โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย

ขณะที่ความชุลมุนเกิดขึ้น แม่ชีดำรู้สึกสังหรณ์ถึงคลื่นเงาแห่งลางร้ายกำลังก่อตัว
จากแววตาของนักบวชผู้เป็นสหาย แววประหลาดที่นางเห็น
แต่ไม่อาจตีความได้ว่าเขากำลังกังวลถึงสิ่งใด

‘ข้าจะไปจัดการเหตุวุ่นวายข้างนอก ท่านเองก็ระวังตัวด้วย...แม่ชีดำ’

‘ดูท่านไม่สงบนิ่งเหมือนเคย มีเรื่องอันใดหรือสหาย’

‘ใจข้าไม่สงบ ความไม่สงบนั้นก็สะท้อนออกทางแววตาเป็นธรรมดา’
ผู้มีจมูกงองุ้มกล่าวเรียบๆ
‘แต่อย่าห่วงเลย ข้าทำทุกสิ่งเพื่อราศีที่สิบสามตามหน้าที่แน่ แล้วท่านจะเข้าใจ...’

เมื่อนักบวชแยกออกไปจัดการธุระอีกทาง แม่ชีดำรู้วึกหวิวหวั่นอย่างไม่เคยมาก่อน
ใจนางสั่นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ หรือเพียงกลัวเหตุร้ายจะเกิดกับพวกตน
...แม่ชีระงับใจ ออกโรงคุมกำลังคนไปดูแลความเสียหาย ทั้งควบคุมความสงบยังท่าเรือ
ฝั่งเกาะด้านน้ำลึกที่กำลังย่อยยับ นางก้าวจากพื้นหาดช่วงสั้นๆขึ้นไปยังสะพานไม้ที่ทอดขนานฝั่ง
ไปยืนมองหัวของมิยาซากิที่ยังเสียบไว้ประหนึ่งเป็นแม่ย่านางเรืออยู่เช่นเดิมเพื่อรอการสอบสวน

“เมื่อค่ำเขายังเป็นหนุ่มน้อยแสนสุภาพ ยิ้มได้ หัวเราะได้ ใครเห็นก็รักเอ็นดู
แต่เวลานี้กลับกลายเป็นหัวที่ไร้ร่าง...ใครก็ได้ ขึ้นไปเอาศีรษะจ้าวราศีมีนลงมาให้ข้า!”

ไม่นานแม่ชีดำก็ได้สัมผัสศีรษะงดงามนั้นใกล้ชิด นางประคองใบหน้าเผือดซีดไร้สีเลือดที่รับมาไว้ด้วยสองมือ
ก่อนพลิกดูรอยตัดรอบคอ “ดูแบบนี้ก็จะเห็นว่าตายด้วยคมอาวุธใด” นางเอ่ยกับภูตดาราที่รายล้อมทั้งของพิจิก
และพวกราศีมีนบางส่วนที่ยังโศกสลดอยู่รอบๆ ไม่เคลื่อนไหวไปจากซากนาย “มันอาจเป็นการตบตา
ด้วยการเลือกใช้อาวุธที่คนอื่นถนัด แต่ถ้าเรามองให้ลึกลงไปถึงความชำนาญก็จะรู้ความจริงเพิ่มเติมมา
เท่าที่ข้าเห็น นี่คือการฟันครั้งเดียวขาด...ด้วยดาบเบา... มั่นใจยิ่ง หากจะระบุให้ชัดกว่านี้
คงต้องรอท่านนักบวชมาดูเอง น่าเสียดาย หนุ่มน้อยผู้นี้ช่างน่าเวทนา ยังเยาว์เกินกว่าจะลงสู่เกมชิงอำนาจนัก”
วาจาส่อไปเชิงเห็นใจ ทว่าสีหน้ากระด้างแข็งชากว่าเหล่าก้อนหินสีเทาที่บัดนี้นิทราซบเซา
เห็นเป็นเงาสงบอยู่ทั่วไปตามชายหาด

“แม่ชีท่าน แล้วพวกมีนบางส่วนกับพฤษภที่กำลังรบกันวุ่นอยู่แถวนี้ ท่านจะให้จัดการเช่นไร”

“น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ...บางทีรัตติดาราเราก็ควรลดปริมาณคนโง่ลงเสียบ้าง
พวกหน้ากากวัวกำลังคลั่งกันใหญ่ที่เรือลำสำคัญของมันถูกระเบิด
ก็แค่อยากจะหาที่ลงกับใครสักคน พวกมีนยิ่งแล้ว สูญเสียนายน้อยผู้เป็นความหวัง”
แม่ชีดำกอดหัวของมิยาซากิไว้ในอ้อมแขน ไม่รังเกียจเลือดที่เปรอะเปื้อนตน
เวลานี้มือทุกคนคงต้องเปื้อนเลือด ไม่เว้นกระทั่งมือของนางเอง



เงาของงูยักษ์เลื้อยปราดผ่านไปเร็วจนใครหลายคนไม่ทันได้เห็นตัว
ทว่าผู้ที่มีโอกาสได้เห็นมันท่ามกลางไอควันสีดำนั้นต่างพากันตะลึงลานเสียขวัญ
จากที่เคยได้ยินเพียงคำเล่าลือถึงอสรพิษร้ายแห่งความมืด
เมื่อได้มาสัมผัสรังสีคุกคามจากมันต่อหน้าก็แทบเข่าอ่อน

ชามัลกวาดตามองหามัชฌิม์ ทั้งยังเพียรหาต้นตอแห่งความไม่สงบครั้งนี้ซึ่งอาจไม่ใช่ลำพังเพียงมัน
แล้วอสรพิษร้ายก็ได้เห็น...ชายผิวคล้ำสวมหน้ากากวัวที่เป็นคนสั่งการกองกำลังรัตติดารา
เสี้ยมให้เข้ารบรา ก่อนจะเผ่นไปจุดชนวนระเบิดเรือลำสุดท้ายให้เห็นกระจะตา
ทั้งยังย้อนไปช่วยล้มเสากระโดงเรือลงสนั่น เพิ่มความโกรธเกรี้ยวให้พวกกรกฎที่เห็นเรือฝ่ายตนถูกระเบิด
ต่อหน้าให้เริ่มบ้าคลั่งขึ้นตาม สุดท้าย ชามัลซึ่งเล็งเห็นโดยตลอดจึงปราดไปขวางหน้าวัวบ้าตนนั้นไว้
ความกราดเกรี้ยวปะทุออกทางนัยน์ตา นี่เป็นคืนวันแต่งงานที่เขารอคอยมาตลอด
ใครก็ตามผู้มาขวางทางที่เขามุ่งไปสู่ มันจะต้องตาย!

ทว่าชายหน้ากากวัวไม่รอรี กลับใช้ความเร็วที่ไม่น่าเชื่อแล่นลิ่วเผ่นเข้าป่าไปลำพัง
ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง มันคงหมายจะให้เขาสนใจความวุ่นวายมากกว่าตามจี้คนเพียงคนเดียว
แต่ชายหน้ากากนั้นคิดผิด ชามัลย่อมให้ความสนใจแมลงไร้ค่า
ถ้าเพียงแมลงนั้นจะนำพาไปพบขุมทรัพย์ที่ต้องการซึ่งเรียกว่าความจริง
มันคงไม่รู้ว่าเขาได้เฝ้าดูสิ่งที่มันลงมือทำมาตลอดครู่ใหญ่
เขาเพียงแต่อยากรู้ว่ามันเป็นใคร เป็นราศีวัวจริงหรือไม่
รู้...หลังจากที่มันกลายเป็นศพด้วยมือนี้

งูร้ายปราดตามกลิ่นอายของชายหน้ากากวัวไปติดๆ ท้ายสุดมันก็ไปจนมุมยังเทวสถานกลางป่า
อันเป็นสถานแห่งพระแม่กาลี ผู้คนบางส่วนซึ่งมาออหลบลางร้ายกันอยู่กรีดร้องแตกหนี
ชายหน้ากากวัวที่พรวดพราดเข้าไป ของบำบวงกระเด็นกระดอนหกกระจายเกลื่อน
ค้างคาวที่อาศัยนอนสงบในอารามนั้นต่างผวาหวีดแตกกระเจิง พวกมันรับรู้...สิ่งใดกำลังตามมา

ชายร่างใหญ่ฟุบลงหอบฮักอย่างเหนื่อยสุดแสน อย่างน้อยในโอกาสสุดท้าย
ขอแค่ได้มาพึ่งบารมีพระแม่ท่านก็ยังดี

เสียงฟ่อน่าสะพรึงดังมาจากข้างหลัง ชายหน้ากากวัวหันไป งูยักษ์ตัวดำเมื่อม
กำลังแผ่พังพานร่อนในอากาศสูงเหนือหัว เตรียมจะแทงเขี้ยวยาวโง้งลงมาในวินาทีข้างหน้า

“อสรพิษ! จงเห็นแก่พระแม่ท่าน ละเว้นข้าในสถานศักดิ์สิทธิ์นี้เถิด!”

เสียงคำรามพร่านั้นมีกังวานคุ้นหู ทว่างูร้ายแห่งโมรารัตติกาลไม่หยุดชะงัก
หัวมหึมาพุ่งกัดเข้าที่ซอกคอเหยื่อ แม้อีกฝ่ายที่เป็นชายร่างใหญ่หนาจะบิดกายเร่าๆ
ดิ้นสะบัดอย่างไรก็ไม่พ้นไปได้ เลือดกระฉูดรอบทิศจนกระเซ็นไปเปื้อนโอษฐ์ของพระแม่กาลี
ที่แสยะค้างอยู่ เป็นครู่ ก่อนที่จงอางยักษ์จะปล่อยร่างเหยื่อ ค่อยๆคืนกลับกลายเป็นร่างสูงสง่า
ของชามัลที่หันไปทำความเคารพเทวรูปเจ้าแม่กาลี

“พระแม่ท่านโปรดเลือด ยิ่งข้าถวายเป็นพลีสดๆต่อหน้า ท่านยิ่งพึงใจ”

ชายหนุ่มผู้มากับความมืดหันไปยังศพ เอื้อมไปเปิดหน้ากากอันซ่อนใบหน้าไว้ฉับไว
แล้วก็เผยยิ้มเมื่อพบว่าหน้าเหลือกลานที่ถูกปิดบังไว้นั้นคือคนที่ตนไม่ชอบหน้าตลอดมาเป็นทุนเดิม

“ต้องยอมรับว่าข้าประหลาดใจ ไม่คิดว่าคนก่อเรื่องจะเป็นเจ้า...จริงๆเลยนะนักบวชดำ”



พวกของสิตาราได้ยินเสียงเหล่าหญิงรับใช้และนักบวชแตกตื่นออกมาจากเทวสถาน
ในราวป่าไม่ห่างออกไปนัก หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างกังขาก่อนจะเอ่ย

“มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น อย่างน้อยถึงจะก่อเหตุ ก็ควรละเว้นสถานบูชาเทวีไว้บ้าง”

แม้เมื่อแรกจะเสมือนแปลกหน้าต่อกัน ทว่าเมื่อมาอยู่ที่นี่นานไปสิตาราก็ผูกพันเป็นหนึ่งกับเกาะ
พบว่าพระแม่กาลีที่ใครๆว่าร้ายนั้นก็ไม่ได้มีแต่เพียงด้านเดียวในคติความเชื่อ หากใครรักท่าน
ท่านก็รักตอบมา นั่นคือความจริงสำหรับเธอ

“สิตารา พึงสังวรว่าที่ข้าช่วยเจ้าไว้ ไม่ใช่เพื่อให้ไปรนหาที่ต่อ” มัชฌิม์ปราม
อันที่จริงเขาช่วยคนตรงหน้าเพราะหวังผล มันคือสิ่งใดน่ะหรือ...ก็อยู่ที่คอนางนั่นไง!

ท่ามกลางความมืด โมราเม็ดสำคัญเรืองแสงเหลือบลายเลือดสะท้อนเข้าตา
คล้ายยั่วยวน... คล้ายท้าทาย...ว่ามาสิ มาเอามันไป

ตอนนี้ชายหนุ่มยังลังเล จะเอาอย่างไรกับแผนที่วางไว้ รอให้ชามัลพ้นไปจากหาดก่อนดีไหม
แต่หากปล่อยสิงหรานีลำพัง เกิดอะไรขึ้นคงช่วยไม่ทัน ระหว่างนี้นางกับเขาก็ถือเป็นสหายร่วมสู้
เริ่มจากเข้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่ และรอพาตัวราศีที่สิบสามหนี ทว่าจู่ๆสิตาราก็โผล่มาเข้าทางมัชฌิม์
โดยไม่ได้ตั้งตัว ...ระหว่างชายหนุ่มกำลังตัดสินใจ ไม่ทันไรสิตาราก็ปรูดไปยังทิศเทวสถานกลางป่า
อันเป็นที่มาของเสียงซึ่งไม่ไกลจากบริเวณนั้น บุตรแห่งเมห์ฮราส่ายหน้า ยอมปล่อยให้ไป
แต่เขาก็ก้าวตามติดไม่ยอมให้ห่าง

...เหมือนกับที่ท่านพี่อัคราพี่ชายเขาเคยบอก มัชฌิม์นั้นแม้ดูภายนอกเหมือนดุดันใจร้อน ใจเร็ว
แต่พอถึงเวลาก็ไม่เคยตัดสินใจเลือกทางที่ควรเลือกได้เฉียบขาด เพราะแบบนี้จึงมีแต่พี่ที่ท่านพ่อวางใจ
นึกถึงคำกล่าวนั้นแล้วก็ต้องยิ้มออกมา มัชฌิม์ยังหวังว่าในวันนี้เขาจะเลือกก้าวไปในทางที่เหมาะได้เสียที

เลยครึ่งค่อนคืนมาแล้ว อากาศเย็น น้ำค้างหยดเผาะในราวป่า ทุกอย่างเยียบเย็นจนแทบจะกลายเป็นหมอก
ตัดกับความวุ่นวายที่หาด สนามพระเพลิงและบรรยากาศการต่อสู้ร้อนระอุลามเลียสู่ผิวทะเลที่เนืองนอง
ไปด้วยน้ำมัน ไฟ เสียงระเบิดปะทุยังดังเป็นระยะ เพียงแค่เทวสถานนี้ ที่ควรถูกแยกส่วนออกมาจาก
ความโกลาหล ฆ่าฟัน แย่งชิง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อสิตาราเห็นสิ่งยืนยันอันชัดแจ้งที่สุดโผล่ออกมา
...จากระยะไกล ภาพงูยักษ์พรวดพราดจากศาลาอาราม มุ่งไปยังทิศหาด

ชามัลมาทำอะไรที่นี่! เมื่อฝ่ายนั้นพุ่งไปไม่เหลียวหลังสิตาราที่ข่มกลั้นพรางตัวอยู่อึดใจก็เร่งวิ่งไปยัง
เทวสถานกึ่งศาลาที่มีแง่มุมบังบางส่วนไว้มิดชิด ภาพที่ได้เห็น ข้าวของบำบวงกระจายเกลื่อน
แลเบื้องหน้าพระแม่กาลี ร่างหนึ่งฟุบคว่ำ โลหิตไหลเจิ่งนอง แม้การแต่งกายจะเป็นอย่างพวกพฤษภ
แต่นั่น...ไม่อาจปิดบังความคุ้นตาบางอย่างที่สิตาราเห็นมาตลอดหลายปี

น้ำตาของหญิงสาวหยดลงเมื่อก้าวเข้าใกล้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไม่ทำให้ผงะหนี
เธอรู้ ตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นหน้า ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงดูใกล้ชิดให้ประจักษ์แก่ตา
เพื่อยืนยันว่าทุกสิ่งคือความจริง

“ท่านนักบวช...”

แม้อีกฝ่ายวางตัวเคร่งขรึมมิได้หยอกล้อสนิทสนม แต่ที่ผ่านมาชายผู้นี้ก็เป็นคนอบรม
ดูแล สั่งสอนให้เธอโตขึ้นมามีความรู้ มีความคิด เขาเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนของชีวิต
และสิตาราไม่คาดคิดมาก่อน...ในวันแต่งงานซึ่งเกือบนึกเอาว่าคงเป็นวันดีๆของตน
จะต้องมาจบลงที่เรื่องเช่นนี้

นี่มันอะไรกัน หรือมันคือความโหดร้ายของโลกที่เธอเกือบจะหลงลืมไป
เธอที่ถูกเอาตัวมาเก็บไว้ในเกาะราวไข่ในหิน ถูกปิดหูปิดตาจากความจริงโหดร้าย
ที่พร้อมจะปะทุขึ้นทุกเวลา... นี่อาจเป็นสัญญาณแรกที่ปลุกให้เธอตื่น
ควรได้เวลาตื่นมาดูความเป็นจริงเสียที! ทั้งความต้องการมืดดำของชามัล
ความโลภ ความโกรธเกลียดเคียดแค้นของทุกฝ่ายที่มีเธอเป็นศูนย์กลาง
ทั้งที่สิตาราไม่เต็มใจเลยแม้แต่นิดเดียว

เมห์ฮรา...พวกแสงสว่างฆ่าพ่อแม่ แต่รัตติดาราแห่งความมืดก็หาใช่อุ้มชูจริงใจ
มือที่พรากพี่สาวเธอไปก็คงจะเป็นคนพวกนี้ที่กำลังก่อเรื่องโรมรันกันอยู่อึกทึก

“หยุดได้ไหม หยุดทำตามใจชอบกันเสียที!” หญิงสาวสั่นเทิ้มไปทั้งกาย
จากนี้จะไม่ยอมไหลไปตามชะตากรรมถ่ายเดียวอีกแล้ว มิตรเปิดเนตรที่สาม
แห่งการควบคุมอัญมณีให้เธอ สิตาราเห็นทีจะต้องปลดปล่อยตัวเองเสียที

มัชฌิม์หรี่ตามองหญิงสาวแค่นเสียง ...น่าสงสารก็จริง แต่เขาเองก็กำลังจะทำตามใจชอบ
กับชีวิตสิตาราเช่นกัน ทำสิ่งที่เด็กคนนี้ต้องอดทนแบกรับไม่ต่างจากที่พวกรัตติดาราทำ โมรารัตติกาล
กลิ่นอายแห่งพลังเลือดมืดดำจากมันเชิญชวนเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาจะไม่บุ่มบ่าม
เพราะมัชฌิม์ไม่ได้ต้องการแค่เพียงโมรา เขาต้องเอาตัวผู้เป็นราศีที่สิบสามกลับไปด้วยอยู่แล้ว!

ชามัลยังรอดอยู่ สิตาราคงพลาดการใช้มีดที่สิงหรานีแอบส่งให้เป็นของขวัญ
ดังนั้นเรื่องกำจัดอสรพิษร้ายตนนั้นคงต้องลงมือทีหลัง ควรหาจังหวะพาตัวสิตาราไปจากเกาะเป็นอันดับแรก
แต่จะทำอย่างไร ก็ในเมื่อศัตรูที่ขวางทางอยู่มันมากมายหลายเหล่าขนาดนั้น

ใจหนึ่งมัชฌิม์อยากชิงพลอยมาเสียเลยแล้วให้เลือดกับพลอย ครอบครองเป็นเจ้าของมันแทนสิตารา
เพื่อใช้อำนาจบงการงูร้ายที่รู้มาว่าสิงสู่ในหินโมราเม็ดนี้ แต่เขาไม่แน่ใจ ไม่รู้เลยว่าผู้สร้างร่างอสรพิษ
นั้นผูกอาคมใดไว้กับพลอยบ้าง บางทีมันอาจไม่สามารถเปลี่ยนผู้ครอบครองได้อีกแล้ว

ท่านพชรมุนินสอนไว้ ก่อนใช้กำลังควรใช้ปัญญา อย่างน้อยจิตใจที่ขาดที่พึ่งของสิตารา
ก็คงอยากเชื่อคำพูดที่ไม่เชิงว่าหลอกของเขาบ้างกระมัง... “ลุกขึ้นได้แล้วสิตารา
ไปดูที่หาดกันว่าตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป”


จ้าวราศีกุมภ์นามวาเลนติโน่โจนจากเรือลำนั้นไปลำนี้ได้ไกลเหลือเชื่อทั้งว่องไวราวเงาผี
อำนาจของอัญมณีอะเมทีสต์ประจำกายก่อเกิดไอหมอกประหลาดลอยเรี่ยไปทั่วหาด
และเหนือคุ้งทะเล ทั้งไฟที่ยังลุกติดน้ำมันจากเรือระเบิดซึ่งลอยบนผิวน้ำเป็นหย่อมๆ
เรือลำแรกของราศีพฤษกที่เสียหายหนักและแตกปริเป็นสองท่อนได้จมลงแล้ว
ทว่ายังโผล่ส่วนปลายขึ้นมาให้เห็น ด้วยอ่าวท่านั้นไม่ได้ลึกอะไรมากมายนัก

เจ้าของร่างสูงเพรียวก้าวว่องไวราวกับไต่ไปบนอากาศ หัวเราะเบาๆกับตนเอง
“ไฟกำลังลุกอยู่ใต้หมอก ความจริงที่ถูกอำพรางด้วยความจริง เหมือนที่อาจไม่มีใคร
คิดว่ามิยาซากิจ้าวราศีมีนจะถูกตัดคอด้วยดาบบางๆคมๆเล่มนี้ของข้า...”

วาเลนติโน่หยุดทรงตัวราวกับนักกายกรรมบนกราบเรือซึ่งเป็นโลหะ
เลียเลือดจากด้านข้างของดาบเบาที่แบนเรียบแต่แกร่งจนตัดทุกเหยื่อได้เนียนกริบเหมือนคมมีดโกน
“ข้าชอบงานที่มีความประณีตสูง และข้าไม่กลัวความผิด หากเป็นคนอื่นคงหาแพะสักตัวมารับดาบนี้ไป
แต่ข้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น”

ถึงแม้เขาทิ้งหลักฐานไว้ชัดแจ้ง แต่ใครๆก็คงยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้า ก็ในเมื่อเขาสงบเสงี่ยมมาตลอด
พวกรัตติดาราคงกลับคิดไปว่าแผลจากดาบเบาที่คอมิยาซากินั่นคือแผนตบตาป้ายความผิดให้วาเลนติโน่
ของผู้ลอบสังหาร เพราะไม่เคยเลยที่คนอย่างจ้าวราศีกุมภ์จะลงมือเอง “ข้าต้องการให้มีรัตติดาราต่อไปก็จริง
แต่ผู้เข้มแข็งเท่านั้นจะอยู่รอดได้ เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้จะเป็นกลไกคัดเลือกในตัวของมันเอง ว่าต่อจากนี้ไป
ราศีใดบ้างคู่ควรจะอยู่คู่รัตติดารา”

กราบเรือที่โยกโยนขึ้นลงช้าๆตามระลอกคลื่นดูเหมือนจะสะเทือนไหวยวบมากขึ้นสักหนึ่งส่วนร้อย
แต่ประสาทอันฉับไวแห่งผู้ครองราศีกุมภ์กระซิบบอกให้ระวังหลัง ร่างสูงเพรียวดีดหลบลูกตุ้มเหล็กมหึมา
ที่ฟาดปะทะลงมาด้วยมือของคนหน้ากากวัวที่ลอบเข้ามาทีเผลอได้หวุดหวิด

แคร้ง--- เสียงโลหะฟาดโลหะสะท้อนก้อง เหล็กกราบเรือแข็งราวหินยุบตัวลงบู้บี้

จังหวะที่คนดีดตัวหลบลงถึงพื้น วัวบ้าอีกตนที่ไวเหลือเชื่อพุ่งเข้าประชิด ฟาดตุ้มเหล็ก
มีหนามแหลมตรงปลายเข้าใส่สีข้างฉิวเฉียด ปลายหนามคมกริบเฉี่ยวผ้าบริเวณนั้นขาด
ทั้งยังถากผิวเนื้อชายแห่งเดือนกุมภาจนเสื้อพลิ้วสีม่วงดอกตะแบกมีรอยเลือดค่อยๆซึมเลอะเป็นดวง

วาเลนติโน่ก้มมองภาพนั้น หน้าเผือดสี... “ไอ้สวะ” เจ้าตัวครางเบาเท่ากระซิบ
ก่อนฉวยจังหวะดีดร่างไปเหยียบท่อนแขนใหญ่ยักษ์กำยำข้างที่เพิ่งฟาดตุ้มลงฝังพื้น
แทงดาบเล่มบางเหมือนใบมีดโกนทะลุหว่างซอกคอและไหปลาร้าของภูตดาราหน้ากากวัวเคราะห์ร้าย
ก่อนใช้มือข้างว่างดึงหน้ากากนั้นหลุดในพริบตาแล้วกระซิบใส่หน้าให้ฟังชัดๆ
“ทำให้เสื้อสวยของข้าขาด ตายเสียเถอะ”

ร่างเพรียวเบี่ยงหลบเมื่อเจ้าวัวที่ยังมีชีวิตเบื้องหลังซัดลูกตุ้มเข้าหา วาเลนติโนกดหัวเพื่อนมัน
ที่เพิ่งโดนดาบเสียบให้ซุนไปรับลูกตุ้มแทนพอดิบพอดี ตุ้มหนามจึงฟาดเข้าหน้าวัวไร้หน้ากากจนเละ
ตาข้างหนึ่งถึงกับหลุดกระเด็นไปเหมือนลูกปิงปอง วาเลนติโนไม่เว้นจังหวะให้สหายคนตายตกใจนาน
เขาหมุนตัวกลางอากาศ สะบัดใบดาบลงหาวัวอีกตัวฉับเดียวหัวขาด ส่งมันไปหาเพื่อนในวินาทีถัดไป

“แหม ได้ตายด้วยดาบเดียวกับมิยาซากิ พวกเจ้าน่าจะดีใจ”



สิงหรานียังควงดาบด้วยอาคมแห่งลมราวจักรผัน ปะทะจักรใหญ่ของจริงแบบมีมือจับพาดตรงกลาง
ทั้งเจ้าของมันยังควงหมุนได้ดุจกงล้อ นางสิงห์ต่อสู้ห้าวหาญ เมื่อนางซัดตุลาการได้หนึ่งแผล
...ฝ่ายนั้นซัดกลับได้สาม นางได้สอง...ฝ่ายนั้นโต้ตีกลับมาสี่ จ้าวราศีสิงห์เริ่มรู้สึกหวั่นเกรงในตัว
ชายตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยมาก่อน พลังของมันเพิ่มมาจนดูราวกับเป็นคนละคนกับที่เคยพบเจอ
เมื่อนานหลายปีมาแล้ว

เพราะเหตุใด... ทั้งที่พลังจากมรกตสนธยาที่ตนครอบครองส่งให้พวกสิงห์เรืองอำนาจโรมรันในราตรี
เชื่อได้ว่าคนจากทุกราศีก็ไม่มีใครสู้ ทว่าตอนนี้อาจต้องเว้นตุลาการไว้คนหนึ่งเสียแล้ว

“ไม่เลวนี่นางสิงห์ เก่งที่ทำให้ข้าได้เลือดขนาดนี้ แต่ข้าเป็นพวกชอบแลกกับศัตรูอยู่แล้ว
เวลาเห็นเลือด มันทำให้สดชื่นดี”

“ไอ้ปีศาจคลั่งเลือด” สตรีชาติราศีสิงห์คำรามปนหอบ

อาวุธคมจักรที่ตุลาการใช้ บางวูบที่มันแลบประกายสีรุ้งสะท้อนเข้าตา
นางคลับคล้ายเห็นเงาอักขระโบราณแลบออกมากับเปลวนั้นด้วย
หรือนี่คืออาวุธอาคมชิ้นที่สามที่สาบสูญไป มันอาจมีอำนาจเสมอดาบคู่กายนางเอง
ทว่าอำนาจตัวผู้ใช้บวกกับอัญมณี กลับมีพลังแรงยิ่งกว่านาง! ถูกละ จ้าวราศีสิงห์ต้องยอมรับ
หลังจากสู้กันมาแทบรากเลือด นางคงไม่อาจล้มตุลาการลงได้ไม่ว่าจะทุ่มเทพลังแค่ไหน
เอาจริงสักเพียงใด เป็นอีกฝ่ายด้วยซ้ำที่ราวกับสวรรค์ประทานกำลังมาให้ ดูมันยังไม่ลงมือเต็มที่
เพียงแต่สู้ไปด้วยท่วงท่าสง่า ขยับร่างกายเท่าที่จำเป็นก็ยังทำร้ายนางได้หลายต่อหลายแผล
จนตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมด นางพยายามจะไม่เสียการควบคุม แต่ใจก็คล้ายเห็นประตูหนทางชนะ
ค่อยๆหดแคบลงเรื่อยๆ ...จนที่สุดก็มองไม่เห็นทาง

“คราวนี้เจ้าจะขอร้องให้ข้าเอาจริงได้หรือยัง หรืออยากตายช้าๆ ทรมานกับรสชาติของความพ่ายแพ้ไปเรื่อยๆ
หรืออีกทาง...จะลองฟังข้อเสนอใหม่ๆของข้าดู”

“หุบปาก ข้า...ยังไม่แพ้” ตั้งแต่สัญญาว่าจะเป็นจ้าวราศี ดูแลทุกคนใต้ความคุ้มครอง
นางออกเดินทางร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ไม่เคยต้องพ่ายใคร ยิ่งมีครูบาอย่างพ่อครูอโพซินเต้แล้ว
นับวันนางสิงห์มีแต่จะเติบกล้า เสียงคำรามกึกก้องสะท้านสะเทือนดังไปไกลทุกคาบสมุทร
หรือวันนี้จะต้องมาพ่ายแพ้ตุลาการผู้ซ่อนรังสีเหี้ยมอำมหิตไว้ภายใต้สีหน้าเย็นระรื่น
คนผู้นี้มีจุดประสงค์อะไร ให้ความคุ้มครองเกาะแห่งนี้และราศีที่สิบสามจากใจจริงอย่างนั้นรึ
ดูเป็นไปไม่ได้เอาเลย

“เหมือนว่าจะไม่รู้สำนึก จะเป็นยังไงน้า ถ้าเจ้ากลายเป็นนางสิงห์แขนขาด้วน
หากข้าทำให้เจ้าไม่เหลือมือที่จะจับดาบ คงสนุกน่าดู”

สิงหรานีตะลึงพรึงเพริด เมื่อตุลาการรดิศโผนเข้ามาด้วยความเร็วถึงที่สุด
นางสิงห์หลบวูบ แต่เห็นชัดแล้วว่าคงไม่พ้นคมจักรของอีกฝ่ายไปได้
หากว่ากลุ่มควันดำระลอกหนึ่งจะไม่อัดปะทะเข้าด้านข้างของตุลาการจนกระเด็นเสียหลัก
ก่อนสุ้มเสียงต่ำลึกราวกับพึงใจถึงขีดสุดจะดังมาให้ได้ยิน

“เจอกันจนได้นะ นางสิงห์คู่ปรับเก่าของข้า ไม่สิ ต้องเรียกว่าเหยื่อที่ข้าหมายตาจะถูกกว่า” ชามัลคำราม

“แก อสรพิษ!” สิงหรานีอุทาน

นางรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ ทั้งที่การต่อสู้ของตนกับตุลาการอยู่สูงขึ้นมาบนเสาเรือ
มีเงาเรือมหึมาอีกลำข้างๆบังอยู่ ไหนจะอาณาเขตมนตราพรางไว้ส่วนหนึ่ง
ไม่ให้เหล่าคนที่กำลังชุลมุนหันมาสนใจ ทว่าตัวอันตรายที่สุดก็เกิดจะสนใจขึ้นมาแล้ว

ชามัลหัวเราะด้วยเสียงพลิ้วไปทางนั้นทีทางนี้ที ตามการเคลื่อนไหวของควันดำที่หมุนวนรายล้อม
เขาเริ่มก่อตัวเป็นงูใหญ่ ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นทุกขณะ... “รู้ไหมว่าข้าคนนี้ยังเจ็บใจไม่หาย
หญิงด้อยฝีมืออย่างเจ้าทำข้าตกเลือดในครานั้นที่ไม่ได้ระวัง เจ้ายังกล้ามาเหยียบเกาะเงา
เหมือนเหยียบจมูกกัน ซ้ำร้ายยังเป็นในวันแต่งงานของข้า...มันหยามข้ามาก!”

ขณะที่งูยักษ์กำลังแผ่แม่เบี้ยสูงขึ้นไปในอากาศ กลับเป็นตุลาการรดิศที่เอ่ยแทรกอย่างไม่กลัวเกรง

“ท่านชามัล ข้าอยากจะขออนุญาตพูดอะไรกับหญิงคนนี้สักคำ ก่อนท่านจะลงมือ”
รดิศว่าแล้วก็ไม่รอช้า ก้าวเข้าหาสิงหรานีที่ยังตั้งท่าระวังพร้อม ก่อนจะเอ่ยเบา ทว่าชัดเจน
“ถ้าเจ้าอยู่ลำพัง ข้าก็อยากจะฆ่าเจ้า แต่มาตอนนี้ ทางรอดของเจ้าเหลือทางเดียว รู้ไหมทำอย่างไร”
คนพูดยกจักรในมือที่หมุนติ้วแลบประกายรุ้งแปลบปลาบขึ้นเสมอหน้าสิงหรานี “ร่วมมือกับข้า
กำจัดอสรพิษตนนี้ลง!”

สมองของนางสิงห์ตัดสินใจฉับไว ทางรอดมีอยู่แค่นั้นจริงๆ หากจัดการชามัลได้
ค่อยมาสู้กับตุลาการยังมีโอกาสมากกว่า หรือจะฉวยหนีไปตอนมันทั้งสองยังวุ่นกันอยู่ก็เข้าที
...แต่เป้าหมายสูงสุดที่เมื่อแรกแทบหวังผลไม่ได้ของการมาครั้งนี้ ก็คือกำจัดงูร้ายแห่งโมรารัตติกาล!
ตอนนี้อาจพอมีทางเป็นจริงขึ้นมาแล้ว

ชามัลได้ยินตั้งแต่ก่อนรดิศจะพูดจบ ร่างจงอางดำส่ายไหวเป็นเกลียวหลบล่อว่องไวเมื่อกงจักรซัดเข้าหา
สองรุมหนึ่งงั้นหรือ ยิ่งทำให้สนุกเป็นเท่าตัว อาคมแห่งลมของนางสิงห์ทำให้คลื่นทะเลโยนเรือสูงขึ้น
กงจักรตุลาการและดาบของนางที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน ยั่วยุให้งูร้ายเหมือนจะคลุ้มคลั่งเป็นทบทวี

“หลายปีมานี้ข้าพัฒนาไปมาก ชินกับร่างอสรพิษและการใช้พลังเหลือจะชิน”
ร่างงูฉกงับหยอกๆว่องไว ต่างกับจงอางปกติที่จะไม่ทำอาการเช่นนี้ แต่บังเอิญว่านี่คืองูที่มีจิตของคน
เป็นเจ้าแห่งเล่ห์กระเท่ห์มารยาเสียด้วย “มาดูกันซิ เจ้ามันมีดีกว่าแต่ก่อนที่แสนกระจอกงอกง่อยอย่างไร!”

ตุลาการและสิงหรานีกลุ้มรุมกันซัดเข้าหาอสรพิษอย่างลืมตาย ทั้งคู่เจ็บกันไปไม่น้อย
เพียงแค่โดนควันดำที่แฝงในสายลมราวคมพิษโฉบฉิวตัดเนื้อ แต่มีจังหวะหนึ่งที่ตุลาการล่อหลอก
และสิงหรานีก็ซัดเข้าตรงร่างงูร้าย เกล็ดมันปลาบหลายเกล็ดหลุดกระเด็น เลือดสีดำพุ่งรดราดเรือ
เกิดควันคละคลุ้งราวน้ำกรดหยดลงต้องพื้น

รดิศรู้ดี การตัดสินใจสู้ครั้งนี้อันตรายแค่ไหน แต่หากไม่ฉวยไว้ เขาอาจไม่มีโอกาสอีกเลย
เขากับสิงหรานี มีศัตรูสำคัญเป็นคนคนเดียวกัน ดังนั้นย่อมเปลี่ยนเป็นเพื่อนร่วมสู้แม้จะไม่ได้นัดแนะ
ทั้งคู่ต่างใช้ดาบและจักรรัวฟันโฉบเข้าหาชามัลในร่างงูอย่างไม่เว้นจังหวะหายใจ ทั้งที่เริ่มอ่อนล้าลงทุกที

ชามัลเองรู้สึกว่าสองคนร่วมแรงทำให้ตึงมือกว่าที่คาดไว้ นั่นยิ่งทำให้งูร้ายโกรธจัด
เมื่อโกรธ ความดุร้ายที่กำเนิดจากจิตวิญญาณและโมราหลอมรวมกันก็ยิ่งแผ่ขยาย
จังหวะสำคัญ งูมหึมากัดฉับเข้าที่แขนขวาของสิงหรานีจนเลือดพุ่ง

ในขณะที่ปากพญางูไม่ว่าง รดิศพุ่งเข้าใส่ หมายใช้จักรบั่นลำคอดำมะเมื่อมให้สะบั้น
ทว่าทั้งร่างกลับถูกกระชากรวบค้างกลางอากาศด้วยปลายหางของพญางูที่เอื้อมมารัดแน่น
จนกระดูกแทบป่นสลาย ก่อนที่เจ้าของคมเขี้ยวจะคายร่างสิงหรานีที่อ่อนยวบลงกองพับกับพื้น
หันมาส่ายแม่เบี้ยช้าๆ ตาเป็นสีเลือดแดงฉานจดจ้องรดิศที่กำลังอึดอัดแทบสิ้นใจ

“สมแล้ว ที่ข้าไม่ถูกชะตาเจ้าแต่แรก ที่แท้ก็ซ่อนเล่ห์ไว้อย่างที่คิดจริงๆ แต่จงฟังไว้ให้ดีๆ
ข้า...หวนมายังอดีตเพื่อเป็นผู้ชนะ สมองคิดการก้าวไกลไปกว่าพวกคร่ำครึเน่าหนอนร้อยปีอย่างเจ้าแน่
จงอย่าได้หวังว่าจะรอดไปพ้นคืนนี้เลย”

ปากงูแสยะออกค่อยๆอ้าครอบ หมายจะงับลงกุดศีรษะตุลาการ ตั้งใจให้เหยื่อกลัวถึงขีดสุด
สิ้นหวังในวาระสุดท้ายจนเกินทนไหว น้ำลายงูและน้ำพิษร้อนระอุยืดหยดลงอาบหน้าจ้าวราศีตุลย์
ที่เวลานี้สีหน้าแน่วนิ่งขรึมชา คล้ายเตรียมรับความตายอย่างไม่กลัว

“หยุดแค่นั้น! ไม่งั้นสิตาราตาย!”

การขัดจังหวะที่ไม่คาดคิดทำให้ชามัลในร่างงูสะบัดกลับไปตามเสียง
ไม่ใช่ใคร ไอ้ลูกศัตรูชั่วชาติของเขามาจังก้าอยู่นั่นแล้ว ที่สำคัญ มันตรึงตัวสิตาราไว้
กรงเล็บสมิงคมกริบงอกจากมือมนุษย์จ่อติดคอเธอ ภาพนั้นจุดประกายเกรี้ยวกราดเร้นลับได้ยิ่งกว่า
ความยินดีที่ได้เจอเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ตนตามหามาเนิ่นนาน

“ไอ้ลูกหมา...เจอกันจนได้ ไง! ผู้คนที่นี่ช่วยกันขัดล้างคราบน้ำนมที่ติดปากติดฟันออกไปได้หมดไหม
แต่ดูท่าจะบัดซบยิ่งกว่าเก่า เพราะถึงกับต้องเอาเด็กมาเป็นตัวประกัน ไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้
พ่อผู้แสนยโสของเจ้าคงอาย”

มัชฌิม์พยายามระงับจิตไม่หวั่นไหวตามคำพญามารกระตุ้นเร้า
เขาไม่สนใจตุลาการที่กำลังจะถูกฆ่า เท่าที่ได้ยินมาคนผู้นี้อันตรายเกินกว่าจะเอาเป็นพวก
ปล่อยทิ้งไว้เป็นศัตรูก็ลำบาก แต่ถ้าไม่ขวางไว้ พอมันจัดการเหยื่อใกล้มือเสร็จแล้วก็จะแว้งมาทางสิงหรานี
ตอนนี้เขาเห็น แม่นั่นกำลังกระถดกายป้อแป้ขึ้นมานั่งขัดสมาธิ เดินพลังปราณขับไล่พิษเต็มความสามารถ

“ปล่อยสองคนนั่น แล้วตามข้ามา เราต้องตกลงกันชามัล เมห์ฮรา... ไม่งั้นข้าจะฆ่าคนของเจ้าเสียตรงนี้!”
มัชฌิม์ยังยืนกราน




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2557, 18:13:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2557, 23:03:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1498





<< งานวิวาห์แห่งเกาะเงา - บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย   บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย (...จบบท) >>
อสิตา 10 ม.ค. 2557, 18:17:20 น.
คุณเกดซ่า – เผลอนอนเพลินแบบป่วยๆ ตื่นมาตะวันเข้าหม้อไปแล้วง่า ระวังตอนหน้างูจะทำสิ่งที่คาดไม่ถึงนะ
แต่ตอนนี้อาจคิดไปว่าเสือก็ทำสิ่งที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน 55
คุณก้อนหิน – แฝดคู่นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกกกกค่ะ รอดูกันต่อไป
คุณเด่นเดือน – เดี๋ยวท่านอัคนิคงมีออกมาให้หายคิดถึงอีกค่ะ แต่ลูกๆก็มีกลิ่นท่านพ่อนะ ...งูจะน่ารักแสนดีตอนนี้
อาจยังเร็วไป งูยังต้องเรียนรู้อีกเยอะกว่าจะแสนดีนะ แต่น่ารักตลอดในสายตาบางคน อิอิ
คุณหมีบุลิน – เม้นต์มีสติหน่อยนึงละ ตอนนี้ชั้นมาแปะสายแล้วนะ หล่อนยังสายกว่าได้อีกตาหมี พี่มูนโกรธแน่
คุณริญนี่(พี่มูน) – เม้นต์ได้ดี ที่ว่านังน้องมีนคนข้างบนควรมีสติเพราะแก่ขึ้นอีกปี (แต่มันอาจไม่ได้พัฒนาแบบนั้น55)


yimyum 10 ม.ค. 2557, 18:24:25 น.
วันนี้อัพช้าจัง.......
ป.ล.มัชฌิม์นี่โหดได้ใจจริงจริ๊ง..


อสิตา 10 ม.ค. 2557, 18:30:04 น.
คุณโกลเด้นซัน – สิตารากำลังสับสนน่ะค่ะ อายุ 19 เอง เพิ่งรู้จักความรักเป็นครั้งแรก แต่ชามัลเป็นงูเจนสนาม
เรื่องแฝดยังบอกไมได้ว่าใครทรยศ ดูกันต่อไป มัชฌิม์เองก็ไม่ใช่คนดีเต็มร้อย แม้จะดีกว่าชามัลอยู่มาก
แต่คนเขียนชอบเขียนหลอกนะคะ หุหุ สิ่งที่เห็นในตอนแรก อาจไม่ได้เป็นแบบนั้น
คุณกระต่ายผ้าขี้ริ้ว – ผู้ชื่นชอบต้วนซิ่ว... ขุดทอง และอื่นๆ รู้สึกจะชอบให้ชามารหื่นเป็นพิเศษเลยนะคะ
คุณยิ้มยิ้ม – ดีมากหนู เขียนป.ล.ถูกแล้วพี่จะมอบจูบให้ นั่นสิ เห็นเป็นแฝดคนนี้ แต่ไม่จำเป็นจะต้องใส่ตุ้มหูตัวเองมานี่ เริ่มมีสายตาแหลมคมแล้วนะ
คุณดังปัณณ์ – หนอนน้อยแสนกระเส่า เรื่องสาเหตุความภักดีของพรต จะเอ่ยในอนาคตนะค้า อุอิ
แต่อาจมีกรรมเก่าอยู่ด้วยหลายส่วน ทำให้รักปักใจกะชามัลลลโดยไม่เกี่ยวกะเหตุผล อร๊างงงง
ชาจังยังอารมณ์ขึ้นๆลงอยู่นะ หนอนเอ๊ยยยย

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – งูพล่านไปทั่วค่ะมีหลายอย่างให้ต้องมองแม้จะสนใจเสือมากสุด
มัชฌิม์ไม่ได้เล่นบทพระเอกขนาดนั้นหรอก แต่ตามิตรละไม่แน่ หุหุ
คุณเมล็ดทานตะวัน – ชามัลน่ะหรือจะไร้เดียงสาขนาดนั้น แสยะ รอดูต่อไปแล้วกันนะคะ วันนี้ป่วย ตื่นช้ามาก
คุณอุ้มสม – ใจดีจริง แวะมาเยี่ยมอีกแล้ว ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะน้องบาส ^3^


ketza 10 ม.ค. 2557, 18:31:36 น.
ค่ำเบยน๊า.... แต่ก้มาแย้ววววว


yimyum 10 ม.ค. 2557, 18:33:26 น.
ใครสายตาเฉียบแหลมเหรอ.....หนูเปล่า


เด่นเดือน 10 ม.ค. 2557, 18:33:46 น.
เชื่อว่าพี่งูยอมจ้า

อาจจะไม่ใช่เพราะห่วงเธอนะ แต่เพราะโมรา เห้อ...จริงๆอยากให้ห่วงเธอนะ แต่ดูท่าจะไม่ใช่

ที่บอกว่าจะเจอท่านพ่อของมัชนี่อีกไม่นานใช่ไหมคร่า ^^


SunSeed 10 ม.ค. 2557, 18:41:15 น.
เพ่แป้งหายเร็วๆนะคะ จะได้มาอัพชามารเร็วๆ อุ๊บ ไม่ช่าย ห่วงพี่แป้งด้วยแหละ ส่วนอีตาชามาร ฆ่ามันเลย อีตามัชฌิม์ ลูกศัตรูเก่าของแกนี่ 5555 วุ่นวายนักเชียว


ดังปัณณ์ 10 ม.ค. 2557, 18:41:27 น.
เอิ่ม หายป่วยไวๆนะค้า

และ...อั้ยย่ะ! พวกรัตติดารานี่ร้ายกันทุกคนเบย เห้อ นักบวชดำก็ม่องเท่งไปซะแระ แล้ววรรณะหายไปไหนแหล่ว? ทำไมมีแต่นิลละออกมาในฉากตอนที่แล้ว ฮือๆๆๆๆ ชาจังมาแบบสยอง หนอนนึกภาพนี่เลยอ่ะ งูตัวยักษ์เบิ้มแถวอะเมซอนอ่ะ อ้าปากกว้าง งาบลงกลืนเอื้อกอ๊ายยยยยยยยยยย น่าหรอ่ย! เอ๊ย!! ไม่ใช่ๆๆๆ น่ากลัว ฮ่าๆๆๆ

แล้วมัชจังน้อยของหนอนไหงเป็นงั้น เห้อออออออออออ จะแย่งซีนชาจังเหรอมัชจัง แย่งซีนการน่าโดนเบิ้ดกะโหลก มาทำยังเง้กะหนูสิได้งายยยยยยยยยยยยยยยยย

เอ้าสินี้หัวฟู มาเอาตัวเด้กในปกครองไปอบรมด่วนด้วย(ว่าแต่ทำได้อ่ะป่าวน่ะ เด็กมันแรงส์ 555+) แง้ง!


ketza 10 ม.ค. 2557, 19:33:52 น.
ป่วยเหมือนกันเบย แง๊ววววว....
... ทำไร ทำไง ท่านพี่จะทำไง อยากรู้ อยากรู้....
.... หรือว่าท่านพี่จะหันมาจูบปากกับเสือแตกหนุ่ม.... ม่ายยยน๊าาาา.... >◇<


goldensun 10 ม.ค. 2557, 20:43:38 น.
นักบวชดำก่อเรื่อง กุมภ์ฆ่ามีน ตุลย์กับสิงห์ร่วมมือกันเล่นชามัล แต่ก็สู้ไม่ไหว มัชฌิม์โผล่มาช่วยแล้ว แต่ดูชามัลแกร่งเหลือเกิน สงสัยถ้าไม่โดนสิตาราจัดการ คงไม่มีใครล้มชามัลได้แน่
งานนี้นักบวชดำลงมือโดยไม่บอกแม่ชีดำแน่ สงสัยจัง มีแผนอะไร คู่แฝดอีก หายไปไหน


sunrise 10 ม.ค. 2557, 20:46:25 น.
ใครๆ ก็ไม่รักพี่ชา ศัตรูเต็มไปหมด โถน่าสงสาร


konhin 10 ม.ค. 2557, 21:12:02 น.
โห ทุกคนมีแผนกันหมด ไม่มีมิตรหรือศัตรูเลย ฮ่าๆๆ


Chii 10 ม.ค. 2557, 22:18:40 น.
โถ... สิต้าาาาาาา
เหมือนตื่นมาเจอฝันร้ายเลยเนอะะะะะะะ

มัชชี่พระเอกฝุดดดด <3 ออร่าสีทองดับงูดำตกท่อน้ำครำเลยจ้ะะะะ
สิต้าเปลี่ยนใจ หนีไปกะมัชชี่เลยกะดีนะคะะะะ


Zephyr 10 ม.ค. 2557, 22:50:11 น.
โหยยยย ลูกชายดำเมื่อมของมะม้า ตัวยาวนี่ ศัตรูเยอะเนอะ
ไปไหนก็มีแต่คนจะกำจัด รอบด้านกันเลยทีเดียว
ท่าทางฮีจะมนุษยสัมพันธ์แย่มาก ฆ่าก่อนค่อยคุย คงเป็นสโลแกนไส้เดือนสินะ
ทรยศกันมั่วไปหมดเลย ฆ่ากันได้ random มากกกกกก
เริ่มเดาไม่ได้ละว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน
เริ่มรู้สึกว่า ท่านรดิศภาคพญามารนี่เท่เป็นบ้าเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ หลังจากเนิบๆๆๆมานาน
ยิ่งควงจักรอีก โอ๊ยมะม้า เท่เกินตางูละนะ ในสายตาเฟอร์
พี่รองนี่โลเลนะเนี่ย ตัดสินใจไม่เด็ดขาดเลยอ่ะ มาเจอมารี่เลยซวยเลย
คงไม่ได้ตัวสิต้าติดไปแน่ๆ


บุลินทร 10 ม.ค. 2557, 23:35:29 น.
โอ้โห อะไระอีรุงตุงนังขนาดนี้ รัตติดาราวุ่นวายมาก


Pat 11 ม.ค. 2557, 08:53:15 น.
ช่ายเลย ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังไปหมด มีแต่คนต้องการอำนาจ อย่าทำให้ราศีที่สิบสามโกรธ จนแผลงฤทธิ์ออกมาบ้าง แล้วจะหนาว


ริญจน์ธร 11 ม.ค. 2557, 14:31:43 น.
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account