โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ - บทที่ ๑๓ งานวิวาห์แห่งเกาะเงา (มาต่อครบแล้วค่ะ ตะกี้จองที่)

มือใหญ่อุ่นระอุค่อยๆเลื่อนไล้กดแผ่วๆด้วยปลายนิ้วโป้งไปจนถึงด้านหลังเอวคอดกิ่ว
จนสิตาราสยิวกายขึ้น เอื้อมมาขยุ้มคว้ามือเขาไว้แน่นให้หยุดการรุกราน

“ไหนว่าจะคุย สรุปแล้วต้องการอะไรกัน” สิตาราถามเสียงสั่นๆ
“ฉันจะร้องให้คนเข้ามา” ขู่ไปอย่างนั้น...รู้ทั้งรู้ว่าถ้าเขาจะทำอะไร
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยเธอไม่ได้

สิตาราหน้าแดงกับคำพูดสองแง่สองง่ามน่าเกลียดเหลือทนของเขา
เคยคิดว่าอีกฝ่ายเอื้อเอ็นดูเธอบ้าง ที่แท้แล้วก็ไม่ได้เห็นเธอพิเศษไปกว่าผู้หญิงคนไหนเลย
“ฉันมีอะไรที่ชามัลต้องการอีก แค่ครอบงำชีวิตที่ผ่านมานั่น มันยังไม่พอหรือ”

“เธอจะยอมได้แค่ไหนล่ะสิตารา แต่ทั้งชีวิตของเธอก็ถูกกำหนดมาให้เป็นของฉันอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือไง”

“ฉัน...” สิตาราพยายามกระถดตัวถอยจากอ้อมแขนรัดรึง แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนหนีรุนแรง
กลัวว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เขายิ่งอยากเอาชนะ

ชามัลยิ้มน้อยๆ ไม่รู้เลยว่าถ้าเวลานี้เขาได้เห็นสีหน้าของตัวเองก็คงจะแปลกใจอย่างมาก
กับรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อที่ออกมาจากใจจริง เขาได้กลิ่นแป้งหอมๆนุ่มๆ
ให้ความรู้สึกเหมือนแป้งเด็กอ่อนบางโชยมาจากเจ้าของร่างนุ่มนิ่ม ได้สัมผัสเส้นผมลื่นมือ
ของคนในอ้อมอก วูบหนึ่งที่ไม่รู้สึกตัว มือของอสรพิษก็เอื้อมไปประคองดวงหน้าของคนที่ก้มงุดๆ
หนีลงหาเตียงให้ค่อยๆหันตะแคงมาหาเขา ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ผิวเนียนละไม ซุกหน้าลงไป
สูดกลิ่นแก้ม คลอเคล้าช้าๆ ดื่มด่ำ เนิ่นนาน

สิตาราขนลุกเกรียว กลั้นเสียงสะอื้นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดเอาไว้ เขาเข้าหาเหมือนทำเล่น
แต่สัมผัสในคราวนี้กลับต่างออกไป คล้ายว่าชามัลไม่ตั้งใจ แต่มันมาจากความต้องการส่วนลึกของเขาจริงๆ!

“ชามัล...” สิตาราเรียกเขาเสียงอ่อนลง พยายามให้สติอีกฝ่าย

“อืม---” อสรพิษหนุ่มฟุบสยบอยู่เหนือร่างเล็กที่คว่ำอยู่ครึ่งๆใต้ตัวเขา รู้สึกมึนงงคล้ายๆว่ากำลัง
อยู่ในฝันหรืออะไรสักอย่าง ไม่ใช่เร่าร้อนอย่างที่เคยผ่านพบมาตลอด จนผ่านความไร้ชีวิต
และกลายกลับเป็นชีวิตใหม่ขึ้นมาก็ยังไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้ เป็นความรื่นรมย์แสนเป็นสุข
จนอยากหยุดทุกอย่างไว้ตลอดกาล...

“ไหนว่าเราต้องคุยกัน ได้โปรด...อย่าทำฉัน” คนตัวเล็กพยายามวิงวอน

อสรพิษในร่างคนชันตัวขึ้นหน่อยหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา “ใคร ใครจะทำอะไรเธอ
ฉันแค่เข้ามาเจรจา” ชามัลถอนใจ “พูดก็พูดเถอะ เธอเองก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าฉันต้องการอะไรจากรัตติดารา”

“รู้นานแล้ว” สิตาราเอ่ยตอบอย่างปลงๆ ใช่...เขาก็แค่ต้องการผลประโยชน์จากเธอ
ไม่ได้รักเอ็นดูหรือแม้แต่พิศวาสอะไรตรงไหนสักนิดเดียว

“ฉันจะแต่งงานกับเธอ” ชามัลบอกความต้องการของตัวเองออกไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ไม่มีพิธีรีตอง

“อะไรนะ” เจ้าของเตียงเบิกตากว้าง

“เธอได้ยินชัดแล้ว ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้วด้วยซ้ำ แม้แต่ของขวัญแต่งงานจากราศีต่างๆ
ก็กองรออยู่ในลำเรือที่เทียบท่าอยู่ตอนนี้”

“อ้อดี มีฉันไม่รู้คนเดียวนี่นะ” สิตาราเริ่มจะโกรธจนน้ำตาคลอ ทั้งแม่ชีดำ นักบวช นิลละ
ไม่มีใครปริปาก ยิ่งพรตคงไม่ต้องพูดถึง ก็เขาเป็นคนของชามัลมาแต่ก่อนแต่ไรอยู่แล้ว

“ไม่อยากแต่งรึ” ชามัลถามยิ้มๆ

“มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยาก แต่ถึงไม่อยากจะทำไงได้ คนรอบตัว ทุกคนในชีวิตกลุ้มรุมกันบีบคั้นถึงขนาดนี้”
สิตาราชักเสียงดัง ยิ่งก้มหน้าหนีคนที่ยังเอาตัวเองทับเธอไว้ไม่ยอมไปไหนอีกครา

“จุๆ” ชามัลเอามือลูบผมเผ้าเป็นคลื่นหอมกรุ่นและอ่อนนุ่มยิ่งกว่าเส้นไหม
“ยอมโดยดีเถอะ ยกอำนาจรัตติดาราให้เป็นของฉัน รู้รึเปล่า เรื่องนี้ฉันคิดมาตั้งแต่ก่อนจะได้พบเธอเสียอีก
เพราะรู้มาว่าคู่ชีวิตที่ราศีที่สิบสามเลือกแล้วย่อมได้ครองอำนาจทั้งหมดร่วมกัน นั่นหมายถึงว่าตัวฉัน
แทบจะไม่ต่างจากผู้ที่ถูกเลือกเลย เรื่องนี้เธอเองก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง ฉันอุตส่าห์ไปควานหาเธอ
มาตั้งแต่ยังเบบี๋ขนาดนั้น” ชามัลเอ่ยเป็นเล่น “จะยอมให้ผู้ชายอื่นมาชุบมือเปิบได้รึ ยังไงก็ต้องเป็นฉัน
หรือเธออยากอยู่เป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต...อ้อ แต่สำหรับรัตติดารา ขนาดแม่ชีดำยังแต่งงานได้นี่นะ ลืมไป”

สิตาราเลิกดิ้นแต่ยังคงหายใจแรง สุดท้ายหญิงสาวจึงยอมเอ่ยออกไป “แต่งก็แต่ง”

“ว่าง่ายๆแบบนี้สิดี แต่ฉันรู้นะ เธอน่ะไม่ได้ยอมง่ายดายขนาดนั้นจริงๆแน่”

“ก็ใช่ ฉันขอสิ่งแลกเปลี่ยนด้วย”

“ว่ามา” ชามัลไหวไหล่ ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้อยู่แล้ว “ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งกับความต้องการของฉัน
อะไรก็ทำให้ได้อยู่แล้ว อ้อ หวังว่าคงไม่ใช่ข้อแม้ว่าต้องแต่งแต่เพียงในนามหรอกนะ”
คนพูดหรี่ตาเจ้าเล่ห์ “เงื่อนไขบ้าๆแบบนั้นน่ะรับไม่ได้หรอก เมื่อฉันแต่งงานกับเธอ
หมายถึง...ฉันต้องการผูกมัด ผูกพันเธอเอาไว้ด้วยกันจนถึงที่สุด จะไม่มีช่องว่างระหว่างเรา”

สิตารากลืนน้ำลายลงคอ พยายามทำไม่ได้ยินประเด็นที่เขาพูด “ที่จะขอคือ
ต้องแลกกับการตามหาพี่ดาราให้เจอ ฉันต้องการเจอพี่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ฉันยิ่งรู้สึกว่าพี่ยังไม่ตาย เราจะแต่งงานกัน แต่ชามัลต้องสาบานว่าจะไปตามหาพี่”

“เอาสิ...แต่ต้องเป็นหลังจากงานแต่ง ตอนนี้ทุกราศีก็มาพร้อมหน้ากันแล้ว
พิธีจะเริ่มขึ้นในงานฉลองคืนที่เจ็ด หวังว่าเธอจะไม่เปลี่ยนใจหรือว่าสร้างปัญหานะแม่ตัวดี”

“แล้วก็ ห้ามทำอะไรฉันจนกว่าจะเจอตัวพี่ดารา” สิตาราต่อรอง อดใจสั่นไม่ได้
ที่เอี้ยวตัวมองเขาจากท่านอนคว่ำอยู่อย่างนี้ จากปลายหางตา
เธอยังเห็นสีหน้าแย้มยิ้มยากจะคาดเดาของชามัล

“อืม ก็เอาสิ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจจะรีบร้อนเข้าหอถึงขนาดนั้น ยิ่งกับเด็กๆไร้เสน่ห์
รอจนถึงตอนนั้นอาจมีอะไรน่าสนใจมากขึ้นในตัวเธอก็ได้ ถ้ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นน่ะนะ”
คนพูดแกล้งเบะปากแล้วส่ายหน้า


สิตาราพลิกตัวขลุกขลักจนเป็นนอนหงาย จ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลทอง
ที่ยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์บางอย่าง พอเขายิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเองยิ่งฉุนจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก
ของคนไม่ดีเอาไว้ ไม่อยากเห็นรอยยิ้มได้ใจนั่นอีกแม้แต่วินาที
“คราวนี้ขอให้รักษาสัญญาก็แล้วกัน”

ชามัลพยักหน้าช้าๆ ได้เห็นว่าดวงตาสวยคมซึ้งวาบขึ้นต่อหน้าเขาเป็นประกายท้าทายประหลาด
ก็อยากจะลองนัก ถ้าไม่รักษาสัญญาแล้วเธอจะทำอะไรเขาได้ ตัวแค่นี้จะมีวิธีตอบโต้ยังไง อยากรู้จริงๆ
“เอาเถอะ เพื่อราศีที่สิบสาม ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอต้องการ”






บทที่ ๑๓ งานวิวาห์แห่งเกาะเงา

รุ่งเช้าวันถัดมา ทุกคนปฏิบัติกับสิตาราเหมือนว่าไม่เคยปิดบังเรื่องแต่งงานกับเธอ ทำให้ยิ่งโมโห
นี่คงนัดแนะกันไว้หมดแล้วให้ชามัลเป็นคนบอกเธอเมื่อคืน

“ท่านนักบวช เรื่องที่เขาต้องการแต่งงานกับข้า ท่านและแม่ชีดำก็เห็นด้วยงั้นหรือ”

“ข้าคงไม่มีสิทธิ์พูด แต่แม่ชีดำเห็นด้วยกับเรื่องนี้เต็มร้อย ข้าจะคิดยังไงนั้นอาจไม่สำคัญ
แต่แน่นอนว่าท่านชามัลจะเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านในเวลานี้”

หญิงสาวทอดตามองหนุ่มใหญ่ผิวคล้ำที่เลี้ยงตนมา นักบวชดำยืนสง่าผึ่งผาย
ชี้ชวนให้เธอมองออกไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่ “ขอเพียงมีเขาอยู่เคียงข้าง
โลกนี้ก็จะเป็นของท่านได้ไม่ยาก ข้าต้องบอกเช่นนั้น ไม่ว่าใจข้า...จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม”

โลกนี้จะเป็นของข้าหรือของรัตติดารากันแน่เล่า
สิตาราได้แต่ทอดถอนใจ รู้สึกผิดหวัง ผู้คนที่เลี้ยงดูตนมาสุดท้ายก็หวังแต่ประโยชน์
เห็นเธอเป็นหุ่นเชิดที่จะชักพาไปทางไหนก็ได้ แล้วคนพวกนี้จะต้องรู้ตัวว่าคิดผิด
วันหนึ่งเมื่อมีโอกาส เธอตั้งใจอยู่แล้วว่าจะแสดงเจตนารมณ์ออกไปให้เห็นกัน
การมีชีวิตอยู่เพื่อสนองความต้องการอันมืดดำของพวกเขาไม่ใช่จุดประสงค์ของเธอ

“ท่านไม่อยากแต่งงานหรือ” นักบวชดำถามเคร่งขรึม

“ข้าคิดไม่ออกว่าควรจะอยากหรือไม่อยาก”

“สวดภาวนาต่อพระเป็นเจ้าเถอะ บางทีสิ่งที่สมควรเกิด มันก็จะเกิดขึ้นเอง โดยท่านไม่ต้องขออะไร”

สิตารามองแผ่นหลังของคนที่กล่าววาจาเป็นปริศนาก่อนก้าวจากไป ทิ้งเธอไว้ลำพัง
...รัตติดารามีคนดี อย่างน้อยก็คนที่ดีต่อเธอ แต่หนทางของพวกเขาคือการทำลายขนบของโลกใบนี้
ลงเสียให้สิ้น เพื่อปลดปล่อยบางอย่างให้กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น ไม่ว่าอย่างไรสิตาราก็ชอบทางที่สร้างสรรค์
มากกว่า เพราะเธอเคยใช้ชีวิตอยู่กับคนอย่างมิตร จึงช้าไปแล้วที่จะถูกล้างสมองเมื่อถูกพาตัวมายังเกาะเงา
แต่ตลอดมาก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดได้แสดงความต้องการที่แท้จริง


มองไปยังเรือนับสิบที่ลอยลำอยู่ยังอีกฟากของเกาะด้านน้ำลึก ท่าเรือที่บัดนี้ให้การต้อนรับการมาของ
ทั้งเจ็ดราศี เห็นอยู่ใกล้สุดคือหัวเรือที่มีแม่ย่าเป็นสตรีมีศีรษะอย่างวัว บางลำที่ไกลออกไปยังมีใบเรือ
อย่างโบราณติดอยู่ เรือพวกนี้แลดูคล้ายว่าประยุกต์วิทยาการทันสมัยที่สุดของยุคนี้เข้ากับความเป็นตัวเอง
ตามแต่ถิ่นที่มา

ราศีกรกฎเป็นไทย แต่เพราะขาดผู้นำที่เข้มแข็งพอจึงตกอยู่ในอำนาจเบ็ดเสร็จของชามัลมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
ส่วนราศีคนคู่มีเรือมาจากเกาะแถบฝั่งทะเลจีนใต้ ราศีกุมภ์มาไกลจากคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย
และเป็นราศีเดียวที่มีกองกำลังภูตดาราเป็นผู้หญิงเสียครึ่งหนึ่ง ชามัลเคยบอกว่าเพราะวาเลนติโน่
เป็นคนที่ไม่เห็นข้อจำกัดในเรื่องเพศ เพราะนักรบวาลคิรี ของแดนเหนือนั้นก็ยังเป็นสตรี
ส่วนราศีพฤษภท่าทางป่าเถื่อนดุร้าย ตามประสาวัวจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีน...ปลา มาจากญี่ปุ่น
แดนไกลที่เธอไม่คุ้นเคย แต่สิตาราชอบเด็กหนุ่มหน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตรที่ชื่อมิยาซากิ เธอได้คุยกับเขานิดหน่อย
รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารัก เรียบร้อยและขี้อายจนแก้มขาวๆเหมือนเด็กชายนั้นเป็นสีแดงเข้มขึ้นอย่างน่าดูทุกครั้ง
ที่ได้คุยกับเธอ เขาต้องขึ้นเป็นผู้ครองราศีแทนพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้สิตาราได้คิดว่าเด็กที่ลำบาก
ยิ่งกว่าตนก็มีเหมือนกัน

ไม่ใช่แค่แขกผู้มาเยือน ถ้าสิตาราคิดต่อต้านรัตติดารา คนที่เธอรู้จักอยู่ตอนนี้จะต้องกลายเป็นศัตรู
ทั้งหมด ทุกคน...แล้วเธอจะไปหาเพื่อนร่วมทางที่ไม่รู้จักได้จากไหน มีทางเดียวคือ ก่อนหน้านั้น
เธอต้องเป็นอิสระ แต่ประตูแห่งอิสรภาพดูเหมือนจะใกล้ปิดตายลงทุกที เธอควรใช้อำนาจที่มีให้เป็นประโยชน์
แต่อำนาจนั้นก็เป็นของเธอเพียงเปลือก จะหาโอกาสใช้มันจริงๆได้อย่างไร

กังวลไปก็เปล่าประโยชน์ ก่อนอื่นเธอก็แค่ต้องผ่านคืนแต่งงานไปอย่างดีที่สุด
เรื่องน่าห่วงอีกอย่าง วันนี้เธอนัดมิตรเอาไว้ตอนกลางวัน พิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เย็น
สิตาราก็มีเวลาจะรอเขา หากเพียงอีกฝ่ายจะลอบเข้ามาได้โดยไม่ให้ใครพบเข้าเสียก่อน
มิตรบอกว่ามีอัญมณีที่ใช้พรางกายจากความสนใจของผู้คน แต่ถ้าเจอคนอาคมแรงกล้าเข้าจังๆ
มันก็คงไม่อาจช่วยได้เลย

ตกบ่าย สิตาราขอเก็บตัวอยู่ในห้อง ขณะที่เจ้าบ่าวของเธอมัววุ่นวายอยู่กับพวกราศีต่างๆ
รอท่าคอยต้อนรับการมาของมิตร แล้วเขาก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ เขามายืนอยู่ข้างเตียง
ตั้งแต่เมื่อไหร่หญิงสาวเองก็แทบไม่ได้สำเหนียกรู้ตัวเลยจนมิตรแกล้งเดาะลิ้นให้สุ้มให้เสียงนั่นแหละ

“มาแล้วพ่อยอดนักสืบ เห็นวอบๆแวบๆอยู่หลายวัน เรื่องที่ขอให้ช่วยดู ได้ความอะไรบ้างไหม”

“เรียกว่าได้เยอะจนไม่รู้จะสงสัยอย่างไหนก่อน แต่ละราศีก็มีความลับของตัวเองซ่อนอยู่
ตามความคิดฉันนะสาวน้อย ฉันบอกได้ว่าคนที่เธอต้องระวังที่สุดน่าจะเป็นตุลาการ
เส้นสายของหมอนั่นกว้างไกล พลังก็สูงมาก สมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาความสงบในทุกๆราศี
แต่เผลอๆมันคงอยากได้อำนาจไว้เอง”

“แล้วที่ศาลาเงานี่กับบนเรือ เจออะไรบ้าง”

“เอาที่ศาลาเงาก่อนเลยแล้วกัน รู้ไหม ใต้ศาลาที่เธอทำพิธีน่ะ มันมีห้องอีกห้องซ่อนอยู่ข้างใต้...
ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไว้ทำอะไร เพราะฉันเพิ่งค้นพบมันทีหลังจากพิธีจบลงแล้ว นั่นคือที่สะดุดใจ
ส่วนบนเรือ ของที่บรรทุกมาก็เป็นพวกของขวัญงานแต่ง คิดว่าตอนนี้เธอคงรู้เรื่องละ”

“หึ เพิ่งรู้เมื่อคืน” สิตาราเริ่มฉุนจนหน้าแดงขึ้นอีก

“อ้าว คิดว่าคนพวกนั้นจะบอกเธอเร็วกว่านี้ ฉันเลยไม่ได้แวะมาส่งข่าว ทำไมมันไม่รอบอกเอาตอน
เข้าหอเสียเลยล่ะ” มิตรประชดประชันไปตามประสา “แล้วเธอว่าไง ยอมแต่งกับหมอนั่น หรือว่า...”

“ไม่ยอมก็คงต้องยอม” หญิงสาวตอบอุบอิบ

“ปากก็พูดไป แต่ดูหน้าดูตาแบบนี้ หลงรักผู้ชายคนนั้นเข้าแล้วหรือไง ไหนว่ามันไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้”

“เปล่าหลงรักซะหน่อย” สิตาราเอาหมอนใกล้มือปาอัดหน้ามิตรที่ไม่ได้ตั้งตัวดังปุ เห็นอีกฝ่ายอึ้งตะลึงไป
เพราะไม่คิดว่าเธอจะลงไม้ลงมือ “โทษที ก็เราเคยสนิทกัน มากกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้ว”

“อ้อ ฉันต้องขอบใจหรือไงที่ได้สนิทสนมกับเด็กถึงขนาดนั้น ขอบใจมากสิตารา” ชายหนุ่มว่าขำๆ
“แต่ก็ต้องขอบคุณเธอนะที่มอบหมายงานให้ฉัน เพราะว่าเรือตุลาการ เหมือนจะมีของดีซ่อนอยู่...”

“อะไรกัน”

“ผู้หญิงคนหนึ่ง...”

“พี่รตีเหรอ” สิตาราอุทาน

“อืม ทีแรกดูเหมือนจะใจเย็น แต่ดูๆไปก็เฮี้ยวไม่เบา”

สิตาราเห็นคนตรงหน้าเอ่ยทั้งยังทำตาลอยๆฝันๆชอบกลจนเธอชักเริ่มสะกิดใจ
“อย่านะมิตร อย่ามีความรัก”

“อะไร กลัวฉันจะอกหักร้าวรานเหมือนที่เธอบอกรึ ไม่มีทาง แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบ...”

“น้อยหน่า” สิตาราแกล้งต่อให้แบบผิดๆล้อเลียนเขา

ทั้งคู่หัวเราะพร้อมกันก่อนที่มิตรจะกลับมาทำหน้าจริงจัง “ทั้งที่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ฉันคิดว่าจะหลบพ้น แต่รู้อะไรไหม มีไอ้หนุ่มพม่าคนหนึ่งจับตาฉันอยู่ ตอนที่ฉันขึ้นไปบนเรือของพวกราศีมีน
ตอนนั้นมันก็คงไปแอบซุ่มดูอะไรอยู่ด้วยเหมือนกัน พอปะหน้าหมอนั่นก็เอาของสิ่งนี้ออกมา” มิตรว่า
แล้วก็หยิบกล่องไม้แบนๆที่มีภาษารัตติดาราสลักไว้ออกมายื่นให้สิตารา “ดูเจ้านั่นจะรู้ว่าฉันเป็นคนของเธอ
มันว่า...นี่คือของขวัญวันแต่งงาน จากสิงหรานี”

“พี่สาวคนนั้น!”

“รู้จักหรือ”

“ฮื่อ แต่ชื่อก็บอกยี่ห้ออยู่แล้วนี่ว่าราศีสิงห์ ถ้าเจอกับชามัลคงต้องตายกันไปข้าง
แถมตอนนี้ทำตัวเป็นศัตรูกับเกาะเงาเต็มตัว ถึงได้ไม่มาร่วมงาน”

“กล่องนี่เปิดไม่ออก แต่ฉันไม่อยากให้เธอเปิดเลย ฉันจะเป็นคนถือไว้ตอนเปิดมัน”

สิตาราเดินเข้าไปใกล้ ยื่นหน้าไปดูภาษาที่สลักไว้ เป็นคำกลอนบอกใบ้ แต่มองรูปทรงของกล่องแล้ว
ไม่นานเธอก็เข้าใจว่ากดตรงไหนยังไง

“ตรงที่เขียนว่า ดุจแสงดาวนำทางกลางฟ้าไกล เลื่อนสลักเหล็กรูปดาวเหนือไปตามร่องไม้
เอาไปวางไว้ให้ถูกที่ซี ตรงทิศที่เรือไม้กำลังมุ่งไปนั่นน่ะ” เจ้าของร่างเล็กเขย่งขึ้นชี้ๆให้คนตัวโตทำตาม

มิตรไม่ขัดข้อง ...แล้วกล่องก็ดีดตัวเปิดออก ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่ระแวง มีเพียงจดหมายกับมีดเล็กๆ
เล่มหนึ่งวางอยู่เท่านั้น มันมีขนาดเท่ามีดพับ ตัวเล่มโค้งน้อยๆ ปลายแหลม มิตรสะบัดคลี่กระดาษจดหมาย
ออก เมื่อไม่เห็นว่ามีพิษร้ายจึงส่งมันให้สิตาราอ่านข้อความภาษารัตติดาราที่เขียนอยู่บนนั้น

‘เด็กน้อยที่น่ารัก ป่านนี้เจ้าคงโตเป็นสาวแล้ว ข้ายังจำได้ว่าข้าชอบพอเจ้าเพียงไร
และไม่อยากให้เจ้าแต่งงานกับอสรพิษใจสกปรกพรรค์นั้น…’
สิตาราอ่านข้อความในจดหมายให้คนข้างกายฟังด้วย

“ด่าตรงดี” มิตรพยักหน้า ถึงจะยังไม่รู้เช่นเห็นชาติผู้ชายชื่อชามัล แต่เท่าที่ฟังจากสิตารา
มันก็แย่มากอยู่ แถมเขาต้องเตรียมรับมือชายคนที่ว่าทั้งตอนนี้ ทั้งในอนาคตของตัวเอง

‘ทันทีที่สายของข้าส่งข่าวมาถึง ข้าสิงหรานีจึงได้เตรียมของขวัญแต่งงานสุดพิเศษให้เจ้า
มีดอาคมล้ำค่า ลงอักขระอย่างเดียวกับดาบของข้าที่ครั้งหนึ่งเคยฟันอสรพิษนั่นถึงเลือด
มีอาวุธอยู่เพียงแค่สามชิ้นเท่านั้นที่ทำได้ ดาบข้าหนึ่ง มีดเล่มนี้หนึ่ง และอีกชิ้นที่หายสาบสูญไป

หลังต่อสู้กับชามัล...ข้าเพิ่งได้เข้าใจจากอาจารย์ของข้า ว่าร่างของสิ่งมีชีวิตที่แพ้อาคมดาบ
ในลักษณะเช่นนั้นแท้จริงแล้วกำเนิดจากสิ่งใด พญาอสรพิษที่เกิดมาจากมนตราแห่งอัญมณี
หากเจ้าให้มีดนี่ได้ดื่มเลือดจากหัวใจมัน นั่นคือทางทำลายร่างปีศาจตนนั้นลง
ขอให้โชคดี...แล้วเราคงได้พบกัน’

ดูจากลักษณะการเขียน ทางฝ่ายนั้นเดาใจได้ว่าเธอเอาใจออกห่างรัตติดารา
สิตาราขมวดคิ้ว พับกระดาษจนเป็นก้อนเล็กแล้วกำแน่น

มิตรผิวปากหวือ “ของขวัญชั้นเลิศ สำหรับใช้ตอนเข้าหอก็น่าจะไม่เลว แต่เธอชอบหมอนั่นนี่
ตัดสินใจเอาเองนะว่าจะหักใจเพื่ออนาคตที่สดใสของประชาโลก หรือว่าจมอยู่กับปลักตมตลอดไป”

“เขาไม่ได้เลวขนาดนั้น” หญิงสาวส่ายหน้า คิดอะไรไม่ออก การทำลายชามัลไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดมาก่อน
ไม่เลย ไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างน้อยใจเธอก็ไม่อยากทำ... “ฉันจะเก็บมีดนี่ไว้”

“ก็ดี เผื่อวันหนึ่งเธอจะใจแข็งพอ”



ตกบ่ายสิตาราก็ถูกจับแต่งตัวเสียสวย แน่นอนว่าชุดเจ้าสาวของเธอเป็นสีดำระยิบระยับ
ราวกับเอาราตรีมาห่มไว้ เสื้อแขนสั้นกระชับตัว ชายสั้นเพียงชายโครงอวดช่วงเอวคอด
กระโปรงยาวเบาพลิ้วเดินลายเงินเงาในเนื้อ เครื่องประดับเป็นเพชร ดูเป็นชุดทรงแขกอินเดีย
ผสมกับลวดลายแบบไทยๆออกมาสวยจับตาอย่างประหลาด

เพราะรัตติดาราเธอจึงต้องเป็นเจ้าสาวในชุดสีดำ ดูไม่เป็นมงคลเอาเลย...


ถึงแม้มันเป็นการแต่งงานที่มีขึ้นเพราะเธอคือราศีที่สิบสาม แต่ที่ทุกคนยินยอม
ก็เนื่องจากชามัลกุมอำนาจเหนือรัตติดาราได้จนเป็นที่ยอมรับ และเพราะเขาต้องการอำนาจเบ็ดเสร็จ
สุดท้ายจากเธอ สิตาราก็กำลังจะยอมให้มันเป็นไป อย่างน้อยก็เชื่อมั่นว่าจะคุยกันได้ทีหลัง

แต่ภาพจากกระจก ทำไมดวงตาของเธอวันนี้ถึงมีประกายระยิบระยับเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
และความรู้สึกสดใหม่บางอย่าง ทำไมใจถึงเต้นแรง เพียงแค่นึกถึงหน้าคนเป็นเจ้าบ่าว
แม้วันนี้ไม่เห็นเขาเลยก็เถอะ แค่คิดว่าคืนนี้เขาและเธอจะแต่งงานกัน หัวใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ
ราวกับจะหลุดออกมา คงเป็นอิทธิพลของโมรารัตติกาลเม็ดนี้ มันกำลังตอบรับความผูกพัน
ที่จะก้าวหน้าไปอีกขั้นของเธอและทาสผู้รับใช้ โดยไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าใครจะตกเป็นทาสใครกันแน่

สาวรับใช้ผู้มีฝีมือแต่งหน้าให้สิตาราอย่างประณีต ดวงตาโตคมซึ้งที่บ่งบอกความรู้สึกนับแสนนับล้าน
ถูกแต่งแต้มจนงามขึ้นไปอีก ผมถูกรวบเปิดหน้าผาก อวดวงหน้าที่เกือบจะเป็นรูปไข่ถ้าช่วงคางจะ
ไม่เรียวลงจนสวยเหมาะเจาะ ที่เบื้องหลังนั้นผมยาวเป็นคลื่นจรดสะโพกถูกซ้อนซับไว้ด้วยผ้าคลุม
โปร่งบางสีดำ ก่อนจะวางสายน้ำเพชรบอบบางสองเส้นคู่ลงมาพาดผ่านหน้าผากเธอต่างรัดเกล้า
เข้ากับตุ้มหูที่เป็นเพชรวูบวาบเม็ดนิดๆพริบพราว เมื่อเสร็จสรรพ ผู้หญิงในกระจกตรงหน้า
ก็ดูไม่เหมือนตัวสิตาราเองเลยสักนิด

ชามัลรู้สึกว่าวันนี้ทั้งวันเป็นวันวุ่นวายน่าเบื่อ คล้ายว่าใจเขาอยากเร่งให้ไปถึงตอนเย็นเร็วๆ
โดยไม่มีเหตุผล ก็แค่อยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปเสียที ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก...

เมื่อแต่งตัวด้วยเสื้อไหล่ตั้ง ทั้งผ้าโพกศีรษะซึ่งกลัดไว้ด้วยเข็มกลัดเพชรแท้ที่คนพวกนี้สรรหามา
ให้เข้ากับชุดเจ้าสาว ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษก็ยืนเด่นเป็นสง่าคอยการมาของสิตารายังปะรำพิธี
ที่จัดขึ้นริมหาด แสงสีสวยของยามเย็นสาดมาจับต้องทุกสิ่งทุกอย่าง ชวนสบายตาทั้งพาให้ใจสงบ

ขบวนเจ้าสาวที่มีผ้าสีเงินคลุมบังมิดชิดเคลื่อนเข้ามาใกล้ คนเป็นเจ้าบ่าวรออย่างใจจดจ่อ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนกลายกลับเป็นมนุษย์ มีเลือด มีเนื้อ เฝ้ารอด้วยการนับลมหายใจ
ในขบวนมีสาวๆถือผ้าบังนำมาหลายคนนั้นก้าวเข้าใกล้ ก่อนจะค่อยๆแหวกออกให้เขาได้เห็น
ผู้หญิงที่สวยงามที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมา แล้ววินาทีนั้นลมหายใจเขาก็หยุดชะงักค้าง
สายตานิ่งมองเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอในแสงสนธยานั้นราวกับภาพฝัน
เมื่อชามัลยื่นมือออกไปหา และสิตาราก็วางมือลงบนมือใหญ่ที่จับจูงเธอก้าวตาม

ในการนี้แม่ชีดำเป็นผู้กล่าวคำพิธี เสียงกระจ่างเย็นก้องไปเหนือคุ้งทะเลที่สงบราบเรียบลงผิดปกติ
“เวลานี้ดาวดวงแรก ดาวประจำเมืองจุดขึ้นที่ตรงริมฟ้าแล้ว ถือเป็นสัญญาณสิ้นสุดเวลาเย็น
และเป็นการเริ่มต้นของพลบค่ำ เวลาของชาวเรา...รัตติกาล”

แหวนวงที่เจ้าสาวจะมอบให้เจ้าบ่าวนี้เป็นตัวแทนของอำนาจ ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นราศีที่สิบสามก็แล้วแต่
ถือว่าหากได้รับมอบแหวนมาไว้ในครอบครองต่อหน้าสักขีพยาน ก็จะมีอำนาจแทนตัวของราศีที่สิบสาม
มาอยู่ในมือ

สิตารารู้สึกว่าแปลก...เมื่อแรกแหวนหินโบราณสีดำเจาะเป็นวงยังหลวมโพรก
แต่มันกลับค่อยๆพอดีขึ้นมาอย่างประหลาด เธอยื่นมือให้ชามัล เขาแตะมือเธอแผ่วเบา
ยกขึ้นจุมพิตสาบานบนเรือนแหวนขณะมองตาเธอแน่วนิ่งจนสิตาราหายใจขัด
หลังจากนั้นสิตาราจึงถอดแหวนออกยื่นให้เจ้าบ่าว เขาก็รับไปสวมนิ้วนางได้พอดีอีก

ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังต้องเป็นฝ่ายจุมพิตเขาด้วย มือบอบบางประคองใบหน้ายิ้มๆ
ของคนที่ก้มลงมาหาเธอแค่นิดเดียว พยายามเขย่งให้ถึงเขาที่กำลังแกล้ง
ทั้งที่อยู่ในงานแต่งงานแท้ๆ “นี่มันพิธีแต่งงานชาติไหนแน่ ต้องให้เจ้าสาวจูบเจ้าบ่าวแบบนี้”
ทั้งที่ซักซ้อมมาจนขึ้นใจแล้วคนเป็นเจ้าสาวยังไม่วายอุบอิบ

“เอาน่ะ เขามีหลายชาติมันก็ต้องผสมปนเปมา คนนู้นจะเอาอย่างนี้ คนนี้จะเอาอีกอย่าง
เร็วๆเข้า คนอื่นดูอยู่ไม่เห็นหรือไง”

“ฮึ” เจ้าของแก้มแดงปลั่งร้อง ก่อนจะรีบจุ๊บเขาแบบคล้ายเอาหน้าชนมากกว่า
แถมแกล้งให้พลาดไปโดนแก้มแทนเสียอีก

“ยังไม่ทันโดน” ชามัลขมุบขมิบคำรามอย่างขัดใจ ก่อนจะแตะหน้าเธอให้เลื่อนมาหา
...จนริมฝีปากพบกัน

วินาทีนั้นสิตารารู้สึกหูอื้อตาลายหวิวๆคล้ายจะเป็นลมจนเกือบเซ ถ้าไม่ได้มือแข็งแรง
ของคนที่ยืนเป็นหลักรั้งเอวไว้ กดริมฝีปากแนบสนิทกับเธอเนิ่นนาน

แม่ชีดำจะพูดอะไร ตอนนี้มันก็ไหลผ่านหูของสิตาราไปหมดแล้ว เธอหลับตา รู้สึกแค่ลมทะเลโชยชื่นที่พัดมา
กับลมหายใจของคนที่จุมพิตเธออยู่เท่านั้น แต่ในที่สุด เขาก็ค่อยๆผละจากแล้วรุนหลังเธอให้ก้าวลงจากปะรำ
ซึ่งยื่นล้ำออกไปในทะเล สิตารายังแอบได้ยินเสียงเยาะสบประมาทบางเบา

“เด็กแท้ๆ จูบแค่นี้ก็แข้งขาสั่นจะเป็นลม”

ขบวนเคลื่อนจากพิธีบวงสรวงที่หาดเข้าสู่ป่า ไปยังสถานบูชายัญต่อหน้าพักตร์พระแม่อุมาปางกาลราตรี
หรือที่เรียกขานกันในชื่อเจ้าแม่กาลีผู้มีงูใหญ่ร้อยดั่งสังวาลย์คาดองค์ พระนางผู้เป็นที่นับถือของรัตติดารา
และเวลานี้กับชามัลก็เช่นกัน เขาระลึกได้ว่าตนมีชีวิตขึ้นอีกครั้งต่อหน้าพระแม่กาลีเช่นนี้ด้วยน้ำมือของ
ท่านปู่ศานติมัน

เขาเคยสรุปกับใจตน ว่าคนอย่างปู่มีแต่ความลวง มองไม่เห็นใครในสายตานอกจากตัวเอง
แต่แท้จริงแล้วเป็นเขาที่ตาบอด หากจะมีใครสักคนที่ปู่รักโดยไม่มีเงื่อนไข ก็คงเป็นเขานี่แหละ
แม้คราวนี้จะกลับมาพบกันโดยบังเอิญ และท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครแต่ก็ยังช่วย
หรือช่วยเพราะคิดว่าเขาเป็นคนนอก ผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป ชามัลไม่อยากคิดถึงตรงนั้น
รู้แค่ว่าหลายครั้งเหลือเกินที่เขาได้รับความรักจากบุพการี และไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่ปู่จะ
แสดงออกว่าอยากทำร้ายทำลาย มีแต่เขาที่คิดไปเอง แต่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร...

ท่านปู่... ท่านเคยบอกว่าอยากเห็นวันที่ข้าแต่งงาน ถ้าเพียงตอนนี้ท่านมาเห็นภาพนี้ด้วยกันได้ ข้าคงยินดียิ่ง

สิตารารู้สึกว่ามือใหญ่ที่กุมมือตนอยู่บีบแน่นขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
แต่เธอก็บีบกระชับมือนั้นตอบกลับไป คล้ายบ่งบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งเขาไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นเหตุให้ชามัลหันมาทอดตามองเธอ ดวงตาเขาตอบมาเป็นความรู้สึกขอบคุณทั้งหมดจากหัวใจ

“ทำไมต้องบีบมือ กลัวอะไร...อยากวิ่งหนีกลางคันรึไงคุณเจ้าบ่าว จะวิ่งลงทะเลไปเลยก็ได้นะ”
สิตารากระซิบยวนยั่ว อยากเห็นเขากลับมาเป็นชามัลคนเดิมที่ตนคุ้นใจ

“ไม่มีทาง” ชามัลกระซิบตอบเจือกระแสหัวเราะบางเบาในเสียง ”เธอนั่นแหละห้ามหนี”
เจ้าบ่าวยิ้มกริ่ม ยิ่งตอนเข้าหอ อย่าหนีฉันไปกระโจนลงทะเลก็แล้วกัน...

แล้วมือทั้งคู่ก็บีบกระชับกันแนบแน่นยิ่งขึ้น หนึ่งสาวน้อย กับหนึ่งอสรพิษร้ายแห่งโมรารัตติกาล
คนจากต่างเวลาที่ดูคล้ายไม่น่าโคจรมาพบกันได้ แต่ชะตาก็ลิขิตได้เจอ เขาตายและเกิดใหม่อีกครั้ง
กว่าจะมาอยู่ตรงนี้ ส่วนเธอ ผจญไปในกระแสแห่งกาลเวลา จนถูกพาย้อนกลับมายังจุดเริ่ม
จากนี้ไม่รู้เลยว่าหลายสิ่งจะดำเนินไปอย่างไร
แต่สิตาราก็เริ่มจะเกิดความคิดขึ้นมาบ้าง...ชามัลเป็นของเธอ

ขบวนพิธีเคลื่อนผ่านทางที่เคยสลัวแต่ยามนี้กลับสว่างไสว ช่องทางสู่ปล่องภูเขาสีดำ ณ ทะเลสาบไร้เงา
มีส่วนที่กั้นไว้ให้บ่าวสาวได้ร่วมลงอาบน้ำชำระกายใจเป็นหนึ่ง เพียงจ้าวราศีเท่านั้นที่จะลงทะเลสาบนี้ได้
ในโอกาสพิเศษจริงๆ

ทั้งคู่เปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมตัวยาวเหมือนกันเพื่อลงอาบน้ำ สิตาราถูกเกล้าผมจนสูงเพื่อไม่ให้เปียก
ในขณะที่ชามัลอุ้มเธอผ่านม่านกั้น ก้าวลงบันไดสู่ทะเลสาบด้วยกัน สิตาราใจเต้นผิดจังหวะ
เมื่อต้องแนบชิดผิวเนื้อช่วงบนที่เปล่าเปลือยรุ่มร้อนของเขา แต่เพียงไม่นานร่างทั้งคู่ก็จมจ่อมลง
ในกระแสเย็นชื่นด้วยกัน ระหว่างอ้อมกอด มีเพียงน้ำ และเนื้อแนบเนื้อ

“แปลกนะ มองจากฝั่งทะเลสาบเหมือนน้ำเป็นสีดำ แต่เวลาตักไปดื่มกินหรือลงมาแช่อยู่แบบนี้
ถึงได้รู้ว่ามันใสแค่ไหน ใสเหมือนกระจก” หญิงสาวกระซิบโดยไม่มองตาเจ้าบ่าว คล้ายหาเรื่อง
พูดคุยทำลายอารมณ์แปลกๆมากกว่าอื่น

ชามัลเพียงมองเธอ มองแล้วมองเล่า วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พิธีการดูเหมือนจะดึงเอาอารมณ์อ่อนไหว
ของเขาออกมาอย่างที่ไม่คิดว่าจะเป็นได้ ชายหนุ่มจึงตอบโดยไม่ได้คิดวางแผนแบบที่เคย
“วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตฉันเลย”

สิตารามองเสี้ยวหน้าที่มีรอยแผลเป็นแนวยาวของคนตรงหน้า แผลที่ดูเหมือนกำลังเจือจางลง
อย่างประหลาด ชามัลดูเป็นสุขและสงบกว่าทุกวันที่เธอเคยเห็นเขามาก็ว่าได้ “ดียังไง”
สิตาราลูบแผลเป็นนั้น เอ่ยถามเบาแสนเบา แม้ใจจะเข้าใจเขาโดยไม่ต้องการเหตุผลประกอบใด
มากไปกว่านี้อีกแล้ว

คนเป็นเจ้าบ่าวเสหันไปมองทางอื่น ไม่สบตาคนข้างกาย แต่อ้อมกอดดูเหมือนจะเกาะเกี่ยวเธอ
แน่นยิ่งกว่าเดิม “ไม่รู้สิ สนุกมั้ง ตื่นตา แล้วก็สงบสุขแปลกๆ รู้ไหม...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ฉันคงไม่ลืมทุกนาทีที่เกิดขึ้นในวันนี้เลย”




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2557, 15:30:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2557, 15:57:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1533





<< บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ(...ต่อ)   งานวิวาห์แห่งเกาะเงา - บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย >>
อสิตา 6 ม.ค. 2557, 16:04:53 น.
คุณเกดซ่า – แอบอ่านเงียบๆอยู่รึเปล่าจ๊ะ หุหุ ออกมาเร้วเกดซ่า ตอนนี้งูหวานนะ ตัดจบแบบนิ่มนวลนะงวดนี้
หุหุ เรื่องรักของตามิตรก็เริ่มแย้มนิดๆแล้ว รอดูกันต่อไป แต่เชื่อว่าทุกคนที่อ่านเรื่องนี้ต้องรักฮี
คุณยิ้มยิ้ม – คงจะไปเรียนอยู่ กลับมาเจอกันกับงู เสือ และอีกหนึ่งหนุ่มห้าวตอนเย็นละกัน หุหุ
คุณใบบัวน่ารัก – งูก็อารมรืไหลลื่นไปเรื่อยๆนะ ไม่ได้กะกินรวบซะทีเดียวหรอก เป็นพวกชอบหื่น
แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดหมายหลักของฮี มีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญกว่าคอยบังคับอยู่ไม่น้อย
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – เริ่มคิดถึงเสือดำรึยังคะ คิดถึงไว้ อีกแป๊บๆก็มาแล้ว ...และขอบคุณที่
ให้โอกาสคนเขียนได้เป็นมาดามดันตางูหนุ่มค่ะ ต่อไปคงรักฮีไม่มากก็น้อยเนอะ ทำตาปิ๊งแว้บ


อสิตา 6 ม.ค. 2557, 16:22:01 น.
คุณก้อนหิน – สมหวังตอนนี้คงเร็วไปมากค่ะ หุหุ ชามัลยังต้องเจออะไรอีกมาก รวมถึงหนูสิต้าด้วย
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา – มะม้าว่าเฟอร์แลดูหื่นนะ จริงๆก็อยากให้ตามารสมหวังใช่มิล่า เกียมตัวมีหลานน้อยเมห์ฮรา
แต่จะนับญาติกันยังไงมะม้าก็ไม่รู้นะ ไปนับเอาเองนิ...
คุณโกลเด้นซัน – ดูเหมือนจะตกลงกันได้ค่ะ แต่คืนเข้าหอนี่ไม่แน่ใจ หุหุ... ตามิตรจะช่วยอะไรได้ไหมน้า
พลังของสิตารากับพลังความเอาจริงของชามัล อันไหนจะชนะก็ต้องรอดู
คุณซันไรส์ – ยินดีที่ได้พบกันใหม่ค่ะ ไม่ได้เข้านานอย่างนี้อย่าลืมตามไปอ่านเงารักสีน้ำเงินนะคะ ส่งสายต้าวิ้งๆ
ในที่สุดก็มีคนรักพี่ชามารอีกคน หุหุ คนนี้ของแรง ถ้าไม่รักไปเลยก็จะหมั่นไส้ฮี
คุณหนอนน้อย – ตอนนี้ไม่ค้างแล้วมั้ง อารมณ์อิ่มอาบ หรือจะค้างอีกเพราะหนอนจิ้นไปถึงเข้าหอละ
นั่นสิ ชาจังกินเด็กหมดตัวแน่ กระดูกอ่อนแบบนี้ไม่ต้องคาย แต่เด็กก็ดิ้นรนเหมือนกันนะ ดูซิจะรอดไหม
คุณผักชีต้นเหี่ยวกรอบ – อะไรนะคะ “เจ็ดนิ้วเองเรอะ” ตามารยิ้มมุมปาก แต่ของจริงเท่าไหร่
อันนี้คนเขียนก็ไม่รู้ค่ะ แต่ความลำบากจะตกอยู่กะหนูสิต้านะ ยิ่งตัวเล็กๆอยู่ คุยอะไรกันเนี่ย
เป็นสาวววววเป็นนาง
คุณพี่มูน – พี่มิ้งค์ป่วยอีกแล้ว อยากเบี้ยวจังแต่กลัวโดนตำหนิเลยต้องคลานมา 555


ketza 6 ม.ค. 2557, 16:31:07 น.
มาแว้ววววววววววววว


บุลินทร 6 ม.ค. 2557, 16:31:20 น.
้อ้าว ตอนก่อนบุลินทรไม่ได้เมนต์เหรอเนี่ย งานวิวาห์แห่งเกาะเงาะ ว้าว มีเงาะเป็นผลไม้แน่ๆ


ริญจน์ธร 6 ม.ค. 2557, 16:37:09 น.
เกาะเงาะมากจากไหนนนนนน
แต่งงานแล้ว ชามัลจะกินเด็กแล้วใช่ไหม


ketza 6 ม.ค. 2557, 16:49:16 น.
เข้าหอ เข้าหอ เข้าหอ........อ้าว ตัดจบแย้วย๋อ 555...
...แหมๆๆๆ ได้กินเด็กก็คราวนี้ เอ๊ะ..หรือจะกินแห้วแทน เหอๆๆ
...ตอนหน้าขอตัดจบแบบฮาร์ดคอร์มั่งก็ได้นะ เกดซ่ารับได้ โฮ๊ะๆๆๆ


อสิตา 6 ม.ค. 2557, 16:56:56 น.
เอ๊ะเจ้าพวกน้องๆ
เกาะเงา เกาะเงาะ เกาเงาะ
...เริ่มสับสนละ


ดังปัณณ์ 6 ม.ค. 2557, 19:37:45 น.
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ละลายยยยยยยยยยยย ชาจังน่ารวั๊กอ่า อั้ยๆๆๆๆๆ

ว่าแต่ เกาะเงาะ เกาะเงาะ คืออาไยเหยอค้าาาาาาาาา 5555+ (ร่วมด้วยช่วยแซว หุๆ ฮี่ๆๆๆๆ)

เอาแระกลับมาหาชาจัง ฉากนี้เค้าเลิกเกลียดชาจังแระฮ่ะ ตอนนี้เลิฟฮีสุดๆ คุณแป๊งงงงงงงงงง แอบงอน ใบ้หน่อยก็มะด้ายยยยยยย อยากรู้งูจะกินไก่วัด เอ๊ยยยยยยยยยยยย ม่ายช่าย เค้าจะได้เป็นคนรักกันโดยสมบูรณ์อ่ะป่าวเท่านั้นเอ๊ง ชริ! ยังไม่จิ้น เพราะรู้ว่ากว่าชาจังจะได้เคี้ยวกระดูกกรุ๊บๆๆๆ ต้องโน่นแหละ ท้ายๆๆๆๆโน่นแหละ เหมือนครามคุงแหงแซะเบย ชิมิล่ะ!

แต่แหม...ชาจัง บทจะหวานนี่น้ำตาลพุ่งปรี๊ดๆๆๆ หนอนอยากลงไปแช่น้ำด้วยยยยยยยย อั้ยยยยยยยยยยยย (หื่นเกิ๊น เหอะๆ ใครสิงเนี่ย กุซิกๆๆ)


yimyum 6 ม.ค. 2557, 19:49:04 น.
ไม่เย็นละมั้งคะ ดึกเลย555
ปล.ชอบตอนสิงห์รานีด่าชามัลอ่ะ สะใจมาก555 ชอบมิตรด้วย


lovemuay 6 ม.ค. 2557, 19:52:17 น.
รอดูตอนเข้าหอ ฮ่าๆๆๆ


goldensun 6 ม.ค. 2557, 20:04:45 น.
ชามัลเริ่มนุ่มนวลขึ้นแล้ว บรรยากาศพาไปรึเปล่า จะเริ่มหวังว่า สิตาราคงไม่ได้ใช้มีดมั้ย
มีดักคอว่า ไม่เอาแบบแต่งในนามซะด้วย ว่าเค้าเด็ก แต่ก็อยากกินละสิ ดูว่า เด็กจะตั้งรับยังไง


Chii 6 ม.ค. 2557, 21:33:07 น.
โอ้... มีดมาพอดีเลยตอนนี้ วะฮะฮ่าาาาาาาา ตัดเบยยยยย สิต้าาาาาาา

มิตตี้พูดซะจิ้มใจเบยเนอะ "เผื่อสักวันที่จะใจแข็งพอ" โถ...สิต้าาาาา


นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ม.ค. 2557, 22:06:06 น.
โฮะๆๆ เกิดอยากเป็นผู้ชายที่ดี สามีที่ดีขึ้นมาบ้างละเซะ ตาชาเมาหลงเด็ก!!!
ตอนนี้ ตามิตรแอบมาขโมยซีนตามเมานะเนี่ยยย แต่ก็แอบยิ้มกีิ่มตอนตาเมามองเจ้าสาวตาค้างงง อ๊างๆๆๆ


เด่นเดือน 6 ม.ค. 2557, 22:14:12 น.
กว่าจิจำรหัสตัวเองและมาขีดเขียนได้...
ว้าวๆๆๆๆๆๆ เกิดชอบพี่งูขึ้นมาแล้ว
แอบกระซิบถามคุณแป้งเบาๆได้เป่า...คือตอนท้ายที่งูแกจะไม่ตายรอบสองใช่ไหม
คือ...แบบ...ก็แอบหวังให้พี่แกมีความสุขบ้างอะค่ะ

ปล.ชอบพี่งูจูงเบย
ปล.2 แต่ภาคแรกเกลียดพี่งูมาก


sunrise 7 ม.ค. 2557, 00:42:48 น.
ตอนนี้ตา(หัว)งูหวานจัง คงยังไม่ได้แอ้มหนูสิง่ายๆหรอกใช่ใหม
ต่อจากบทหวานแล้วจะเข้าสู่โหมดโหดหรือดราม่ากันละเนี่ย


konhin 7 ม.ค. 2557, 02:01:02 น.
ต้องให้หัวงูยอมแพ้แบบสิโรราบ


ดวงมาลย์ 7 ม.ค. 2557, 11:46:09 น.
บอกได้คำเดียวว่าอยากอ่านแบบเป็นเล่มแล้วววววว สิ้นเดือนนี้จะอ่านของอสิหลายเล่มเลย พักสมอง คริคริ
คิดถึงนะ ไม่ได้คุยกันเลย แต่ภารกิจเจ้ยังไม่จบสิ้น ต้องไปตจว. 3 วันอีก แหง่ว แต่ไม่เป็นไร เพราะสตรีนางนั้นบอกว่าอีกอันจะเสร็จวันอาทิตย์ เจ้ยังมีเวลาอีกนิด ฮึ้บๆๆๆ


Zephyr 8 ม.ค. 2557, 00:12:40 น.
ไดเเวลาปิดไฟกินเด็กของงูจอมหื่นแล้วสินะ
ชิชะ ชักหมั่นไส้ น่าแกล้งชะมัด
หาอะไรไปขัดตอนเข้าหอดีกว่า หุหุ
สักวันที่ใจแข็งพอ สิต้าไม่มีวันนั้นร้อก แค่นี้ก็เหลวจะแย่แล้วววววว
มะม้าเขียนตอนเข้าหอดีๆนะ เอาห้อ่านเก็นภาพเลยนะ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account