โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: งานวิวาห์แห่งเกาะเงา - บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย

งานเฉลิมฉลองคืนสุดท้ายนี้ยิ่งใหญ่ มีการแสดงอวยพรในโอกาสมงคลสมรสจากทั้งเจ็ดราศี

ทว่า...หนึ่งในจำนวนนางรำญี่ปุ่นของราศีมีน นางซ่อนหน้าที่ทาจนขาวไว้หลังพัด
หรี่ตาดุร้ายราวสัตว์ป่าซึ่งถูกวาดไว้ด้วยสีดำและแดงจับจ้องคู่บ่าวสาวหมายจ้องตะครุบ
แต่แล้วจนการร่ายรำจบลง ...นางพบว่าไม่อาจเข้าใกล้อสรพิษตนนั้นได้เลย
แม้ดาบอักขระของนางจะสอดซ่อนอยู่ในเครื่องสายของผู้ร่วมบรรเลงไม่ไกลมือ
เสี่ยงเกินไปที่จะลงมือ คงต้องหวังให้มีดเล่มที่อยู่กับเจ้าสาวทำงาน แต่จะหวังได้หรือ
ในเมื่อสาวน้อยก็ดูเป็นปกติสุขดีอยู่กับเจ้าบ่าว แต่คืนนี้คงไม่ผ่านไปง่ายดายนัก
เหตุร้ายมักเกิดตอนไม่มีใครตั้งตัวเสมอ


ผู้คนผลัดกันมาทักทายบ่าวสาวที่กึ่งนั่งกึ่งเอนอยู่บนแท่นนวมนุ่มคล้ายโซฟาที่ในร้านของมิตร
ซึ่งสิตาราชอบไปแย่งเขานัก วันนี้เธอดีใจที่มิตรอยู่ด้วย งานแต่งงานของเธอ ถึงมันจะเป็นแค่งานแต่ง
เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และแม้ว่ามิตรอาจไม่เห็นด้วย แต่เธอก็รู้สึกดีเมื่อนึกไปว่าสายตาเขา
คงมองมาจากมุมไหนสักมุมในงาน

ราศีต่างๆเวียนเข้ามาหา เป็นทีของวาเลนติโน่สหายผู้อบอุ่นของชามัล ชายผมสีทองจาง
ร่างเพรียวงามสง่าในชุดหรูหราคอตั้งโน้มกายลงโค้งให้สิตาราพร้อมยิ้มกว้าง ยื่นมือมาข้างหน้า
ราวกับอยากจุมพิตมือเธอตามมารยาท สิตาราจึงต้องยื่นมือออกไป ทว่ายังไม่ทันสัมผัสถึงชามัลกลับ
เอื้อมมาจับมือน้อยไว้ให้หยุดเพียงอุ้งมือตน

“ขอบคุณท่านวาเลนติโน่ที่ให้เกียรติกับงานของเรา”

“แหม ไม่ยักรู้ว่าท่านหวงเจ้าสาวขนาดนี้ แถมยังพูดเสียห่างเหิน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยินดีด้วยอยู่แล้ว
...ในฐานะเพื่อน”

สิตาราแอบหรี่ตา เขาหวงจริงงั้นหรือ จะเป็นไปได้ยังไง... หรือว่าชามัลกำลังตบตาคนด้วยการแกล้ง
ผิดใจกับวาเลนติโน่ แต่จ้าวราศีกุมภ์ก็ดูไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่พลาดการสัมผัสมือเธอ ตรงข้าม
เขาดูจะชอบใจด้วยซ้ำกับอาการที่คล้ายๆว่า‘หวง’ของชามัล

คนเป็นเจ้าบ่าวดื่มเหล้าเข้าไปมาก รู้สึกครึ้มๆ ทั้งที่แต่ก่อนไม่คิดว่าสุราจะมอมเมาตนได้
แต่ในคืนนี้มันกลับทำได้จริงๆ มองอะไรก็สวยงาม แม้แต่พวกหน้ากากวัวที่เดินเพ่นพ่านไปมา
ยังดูน่าเอ็นดูขึ้นมาได้อย่างประหลาด
ระหว่างงานเลี้ยงดำเนินไป แม้ปากจะดื่มเหล้าผลไม้หอมหวานที่บ่มอย่างดีและสนทนากับผู้อื่น
แต่มือเขายังวางซ้อนทับลงไปบนมือน้อยของสิตารา ในคืนแต่งงานนี้ยิ่งก่อเกิดความรู้สึกมากมาย
ว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นของเขา ยิ่งกว่าที่เคยเป็นในเวลาที่ผ่านมา บางทีเขาก็ไม่อยากรอ...

เจ้าสาวเองก็เคลิ้มไปกับดนตรีบรรเลงซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่เธอชอบ
ชามัลเจาะจงเพื่อเธอขนาดนี้ บางทีเขาคงเห็นว่าเธอสำคัญจริงๆก็เป็นได้
จังหวะหนึ่งหญิงสาวเผลอเอนอิงคนข้างตัวแนบชิด หลับตาลงถอนอกถอนใจเบาๆ
อย่างแสนสุข ชามัลก้มมองอาการอ้อนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวของเธอใกล้ๆ ขนตายาว
ของคนข้างกายที่พริ้มทาบลงบนแก้มเนียนดูน่ารัก มือเขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปเขี่ย
แพขนตานั้นเล่นจนสิตาราต้องกะพริบตา เธอสบตาเขาและพบแววตาอ่อนโยน
อย่างคาดไม่ถึงกำลังมองมา พาเอาใจสั่นไหวจนต้องผละจากด้วยความเขินอาย

เมื่อสิตาราหาจังหวะขอตัวลุกไปพูดคุยกับผู้คน นิลละก็แทรกเข้ามาไม่รอช้า
เขายังโพกศีรษะไว้ด้วยผ้าลายเหมือนเมื่อวันแรกที่รู้จักกัน แม้ตอนนี้จะเติบหนุ่มเต็มตัว
ร่างเพรียวสันทัดกลับดูห่อเหี่ยวกว่าวันไหนๆ
อีกอย่าง รู้สึกว่าตาโศกของเขาหม่นลึกลงเป็นพิเศษจนหญิงสาวเอะใจ

“ท่านสิตารา วันที่ท่านแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝามาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ขอให้รู้ไว้ว่าอย่างไร
ข้า...ครึ่งหนึ่งของราศีคนคู่ก็จะขอภักดีท่านต่อไป”

“เรื่องนั้นฉันไม่สงสัยเลย” สิตาราตอบรื่นเริง คำนั้นคงจะทำให้นิลละยิ้มได้มากขึ้น
ถ้าหญิงสาวไม่พูดประโยคต่อไป “รวมถึงพรตด้วยอีกคน ทั้งสองคนไม่เคยทิ้งฉันอยู่แล้ว”

แต่ก่อนที่บทสนทนาจะดำเนินไปไกลกว่านั้น เสียงห้าวห้วนของอสรพิษผู้รับใช้โมราก็แทรกขึ้น

“คุยอะไรกัน จะเป็นเจ้าสาวแล้วทำตัวให้มันดีๆหน่อย คอยอยู่ข้างๆเจ้าบ่าวซี อย่าเที่ยวสนิทสนมกับผู้ชาย”

“พูดจาแย่ เขาเป็นเพื่อนฉันนะ” สิตารากระซิบเบา ด้วยแววตาไม่ยอมอยู่ในที

“เธอเป็นราศีที่สิบสาม...อยู่เหนือทุกคน ไม่มีใครเป็นเพื่อนไปพร้อมกับเป็นนายได้หรอก”

“ไม่จริง”

นิลละถอนใจ บทสนทนาตรงหน้าเป็นไปในเชิงทะเลาะก็จริง แต่เขากลับรู้สึกเป็นส่วนเกิน
จนต้องเลี่ยงออกไปเงียบๆเสียเอง ครั้นพอสิตาราหันหาก็ไม่เห็นเสียแล้ว

“ทำไมจะไม่จริง จริงที่สุด” ชามัลต่อความ เริ่มจะมีแววยั่วยิ้มท้าทายเมื่อดึงความสนใจของเธอมาได้
แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเท้าใต้ชายกระโปรงกรุยกรายของเจ้าสาวคนสวยกระทืบลงมาบนหลังเท้าเขาเต็มๆ
ด้วยส้นรองเท้าสูงพิเศษที่ช่วยยกระดับความสูงของเธอให้ใกล้เคียงกับตัวเขาเอง

“โอ๊ย---“ อสรพิษร้ายครางซี๊ด นึกเจ็บใจขึ้นมาติดหมัด ทำไมร่างของเขาที่ไม่เคยเจ็บปวด
กับใครง่ายดาย จะต้องมารับแรงกระทำ การลงไม้ลงมือเล็กๆน้อยๆจากเด็กคนนึงตลอด
เอาเถอะ! แลกกับสิ่งยิ่งใหญ่ที่เธอจะต้องให้เขา นั่นก็นับว่าคุ้มค่ากัน “ฝากไว้ก่อน”
คนถูกทำร้ายกระซิบ ต่อเมื่อสิตาราชิงเดินหุนหันกลับไปนั่งที่ ชามัลจึงได้เอ่ยประโยคที่เหลือออกมา
“แต่คิดว่างวดนี้คงไม่ต้องรอนาน เพราะคืนนี้คงได้เอาคืน...”


การส่งตัวเข้าหอผ่านพ้น สิตาราเข้าไปอาบน้ำตามปกติ รู้สึกว่าหัวใจพองโตอยู่ในอก

“ผู้หญิงที่มีความรักและได้เป็นเจ้าสาวเขารู้สึกกันแบบนี้หรือ แต่เราไม่ใช่เสียหน่อยนี่”
ถึงอย่างไรเธอก็ได้เข้าใกล้ความรู้สึกชวนฝัน จนกลิ่นอายนั้นยังทิ้งร่องรอยความร้อนผะผ่าว
ไว้บนผิวแก้มเนียนใสไม่ยอมจางหาย

เธอสวมชุดนอนแล้วก้าวขึ้นซุกหมอนตามปกติ หูยังแว่วเสียงจุดพลุฉลองอยู่ข้างนอก
ในเกาะที่เป็นดินแดนของพวกเขา บางทีถ้ารัตติดาราหันมาอยู่สงบๆโดยไม่คิดออกไป
ปั่นป่วนความเป็นไปของโลกข้างนอกก็คงดี

เจ้าของร่างบอบบางไม่ได้รู้เลย คืนนี้อารมณ์ดิบของชามัลกำลังพลุ่งแรงถึงขีดสุด
ในขณะที่ข่มกลั้นรอคอยเธอเข้าไปอาบน้ำ พญาอสรพิษคืนกลับไปอยู่ในรูปงู
ค่อยๆคืบคลานมาถึงเตียงที่เธอนอนอยู่ ก่อนคืบกายขึ้นไปบนเตียงแช่มช้า
แผ่แม่เบี้ยชูร่อน แลบลิ้นออกรับสัมผัสในความมืด ตาแดงวาวเป็นสีเลือด
งูร้ายเลื้อยเงียบกริบเข้าประชิดด้านหลังหญิงสาวผู้กำลังนอนตะแคงเคลิบเคลิ้มใกล้หลับใหล
เหยื่อผู้อ่อนเยาว์ของเขายังไม่รู้ตัว ตอนนี้อำนาจด้านมืดได้ครอบงำจนชามัลปัดคำสัญญา
เรื่องจะไม่แตะต้องเธอจนกว่าจะหาตัวพี่สาวสิตาราเจอไปพ้นใจเสียแล้ว

ลิ้นของอสรพิษแลบออกแช่มช้า แตะแผ่วไปตามเสื้อนอนบาง เบามากเสียจน
สิตาราซึ่งขยับตัวร้องอืออาอย่างแสนสบายอยู่กับนิทรารมณ์ที่เริ่มต้นไม่ทันรู้สึก
มีบางอย่างขึ้นมาอยู่บนที่นอนกับเธอด้วย สายลมโชยเอื่อยพัดมาพากลุ่มควันดำ
ที่ขยายตัวบนเตียงให้กระจัดกระจายมลายไปทีละน้อย เผยร่างงามสง่าของชายหนุ่ม
ที่เปลือยท่อนบนทอดกายเคียงร่างผ่องนวลของเจ้าของเตียงผู้กำลังดิ่งสู่ฝัน

สิตารารู้สึกคล้ายๆว่าได้พบกับงูใหญ่ตัวนั้นในฝัน แววตาพรายแสงแดงยังจดจ้องน่าสะพรึงเหมือนเก่า
แต่แปลกที่เวลานี้เธอกลับอยากเข้าใกล้ มองเข้าไปให้ลึกในด้วยตาที่โหดร้ายนั้น งูเหมือนจะน้อมศีรษะ
ที่แผ่พังพานลงมาหา ตาประสานตา

ชามัลรู้ด้วยจิตอันประสานเป็นหนึ่งผ่านโมรา เธอกำลังหลับฝันถึงเขา และอย่างไม่รู้ตัว…
รอยยิ้มอ่อนโยนแต่งแต้มบนริมฝีปากชายหนุ่มผู้เคยร้ายกาจ ก่อนจะค่อยๆบังคับภาพงูในฝันของเธอ
ให้กลายร่างมาเป็นตัวคนอย่างที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ จึงได้เห็น สายตาที่สิตารามองมา ความทรงจำมากมาย
ส่องสะท้อนให้ได้ย้อนระลึกร่วมกันในดวงตาคู่นั้น แม้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันจะสั้นกว่าเวลาที่เขาจากไป
แต่สิตารากลับจดจำเขาไว้ถึงเพียงนั้น
ทำไม นี่คือสายใยของโมรา หรือเป็นสายใยเก่าก่อนที่ผูกพันเขาและเธอมา...
ผ่านภพ ข้ามเวลา จนกลับมาบรรจบถึงกันในวันนี้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจอยากจะคิดมาก่อน
แต่ถ้าหากว่ามันเป็นความจริงล่ะ

สิตาราออกจะตกใจเมื่อชามัลในฝันเอื้อมมาโอบกายเธอไว้
ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเองไปยืนด้านหลังอย่างละมุนละม่อม
ก้มลงเอาคางมาเกยไหล่ พึมพำข้างหู
“แปลกนะ ไม่คิดว่าจะฝันถึงกัน”

ทำไมชามัลในฝันดูจะทำนิสัยเหมือนตัวเขาจริงๆในคืนวานเสียเหลือเกิน
สิตาราไม่คุ้นกับการกระทำแบบนี้ เธออึกอัก หน้าร้อนวูบๆ แต่ก็ดันแขนเขาออกไม่พ้นตัวเสียที...

น่าอายจัง ทำไมฝันแบบนี้ ตื่นซะที!

เจ้าของร่างบอบบางสะดุ้งน้อยๆ ก่อนลืมตาขึ้นกลางความมืด...เธอตื่นแล้ว
แต่ทำไมอ้อมแขนที่รัดรึงยังไม่คลายหาย แถมร่างกายของคนที่แนบชิดอยู่ก็ด้วย!

สิตาราทะลึ่งดีดตัวพรวดจากเตียง คราวนี้คนกอดยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
แสงโคมไฟจุดขึ้นเบื้องหลัง เธอหันขวับไปเห็น ชามัลนั่นเองเป็นคนเปิดไฟหัวเตียง
ซึ่งเป็นหอยมุกเรืองแสงอ่อนๆสีนวล ก่อนที่เขาจะกระเถิบมานั่งห้อยขา แขนเท้าเตียงไว้
ด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ขณะเสียงพลุที่ชายหาดยังดัง วี้ด---ปัง ให้ได้ยินอยู่นานๆครั้ง

“หนีทำไม เจ้าบ่าวเข้ามาหาแค่นี้ ทำไมต้องตกใจด้วย”

“เราสัญญากันไว้อีกแบบ!”

“เรื่องไหน สัญญาเยอะแยะมากมายเหลือเกินนี่ ชักจะมึนๆ” ชามัลยิ้มร้าย
ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆด้วยท่วงท่าที่ยังสบายๆดุจเดิม

“ก็บอกว่าจะไม่ทำอะไรฉัน จนกว่าจะเจอพี่ดารา” สิตารายังกลั้นใจตอบด้วยเสียงที่พยายามให้ปกติ
แต่เท้าพาเธอก้าวถอยหลังไปจนแทบจะติดผนังอยู่แล้ว

“ทำอะไรน่ะหมายถึงอะไรล่ะ ฉันเข้าใจไปว่าหมายถึงไม่ให้ทำร้ายเธอ”

“เอ๊ะ” สิตาราชักฉุน ทว่าก่อนที่จะโวยวายชามัลก็สาวเท้าวูบเข้าหา
หญิงสาวที่ถอยไปจวนถึงผนังขยับจะวิ่งหนีไปยังประตู แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อแขนแข็งแรงกั้นทางหนีไว้
เธอเงยสบตาเขา ดวงตาสีน้ำตาลแลบประกายทองนั้นมีแววปรารถนาและความยั่วเย้ารวมกันอยู่
ตาเยิ้มๆเหมือนคนดื่มจัดไม่มีผิด “เมาเหรอ ร่างที่ถือกำเนิดจากพลอยเมาได้ด้วยงั้นหรือ”

“ไม่นี่ ไม่เมาสักนิดเลย” คนตอบยืนยันคำสามัญที่คนเมาทั่วไปพูดกันคล่องปาก
ก่อนจะใช้มือใหญ่เสยผมยาวเป็นคลื่นนิ่มมือของสิตาราเล่น โดยไม่สนใจสายตาเธอที่ร่ำๆว่า
จะกระโดดงับมือเขาอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นยังเบียดชิดเข้าไปอีกจนสิตาราตัวลีบติดผนัง
“เป็นจิ้งจกใช่ไหม ทำหน้าซีด แถมยังทำตัวแนบติดหนึบกับกำแพงได้ด้วย”

“อย่าล้อเล่นนะ”

ชามัลก้มลงจุ๊บปลายจมูกน้อยๆโด่งเป็นสันอย่างเอ็นดู ก่อนจะหัวเราะเหมือนคนเมา
จนคนฟังขนลุก ขณะที่เอื้อมลงช้อนอุ้มสิตาราลอยขึ้นทั้งตัว

หญิงสาวตัวแข็งค้าง แต่ก็อย่างว่า เธอไม่ได้ดิ้นหนี เพราะรู้ว่าดิ้นไปก็ไม่พ้นอยู่ดี
ทว่าพอชามัลทิ้งร่างเธอลงถึงเตียงแล้วยืนเท้าสะเอวจ้อง สิตาราก็พยายามคืบหนี
เหมือนหนอนไปยังอีกฝั่งของเตียงทีละน้อย ยังไม่ทันพ้นรัศมี มือแข็งแรงเหมือนปลอกเหล็ก
ของคนที่ทำท่าว่าเมาก็คว้าหมับเข้าตรงข้อเท้า ลากเธอกลับมาช้าๆอย่างนิ่มนวล ก่อนที่เขา
จะปีนขึ้นมาอยู่บนเตียงด้วยกัน

ชามัลก้มลงสูดกลิ่นหอมจากแก้ม สัมผัสแผ่วๆโดยใช้เพียงปลายจมูก

“ชามัล ฉัน...” สิตาราร้องเสียงพร่า

จากนั้น เขาค่อยๆละเลียด สัมผัสกลิ่นอายเธอด้วยลิ้นไม่ต่างจากยามอยู่ในร่างอสรพิษ
นี่คือเหยื่อของเขาที่กำลังสั่นเทา ช่างหอมหวานชวนกินเหลือเกิน

“เพราะเธอนั่นแหละ กับไอ้เรื่องรอบตัวเราที่มันวุ่นอยู่ ทำให้ฉันหัวหมุน...
รู้ไหมว่าฉันไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงมานานเท่าไหร่แล้ว เธอเป็นเจ้าสาวก็ต้องทำหน้าที่ซี”
ชามัลหอมตรงขมับเจ้าสาวแรงๆ ก่อนปลายจมูกโด่งจะระเรื่อยลงไปจนถึงแก้ม คาง
และซอกคอนวลเนียนของสิตารา

วูบแรกเธอเกือบจะถาม ว่าแล้วทำไมเขาไม่พาเธอหนีไปล่ะ
ไปเสียจากทุกสิ่งที่รายล้อม ก็เขาเองนั่นแหละที่พาเธอเข้ามาในวังวนอำนาจที่โอบล้อมอยู่ตอนนี้
แต่สัมผัสของชามัลเริ่มทำให้สิตาราหวิวๆใจจะขาด คิดอะไรแทบไม่ออก วูบต่อมา เธอพลันนึกถึง
มีดเล่มนั้น ถ้าเอามาแทงเขาสักทีจะหยุดการรุกรานนี่ลงได้ไหม ไม่ต้องตรงหัวใจหรอก ไหล่ แขน ตรงไหนก็ได้

แต่เธอจะทำร้ายเขาได้อย่างไร ก็ความรู้สึกที่หัวใจกำลังร้องบอก มันเป็นความหวั่นไหวปนตื้นตัน
อยากจะใกล้ชิด อยากให้เขาถนอมเธอเอาไว้ สิ่งที่อยู่ในใจนี้คล้ายๆจะเป็นรัก เธอคงรักเขาเข้าแล้ว
...รักคนอย่างชามัล!

ทว่าก็สาวน้อยยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องอย่างว่า แม้เขาบอกแต่แรก นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงานในนาม
แต่ตามที่ตกลงกันไว้ก็ต้องหลังจากนี้ สิตารายังไม่รู้จักความสัมพันธ์รูปแบบผู้ใหญ่ ไม่คุ้นเอาเลย
แล้วจู่ๆเขาก็จะมายัดเยียดให้เธอ
“หยุดได้ไหม” คนตัวเล็กกว่าเบือนหน้าหนีก่อนชามัลจะทันได้วนเวียนขึ้นมาจุมพิตเรียวปาก
มือของเธอกึ่งดันกึ่งระไล้ผ่านผิวแก้มเขา ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงรอยแผลเป็นที่ซีกหน้าและมุมปากข้างซ้าย
ซึ่งคล้ายกำลังกระตุกเป็นรอยยิ้ม

ชายหนุ่มส่ายหน้า เห็นเจ้าสาวของตนจวนเจียนจะร้องไห้อยู่แล้ว
หรือเขาควรหยุด ถือซะว่าแค่เข้ามาสอนงานล่วงหน้านิดๆหน่อยๆ
...แต่คนอย่างชามัลไม่เคยชินกับความคิดแบบนั้น ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะหยุดเพื่อใคร...
เหล้าที่เข้าปากสร้างไปแล้วอุปาทานเหนียวแน่นว่าตนกำลังเมามายดื่มด่ำในรสของความสุข
คืนนี้เป็นคืนของเขา และเขาต้องได้ทุกอย่าง ต้องได้เธอ!

“รักฉัน แล้วฉันจะมีแค่เธอคนเดียว...สิตารา” เขาพูดอย่างนั้นออกไปได้อย่างไร
แต่ใจดูคล้ายจะเชื่อตามคำที่พูดจริงๆ ดวงตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายวูบยามสบตาดำขลับ
ที่สวยเหมือนดาวบนฟากฟ้าราตรี ก่อนก้มลงไปหาอย่างช้าๆ
และคราวนี้...ไม่มีแม้เศษของคำว่าลังเลอยู่ในส่วนใจ

ทว่า...
ตูม---!

เสียงระเบิดสนั่นดังขึ้นที่ท่าเรือ ชามัลชันตัวขึ้นในท่าที่ยังคร่อมสิตาราอยู่
สีหน้ามีแววเกรี้ยวกราดเข้ามาแทนความกระสันรัญจวนไปแล้วเกือบร้อยส่วน

“หมาตัวไหนมันบังอาจ กล้าลองดีในวันสำคัญ” ในนาทีนั้นตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงวาวโรจน์
“คราวนี้เลือดไม่ท่วมทะเล อย่าเรียกข้าว่าอสรพิษแห่งโมรารัตติกาล!”

สิตาราตะลึงเมื่อร่างของชามัลแปรเป็นอสรพิษตัวยักษ์ตาแดงก่ำ
เผ่นพรวดออกไปทางหน้าต่างซึ่งเปิดออกสู่หาด หญิงสาวไม่รีรอ ถลันวิ่งตามไปเกาะดูด้วย
จากที่เห็น เรือซึ่งมีแม่ย่านางหัวเป็นวัวของพวกพฤษภปริแยกตรงกึ่งกลางลำ โชนช่วงไปด้วยแสงอัคคี
ทำท่าจะจมมิจมแหล่ ไม่ใช่เพียงลำเดียว อีกสองสามลำที่อยู่ถัดไปก็ด้วยเหมือนกัน แล้ววินาทีถัดมา
ประตูห้องก็เปิดพรึ่บ พร้อมเสียงของมิตรร้องเรียกมา

“รีบไปจากห้องนี้! ก่อนจะมีใครมา”



บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย

ความโกลาหลเริ่มขึ้นทันทีที่ระเบิดดัง หลายราศีคล้ายจ้องคอยเวลานี้อยู่แล้ว...
อาจจะรอมาตลอดเจ็ดวัน ไม่รู้ว่ารอช่วยหรือรอจะซ้ำกันแน่ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงอีก
เมื่อเสียงหนึ่งตะโกนลั่นได้ยินก้องไปทั้งหาด

“ท่านมิยาซากิแห่งราศีมีนสิ้นแล้ว มีคนลอบฆ่าจ้าวราศี!”

“มิยาซากิตายแล้ว!”
เหล่าภูตดาราที่กำลังตกอยู่ในความระส่ำระสายตะโกนรับกันเป็นทอดๆ
แต่เพราะถูกฝึกมาอย่างดี ทุกคนจึงเร่งประจำการในจุดที่ควร คือปกป้องคนสำคัญที่สุดของราศีตน
มีเพียงพิจิก ตุลาการและคนคู่ซึ่งถือเสมือนเจ้าของสถานที่เท่านั้นที่เร่งจัดการกับความวินาศส่วนกลาง

ตุลาการรดิศตาวาวโรจน์ หลังจากสั่งรตีให้เก็บตัวแน่นหนาอยู่ในห้องรับรองมิดชิด
ทั้งมีทางหนีทีไล่กับคนไว้ใจนับสิบคุ้มกัน ตัวจ้าวราศีตุลย์เร่งตรงไปยังเรือที่ถูกระเบิด
เห็นศีรษะของเด็กหนุ่มแห่งราศีมีนตอนนี้ถูกต่อติดไว้กับหัวเรือราวกับเป็นแม่ย่านาง
ไฟสุมเต็มฐานใต้จุดนั้น ขับเน้นให้เป็นเป้าสายตายิ่งกว่าที่ใด

...สายตาราวเหยี่ยวมองข้ามความอลหม่าน
มองหาคนที่สงบที่สุดท่ามกลางภาพอันมีฉากหลังเป็นเรือลุกติดไฟ

แล้วเขาก็พบ ร่างเปรียวแฝงตัวบนแนวคานพาดขวางเสากระโดงเรือราศีกรกฎลำที่ไม่ได้ถูกโจมตีแต่อย่างใด
รดิศพุ่งพรวดไปยังเป้าหมายเร็วจนเหมือนเดินอยู่บนอากาศ ด้วยพลังของอัญมณีที่คืนนี้เขาไม่คิดจะเก็บงำไว้
รตีเคยว่าเขาเป็นคนเหี้ยมโหดกับคนนอก ซึ่งก็นับว่าจริง และยิ่งเมื่อมีอำนาจในมือเขาก็ยิ่งเหี้ยมขึ้นเป็นร้อยเท่า
จึงได้หาทางจำกัดมันโดยฝากฝังที่มาของอำนาจคือโอปอล มณีสีรุ้งประจำราศีไว้กับน้องสาว
แต่คืนนี้เขากลับขอมันติดมือมาด้วย เมินเฉยต่อสายตากังวลของรตี
ที่กำลังกลัวว่าพี่ชายตุลาการผู้ผดุงความธรรมซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวจะแล่นมาก่อความไม่สงบเสียเอง

‘น้องกลัวว่าแทนที่พี่ชายจะกำราบสถานการณ์เลวร้ายให้ยุติลง จะกลายเป็นเพิ่มให้มันหนักยิ่งไปกว่าเก่า’

รดิศยิ้มเครียด น้องสาวยังไม่รู้ ว่าเขารอคอยโอกาสนี้อยู่เช่นกัน คนใจสะอาดอย่างรตี
ไม่สมควรรู้ว่าพี่ชายอยู่ในวังวนเช่นไร
‘ไม่เป็นไรหรอกน้องรัก ถึงทะเลจะกลายเป็นสีเลือด ความมืดก็จะช่วยอำพรางมันเอง
ตอนเช้าทะเลก็ยังคงสวยอย่างเดิม’

รดิศขึ้นไปสูงจนอยู่บนโครงเหล็กอันเดียวกับผู้เฝ้ามองที่ปิดบังหน้าตา
ฝ่ายนั้นพรวดขึ้นทันทีที่เห็นการมาของเขา อีกฝ่ายทาหน้าขาวเหมือนนางรำทว่าแต่งชุดเหมือนนินจา
ที่หลังมีดาบไขว้อยู่สองเล่ม ดาบหลอกหนึ่ง... ดาบจริงอีกหนึ่ง...

“จุๆๆ ในความเห็นของข้าคนราศีปลาดิบด้วยกันเอง คงไม่ฆ่ามิยาซากิแน่”

คนที่แฝงตัวเฝ้ามองเหยียดตัวขึ้นจากที่นั่งยองๆทรงตัวอยู่บนคานเหล็กทั้งเล็กและแคบ
ส่ายหน้าช้าๆขณะหยิบดาบเล่มหลอกออกมาชี้หน้ารดิศที่ยืนประจันกันอยู่เหนือลำเรือ
ซึ่งประยุกต์ระหว่างเวทกับวิทยาการและการออกแบบเป็นเชิงศิลป์ย้อนยุค

“ถึงจะพันซ่อนด้ามจับดาบเสียจนดูเหมือนกัน แต่ข้าก็จำขนาดและรูปร่างของดาบที่หลังเจ้าได้
แม้เคยเห็นเพียงครั้งเดียว...ช่วยเฉลยทีว่าความจำของข้ายังดีอยู่ สิงหรานี!”
รดิศตั้งท่าเตรียมพร้อมจะสู้กันบนนี้เลยอย่างไม่เกรงความสูง

“เก่งนี่ จมูกไวเหมือนหมา” เสียงห้าวกร้านของสตรีดังมาจากใต้ผ้าปิดปาก “แต่โทษทีว่ะ
คนทำเรือเวรของไอ้พวกบ้านี่เละมันเป็นคนอื่น ตุลาการประสาอะไร คิดเองเออเองก่อนสืบสวน
แถมข้อสันนิษฐานห่วยเหลือทน”

“งั้นเจ้ามาที่นี่ทำไมล่ะนางสิงห์ ตอบมา”

นางผู้แฝงกายมองสำรวจชายร่างสง่าในชุดสีเทาทรงคล้ายชุดบาทหลวงแต่เดินดิ้นลายไทย
ไม่ต่างจากครั้งแรกที่พบกัน
“ข้าเป็นโจร ก็ต้องมาปล้น ตอนนี้คงต้องขอปล้นวิญญาณของเจ้าด้วย!”

รดิศส่งเสียงอย่างหนึ่งในคอคล้ายสำรากตะกายวูบเข้าถึงตัว
สิงหรานีดีดหลบพลางชักดาบอีกเล่มออกมากันไว้ทันท่วงที ดาบนินจาหักสะบั้นในครั้งเดียว
ส่วนดาบอักขระของดีคู่กายยังไม่สะเทือน เวลานี้นางจึงได้เห็นอาวุธในมือของตุลาการอีกครั้ง
กงจักรนั้นมีเงี่ยงสำหรับงัดหักอาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้ อีกฝ่ายดีดตัวถอยฉะออกห่าง
จักรคมหมุนติ้วแลบประกายเหลือบรุ้งสะท้อนรับแสงดาว

“ขอถามอีกครั้ง ใครฆ่ามิยาซากิ”

“โวะ! ที่ของใครใครก็ดูแลสิเล่า อย่าสะเออะมาถามเอาจากโจร”
หญิงสาวจ้าวราศีสิงห์ได้ทีก็หลอกด่าตุลาการที แต่จากแววตาของฝ่ายนั้นบอกชัด
มันต้องการให้นางจ่ายคืน ทุกถ้อย ทุกคำที่พูดออกมา ทว่าสิงหรานีไม่สนใจ
“ปลาน้อยหนึ่งในเจ็ดราศีที่มางานถูกฆ่า ก่อนพ้นคืนนี้อาจมีอีก พวกราศีที่เหลือคงต้องคิดใหม่ละ
...อย่าหวังเลยว่าการมีราศีที่สิบสามจะทำให้ทุกอย่างกลับคืนมาอย่างที่ต้องการ”

“นั่นสินะ แล้วใครจะได้ประโยชน์มากไปกว่าโจรที่แสดงท่าไม่หวังดีแถมไม่เข้าร่วม
ข้าคิดไม่ออกเลย อีกอย่าง เป็นธรรมชาติของแมวไม่ใช่หรือที่จะกินปลา”

“สิงห์! ไม่ใช่แมว” นางพญาซึ่งในคืนนี้ซุกซ่อนแผงคอไว้คำราม

“จะรู้ได้ยังไงว่าเจ้ากินเหยื่อเข้าไปหรือเปล่า ข้าขอฆ่าเจ้าก่อนค่อยผ่าท้องออกดูก็แล้วกัน!”



ชามัลโผนออกไปด้วยร่างของอสรพิษดำสนิท หมายสั่งสอนพวกมนุษย์หน้าโง่ที่หาญกล้าก่อเรื่องผิดเวลา
ก่อกวนคืนที่ควรจะสิ้นสุดอย่างราบรื่นของเขาลงไม่มีดี แต่แล้วเงาของบางอย่างกลับวูบผ่านคลองจักษุ
ลักษณาการเคลื่อนไหวที่ตรึงติดในความทรงจำแห่งวิญญาณของเขา...การเคลื่อนไหวของเสือ!
จะเป็นใครไปเสียอีกนอกจากมัน มัชฌิม์ เมห์ฮรา วันนี้มันได้กลับมาแล้ว
กลับมาทำลายทุกอย่างที่อาจเป็นความหวังของเขาลง
“เหมือนกับที่พ่อของเจ้าเคยทำลายชีวิตข้าใช่ไหม ไอ้เสือขี้เรื้อน” ชามัลเข่นเขี้ยว
“แล้วคืนนี้เราจะได้รู้กัน!”

ขณะที่มิตรพาสิตาราออกมาพ้นห้อง เธอจึงได้พบว่าคนเฝ้าประตูถูกทำให้สลบไปด้วยยาของมิตร
ทั้งคู่เลี้ยวลับมุมไปได้หน่อยก็เห็นกลุ่มภูตดาราสวนไปยังห้องของสิตารา ไม่แน่ว่ามาคุ้มกัน
หรือเป็นพวกเดียวกับคนที่ก่อเหตุไม่สงบและหมายเล่นงานราศีที่สิบสาม

ทั้งสองรุดไปยังช่องทางที่แตกแขนงออกของศาลาเงา สิตาราเป็นคนวิ่งนำ
นึกยินดีที่ตนมีเสื้อคลุมอย่างหญิงรับใช้สวมอยู่บนตัวเรียบร้อยแล้ว
เป็นสิ่งที่ตระเตรียมไว้พร้อมรับเวลาฉุกละหุก สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
หญิงสาวไม่ลืมคว้ามีดสั้นซึ่งเป็นของขวัญจากสิงหรานีติดมาด้วย หวังว่ามันอาจเป็นประโยชน์กับตน
แม้จะสวมรองเท้ารัดส้น สิตารากลับรู้สึกถึงแต่ละย่างก้าวที่เย็นเยียบ อากาศก็เย็นลงจัดจนลมหายใจ
ของเธอแทบจะกลายเป็นควัน เหมือนกับการระเบิดนั้นเป็นตัวจุดชนวนให้ทุกอย่างที่เลวร้าย
ซึ่งตกตะกอนนอนสงบอยู่ในราตรีนี้กำลังแข่งกันเปิดเผยตัวตน

“มิตร...ไปด้วยกันแบบนี้เราจะจัดการเรื่องไม่ครบทุกทาง แถมพรางตัวลำบากด้วย
เราแยกกันไปดีกว่า” แต่ก่อนมิตรมักจะเป็นคนจัดแจงเสมอในเวลาแบบนี้ คิดแล้วก็อดขำไม่ได้
ที่ตอนนี้สิตารากลับมาเป็นฝ่ายวางแผน

“ก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันห่วงเธอ”

“ฉันอยู่ที่เกาะนี้มานานเท่าไหร่ เอาตัวรอดได้แล้วกัน มิตรไปดูฝั่งตุลาการเถอะ
ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ จะเป็นพวกสนับสนุนการก่อเรื่อง หรือเป็นคนห้ามทัพ
...ส่วนฉันจะไปตามหาพรตกับนิลละ แล้วค่อยไปดูชามัล”

“เจ้าแฝดคนคู่นั่นไว้ใจได้หรือ”

“ก็น่าจะได้คนหนึ่ง...มั้ง” สิตาราตอบพลางหัวเราะแล้วยักไหล่
“ยิ้มหน่อยสิ ตัวเองเป็นคนสอนไม่ใช่หรือไง ว่าให้ยิ้มได้เมื่อภัยมา”

มิตรยิ้มเหมือนแยกเขี้ยว เห็นฟันขาวตัดกับผิวแทนจัดในความสลัว “เชื่อแล้วว่าฉันเคยเลี้ยงเธอมาจริงๆ”

“เพิ่งเชื่องั้นเหรอ” สิตาราส่งเสียงไล่หลังเมื่ออีกฝ่ายเร่งจากไป “ระวังงูยักษ์นะตาบ๊อง!”
นั่นสิ ถ้าเจอชามัลเข้าคงแย่...ไม่ใช่แค่สู้ไม่ไหว แต่มิตรกลัวสัตว์เลื้อยคลานออกเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น
ลงปะหน้ากันเข้า มีหวังไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

ในช่องทางมืดเบื้องหน้า สิตาราคล้ายเห็นเงาคนวูบไหว เวลานี้ตาที่สามซึ่งกระจ่างโพลงขึ้นมา
ช่วยให้บอกได้ว่าชายที่ไม่มีการปิดบังอำพรางตนอยู่เบื้องหน้านั้นคือ “พรต!”

“ท่านสิตารา ผมคิดแล้วว่าท่านต้องหนีมาทางนี้” ชายกลางคนผู้ภักดีต่อชามัลกล่าว
“เราต้องรีบออกไปพ้นศาลาเงาก่อน แล้วค่อยเลาะไปตามแนวป่าน่าจะปลอดภัยที่สุด รีบไปกันเถอะ”

“แล้วนิลละล่ะ” สิตาราถามร้อนรน

พรตถอนใจแรง “อันที่จริงผมไม่รู้ว่าควรจะไว้ใจเขาต่อไปหรือเปล่า คืนนี้นิลละเองก็หายไป
ทั้งที่หน้าที่ของเขาคือดูแลท่านสิตารา”

“ไม่จริง นิลละไม่น่าทรยศ”

“หลังจากคืนนี้ คำตอบทุกอย่างจะมาถึงท่านเอง...”


กลุ่มภูตดาราที่มุ่งไปยังห้องของราศีที่สิบสามนั้นอยู่ในชุดดำ ถือเป็นสียืนพื้นของทุกราศี
ซึ่งยังไม่เอาใจออกห่างรัตติดารา ทุกคนล้วนปิดบังใบหน้ามิดชิดภายใต้ผ้าปิดปากสีดำกลืนไปกับชุด

หัวหอกซึ่งนำขบวนมานั้นมีรูปร่างสันทัด เมื่อไม่เจอสิตาราก็เร่งส่งสัญญาณมือให้ค้นทั่วห้อง
ก่อนจะพบว่าไร้วี่แววของสตรีผู้เพิ่งขึ้นเป็นราศีที่สิบสาม เขาได้แต่ควงดาบสั้นในมืออย่างหงุดหงิด
ก่อนจะปามันไปปักฉึกลงตรงกลางเตียง แน่ใจอยู่แล้วว่าหากเกิดเหตุ ตัวอสรพิษร้ายเองจะต้องแล่นออกไป
จากห้อง แต่ไม่คิดว่าเจ้าสาวของมันก็จะไหวตัว ละทิ้งห้องหอไปรวดเร็วเพียงนี้

เจ้าของร่างสันทัดดึงดาบที่ปาออกไปปักบนเตียงด้วยแรงอารมณ์กลับมาถือไว้กระชับมือ
ก่อนจะเอ่ยต่ำๆ เจือรอยยิ้มในกระแสเสียง “ท่านสิตารา หนีไปทันท่วงทีจนได้
แต่ก่อนสิ้นราตรีนี้ข้าจะต้องหาท่านให้พบ...เพื่อเราจะได้บอกลากันเสียที!”




สมิงดำโผนหลบหลีกเร้นกายไปท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนที่บ้างกำลังดับไฟ บ้างกู้ชีวิต
ขนของหนีจากเรือสี่ห้าลำที่กำลังจะล่ม แต่ละราศีไม่ได้เอาเรือมาเพียงลำเดียวแต่เอามากัน
คนละสองหรือสามลำ

ทันใดเสียงระเบิดคำรามขึ้นอีก และบางจุด การต่อสู้ของคนที่สับสนว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู
ได้เริ่มขึ้นแล้ว หน้าที่ของมัชฌิม์คือช่วยเพิ่มความวุ่นวาย ดึงความสนใจเพื่อเปิดโอกาสให้คนของราศีสิงห์
เสือดำตัวมหึมาโจนไปขวางกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังห้อหนีจากแรงระเบิด ปากแสยะอ้ากว้าง
เห็นเขี้ยวขาววาว ก่อนคำรามก้อง พ่นไฟจากปากสกัดต้อนให้กลุ่มคนแตกซ่านไม่อาจรวมกันได้ติด

เมื่อทางนี้วุ่นวายมากเข้า เป้าหมายที่จะชิงตัวสิตาราไปก่อนสิ้นคืนนี้ก็อาจสำเร็จได้
คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนหาญกล้าถึงกับจะพรากราศีที่สิบสามไปจากเงื้อมมือของทั้งเจ็ดราศี
ความโกลาหลนี้อาจถูกตีความไปในแง่อื่น

ทว่าทันใด...เสือดำกระสาถึงอายมรณะที่เคลื่อนเข้าใกล้
เขาจำกลิ่นจากจิตมืดดำของมันได้ดี ชามัล! มันกำลังตามหาเขา ใกล้เข้ามาทุกที
ร่างดำปลอดจึงจำเป็นต้องหาที่หลบ ซุกซ่อนหลีกเร้นเข้าสู่ราวป่า แม้จะอยากสู้กับมันแค่ไหน
แต่คราวนี้มัชฌิม์จะไม่ผลีผลามอีก เขาได้รับบทเรียนมาพอแล้ว ขอเพียงได้ตัวสิตารา ได้โมราเม็ดนั้น
มาอยู่ในมือ เขาก็จะกลับไปยังที่ที่ตนจากมา ถ้าเขาพาเธอไปด้วยได้สำเร็จ รัตติดาราที่ไร้ซึ่งราศีที่สิบสาม
ก็จะต้องปั่นป่วนเจียนสลายลงอีกครา

สิตาราวิ่งนำพรตเข้าสู่ป่า ลัดเลาะไปตามลำธารตื้นๆแค่ข้อเท้า แม้ช่วงแรกที่มาถึงเกาะ
ป่าจะเป็นสถานต้องห้าม ทว่าตลอดเวลายาวนานหลายปีมันก็กลายเป็นที่เคยคุ้นสำหรับเธอจนได้
โดยเฉพาะแนวป่าช่วงไม่ไกลจากหาด นึกขำที่พรตได้แต่เป็นฝ่ายตาม ก็จะมีองค์รักษ์คนไหนบ้างล่ะ
ที่ช่วยอะไรแทบไม่ได้แบบเขา แต่อย่างน้อยก็อุ่นใจที่มีชายกลางคนผู้นี้มาด้วย ดีกว่าต้องวิ่งหนีเข้าป่า
เอาตอนมืดๆลำพัง

แต่แล้วหญิงสาวกลับชะงักฝีเท้าเมื่อรู้สึกได้ถึงอันตราย ไม่ใช่จากเบื้องหน้าหรือทิศทะเล
...แต่มีคนตามหลังพวกเธอมา

“พรต...มีคนตามมา หาที่ซ่อนเร็ว ฉันจะใช้พลังอำพรางเราสองคนไว้ให้มากที่สุด
ถ้ายังหนีต่อไปมันต้องเจอเราแน่”

ทั้งสองหลบลงยังซอกใต้หินใหญ่ซึ่งแทรกตัวทั่วไปในราวป่า เท้าย่ำน้ำไหลเย็นยะเยียบก่อเกิดเสียง
แต่พอเลิกเคลื่อนไหวก็มีแต่ความเงียบตามมา ก่อนที่ฝีเทาเบากริบของคนกลุ่มหนึ่งจะค่อยๆปรากฏ
แว่วต้องฆานประสาท เสียงฝีเท้าแสนเบาเหมือนเงาผี โจนทะยานในอากาศด้วยอาการเหมือน
พุ่งไปข้างหน้ามากกว่าวิ่ง โดยใช้เพียงส่วนปลายเท้าแตะพื้น เหล่าภูตดารา...ไม่รู้ว่าของราศีใด
ตามมาเงียบกริบแบบนี้ย่อมมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่

สิตาราสบตาพรตที่เห็นอยู่วาวๆไม่ห่างกันในความมืด พยายามหายใจให้เบาที่สุด
รอให้พวกมันผ่านเธอไป หารู้ไม่ว่า...ร่างสันทัดของหัวหน้าของกลุ่มกลับรีรออยู่รั้งท้าย
ทำสัญญาณมือให้ลูกน้องนำไปก่อนโดยไม่ต้องรอ เมื่อเท้าสัมผัสลำธารที่ก้าวผ่าน
น้ำนั้นกระซิบบอกความ
...คนที่เขากำลังตามหา หลบซ่อนตัวอยู่แถวนี้เอง

ชายชุดดำอำพรางตัวตนมิดชิดสงบนิ่งอยู่ในความมืด นิ่งยิ่งกว่านิ่ง
เมื่ออีกฝ่ายใช้พลังอำพรางกำบังตนไว้จากการรับรู้ เขาก็กำบังตัวเองตอบ
ให้เหยื่อคิดว่ากลุ่มผู้ที่ติดตามมาไปพ้นจากตรงนี้แล้วค่อยปรากฏตัวออกมาเอง

พรตพยักหน้าให้สิตารา หญิงสาวนิ่งสดับอยู่ครู่จึงพยักหน้าตอบ ศัตรูคงจะไปไกลแล้ว
ทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนไหวจากที่กำบังเบาแสนเบา หมายจะย้อนกลับไปทางเก่าซึ่งตรงกันข้ามกับที่ผู้ติดตามมุ่งไป

ทว่าก่อนจะได้ก้าวไปอย่างใจหวัง เสียงที่ทำเอาก้าวไม่ออกก็คือเสียงชักดาบออกจากฝักดังบาดประสาท
ในความมืดและเงียบ สิตาราหันกลับไปในทันที แต่เป็นพรตที่เอาตัวมาขวางเธอไว้

“หยุดทั้งคู่นั่นแหละ ถ้าไม่อยากตาย!”

แม้คนพูดจะคล้ายพยายามดัดเสียง และแม้ที่ตรงนั้นจะมืด แต่ด้วยพลังตาใน
หญิงสาวผู้เป็นราศีที่สิบสามก็เห็นอีกฝ่ายได้ชัด จึงหลุดอุทานออกมาจากในคอ
จนพรตได้ยินเข้าก็ตะลึงไปเช่นกัน

“นิลละ! หรือว่าวรรณะ!”

เธอคุ้นกับนิลละมาตลอดหลายปีที่ผ่าน แต่สิตาราก็บอกได้เพียงแค่ว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่คือหนึ่งในฝาแฝด
เพราะยามนี้เสียงเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดเลย หากเป็นนิลละยามปกติเสียงจะทอดอ่อน วรรณะก็ร่าเริง
อย่างว่า
แต่บางเวลาทั้งคู่ก็จะใช้เสียงโทนกลางๆอย่างที่ใช้อยู่ตอนนี้ ถ้าเป็นวรรณะเธอไม่สนอยู่แล้ว
แม้ตอนแรกเจอจะชอบเขามากกว่า แต่ตลอดเวลายาวนานที่เขาทิ้งเธอไปกับชามัล
สิตาราก็ได้รู้ ความประทับใจเมื่อแรกนั้นไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับคนที่เลือกจะอยู่เคียงข้างเรา
ในทางกลับกัน ถ้าคนที่คิดฆ่าเธอคือนิลละที่สิตาราเห็นเสมือนเป็นพี่น้อง
นั่นเป็นสิ่งที่ทำใจยอมรับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ข้าล้อเล่นนะท่านสิตารา”

สิตาราเกือบถอนหายใจโล่งอกเร็วไปนิด ถ้าเขาไม่ชิงพูดต่อ

“ถึงท่านหยุดตามที่ข้าสั่ง ก็ยังต้องตายอยู่ดี!”

ไม่พูดเปล่า เจ้าของร่างสันทัดโจนเข้าหา ถีบพรตกระเด็นไปกระแทกหิน กะให้แรงจนลุกไม่ขึ้น
สิตาราหันสะบัดหนี แต่ไม่ทัน เมื่อดาบเล่มสั้นเสือกเข้าถึงเบื้องหลังเธอ กะแทงให้ทะลุถึงหัวใจ

หญิงสาวจุกจนพูดไม่ออกเมื่อแรงนั้นส่งให้กระเด็นลงฟุบหน้า
เจ็บไปทั้งแผ่นหลัง ร้าวจนเกินกว่าจะส่งเสียงร้องออกมา

“ดูเหมือนเขี้ยวแก้วนาคาจะช่วยให้อยู่ยงคงกระพันได้ถึงขนาดจริงๆ
แต่ถ้าข้าตัดสร้อยนั่นให้ขาดหลุดจากตัวท่านก่อนได้ล่ะ เรามาลองของกันดูหน่อยเถอะ
ของดีที่หลุดจากตัวจะยังคุ้มครองท่านอยู่ไหม...”

หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นกุมสร้อย เขาตัดมันให้ขาดไม่ได้หรอก แต่จะแน่ใจได้ละหรือ
“หยุดนะวรรณะ หรือจะเป็นนิลละก็เถอะ” สิตารายังคงไม่ไว้ใจใครเต็มร้อย
สถานการณ์ท่ามกลางคนมากเหล่าที่รายล้อมสอนให้เธอต้องระวัง
“ในนามของผู้เป็นราศีที่สิบสาม ฉันขอสั่งให้หยุด!
ถ้าฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน ก็ถือว่าผิดคำสาบาน หยุดสิ!”

ผู้ถือคมอาวุธเล็งมายังสิตาราเพียงแค่เอียงคอ เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
ทำไมกัน ทั้งที่เขาดื่มน้ำสาบานซึ่งผูกมนตราแช่งไว้แล้ว มันต้องมีอะไรผิดพลาด
ชายราศีคนคู่นี้ไม่ได้ดื่มมันเข้าไปจริงๆ หรือเพราะเธอเองยังไม่ได้เป็นราศีที่สิบสามอย่างสมบูรณ์!
เป็นไปไม่ได้ทั้งสองอย่าง แต่ทำไม...

“น่าเสียดาย คำพูดของท่าน ดูจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เอาเสียเลย”

มือนั้นกำลังจะเอื้อมถึงสิตารา ผู้มีเป้าหมายจดจ่ออยู่กับการสังหารราศีที่สิบสามไม่ทันรู้เลย
เงามหึมาของอะไรบางอย่างพุ่งพรวดเข้าหาตน ต่อเมื่อถูกชนล้มกลิ้งดาบสั้นกระเด็นหลุดมือ
เขาจึงได้เห็นแววตาของมันชัดถนัด

เสือดำ! เขี้ยวขาวเหมือนคมมีดตรงหน้าดูเหมือนยาวกว่าที่ควรจะเป็น

ด้วยแรงปะทะจากร่างดำมหึมาที่พุ่งเข้าใส่ ผ้าคลุมหน้าของมือสังหารเลื่อนหลุด
เห็นเป็นหนึ่งในจ้าวราศีคนคู่จริงดังว่า แล้วสายตาสิตาราก็พลันไปกระทบตุ้มหูมุกสีดำ
ที่อีกฝ่ายสวมใส่ติดกายทุกเวลา

“นิลละ...” หญิงสาวครางอย่างตกตะลึง

เจ้าของร่างสันทัดไม่มีเวลาแบ่งความสนใจมายังสิตารา เนตรวาวโรจน์ของมฤตยูผู้มาใหม่
ทำให้ต้องลนลานถอยห่าง กระแสกดดันเกรี้ยวกราดที่แผ่จากตัวเสือดำซึ่งมีดวงตาเรืองเหมือนลุกติดไฟ
แทบจะแผดเผาเขาได้ แม้แต่ลมหายใจของมันก็ยังแทบว่าเป็นไฟกรดเป่ารดให้แสบผิว
มือสังหารเร่งผุดลุกหนี ล้มลุกคลุกคลานไปจากที่ตรงนั้น ด้วยรู้ว่าไม่มีวันอยู่รอหน้าต่อกรกับผู้มาใหม่ได้เลย

สมิงสีดำปลอดไม่คิดตามติดคนกระเสือกกระสนหนี ทว่าหันมาจดจ้องสิตารากับพรตนิ่งงัน
ก่อนย่างก้าวเข้าหาช้าๆ ร่างทะมึนค่อยๆแปรสภาพกลายเป็นชายหนุ่มสูงสง่า

สิตาราจ้องมองชายผู้มีห่วงตุ้มหูเหล็กเหลือบเงาดำวาวขึ้นไปจนตลอดใบหูข้างซ้าย
ผมตรงยาวถูกรวบไว้ ดวงหน้างดงามคมเฉียบ ดุกร้าว แต่อย่างน้อยตาเขาก็มีแววทักทายเธออยู่ในที

“หวังว่าเจ้าคงยังจำข้าได้ เด็กน้อย”

“จำได้สิ ถึงตอนนั้นฉันจะถูกยึดร่างอยู่ก็เถอะ แต่ฉันเห็นและจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกบท ทุกตอน
คุณคือมัชฌิม์ เมห์ฮรา”
เมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนดี แต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้ เขาเองตกมายังอดีต
สภาพจิตใจจะเป็นเช่นไร จะยังคงเหมือนเดิม หรือว่าเสียสติคลุ้มคลั่งไปแล้ว
ท่าทีดุดัน เสื้อเผยอกเห็นรอยสักเต็มพรืด เป็นบุคลิกที่ดูแรงร้ายขึ้นอีก
แต่ยังไงตอนนี้มัชฌิม์ก็เข้ามาช่วยชีวิตเธอกับพรตไว้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม

“ข้าคงต้องขอทักทายผู้ติดตามเจ้าด้วย เป็นอย่างไรพรต มาตามเกาะชามัล...
ดีกว่าตอนอยู่รับใช้พ่อข้าเยอะเลยสิ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าใจเจ้าอยากเป็นพวกศัตรู”

แม้จุกไม่หาย แต่พรตที่กระย่องกระแย่งยันตัวลุกยังมีแก่ใจเอ่ยตอบทายาทคนหนึ่งแห่งตระกูลที่เขาเคยภักดี
ด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่กินความหมายบาดใจ “ก็ไม่ได้อยากจะรับใช้ท่านพ่อท่านแต่แรก
มีแต่ท่านชามัลเท่านั้น คือนายเพียงคนเดียวของผม ทั้งตอนนี้ และตลอดไป”




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2557, 07:06:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ม.ค. 2557, 07:06:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1464





<< บทที่ ๑๒ พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ - บทที่ ๑๓ งานวิวาห์แห่งเกาะเงา (มาต่อครบแล้วค่ะ ตะกี้จองที่)   บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย >>
อสิตา 8 ม.ค. 2557, 07:10:48 น.
คุณเกดซ่า – เล่นเกมจนลมออกหูอีกแล้ว แต่ก็ไม่ลืมรีบมาลงนิยายให้เกดซ่าผู้น่ารักอ่านง่ะ
รู้แล้วสินะว่ากินเด็กหรือแห้ว ไร่แห้วแท้ๆ...นี่ไงตัดจบแบบฮาร์ดคอร์แล้ว แต่อาจไม่ใช่แนวที่คิด 555 เหอๆๆ
คุณบุลินทร – เกาะเงา ไม่ใช่เกาเงาะ เดี๋ยวเอาเงาะยัดปากเบยนิๆๆๆ
คุณริญจน์ธร – ชามัลอาจกินเด็ก น้ำตาไหลน้ำลายสอ แต่ดูเหมือนจะอดกิน
คุณหนอนน้อยหื่นสวาทงูเลื้อย – หุหุ ตอนนี้ชาจังลมออกหูแล้ว โดนขัดจังหวะ แค้นใจๆ
หนอนน้อยก็รู้ใจคนเขียนนี่นา อดเปรี้ยวไว้กินหวานนะ หุหุ แต่คนอย่างชาจังก็ต้องแทะเล็ม
สอนงานเด็กน้อยเป็นระยะนั่นแหละ


ketza 8 ม.ค. 2557, 07:11:55 น.
จุ๊บๆๆๆ มาแย้วย๋อ... คิดถึ้งคิดถุง >///<


อสิตา 8 ม.ค. 2557, 07:29:11 น.
คุณยิ้มยิ้ม – น่าสงสารหนูยิ้มการบ้านเยอะแล้วนิยายที่ต้องอ่านก็เยอะ แอร๊ย
เวลาเขียน ป.ล. ต้องมีสองจุดนะ เคยมีคนอ่านสอนมา ยังขอบคุณจนวันนี้ 555
ไม่งั้นเราก็ปล่อยไก่ต่อไป
คุณเลิฟหมวย – เข้าหอสมใจไหมคะ ไม่รู้ว่าลุ้นให้เด็กถูกงาบหรือให้เด็กรอดนี่นา
คุณโกลเด้นซัน – ชามัลเหรอคะ ไม่ได้บรรยากาศพาไปหรอกมั้ง ก็คนมันมีใจ หุหุ
เด็กท่าทางจะเอาตัวไม่รอดแน่นอน อ้อนก็แล้ว อะไรก็แล้ว เลยต้องมีสถานการณ์ช่วยเหลือด่วนๆเลย
คุณผักชี – เข้ามารังแกชามัลอยู่เรื่อยเลยนะคะ คนเรามักชอบแกล้งคนที่เราหลงรัก ดูเหมือนจะจริงนะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – แหม แต่ตอนนี้สงสารชาเมานะ กินเหล้าจนเมาแล้วจริงๆ แต่อดแอ้มเจ้าสาว...

คุณเด่นเดือน – แปลว่าติดตามอ่านของอสิตามาพอสมควรเลยนะคะ ถึงรู้ว่าชื่อแป้ง หรือบังเอิญเห็นพอดี^^
งูไม่ตายรอบสองหรอกค่ะ งูก็ต้องมีการได้อยู่กับคนที่รักที่จะเยียวยาจิตใจของงูได้บ้างอะไรบ้าง
คุณซันไรซ์ – แหม รู้ใจคนเขียนนะคะ ไม่ได้แอ้มง่ายๆแถมมีบทโหดตามมาทันที หุหุ ดูชื่อบทสิ
คุณก้อนหิน – เริ่มเอ็นดูหัวงูบ้างรึยังคะ *-* งูอ้อนจะตายไปนะ แต่ก็แอบร้ายน่ะ
คุณดวงมาลย์ – เจ้ พูดแล้วต้องอ่านจริงนะ 555 กระโจนกอดรัดนุงนัง จับนั่น บีบนี่...
รีบทำงานเข้า เดี๋ยวสตรีท่านนั้นจะว่าง หุหุ ตอนนี้หนูติดเกม
คุณเฟอร์ – ไม่ต้องปิดไฟก็กินเด็กได้ กินได้ทุกที่ ทุกเวลา ถ้าไม่มีใครมาขัดจังหวะ
มะม้าเขียนเห็นภาพแน่นอนตอนอะโบ๊ะโจ๊ะกัน เพราะชามัลเค้าหื่น เราก็ต้องตามตัวละคร
แต่บังเอิญว่าเฟอร์ต้องรอต่อไปอีกง่ะนะ...


konhin 8 ม.ค. 2557, 08:23:40 น.
ว่าแล้วว่าแฝดคู่นี้ไม่ธรรมดา ไม่เห็นต้องคิดว่าคนไหนเลย ทั้งคู่แหล่ะ


ketza 8 ม.ค. 2557, 08:40:11 น.
อ่ะจึ๊ย.... อดเข้าหอเบย กิ๊วกิ๊ว >////<
เสือหนุ่มเจอนู๋สิแว้วนะท่านพี่..... มาให้ไวตัดจบอีกแบ้วว
แง้ววววว >_<


เด่นเดือน 8 ม.ค. 2557, 11:13:30 น.
เคยอ่านเรื่องมายาไฟในดวงตาของคุณแป้งมาก่อนอะค่ะ

แต่ตอนนั้นเกลียดงูมาก แต่คราวนี้ตัวอักษรของคุณแป้งทำเอาเรารู้สึกเหมือนสิตารา

โอ้ย...เขินจูงเบย...ทำมายช้านชอบคนเลว...ไม่ได้ๆๆๆ คุณแป้งอย่าให้เค้ามีสเปกคลาดเคลื่อน--> ให้เจ้างูน่ารักแสนดีโดยพลันเพลี้ยงๆๆๆ


บุลินทร 8 ม.ค. 2557, 11:56:35 น.
อ่านไปก็ไขว้เขวไปมาว่านิลละหรือวรรณะใครดีใครร้าย สับสนจริง (คอมเมนต์มีสติขึ้นรึยัง ฮ่าๆๆๆ)


ริญจน์ธร 8 ม.ค. 2557, 12:34:20 น.
เหมือนวันนี้น้องมีนจะมีสติขึ้นนะ เพราะแก่ขึ้นอีกปีรึเปล่า
แต่น่าสงสัยจริง ตกลงใครกันนะคนร้าย


goldensun 8 ม.ค. 2557, 14:20:52 น.
ไม่เต็มใจ แต่สมยอม ใจอ่อนแหละน้า สิตารา แต่คนก่อความวุ่นวายก็ขัดจังหวะได้เหมาะเจาะจังเลย ขัดใจชามัลไปเลย
มัชฌิม์มาแล้ว แต่ชามัลแก่กล้าเหลือเกิน จะชิงตัวสิตาราได้หรือคะ จะยอมไปรึเปล่า
ตอนแรกเห็นนิลละเศร้า นึกว่าแอบรักสิตารา คิดทรยศด้วยนี่เอง


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 8 ม.ค. 2557, 17:46:00 น.
อ่านตอน(งานวิวาห์แห่งเกาะเงาะ)จบ ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างชามี่หรือตัวเอง อารมณ์ค้าง... แล้วไหน ใครกันนะที่อ่านนิยายเกย์ ไม่มี๊ ไม่มี ก็แค่การ์ตูนวายเอง


yimyum 8 ม.ค. 2557, 19:32:50 น.
5555 งานอ่ะ..........มันเยอะกว่าอยู่แล้วค่า
ป.ล.(อย่างงี้ใช่ม้าย)"ตกลงเป็นแฝดคนไหนอ่ะ{หรือว่าทั้งคู่จะใส่ตุ้มหู2ข้าง ข้างละสี}"


ดังปัณณ์ 8 ม.ค. 2557, 22:41:46 น.
นับถือพรตจิงๆนะคุณแป้ง ทำไมพรตจงรักภักดีกะชาจังได้มากขนาดนี้ ภักดีโคตรๆๆ

ว่าแต่ นิลละ เธอเป็นอะไลไป ก็ว่ายู้ มาแบบลั้นล้า พาตัวเข้ามาหนิดหนมแบบนี้ มีเบื้องหลังทุกราย

เอาแระพอก่องเรื่องของคนอื่น มาเรื่องของชาจัง ฮีน่ารวั๊กมั่กมากอ่า ชาจังน่าเลิฟฝุดๆตอนนี้ อั้ยๆๆๆๆๆ เค้าหวานกะหนูสิแบบหวานจิงๆด้วยอ่า ชาจังหลงเด้กแล้วชิมิ อั้ยๆๆๆแล้วยังบอกว่าจะมีหนูสิคนเดียว อุ้ยตายว้ายกรี๊ด ชาจังรุ้ตัวรึป่าวนะ กะลังเข้าโหมดกลัวเมียแล้วนะจ๊ะตะเองงงงงงงงงง กรี๊ดๆๆๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 9 ม.ค. 2557, 04:02:38 น.
อ่าวๆๆ ไหนตาเมาเลื้อยตามสมิงดำมาไง ไหงปล่อยให้สมิงดำ มาเล่นบทพระเอกแบบนี้ละ
เด๋วก็ปลดลงจากแท่นพระเอกเลยนิ ชิ
ตามิตรยังดูได้เรื่องมากกว่าเลย ช่วยดูทางหนีทีไล่ เป็นห่วงเป็นไยหนูสิมากกว่านายอีกนะ ตาขี้เมา !!!!!!


SunSeed 9 ม.ค. 2557, 12:09:25 น.
หายไปนานมาอ่านอีกทีชามารเสร็จยัยเด็กสิตาราซะแล้ว อ๊ะ แต่เรียกว่าเสร็จไม่สมบูรณ์สินะ อิอิ ดีแล้วพี่แป้งอุปสรรคเยอะๆ ชามารจะได้ยังไม่โดนเด็กกิน เอ หรือว่า กินเด็กหว่า


อุ้มสม 9 ม.ค. 2557, 22:45:59 น.
พี่แป้งของเราฮอตซังงงง อันดับ1 ^^ ... แวะมาเจิม อิอิ


Zephyr 10 ม.ค. 2557, 22:26:49 น.
เอ่ยยยย ทำไมพรตถึงภักดีขนาดนี้ ทั้งที่งูมันแว้งฉกตะเองตั้งหลายรอบ
มีเหตุไรมั้ยเนี่ย มันต้องมีสิน่า
พี่เสือเรามาแล้ว เหม่ รอยสักเต็มดัยวเบยยยยย เซ็กซี่อย่างร้ายกาจ
ฮ่าๆๆๆ ไม่แพ้พ่อหนิ อิอิ นอกใจเสือส้มเสือขาว มาเลิฟฟฟฟ เสือดำชั่วตอนนี้ คริคริ
อั้ยยะ นิลละ นายร้ายรึ ไรอ่ะ คิดว่าเป็นวรรณะตลอดเลยนะเนี่ย
เอ รึ วรรณะโดนไส้เดือนล้างหัวมาแล้วให้ภักดีกะว่าที่เมีย
ท่าทางงูจะชอบเลือดมากกว่าชอบหื่นนะ มะม้า
มีเรื่องชวนเรียกเลือดนี่เลื่อยไปเลย ไม่สนตัวเองอารมณ์ค้างเบยเนอะ
แต่จะให้จบอารมณ์ก่อนไปหาเรื่องชาวบ้านคงดูไม่จืด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account