โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ

สร้อยเส้นนี้ ของที่คนคนนั้นเหลือเศษความเมตตาไว้ให้ แล้วมันก็ช่วยเธอได้จริงๆ
...ในความมืดลำพัง สิตารากลับคิดถึงเขาขึ้นมาอีก ผู้ชายร้ายกาจที่ไม่เคยคิดถึงใคร
คนที่ทิ้งเธอไป นี่เธอไม่ได้อกหักจากเขาใช่หรือเปล่า

“ป่านนี้จะไปตกส้วมตายที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” คำสบถติดปากได้มาตั้งแต่หัดต่อว่ามิตร
เวลาเขาชอบเข้าไปโงกหลับอยู่ในห้องน้ำยามปลดทุกข์ แล้วก็จำติดปากมาใช้ว่าคนอื่นด้วย
...ไม่เพียงแค่เรื่องนี้ เธอมันพวกไม่ลืมอดีต ไม่เคยลืม ตอนนี้ก็เลยต้องมานั่งจำเรื่องใครอีกคนที่ไม่อยากจำ
เสมือนว่าชามัลเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่ใจโหยหา เป็นตัวเชื่อมรวมเอาความทรงจำในอดีต
และปัจจุบันของสิตาราเข้าด้วยกัน “พาเรามาติดแหง่กอยู่นี่คนเดียว ตัวเองหนีไปทำอะไรก็ไม่รู้ งูบ้า!”
ถ้าเป็นมิตรที่พาเธอกลับมา ทุกอย่างต้องดีกว่านี้แน่ เธออยากจะเกลียดๆๆ เกลียดชามัลให้มากขึ้นไปอีก

คนถูกด่าซึ่งอำพรางพลังของตนจากการรับรู้ของอีกฝ่ายยิ้มขำ ตาเป็นประกายวาววามจากในความมืด
งูบ้านั่น ตอนนี้ก็อยู่ข้างหลังเธอนี่แล้วไง


เมื่อพ้นจากกลุ่มผู้คนมา เขาก็เปลี่ยนตัวเองให้อยู่ในชุดดำสนิทแบบที่ชอบ ไม่ใช่ชุดเกล็ดอย่างยามต่อสู้
แต่เป็นผ้าและหนังที่รัดกุมพอตัว ช่วงบนของเสื้อกระชับลำตัว แหวกอก ทิ้งชายเสื้อบานยาวเหนือเข่า
พัดพลิ้วไปกับลม

ที่ระเบียงไม่มีแสงไฟ มีแต่แสงดาวพริบพราวฉายลงมาอาบไล้ทุกอย่างให้ตกอยู่ใต้เงาสีเงินสลัว
ชุดนอนขาวสกาวส่งให้เห็นผมยาวเป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลยามราตรีชัดยิ่งขึ้น ตอนจากกันไป
ผมเธอยังไม่ยาวสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ยาวถึงสะโพกแล้ว และจากเดิมที่เป็นเด็กตัวเตี้ยเกินวัย
ตอนนี้สิตาราก็ยังตัวเล็กอยู่ดี คงจะสูงไม่เกินร้อยหกสิบไปได้

ผู้มาเยือนคลายพลังพรางตัวลงอีกหน่อย หายใจแรงขึ้นอีกนิด ยอมให้เสี้ยวความรู้สึกส่งไป
กระทบใจเธอให้หันมา

ทันใด สิตาราขนลุกยะเยือก เป็นความก้ำกึ่งระหว่างร้อนและหนาว
เลือดในกายดูเหมือนจะฉีดแรงขึ้นอีก ที่ข้างหลัง...อะไรบางอย่าง ใครบางคน!
เธอหันขวับไป ตาเบิ้งค้างอย่างลืมตัว

“สวัสดียามดึก” คนพูดมองใบหน้าเล็กที่เคยคุ้น แก้มระเรื่อเป็นสีเหมือนกำลังเขินอายน้อยๆอยู่ตลอด
ทั้งที่ผิวสิตาราก็ไม่ได้ขาวมาก ออกจะปนๆสองสี ส่วนอื่นของใบหน้าเธอดูอ่อนใสจิ้มลิ้ม ยกเว้นจุดเด่น
ตรงดวงตาสวยจัด เหมือนที่สตรีแห่งทะเลสาบไร้เงาว่าไว้

ตาทั้งโตทั้งเรียวสวย เปล่งประกายเหมือนแสงดาวสะกดชามัลให้ดิ่งลึกลง รู้สึกถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้ง
แต่เขาก็เห็นความไม่เป็นมิตรและความโกรธระคนอยู่ในความตกตะลึงของเธอ วูบหนึ่งชามัลเกือบจะ
รู้สึกผิดที่เคยทิ้งเด็กคนนี้ไป
แต่เขาก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี ก้าวอย่างมั่นใจเข้าไปจนชิดระเบียงที่เธอหันหลังชนอยู่
สายตาไล่เลยไปยังอกซึ่งดูจะไม่เป็นสาวเอาเสียเลย เปล่าหรอก...เขาไม่ได้คิดอะไร นอกไปเสียจาก
มองสำรวจสร้อยหนังที่ร้อยโมรารัตติกาลกับอีกเส้นซึ่งแขวนเขี้ยวแก้วนาคาอันเท่านิ้วก้อยวาววับ
มันยังอยู่ดีทั้งคู่ชามัลก็เบาใจ อย่างน้อยเด็กนี่ก็ไม่หยิ่งอย่างโง่ๆจนถอดเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ปาทิ้ง

บรรยากาศเงียบยิ่งกว่าเงียบดูคล้ายจะก่อเกิด เป็นความสงัดทางจิต
แม้ตอนนี้ลมจะพัดแรงแต่หูของสิตาราคงดับไปแล้ว เธอไม่ได้ยินอะไร
เห็นเพียงดวงตาสีน้ำตาลทองซึ่งเป็นสีตาแท้ๆของเขา
ยามไม่มีกระแสเรื่อเรืองของปราณโลหิตอันเป็นผลจากโมราที่สิงสู่มาเจือปน
แววตานั้นทั้งระยิบระยับล้อเลียนและปลอบโยนอยู่ในที หึ ปลอบโยนงั้นหรือ…
คนที่ทิ้งเธอไว้เผชิญทุกอย่างโดยลำพังในโลกอ้างว้างที่ไม่รู้ว่าจะต้องเจอสิ่งใด
ยังมีหน้ามาปลอบโยนเธอด้วยสายตาอาทรอย่างนี้หรือ!
เธอผิดเองที่เคยคาดหวังกับคนอย่างเขา คิดว่าเขาจะกลับมาเยี่ยมบ้างสักครั้ง
ทั้งรู้อยู่แล้วว่าชามัลไม่มีหัวใจ

ความโกรธเกรี้ยวที่สิตาราหนีออกมานอกเกาะมลายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้
ชามัลเพิ่งรู้ตัวก็ต่อเมื่อได้ยินคำพูดตัวเองหลุดจากปาก
“จะไม่เอ่ยทักทายหน่อยหรือ...คนคุ้นเคยกลับมาเจอหน้าทั้งที”
เสียงที่ถามออกไปดูจะต่ำพร่าผิดประหลาด อาจเพราะดวงดาวในดวงตาที่น่าฉงน
ดูดกลืนสุ้มเสียงของเขาให้หายไป สิตาราสวยขึ้นผิดตา แต่ดูยังไงก็ยังเด็กมากนัก

“นึกแล้วว่าต้องกลับมา” สิตาราตอบเสียงสะบัดเย็นชา ทั้งที่ใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ
“ใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเมล็ดที่หว่านไว้แล้วนี่นะ”

“นั่นน่ะสิ น่าเสียดายที่พืชต้นนี้ดูเหมือนจะโตมาแคระแกร็นไปนิด” ชามัลหัวเราะ
“สงสัยจะได้น้ำได้ปุ๋ยไม่ค่อยดี”

สิตาราสั่นไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือตื้นตันใจ คนที่เธอแอบคิดถึงมาตลอด
เวลานี้เขามาแล้ว กลับมาอยู่ต่อหน้าเธอแล้วจริงๆ ...เจ้าของร่างเล็กไม่มีเวลาได้คิดต่อ
เมื่อชามัลใช้แขนแข็งแกร่งตวัดเธอไปกอดรัดไว้ ศีรษะของเธออยู่พอดีอกเจ้าของร่างสูงเท่านั้นเอง
เหมือนผู้ใหญ่กำลังกอดเด็ก แต่เมื่อเขาก้มลงมาหอมที่ขมับแรงๆเธอก็ตะลึงค้างไปทั้งตัว ตั้งแต่
โตเป็นสาวมาทุกคนเทิดทูนแต่เหินห่าง ไม่เคยมีใครกอดรัดสนิทชิดเชื้อแบบนี้สักคน อย่าว่าแต่
เพศตรงข้ามเลย
“คิดถึงเธอจังสิตารา” อสรพิษหนุ่มเตรียมโอบล้อมเหยื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
ไม่ว่าเธอจะพร้อมหรือไม่พร้อม จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม “กลับไปกับฉันนะ
มีเรื่องดีๆรออยู่ที่เกาะเยอะแยะเลย”

คนในอ้อมแขนทั้งดิ้นรน หยิก ใช้มือจิกทึ้งดึงข่วนคนที่เข้าถึงตัวเธอเป็นพัลวัน ที่สำคัญ
ชามัลแทบจุก เมื่อจู่ๆสิตาราก็ตีเข่าสุดแรงตรงเป้าหมายสำคัญที่เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะลงมือ!

“เจ็บ---!”
ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษถึงกับเข่าอ่อน หน้าเขียวหน้าเหลืองไปเป็นวูบใหญ่
เร่งรวบรวมพลังกำราบให้เธอสงบ ใครก็ทำร้ายเขาอย่างนี้ไม่ได้ นอกจากเจ้าของโมราซึ่งถือเป็นเจ้าชีวิต
แต่ในเมื่อพลังนั่นยังถูกเก็บงำเอาไว้ หากเขาสำรวมสมาธิดีๆก็จัดการกับเธอได้ไม่ยากเย็น
“เด็กยุ่ง อยู่นิ่งๆน่ะ!”

สาวน้อยฮึดฮัดอยู่ในอ้อมแขนคนตัวใหญ่ กัดปาก น้ำตาคลอ ไม่ใช่เพราะเศร้าหรือเสียใจ
มันคือการต่อต้าน หลากอารมณ์กำลังตีกันวุ่นอยู่ในใจ...เธอคิดถึงเขามากก็จริง แต่จะยอมให้
คนแบบนี้รู้ไม่ได้แน่ๆ อันที่จริงสิตาราหมายจะส่งเสียงร้องกรี๊ดๆออกมาให้สุด เพื่อให้พรต
หรือไม่ก็นิลละแล่นเข้ามา! ทว่าสุ้มเสียงกลับถูกกดไว้ ถึงแม้เป็นอย่างนั้น ชามัลก็ไม่ได้จำกัด
การเคลื่อนไหวของเธอลงสนิทนัก

“ชู่ว... จะยอมให้พูดก็ได้ แต่ช่วยลดเสียงให้เบาหน่อยแล้วกัน”

“คน...ทุเรศ” เสียงผรุสวาทจากปากหยักสวยสีชมพูอ่อนใสดังเท่ากระซิบ “จะไปตายที่ไหนก็ไป”

ชามัลหัวเราะดัง แต่เสียงของเขาก็แว่วหายไปกับลม “ฉันตายนานแล้ว เพิ่งเกิดใหม่เมื่อหกปีก่อน
ตอนนี้ก็แค่หกขวบ เด็กน้อยจะทำอะไรไม่ดี ผิดๆถูกๆไปบ้างก็อย่าถือสานักเลย โอ๊ย หยุด! เจ็บ---”
อีกแล้ว...สิตาราถองทำร้ายเขา ข่วนให้เจ็บๆคันๆได้เหนือมนุษย์หน้าไหน ก็เธอเป็นเจ้านายนี่นะ
เขามันทาสรับใช้โมรา แต่เขานี่แหละคือคนที่อยู่เหนือกว่าและจะคอยบงการทุกอย่าง คิดดังนั้นแล้ว
ชามัลก็ใช้กำลังกอดคนในอกแน่นจนตัวแทบติดเป็นเนื้อเดียวกัน “อย่าพยายามเลยสิตารา ตอนนี้ฉัน
ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น อย่าดื้อกับฉัน เป้าหมายของเราสองคนคือเกาะเงา”

สิตาราแทบจะร้องอี๊ดๆเหมือนลูกหมูอยู่กับอกจนชามัลต้องผ่อนแรงกดลงหน่อย
พอให้เธอค่อยได้หายใจหายคอ

“แต่ว่าอีกตั้งยี่สิบวันกว่าจะถึงคืนแรม เธอต้องบอกไอ้ตุลาการนั่นว่าจะกลับไปให้ทันทางสู่เกาะเงา
เปิดเดือนหน้า แล้วพอเราไปถึง อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของเธอ ถึงตอนนั้นฉันมีเรื่องจะเซอไพรส์
ยิ่งกว่าการที่เธอจะได้รับอำนาจราศีที่สิบสามซะอีก”

“ไม่อยากรู้ ไม่ต้องการ” สิตาราฮึดฮัดอู้อี้ แต่ก็ยังส่งเสียงดังไม่ได้อยู่ดี

“ฮะๆ ต้องการหรือไม่ต้องการแล้วใครสน อย่าดิ้นรนให้เสียเวลาเปล่า ระหว่างนี้ฉันจะขอเข้าไป
พักผ่อนในโมรานั่นก็แล้วกัน อย่าเอ็ดไป ถ้าใครรู้เรื่องนี้เข้ารับรองว่าต้องแย่แน่ มันนะ ไม่ใช่ฉัน...”

สิตาราเงยมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์หวานหยดให้ตน
ก่อนที่ร่างของคนผู้หายหน้าไปนานจะกระจายฟุ้งกลายเป็นควันสีดำ
วูบหายเข้ามาอยู่ในลูกปัดโมราที่คอเธอทันที!



ทั้งที่ไม่ได้อยากเชื่อฟังเลยสักนิด เรื่องชามัลไม่ให้สิตาราบอกใครว่าตอนนี้มีเขา
แอบแฝงเป็นปรสิตอยู่กับเธอด้วย แต่กลัวว่าบอกออกไปแล้วภัยจะมาถึงตัวคนที่รู้
เสียเองจึงต้องยอมเงียบ
อสรพิษแห่งโมรารัตติกาลกำลังทำตัวเหมือนเป็นจินนี่ นอนสบายใจเฉิบอยู่ในตะเกียงวิเศษ
คอยสอดส่องทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ที่ไหน อยู่กับใคร ทำให้ต้องระวังคำพูดอยู่เสมอ
เขาเงียบกริบ แต่สิตารารู้ว่าชามัลกำลังจับตาทุกรายละเอียด รอจนเมื่ออยู่ในห้องตามลำพัง
เสียงหัวเราะน้อยๆก็ดังขึ้นทันทีจนเธอต้องแสดงความหงุดหงิดออกมา

“หึๆ เป็นอะไรไป ดูเธอจะพูดน้อยนะ แบบนี้คนต้องสงสัยแน่เลย แย่”

“ออกไปให้พ้นเสียที” สิตาราออกปากไล่ ถ้าชามัลไม่กวนแบบนี้ บางทีเธอก็อยากจะคุยกับเขา
ถามไถ่ว่าที่ผ่านมาหายไปไหน ไปทำอะไรมาบ้าง

“ไม่ออก จะทำไม” เสียงตอบยิ้มๆยวนอารมณ์คนฟังยิ่งนัก

สิตาราที่เหมือนยืนพูดกับตัวเองหน้ากระจกแทบจะหมดความอดทน
แก้มระเรื่ออมเลือดฝาดอยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นอีกอย่างน่าดูชม

“รู้บ้างไหม เมื่อเช้าก็ทำให้ฉันไม่ได้อาบน้ำ มันน่าอายแค่ไหน จะอาบยังไงในเมื่อมี...
มีตัวบ้าอะไรก็ไม่รู้มาเกาะติดอยู่ด้วยแบบนี้”

เสียงหัวเราะขำพรืดอย่างกลั้นไม่อยู่ของชามัลดังขึ้น
ก่อนแปรเป็นสำเนียงกระซิบกรุ้มกริ่มอย่างอยากจะแกล้ง
“จะบอกให้นะ ฉันน่ะเห็นผู้หญิงเปลือยมาร่วมร้อยได้ละมั้ง คงไม่สนใจดูเด็กแก้ผ้าเป็นพิเศษหรอก
เธอน่ะไม่ใช่ผู้หญิงด้วยซ้ำ อยากจะอาบก็อาบเลยฉันจะงีบสักหน่อย รับรองไม่แอบดู”

ว่าแล้วเสียงกวนประสาทก็เงียบหาย ไม่ว่าสิตาราจะข่มขู่ด่าทอเท่าไรเขาก็ไม่โต้ตอบอีก
ในที่สุดสาวน้อยก็ยอมแพ้ ต้องอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปอีกทั้งเดือน ยังไงเธอก็ต้องอาบน้ำอยู่ดี!
--------------------------
ในฉบับที่ตีพิมพ์รวมเล่มมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ที่จำได้ก็คือ ตอนที่สิตาราบอกว่าห้ามแอบดูตอนอาบน้ำ
ตามารไม่ได้เงียบไปเฉยๆแบบนั้น ...ก็แหม คนมันยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุอะน้า...
--------------------------



ไม่กี่วันถัดมา จู่ๆวรรณะก็โผล่มาทักทายตุลาการยังศาลาวิกาล อ้างว่ามาเพื่อพบปะแฝดตนอย่างนิลละ
ทั้งคู่ยังมีรูปลักษณ์เหมือนกันสนิท แต่เวลานี้สิตารามองปราดเดียวก็รู้ว่าคนไหนเป็นคนไหนเพราะสีหน้า
ที่แตกต่าง เธอรู้ดี...ชามัลสั่งให้วรรณะตามมาที่นี่

สิตาราพยายามหาทางเที่ยวละแวกนั้นลำพัง ไม่ใคร่อยากให้คนของตุลาการหรือแม้กระทั่งตัวจ้าวราศีไปด้วย
โดยอ้างเรื่องความสะดุดตา คนที่ยอมให้ติดตามก็มีแต่พรต กับวรรณะหรือนิลละคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

“ไปไหนมาไหนกับฝาแฝดหนุ่มฟ้อหน้าหล่อเหมือนกันเป๊ะมันลำบากนะ
ไหนสาวจะมองจะเหล่ทำให้เสียเวลาอีก ขอเลือกคนเดียว แต่ในเวลาแบบนี้เลือกนิลละดีกว่า”
สิตาราพยักหน้ายิ้มๆให้อีกคนที่ทำท่าผิดหวังเหมือนเด็ก

“ท่านสิตาราลำเอียง ไม่ได้เจอข้านานคิดว่าจะนึกถึงกันบ้าง”

“ช่วยไม่ได้ ก็นิลละเขามีความรู้รอบตัวมากกว่าตัวนี่ ออกไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้
เขาคอยบอกคอยแนะอะไรได้ดีกว่าเยอะเลย แถมยังคอยอยู่ข้างฉันตลอด ไม่ได้ทิ้งไป
นานเป็นหลายปี” สิตาราแกล้งว่ากระทบทีเดียวรวดทั้งคนทั้งงู เพราะวรรณะเองก็
เสมือนกลายเป็นพวกชามัลไปแล้ว

คราวนี้คนขรึมหน้าเศร้าตลอดศกอย่างนิลละถึงกับหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่

ชามัลยินวาจาสนิทสนมเป็นกันเองนั้นแล้วก็ได้แต่เยาะอยู่ในใจ เด็กน้อยเอ๋ย
ถึงเขาจะร้ายก็ร้ายให้เธอเห็นไปเลย ดีกว่าไอ้หนุ่มแสดงละครเก่งพวกนี้
ที่ไม่คนใดก็คนหนึ่งลงมือฆ่าพ่อของตัวเองทิ้งด้วยซ้ำ...
เสี้ยวความคิดของอสรพิษร้ายพลันย้อนนึกไปถึงเรื่องกินแหนงแคลงใจของเขาที่มีต่อปู่ในเวลาที่ตนยังมีชีวิต

ดีว่าตอนนั้นชามัลยังไม่ได้ลงมือทำเรื่องร้ายๆลงไป แต่ท่านปู่ก็ถึงกับชิงกินยาสั่งนิทรา
จนหลับไม่รู้ตื่น จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเขาคิดหาทางแก้ไขไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แต่จะทำอย่างไร
...เอาเถอะ เขามาถึงอดีตเพื่อแก้เกมทุกอย่างให้เป็นไปตามต้องการ วันหนึ่งเขาอาจตีเกมนี้
ให้แตกทุกทิศได้ดั่งใจ

“ขนมทางนั้นหอมน่ากิน” สิตาราร้องขึ้นเมื่อเข้าไปอยู่กลางร้านตลาดที่คึกคักน่าดูชม

“ข้าไปซื้อให้เอง” ชายหนุ่มเจ้าของร่างสันทัดอาสา เพราะตอนนี้สิตารากำลังรีรอจะ
ซื้อหาม้วนผ้าแพรพับสวยๆไปฝากแม่ชีดำ แต่บังเอิญกลิ่นขนมลอยมาเตะจมูก

ขณะไม่ทันตั้งตัว พลันเสียงของชามัลก็ทักขึ้นให้เธอได้ยินอยู่คนเดียว
“มือยังไม่ว่างก็ร้องหาขนม ยังกับเด็กสักสี่ซ้าห้าขวบ”

“ยุ่งอะไรเล่า” สิตาราชักหงุดหงิด อย่างหนึ่งก็เพราะการหาซื้อผ้าสวยๆให้เหมาะกับแม่ชีดำ
ซึ่งอะไรๆก็อยากจะเอาแต่สีดำนี่ยากพออยู่แล้ว ยังมีเสียงยั่วโทสะมาคอยก่อกวนอารมณ์

“ท่านสิตาราว่าอะไรนะครับ” พรตถามงงๆ

ชามัลเห็นสิตาราเพียงแต่ส่ายหน้าแล้วพึมพำครวญเพลงหงุงหงิงในคอกลบเกลื่อน
เขาจึงใช้เวลานั้นจับสังเกตคนรับใช้ของตน พรตยังคงดูซื่อตรงเสมอต้นเสมอปลาย
แต่ในใจคิดอะไร ทำไมถึงไม่แจ้งข่าวไปยังเขา หรือเป็นสิตาราที่ขัดขวาง


เวลากลางวันออกเที่ยว ส่วนบางคืนสิตาราก็เล่นหมากรุกไทยกับตุลาการที่มีชื่อตัวว่ารดิศ
สาวน้อยคอยยกมือห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรเกินจำเป็นอยู่เรื่อยแม้ว่ามันจะเสียมารยาท
แต่เธอกลัวชามัลจะหาทางล้วงความลับจากบทสนทนาที่ไม่คาดคิด

“ท่านรดิศอย่าชวนข้าคุยขนาดนั้น ออมมือให้คนอ่อนหัดที่ต้องใช้ความคิดหน่อยเถอะ”

“หมู่นี้ท่านสิตาราดูไม่ช่างถามเหมือนเคย คล้ายติดอยู่ในโลกส่วนตัวชอบกล”
ชายวัยย่างเข้าเลขสี่ที่ดูภูมิฐานเกินอายุเปรยอย่างเอื้อเอ็นดู

สิตาราถอนใจพลางเหลือบมองคนที่ตัดผมไถด้านข้างเตียนกริบด้านบนเหลือตั้งๆไว้
ทั้งยังแต่งตัวด้วยชุดทรงยาวเหมือนบาทหลวง ตัดเย็บด้วยผ้าไทยออกแบบนำสมัยเกินยุค
...โลกส่วนตัวอะไรกันล่ะ มีมารผจญมาเกาะแกะอยู่ตลอด ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงเวลานอนนั่นเลยเทียว
แม้ชามัลจะมีเงียบบ้างเพราะกลัวเธอเครียดจนทนไม่ไหว แต่ส่วนใหญ่เขาก็หาเรื่องแหย่ ดูเหมือน
เป็นการแก้เผ็ดเรื่องเธอหนีมาจากเกาะ สิตาราไม่คาดคิดว่าเขาจะเลือกวิธีนี้
ที่เธอไม่แย้มให้ชามัลรู้...
บางทีความรำคาญที่แสดงออกก็เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกหวั่นไหวบางอย่างในใจ


นอกจากรดิศ บางทีคู่มือหมากรุกก็เป็นน้องสาวของตุลาการชื่อรตีซึ่งอ่อนวัยกว่าเขาขนาดเกือบจะ
เป็นลูกสาวได้ ดูก็รู้ ผู้หญิงคนนี้แม้ไม่ใช่ผู้ครองราศีแต่ต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่ ความสวยหยาดเย็น
ในแววตาและสีหน้า แต่ก็ขี้เล่นแถมมีเสน่ห์ ไม่ได้ดู‘น่าเบื่อ’ตามนิยามของชามัล ทำให้บ่อยครั้งเขา
ออกปากชมรตีจนสิตาราหมั่นไส้ ทั้งที่ปกติเธอเองก็ชอบพี่สาวคนนี้มากเช่นกัน
“แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเป็นผู้หญิงเต็มตัว แล้วก็เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายอยากเข้าใกล้ด้วย
ดูไว้เป็นตัวอย่างนะเรา” ชามัลปรากฏร่างสูงสง่าขึ้นเอ่ยยามเมื่ออยู่ในห้องหับมิดชิดกับสิตารา

“ถ้าชอบเขามากก็ไปอยู่กับเขาสิ” เธอตอบสะบัดแล้วหันไปมองทางอื่นอย่างขี้เกียจใส่ใจ

ทว่าตอนนี้อสรพิษหนุ่มรู้สึกว่าตนอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเด็กมากกว่าสนใจเชิงชู้สาวกับใคร
“ไม่อยากยุ่ง ราศีตุลย์...ดาวคันชั่ง ภาพลวงตาแท้ๆ ซ้ายและขวาเท่ากันนั้นไม่มี
ความยุติธรรมก็ไม่มีในโลก แล้วขอบอกเธอเลยว่าสองพี่น้องคู่นี้มีกลิ่นอันตราย
ไม่รู้ว่าแม่ชีดำยอมให้มาด้วยได้ยังไง แต่ผู้ชายฉลาดๆอย่างฉันคงไม่เอางูพิษมาเลี้ยงไว้บนเตียง
ไม่ว่ามันจะสวยงามแค่ไหน”

“อย่างกับว่าเขาจะเอาตัว พี่รตีดูมีรสนิยมออก” สิตาราเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ “แล้วตะกี้ว่าอะไรนะ
งูพิษเหรอ ในห้องนี้ก็มีกระจกนะ ว่างๆก็ไปชะโงกส่องดูบ้าง มีงูบนเตียงคงแย่สู้ฉันไม่ได้
ถูกงูพันคออยู่ตลอด ไม่น่าสงสารกว่าหรือไง”

“เอาน่า เดี๋ยวอีกไม่กี่วันฉันก็จะโผล่ออกมาเจรจากับพวกตุลาการนี่แล้ว
ขอเป็นหลังเธอออกปากว่าอยากกลับเกาะเงาก็แล้วกัน”

สิตารามองคนพูดอย่างบึ้งตึง ตอนนี้เอาแต่ใจได้ก็เอาแต่ใจไป อย่าให้ถึงทีของเธอบ้างก็แล้วกัน



ตั้งแต่จำความได้ มัชฌิม์ เมห์ฮราเคยได้ยินมาตลอด
นิทานที่เล่าขานถึงเรื่องราวเหล่าผู้ทำลายแห่งอดีตกาล รัตติดารา ศัตรูเก่าแก่ของตระกูล
ในห้วงเวลาซึ่งเขาจากมาบุคคลกลุ่มดังกล่าวได้สาบสูญไปแล้วจนสิ้น ทว่าในห้วงอดีต
ตอนนี้ที่เขาอยู่ กลับรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายของรัตติดารา แต่มัชฌิม์ก็ได้สัมผัสถึงความจริงอัน
แตกต่างออกไปจากท่านพชรมุนินแห่งราศีเมษ...ผู้ยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มเขาในเวลาที่ชีวิตตกอยู่ในห้วงมืดมน

‘ท่านพชรมุนิน เวลานี้ท่านอัคนิ เมห์ฮราบิดาข้าก็มีชีวิตอยู่
เป็นไปได้ไหมว่าข้าน่าจะไปอยู่กับบิดาและตระกูลของตัวเองได้เสียที’

‘เจ้าจะทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงปั่นป่วนไปหมด บิดาของเจ้าเวลานี้ก็ยังไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำไป
ตอนนี้เขาอายุอานามมากกว่าเจ้าเพียงไม่กี่ขวบปีเท่านั้น’

‘แต่สายใยความเป็นพ่อลูกและผู้ร่วมตระกูลย่อมสื่อถึงกันได้ ข้ามั่นใจ’

‘มัชฌิม์ ข้าห้ามเจ้าเรื่องนั้นตลอดมา การไปเยือนของเจ้าจะไม่เป็นผลดีต่อใครเลย
เพราะตัวเจ้ามีชะตากรรมที่มืดดำ อสรพิษร้ายตนหนึ่งจะตามพัวพันทำลายชีวิตเจ้าให้พินาศ
ถ้าเจ้านำมันมุ่งเข้าหาตระกูลตนก่อนเวลา ไม่ใช่เพียงตัวเจ้าที่จะถูกทำลาย...’

ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งลง ตาที่สามแห่งการหยั่งรู้อนาคต เป็นความสามารถของคนในตระกูลเมห์ฮรา
แต่สำหรับรัตติดาราบางคนก็มีอำนาจนั้นอยู่เฉกกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์จ้าวราศีเมษ
ของเขาเองมีตาที่สามเที่ยงตรงแม่นยำ เสมือนแสงกระจ่างของยามเที่ยงวันแทงทะลุตลอด
ส่องให้เห็นไปถึงอนาคตอย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน

‘เจ้าโตแล้ว อย่ากลัวที่จะสู้ไปด้วยตัวเอง หนทางนั้นรอคอยเจ้าอยู่ เจ้าต้องไปพบชายชราแห่งราศีสิงห์
อโพซินเต้จะช่วยชี้ทางให้เจ้า ทั้งวิชาอาคมในขั้นที่แหวกไปจากนี้ รวมถึงผู้ครองราศีนั้นจะช่วยพยุง
ให้เจ้าได้ก้าวต่อไป ...เจ้ามีเรื่องที่ต้องสะสางกับรัตติดารา นั่นคือทางชีวิตของเจ้าเพียงคนเดียว
อย่ากลัว อย่าคิดว่าอยู่ลำพัง เพราะตราบใดที่ยังก้าวไปด้วยศรัทธา จะมีคนมองมาเห็นความดีนั้น
และเชื่อถือ จนร่วมแรงคอยหนุนหลังไปจนตลอดหนทางที่เดิน’

‘แล้วท่านพชรมุนิน จะจากข้าไปยังแดนทิวาของท่านกระนั้นหรือ ข้าควรบอกลาท่าน
ที่เป็นอาจารย์ข้าตอนนี้เลยใช่หรือไม่’ มัชฌิม์เอ่ยเสียงแหบต่ำจากในคอ

‘หนทางของข้านั้นไม่ควรบอกต่อเจ้า อย่าได้ห่วงเลย...แต่ถูกแล้วเด็กน้อย
เราควรบอกลากันในเวลานี้ ตลอดชีวิตของเจ้าและข้าคงไม่ได้พานพบกันอีก
แต่เราจะมองเห็นกันตลอดไป ข้าอยู่ในแสงสว่าง หากเจ้าจะมองหาข้า
ก็หาให้เจอในนั้นก็แล้วกัน’ ผู้อาวุโสตอบเขาด้วยปรานี

จากวันนั้น มัชฌิม์หันจากรอยยิ้มของท่านผู้เป็นอาจารย์และออกเดินทาง ตาที่สามของเขา
คล้ายมืดบอด อาจเป็นเพราะสีดำที่ตราติดในใจ เช่นนี้ก็ยิ่งเป็นเสมือนแกะดำของเมห์ฮรา
แต่เขาก็มีความมั่นใจจะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยแสงสว่างของท่านผู้หวังดี จุดมุ่งหมายคือ
ไปให้ถึงเมืองตราด ก่อนจะต่อไปยังเกาะเล็กๆใกล้เกาะช้าง ที่นั่น เขาคงจะได้พบกับเหล่าคน
ราศีสิงห์ที่รอคอย

หลังจากติดไปกับเรือซึ่งแล่นผ่านทำเลของหมู่เกาะ มัชฌิม์ใช้ร่างสมิงดำของตนโจนทะยาน
ต่อไปเหนือทะเล แต่ก่อนเขายืมพลังจากอัญมณีประจำกายอย่างที่ท่านพ่อสอน มันตกหล่น
หายไปตอนข้ามเวลา มาบัดนี้มัชฌิม์จึงยืมพลังจากเพชรสีดำที่ได้รับจากท่านพชรมุนิน
ดูเหมือนอัญมณีชนิดนี้จะเข้ากับเขาได้ดียิ่งกว่าเดิม มันไม่ใช่เพชรเม็ดเดี่ยว แต่เป็นหลายเม็ด
ที่เรียงรายแทรกอยู่ด้านในของตุ้มหูเหล็กที่สวมใส่เป็นแนวอยู่บนหูข้างหนึ่ง

‘เจ้าเกิดราศีเมษ เหมาะแล้วที่ได้มาอยู่กับข้า สมแล้วกับเพชรที่ข้าให้เจ้าไป’


สมิงเสือดำลงถึงหาดขาวละเอียดของเกาะรังในยามบ่าย เห็นว่าบนเกาะไม่มีที่ราบ
เหมาะกับให้ใครได้อยู่อาศัย แล้วคนแบบไหนถึงจะมาอยู่ในสถานที่ร้างเถื่อนแบบนี้...

“เฮ้ย! ไอ้พวกสมุน เห็นอย่างที่ข้าเห็นหรือเปล่า เสือดำตัวนึงมันบังอาจเอาอุ้งตีนละอ่อน
มาเหยียบถึงถิ่นสิงห์เรา” เสียงของสตรีที่ห้าวห้วนไม่แพ้บุรุษเอ่ยเหมือนคำรามในคอ
แสดงออกถึงความปีติของนางสิงห์ผู้กำลังจะได้ออกล่า

“ท่านสิงหรานี พ่อครูอโพซินเต้ท่านบอกไว้ ว่าคราวนี้เราต้องต้อนรับแขกคนแรกที่มาเยือน”

“เออ รู้แล้ว แต่พ่อท่านลงไปบริกรรมคาถาอยู่ใต้ทะเลตั้งแต่ค่ำวันก่อน”
คนพูดเปรยยิ้มเสมือนแยกเขี้ยว
“แล้วก็ไม่ได้สั่งไว้เสียด้วยนี่หว่า ว่า‘ต้อนรับ’ที่ว่าน่ะ...หมายถึงแบบไหน”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ธ.ค. 2556, 04:15:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ธ.ค. 2556, 04:15:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1417





<< บทที่ ๑๑ ชายผู้ทอดทิ้งดวงดาว...(...จบบท)   อยากลงนิยายคนแรกของปี >>
อสิตา 30 ธ.ค. 2556, 04:15:57 น.
คุณเกดซ่า – ปวดหลังจัง...(เล่นเกมมากไป)ต้องรีบลงก่อนนอนเพราะเล่นเกมจนปวดหัวเลย ไม่งั้นมาโพสต์บ่าย
หรือเย็นแน่ๆ เกดซ่าจะรอคอยหงำเหงือกแห้งเหี่ยว แล้วตอนนี้ล่ะจบค้างไหม ตามเทคนิคก็ต้องจบแบบนี้แหละ
เดี๋ยวตอนหน้ามีเซอไพรส หุหุหุ สิต้าจะเจออะไรน้า...
คุณหนูยิ้มยิ้ม – หือ สอบเสร็จแล้วกีฬาสีเลยหรือ เด็กพลังงานหมดพอดี 55 หนูยิ้มอยู่สีไรล่ะ
ถ้าอยู่สีที่พี่ชอบถึงจะช่วยเชียร์ (อ้าว ไหงงั้น)
คุณเลิฟหมวย – นั่นสิ พวกชอบเคลมเด็ก กินเด็ก นิสัยก็แย่มากด้วย ต้องโดนเด็กเตะกล่องดวงใจให้หน้าเขียว
คุณบุลินทร – หม่องยีเปลี่ยนเป็นหม่องหมีซะดีไหม แสยะ ขอหม่อมแก้ต้นฉบับตอนนี้ยังทันนะ...


อสิตา 30 ธ.ค. 2556, 04:16:36 น.
คุณนักอ่านเหนียวหนึบหนับหยุบหยับ – ที่ผ่านมาตามารไม่เคยมีคนที่รักเลย น่าสงสารจริงๆ
ตอนนี้มาอยู่ใกล้หนูสิแล้ว เริ่มได้รับความอบอุ่น แต่ก็ไม่รู้จะหายเกเรไหมนะ...
คุณพี่มูน – วันนี้ก็มาลงแต่ไก่โห่อีกแล้ว หนาวจัง เดี๋ยวจะไปซุกผ้าห่มละ นอนกินบ้านกินเมือง
คุณหนอนน้อย – หนอนป่วยแล้ว คอมเม้นต์สั้นจุ๊ด หนอนไม่สบายรึเปล่า เค้าเป็นห่วงนะ
รวบหัวรวบหางตอนนี้มันยังเร็วไปนิดนึง แต่ชาจังก็กะแบบนั้นแหละ
คุณก้อนหิน – ยังไม่ร้ากกก ไม่ช่ายก็ใกล้เคียง สิต้ารอเจอมิตรอีกสักครั้งค่อยตัดสินใจดีไหมนะว่าจะรักใครดี
คุณผักชี – เอร๊ะ ก็บอกไว้ในต้นฉบับแล้วไงคะ ว่าไม่ได้ชอบคนเลวววววววว เอร๊
แหมๆ อย่าปลุกปั่นให้คนเกลียดตามารสิคะ ไม่งั้นเดี๋ยวในสามวันนี้จะลอบเข้าหาแมวส้มตัวนั้นนะคะ
แล้วก็ตัดโป๋ยมันไปขาย ฟัดๆๆมันให้ตายคาอกไปเลย


คุณดวงมาลย์ – น้องรอพี่เสร็จนะ จะได้ไปฉลองจริงๆซะทีอ่า อยากกินๆๆ หมีอยากกินอาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟ่ต์เลยไหม555 อยากอาหารมาก อยากกินไม่อั้น
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา – หางกระดกก้นกระเดิด กลับมาแล้วสินะเจ้าหางนิ่ม มาให้งูเขมือบซะดีๆ
อย่ามาสมน้ำหน้างูนะ ถึงไม่มีคนรอก็จะตามๆๆๆมาขอใจเธอคืน แล้วเดี๋ยวก็จะขอตัวด้วย น้ำลายหก...
คุณโกลเด้นซัน – ตอนนี้ก็ทะเลาะง้องแง้งกันไปก่อนยังพอยอมกันได้ แต่ตอนทะเลาะจริงเมื่อไหร่
ชามัลก็ชามัลเถอะ คงลำบากเหมือนกัน


konhin 30 ธ.ค. 2556, 06:22:42 น.
เมื่อไหร่จะเจอมิตรอีกรอบ


ketza 30 ธ.ค. 2556, 06:51:32 น.
จ๊ะเอ๋... เค้าเพิ่งตื่นเอง มาแว้ววว


ketza 30 ธ.ค. 2556, 07:19:31 น.
อั๊ยย่ะ... นางสิงห์คิดจะแอ้ม... เอ้ย จัดการต้อนรับเสือน้อยแล้ววุ้ย... เสร็จแน่ >///< (แต่ใครเสร็จใครม่ารุ เหอๆๆๆ)
.... แหม ท่านพี่ชามัลทะลึ่งจุง >////< มาแอบดูเค้าอาบน้ำ(มโนเอาเองก่องก้ได้ >_< )... ดูจิ ท่านพี่เลยกลายเปนปรสิตของนู๋สิเบย 555...


yimyum 30 ธ.ค. 2556, 08:29:20 น.
สีชมพูค่าา


yimyum 30 ธ.ค. 2556, 08:34:13 น.
อ้าว ลงตอนตีสี่กว่า เราเล่นรอตั้งแต่ตีสามครึ่ง ทามมายย ฮือๆๆ (พึ่งตื่นตอนแปดโมงอยู่ภูเก็ตแล้วว เย้!^^)
ปล.แล้วสิงห์รานีจะต้อนระบแบบไหนน้า...


บุลินทร 30 ธ.ค. 2556, 08:50:55 น.
มัชฌิช์ก็เคยเจอท่านพชรมุนินหรือนี่ หม่องยียังไม่มาอีกตามเคย รอตามิตรก็ได้


ริญจน์ธร 30 ธ.ค. 2556, 13:11:30 น.
ลงกันหมดแล้วเหรอเนี่ย พี่มูนเพิ่งมาเอง


อสิตา 30 ธ.ค. 2556, 13:20:52 น.
นายบุลินทร เม้นอะไรของมันมั่วมาก เดี๋ยวส่งเฟอร์ไปตุ๋ยเลย


Zephyr 30 ธ.ค. 2556, 18:16:30 น.
เอ้ยยยย ไม่ๆๆๆ ม่ายยยยย เฟอร์ไม่ตุ๋ยมี่เด็ดๆๆๆ
เฟอร์จะทำแมวส้ม แมวขาว แมวดำ เท่านั้น!!!!
มะม้า อย่าชวนเขวเซ่!!!!
งูกลับมาพันคอ เฮอะ กลับมาตายรัง คิดถึงสิต้าละสิ
แต่ฟอร์ม ชิๆๆๆๆ
พี่รองมาแว้สสสสส น่ารักจุง แข็งแกร่งขึ้นเยอะ สอยยัยสิงหัวฟูซะ!!!!
เอ ทาสอัญมณีนี่เลือกเองเหรอว่าจะเอาตัวอะไรรึมะม้าเลือก
เอ รึว่า
อัคนิ พลังไฟ ดี สง่า เท่ห์ ดุ โหด ขี้เล่น -> เสือ
มารี่ พลังโฉด เหี้ยม ฉลาดแกมโกง ชั่ว หื่นนนนน -> งู
อืมมม หัวเสือ กะหัวงูนี่เอง เข้าใจๆๆๆๆๆ
เฮ้อ สงสารสิต้าชะมัด ลูกออกมาเป็นไข่ เลื้อยๆๆยืดๆๆ ลื่นๆๆเกล็ดๆๆ ไม่น่ารักเลย นี่ละน้า เพราะพ่อจะเป็นไส้เดือนตาวาว
อุ เอัอ เฮ้อออออ


goldensun 1 ม.ค. 2557, 18:11:50 น.
ก็น่าคิด ว่ากลุ่มรัตติดาราหายไปไหน ในขณะที่เมฮราห์ยังอยู่ โดนล้าง แยกไปมิติอื่น อะไรกันแน่
นางสิงห์เจอเสือดำ จะต้อนรับกันอีท่าไหน


ดังปัณณ์ 2 ม.ค. 2557, 19:05:23 น.
หนอนไม่ได้ป่วยฮ้าาาาาาาาาาาาา 555+ พอดีโดนงานถล่ม ตอนแรกว่าจะไม่กลับบ้าน เอาไปเอามากลับ ฮือๆๆๆ แล้วเน็ตก็ง้องแง้งมากกกกกกก ไม่ได้มาอีกที เอิ่มมมมมมมมมมมมมมม ชาจังจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาา 5555+

แอร๊ยยยยยยยยยยกระโดดกอดคุณแป้ง พัวพันคลอเคลีย เป็นห่วงเก๊าด้วยอ่า กรี๊ดๆๆๆ (ออกแนววาย 555+) ชาจังอ่ะหื้นหื่นแอบดูสาวอาบน้ำอร๊ายยยยยยยยยยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account