหกคอกนอกขนบอย่างเหลือทน ทว่า
เมื่อรู้ว่าคนอย่างลูกสาวเจ้าเกาะสิงห์หมายขึ้นเป็นผู้นำ บรมครูด้านมนตราไม่รีรอที่จะ
รีบสั่งให้คนเก็บผ้าผ่อนทั้งของขลังโกยมายัดลงห่อผ้ารุ่งริ่ง หามตนที่ตอนนั้นยังป่วย
ตามมาขึ้นเรือนางสิงห์ไม่มีอิดออด แม้เมื่อแรกศิษย์สาวจะเพียงฝากสารถึงและมิได้
ปรากฏกายไปเชิญด้วยตนเอง ด้วยไม่ต้องการให้อดีตสลัดราศีสิงห์บางคนไม่พอใจ
หากเห็นตัวนางก้าวล้ำเข้าไปถึงถิ่นที่พวกเขาอยากจะอยู่เงียบๆกันลำพัง

บัดนี้นางสิงห์พร้อมเรือลมกรดที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยครูบาซ่อมแซม
และช่วยเสริมมนตราให้กำลังแล่นลิ่วไปในทะเล

“นางสิงห์น้อยเอย ตูข้าผู้เป็นครูอับอายนักที่เคยแต่หดหัวเวลาที่อสรพิษนั้นทำเรือพวกเจ้าพินาศ”

“ท่านกำลังจับไข้ ยอมให้หามมาขึ้นเรือพวกข้าก็บุญแล้ว” ศิษย์สาวเท้าความ

“ข้าเคยคิดทิ้งวิชาอาคม หลงลืมการปล่อยของราวกับมือใหม่ฝึกหัด
จึงถึงกับของขึ้นให้คนรอบข้างต้องลำบาก ที่ว่าขี่หลังเสือแล้วลงยากก็คงไม่ต่างกับ
การเล่นวิชาอันตราย แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงดอกนะ ข้าจะกลับมาเป็นคนเก่าที่พึ่งได้
เพื่อช่วยเหลือการใหญ่เจ้าต่อไปอีกแสนนาน”

“เป็นผิดของข้า หาใช่ของพ่อครู ตั้งแต่วันที่ออกเรือมาข้าก็สัญญากับตัวเอง
จะแบกผู้คนที่ติดตามข้าไว้บนบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาไว้บนบ่าอีกข้างหนึ่ง
จึงเป็นข้าที่ต้องดูแลใครๆ”
หญิงสาวกล่าวหนักแน่น ตัวนางมีอุดมการณ์บางอย่างที่เร้นลึกไว้ภายใน
ยอมให้รู้เพียงแค่ผู้ยินยอมติดตาม และขอเพียงกล้าร่วมก้าวไปจนสุดทางด้วยกัน
ก่อนถึงเวลานั้น หน้าที่ดูแลทุกคนก็ถือเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว

มนตราก้าวหน้า ความบุ่มบ่ามลดน้อยลง แต่ความเหี้ยมหาญเอาจริงดูจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
และนางก็ยังไม่ลืมแค้นซึ่งอสรพิษร้ายตนนั้นได้ก่อไว้ วันหนึ่งคงได้พบกับมันอีกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ต้องกลับไปจัดการเหล่าหมูสกปรกที่ยังเกลือกปลักละเลงแอ่งอาจมบนเกาะสิงห์
ให้สิ้นซากไปเสียที

คำสั่งแรก นางสั่งให้จับพี่ชายคนโตไปขังไว้ในคอกจริงอย่างที่เคยลั่นปาก
พี่ชายรองยอมสวามิภักดิ์อยู่ใต้อำนาจ นางสิงห์จึงปรารถนาจะจัดงานเลี้ยงกินดื่ม
ฉลองวาระได้กลับบ้าน ให้ลูกน้องได้ผ่อนคลายกันเต็มที่ ทว่าภาพความเอะอะชุลมุน
ที่เห็นเมื่อย่างเท้าเข้าคูหาสิงห์ กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เจอ

“ถอยไปไอ้พวกสวะ! หมาตัวไหนอยากให้ตัวเมียเดินนำก็ไปตามหัวหน้าของพวกมึงมา
กูเกิดเป็นชาติสิงห์ ไม่มีวันยอมตามตูดตัวเมียแน่ ถ้าอยากขึ้นเป็นจ้าวนัก ก็ให้มัน
เห็นศพพ่อตัวเองก่อนแล้วกัน”

นางพญาคนใหม่แห่งถ้ำมองภาพคนบ้าด้วยอาการสงบ ทำมือส่งสัญญาณให้ลูกน้อง
ถอยออกนอกรัศมี เป็นพี่ชายโง่งั่งของนางเองที่อาละวาด บิดาสู้อุตส่าห์รอดชีวิต
รอนางมาได้อย่างเหลือเชื่อ กลับจะต้องมาช้ำใจช้ำในตายคามือลูกเนรคุณเสียแล้ว

ถ้าเพียงเรื่องความไม่ลงรอยยังพอไว้ชีวิต หากมันไม่ลากบิดาที่ป่วยจนเดินไม่ได้ออกมาจากห้อง
เอาคมอาวุธจ่อคอชายผู้เคยเป็นราชสีห์ ผู้บัดนี้หลับตาแน่นด้วยอ่อนล้าทั้งแสนอดสูใจ

“เฮ้ย! ปล่อยพ่อเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่ระยำหมา! แล้วข้าจะถือว่าเจ้าแค่เมาเหล้าเมายาดอง...”
เสียงต่ำกดกร้าวเสมือนหนึ่งคำเตือนครั้งสุดท้ายจากปากนาง

“ฮ่าๆๆ กลับมาเห็นภาพประทับใจพอดี เป็นไง นังน้องอวดดี ออกเรือไปไกลโพ้นทะล
คราวนี้กวาดผัวมาได้กี่คนล่ะเจ้า” คนเป็นพี่ที่ยืนแอ่นไปแอ่นมาแค่นเสียงถามอู้อี้
แต่ดังพอที่ทุกผู้จะได้ยิน “นึกว่าจะตายเสียกลางทาง เก่งเหมือนกันนี่ที่จูงจมูก
ผู้ชายเหี้ยมๆตัวเป็นยักษ์มาได้เป็นพรวน”

ก่อนใครจะทันได้คาดคิด มีดพกเล่มโค้งสะบัดปลิวราวกงล้อ
แล่นเป็นแนวดิ่งปักฉึกเข้าไปกลางเบ้าตาของคนพูดล้มตึง!
เลือดพุ่งจากหน้าที่ยังยิ้มค้างราวสายน้ำ คนที่อยู่ใกล้เร่งกรูกันเข้าไปรับร่างผู้ชราไว้มิให้ล้ม

มีดมนตราอำนาจแรงกล้าชำแรกเกราะอาคมเบาบางและของดีทั้งสิ้นที่ต่างโบยบินหนีหาย
ตั้งแต่ที่เจ้าตัวคิดเหยียบบิดาซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งครูบา...

“สิงหรานี ท่านไม่กลัวปาพลาดหรือนั่น” ใครบางคนอุทานชื่นชมเมื่อเรื่องร้ายคลี่คลาย

“ข้ารู้...ว่ามันไม่พลาด แต่งานเลี้ยงวันนี้คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง” ท้ายคำนางสิงห์คำรามกระหึ่มคูหา

“งะ งานเลี้ยงวันนี้ คงจะต้อง...”

“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่” สิงหรานีหันไปส่งยิ้มเหี้ยมเกรียม

“ยกเลิกใช่ไหมท่าน”

“ถุย! ไม่ใช่...รอช้าอะไรกันอยู่เล่าวะ เอาศพมันไปโยนทะเล
แล้วเร่งยกเหล้ายกเนื้อมาให้พอสามวันสามคืน
แผ่นดินสูงขึ้นเป็นวา แบบนี้ยิ่งต้องฉลองหนักกว่าเดิม!”


ชายกลางคนผู้อาวุโสแห่งราศีเมษมองออกไปจากช่องว่างซึ่งซ่อนแฝงในลำต้นของไม้ใหญ่
ทิวทัศน์ตรงนี้เห็นน้ำตกผาหยดน้ำสายเล็กๆรินไหลงดงาม พวกเขาเคยเร้นกายอยู่ยังเขตนี้มานานแล้ว
ณ เขาอ่างแก้ว เมืองเพชร

ในต้นไม้ที่ขนาดไม่ใหญ่โตนัก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพชรมุนินซึ่งเชี่ยวชาญการใช้เพชรรัตน์คู่กาย
ก่อมิติเหลื่อมล้ำ จนเสมือนหนึ่งเกิดห้องหับกว้างขวางอยู่ภายในลำต้นไม้

การใช้พลังเปิดทางสู่มิติอื่นนี้เองเป็นตัวทำให้เขาได้ค้นพบอีกดินแดนหนึ่งที่สงบ
สว่างไสว ปราศจากปัญหาของพวกรัตติดาราเข้ามาข้องเกี่ยว ใจพชรมุนินนึกยินดี
ที่ตนไม่เคยเข้าร่วมพิธีดื่มน้ำสาบาน อันจะมีผลให้ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งถูกแช่งไว้มีอันต้องถึงชีวิต
หากผิดคำสัตย์ เขาไม่อยากตายอย่างคนผิดคำพูด
แม้ว่าสุดท้ายอย่างไรคนเราก็ยังคงหนีความตายไม่พ้น

ข้างภรรยา บุตรหลานและคนสนิทของเขาได้โยกย้ายข้ามไปสู่แดนซึ่งถูกขนานนามว่าแดนทิวา
เรียบร้อยแล้ว ทุกคนปลอดภัย ไม่มีเหลือสิ่งใดให้ห่วงอีก ยังเพียงตัวเขาที่มีบ่วงสุดท้ายอยู่สองสามประการ
...ก่อนจะต้องจากไป เมื่อไม่นานมานี้เขายังพูดกับคนที่ตนแสนห่วงใย ต่อจากนี้อีกฝ่ายจะก้าวเดินไป
ข้างหน้าได้ดีแค่ไหนเพียงลำพัง

‘ออกเดินทางเถอะมัชฌิม์ ทางอนาคตรอคอยเจ้าอยู่’
ยามนั้นชายกลางคนผมเผ้าขาวโพลนเกินอายุหันไปบอก
...เด็กหนุ่มที่เติบโตเป็นชายหนุ่ม คนจรซมซานมาที่กลายเป็นศิษย์รัก

‘ท่านพชรมุนิน ข้าไม่รู้จะขอบคุณด้วยคำไหน’ ชายหนุ่มยิ้มเข้มแข็งให้อาจารย์
แววตายังคงเอาจริงดุจเดิม แต่ร่องรอยของเด็กมีปัญหา
ที่ชอบก่อปัญหาเพิ่มในวันเก่าได้อันตรธานหายไปแล้ว

พชรมุนินมองคนที่ตนเห็นเป็นเสมือนลูกหลานด้วยห่วงใย
มัชฌิม์ในวันนี้ยังรวบผมยาวตรงดำสนิทไว้หลังคอ เพียงแต่มันยาวขึ้นจนปลายหางแทบจรดบั้นเอว
ชายหนุ่มสวมกางเกงดำทรงพองรัดตรงข้อเท้า ตัดกับสีขาวของผ้าเคียนเอวและเสื้อแขนยาวแหวกเปิดอก
เห็นช่วงบนที่เต็มแน่น ทั้งกล้ามเนื้อ ทั้งอักขระมนตราสักเอาไว้เต็มพรืดบนผิวเนื้อสีทองแดงอ่อนระอุ
หูข้างหนึ่งเจาะประดับห่วงและตุ้มเหล็กดำแวววาวเป็นแถวเป็นแนวขึ้นไปตลอดใบหู ดูทั้งเหี้ยม กร้าน
ดุดัน แววตาดุจพยัคฆ์ร้ายกำลังจะถูกปล่อยจากกรงขัง พร้อมโลดแล่นไปสู่จุดหมายเพียงหนึ่งเดียว
ที่ต้องการ เป้าหมายซึ่งคนเป็นอาจารย์รู้ดี ใจศิษย์รักจดจ่อถึงมันโดยตลอด
โมรารัตติกาลของอสรพิษร้ายตนนั้น!

‘ไปเถอะ ทางของเจ้ายังยาวไกลนัก ตอนนี้เจ้าอาจยังสู้อสรพิษร้ายไม่ได้
จงอย่าบุ่มบ่ามอีก ให้ไปพบคนที่ข้าฝากฝังเจ้าไว้กับเขา... อย่าลืม อันดับแรก
มองไปยังปัจจุบันและอนาคต ขอเพียงอย่าได้ลืมอดีต อดีตที่ผ่านพ้นคือบทเรียน
นั่นคือความหมายของมัน แต่บางเวลาหากย้อนมองกลับหลังแล้วมันจะถ่วงหนัก
ที่ข้อเท้าไม่ให้เจ้าก้าวต่อไป ขอให้รวบรวมความเข้มแข็ง ปลดพันธนาการนั้นออกให้ได้ด้วยตัวเอง’

‘ข้าจะไม่ลืมคำสอนของท่านพชรมุนิน’

แล้วบุตรชายของผู้นำตระกูลแห่งแสงสว่างซึ่งตกมาจากอนาคตก็ก้าวจากไป
โดยมิได้สงสัยว่าจากนั้นเพียงไม่นานพชรมุนินซึ่งเป็นอาจารย์จะต้องเผชิญสิ่งใดต่อ
ดวงตาที่สามแห่งความหยั่งรู้ซึ่งเป็นพรสวรรค์ของคนในตระกูลนั้นมัชฌิม์มีอยู่ก็จริง
ทว่ามันยังไม่กล้าแข็งพอ อย่างน้อยก็ไม่พอจะเทียบได้กับพลังปิดตาแห่งการหยั่งรู้ของผู้เป็นอาจารย์
พชรมุนินปิดกั้นความรับรู้เรื่องอนาคตของตนจากทุกคนเสียสิ้น เสี้ยวความคิดเล็กๆ ชายกลางคน
อยากจะดิ้นรน แต่รู้ดี ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้ ผู้คนที่เขาผลักไสให้ก้าวไปสู่หนทางสว่างจะปลอดภัยกว่า

ผู้ครองราศีเมษสงบสติเฝ้ารอคอย ย้ำกับตัวเองว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง
จะลองปักหลักสู้กับ‘มัน’ดูสักตั้ง ทุ่มเทพลังทั้งกายใจให้หมดในคราวนี้
อสรพิษร้ายที่มาจากความมืดจะชนะ หรือแสงสว่างแห่งความจริงจะหยุดมันลงได้!!



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ธ.ค. 2556, 09:46:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ธ.ค. 2556, 09:46:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1490





<< บทที่ ๑๐ ชิงราศีที่สาบสูญ (...จบบท)   บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว...(...จบบท) >>
อสิตา 25 ธ.ค. 2556, 09:46:45 น.
คุณเกดซ่าท้าลมหนาว – มาไวมาก ชื่นใจจริงๆเกดซ่า... ปีใหม่ไม่ไปเที่ยวไหนกะเค้าใช่ไหมคะ
555 คนเขียนก็คงไปไหนไม่ไกล เกดซ่าไม่อยากเป็นหนึ่งในสามคนนั้นของชามัล แต่อยากเป็น
คนสุดท้ายของเธอ...สินะ
คุณบุลินทร – ตอนก่อนก็ชื่อผิด ทำไมไม่รีบบอกฟระ ให้ข้าปล่อยไก่อยู่ตั้งนาน เดี๋ยวให้เฟอร์กลิ้งทับเลย
คุณหนอนน้อย – ชาจังบอกว่ารักต้องการเวลา หนูสิต้าถูกรังแกอีกแล้ว คราวนี้หงอยด้วย
เหอๆ ชาจังน่ะ สามคนแค่นี้นะบ่ยั่น ต่อให้เป็นสิบยังไหว
คุณริญจน์ธร – พี่มิ้งค์เตรียมโพสต์นิยายไว้ตั้งแต่กลางคืน แปะตอนเช้าก่อนออกไปเยี่ยมหญิงคลอดภาวิน

คุณหนูยิ้ม – สอบเสร็จรึยัง ช่วงนี้เอาเสื้อกันหนาวไปร.ร.ทุกวันท่าจะดีนะ เวลาหนาวแล้วไม่ได้เอาไปนี่สยองมาก
คุณก้อนหิน – ลุ้นให้ชามัลถูกรังแกและควบคุมเต็มที่เลยนะคะ 555 ปีใหม่ไปเที่ยวไหมคะเนี่ย
คุณเมล็ดทานตะวัน – ห้ามว่าสิงหรานี เพราะมีคนบอกว่าคนเขียนนิสัยเหมือนตัวนี้ ห้ามว่าๆๆๆ ไม่งั้นจะฟ้องพี่ทาส
คุณโกลเด้นซัน – นั่นสิคะ ชามัลไม่ยอมถูกควบคุมแน่ๆ คงกลัวเผลอลงมือกับเด็กบ้างละ ตอนนี้ถึงได้มีทางเลือกนี้
เพิ่มขึ้นจากที่เคยคิดไว้ แต่ละราศีก็ไม่ลงรอยกัน มีปัญหาแน่ๆ ...เรื่องความฝังใจของพรตจะกล่าวถึงในภายหลังค่ะ หุหุ
แต่จริงๆเหตุมันก็ไม่ได้แรงมาก บังเอิญว่าพรตเป็นคนซึมลึกของเค้าเอง อาจเพราะกรรมเก่าด้วยที่ทำให้ยอมกัน
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – เกิดเป็นราศีที่สิบสามต้องอดทนแรงจากทุกฝ่าย แต่สักวันหนูสิต้าจะไม่ยอมเหมือนกัน
ป.ล.อย่าติดถุด ถ่มถุยไปจากสิงหรานีสิคะ เลอะใส่คีย์บอร์ดมันไม่ดีนะ... เราต้องมาลำบากเช็ดเองอีก -..-
ถ้าอยากจะทำจริงๆ แนะนำให้ทำบนสนามหญ้าที่ไม่ต้องเช็ดถู


ketza 25 ธ.ค. 2556, 09:47:12 น.
ท่านพี่ชามัลของเกดซ่า ม๊วบบบบบบบบ


อสิตา 25 ธ.ค. 2556, 09:49:58 น.
เร็วมากเกดซ่าาาาาาา


ketza 25 ธ.ค. 2556, 10:21:08 น.
ท่านพี่ชามัลกลับมาน๊าาาาา.........อย่าทิ้งเค๊าไป แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
......คอยดูนะ กลับมาเจอกันอีกที เค๊าจะสวยให้ตะเองตะลึงตึงตึงเบย คอยดู๊...... >////<....
Merry Christmas Ka...เกดซ่าเที่ยวๆๆๆ ไหนดี 55555....


ดังปัณณ์ 25 ธ.ค. 2556, 11:55:35 น.
อั้ยย่ะ! คุณแป้ง นี่ นี่ นี่ นี่ๆๆๆๆๆๆๆ (อัลไล) 555+ มะไหร่ชาจังจะเจอหนูสิ แล้วๆๆๆๆๆ พชรมุนินมาเจอกัน แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ ใครจะรอดใครจะตายอ่ะเนี่ย อร๊างงงงงงงงง ไหนมาทิ้งกันกลางคันได้อ่า ดูจิ ป่อยให้ชาจังทิ้งปมอนาคตไว้ แล้วมาสปอยอดีตงี้ เค้าก็ลงแดงงงงงงงงงงงงดี๊ หนอนดีดดิ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แงะ! กลับไปหาหนูสิคราวนี้ เหนเค้าเป็นสาวแระ อย่าหื่นนร้าาาาาาาาาาา 555+ แหมว่าแต่อยากให้นิลละกับหนูสิ ลั้นล้าปาตี้กันจัง ขอให้สนิทชิดเชื้อกันฝุดๆเลยนะ ประมาณ ไม่มีชาจัง นิลละเป็นเพื่อนคนเดียวไรงี้ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ ขอให้ชาจังได้ดีดดิ้นทีเหอะ แอร๊ยยยยยยย อยากเห็นชาจังหึงขึ้นหน้าอ่าาาาาาาาาคุณแป้งงงงงงง


yimyum 25 ธ.ค. 2556, 16:37:09 น.
เอาไปทุกวันค่า วันนี้พิเศษหน่อยเอาผ้าพันคอไปด้วย หนาวมาก แอร์ตก


goldensun 25 ธ.ค. 2556, 20:33:55 น.
ชามัลก็ยังเป็นชามัล ยังไงก็ทะนงในความสามารถของตัวเอง
และดูแล้ว ชะตากรรมก็ยังหมุนไปตามแนวเดิม ก็น่าลุ้นทั้งชามัลกับมัชฌิม์ จะแก้เกมส์กันยังไง


ดวงมาลย์ 25 ธ.ค. 2556, 23:08:14 น.


konhin 26 ธ.ค. 2556, 03:00:39 น.
มาแล้ววว ยังอยากให้เสือน้อยเป็นพระเอกฮ่าๆๆ รอดูคับผม


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ธ.ค. 2556, 01:26:59 น.
ปุกาดๆๆ ตอนนี้ สนามหญ้าหน้าบ้าน ชุ่ม มากๆ แล้ว 5555
ตอนนี้เก็บมาได้หลายราศีเลยนะนี่
ทำไม ทำไม ทำไม ชาเมาดูจะเป็นชายโฉดอีกละอะ ตกลงฮีเป็นพระเอกช้ะ
เป็นพระเอกแค่ตอนจบช้ะ ตลอดเรื่องจะเป็นผู้ร้ายช้ะ
ก็ดีนะ two in one


Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 17:35:44 น.
ชามี่ทิ้งสิต้าทำมายยยย กลัวทำใจให้ฆ่าไม่ได้ืรึกลัวติดสิต้าจนขาดไม่ได้กันแน่
อั้ยยะ มะม้า ราศีกุมภ์เป็นไบเซกช่งลเหนอววววว
ตามารไปเนียนกะเค้าแต่ไม่ยักกะเป็นไปด่วยแหะ
กลับมาคราวนี้ สิต้าสวยจนมาร่ตะลึงชัวร์
แค้นฝังหุ่นจริงนะ มาล่าพี่รองด้วย
แต่แหม พี่รองผิวทแงแดง เจาะหูด้วย สักยันต์อีกตะหาก
ว้างววววววววว เท่เชียะ


Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 17:35:49 น.
ชามี่ทิ้งสิต้าทำมายยยย กลัวทำใจให้ฆ่าไม่ได้ืรึกลัวติดสิต้าจนขาดไม่ได้กันแน่
อั้ยยะ มะม้า ราศีกุมภ์เป็นไบเซกช่งลเหนอววววว
ตามารไปเนียนกะเค้าแต่ไม่ยักกะเป็นไปด่วยแหะ
กลับมาคราวนี้ สิต้าสวยจนมาร่ตะลึงชัวร์
แค้นฝังหุ่นจริงนะ มาล่าพี่รองด้วย
แต่แหม พี่รองผิวทแงแดง เจาะหูด้วย สักยันต์อีกตะหาก
ว้างววววววววว เท่เชียะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account