โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา
ตอน: บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว...(...จบบท)
แต่แล้ววันหนึ่งวันนั้นกลับมาเยือนอย่างน่ากลัวยิ่งกว่าที่คิด ...เวลาบ่ายคล้อย
ทว่าท้องฟ้าเหนือป่าพลันกลายเป็นทะมึนครึ้มลางร้าย มวลเมฆหนาหนักเกลื่อนลอยมาต่ำเต็มฟ้า
ลมกระโชกแรงพัดป่าไหวเอน แม้แต่หยาดหยดจากผาหยดน้ำที่เคยงดงามเสมอก็ดูจะถูกกลืนด้วย
ความมัวหมองให้จมหายไปท่ามกลางบรรยากาศชวนสะพรึง
ผู้อาวุโสตั้งสติมั่น รอคอยอยู่ภายในมิติแยกที่ใจกลางลำต้นไม้ใหญ่ รู้สึกถึงเลือด
ที่สูบฉีดแรงขึ้นตามจังหวะที่มันใกล้เข้ามา ...เสียงไม้แตกปริ ลำต้นกำลังถูกอะไรบางอย่าง
ขนาดมหึมารัดแน่นเข้าทุกขณะบ่งบอกให้รู้ มันมาแล้ว!
ไม้ใหญ่ลั่นเปรี๊ยะ ก่อนหักกลางต้นล้มครืนลงฟาดพื้นกวาดพาเอาไม้เล็กที่อยู่รายรอบล้มตาม
สนั่นระนาว พชรมุนินกระเด็นออกมาท่ามกลางลมแรงอู้ที่ปลิดขั้วใบไม้น้อยใหญ่ฉีกขาดเป็นริ้ว
ทว่าก่อนจะได้ลุกขึ้นตั้งหลัก ชายกลางคนพลันตะลึงกับงูมหึมาสีดำปลาบซึ่งพรวดเข้าหา!
คมเขี้ยวแหลมโง้งพุ่งเข้าถึงต้นแขน กัดติดชนิดจมเขี้ยว
“อ๊าก--- ” จ้าวแห่งราศีเมษร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ไม่อาจสะบัดหลุดจากคมเขี้ยวฝังลึก
จนต่อเมื่อทั้งร่างถูกเหวี่ยงทิ้งด้วยแรงอันมหาศาลกลิ้งไปไกล ชายกลางคนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
ด้วยพิษแล่นเข้าสู่กาย เมื่อกระเสือกกระสนเงยมอง ต่อหน้านั้นปรากฏชายงดงามผู้มีริมฝีปากเปื้อนเลือด
เลือดของเขาเอง! ร่างสง่าอยู่ในชุดดำคอปิดรัดรูปเหมือนเกราะเกล็ดงู ไหล่ตั้ง ทั้งเข็มขัดข้อรัดดำปลาบ
ดูกระชับแน่นไปทั้งตัว ทั้งส่วนมือก็ยังมีเกราะเกล็ดมาหุ้มเป็นถุงมือมิดชิด ดูไม่มีส่วนใดที่จะโจมตีได้เลย
นอกจากหัว!
พชรมุนินเร่งลุกขึ้น มือกุมจี้เพชรที่คอ ใช้มนตร์เรียกแสงสว่างขาวโพลนมาในพริบตานั้น
ช่วงที่แสงเจิดจ้ายาวนาน หากเป็นศัตรูธรรมดาแม้หลับตาก็ไม่อาจป้องกันแสงได้
ชายแห่งราศีเมษฉวยจังหวะชักดาบเล่มขาวเรียวที่เหน็บเอวไว้พุ่งเข้าแทง
ทว่า...เป็นการพาตัวเองเข้าสู่มือแข็งแกร่งที่ตะครุบจับลำคอเขาไว้ได้
อีกมือที่ถือดาบถูกบิดกลับจนอาวุธร่วงหล่น ก่อนผู้มาเยือนจะเอ่ยออกมาเป็นคำแรก
กดต่ำ คุกคาม
“ข้า...เคยเป็นส่วนหนึ่งของแสงสว่าง และเจ้า...คงจะแก่เกินไปแล้ว สำหรับการต่อสู้”
“อสรพิษ! มาที่นี่ทำไม ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เจ้าต้องการ”
“มีสิ อย่างน้อยเจ้าก็เคยมี” ชามัลเอ่ยเหยียดๆ “ถึงตอนนี้มันจะไม่ได้อยู่กับเจ้าแล้ว
แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมี...ความจริง ที่จะต้องสารภาพกับข้า ข้าถึงได้ฉีดพิษอย่างเบาะๆ
ให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่นานพอจะตอบได้ทัน ไหนลองบอกซิ ที่ผ่านมาจ้าวแห่งราศีเมษที่ควรจะ
เป็นคนของรัตติดาราได้ให้ที่พักพิงซุกหัวนอนกับพวกเมห์ฮราศัตรูของเรา ใช่หรือเปล่า ตอบ!”
ปลายเสียงกดกระชากพร้อมมือหุ่มเกราะแข็งที่จิกเค้นลงตรงลำคอเหยื่อ
“เจ้าเอง...ก็ เป็นเมห์ฮรา”
“เคยเป็น! ไม่ใช่หน้าที่เจ้าจะสะเออะมาพูด ตอบให้ตรงคำถาม” มือของชามัลยิ่งออกแรงกด
“ได้ยินว่าคนอย่างพชรมุนินไม่เคยโกหก ทำอะไรไว้ก็น่าจะยืดอกรับแต่โดยดี ก็ในเมื่อเชื่อว่า
ไอ้ที่ทำมันคือสิ่งถูกต้องไม่ใช่หรือไง” อสรพิษหนุ่มตวาดกร้าวแล้วผลักพชรมุนินทิ้ง
“จะ จะพูดอย่างนั้นก็ใช่” ชายกลางคนผู้ถูกปล่อยร่วงลงถึงพื้นนั่งกุมคอหอยสำลักคำพูดออกมา
“ใช่! ข้าให้ความช่วยเหลือเด็กชื่อมัชฌิม์ เลี้ยงดูเขาให้แข็งแกร่งพอที่วันหนึ่งจะโตมาเป็นแสงสว่าง
แห่งพระเพลิง เป็นเสี้ยนหนามของปีศาจชั่วช้า...อย่างเจ้า”
“ใครตัดสินกันว่าแสงสว่างคือฝ่ายดี ความมืดคือฝ่ายชั่ว” ชามัลหัวเราะ
“คงไม่มีใครตัดสินได้ นอกจากตัวเจ้าเองที่รู้แก่ใจ” พชรมุนินกัดฟันตอบพลางกระอักเอา
เลือดสดๆออกมา ที่เคยคิดจะสู้ พลังปราณมันหดหายไปไหนหมด หรือเพราะคมเขี้ยว
ที่ฉีดพิษเข้าสู่ร่างกาย และเวลานี้สายตาของเขาก็เริ่มพร่าเลือน รู้ดีอยู่นานแล้วว่าวันสุดท้าย
ของตัวเองกำลังมาเยือนจึงได้จัดการสะสางทุกอย่างจนเรียบร้อย ไม่มีการสั่งเสีย ไม่มีใคร
เอะใจว่าวันนี้ชะตาชีวิตของเขาจะต้องมาสิ้นสุด
“ไอ้แก่ รู้อะไรไหม...ในขณะที่เจ้ากำลังคลานหนีเงามืดเข้าสู่แสงสว่าง หากหนีไม่ทัน
เงานั้นจะกลืนกินเจ้าเข้าไปทั้งตัว”
ผู้นำแห่งราศีเมษพยายามกระถดร่างหนีในท่าคว่ำหน้าลง ก่อนจะหยุดสำลัก
กระอักกระไอเลือดอยู่กับพื้น ...แม้เจ็บปวด แต่ในนาทีนี้ เขากำลังเร่งเปิดประตูมิติ
ด้วยจี้เพชรรัตน์ที่ตนเพิ่งแอบกระชากขาดหลุดจากคอตอนจังหวะที่ถูกเล่นงาน!
จะต้องเปิดประตูมิติขนาดเล็กขึ้นมาให้ได้ และส่งเพชรเม็ดนี้ผ่านไปสู่แดนทิวา
เพื่อให้มันปลอดภัย อย่างน้อยก็จากมือชั่วๆของชามัล
{ภายหลังมิตรได้พบชลันธรแขกรายสำคัญของร้านกาลเวลา ผู้คู่ควรกับกำไลเพชรหงส์ทิวาที่เขาเก็บงำความลับไว้
หญิงสาวจะใช้มันข้ามไปสู่แดนทิวาได้อย่างไร...ติดตามจากเรื่องม่านทิวาพชร (เขียนโดย บุลินทร)}
“แม้รู้ว่าเงามืดจะกลืนกินถึงตัว ข้าก็เลือกแสงสว่างอยู่ดี ถึงได้ช่วยเด็กนั่นไว้”
“เมื่อเจ้ายอมรับก็ดี แต่โทษของการใช้ความช่วยเหลือศัตรูของข้า คือตาย!” ชามัลย่างสามขุมเข้าหาเหยื่อ
“บอกก็ตาย ไม่บอกก็ตาย แต่ว่าที่ข้าต้องการอีกอย่าง คือของมีค่าที่อยู่กับตัวเจ้า! จี้เพชรนั่น
เจ้าคงไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว”
ชามัลก้มลงคุกเข่ากระชากคนที่ทำท่าหมอบฟุบอยู่กับพื้นให้หันมาเผชิญ จึงทันได้เห็นประตูมิติ
ขนาดเล็กที่ตรงพื้นวูบวับลับหายปิดสนิทลงไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“สายไปแล้ว เจ้าคนสารเลว... จากนี้ไปจะมีเพียงมือของแสงสว่างและผู้ที่คู่ควรเท่านั้น
ที่สามารถใช้เพชรนั่น...” ผู้ครองราศีเมษเอ่ย ดวงตาเบิกค้างเริ่มจะมองไม่เห็นภาพตรงหน้า
ชามัลที่โกรธจัดคำรามอย่างดุร้าย มือข้างหนึ่งเรียกดาบเขี้ยวออกมา เงื้อมันขึ้น
แทงทะลวงลงไปตัดขั้วหัวใจพชรมุนินที่ยังลืมตาโพลง ชายกลางคนกระตุกค้างหลายที
ก่อนจะแน่นิ่งสิ้นใจลง พญาอสรพิษในร่างคนผุดลุก เตะร่างไร้ชีวิตกลิ้งไปด้วยแรงโกรธา
“ทิ้งไอ้ลูกเสือลูกตะเข้นั่นไว้เป็นเสี้ยนหนามรึ แล้วเราจะต้องได้รู้ ว่าไอ้ลูกหมานั่นกับข้า ใครจะตายก่อนกัน!”
ชามัลตามหาไม่พบวี่แววของมัชฌิม์ จึงได้แต่เดาว่ามันคงจะมีของดีติดตัวจากพชรมุนินไว้ช่วยอำพรางกาย
“คงเดินทางได้เร็วด้วยร่างสมิง หนีหัวซุกหัวซุนไปถึงไหนกันป่านนี้ จะเพิ่มพูนพลังเพื่อมาต่อกร
กับข้าคนนี้งั้นหรือ ก็ดี! จะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้อย่างอนาถนัก ถ้าอยากดิ้นรนหนีตายขนาดนั้น
ข้าเองก็จะเอาเวลาไปจัดการเรื่องอื่นรอไปพลางๆ”
ชั่วขณะที่หวนมายังดินแดนสยามใกล้ชายฝั่งทะเล ชามัลก็ให้นึกถึงเกาะเงาที่ตนเอาเด็กอย่าง
สิตาราไปซ่อนไว้เสียนาน พรตยังส่งข่าวมาสม่ำเสมอสองสามเดือนครั้ง มีเพียงช่วงหลังที่ดูจะเงียบไปบ้าง
และนี่ก็ใกล้เวลาที่สิตาราจะอายุถึงเกณฑ์รับมอบอำนาจราศีที่สิบสามเข้ามาทุกทีแล้ว เมื่อไม่มีเขาเคียงข้าง
อำนาจของสิตาราก็ไม่สมบูรณ์... เป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับเธอในเวลานั้น
ก่อนจะรับเอาอำนาจมาถือครองเสียแทน
คำแนะนำสำคัญที่วาเลนติโน่สหายราศีกุมภ์บอกกับเขา ชามัลอดยิ้มกึ่งขำในใจไม่ได้ยามเมื่อนึกถึง
‘หากเป้าหมายคือกุมอำนาจแห่งรัตติดารา บางทีท่านควรแต่งงาน คงไม่ต้องให้เอ่ยปากหรอกนะ...ว่าแต่งกับใคร’
คำแนะนำนั้นน่ากลัวว่าจะต้องเร่งทำให้เป็นจริง เพราะเขาเองก็คิดมาก่อน ถ้าไม่กันที่ไว้
วันหนึ่งอาจต้องลำบาก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีมาแล้ว ข่าวแจ้งมาว่าจ้าวราศีมังกรแห่งเกาะลังกาวี
หมายส่งขบวนสู่ขอมายังเกาะเงา มันพยายามเสนอตัวไปอยู่ตรงที่ที่เป็นของเขา ดังนั้นชามัลจึง
ต้องลงมือ ด้วยการส่งกำลังภูตดาราจากสหายและจากราศีกรกฎที่ตนเพิ่งครอบงำไว้ได้
ไปจมขบวนเรือเหล่านั้นลงเสีย
อะไรที่เขาคิดแล้วว่าดีก็ต้องเป็นไปตามนั้น และจะไม่ยอมให้ใครขวางทางได้เลย!
จากสัมผัสที่เชื่อมโยงทาสรับใช้ถึงโมรารัตติกาล เขารู้ตลอดเวลาว่าเธอยังอยู่ดี สบายดีมากๆเสียด้วย
แต่ไม่ได้เห็นกับตาเท่านั้นเอง เพราะตลอดเวลากว่าห้าปีมานี้ เขามีเรื่องมากมายต้องทำจนลืมเจียดเวลา
ไปหาเด็กที่ยังไงก็ไปไหนไม่ได้ เป็นของตายรอคอยเขาอยู่บนเกาะแห่งนั้นจนกว่าเขาจะกลับไป
ชามัลกะเวลาให้คืนแรมใกล้เข้ามา ก่อนเริ่มมุ่งไปยังเกาะเงาด้วยร่างอสรพิษที่มีความเร็ว
เหนือขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ขณะเดินทางอยู่เหนือเกลียวคลื่น ห้วงความคิด
กระหยิ่มยิ้มย่องหวนคิดถึงเจ้าของโมรารัตติกาล ก็ต้องนับว่าเด็กนั่นผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้ง
ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะโตไปถึงไหน จะอ้วน จะผอม ปากจัดขึ้น หรือว่าขี้แยยิ่งกว่าเดิม จากแววตา
ละโหยไห้ก่อนเขาจะจากมา ใครจะรู้ เด็กนั่นอาจมาเตรียมตัดพ้อรอคอยเขาอยู่ที่หาดทุกๆคืนแรม
รอคอยให้หนทางเข้าสู่เกาะเปิดออก เพื่อที่จะได้เห็นเขากลับมา
เขาไปถึงน่านน้ำใกล้ประจันต์คิรีเขตต์พอดิบพอดีคืนแรมตามที่คำนวณไว้
ฟ้ามืดขาดแสงเดือนเด่นระยับด้วยแสงดาวสกาวใส และในพิกัดแห่งแดนรัตติกาลนั้น
ภาพของเกาะเงาทะมึนก็ค่อยๆปรากฏให้เห็น ชามัลไปถึงยังชายหาดอันวาวประหนึ่ง
โรยด้วยเกล็ดดาว ท่ามกลางบรรยากาศละมุน สายลมแผ่วไหวลูบไล้หาด คลองจักษุ
คล้ายวาบเห็นเงาร่างเพรียวบางวอบแวบรำไร
“สิตารา” ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษพึมพำออกไปทั้งรอยยิ้มซึ่งไม่รู้สาเหตุ
ทว่าสุดท้าย เมื่อสำรวจไปทั่วจึงค่อยตระหนัก ประสาทสัมผัสคล้ายจะหลอนลวงไปเอง
ไม่มีใครมารอเขาที่หาดนั่น นอกจากเงาก้อนหินและแสงสะท้อนของคลื่นล้อรัศมีดาว
ชายหนุ่มมุ่งเข้าสู่ใจกลางปล่องภูเขาด้วยย่างก้าวอย่างมนุษย์พลางใช้สายตาสำรวจ
ที่นี่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะภาพศาลาเงาแลคล้ายวัด อยู่เคียงใกล้กับ
เวิ้งทะเลสาบนิ่งสงัดซึ่งไม่สะท้อนเงาของสิ่งใดเลย ภาพอันงดงามเยียบเย็นยิ่ง
ไม่ว่าจะในทิวาหรือราตรีกาล
ณ ศาลาโอ่โถงริมน้ำ ปรากฏเงาร่างของสตรีหนึ่ง ดวงตางดงามวาดไว้คมกริบตวัดหางแหลมยาว
แต่สีหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็ง นิ่งเหมือนน้ำในทะเลสาบ ...แม่ชีดำคลี่ยิ้มราวกับรอคอยการมาของเขาอยู่แล้ว
ผมทรงหางแมงป่องส่งให้นางดูสง่า ผิวคล้ำนวลเนียนไร้ที่ติ งามนักหากสงบเกินไป
จนกลายเป็นความราบเรียบแสนน่าเบื่อหน่าย ชามัลไม่เคยให้ความสนใจสตรีตรงหน้า
นอกเหนือผลประโยชน์เกี่ยวกับรัตติดารา ...ไม่ช้า นักบวชดำก้าวออกมาเคียงกายนางประดุจเงา
ไม่แม้แต่แสดงกิริยาทักทาย ในสายตาอสรพิษเห็นว่าออกจะไร้มารยาท แต่ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ใส่ใจ
หญิงเจ้าของสถานที่เป็นผู้เอื้อนเอ่ยวาจาทำลายความเงียบ “ยินดีที่ได้พบกันใหม่
อสรพิษผู้งามสง่า เรารู้แน่อยู่แล้วว่าเมื่อใกล้เวลาสถาปนาตำแหน่งราศีที่สิบสามท่านต้องมา
ข้าแจ้งในเจตนาของท่าน รวมทั้งยามที่ท่านส่งสายลมมรณะไปถล่มกองเรือแห่งราศีมังกรเสียจนราบคาบ”
“เข้าใจก็ดี นอกจากข้า ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดใครอื่นควรคู่กับนาง” ใช่...ใครเล่าจะคู่ควรกับ
อำนาจมากไปกว่าเขา ผู้ห่างหายไปเสียนานเหยียดยิ้ม “ข้ามาเพื่ออยู่เคียงข้างผู้ที่ข้า
ฝากฝังไว้กับเจ้า สิตาราอยู่ไหนล่ะ ไม่เจอนาน ป่านนี้คงโตขึ้นมาก”
“เสียดายที่ท่านชามัลไม่ได้อยู่เห็น ช่วงเวลาที่นางเติบโตขึ้นที่นี่
ใจคอเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความงามแห่งดวงตานาง
แทบทำให้ทั้งโลกนิ่งสนิทด้วยลืมหายใจ”
ชามัลเลิกคิ้วยิ้มๆ จะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าสักแค่ไหน แต่สำหรับเขา
ยังไงสิตาราก็เป็นเด็กเมื่อวานซืนจอมกวนประสาทอยู่วันยังค่ำ
ชักอยากเห็นว่าเด็กน้อยของเขาจะงดงามสมราคาคุยหรือไม่
“งั้นคงไม่ต้องไปตามให้ชักช้าแล้ว ข้าจะไปดูด้วยตาของข้าเอง”
คนพูดสะบัดร่างหันกลับไปตามทาง
“จริงอยู่ความงามของนาง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” แม่ชีดำเอ่ยยิ้มๆ
“แต่น่าเสียดายที่ต้องบอกท่าน...เวลานี้ท่านสิตาราน่ะไม่ได้อยู่ที่นี่ให้ท่าน‘เห็น’เสียแล้ว”
บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ
“นางจากไปพร้อมกับผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง รวมทั้งคนสนิทของท่านชื่อพรต...
พากันไปจากเกาะเมื่อไม่นานนี้เอง”
ชามัลขมวดคิ้ว นิ่งไปเป็นครู่ รู้สึกว่าไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน
นี่มันไม่ใช่อย่างที่คิด... อีกอย่าง คนอย่างพรตมีอะไรก็จะต้องบอกเขาก่อนทุกเรื่อง
ยิ่งทางนี้มีโมรารัตติกาลอยู่ การจะหาทางส่งข่าวถึงเขา อย่างน้อยก็เป็นกระแสความรู้สึก
ที่ส่งออกไปย่อมไม่ยากเย็น แม้ที่ผ่านมาตัวสิตาราจะประท้วงด้วยการแทบจะตัดการสื่อสาร
ทางความรู้สึกกับเขา แต่พรตนี่แหละ ที่ชามัลเชื่อว่าจะไม่มีทางแปรเป็นอื่นไป
แล้วที่อุตส่าห์จินตนาการภาพเธอรอให้เขากลับมา ถึงจะมีเชิดใส่บ้างนิดหน่อย
แต่สุดท้ายก็คงแอบดีใจเมื่อเห็นเขา มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
อีกฝ่ายไม่ได้รอเขาอยู่บนเกาะบ้านี่แล้วด้วยซ้ำ
“ไปไหน” ชามัลแค่นเสียงถามทั้งรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ออกจะน่ากลัวเอามากๆ
“ท่านโปรดใจเย็นและฟังก่อน คำพูดของข้าอาจทำให้ตกใจ อันที่จริงนางก็แค่อยากไปเที่ยว
และห้ามคนของท่านไม่ให้ส่งข่าวในคราวนี้ เพราะถ้าบอกเกรงจะไม่ได้ไป ท่านชามัลคงหาทาง
ขัดขวางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“ดูเหมือนว่าคนของข้าจะไม่เหลือความเป็นคนของข้าเสียแล้ว ช่างน่าผิดหวัง
แต่นั่นคงเป็นเรื่องดีของพวกเจ้า เอาเถอะ ข้าจะจัดการทีหลัง ว่าแต่เด็กข้าไปไหน
ข้าต้องการรู้เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ให้ไปงมหาเอาเอง!” ชามัลเริ่มอดรนทนไม่ได้
การตามหาสิตาราคงไม่ยากสำหรับผู้ที่เชื่อมโยงกับโมราอย่างเขา
แต่ตอนนี้เขาต้องการฟังความจริงจากปากแม่ชีดำ
“ไปตามคำเชิญของจ้าวราศีตุลย์ ตุลาการเชิญนางไปเที่ยวพักผ่อนยังศาลาวิกาล
ออกเดินทางกันไปเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่มีกำหนดกลับ”
“ทั้งที่ใกล้จะอายุสิบเก้าอยู่เดือนหน้านี่แล้ว ข้าเคยคิดว่าเจ้าจะเข้มงวดกว่านี้”
“ข้าเชื่อว่าท่านสิตารารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร” แม่ชีดำกล่าวสำรวม แต่ในขณะที่นางก้มศีรษะลง
ผมเปียหางแมงป่องแข็งชี้นั้นกลับทำให้รู้สึกว่าไม่ได้นอบน้อมอันใดเลย
ชามัลถอนใจแรง เพราะเขาเองไม่เฝ้าเหยื่อให้ดี จะโทษใคร “เอาเถอะ...ข้าจะไปตามเด็กนั่นด้วยตัวเอง”
เขตพระนครยามค่ำคืน เคหสถานโอ่อ่าถูกซุกซ่อนไว้ในแหล่งอาคารร้านตลาด
ตัวตึกทึบช่วยปิดบังแสงสีจากการมองเห็นของผู้คนภายนอกจนสิ้น
แต่เสียงที่ดังออกมาก็เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ดำเนินไปภายในนั้นได้ดี
ทั้งจากการเข้าออกของผู้คน พวกชาวบ้านจึงรู้อยู่เสมอ
ที่อาศัยคหบดีนี้เป็นแหล่งสังสรรค์ของข้าราชการและพวกคนรวย
ทว่าในสายตาชามัล บรรยากาศอึมครึมหอมเอียนด้วยกลิ่นดอกราตรีฉุนจัด
ชวนให้คิดไปว่าที่อาศัยกว้างขวางแบ่งเป็นซอกเล็กห้องน้อยนี่คือซ่องชั้นสูง
แห่งนครโสเภณีเสียละมากกว่า
ศาลาวิกาล ที่พักพิงของคนเหงายามค่ำคืน
แต่มันก็ไม่ได้เปิดออกต้อนรับทุกคน ชามัลก้าวเข้าไปที่นั่นด้วยวิธีที่ไม่ปกติ
แต่เมื่อผ่านเข้าไปแล้ว เขาพยายามทำตัวเป็นปกติ เพียงใช้พลังปิดตาอำพรางอำนาจของตนไว้
ไม่ให้คนที่นี่รู้ถึงการมา ผนังตึกสูงแคบภายในฉาบทาด้วยสีหมากสุก มีทั้งสวนสวยถูกโอบไว้ใน
วงล้อมของตึกและสวนใหญ่อยู่ด้านหลัง สายตาของผู้มาเยือนสอดส่ายไปพบ ทว่าชามัล
สนใจภายในอาคารมากกว่า
แต่ละซุ้มโค้งแต่ละระเบียงที่ก้าวผ่านชวนให้นึกไปว่าอยู่ในเมืองแถบสเปน
ถ้าไม่ติดงานนากลงยาสลักเสลาลายไทยประณีตแต่งเชิงคานและเสา และถ้าทำนองดนตรี
ครวญคลอแผ่วไหวอยู่ในบรรยากาศจะไม่ใช่เพลงไทยเดิมอันแว่วระบายเสียงเบาแสนเบา
มาจากช่องห้องหับ มันคงจะถูกเปิดจาก‘แผ่นครั่ง’แผ่นเสียงแบบเก่าซึ่งก่อเกิดอารมณ์สุนทรีย์
สถานที่แบบนี้วาเลนติโน่คงชอบ แต่สหายของเขาไม่คบค้ากับพวกตุลาการ
คำที่อีกฝ่ายนิยามหยามเหยียดออกมาชามัลยังจำติดหู
‘ใช้ชื่อว่าตุลาการทั้งที่ความเที่ยงธรรมต่ำเตี้ยที่สุด มันทำให้ข้าสับสนแยกสีไม่ออก
คนอย่างข้าเป็นพวกนิยมความสุดขั้ว ชอบกลิ่นเลือดที่ซ่อนในราตรีดำมืด
หรือบางทีก็อาจจะซึ้งในรสพระธรรมแห่งแสงขาวก็ได้ แต่ไม่เคยพิสมัย
ปลักตมเทาๆขุ่นๆที่ซ่อนใต้น้ำครำ เนื้อแท้แล้วมันมีสีอะไรปะปนอยู่บ้างก็ไม่รู้ได้เลย’
ผู้คนในชุดงามสมสมัยรัชกาลที่ ๗ กรายผ่าน ส่วนใหญ่เป็นชายมากกว่าหญิง
ชามัลเองก็ทำตัวให้อยู่ในรูปลักษณ์กลมกลืนไปด้วยชุดกึ่งไทยกึ่งสากล
ใจยังคิดว่าการที่เด็กสาวอย่างสิตาราจะถูกเชิญมาที่นี่มันออกจะดูไม่เหมาะสม
อย่างน้อยควรมีที่พักแยกสัดส่วนออกไป ไม่ใช่อาคารหรูหราแต่มืดหม่นคล้ายแหล่งซ่องสุม
เขารู้ว่าตนเข้าใกล้กลิ่นอายของโมราเม็ดนั้นเต็มที สิตาราไม่ได้ออกมาสังสรรค์กับแขกเหรื่อ
อาจเพราะดึกมากแล้วเธอจึงเก็บตัวอยู่ในห้องแต่ลำพัง
สิตารามากับพรตและนิลละ หนึ่งในแฝดคนคู่ซึ่งปวารณาตัวติดตามเธอ ต่อหน้า
ฝาแฝดอาจดูไม่มีพิษมีภัยจนเกือบจะวางใจได้ แต่ข่าวลับซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จที่ได้ยินมา
หนึ่งในสองฝาแฝดนี่เองอาจเป็นผู้ลงมือฆ่าบิดาจ้าวราศีเมถุนหรือราศีคนคู่รุ่นก่อน
ด้วยเหตุที่บิดาหมายปันใจไปสนับสนุนข้างแสงสว่างอย่างเมห์ฮราฝ่ายศัตรู แม้จะเชื่อว่า
วรรณะที่อยู่กับเขามีความเลวมากกว่านิลละหลายสิบส่วน แต่ชามัลก็ยังไม่ปักใจตัดสินว่า
เรื่องที่ได้ยินมาเป็นฝีมือคนไหน
กับนิลละที่ยังไว้ใจไม่ได้ สิตาราก็เหลือแค่พรตซึ่งไม่ได้มีพลังในการสู้รบปรบมืออะไร
แต่กลับกล้าพาสิตาราออกมาเผชิญโลกกว้างเช่นนี้ภายใต้เงื้อมมือตุลาการที่อาจเป็นศัตรู
เป็นความหละหลวมหรือจงใจของแม่ชีดำที่ปล่อยมา นี่เขายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
กับคนของตนเองที่คราวนี้ไม่ส่งข่าว เรื่องความผิดนั้นคงจะต้องเก็บไว้ก่อน
แต่สำหรับเด็กหนีเที่ยว ชามัลนึกอยากตีเสียให้ก้นลาย ทั้งที่ว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยห้ามเธอสักคำ
ว่าอย่าออกมาจากเกาะ เพราะคาดผิดว่าคนพวกนั้นจะไม่ปล่อย นี่คือการให้เธอได้เปิดหูเปิดตา
เรียนรู้โลกอย่างที่อ้าง หรือแฝงจุดประสงค์อื่นใด...
ที่เที่ยวเหมาะๆของเด็กผู้หญิงสักคนคงไม่ใช่การมาเยี่ยมเยือนคนอย่างตุลาการแน่
แม้อีกฝ่ายจะเคยช่วยขวางสิงหรานีไว้และเปิดทางสะดวกให้เขาพาสิตาราจากไป
ไม่จำเป็นเลยสักนิด เขาฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้อยู่แล้ว ...ไม่ว่าอย่างไรชามัลก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง
ดุจหินผาของตุลาการ ปักใจเชื่อว่าคนที่มีพลังมหาศาลเช่นนั้นมีหรือจะไม่ต้องการอำนาจไว้เอง
สิตารายังไม่นอน เธอออกมายืนรับลมยังระเบียงห้องซึ่งหันแยกเป็นสัดส่วนจากวงล้อม
ของสถานพักอาศัยซึ่งเป็นบ่อนพนันอยู่กลายๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอออกจากเกาะ
โดยขู่พรตอีกว่าถ้าฟ้องชามัล คราวหน้าคราวหลังจะไม่ให้สัมผัสพลอยเพื่อสื่อสารกับเจ้านาย
ไม่เพียงเท่านั้นยังยกเรื่องร้ายกาจต่างๆมาพูดมากมายจนพรตต้องยอมปิดความลับไว้ทุกที
จากบนตึกซึ่งสูงที่สุดในย่านนี้ สิตารามองออกไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ห่างไปไม่ไกล
ลมพัดผมเป็นคลื่นยาวสยายถึงสะโพกปลิวเล่นลม ทั้งยังช่วยกลบสรรพสำเนียง
ของคนราตรีซึ่งแว่วมาให้ยิน
ค่ำนี้เธอเองยังเพิ่งสนทนาสนุกสนานอยู่ในห้องสมุดกับพี่รตีน้องสาวของตุลาการรดิศ
หญิงสาวแต่งกายทันสมัย ตัดผมบ๊อบสั้นดัดเป็นคลื่นรับรูปหน้าสวยหวาน
ทั้งยังใจเย็นอารมณ์ดีตลอดเวลา
‘เขี้ยวแก้วที่ท่านสิตาราใส่อยู่ได้มาจากไหนหรือคะ ถ้ามองไม่ผิด มันคงเป็นของมีค่ามาก
ประกายสวยจริงๆ’ รตีเป็นรัตติดาราคนเดียวที่เจรจาเป็นภาษาไทยกับสิตารา
‘มีคนให้มาค่ะ’ สิตาราตอบไปพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ
‘ขอฉันดูชัดๆได้หรือเปล่าคะ’
‘คงต้องให้ดูทั้งอย่างนี้ค่ะพี่รตี เพราะฉันไม่สะดวกที่จะถอดมัน’
แต่ก่อนนั้นแม้ปราการเกาะเงาจะแน่นหนา ทว่าครั้งหนึ่งเคยมีกลุ่มคนเร้นลับสามสี่คน
บุกเข้าถึงตัว มันทำอะไรสิตาราไม่ได้เพราะเขี้ยวแก้วนี้เองที่ทำให้แทงฟันไม่เข้า
ซ้ำร้ายเมื่อพวกมันหมายจะแตะต้องยื้อแย่งก็พบว่าตัวเธอเหมือนมีพิษร้ายอาบอยู่
ได้แต่ร้องโอดโอยทุรนทุรายล่าถอยออกไป
สร้อยเส้นนี้ ของที่คนคนนั้นเหลือเศษความเมตตาไว้ให้ แล้วมันก็ช่วยเธอได้จริงๆ
...ในความมืดลำพัง สิตารากลับคิดถึงเขาขึ้นมาอีก ผู้ชายร้ายกาจที่ไม่เคยคิดถึงใคร
คนที่ทิ้งเธอไป นี่เธอไม่ได้อกหักจากเขาใช่หรือเปล่า
“ป่านนี้จะไปตกส้วมตายที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” คำสบถติดปากได้มาตั้งแต่หัดต่อว่ามิตร
เวลาเขาชอบเข้าไปโงกหลับอยู่ในห้องน้ำยามปลดทุกข์ แล้วก็จำติดปากมาใช้ว่าคนอื่นด้วย
...ไม่เพียงแค่เรื่องนี้ เธอมันพวกไม่ลืมอดีต ไม่เคยลืม ตอนนี้ก็เลยต้องมานั่งจำเรื่องใครอีกคนที่ไม่อยากจำ
เสมือนว่าชามัลเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่ใจโหยหา เป็นตัวเชื่อมรวมเอาความทรงจำในอดีต
และปัจจุบันของสิตาราเข้าด้วยกัน “พาเรามาติดแหง่กอยู่นี่คนเดียว ตัวเองหนีไปทำอะไรก็ไม่รู้ งูบ้า!”
ถ้าเป็นมิตรที่พาเธอกลับมา ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ เธออยากจะเกลียดๆๆ เกลียดชามัลให้มากขึ้นไปอีก
คนถูกด่าซึ่งอำพรางพลังของตนจากการรับรู้ของอีกฝ่ายยิ้มขำ ตาเป็นประกายวาววามจากในความมืด
งูบ้านั่น ตอนนี้ก็อยู่ข้างหลังเธอนี่แล้วไง
-------------
คนอ่านหายไปหมดแล้วหรือวันหยุด แงงงงงงงง ถ้ายังอยู่ขอเสียงบ้างสิคะ
เหงาๆๆ
ป.ล. ตอนต่อไปมาวันจันทร์
ทว่าท้องฟ้าเหนือป่าพลันกลายเป็นทะมึนครึ้มลางร้าย มวลเมฆหนาหนักเกลื่อนลอยมาต่ำเต็มฟ้า
ลมกระโชกแรงพัดป่าไหวเอน แม้แต่หยาดหยดจากผาหยดน้ำที่เคยงดงามเสมอก็ดูจะถูกกลืนด้วย
ความมัวหมองให้จมหายไปท่ามกลางบรรยากาศชวนสะพรึง
ผู้อาวุโสตั้งสติมั่น รอคอยอยู่ภายในมิติแยกที่ใจกลางลำต้นไม้ใหญ่ รู้สึกถึงเลือด
ที่สูบฉีดแรงขึ้นตามจังหวะที่มันใกล้เข้ามา ...เสียงไม้แตกปริ ลำต้นกำลังถูกอะไรบางอย่าง
ขนาดมหึมารัดแน่นเข้าทุกขณะบ่งบอกให้รู้ มันมาแล้ว!
ไม้ใหญ่ลั่นเปรี๊ยะ ก่อนหักกลางต้นล้มครืนลงฟาดพื้นกวาดพาเอาไม้เล็กที่อยู่รายรอบล้มตาม
สนั่นระนาว พชรมุนินกระเด็นออกมาท่ามกลางลมแรงอู้ที่ปลิดขั้วใบไม้น้อยใหญ่ฉีกขาดเป็นริ้ว
ทว่าก่อนจะได้ลุกขึ้นตั้งหลัก ชายกลางคนพลันตะลึงกับงูมหึมาสีดำปลาบซึ่งพรวดเข้าหา!
คมเขี้ยวแหลมโง้งพุ่งเข้าถึงต้นแขน กัดติดชนิดจมเขี้ยว
“อ๊าก--- ” จ้าวแห่งราศีเมษร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ไม่อาจสะบัดหลุดจากคมเขี้ยวฝังลึก
จนต่อเมื่อทั้งร่างถูกเหวี่ยงทิ้งด้วยแรงอันมหาศาลกลิ้งไปไกล ชายกลางคนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
ด้วยพิษแล่นเข้าสู่กาย เมื่อกระเสือกกระสนเงยมอง ต่อหน้านั้นปรากฏชายงดงามผู้มีริมฝีปากเปื้อนเลือด
เลือดของเขาเอง! ร่างสง่าอยู่ในชุดดำคอปิดรัดรูปเหมือนเกราะเกล็ดงู ไหล่ตั้ง ทั้งเข็มขัดข้อรัดดำปลาบ
ดูกระชับแน่นไปทั้งตัว ทั้งส่วนมือก็ยังมีเกราะเกล็ดมาหุ้มเป็นถุงมือมิดชิด ดูไม่มีส่วนใดที่จะโจมตีได้เลย
นอกจากหัว!
พชรมุนินเร่งลุกขึ้น มือกุมจี้เพชรที่คอ ใช้มนตร์เรียกแสงสว่างขาวโพลนมาในพริบตานั้น
ช่วงที่แสงเจิดจ้ายาวนาน หากเป็นศัตรูธรรมดาแม้หลับตาก็ไม่อาจป้องกันแสงได้
ชายแห่งราศีเมษฉวยจังหวะชักดาบเล่มขาวเรียวที่เหน็บเอวไว้พุ่งเข้าแทง
ทว่า...เป็นการพาตัวเองเข้าสู่มือแข็งแกร่งที่ตะครุบจับลำคอเขาไว้ได้
อีกมือที่ถือดาบถูกบิดกลับจนอาวุธร่วงหล่น ก่อนผู้มาเยือนจะเอ่ยออกมาเป็นคำแรก
กดต่ำ คุกคาม
“ข้า...เคยเป็นส่วนหนึ่งของแสงสว่าง และเจ้า...คงจะแก่เกินไปแล้ว สำหรับการต่อสู้”
“อสรพิษ! มาที่นี่ทำไม ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เจ้าต้องการ”
“มีสิ อย่างน้อยเจ้าก็เคยมี” ชามัลเอ่ยเหยียดๆ “ถึงตอนนี้มันจะไม่ได้อยู่กับเจ้าแล้ว
แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมี...ความจริง ที่จะต้องสารภาพกับข้า ข้าถึงได้ฉีดพิษอย่างเบาะๆ
ให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่นานพอจะตอบได้ทัน ไหนลองบอกซิ ที่ผ่านมาจ้าวแห่งราศีเมษที่ควรจะ
เป็นคนของรัตติดาราได้ให้ที่พักพิงซุกหัวนอนกับพวกเมห์ฮราศัตรูของเรา ใช่หรือเปล่า ตอบ!”
ปลายเสียงกดกระชากพร้อมมือหุ่มเกราะแข็งที่จิกเค้นลงตรงลำคอเหยื่อ
“เจ้าเอง...ก็ เป็นเมห์ฮรา”
“เคยเป็น! ไม่ใช่หน้าที่เจ้าจะสะเออะมาพูด ตอบให้ตรงคำถาม” มือของชามัลยิ่งออกแรงกด
“ได้ยินว่าคนอย่างพชรมุนินไม่เคยโกหก ทำอะไรไว้ก็น่าจะยืดอกรับแต่โดยดี ก็ในเมื่อเชื่อว่า
ไอ้ที่ทำมันคือสิ่งถูกต้องไม่ใช่หรือไง” อสรพิษหนุ่มตวาดกร้าวแล้วผลักพชรมุนินทิ้ง
“จะ จะพูดอย่างนั้นก็ใช่” ชายกลางคนผู้ถูกปล่อยร่วงลงถึงพื้นนั่งกุมคอหอยสำลักคำพูดออกมา
“ใช่! ข้าให้ความช่วยเหลือเด็กชื่อมัชฌิม์ เลี้ยงดูเขาให้แข็งแกร่งพอที่วันหนึ่งจะโตมาเป็นแสงสว่าง
แห่งพระเพลิง เป็นเสี้ยนหนามของปีศาจชั่วช้า...อย่างเจ้า”
“ใครตัดสินกันว่าแสงสว่างคือฝ่ายดี ความมืดคือฝ่ายชั่ว” ชามัลหัวเราะ
“คงไม่มีใครตัดสินได้ นอกจากตัวเจ้าเองที่รู้แก่ใจ” พชรมุนินกัดฟันตอบพลางกระอักเอา
เลือดสดๆออกมา ที่เคยคิดจะสู้ พลังปราณมันหดหายไปไหนหมด หรือเพราะคมเขี้ยว
ที่ฉีดพิษเข้าสู่ร่างกาย และเวลานี้สายตาของเขาก็เริ่มพร่าเลือน รู้ดีอยู่นานแล้วว่าวันสุดท้าย
ของตัวเองกำลังมาเยือนจึงได้จัดการสะสางทุกอย่างจนเรียบร้อย ไม่มีการสั่งเสีย ไม่มีใคร
เอะใจว่าวันนี้ชะตาชีวิตของเขาจะต้องมาสิ้นสุด
“ไอ้แก่ รู้อะไรไหม...ในขณะที่เจ้ากำลังคลานหนีเงามืดเข้าสู่แสงสว่าง หากหนีไม่ทัน
เงานั้นจะกลืนกินเจ้าเข้าไปทั้งตัว”
ผู้นำแห่งราศีเมษพยายามกระถดร่างหนีในท่าคว่ำหน้าลง ก่อนจะหยุดสำลัก
กระอักกระไอเลือดอยู่กับพื้น ...แม้เจ็บปวด แต่ในนาทีนี้ เขากำลังเร่งเปิดประตูมิติ
ด้วยจี้เพชรรัตน์ที่ตนเพิ่งแอบกระชากขาดหลุดจากคอตอนจังหวะที่ถูกเล่นงาน!
จะต้องเปิดประตูมิติขนาดเล็กขึ้นมาให้ได้ และส่งเพชรเม็ดนี้ผ่านไปสู่แดนทิวา
เพื่อให้มันปลอดภัย อย่างน้อยก็จากมือชั่วๆของชามัล
{ภายหลังมิตรได้พบชลันธรแขกรายสำคัญของร้านกาลเวลา ผู้คู่ควรกับกำไลเพชรหงส์ทิวาที่เขาเก็บงำความลับไว้
หญิงสาวจะใช้มันข้ามไปสู่แดนทิวาได้อย่างไร...ติดตามจากเรื่องม่านทิวาพชร (เขียนโดย บุลินทร)}
“แม้รู้ว่าเงามืดจะกลืนกินถึงตัว ข้าก็เลือกแสงสว่างอยู่ดี ถึงได้ช่วยเด็กนั่นไว้”
“เมื่อเจ้ายอมรับก็ดี แต่โทษของการใช้ความช่วยเหลือศัตรูของข้า คือตาย!” ชามัลย่างสามขุมเข้าหาเหยื่อ
“บอกก็ตาย ไม่บอกก็ตาย แต่ว่าที่ข้าต้องการอีกอย่าง คือของมีค่าที่อยู่กับตัวเจ้า! จี้เพชรนั่น
เจ้าคงไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว”
ชามัลก้มลงคุกเข่ากระชากคนที่ทำท่าหมอบฟุบอยู่กับพื้นให้หันมาเผชิญ จึงทันได้เห็นประตูมิติ
ขนาดเล็กที่ตรงพื้นวูบวับลับหายปิดสนิทลงไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“สายไปแล้ว เจ้าคนสารเลว... จากนี้ไปจะมีเพียงมือของแสงสว่างและผู้ที่คู่ควรเท่านั้น
ที่สามารถใช้เพชรนั่น...” ผู้ครองราศีเมษเอ่ย ดวงตาเบิกค้างเริ่มจะมองไม่เห็นภาพตรงหน้า
ชามัลที่โกรธจัดคำรามอย่างดุร้าย มือข้างหนึ่งเรียกดาบเขี้ยวออกมา เงื้อมันขึ้น
แทงทะลวงลงไปตัดขั้วหัวใจพชรมุนินที่ยังลืมตาโพลง ชายกลางคนกระตุกค้างหลายที
ก่อนจะแน่นิ่งสิ้นใจลง พญาอสรพิษในร่างคนผุดลุก เตะร่างไร้ชีวิตกลิ้งไปด้วยแรงโกรธา
“ทิ้งไอ้ลูกเสือลูกตะเข้นั่นไว้เป็นเสี้ยนหนามรึ แล้วเราจะต้องได้รู้ ว่าไอ้ลูกหมานั่นกับข้า ใครจะตายก่อนกัน!”
ชามัลตามหาไม่พบวี่แววของมัชฌิม์ จึงได้แต่เดาว่ามันคงจะมีของดีติดตัวจากพชรมุนินไว้ช่วยอำพรางกาย
“คงเดินทางได้เร็วด้วยร่างสมิง หนีหัวซุกหัวซุนไปถึงไหนกันป่านนี้ จะเพิ่มพูนพลังเพื่อมาต่อกร
กับข้าคนนี้งั้นหรือ ก็ดี! จะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้อย่างอนาถนัก ถ้าอยากดิ้นรนหนีตายขนาดนั้น
ข้าเองก็จะเอาเวลาไปจัดการเรื่องอื่นรอไปพลางๆ”
ชั่วขณะที่หวนมายังดินแดนสยามใกล้ชายฝั่งทะเล ชามัลก็ให้นึกถึงเกาะเงาที่ตนเอาเด็กอย่าง
สิตาราไปซ่อนไว้เสียนาน พรตยังส่งข่าวมาสม่ำเสมอสองสามเดือนครั้ง มีเพียงช่วงหลังที่ดูจะเงียบไปบ้าง
และนี่ก็ใกล้เวลาที่สิตาราจะอายุถึงเกณฑ์รับมอบอำนาจราศีที่สิบสามเข้ามาทุกทีแล้ว เมื่อไม่มีเขาเคียงข้าง
อำนาจของสิตาราก็ไม่สมบูรณ์... เป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับเธอในเวลานั้น
ก่อนจะรับเอาอำนาจมาถือครองเสียแทน
คำแนะนำสำคัญที่วาเลนติโน่สหายราศีกุมภ์บอกกับเขา ชามัลอดยิ้มกึ่งขำในใจไม่ได้ยามเมื่อนึกถึง
‘หากเป้าหมายคือกุมอำนาจแห่งรัตติดารา บางทีท่านควรแต่งงาน คงไม่ต้องให้เอ่ยปากหรอกนะ...ว่าแต่งกับใคร’
คำแนะนำนั้นน่ากลัวว่าจะต้องเร่งทำให้เป็นจริง เพราะเขาเองก็คิดมาก่อน ถ้าไม่กันที่ไว้
วันหนึ่งอาจต้องลำบาก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีมาแล้ว ข่าวแจ้งมาว่าจ้าวราศีมังกรแห่งเกาะลังกาวี
หมายส่งขบวนสู่ขอมายังเกาะเงา มันพยายามเสนอตัวไปอยู่ตรงที่ที่เป็นของเขา ดังนั้นชามัลจึง
ต้องลงมือ ด้วยการส่งกำลังภูตดาราจากสหายและจากราศีกรกฎที่ตนเพิ่งครอบงำไว้ได้
ไปจมขบวนเรือเหล่านั้นลงเสีย
อะไรที่เขาคิดแล้วว่าดีก็ต้องเป็นไปตามนั้น และจะไม่ยอมให้ใครขวางทางได้เลย!
จากสัมผัสที่เชื่อมโยงทาสรับใช้ถึงโมรารัตติกาล เขารู้ตลอดเวลาว่าเธอยังอยู่ดี สบายดีมากๆเสียด้วย
แต่ไม่ได้เห็นกับตาเท่านั้นเอง เพราะตลอดเวลากว่าห้าปีมานี้ เขามีเรื่องมากมายต้องทำจนลืมเจียดเวลา
ไปหาเด็กที่ยังไงก็ไปไหนไม่ได้ เป็นของตายรอคอยเขาอยู่บนเกาะแห่งนั้นจนกว่าเขาจะกลับไป
ชามัลกะเวลาให้คืนแรมใกล้เข้ามา ก่อนเริ่มมุ่งไปยังเกาะเงาด้วยร่างอสรพิษที่มีความเร็ว
เหนือขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ขณะเดินทางอยู่เหนือเกลียวคลื่น ห้วงความคิด
กระหยิ่มยิ้มย่องหวนคิดถึงเจ้าของโมรารัตติกาล ก็ต้องนับว่าเด็กนั่นผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้ง
ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะโตไปถึงไหน จะอ้วน จะผอม ปากจัดขึ้น หรือว่าขี้แยยิ่งกว่าเดิม จากแววตา
ละโหยไห้ก่อนเขาจะจากมา ใครจะรู้ เด็กนั่นอาจมาเตรียมตัดพ้อรอคอยเขาอยู่ที่หาดทุกๆคืนแรม
รอคอยให้หนทางเข้าสู่เกาะเปิดออก เพื่อที่จะได้เห็นเขากลับมา
เขาไปถึงน่านน้ำใกล้ประจันต์คิรีเขตต์พอดิบพอดีคืนแรมตามที่คำนวณไว้
ฟ้ามืดขาดแสงเดือนเด่นระยับด้วยแสงดาวสกาวใส และในพิกัดแห่งแดนรัตติกาลนั้น
ภาพของเกาะเงาทะมึนก็ค่อยๆปรากฏให้เห็น ชามัลไปถึงยังชายหาดอันวาวประหนึ่ง
โรยด้วยเกล็ดดาว ท่ามกลางบรรยากาศละมุน สายลมแผ่วไหวลูบไล้หาด คลองจักษุ
คล้ายวาบเห็นเงาร่างเพรียวบางวอบแวบรำไร
“สิตารา” ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษพึมพำออกไปทั้งรอยยิ้มซึ่งไม่รู้สาเหตุ
ทว่าสุดท้าย เมื่อสำรวจไปทั่วจึงค่อยตระหนัก ประสาทสัมผัสคล้ายจะหลอนลวงไปเอง
ไม่มีใครมารอเขาที่หาดนั่น นอกจากเงาก้อนหินและแสงสะท้อนของคลื่นล้อรัศมีดาว
ชายหนุ่มมุ่งเข้าสู่ใจกลางปล่องภูเขาด้วยย่างก้าวอย่างมนุษย์พลางใช้สายตาสำรวจ
ที่นี่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะภาพศาลาเงาแลคล้ายวัด อยู่เคียงใกล้กับ
เวิ้งทะเลสาบนิ่งสงัดซึ่งไม่สะท้อนเงาของสิ่งใดเลย ภาพอันงดงามเยียบเย็นยิ่ง
ไม่ว่าจะในทิวาหรือราตรีกาล
ณ ศาลาโอ่โถงริมน้ำ ปรากฏเงาร่างของสตรีหนึ่ง ดวงตางดงามวาดไว้คมกริบตวัดหางแหลมยาว
แต่สีหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็ง นิ่งเหมือนน้ำในทะเลสาบ ...แม่ชีดำคลี่ยิ้มราวกับรอคอยการมาของเขาอยู่แล้ว
ผมทรงหางแมงป่องส่งให้นางดูสง่า ผิวคล้ำนวลเนียนไร้ที่ติ งามนักหากสงบเกินไป
จนกลายเป็นความราบเรียบแสนน่าเบื่อหน่าย ชามัลไม่เคยให้ความสนใจสตรีตรงหน้า
นอกเหนือผลประโยชน์เกี่ยวกับรัตติดารา ...ไม่ช้า นักบวชดำก้าวออกมาเคียงกายนางประดุจเงา
ไม่แม้แต่แสดงกิริยาทักทาย ในสายตาอสรพิษเห็นว่าออกจะไร้มารยาท แต่ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ใส่ใจ
หญิงเจ้าของสถานที่เป็นผู้เอื้อนเอ่ยวาจาทำลายความเงียบ “ยินดีที่ได้พบกันใหม่
อสรพิษผู้งามสง่า เรารู้แน่อยู่แล้วว่าเมื่อใกล้เวลาสถาปนาตำแหน่งราศีที่สิบสามท่านต้องมา
ข้าแจ้งในเจตนาของท่าน รวมทั้งยามที่ท่านส่งสายลมมรณะไปถล่มกองเรือแห่งราศีมังกรเสียจนราบคาบ”
“เข้าใจก็ดี นอกจากข้า ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดใครอื่นควรคู่กับนาง” ใช่...ใครเล่าจะคู่ควรกับ
อำนาจมากไปกว่าเขา ผู้ห่างหายไปเสียนานเหยียดยิ้ม “ข้ามาเพื่ออยู่เคียงข้างผู้ที่ข้า
ฝากฝังไว้กับเจ้า สิตาราอยู่ไหนล่ะ ไม่เจอนาน ป่านนี้คงโตขึ้นมาก”
“เสียดายที่ท่านชามัลไม่ได้อยู่เห็น ช่วงเวลาที่นางเติบโตขึ้นที่นี่
ใจคอเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความงามแห่งดวงตานาง
แทบทำให้ทั้งโลกนิ่งสนิทด้วยลืมหายใจ”
ชามัลเลิกคิ้วยิ้มๆ จะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าสักแค่ไหน แต่สำหรับเขา
ยังไงสิตาราก็เป็นเด็กเมื่อวานซืนจอมกวนประสาทอยู่วันยังค่ำ
ชักอยากเห็นว่าเด็กน้อยของเขาจะงดงามสมราคาคุยหรือไม่
“งั้นคงไม่ต้องไปตามให้ชักช้าแล้ว ข้าจะไปดูด้วยตาของข้าเอง”
คนพูดสะบัดร่างหันกลับไปตามทาง
“จริงอยู่ความงามของนาง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” แม่ชีดำเอ่ยยิ้มๆ
“แต่น่าเสียดายที่ต้องบอกท่าน...เวลานี้ท่านสิตาราน่ะไม่ได้อยู่ที่นี่ให้ท่าน‘เห็น’เสียแล้ว”
บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ
“นางจากไปพร้อมกับผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง รวมทั้งคนสนิทของท่านชื่อพรต...
พากันไปจากเกาะเมื่อไม่นานนี้เอง”
ชามัลขมวดคิ้ว นิ่งไปเป็นครู่ รู้สึกว่าไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน
นี่มันไม่ใช่อย่างที่คิด... อีกอย่าง คนอย่างพรตมีอะไรก็จะต้องบอกเขาก่อนทุกเรื่อง
ยิ่งทางนี้มีโมรารัตติกาลอยู่ การจะหาทางส่งข่าวถึงเขา อย่างน้อยก็เป็นกระแสความรู้สึก
ที่ส่งออกไปย่อมไม่ยากเย็น แม้ที่ผ่านมาตัวสิตาราจะประท้วงด้วยการแทบจะตัดการสื่อสาร
ทางความรู้สึกกับเขา แต่พรตนี่แหละ ที่ชามัลเชื่อว่าจะไม่มีทางแปรเป็นอื่นไป
แล้วที่อุตส่าห์จินตนาการภาพเธอรอให้เขากลับมา ถึงจะมีเชิดใส่บ้างนิดหน่อย
แต่สุดท้ายก็คงแอบดีใจเมื่อเห็นเขา มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
อีกฝ่ายไม่ได้รอเขาอยู่บนเกาะบ้านี่แล้วด้วยซ้ำ
“ไปไหน” ชามัลแค่นเสียงถามทั้งรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ออกจะน่ากลัวเอามากๆ
“ท่านโปรดใจเย็นและฟังก่อน คำพูดของข้าอาจทำให้ตกใจ อันที่จริงนางก็แค่อยากไปเที่ยว
และห้ามคนของท่านไม่ให้ส่งข่าวในคราวนี้ เพราะถ้าบอกเกรงจะไม่ได้ไป ท่านชามัลคงหาทาง
ขัดขวางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“ดูเหมือนว่าคนของข้าจะไม่เหลือความเป็นคนของข้าเสียแล้ว ช่างน่าผิดหวัง
แต่นั่นคงเป็นเรื่องดีของพวกเจ้า เอาเถอะ ข้าจะจัดการทีหลัง ว่าแต่เด็กข้าไปไหน
ข้าต้องการรู้เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ให้ไปงมหาเอาเอง!” ชามัลเริ่มอดรนทนไม่ได้
การตามหาสิตาราคงไม่ยากสำหรับผู้ที่เชื่อมโยงกับโมราอย่างเขา
แต่ตอนนี้เขาต้องการฟังความจริงจากปากแม่ชีดำ
“ไปตามคำเชิญของจ้าวราศีตุลย์ ตุลาการเชิญนางไปเที่ยวพักผ่อนยังศาลาวิกาล
ออกเดินทางกันไปเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่มีกำหนดกลับ”
“ทั้งที่ใกล้จะอายุสิบเก้าอยู่เดือนหน้านี่แล้ว ข้าเคยคิดว่าเจ้าจะเข้มงวดกว่านี้”
“ข้าเชื่อว่าท่านสิตารารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร” แม่ชีดำกล่าวสำรวม แต่ในขณะที่นางก้มศีรษะลง
ผมเปียหางแมงป่องแข็งชี้นั้นกลับทำให้รู้สึกว่าไม่ได้นอบน้อมอันใดเลย
ชามัลถอนใจแรง เพราะเขาเองไม่เฝ้าเหยื่อให้ดี จะโทษใคร “เอาเถอะ...ข้าจะไปตามเด็กนั่นด้วยตัวเอง”
เขตพระนครยามค่ำคืน เคหสถานโอ่อ่าถูกซุกซ่อนไว้ในแหล่งอาคารร้านตลาด
ตัวตึกทึบช่วยปิดบังแสงสีจากการมองเห็นของผู้คนภายนอกจนสิ้น
แต่เสียงที่ดังออกมาก็เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ดำเนินไปภายในนั้นได้ดี
ทั้งจากการเข้าออกของผู้คน พวกชาวบ้านจึงรู้อยู่เสมอ
ที่อาศัยคหบดีนี้เป็นแหล่งสังสรรค์ของข้าราชการและพวกคนรวย
ทว่าในสายตาชามัล บรรยากาศอึมครึมหอมเอียนด้วยกลิ่นดอกราตรีฉุนจัด
ชวนให้คิดไปว่าที่อาศัยกว้างขวางแบ่งเป็นซอกเล็กห้องน้อยนี่คือซ่องชั้นสูง
แห่งนครโสเภณีเสียละมากกว่า
ศาลาวิกาล ที่พักพิงของคนเหงายามค่ำคืน
แต่มันก็ไม่ได้เปิดออกต้อนรับทุกคน ชามัลก้าวเข้าไปที่นั่นด้วยวิธีที่ไม่ปกติ
แต่เมื่อผ่านเข้าไปแล้ว เขาพยายามทำตัวเป็นปกติ เพียงใช้พลังปิดตาอำพรางอำนาจของตนไว้
ไม่ให้คนที่นี่รู้ถึงการมา ผนังตึกสูงแคบภายในฉาบทาด้วยสีหมากสุก มีทั้งสวนสวยถูกโอบไว้ใน
วงล้อมของตึกและสวนใหญ่อยู่ด้านหลัง สายตาของผู้มาเยือนสอดส่ายไปพบ ทว่าชามัล
สนใจภายในอาคารมากกว่า
แต่ละซุ้มโค้งแต่ละระเบียงที่ก้าวผ่านชวนให้นึกไปว่าอยู่ในเมืองแถบสเปน
ถ้าไม่ติดงานนากลงยาสลักเสลาลายไทยประณีตแต่งเชิงคานและเสา และถ้าทำนองดนตรี
ครวญคลอแผ่วไหวอยู่ในบรรยากาศจะไม่ใช่เพลงไทยเดิมอันแว่วระบายเสียงเบาแสนเบา
มาจากช่องห้องหับ มันคงจะถูกเปิดจาก‘แผ่นครั่ง’แผ่นเสียงแบบเก่าซึ่งก่อเกิดอารมณ์สุนทรีย์
สถานที่แบบนี้วาเลนติโน่คงชอบ แต่สหายของเขาไม่คบค้ากับพวกตุลาการ
คำที่อีกฝ่ายนิยามหยามเหยียดออกมาชามัลยังจำติดหู
‘ใช้ชื่อว่าตุลาการทั้งที่ความเที่ยงธรรมต่ำเตี้ยที่สุด มันทำให้ข้าสับสนแยกสีไม่ออก
คนอย่างข้าเป็นพวกนิยมความสุดขั้ว ชอบกลิ่นเลือดที่ซ่อนในราตรีดำมืด
หรือบางทีก็อาจจะซึ้งในรสพระธรรมแห่งแสงขาวก็ได้ แต่ไม่เคยพิสมัย
ปลักตมเทาๆขุ่นๆที่ซ่อนใต้น้ำครำ เนื้อแท้แล้วมันมีสีอะไรปะปนอยู่บ้างก็ไม่รู้ได้เลย’
ผู้คนในชุดงามสมสมัยรัชกาลที่ ๗ กรายผ่าน ส่วนใหญ่เป็นชายมากกว่าหญิง
ชามัลเองก็ทำตัวให้อยู่ในรูปลักษณ์กลมกลืนไปด้วยชุดกึ่งไทยกึ่งสากล
ใจยังคิดว่าการที่เด็กสาวอย่างสิตาราจะถูกเชิญมาที่นี่มันออกจะดูไม่เหมาะสม
อย่างน้อยควรมีที่พักแยกสัดส่วนออกไป ไม่ใช่อาคารหรูหราแต่มืดหม่นคล้ายแหล่งซ่องสุม
เขารู้ว่าตนเข้าใกล้กลิ่นอายของโมราเม็ดนั้นเต็มที สิตาราไม่ได้ออกมาสังสรรค์กับแขกเหรื่อ
อาจเพราะดึกมากแล้วเธอจึงเก็บตัวอยู่ในห้องแต่ลำพัง
สิตารามากับพรตและนิลละ หนึ่งในแฝดคนคู่ซึ่งปวารณาตัวติดตามเธอ ต่อหน้า
ฝาแฝดอาจดูไม่มีพิษมีภัยจนเกือบจะวางใจได้ แต่ข่าวลับซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จที่ได้ยินมา
หนึ่งในสองฝาแฝดนี่เองอาจเป็นผู้ลงมือฆ่าบิดาจ้าวราศีเมถุนหรือราศีคนคู่รุ่นก่อน
ด้วยเหตุที่บิดาหมายปันใจไปสนับสนุนข้างแสงสว่างอย่างเมห์ฮราฝ่ายศัตรู แม้จะเชื่อว่า
วรรณะที่อยู่กับเขามีความเลวมากกว่านิลละหลายสิบส่วน แต่ชามัลก็ยังไม่ปักใจตัดสินว่า
เรื่องที่ได้ยินมาเป็นฝีมือคนไหน
กับนิลละที่ยังไว้ใจไม่ได้ สิตาราก็เหลือแค่พรตซึ่งไม่ได้มีพลังในการสู้รบปรบมืออะไร
แต่กลับกล้าพาสิตาราออกมาเผชิญโลกกว้างเช่นนี้ภายใต้เงื้อมมือตุลาการที่อาจเป็นศัตรู
เป็นความหละหลวมหรือจงใจของแม่ชีดำที่ปล่อยมา นี่เขายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
กับคนของตนเองที่คราวนี้ไม่ส่งข่าว เรื่องความผิดนั้นคงจะต้องเก็บไว้ก่อน
แต่สำหรับเด็กหนีเที่ยว ชามัลนึกอยากตีเสียให้ก้นลาย ทั้งที่ว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยห้ามเธอสักคำ
ว่าอย่าออกมาจากเกาะ เพราะคาดผิดว่าคนพวกนั้นจะไม่ปล่อย นี่คือการให้เธอได้เปิดหูเปิดตา
เรียนรู้โลกอย่างที่อ้าง หรือแฝงจุดประสงค์อื่นใด...
ที่เที่ยวเหมาะๆของเด็กผู้หญิงสักคนคงไม่ใช่การมาเยี่ยมเยือนคนอย่างตุลาการแน่
แม้อีกฝ่ายจะเคยช่วยขวางสิงหรานีไว้และเปิดทางสะดวกให้เขาพาสิตาราจากไป
ไม่จำเป็นเลยสักนิด เขาฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้อยู่แล้ว ...ไม่ว่าอย่างไรชามัลก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง
ดุจหินผาของตุลาการ ปักใจเชื่อว่าคนที่มีพลังมหาศาลเช่นนั้นมีหรือจะไม่ต้องการอำนาจไว้เอง
สิตารายังไม่นอน เธอออกมายืนรับลมยังระเบียงห้องซึ่งหันแยกเป็นสัดส่วนจากวงล้อม
ของสถานพักอาศัยซึ่งเป็นบ่อนพนันอยู่กลายๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอออกจากเกาะ
โดยขู่พรตอีกว่าถ้าฟ้องชามัล คราวหน้าคราวหลังจะไม่ให้สัมผัสพลอยเพื่อสื่อสารกับเจ้านาย
ไม่เพียงเท่านั้นยังยกเรื่องร้ายกาจต่างๆมาพูดมากมายจนพรตต้องยอมปิดความลับไว้ทุกที
จากบนตึกซึ่งสูงที่สุดในย่านนี้ สิตารามองออกไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ห่างไปไม่ไกล
ลมพัดผมเป็นคลื่นยาวสยายถึงสะโพกปลิวเล่นลม ทั้งยังช่วยกลบสรรพสำเนียง
ของคนราตรีซึ่งแว่วมาให้ยิน
ค่ำนี้เธอเองยังเพิ่งสนทนาสนุกสนานอยู่ในห้องสมุดกับพี่รตีน้องสาวของตุลาการรดิศ
หญิงสาวแต่งกายทันสมัย ตัดผมบ๊อบสั้นดัดเป็นคลื่นรับรูปหน้าสวยหวาน
ทั้งยังใจเย็นอารมณ์ดีตลอดเวลา
‘เขี้ยวแก้วที่ท่านสิตาราใส่อยู่ได้มาจากไหนหรือคะ ถ้ามองไม่ผิด มันคงเป็นของมีค่ามาก
ประกายสวยจริงๆ’ รตีเป็นรัตติดาราคนเดียวที่เจรจาเป็นภาษาไทยกับสิตารา
‘มีคนให้มาค่ะ’ สิตาราตอบไปพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ
‘ขอฉันดูชัดๆได้หรือเปล่าคะ’
‘คงต้องให้ดูทั้งอย่างนี้ค่ะพี่รตี เพราะฉันไม่สะดวกที่จะถอดมัน’
แต่ก่อนนั้นแม้ปราการเกาะเงาจะแน่นหนา ทว่าครั้งหนึ่งเคยมีกลุ่มคนเร้นลับสามสี่คน
บุกเข้าถึงตัว มันทำอะไรสิตาราไม่ได้เพราะเขี้ยวแก้วนี้เองที่ทำให้แทงฟันไม่เข้า
ซ้ำร้ายเมื่อพวกมันหมายจะแตะต้องยื้อแย่งก็พบว่าตัวเธอเหมือนมีพิษร้ายอาบอยู่
ได้แต่ร้องโอดโอยทุรนทุรายล่าถอยออกไป
สร้อยเส้นนี้ ของที่คนคนนั้นเหลือเศษความเมตตาไว้ให้ แล้วมันก็ช่วยเธอได้จริงๆ
...ในความมืดลำพัง สิตารากลับคิดถึงเขาขึ้นมาอีก ผู้ชายร้ายกาจที่ไม่เคยคิดถึงใคร
คนที่ทิ้งเธอไป นี่เธอไม่ได้อกหักจากเขาใช่หรือเปล่า
“ป่านนี้จะไปตกส้วมตายที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” คำสบถติดปากได้มาตั้งแต่หัดต่อว่ามิตร
เวลาเขาชอบเข้าไปโงกหลับอยู่ในห้องน้ำยามปลดทุกข์ แล้วก็จำติดปากมาใช้ว่าคนอื่นด้วย
...ไม่เพียงแค่เรื่องนี้ เธอมันพวกไม่ลืมอดีต ไม่เคยลืม ตอนนี้ก็เลยต้องมานั่งจำเรื่องใครอีกคนที่ไม่อยากจำ
เสมือนว่าชามัลเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่ใจโหยหา เป็นตัวเชื่อมรวมเอาความทรงจำในอดีต
และปัจจุบันของสิตาราเข้าด้วยกัน “พาเรามาติดแหง่กอยู่นี่คนเดียว ตัวเองหนีไปทำอะไรก็ไม่รู้ งูบ้า!”
ถ้าเป็นมิตรที่พาเธอกลับมา ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ เธออยากจะเกลียดๆๆ เกลียดชามัลให้มากขึ้นไปอีก
คนถูกด่าซึ่งอำพรางพลังของตนจากการรับรู้ของอีกฝ่ายยิ้มขำ ตาเป็นประกายวาววามจากในความมืด
งูบ้านั่น ตอนนี้ก็อยู่ข้างหลังเธอนี่แล้วไง
-------------
คนอ่านหายไปหมดแล้วหรือวันหยุด แงงงงงงงง ถ้ายังอยู่ขอเสียงบ้างสิคะ
เหงาๆๆ
ป.ล. ตอนต่อไปมาวันจันทร์
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ธ.ค. 2556, 02:24:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ธ.ค. 2556, 02:24:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 1497
<< บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว... | บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ >> |
อสิตา 27 ธ.ค. 2556, 02:25:40 น.
คุณเกดซ่าร่าเริง – ในที่สุดทั้งสองก็ยังไม่เจอกัน ยังไม่ได้มองหน้า นี่เรียกว่ายังไม่เจอนะ หุหุ เจอแล้วจะเป็นไงน้า
ในลมหนาวมีแต่เกดซ่าที่อยู่เคียงข้างเรา ซับน้ำตา... เลิฟยูๆๆ วันนี้มาก่อนนอนเพื่อที่เกดซ่าจะได้ไม่ต้องรอนะ
คุณหนอนด้น – แหมใครจะรอดใครจะตายล่ะ ชามัลเป็นพระเอกไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญฮีตายไปแล้วจนขนาดนี้
คงไม่ตายอีก แหมๆๆ หนอนจังดูถูกชาจัง ตอนนี้ก็มาด้อมมองสาวอยู่ไม่ไกล แต่ยังรีรอที่จะเข้าไปสะกิด
ยังไงซะก็ลูกไก่ในกำมือใช่ไหมชาจัง
คุณยิ้มยิ้ม – เฮ้ หนาวหนาวนี้ ร.ร.ยังเปิดแอร์ใส่เด็กอีกเหรอ ทำไมไม่อนุรักษ์ทรัพยากรเลย บอกครูได้ไหม
ยินดีด้วยที่สอบเสร็จแล้ว แต่ถ้าตั้งใจเรียนมาตลอดการสอบก็ถือเป็นช่วงเวลาที่สนุกนะ55
คุณโกลเด้นซัน – หยุดยาวไปเที่ยวไหนไหมคะ ขอให้มีความสุขในช่วงปีใหม่และตลอดไปทั้งปีและชั่วกาลนาน
จะอวยพรครอบจักรวาลไปไหนกันนี่เรา ตอนนี้คนเขียนก็พักหาอะไรอ่านเหมือนกันค่ะ จะได้พัฒนาตัวเอง
เดี๋ยวรอดูว่าชามัลจะได้เจอมัชฌิม์ตอนไหนกันน้า
คุณดวงมาลย์ – โผล่มาฉีกยิ้มให้กำลังใจน้องในสภาพร่อแร่ น่ารักเป็นที่สุด สู้เค้านะเจ้
คุณก้อนหิน – เสือน้อยก็อาจเป็นพระเอกได้เหมือนกัน เวลาเขียนเรื่องที่มีตัวเอกหลายตัว
ใจจริงคนเขียนไม่ค่อยอยากคิดว่าตัวไหนมีตำแหน่งอะไรในเรื่อง คิดแต่ว่าเราอยากเล่าเรื่อง
ของคนเหล่านี้อย่างไร ยิ่งถ้าเรื่องไหนมีหลายคู่ด้วยแล้ว... อย่างเช่นเรื่องนี้เป็นต้นค่ะ หุหุ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – สนามหญ้าที่บ้านชุ่มเลยเหรอคะ *.* คอจะแห้งเอานะ...
มีคนบอกว่าคนเขียนนิสัยคล้ายๆสิงหรานีเหมือนกันค่ะ 55ส่วนเรื่องชามัลเป็นผู้ร้าย
น่าจะตอบคล้ายๆกับที่เพิ่งตอบคุณก้อนหินไป เวลาเขียนมักไม่มีตำแหน่งให้ตัวละคร
คิดไว้ก่อนว่าตัวนี้ นิสัยแบบนี้ ในความเป็นจริงเขาจะเลือกทำอย่างไหน
แล้วทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างที่เราอยากเล่า อะไรประมาณนั้น...
คนเลวก็มีความรักได้นะคะ แต่ความรักนั้นจะทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้สักแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจ
ขอบคุณนะคะที่ยังอยู่เป็นเพื่อนกันแม้ในช่วงหยุดยาว
คุณเกดซ่าร่าเริง – ในที่สุดทั้งสองก็ยังไม่เจอกัน ยังไม่ได้มองหน้า นี่เรียกว่ายังไม่เจอนะ หุหุ เจอแล้วจะเป็นไงน้า
ในลมหนาวมีแต่เกดซ่าที่อยู่เคียงข้างเรา ซับน้ำตา... เลิฟยูๆๆ วันนี้มาก่อนนอนเพื่อที่เกดซ่าจะได้ไม่ต้องรอนะ
คุณหนอนด้น – แหมใครจะรอดใครจะตายล่ะ ชามัลเป็นพระเอกไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญฮีตายไปแล้วจนขนาดนี้
คงไม่ตายอีก แหมๆๆ หนอนจังดูถูกชาจัง ตอนนี้ก็มาด้อมมองสาวอยู่ไม่ไกล แต่ยังรีรอที่จะเข้าไปสะกิด
ยังไงซะก็ลูกไก่ในกำมือใช่ไหมชาจัง
คุณยิ้มยิ้ม – เฮ้ หนาวหนาวนี้ ร.ร.ยังเปิดแอร์ใส่เด็กอีกเหรอ ทำไมไม่อนุรักษ์ทรัพยากรเลย บอกครูได้ไหม
ยินดีด้วยที่สอบเสร็จแล้ว แต่ถ้าตั้งใจเรียนมาตลอดการสอบก็ถือเป็นช่วงเวลาที่สนุกนะ55
คุณโกลเด้นซัน – หยุดยาวไปเที่ยวไหนไหมคะ ขอให้มีความสุขในช่วงปีใหม่และตลอดไปทั้งปีและชั่วกาลนาน
จะอวยพรครอบจักรวาลไปไหนกันนี่เรา ตอนนี้คนเขียนก็พักหาอะไรอ่านเหมือนกันค่ะ จะได้พัฒนาตัวเอง
เดี๋ยวรอดูว่าชามัลจะได้เจอมัชฌิม์ตอนไหนกันน้า
คุณดวงมาลย์ – โผล่มาฉีกยิ้มให้กำลังใจน้องในสภาพร่อแร่ น่ารักเป็นที่สุด สู้เค้านะเจ้
คุณก้อนหิน – เสือน้อยก็อาจเป็นพระเอกได้เหมือนกัน เวลาเขียนเรื่องที่มีตัวเอกหลายตัว
ใจจริงคนเขียนไม่ค่อยอยากคิดว่าตัวไหนมีตำแหน่งอะไรในเรื่อง คิดแต่ว่าเราอยากเล่าเรื่อง
ของคนเหล่านี้อย่างไร ยิ่งถ้าเรื่องไหนมีหลายคู่ด้วยแล้ว... อย่างเช่นเรื่องนี้เป็นต้นค่ะ หุหุ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – สนามหญ้าที่บ้านชุ่มเลยเหรอคะ *.* คอจะแห้งเอานะ...
มีคนบอกว่าคนเขียนนิสัยคล้ายๆสิงหรานีเหมือนกันค่ะ 55ส่วนเรื่องชามัลเป็นผู้ร้าย
น่าจะตอบคล้ายๆกับที่เพิ่งตอบคุณก้อนหินไป เวลาเขียนมักไม่มีตำแหน่งให้ตัวละคร
คิดไว้ก่อนว่าตัวนี้ นิสัยแบบนี้ ในความเป็นจริงเขาจะเลือกทำอย่างไหน
แล้วทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างที่เราอยากเล่า อะไรประมาณนั้น...
คนเลวก็มีความรักได้นะคะ แต่ความรักนั้นจะทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้สักแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจ
ขอบคุณนะคะที่ยังอยู่เป็นเพื่อนกันแม้ในช่วงหยุดยาว
ketza 27 ธ.ค. 2556, 06:12:34 น.
เกดซ่าท้าลมหนาวมาแว้วว....คุ้นๆแฮะคำนี้ 555....
เกดซ่าท้าลมหนาวมาแว้วว....คุ้นๆแฮะคำนี้ 555....
ketza 27 ธ.ค. 2556, 06:26:12 น.
โอ๊ยๆๆๆ ทิ้งค้างไว้แบบนี้ได้ไง... ค้างๆๆๆ ... แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้วันจันทร์แว้ววว โฮ๊ะๆๆๆๆ
.... แหมๆๆๆ นู๋สิโตเป็นสาวแล้ว ตอนหน้ามีเฮ กิ๊วๆๆ >////<
.... ท่านพี่ฝันหวานเชียวนะว่าจะมีคนมารอ... เหอๆๆ มัวแต่ไม่ตกส้วมที่ไหนมา นู๋สิหนีไปเที่ยวแบ้ววว >_< รักนะจุ๊บๆ....
โอ๊ยๆๆๆ ทิ้งค้างไว้แบบนี้ได้ไง... ค้างๆๆๆ ... แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้วันจันทร์แว้ววว โฮ๊ะๆๆๆๆ
.... แหมๆๆๆ นู๋สิโตเป็นสาวแล้ว ตอนหน้ามีเฮ กิ๊วๆๆ >////<
.... ท่านพี่ฝันหวานเชียวนะว่าจะมีคนมารอ... เหอๆๆ มัวแต่ไม่ตกส้วมที่ไหนมา นู๋สิหนีไปเที่ยวแบ้ววว >_< รักนะจุ๊บๆ....
yimyum 27 ธ.ค. 2556, 06:55:43 น.
ส่งเสียงค่า วื้ด วิ้ว...
เย้สอบเสร็จแล้ว ฉลองปีใหม่ ที่โรงเรียน กีฬาสี เย้ๆๆ!!!!
ปล. ทำไมลงจบตอนแบบให้ลุ้นค้างอีกแล้ว
ส่งเสียงค่า วื้ด วิ้ว...
เย้สอบเสร็จแล้ว ฉลองปีใหม่ ที่โรงเรียน กีฬาสี เย้ๆๆ!!!!
ปล. ทำไมลงจบตอนแบบให้ลุ้นค้างอีกแล้ว
lovemuay 27 ธ.ค. 2556, 07:07:43 น.
อีตาชามัลทำเป็นพูดอย่างงู้อย่างงี้ ที่จริงก็คิดจะกินเด็กนั่นแหละค่ะ
อีตาชามัลทำเป็นพูดอย่างงู้อย่างงี้ ที่จริงก็คิดจะกินเด็กนั่นแหละค่ะ
บุลินทร 27 ธ.ค. 2556, 11:09:44 น.
ทำไมหม่องยีไม่ออกล่ะ แสยะ
ทำไมหม่องยีไม่ออกล่ะ แสยะ
นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ธ.ค. 2556, 13:43:19 น.
ที่ผ่่านมา ตาเมาคงห่างไกลจากหญิงที่รักสินะ ถึงได้โหดเหี้ยม โหดร้าย ฆ่าคนแบบนี้ ถ้าอยากเป็นพระเอกก็มาอยู่ใกล้ๆ หนูสิเซ่ ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง จอมอันธพาลอยู่ได้
ที่ผ่่านมา ตาเมาคงห่างไกลจากหญิงที่รักสินะ ถึงได้โหดเหี้ยม โหดร้าย ฆ่าคนแบบนี้ ถ้าอยากเป็นพระเอกก็มาอยู่ใกล้ๆ หนูสิเซ่ ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง จอมอันธพาลอยู่ได้
ริญจน์ธร 27 ธ.ค. 2556, 20:19:14 น.
อ้าว เมื่อวันพุธลืมเข้ามาส่อง น้องมูนตามอ่านมาทีหลังนะ
อ้าว เมื่อวันพุธลืมเข้ามาส่อง น้องมูนตามอ่านมาทีหลังนะ
ดังปัณณ์ 27 ธ.ค. 2556, 20:28:14 น.
ง่ะ! ชาจังนี่ กะรวบหัวรวบหางเลยใช่มะ คุณแป้งงงงงงงงงงงงงงง 5555+
ง่ะ! ชาจังนี่ กะรวบหัวรวบหางเลยใช่มะ คุณแป้งงงงงงงงงงงงงงง 5555+
konhin 27 ธ.ค. 2556, 21:48:50 น.
เฮ้อ สิตา ทำไมต้องรักอีตาชามัลด้วยไม่เข้าใจ ทำใจไม่ได้ๆๆๆๆ
เฮ้อ สิตา ทำไมต้องรักอีตาชามัลด้วยไม่เข้าใจ ทำใจไม่ได้ๆๆๆๆ
Chii 27 ธ.ค. 2556, 22:42:29 น.
....โถ... สิต้าาาาาาา ไม่น่าเลยยยยยยยยยยยยยย
//หรือผู้หญิงชอบคนเลววววว
มันเป็นเรื่องของแรงดึงดูดและความผูกพันสินะ
//คนอ่านไม่เข้าใจ
//หาน้ำร้อนราดรอบตัวสิต้า กำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ที่เรียกว่ามานนี่
....โถ... สิต้าาาาาาา ไม่น่าเลยยยยยยยยยยยยยย
//หรือผู้หญิงชอบคนเลววววว
มันเป็นเรื่องของแรงดึงดูดและความผูกพันสินะ
//คนอ่านไม่เข้าใจ
//หาน้ำร้อนราดรอบตัวสิต้า กำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ที่เรียกว่ามานนี่
ดวงมาลย์ 28 ธ.ค. 2556, 18:23:39 น.
สู้ๆๆๆๆๆๆ ส่งงานเมื่อไหร่ไปฉลองกันน้าาาาาาาาา
สู้ๆๆๆๆๆๆ ส่งงานเมื่อไหร่ไปฉลองกันน้าาาาาาาาา
Zephyr 28 ธ.ค. 2556, 21:05:42 น.
เหยยยยยย สิต้าโตแล้วววว สวยด้วยยยย
ฮ่าๆๆๆๆ มารี่ต้องตะลึงแน่ๆๆๆ ชิชะ ทิ้งไปตั้งเกือบหกปี ชดเชยซะ
มีวางแผนจะแต่งงานล่วงหน้า อัยยะ นายคิดจะมีคู่ด้วยรึ
ไส้เดือนตาแดง มาแล้วก็หลบๆซ่อนๆอยู่ได จะเซอร์ไพร์สรึจะปอดแหกกันแน่อ่ะ
สมน้ำหน้าไม่มีคนรอ สมน้ำหน้า สมๆๆๆๆๆๆ
เหยยยยยย สิต้าโตแล้วววว สวยด้วยยยย
ฮ่าๆๆๆๆ มารี่ต้องตะลึงแน่ๆๆๆ ชิชะ ทิ้งไปตั้งเกือบหกปี ชดเชยซะ
มีวางแผนจะแต่งงานล่วงหน้า อัยยะ นายคิดจะมีคู่ด้วยรึ
ไส้เดือนตาแดง มาแล้วก็หลบๆซ่อนๆอยู่ได จะเซอร์ไพร์สรึจะปอดแหกกันแน่อ่ะ
สมน้ำหน้าไม่มีคนรอ สมน้ำหน้า สมๆๆๆๆๆๆ
goldensun 29 ธ.ค. 2556, 10:01:42 น.
ทำแบบนี้ ใช้ได้เลย สิตารา จะให้ชามัลจอมโหด เห็นเป็นของตายได้ไง
ฆ่าพชรมุนีซะโหดเชียว เจอกันเต็มๆ น่าลุ้นสิตาราจะมีท่าทางยังไง
ทำแบบนี้ ใช้ได้เลย สิตารา จะให้ชามัลจอมโหด เห็นเป็นของตายได้ไง
ฆ่าพชรมุนีซะโหดเชียว เจอกันเต็มๆ น่าลุ้นสิตาราจะมีท่าทางยังไง