ม่านทิวาพชร {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

Tags: โมรารัตติกาล มรกตสนธยา มนตรามุกจันทรา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว อัญมณีเหนือกาล มนตราอัญมณี

ตอน: บทที่ 14 ความจริงที่ซุกซ่อนอยู่

๑๔

ความจริงที่ซุกซ่อนอยู่




“สามคนนั้นยังไม่กลับมาอีกเหรอเนี่ย” รติขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันเมื่อกลับมาถึงบ้านพักตอนเที่ยงคืน พบว่ายังมีลูกกุญแจล็อกหน้าบ้านอยู่ ขณะนั้นก็หันไปเห็นจิณลีและชลันธรกำลังเดินมาพร้อมใบหน้าระบายยิ้ม ชายหนุ่มจึงเอ่ยแซว “ยิ้มมาเลยนะเพื่อน”

“คนมาเที่ยวจะให้ทำหน้าบึ้งใส่กันหรือไงล่ะ” จิณลียักไหล่พลางหันไปขยิบตาใส่คนข้างกาย ก่อนถามรติต่อ “แล้วนี่ทำไมไม่เข้าบ้าน”

“ฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน แต่ยายลียาน่ะสิ ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหน” หลังจากฝ่ายนั้นปลีกตัวไป เขาก็ไม่ได้ตามไปดู เพราะคิดว่าเธอคงไม่ต้องการคำปลอบใจใดๆ “อาจจะเมาอยู่ที่ร้านไหนสักร้าน” คำพูดของรติทำให้เครื่องหมายคำถามปรากฏบนใบหน้าจิณลีทันที

“อารมณ์ไหนถึงไปเมา”

“อารมณ์…เอ่อ…อารมณ์แบบลียานั่นละ นึกอยากจะไปก็ไป ทิ้งฉันให้เที่ยวคนเดียว” หนุ่มผมตั้งบอกพลางหัวเราะร่วน “นายกับคุณชลันธรเข้าบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันโทร.หาลียาเอง”

“โทร.เลย ฉันรอฟังด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วย” จิณลีบอกอย่างห่วงใยเพื่อนสนิท

“นั่นสิคะ โทร.เลยดีกว่า” ชลันธรก็เห็นด้วยกับชายหนุ่ม

รติจึงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดโทร.หาฝ่ายนั้น ทว่าผ่านไปเกือบห้านาทีก็ยังไม่มีคนรับสาย

“ท่าทางจะเกิดเรื่องจริงๆแล้วละ” รติเริ่มกังวล “ฉันผิดเองที่ไม่ตามลียาไป ทั้งที่รู้ว่ายายนั่นกำลัง…” ชายหนุ่มรู้ตัวทันก่อนจะเผลอพูดเรื่องไม่ควร

“อย่ามัวโทษตัวเองเลย รีบไปตามหาลียากันดีกว่า ร้านค้าบนนี้มีไม่กี่ร้าน หาไม่นานคงเจอ” จิณลีบอกเสียงหนักแน่น

“ฉันไปด้วยนะคะ” ชลันธรเป็นห่วงลียาไม่แพ้กัน

ทั้งสามเดินไปยังร้านอาหารต่างๆบนภูปีราซึ่งกำลังทยอยปิด หลังจากสอบถามแล้ว แต่ละร้านต่างก็บอกว่าไม่มีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างที่เล่ามาที่ร้านของตน จนกระทั่งมาถึงร้านสุดท้ายก็ยังไม่พบวี่แววของลียาเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้พวกเขายิ่งว้าวุ่นใจขึ้นอีกเท่าตัว

“ยายนั่นหายไปไหนนะ ไม่รู้หรือไงว่าทุกคนเป็นห่วง” รติส่ายศีรษะไปมาพลางถอนหายใจยาว ก่อนคาดเดา “ถ้าที่ร้านอาหารไม่มี ก็คงไปอยู่ที่ไหนสักแห่งบนภูปีรา แต่ปัญหาคือมันคือที่ไหนนี่สิ แล้วทำไมลียาถึงไม่รับโทรศัพท์”

“เราลองไปดูตามจุดชมวิวที่คนชอบไปดีไหม” จิณลีว่า

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ การออกตามหาเพื่อนที่หายตัวไปจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งทันที



เมื่อออกตามหาจนถึงตีสองแล้วไม่พบ จึงต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่ของภูปีราให้ช่วยออกตามหาในป่า รติ จิณลี และชลันธรจะตามไปด้วย แต่เพื่อความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงให้ทั้งสามรออยู่ที่สำนักงาน ขณะนี้สองหนุ่มหนึ่งสาวจึงเฝ้าคอยฟังข่าวด้วยความร้อนรนจนแทบจะนั่งไม่ติด โดยเฉพาะรติที่รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

“ลียาจะเป็นอะไรหรือเปล่า” ใบหน้าของชายหนุ่มเครียดขึง

“ลียาต้องปลอดภัยแน่” จิณลีตบบ่าเพื่อน

“ถ้าเกิดอันตรายกับยายนั่น ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย” รติซุกหน้าลงกับฝ่ามือ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับเข็มนาฬิกาถูกหินก้อนใหญ่ถ่วงไว้ คนที่กระวนกระวายมากที่สุดยังคงเป็นรติเช่นเดิม จิณลีและชลันธรต้องเอ่ยปลุกปลอบเป็นระยะๆ เจ้าตัวจึงสงบลงบ้าง แล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของรติดังขึ้น ชายหนุ่มรีบกดปุ่มรับก่อนละล่ำละลักถาม

“เจอลียาแล้วใช่ไหมครับ เธอเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยครบสามสิบสองเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า”

จิณลีและชลันธรรอฟังคำตอบจากปลายสายไปด้วยอย่างใจจดจ่อ แต่ครู่ต่อมาก็เห็นใบหน้าของรติถอดสีลง ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นรติ” ชายหนุ่มถามเพื่อนเสียงเครียด

เจ้าของร้านขายรูปหนุ่มหันมาบอกด้วยใบหน้าเคร่ง “เจ้าหน้าที่เจอลียาแล้ว แต่ว่า…” จู่ๆเสียงของเขาก็ขาดหายไปในลำคอ

“แต่ว่าอะไร” จิณลีเร่ง

“แต่ว่า…” รติรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง “ลียาสลบอยู่ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่กำลังจะพาเธอไปที่โรงพยาบาล”

“ตายจริง ขอให้คุณลียาปลอดภัยด้วยเถอะ” ชลันธรภาวนาด้วยความห่วงใยไม่แพ้ชายหนุ่มอีกสองคน



รติ จิณลี และชลันธรลงมาพร้อมรถของเจ้าหน้าที่ภูปีราเพื่อนำลียาไปส่งโรงพยาบาล หลังจากหมอตรวจร่างกายของหญิงสาวอย่างละเอียดก็ออกมาแจ้งทั้งสามซึ่งรออยู่หน้าห้อง

“เป็นเรื่องน่าแปลกมากนะครับ ทั้งที่ชีพจรของคนไข้ยังเต้นเป็นปกติ ร่างกายไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บ แต่เธอกลับไม่หายใจ” แพทย์วัยกลางคนชี้แจง

“หมอช่วยตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหมครับ” รติมองอย่างวิงวอน

“พรุ่งนี้หมอจะตรวจอีกครั้งนะครับ เพราะก่อนออกมาแจ้งผล ทางเราก็ตรวจจนแน่ใจว่าไม่ผิดพลาดแล้ว” คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงอารี พูดคุยกันอีกพักหนึ่ง ชายวัยกลางคนจึงขอตัวไปดูแลคนไข้รายอื่นต่อ

“ฉันจะดูแลลียาเอง จนกว่าเธอจะกลับมาเหมือนเดิม ความผิดครั้งนี้ฉันขอรับผิดชอบทั้งหมด” รติเอ่ยอย่างแค้นใจตนเองที่ปล่อยให้เพื่อนอยู่ตามลำพังจนเกิดเรื่อง

“อย่าเรียกว่าความผิดเลยรติ นายไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” จิณลีวางมือลงบนไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ

“ปล่อยให้ฉันโทษตัวเองเถอะจิณลี ไม่งั้นฉันคงรู้สึกแย่กว่านี้”

“แต่ฉันเชื่อว่าลียาก็คงไม่อยากเห็นนายโทษตัวเองเหมือนกัน”

ชลันธรยืนมองสองเพื่อนรักปลอบใจกันอยู่เงียบๆ พลางเอาใจช่วยให้ลียาฟื้นขึ้นมาเป็นปกติโดยไว

กว่าจะจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเช้า ทั้งสามแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนก่อน เพราะไม่เช่นนั้นร่างกายจะแย่กันไปทั้งหมด



ชลันธรหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ จนกระทั่งลืมตาโพลงตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครมาเขย่าแขนปลุก หญิงสาวลุกนั่งบนเตียง พลางกวาดตามองไปรอบห้อง แต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติ เมื่อมองไปยังนาฬิกาบนหัวเตียงพบว่าตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว

อาจเพราะเธอตื่นสาย จิณลีจึงต้องมาเขย่าแขนปลุก ไม่สิ! เขาจะเข้ามาได้ยังไงในเมื่อเธอล็อกกุญแจห้องเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร

คิ้วเรียวโก่งขมวดเข้าหากันพลางครุ่นคิด อาจเป็นเพราะสิ่งพิเศษที่ซุกซ่อนอยู่ในตัว ทำให้บ่อยครั้งเธอสัมผัสได้ในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ แต่จะใครก็ช่างเถอะ ขอให้อย่ามาร้ายแล้วกัน

ชลันธรลุกออกจากเตียงพลางยืดเส้นยืดสาย ทันใดนั้นก็ต้องอ้าปากค้างอย่างตกใจเมื่อหันไปเห็นวัตถุบางอย่างพุ่งตกลงบนหมอนหนุนใบใหญ่ ก่อนจะกลิ้งไปบนเตียงต่ออีกสามสี่ตลบ เมื่อเห็นชัดเจนก็พบว่ากล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยมสีม่วงเข้มประดับเพชรเม็ดเล็กๆเป็นรูปหงส์วางอยู่บนนั้น

มือเรียวรีบคว้ากล่องมาเปิดดู พลันดวงตากลมก็เป็นประกายระยิบระยับ

“กำไลหงส์ทิวา!” เธอเอ่ยอย่างดีใจ เพราะไม่คิดว่าจู่ๆมันจะกลับมาหาอีกครั้ง และที่อดประหลาดใจไม่ได้เลยก็คือกำไลหงส์ทิวามาได้ยังไง เมื่อครู่นี้ราวกับมันพุ่งตรงมาจากที่ไหนสักแห่ง เป็นไปได้ว่าการข้ามมายังภูทิวาทำให้เธอกับกำไลเพชรพลัดหลงกันระหว่างทาง แต่มันก็หาทางกลับมาหาผู้เป็นเจ้าของถูกจนได้

แม้จะยังคลางแคลงใจไม่แน่ชัดกับเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ชลันธรก็ไม่มีเวลาคิดมากกว่านั้น ในเมื่อกำไลหงส์ทิวาทำให้เธอมาที่นี่ได้ นั่นก็หมายความว่ามันทำให้เธอกลับไปที่บ้านได้เช่นกัน และคราวนี้เมื่อหมดห่วงเรื่องทางบ้าน เธอจะกลับมาที่ภูทิวาอีกครั้ง เพื่อตามหาความจริงเรื่องธศิญาอย่างสบายใจเสียที

หญิงสาวเดินลงไปด้านล่างพร้อมกับกล่องเครื่องประดับ ตอนนี้จิณลีกำลังนั่งวาดรูปอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อได้ยินเสียงวิ่งลงบันได เขาก็หันมามอง

“ตื่นแล้วเหรอครับ ผมไม่กล้าปลุก” ชายหนุ่มทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนเล่า “ตอนสายผมออกไปโรงพยาบาลกับรติ แพทย์ตรวจร่างกายของลียาแล้ว ผลออกมาเหมือนเดิม ดังนั้นการอยู่ที่โรงพยาบาลจึงไม่ช่วยอะไร รติตัดสินใจว่าจะพาลียาไปดูแลที่บ้านของเขาจนกว่าเธอจะฟื้นครับ” จิณลีระบายลมหายใจช้าๆอย่างสงสารชะตากรรมของเพื่อน

“โธ่ คุณลียา” น้ำเสียงชลันธรหดหู่ด้วยความเวทนา “หวังว่าเธอจะรู้สึกตัวเร็วๆนะคะ”

“ผมก็หวังอย่างนั้นครับ” เมื่อเอ่ยจบ ดวงตาคมของชายหนุ่มก็หรี่ลงน้อยๆเมื่อเห็นบางอย่างในมือเธอ “นั่นอะไรเหรอครับ”

แววตาของหญิงสาวเป็นประกายกล้าขึ้นเมื่อนึกได้ว่าตนถืออะไรอยู่ เธอเอ่ยเสียงตื่นเต้น “ฉันจะมาบอกว่าฉันกลับบ้านได้แล้วค่ะ”

ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองกล่องกำมะหยี่สีม่วงเข้มแล้วสบดวงตากลมโต “ด้วยสิ่งนั้นเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ กำไลหงส์ทิวา ฉันข้ามมาที่นี่ด้วยพลังของกำไลวงนี้” ชลันธรเปิดฝากล่องและหยิบมันออกมา ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าที่เธอเห็นใบหน้าจิณลีดูตกใจ แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติในเสี้ยววินาที

“คุณได้มันมาจากไหนครับ”

“คุณเคยเห็นกำไลหงส์ทิวาด้วยเหรอคะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

“เปล่าครับ กำไลวงนี้สวยมาก ผมเลยอยากรู้ว่าคุณได้มาจากไหนเท่านั้น” เจ้าของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับเรื่องที่ถามไม่ได้สลักสำคัญอะไร

“ฉันบังเอิญได้มาจากร้านขายอัญมณีเก่าๆร้านนึงน่ะค่ะ แต่ไม่คิดเลยนะคะว่ากำไลหงส์ทิวาจะมีพลังพิเศษสามารถทำให้ฉันมาภูทิวาได้”

จิณลีพยักหน้ารับรู้เบาๆ “แบบนี้นี่เอง แต่ถ้า…คุณกลับไปแล้ว คุณจะกลับมาที่นี่อีกไหม” จิณลียังสงสัยอยู่ว่ากำไลวงนั้นจะพาเธอข้ามมิติไปมาได้อย่างไร

“ค่ะ ฉันจะกลับมาที่ภูทิวาอีกครั้ง ยังมีบางเรื่องที่ฉันต้องสะสาง” สายตาของเธอมุ่งมั่น

“เหมือนเรื่องนั้นจะสำคัญกับคุณมาก” จิณลีกำลังจะถามต่อ ทว่าหญิงสาวตัดบทเสียก่อน

“ฉันจะเล่าให้คุณฟังหลังกลับมาจากบ้านนะคะ” หญิงสาวหันหลังจะเดินขึ้นไปบนห้องนอน

“เดี๋ยวครับ”

เจ้าของขาเรียวยาวที่กำลังก้าวขึ้นบันไดชะงัก และหันกลับมา

“ขอให้เราได้เจอกันอีกนะเอลลา” เขาบอกลา เมื่อเห็นเธอเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่ากำไลหงส์ทิวาจะพากลับไปยังโลกที่จากมาได้ ดวงตาคมที่มองสบดวงตากลมสีดำขลับนั้นเป็นประกายลึกล้ำ “ผมจะรอ”

“ค่ะ เราต้องได้เจอกันอีก” หญิงสาวรู้สึกหวิวสั่นในใจลึกๆ ไม่มีสิ่งใดเป็นเครื่องยืนยันว่าจะได้พบจิณลีอีกครั้ง แต่เวลานี้เธอมั่นใจว่าสิ่งที่กำลังจะทำถูกต้องที่สุด เพราะครอบครัวของเธอก็เฝ้ารออยู่เช่นกัน

เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้ว ชลันธรก็ถือกล่องกำไลหงส์ทิวาเดินไปยังริมหน้าต่างที่แดดกำลังส่องเข้ามาด้วยเชื่อว่าพลังของกำไลจะเพิ่มขึ้นเมื่อสัมผัสแดดจ้า มือบางหมุนปีกหงส์ลงเพื่อให้แสงแดดร้อนแรงตอนกลางวันส่องกระทบเพชรเม็ดรีบนลำตัวหงส์ ในใจ ณ เวลานั้นคิดถึงเพียงบ้านบนเกาะอิสระธาราที่แสนอบอุ่น

ฉับพลันประกายจากเพชรเนื้อบริสุทธิ์ก็ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งห้องจนหญิงสาวต้องหลับตา แรงดึงดูดมหาศาลพุ่งเข้ามาโอบล้อมตัวเธอ และครั้งนี้ชลันธรไม่ต้านทานแรงนั้น เพียงเสี้ยววินาทีร่างเพรียวระหงก็หายวับไปพร้อมกับลำแสงสีขาว!

ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับจิณลีที่ยืนอยู่เบื้องหลัง เขามองเข้าไปภายในห้องที่บัดนี้มีเพียงความว่างเปล่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

ชลันธรใช้กำไลหงส์ทิวาได้ยังไง แล้วเธอจะรู้ไหมว่าเบื้องหลังกำไลวงนั้นมีอะไรซุกซ่อนอยู่!



ร่างของชลันธรลอยละลิ่วผ่านทะลุม่านลำแสงสีขาวสลับกับความมืดไปหลายต่อหลายชั้น จนในที่สุดเธอก็ตกลงบนที่รองรับแสนนุ่ม

หญิงสาวยังหลับตาแน่นสนิท พยายามตั้งสติขณะหายใจหอบถี่ แม้จะเคยผ่านช่วงเวลาของการเดินทางข้ามมิติไปยังภูทิวามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไงก็ไม่ชิน หัวใจแทบจะหลุดลอยออกมาจากอกด้วยความหวาดเสียวอยู่ดี

ชลันธรค่อยๆลืมตาขึ้น เมื่อเห็นภาพที่คุ้นเคยก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนที่บ้านของตัวเอง ไม่นึกเลยว่าจะง่ายดายเช่นนี้ หญิงสาวก้มลงมองมือที่ถือกล่องกำไลหงส์ทิวาไว้แน่นด้วยกลัวว่ามันจะหายไปอีก ตราบใดที่ยังมีมัน เธอก็น่าจะกลับไปภูทิวาได้อีกครั้ง

เจ้าของร่างเพรียวระหงออกจากห้องนอนและเดินมายังด้านล่างอย่างว่องไว เมื่อพบมาริณนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เรียกอีกฝ่ายเสียงสดใส

“คุณมีน”

คนถูกเรียกหันมา ก่อนที่ดวงตาเรียวยาวจะเบิกขึ้นด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ “คุณลัน!”

สองสาวโผเข้ากอดกันแน่นด้วยความคิดถึง “คุณลันจริงๆด้วย มีนไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ” อีกฝ่ายยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

ชลันธรผละออกมาและตอบ “ค่ะ ลันเอง พี่เชนไปไหนคะ” เธอถามพลางมองหาชลธิศ รอยยิ้มแห่งความปีติยังแตะแต้มบนใบหน้า

“คุณเชนออกไปธุระในเมืองแต่เช้าเลยค่ะ คุณลันไปไหนมาคะ พวกเราเป็นห่วงแทบแย่” มาริณจับมือบางไว้แน่นด้วยความห่วงใย

ชลันธรยิ้มรับซาบซึ้ง “ลันปลอดภัยดีค่ะ ที่ลันกลับมาวันนี้เพื่อจะมาบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

จากนั้นชลันธรก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่สะใภ้ฟังโดยละเอียด เมื่อเจ้าหล่อนได้ยินก็รีบห้ามปรามทันที

“คุณลันจะกลับไปที่ภูทิวาอีกเหรอคะ มีนว่าอย่าไปเลยนะคะ ท่าทางอันตราย” หญิงสาวอยากจะถามมิตรให้กระจ่างเหลือเกินว่าตกลงมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เขาตั้งใจดึงชลันธรเข้าไปพัวพันกับภูทิวา แม้รู้ดีว่าคงยากที่จะได้รับคำตอบ

“ไม่ได้หรอกค่ะ อาจมีใครรอความช่วยเหลือจากลันอยู่ก็ได้” จริงๆแล้วชลันธรรู้สึกเช่นนั้น นับจากวันที่ได้ยินเสียงหญิงสาวปริศนาที่ขอร้องให้ช่วย แต่เธอก็คิดว่านั่นเป็นเพียงความฝัน จึงไม่อยากปักใจเชื่อนัก ทว่าดูเหมือนยิ่งนานวัน ความฝันยิ่งดูราวกับเป็นความจริง การฝันเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่องย่อมไม่ใช่ความฝันธรรมดา ที่สำคัญตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าภูทิวามีจริง ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นมา

“คุณลัน คิดดีๆนะคะ ไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” มาริณเกลี้ยกล่อม ทั้งที่อาจเป็นการขัดใจมิตร

“ลันคิดดีแล้วค่ะ คุณมีนไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเมื่อไหร่ ลันจะกลับมา” หากไม่ได้ตามหาความจริงเรื่องธศิญา เธอต้องค้างคาไปจนวันตายแน่ๆ เธอปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไขปริศนาเรื่องนี้ นานวันความรู้สึกข้างในยิ่งบอกอย่างนั้น โดยที่หญิงสาวเองก็ไม่รู้สาเหตุ

เห็นชลันธรในยามนี้ มาริณก็หวนนึกถึงตัวเองในวันเก่าที่กล้าคิดกล้าทำ โลดโผนโจนทะยานจนลืมห่วงชีวิตของตัวเองเช่นกัน แต่ก็อย่างที่มิตรบอกนั่นละ บางทีโชคชะตาของคนเราก็เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“แล้วคุณลันจะกลับไปที่นั่นเมื่อไหร่คะ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่เปลี่ยนใจแน่แล้ว

“วันนี้ค่ะ”

“อ้าว มีนนึกว่าจะรอเจอคุณเชนก่อนเสียอีก”

“ตอนแรกลันก็คิดอย่างนั้นนะคะ แต่นึกขึ้นได้ว่าถ้าเจอพี่เชน เขาต้องห้ามลันกลับไปแน่” ขนาดมาริณยังห้ามเธอ ดังนั้นไม่มีทางที่พี่ชายแท้ๆจะนิ่งเฉย

“แล้วมีนจะบอกคุณเชนว่ายังไงคะ เขาต้องซักมีนแน่ๆ” เธอรู้ดีว่าชลธิศจะไม่ซัก เพราะวันนั้นที่มิตรส่งข้อความมาด้วยหมายเลขของชลันธร ชายหนุ่มรับรู้แล้วว่าน้องสาวกำลังเขียนนิยายอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่ที่พูดเกลี้ยกล่อมชลันธรให้เปลี่ยนใจอยู่นี่ เพราะรู้สึกว่ายังไงสุดท้ายก็ไม่อยากให้เจ้าตัวกลับไปยังภูทิวาอยู่ดี

“คุณมีนบอกว่าลันอยู่ต่างจังหวัด กำลังซุ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวหาข้อแก้ตัวให้มาริณ

“หวังว่าเขาจะเชื่อนะคะ”

“เชื่อสิคะ คุณมีนเป็นภรรยาพี่เชน ช่วยลันด้วยนะคะ มีบางอย่างบอกให้ลันต้องกลับไปจริงๆ” ชลันธรมองอย่างวิงวอน แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

หญิงสาวให้มาริณบันทึกภาพวิดีโอไว้ให้พี่ชายดูว่าเธอกลับมาเยี่ยมบ้านแล้ว เพื่อฝ่ายนั้นจะได้หมดห่วงเมื่อเห็นเธอปลอดภัย ชลันธรไม่ลืมบอกด้วยว่าตอนนี้กำลังต้องการสมาธิในการเขียนต้นฉบับ ดังนั้นหากพี่ชายโทร.ไปหาอาจไม่ได้รับสาย

“ถ้าพี่เชนได้ดูวิดีโอนี้ รับรองไม่มีคำถามแน่ค่ะ” ชลันธรยิ้มอย่างสบายใจ



จิณลีนั่งมองภาพวาดชายหนุ่มและหญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดแต่งงานท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องนั่งเล่น ดวงตาคมเรียวสีเข้มภายใต้แพขนตาหนาอับแสง ครู่ต่อมาชายหนุ่มก็ละสายตาจากภาพวาดพร้อมพ่นลมหายใจออกมาโดยแรงด้วยความกระวนกระวาย

เจ้าของร่างสูงตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้และเดินไปยังคอกม้าด้านนอก เมื่อคีรีและเมฆาเห็นเขา มันก็ส่งเสียงร้องคล้ายดีใจ

“เฮ้อ ฉันไม่สบายใจเลย” จิณลีบอกม้าสองตัวด้วยน้ำเสียงเนือยๆ “ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะพวกแกหรอกน่า อย่าทำท่าแบบนั้นสิ” เขาหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นม้าทั้งสองตัวก้มหัวลงเหมือนขอโทษ

การได้อยู่กับม้าคู่ใจช่วยให้จิตใจสงบลงไม่น้อย พักใหญ่เขาจึงกลับเข้ามาในบ้านซึ่งมีเพียงความเงียบ เป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้วที่ชลันธรกลับไปสู่ชีวิตในปัจจุบันของเธอ แม้จะดูเหมือนไม่นาน แต่เขาก็อดเป็นห่วงหญิงสาวไม่ได้

จิณลีตัดสินใจหลับตาลงช้าๆ ควบคุมจิตของตนให้นิ่ง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังที่เริ่มก่อเกิดขึ้นภายในร่างกาย มันก่อตัวมากขึ้นๆทุกที และไม่นานต่อจากนั้นภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในหัวเขา ทว่าก็ต้องย่นคิ้วหนาเข้าหากันเมื่อเห็นแต่เพียงเมฆหมอกสีดำทะมึน ซึ่งอาจเป็นเพราะพลังของเขายังไม่กล้าแกร่งพอ!

ชลันธร ป่านนี้คุณจะเป็นยังไงบ้าง ได้โปรดกลับมายังปัจจุบันของผมด้วยเถิด



กำไลหงส์ทิวาพาชลันธรกลับมาปรากฏตัวที่ตลาดสดของหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าคือที่ไหน แต่สภาพความเป็นอยู่บ่งบอกว่ายังมีความเป็นดั้งเดิมอยู่มาก ชาวบ้านที่เดินสัญจรไปมามองเธอด้วยสายตาสงสัยก่อนจะหันไปซุบซิบกัน เพราะไม่คุ้นหน้าเธอมาก่อน

หญิงสาวเก็บกล่องกำไลเพชรใส่ในกระเป๋าเดินทางสีดำใบขนาดย่อมที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นซึ่งเอามาจากบ้าน ก่อนรูดซิปปิดไว้มิดชิด ไม่ปฏิเสธว่าหวาดระแวงอยู่มาก เพราะใจจริงไม่ได้อยากจะเอาของราคาแพงติดตัวเลย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เธอพยายามมองหาใครสักคนที่น่าจะสอบถามได้ ขณะนั้นเองก็มีชายหนุ่มและหญิงสาววัยประมาณสามสิบต้นๆ แต่งตัวด้วยผ้าพื้นเมืองสีเข้มลักษณะเหมือนเป็นชุดของชนเผ่าเดินเข้ามาหาเธอ

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ชายหนุ่มตัวสูงไว้ผมยาวสีดำระบ่าถามด้วยท่าทีเป็นมิตร

“ไม่ต้องเกรงใจนะ ข้าสองคนยินดี” หญิงสาวร่างเล็กยิ้มอารีเมื่อเห็นแววประหม่าในดวงตาคู่สนทนา

ชลันธรยิ้มตอบด้วยความซาบซึ้งและถาม “ช่วยบอกฉันได้ไหมคะว่าที่นี่ที่ไหน”

“ที่นี่คือหมู่บ้านโกพัน เจ้าเคยได้ยินหรือเปล่า”

“หมู่บ้านโกพัน?” ชลันธรทวนคำ รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูอยู่ครามครัน เหมือนคำตอบติดอยู่ตรงปลายลิ้นนี่เอง

“ไม่รู้จักใช่ไหมล่ะ” เจ้าของร่างบางหัวเราะคิกคัก คงมีไม่กี่คนหรอกที่รู้จักที่นี่ เพราะหมู่บ้านโกพันเป็นหมู่บ้านของชนเผ่าเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกบริเวณชายแดนและไม่ค่อยมีใครเข้ามาถึง

“หมู่บ้านโกพันอยู่ในภูทิวาใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความไม่แน่ใจ กังวลไม่น้อยที่มาโผล่ที่นี่ ไม่ใช่บ้านของจิณลีอย่างตั้งใจ

“ไม่เชิง เพราะหมู่บ้านของพวกข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภูทิวา” ผู้หญิงคนเดิมว่า

ชลันธรใจชื้นขึ้น อย่างน้อยสองคนนี้ก็รู้จักภูทิวา

“ว่าแต่เจ้ามาถึงที่นี่ ทำไมถึงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน” เจ้าหล่อนซักไซ้ต่อ

ชลันธรก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้เข้าใจ ตอบได้เพียงว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

“หรือว่าเจ้าจะความจำเสื่อม” ชายหนุ่มร่างสูงหรี่ตามองจับผิดก่อนสรุปอย่างมั่นใจ “ใช่ เจ้าต้องความจำเสื่อมแน่ๆ”

“ไม่ใช่นะคะ แต่ฉันไม่รู้จริงๆ” ดวงตากลมโตฉายแววสับสน

“อะไรๆก็ไม่รู้ แล้วเราสองคนจะช่วยเจ้าได้ยังไงเนี่ย” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางถอนใจ

ชลันธรเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ “ปาณษา ใช่ค่ะ ฉันมาจากปาณษา พวกคุณรู้จักที่นั่นหรือเปล่าคะ”

“รู้จักสิ อยู่ใกล้ๆเขตราศินี่เอง”

“ราศิ!”

“ใช่ ราศิ ทำไมเจ้าต้องทำหน้าแปลกๆด้วย จะประหลาดใจก็ไม่ใช่ จะดีใจก็ไม่เชิง” เจ้าของร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงง

จะไม่ให้ทำหน้าแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อถ้าหมู่บ้านโกพันอยู่แถวชายแดนเขตราศิ ก็แสดงว่าชายหนุ่มและหญิงสาวต้องรู้จักธศิญาน่ะสิ รู้ดังนั้นชลันธรจึงถามต่อ

“ฉันอยากคุยกับคุณสองคนนั้นมากกว่านี้ พอจะมีเวลาไหมคะ อ้อ ฉันชื่อชลันธรนะคะ” เธอเพิ่งรู้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัว

“ข้าชื่อเลไอ ส่วนนี่พี่ชายข้า ชื่ออาโน เจ้าจะคุยอะไร ไม่อยากกลับปาณษาแล้วรึ” เลไอเอ่ยยิ้มๆ

“ก่อนจะกลับ ฉันอยากคุยกับพวกคุณก่อนค่ะ เกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวผู้ว่าการเขตราศิ” ทันทีที่ชลันธรเอ่ยจบ ทั้งคู่ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ธ.ค. 2556, 17:04:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2556, 17:04:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1264





<< บทที่ 13 งานเต้นรำใต้แสงดาว   บทที่ 15 คนในฝัน >>
บุลินทร 23 ธ.ค. 2556, 17:16:38 น.
คุณ yimyum
ตอนก่อนน้องยิ้มๆเมนต์ว่าอะไรนั่น ยายยิ้มเป็นอะไร ลียาหรือยิ้ม ฮ่าๆๆ สามเล่มหวานเท่ากันแล้วใช่มั้ยครับ ดีๆๆ

คุณ อสิตา
คาแรกเตอร์เฟอร์ก็ดูเหมาะกะลียานะ ฮ่าๆๆ แอบนินทา เอลลาเฟอร์มัวไปเที่ยวเจแปน

คุณ goldensun
ตอนนี้คุณ goldensun ต้องสงสารลียามากกว่าเดิมแน่เลย ส่วนจิณลีกับลันตอนนี้ไม่หวานครับ เพราะมีเรื่องอื่นให้ลุ้นกัน เหมือนจะได้รู้ความลับของจิณลีเร็วๆนี้ละ อิอิ

คุณ lovemuay
จ๊าก ดารันไม่ใช่ผีนะครับ แต่ใช้พลังพิเศษพรางตัวอยู่ มีแต่สายเลือดเดียวกันที่มองเห็น ฮ่าๆ

คุณ patok
ไม่ทำครับ ฮ่าๆๆ แต่ทำลียาสลบไสลไปเลย

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ
ตอนนี้นางเอกได้กลับบ้านแล้วน้า ส่วนเรื่องของธศิญากะองครักษ์ เดี๋ยวมีมาอีกครับ คุณนักอ่านเหนียวหนึบจำชื่อธศิญาผิดนะนั่น ฮ่าๆๆๆ

คุณ ริญจน์ธร
มีโอกาสต้องรีบทำคะแนน เดี๋ยวนางเอกหลุดมือไป ฮ่าๆๆ

คุณ ketza
น้องยิ้มๆถามหาพี่เกตซ่า พี่เกตซ่าก็มาพอดีเบย

คุณ ฤดูฝัน
ลียาไม่ร้ายครับ แต่ว่าพอกลายเป็นอย่างนี้แล้วจะฟื้นมั้ยต้องรอลุ้นกันครับ


ketza 23 ธ.ค. 2556, 17:31:30 น.
มาครบกันแว้ววว


ketza 23 ธ.ค. 2556, 18:02:31 น.
นางเอกไปโผล่ไหน...... กลับมาหาจิณลีเร้ววว.... จิณลีมีความลับอะไรจะบอก..... ว่าแต่ความลับมันคือไรอ่ะ... อยากรู้ อยากรู้ 555


yimyum 23 ธ.ค. 2556, 18:27:01 น.
เม้นแบบตามใจตัวเอง555
ตอนนี้มาโผล่ที่ๆตัวชลันทรคิดไม่ถึงแล้วละซี่555o_O


ริญจน์ธร 23 ธ.ค. 2556, 18:45:06 น.
กำไลเริ่มพาเที่ยวแล้ว


lovemuay 23 ธ.ค. 2556, 19:13:20 น.
ความลับของกำไลคืออารัยกันนะคะ


อสิตา 23 ธ.ค. 2556, 19:21:48 น.
ที่โพสต์นี่เป็นต้นฉบับเวอชั่นปรับปรุงแล้วรึนี่


yimyum 24 ธ.ค. 2556, 18:11:45 น.
หุหุหุ ยิ้มๆเป็นบ้าไปแล้วเราะ3เรื่องนี้(มั้ง)555^^


goldensun 24 ธ.ค. 2556, 20:55:50 น.
ลียาทำไมไม่ฟิ้นล่ะคะ แล้วกำไลทำไมเป็นนินจา ผลุบๆ โผล่ๆ แบบนี้ แถมกำหนดที่ลงในยุคของจิณลีได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ดีที่ยังพากลับบ้านถูก
ดูอายุของสองพี่น้องบ้านโกพัน ต้องเป็นยุคหลังธศิญาหลายปีแน่เลย ก็ที่ธศิญาเจอ ทั้งคู่ยังเป็นเด็กนี่นา ตอนนี้สามสิบกว่าไปแล้ว แล้วยังอยู่ในปัจจุบันของจิณลีรึเปล่า


patok 24 ธ.ค. 2556, 22:12:40 น.
จิณลีต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับกำไลแน่ๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 24 ธ.ค. 2556, 23:07:35 น.
หุยยย ขอโทษก้าบ จำผิดนิดหน่อยเองงงง
ว่าแต่แว้บไปแว้บมาแบบนี้มะอันตรายแย่เหรอนั่น
อารมณ์เหมือนออกไปซื้อกับข้าวในเมืองไรงี้
แล้วลียา นางถอดจิตไปหนายยยย กลับม๊าาาา


ดวงมาลย์ 25 ธ.ค. 2556, 23:07:34 น.


yimyum 25 ธ.ค. 2556, 23:24:29 น.


ketza 27 ธ.ค. 2556, 08:27:10 น.
ท่านชามัล : อัทธ์... ข้าว่าพุธนี้มีใครหายหน้าหายตาไปคนนึง เจ้าคิดว่าไง....
คุงอัทธ์ : นั่นสิท่านชามัล ข้าก็ไม่รู้ว่าเค้าคนนั้นหายไปไหน... คาดว่าทำเนียนๆมาวันนี้ทีเดียวแน่...
จิณลี : .... ก็ไม่รู้สินะ !!!!
...... ฟิ้ววววว เกดซ่าชิ่งหนีคุงบุลินก่อง 555


Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 08:19:56 น.
อ้ะ ว่าเค้าเป็นลียา นางร้ายเรอะ เดี๋ยวเถอะ
ถ้านางร้ายจริงๆ เฟิร์จะมาสาปมี่คนแรกเบยยยยย
คิดคำสาปก่อน เอาไรกีน้าาาาา
ว้าวๆๆๆๆ จิณลีมีพลังกะเค้าด้วย
นึกว่าฮีจะนั่งหล่อล้อเล่นลันไปวันๆเท่านั้นเอง
ป้าดารันยังไม่ทำให้ลียาฟื้นรึ หวีงว่ายายแก่จะไม่สิงร่างสาวสวยนะ
สิงมาหาเหยื่ออออออ โฮะๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account