โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย (...จบบท)

การขัดจังหวะที่ไม่คาดคิดทำให้ชามัลในร่างงูสะบัดกลับไปตามเสียง
ไม่ใช่ใคร ไอ้ลูกศัตรูชั่วชาติของเขามาจังก้าอยู่นั่นแล้ว ที่สำคัญ มันตรึงตัวสิตาราไว้
กรงเล็บสมิงคมกริบงอกจากมือมนุษย์จ่อติดคอเธอ ภาพนั้นจุดประกายเกรี้ยวกราดเร้นลับได้ยิ่งกว่า
ความยินดีที่ได้เจอเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ตนตามหามาเนิ่นนาน

“ไอ้ลูกหมา...เจอกันจนได้ ไง! ผู้คนที่นี่ช่วยกันขัดล้างคราบน้ำนมที่ติดปากติดฟันออกไปได้หมดไหม
แต่ดูท่าจะบัดซบยิ่งกว่าเก่า เพราะถึงกับต้องเอาเด็กมาเป็นตัวประกัน ไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้
พ่อผู้แสนยโสของเจ้าคงอาย”

มัชฌิม์พยายามระงับจิตไม่หวั่นไหวตามคำพญามารกระตุ้นเร้า
เขาไม่สนใจตุลาการที่กำลังจะถูกฆ่า เท่าที่ได้ยินมาคนผู้นี้อันตรายเกินกว่าจะเอาเป็นพวก
ปล่อยทิ้งไว้เป็นศัตรูก็ลำบาก แต่ถ้าไม่ขวางไว้ พอมันจัดการเหยื่อใกล้มือเสร็จแล้วก็จะแว้งมาทางสิงหรานี
ตอนนี้เขาเห็น แม่นั่นกำลังกระถดกายป้อแป้ขึ้นมานั่งขัดสมาธิ เดินพลังปราณขับไล่พิษเต็มความสามารถ

“ปล่อยสองคนนั่น แล้วตามข้ามา เราต้องตกลงกันชามัล เมห์ฮรา... ไม่งั้นข้าจะฆ่าคนของเจ้าเสียตรงนี้!”
มัชฌิม์ยังยืนกราน

“คิดว่าข้าสนเด็กนั่นหรือ จะฆ่าให้ตายวันไหนก็ได้ แต่ยังดูอยู่ว่าจะหมดประโยชน์เมื่อใด”

ทำพูดนั้นทะลุทะลวงเข้าไปถึงใจสิตาราที่บัดนี้นิ่งกริบ เธอเองตกลงร่วมมือกับมัชฌิม์แสดงละคร
ให้เขาจับเป็นตัวประกัน สิตาราคิดเอาใจออกห่างรัตติดาราจริงอย่างว่า เธอจะเข้าข้างเมห์ฮรา
เข้าข้างคนที่หมายทำลายล้างขั้วอำนาจบ้าๆที่เอาตนมาชักเชิดอยู่นานหลายปี
ตอนนี้นักบวชดำก็ตายแล้ว แม่ชีดำไม่รู้หายไปไหน แฝดคนคู่ทรยศ
พรตก็เลือกวางเฉยไม่เข้าข้างเมื่อสิตาราคิดทิ้งฝั่งนายเขา

ทว่ากับวาจาของเจ้าบ่าว...คนคุ้นเคยที่เธอแอบคิดถึงแต่เขามาตลอดหลายปีที่ล่วงผ่าน
นั่นคือคำพูดของเขาหรือ จะว่าเพื่อให้มัชฌิม์ไม่กล้าทำอะไรเธอมันก็ไม่น่าใช่ ออกเป็นเชิง
ไม่สนใจไยดีมากกว่า ตอนนี้สิตาราได้ยินและรับรู้แต่เพียงนั้น
ซึ่งนั่น...ทำให้หัวใจดวงเดิมของเธอค่อยๆปริร้าว เปลือกสีขาวของมันแตกสลายลง
เผยเนื้อใจสีหม่นทะมึน เต้นเร่ารุนแรงจนแทบระเบิดออกมาด้วยความโกรธและเจ็บปวดที่อัดอั้นข้างใน

“เดินเกมอย่างนี้ เจ้าคงยังไม่รู้จักข้าดีพอนะไอ้หนู พ่อไม่เคยบอกหรือไง
ว่าข้าทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่เหนือศัตรู อะไรไม่จำเป็นแล้ว... ต่อให้ถึงเป็นแขน เป็นขา
ข้าก็ตัดทิ้งได้ไม่เสียดาย”

ชามัลเขม้นจ้องอีกฝ่ายอย่างพิจารณา มันเปลี่ยนจากเด็กเป็นหนุ่มแน่นเต็มตัว
อย่างน้อยก็ด้านรูปลักษณ์ สูงใหญ่ทรนง คิ้วปาดขึ้น ตาคมกริบ ผมยาวที่ถูกรวบไว้เห็นชัดว่าทิ้งตัวดำขลับ
ภาพนี้มันชักจะคุ้นๆอยู่ชอบกล แม้จะเพิ่มเติมมาที่ตุ้มหูห่วงเหล็กตลอดแนวใบหูซ้าย กับแววขบถในสันดาน
อย่างคนดื้อ รวมแล้วเป็นภาพที่กระตุ้นต่อมโกรธเขาสิ้นดี
“เจ้ามันเหมือนพ่อมากเกินไป ตายเสียได้ก็ดี!”
ขนดหางอสรพิษโยนร่างรดิศที่คล้ายหมดสติหรือไม่ก็ตายด่าวดิ้นไปแล้วทิ้งลงพื้น
ชามัลแปรเป็นร่างคนในพริบตานั้น เรียกดาบเขี้ยวเล่มโง้งขนาดย่อมๆให้ปรากฏในมือ
พุ่งเข้าหาหมายแทงมัชฌิม์ ศัตรูเก่าที่ตนเพียรตามหามาตลอดระยะเวลาแสนนานอย่างไม่พูดพร่ำ

วินาทีคับขัน ด้วยใจซึ่งเกิดจากการอบรมเลี้ยงดู ชายหนุ่มทายาทแห่งเมห์ฮรา
ไม่อาจเอาตัวสิตาราที่ยืนสงบนิ่งคล้ายยอมรับชะตากรรมมากั้นบังตนจากการโจมตีของชามัล
ก็ตัดสินใจผลักร่างบอบบางกระเด็นจากอก

ชามัลขบกรามกรอด ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ชั่ววูบที่พุ่งเข้าหาศัตรู มีเสี้ยวหนึ่งที่เขาลังเล
เพราะแววตาของเธอที่จ้องมานิ่งสนิท ดวงตาสวยเป็นหนึ่งของคนที่ไม่นานยังอยู่ในอ้อมกอด
ในห้องหอ ร่วมเตียงนอน เวลานี้มองเขาเหมือนคนไม่เคยรู้จัก

สิตาราถูกผลักล้มลง มัชฌิม์หลบการจู่โจม ตรงข้ามกับชามัลที่เพิ่งกลับเป็นคน
ศิษย์ของพชรมุนินกลายกลับเป็นเสือดำ กรีดเสียงแหลมก้องไปในราตรีอันไม่สงบจนทุกคนที่กำลัง
รบราชุลมุนล้วนหนาวเยือกเข้าไปในอก พากันหันมาเห็นเงาร่างเสือดำมหึมาโผนผ่านเสี้ยวเงาจันทรา
แหลมดุจคมเคียวเหนือฟ้า

เมื่อลงถึงพื้น มัชฌิม์ทันเห็นรดิศฟื้นขึ้นมาได้จังหวะพอดิบพอดี และกำลังพุ่งเข้าหาชามัลอีกครั้ง
ฝ่ายนั้นอาจคิดว่าเขาคงช่วยรุม แต่...ที่ผ่านมาความกล้าบ้าบิ่นไม่เคยช่วยอะไร มันเปลี่ยนชีวิตเขา
จนสิ้นมาแล้วรอบหนึ่ง จะไม่ยอมให้มีรอบสอง เพราะเขายังมีที่ที่ต้องกลับไป

ชามัลสะบัดดาบเขี้ยวในมือลอยลิ่วมาเฉียดไหล่เสือดำจนตกเลือด
ก่อนจะถูกรดิศขวางกลางไว้ มัชฌิม์ในร่างเสือเจ็บแปลบแต่ยังกลั้นใจโจนไปกระชากหลังคอเสื้อ
สิงหรานีที่กำลังนั่งบริกรรมขับพิษออกจากกระแสเลือด โดดตูมลงสู่ทะเลที่เกลื่อนไปทั้งไฟ
และหมอกควันอำพราง

ชามัลพันตูกับรดิศที่หวดจักรฟาดซ้ายป่ายขวาเข้าใส่อยู่หลายจังหวะ ไม่มีเวลาตามศัตรูที่กำลังผละหนี

“แรงดีไม่มีตก นึกว่าเข่าอ่อนเป็นลมไม่มีแรงลุกมาสู้เสียอีก” ชามัลหัวเราะอย่างพึงใจ
เขาอยากฆ่าตุลาการมากก็จริง แต่ศัตรูเดนตายอย่างมัชฌิม์ จะรอไม่ได้แม้แต่อึดใจ
ทาสผู้ร้ายกาจแห่งโมราโผนไปยังทิศที่เสือดำโจนหนี ทว่า...ตุลาการเจ้ากรรมกลับระเบิดอาณาเขตอำพราง
การต่อสู้ที่เมื่อแรกมีอยู่เป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเสมือนสัญญาณเรียกให้ทุกราศีพุ่งความสนใจมายังทิศเดียวกัน

ทั้งจ้าวราศี ทั้งเหล่าภูตดาราต่างจับสัญญาณได้ชัดและกลุ้มรุมกันมายังทิศเดียว
ขณะที่ความสนใจของชามัลพุ่งไปหามัชฌิม์ที่กำลังหนี อาวุธจากมือใครบางคนถูกฟันฉับ
เข้าใส่เบื้องหลังเขาถนัดถนี่ มองไม่เห็นว่าใคร ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามันคืออาวุธอะไร แต่มันทำร้ายเขาได้!

ร่างของชายผู้เป็นทาสโมราเสียหลัก หล่นตูมลงถึงทะเลเดือดที่เบื้องบนยังเกลื่อนไปด้วยหมอกและไฟ
ทั้งคลื่นลมก็ยิ่งทวีความบ้าคลั่งขึ้นทุกขณะ ด้วยกำลังของภูตดาราแห่งน้ำราศีมีนที่เกรี้ยวโกรธ
กับการตายของจ้าวราศี

ชามัลมองเห็นเส้นสายเลือดสีดำแห่งตนไหลรินปะปนไปกับน้ำ ใครกันที่ทำร้ายเขาได้ขนาดนี้
มันเป็นใคร ราศีไหน ที่แผ่นหลังทั้งเจ็บ ทั้งแสบ แทบด่าวดิ้น ราวกับร่างนี้กำลังกลับไปเป็นมนุษย์อ่อนแอ
อย่างเดิม มันทำให้หวนคิดไปถึงวินาทีก่อนที่ตนจะต้องตายด้วยน้ำมืออัคนิ เมห์ฮราซึ่งผ่านมานานแสนนานแล้ว...
เหมือนกันไม่มีผิด

เมื่อนึกมาถึงตรงนั้น ชามัลตัดสินใจปิดความรับรู้ หรือเขาจะเป็นเพียงคนขลาด
แต่จิตก็ยังยืนยัน เขาเพียงแค่ต้องการสลายตัวตนชั่วคราวลงเพื่อเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในโมรา

ก่อนเสี้ยวใจมืดดำจะปิดสนิท ชามัลยังรับรู้ได้ถึงความเศร้าของสิตาราจากใจที่แนบชิดโมรานั้น
เพราะคำพูดที่เขาเอ่ยออกไป ที่ว่าชีวิตของเธอไม่สำคัญ เขาคิดอย่างนั้นจริงหรือ แต่ที่ย้ำกับตนเองตอนนี้
ถึงจะเข้ามาอยู่ในโมราเขาก็แค่หลับเท่านั้น ถ้ามีใครบังอาจมาแตะต้องเธอ ทำร้ายเธอ เขาจะต้อง
ตื่นมาปกป้องเจ้าสาวของเขาอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะเธอมีประโยชน์ แต่เพราะว่าเธอคือคนสำคัญ

ตอนนี้เขาก็แค่...อยากกอดเธอไว้แนบอกอีกสักครั้ง
แม้ว่าสิตาราจะไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไปแล้วก็ตาม



เสือดำคาบหลังคอนางสิงห์ที่อ่อนล้าว่ายแหวกคลื่นลมไปภายใต้เงาหมอกเรี่ยผืนทะเล
นี่คงจะเป็นหมอกของจ้าวราศีกุมภ์ เคยได้ยินมาว่าเกาะหมอกของคนผู้นั้นที่อยู่ในแดนเหนือ
ล้อมรอบไปด้วยไอหมอกหนาทึบ ไม่เพียงคนฝ่าเข้าไปจะถูกป่วนด้วยอาคมที่แฝงในหมอก
จนเรือแล่นปัดเป๋ แต่คนในก็ยังออกมาพ้นเกาะไม่ได้อีกด้วยหากเจ้าของมนตราไม่แหวกช่องเปิดทางให้
นี่คงเป็นหมอกอย่างเบาๆเท่านั้น

ว่ายน้ำมาไกลจากจุดเกิดเหตุ ณ หลังหมู่หินที่พวกเขาซ่อนแพเล็กไว้
มัชฌิม์ลากสิงหรานีซึ่งไร้สติขึ้นนอนราบบนแพ เขากลับคืนร่างเป็นคนก่อนจะเข้าไปเขย่าเรียกหญิงสาว
จนฝ่ายนั้นสำลักกระอักกระไอคายน้ำทะเล สีหน้ายังซีดเขียวด้วยเขี้ยวอสรพิษแห่งโมรา
มัชฌิม์หยิบเอาขวดเล็กแบนที่พกติดตัวไว้เสมอออกมา

แม้ลุงนอกคอกของเขาที่ชื่อศานติมันจะเคยเอ่ยขอให้วิชาหยูกยาเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว
ยังดีที่ท่านทวดมิได้เชื่อตาม ยังลักลอบสอนวิชาที่ควรจะส่งต่อสู่ทายาทให้คนอีกผู้หนึ่ง
เป็นที่มาของยาแก้สารพัดพิษในมือเขา สิ่งที่เขายังคงเก็บไว้เสมอเป็นที่ระลึกถึงห้วงเวลาของตน
เห็นทีวันนี้คงต้องใช้มัน

ชายหนุ่มประคองร่างระทดระทวยของคนกำลังสะลึมสะลือไว้ในอ้อมแขน
จรดขวดเล็กๆให้ตรงปาก ก่อนจะปล่อยน้ำยาสีมรกตหยดลงไปสองสามหยด
รอดูอาการว่าจะกระเตื้องขึ้นหรือไม่ หน้าหญิงสาวค่อยๆมีสีเลือดเพิ่มมา
มัชฌิม์จึงค่อยป้อนยาให้นางเพิ่มอีก แม้ยังดูอาการไม่กระเตื้องเพราะพิษตกค้างทั้งเสียเลือด
แต่ก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมากมาย หญิงผู้นี้บ้าระห่ำ ถึงอีกฝ่ายจะอายุมากกว่า แต่กลับทำเอาเขา
คิดถึงตนเองสมัยยังเป็นเด็ก ทำอะไรไม่มีความยับยั้งขึ้นมาครามครัน

มัชฌิม์เพิ่งมารู้สึกว่าแผลของเขาเองที่โดนดาบเขี้ยวของชามัลก็ไม่สู้ดี จึงจิบยา
ที่เพิ่งป้อนให้สิงหรานีไปเสียหน่อย ก่อนจะเอนกายที่อ่อนล้าลงเคียงกัน ตาพร่าพราย
ด้วยดาวเกลื่อนฟ้าเบื้องบน แพกำลังเคลื่อนช้าๆสู่ทิศหนึ่ง

‘แพนี้เป็นแพที่ผูกพยนต์ ไว้ด้วยมนตรา มันเคลื่อนไหวได้เอง
และจะนำพวกเจ้ากลับสู่เกาะรังซึ่งเป็นที่เติบโตของไม้ที่เราตัดมาใช้ทำแพ
จงกลับไปกันสองคน ทิ้งข้าไว้บนเกาะเงา ข้าแก่เกินกว่าจะรบปะทะ
แต่เรื่องอาคมในอันนิ่งสงบนับว่าไม่เป็นรองใคร
และจะใช้มันเป็นประโยชน์ต่อเหล่าสิงห์ได้แน่นอน’
ท่านผู้นั้นบอกไว้เช่นนี้...เอาเถอะ ถึงเรื่องที่หมายไปทำครานี้จะไม่สำเร็จ ทั้งการสังหารชามัล
การพาสิตาราออกมานอกเกาะ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ทิ้งคนสำคัญไว้สานต่องานที่นั่นสมใจ
ขอให้โชคช่วยท่านก็แล้วกัน
{พยนต์ [พะยน] น. สิ่งที่ผู้ทรงวิทยาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้น เช่น หุ่นพยนต์
...ใช้กับสิ่งของที่ตั้งใจให้ทำงานได้เองโดยไม่ต้องมีคนบังคับ อย่างหอกพยนต์
จากวรรณคดีเรื่องสุวรรณหงส์}


สิงหรานีไม่ได้กำลังโลดแล่นไปเหนือท้องทะเลสีมรกตเหมือนเคย
เวลานี้นางกำลังวิ่งตะบึงไปในทุ่งหญ้าแห้งดายเขียวหม่นอมน้ำตาล ฟ้าเบื้องบน
เป็นรัตติกาลหมอกมัวน่าอดสู นางรู้สึกราวกับไม่ใช่สองขาที่วิ่งไป แต่เป็นสี่เท้าอย่างราชสีห์
ไม่ใช่ท่วงท่าที่งามสง่าแต่อย่างใด เหมือนนางสิงห์เองกำลังโกยหนีอันตรายร้ายบางอย่าง
เงื้อมมือมืดทะมึนที่ฉุดรั้งนางเข้าสู่แดนของคนตาย

เบื้องหน้ามืดมิดไม่ต่างจากความมืดที่ไล่หลัง เท้าทั้งสี่หยุดลงชะงักค้าง เหลียวหันมองซ้าย
เงาดำที่ทอดตัวเงียบเชียบยังรอท่า เหลือบมองขวา หมอกหนาทึบทะมึนก็เริ่มโรยตัว
นางละล้าละลังไม่รู้จะก้าวต่อไปทิศไหน หูสดับยินเสียงเพรียกที่อ่อนล้าโรยแรง

‘มานี่สิ มาหาข้า นางสิงห์ตัวเมีย มาสิ... หรือว่าเจ้ากลัว’

‘นั่นใคร!’

‘ลืมพี่เสียแล้วหรือน้องรัก ข้าคือพี่ชาย พี่รองที่เจ้าฆ่าไป ฆ่ามาเท่าไหร่แล้วล่ะ
บอกตัวเองว่าฆ่าเพื่อรักษายุติธรรมในโลก ปล้นชิงเอาจากผู้ที่ไม่ควรจะมี
ใครกันหนอตัดสินว่าคนชอบเอาเปรียบผู้อื่นไม่ควรรอดชีวิต
เพราะบางคนก็ไม่ได้เลวถึงขนาดจะต้องตาย’

‘หุบปาก! สำหรับไอ้ลูกอกตัญญูอย่างเจ้าที่เอามีดจ่อคอพ่อตัวเอง เลวขนาดสมควรตายก็แล้วกัน’

เงาร่างนั้นคล้ายปรากฏเลือนรางให้เห็นในหมอก ทว่าไม่ได้มีเพียงหนึ่ง เงาของคนตายค่อยๆผุดขึ้น
จากสอง เป็นสาม จนเป็นสี่ ห้า ถึงนับสิบ เหล่าคนที่ตายด้วยคมดาบราชสีห์ พวกมันค่อยๆล้อมเข้าใกล้
คล้ายจะโอบตีเข้ามาต้อนนางให้ก้าวล่วงสู่แดนของคนตายด้วยกัน

ขณะที่กำลังจะหมดทาง นางสิงห์ที่อ่อนล้าก้มมองเท้าตน เงาของนางกำลังเคลื่อนไหว
แล้วมันก็กระโจนขึ้นมายืนเคียงใกล้ กลายเป็นอีกร่างสี่เท้าที่สูงสง่าพอกัน ไม่ใช่สิงโต แต่เป็นเสือ...สีดำ
ดวงตาสีเหมือนไฟนั้นสื่อความหมายบางอย่าง

‘บอกให้ข้าตามเจ้าไปงั้นหรือ มัชฌิม์ เมห์ฮรา
รัตติดาราอย่างข้าต้องมารับความช่วยเหลือจากพวกตระกูลแห่งแสงสว่าง
สิงห์ต้องมาก้าวเดินเคียงเสือ เรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน’

‘จะเป็นไร ในเมื่อข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากรัตติดารา...ท่านพชรมุนิน
ทั้งยังพ่อครูอโพซินเต้ ท่านเปิดมนตราให้ข้า สอนให้ท่องอยู่หลายคาบหลายบท
ข้ายินดีให้รัตติดาราช่วยนำทาง เวลานี้เจ้าก็ควรหัดเรียนรู้ทางที่ไม่เคยมอง
ทางแห่งแสงสว่างที่กำลังเปิดรอ’

เสือนั้นโจนนำหน้าฝ่าเงามืด คำรามก้องพาให้เหล่าเงาร้ายแตกหนีกระจัดกระจาย
พวกมันกลัวไฟที่โชนฉานในตานั้น นางสิงห์สาวก้าวตาม เริ่มจากเยาะย่องเป็นโจนตามอย่างมั่นใจ
ก่อนจะวิ่งเต็มฝีเท้าตามหลังเสือดำไป ความเหนื่อยล้าเริ่มลาหาย กลับกลายเป็นเรี่ยวแรงเปี่ยมล้นแทนที่
เมื่อเห็นทางแห่งแสงสว่างที่รอ คราวนี้นางพุ่งตามเสือไปยังแสงสว่างเจิดจ้านั้นด้วยความปรีดา

ที่สุด สิงหรานีก็พลิกตัวส่งเสียงอืออาบนแพแคบๆ จนมัชฌิม์ที่จับมือหญิงสาวเอาไว้
และถ่ายทอดกระแสปราณชีวิตให้เผลอชันตัวขึ้นจดจ้องใกล้ชิด
จมูกของเขาแทบจะสัมผัสจมูกอีกฝ่ายเมื่อเจ้าตัวลืมตา

“ไง...พี่สาว” เขาแกล้งแหย่ “ดูเหมือนว่าเราจะตกน้ำพร้อมกันหนที่สองแล้ว แต่คราวนี้คงรู้นะว่าใครช่วยใคร”

“เจ้า...ลากข้าลงน้ำมาเอง” คนไม่มีแรงกลั้นใจเค้นเสียงอุบอิบ

“ก็ข้างบนมีพวกมันกรูเข้ามาเต็มไปหมด ไม่ใครก็ใครต้องอยากรู้แน่ว่าเราไปทำไมที่นั่น
หนีลงทะเลนี่แหละ แถมหมอกก็ช่วยพรางตาได้อย่างดี”

บนแพที่สร้างขึ้นชั่วคราวนั้นแคบมาก มัชฌิม์มองเรือนร่างที่มีผ้าเปียกๆแนบเนื้อตากลมอยู่นานแล้ว
ก็ชักห่วงอาการคนป่วย แต่ปากเขาดูจะไม่ดีเหมือนใจเอาเสียเลย

“ร่อแร่แล้วนะ แบบนี้เสียมาดนางพญาหมด จะกลับไปทันให้ลูกน้องดูใจไหม”

“เจ้าบ้า...” สิงหรานีคำราม

“อันที่จริงเราควรจะถอดเสื้อให้ตัวแห้ง แล้วนอนกอดกันบนแพนี้จะอุ่นกว่า มา...ข้าจะช่วย”

มัชฌิม์ขยับเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่ระวัง จึงโดนขาของคนที่นอนเหมือนไม่มีแรงตวัดดีดสุดแรงเกิด
ร่างสูงพลันหล่นตูมลงไปในทะเลอีกรอบอย่างไม่ได้ตั้งตัว

ชายหนุ่มโผล่ขึ้นมาหัวเราะเสียงดัง ซึ่งเป็นเรื่องนานปีทีหนสำหรับคนอย่างเขา
ก่อนจะพบว่าความรู้สึกแปลกใหม่บางอย่างกำลังจุดขึ้นในใจ ตอนนี้น้ำทะเลไม่ได้ทำให้หนาว
เขากลับรู้สึกอบอุ่นซ่านขึ้นอย่างประหลาด เพียงแค่มองคนที่กำลังนอนแยกเขี้ยวอยู่บนแพ
บุตรแห่งเมห์ฮราได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาแสนเบา “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าข้า...
กำลังคล้ายๆจะหลงรักผู้หญิงชอบใช้กำลัง แบบที่ท่านสอนนักหนาว่าอย่าได้หลวมตัวไปรักเสียแล้วสิ”


ความบาดหมางแห่งรัตติดาราฝุดขึ้นกลางเกาะเงาเหมือนน้ำนิ่งไหลเร้นลึก ไม่มีใครไว้ใจใคร
แม้จะพยายามปรับความเข้าใจกันแล้ว เท่าไรก็ยังหาตัวมือสังหารมิยาซากิจ้าวราศีมีนมาลงโทษไม่ได้
ทั้งเรื่องชุลมุนหลังจากนั้นยังเป็นเหตุให้จ้าวราศีพฤษภต้องเจ็บหนัก เหล่าภูตดาราวัวไม่อยู่รอรับฟังใดๆ
ตั้งแต่ก่อนคืนหายนะจะสิ้นสุด เหล่าวัวเร่งนำนายตนขึ้นเรือ โดยหวังไปรักษาเอาที่บ้านเกิด
หรือหาไม่ก็ไปตายเอาดาบหน้า ยังดีกว่าต้องทนอยู่บนเกาะเงาต่ออีกสักนาทีเดียว

สิตาราให้การว่าแฝดราศีคนคู่ที่ยามนี้เร้นลับหายพยายามลงมือสังหารตน
แต่ราศีที่สิบสามซึ่งในเวลานี้ทุกคนต้องฟังก็ไม่ได้พูดทุกอย่างออกไป
“ข้าไม่รู้ว่าเป็นวรรณะหรือนิลละ” แม้เห็นตุ้มหูมุกดำ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ปักใจ

“ดังนั้นตอนนี้ให้ถือว่าเป็นอันตรายทั้งคู่ก็แล้วกัน”
แม่ชีดำที่ยังปลอดภัยรอดพ้นคืนหายนะมาได้เอ่ยกลัดกลุ้ม นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้
ทั้งศพของนักบวชที่อยู่ในคราบของพวกวัว สหายร่วมราศีเอาใจออกห่าง พาเอาความคิดแยกทาง
จากนางไปเมื่อไรไม่รู้ได้ ทั้งที่แต่ก่อนเขาคอยย้ำเตือนสติให้นางภักดีต่อราศีที่สิบสามยิ่งกว่าใคร
ทำไมถึงเป็นแบบนี้... ไหนจะแฝดคนคู่ซึ่งเคยเป็นเสมือนศิษย์ เสมือนลูก ใครเฝ้าบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
และทำไมคนรอบกายนางถึงได้เปลี่ยนไป แม่ชีมองสิตารา เห็นหญิงสาวมีสีหน้าเย็นชากระด้างก็ยิ่งหนักใจ
ตอนนี้สิตาราเป็นความจริงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ต่อหน้านางกระมัง

“แล้วอสรพิษของท่านสิตาราว่าเช่นไร” ใครบางคนเอ่ยถาม

“เขายังพักผ่อนไม่พอ” เจ้าของโมรารัตติกาลตอบอย่างไม่ใส่ใจและไม่คิดขยายความไปกว่านั้น

ตุลาการผู้ก่อเรื่องแสดงความเป็นปฏิปักษ์ชัดแจ้งกับชามัล
ซึ่งเวลานี้ถือเป็นอำนาจอีกครึ่งหนึ่งของราศีที่สิบสาม ในคืนนั้นเองจ้าวแห่งราศีตุลย์ได้หนีหาย
และที่ตามมาเพียงไม่กี่คืนจากนั้น ต่างฝ่ายต่างราศีก็แล่นเรือจากเกาะไป เหลือเพียงกรกฎแ
ละกุมภ์ที่ยังรวมอยู่เหนียวแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับพิจิกซึ่งบัดนี้ครองเกาะเงาลำพัง


ทว่าแท้จริงชามัลไม่ได้อยู่ในโมราอีกแล้ว อสรพิษร้ายแห่งโมรารัตติกาลใช้เวลารักษาตัวเพียงไม่กี่วัน
จากนั้นก็ฟื้นตัวรวดเร็ว กระแสความรู้สึกของสิตารารบกวนเขาเกินกว่าจะทนอยู่ในนั้นได้นาน
เขาจึงหันไปหามุมสงบหารือกับสหายตน

“ดีที่ท่านวาเลนติโน่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นก็คงเหลือแต่พวกโง่เง่าที่รังแต่จะทำให้ข้ารำคาญใจ” ชามัลเปรย

“แต่ท่านไม่สงสัยข้ารึ เพราะตามที่เคยได้ยินมา...คนที่รอดได้ตลอดทุกสถานการณ์โดยไร้รอยขีดข่วน
หากไม่โชคดีเหนือมนุษย์ ก็คงเป็นคนร้ายเสียเอง เช่นนั้นท่านจะคิดอย่างไรกับข้า”

“ก็คิดว่ารับได้นะ ข้าไม่ชอบคนดีอยู่แล้ว ขอเพียงร้ายให้ถูกใจ ถูกทิศ
แล้วอย่าได้เบนความคิดร้ายๆมาทางข้าก็แล้วกัน”

“ฮ่าๆๆ เพราะท่านชามัลเป็นเช่นนี้ ข้าจึงขอสัญญาจะติดตามรับใช้ท่านต่อไป
ทุกอย่างที่ข้าทำจะยังประโยชน์ต่อท่านด้วย จนกว่าจะถึงวันที่ท่านไม่ต้องการ”

หลังจากปรึกษากับวาเลนติโน่อีกครั้ง จึงเห็นพ้องกันว่าต้องออกเดินทาง
อย่างน้อยก็เพื่อควบคุมสถานการณ์ระหว่างราศีให้ได้ดังใจ
หากฝ่ายไหนเกินเยียวยาก็เห็นควรจะกำจัดลงเสียในคราวเดียว

“ท่านวาเลนติโน่ออกทะเลลงใต้ไปหาพวกราศีมังกร พวกมันเคยคิดจะเป็นมิตรกับเกาะเงามาก่อนแล้ว
ถ้าข้าไม่ไปลอบถล่มกองเรือสู่ขอสิตาราของมันจนเสียขบวน แต่ทางนั้นคงวางใจท่านอยู่ ให้หาทาง
เอามาเป็นพวกซะ ส่วนข้า จะขึ้นไปบนแผ่นดิน หารวบรวมราศีต่างๆให้เป็นปึกแผ่นเสียครานี้
ข้าตั้งใจจะไปทางราศีกันย์ที่อยู่ด้านเหนือของแดนสยาม”

“ท่านชามัลว่าไงข้าก็ว่าตามกัน กลัวก็แต่...”

“แต่อะไร”

“นี่จะเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำหรือเปล่า ระหว่างที่เราไป ท่านสิตาราต้องอยู่ที่นี่ หรือท่านจะเอานางไปด้วย”

“ไม่ละ ข้าไปคนเดียวสะดวกกว่า เรื่องนี้ข้ากำลังจะบอกอยู่พอดี ข้าอยากให้ท่านช่วย...สหายราศีกุมภ์
ช่วยสร้างหมอกมนตราที่จะบดบังเกาะเอาไว้ด้วยพลังอัญมณีของท่านสิ ข้าต้องการให้สิตารายังอยู่ที่นี่
ตอนข้ากลับมา จะไม่มีใครฝ่าเข้ามาชิงตัวนางไปได้ และนางก็ไม่อาจหนีไปไหนเช่นกัน”

“แต่การจะสร้างหมอกเช่นนั้นต้องใช้เวลาและใช้พลังมาก คาดว่าอาจเกินสิบวัน”

“ไม่เป็นไร กี่วันก็จะรอ ทำให้ข้าก็แล้วกัน”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2557, 11:05:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ม.ค. 2557, 11:05:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1645





<< บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย   บทที่ ๑๕ สายลมของการเปลี่ยนแปลง //เล่าเรื่องฝั่งตามิตรบ้างดีกว่า แม่ยกฮีเยอะเหมือนกัน :) >>
ketza 13 ม.ค. 2557, 11:07:23 น.
โย่ววววววววว คนนี้ก็จองงงงงงงงงงงง


ketza 13 ม.ค. 2557, 11:08:33 น.
เกดซ่าชอบใจวิ่งไล่ตามปู้จายยยย (ดู๊ดู...ยังจะกล้าพูด 555..)


อสิตา 13 ม.ค. 2557, 11:13:22 น.
คุณยิ้มยิ้ม – วันนี้เป็นวันแรกที่มาอัพไม่เร็วไม่ช้า นานๆจะมีความพอดีสักที 55 อัพเสร็จจะไปนอนแล้วละ
คุณเกดซ่า – ขอให้หายป่วยไวๆนา คนเขียนหายแล้ว เอิ่ม ยุให้พระเอกสองคนเป็นเกย์กันรึ เป็นจริงๆแล้วจะหนาวงิ
คุณเด่นเดือน – พี่งูอาจยังไม่สำนึกเร็วๆนี้ก็ล่าย แต่ว่านะ ใกล้แล้วค่ะ 55555 ท่านอัคนิก็มาแว้บๆ
บางทีอาจโผล่มาตอนลูกชายนึกถึงค่ะ พอให้ได้กลิ่น หุหุ
คุณเมล็ดทานตะวัน – เชียร์ข้างชามัลเต็มที่เลยนะคะ เพิ่งมีคนยุให้ฆ่าลูกเสือก็คนแรกนี่แหละ เอ ทำไมไม่ชอบพ่อเสือน้า
คุณหนอนน้อย – วรรณะหายไปไหนเรอะ ทำไมต้องคิดว่าคนที่มาฆ่าสิตาราคือนิลละด้วยล่าหนอน ไม่เผื่อใจไว้เลยสินะ ชิๆ
ดูเหมือนหนอนจะอยากเบิ้ดกะโหลกผิดคนนะ เพราะมัชเค้าเตี๊ยมกับหนูสิไว้ มีแต่งูแหละที่นิสัยไม่ดี... ป่อย

คุณโกลเด้นซัน – ตอนเขียนก็เหนื่อยค่ะ นี่ขนาดไม่ได้ออกมาครบทุกราศี ทำไงได้ล่ะก็หล่อนวางพล็อตมาเองนี่
นักบวชดำทำอะไรไม่ปรึกษาแม่ชีก็เลยม่องไปแล้ว โธ่ ส่วนชามัล แกร่งมากจริงๆ แถวนี้ก็ไม่มีใครเก่งเท่าอัคนิเสียด้วย
แต่ร่วมมือกันก็ร้ายกาจอยู่ หรือบางทีอาจต้องใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่กำลัง
คุณซันไรซ์ – แล้วคนอ่านรักพี่ชาไหมคะ ถึงจะทำตัวแย่ๆ แต่ก็น่ารักนะ ให้เวลาเค้าหน่อยนะ /ตาชามารส่งตาหวาน
คุณก้อนหิน – นั่นสินะคะ ใครๆก็จะเอาแต่ตัวเอง สงสารสิตารา เป็นจุดศูนย์กลางของความกระหาย
คุณผักชีใบเหี่ยว – ใครกันงูตกท่อน้ำครำ ใครกันคะ ออกจะมันเลื่อมเกล็ดเป็นประกายสวยหรู
คุณเฟอร์ ก้นนุ่ม – เฟอร์ มะม้ารู้นะว่าเฟอร์จ้องจะแกล้งว่าตามารตลอดๆๆ ทั้งที่ใจจริงก็รัก
ก็เดาถูกนะ พี่รองไม่ได้ตัวสิตาราไป แต่ได้สวีท ดีไหมล่ะ หุหิ อืมมม ชอบรดิศเหรอ แหมชอบแบบนี้เอง
เดี๋ยวให้เอาจักรไปทะลวงก้นเฟอร์นะ
คุณบุลินทร – นุงนังเรอะ นี่การเม้นแบบสร้างสรรค์ใช่ไหม เล่มออกแล้วอย่าลืมทำอย่างที่สัญญาล่ะ แสยะ
คุณแพทแมว – ไม่ได้เจอหน้ากันนานนะคะ คิดถึงๆ นั่นสิ ราศีที่สิบสามก็มีหัวใจนะ รุมทึ้งกันอยู่ได้แน่ะ
คุณพี่มูน – อ้าว มาลงตั้งแต่เมื่อไหร่ เหลือนางมีนคนเดียวอีกแล้วสิ หุหุ พี่มูนมีงานให้ทำอะวันนี้ เราอยากได้มาทำบ้าง ดิ้นพราดๆ

ป.ล. เกดซ่ามาแบบความไวแสงอะไรจะขนาดนั้นนนนน


อสิตา 13 ม.ค. 2557, 11:21:29 น.
คะแนนความดราม่าคู่งูเพิ่ม...
แต่คู่เสือสิงห์น้ำตาลพุ่งปรีีดๆ


ริญจน์ธร 13 ม.ค. 2557, 11:26:25 น.
พี่มูนกำลังจะรีบไปทำงานต่อ เห็นพี่มิ้งค์มาเลยรีบแวะมาหา แต่ก็ยังไวไม่เท่าเกดซ่า เหรียญทองโอลิมปิกจริงๆ


yimyum 13 ม.ค. 2557, 11:29:22 น.
ลงชื่อก่อนอ่านคร้าบบบ(ป่ะ)


บุลินทร 13 ม.ค. 2557, 11:29:41 น.
ทำอะไรอย่างที่สัญญาอะ ฮ่าๆๆๆ


yimyum 13 ม.ค. 2557, 11:31:06 น.
แหะๆๆๆ เราก็เล่นรอตอนเที่ยงคือนว่าเมื่อไหร่จัพซักที......เหมือนพี่แป้งตื่นมาอัพแล้วนอนต่ออ่ะค่ะ555


อสิตา 13 ม.ค. 2557, 11:37:31 น.
วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีสองมาเล่นเกมคร่าาาา ทำงานไปด้วยนะ เอิ่ม... เลยมาแปะช้าๆ


SunSeed 13 ม.ค. 2557, 11:50:38 น.
งืมๆๆ ประโยคแรกมักเป็นความจริงที่สุดนะเพ่แป้ง หง่ะ ดูต่อสู้วุ่นวายอยู่ดีดี มีโหมดหวานๆโผล่มาเฉยเยย อิอิ (อีกแว้ววว)


ดังปัณณ์ 13 ม.ค. 2557, 11:58:57 น.
แง่ะ โดนหลอกชิมิ ฮือๆๆๆ ก็ท่าทางวรรณะถึงจะนิ่งๆ แต่เแหมๆๆๆ มันก็ให้คิดนี่ ว่าคนที่ไว้ใจร้ายที่สุด ฮื้อ หื้อ (ครวญเพลง) แง้ว ชาจังเอ๊ย งานนี้มีเคลียร์ยาวนังหนูสิ ช้ำหนักอีกตังหาก อุตส่าห์มีใจเต็มที่ แต่พ่อคุณเล่นแสดงออกทั้งสีหน้าแววตาคำพูดแบบนั้น กว่าจะได้กอดสาวเจ้า มีหวังได้น่วมก่อนล่ะ คราวนี้จะได้เห็นชาจังเต้นจินะคะคุณแป้ง

ปูลม.อยากเห็นงูดีดดิ้นบ้างไรบ้าง 555+


ดวงมาลย์ 13 ม.ค. 2557, 12:13:41 น.
มาเตะก้นหย่ายๆ อิอิ


ketza 13 ม.ค. 2557, 13:11:30 น.
หูยๆๆ พ่อเสือหนุ่มเอาแระไง.....นางสิงห์หัวฟูไม่รอดแน่ โดนเด็กกินตับแหงมๆ
....ท่านพี่ใจร้ายยย ทำงี้กะเค้าได้ไง กลับมาง้อเบยยยย....


ใบบัวน่ารัก 13 ม.ค. 2557, 15:59:27 น.
ใครเป็นใคร ศัตรูมีอยู่ทุกที่


เด่นเดือน 13 ม.ค. 2557, 16:47:37 น.
อย่างน้อยพี่ชาก็เริ่มรู้สึกอะไรบ้างละนะ

แต่ว่า...แต่ว่า...คุณวาเลนนี่ใช้คนที่ทำร้ายชาจังเปล่า ... เอะอาจจะไม่ ยังไงยังไงนะ สงสัยจัง

เมื่อไรงูจะเลิกฉกและแว้งกัดเจ้าของเสียที สงสารสิตารา

คราวที่แล้วมีผู้หญิงยอมตายไปกับศัตรูให้พี่อัคชี่ได้คืนร่าง ครั้งนี้ต้องมีอะไรทำนองนั้นไม่เนี่ย ครุคริ


sunrise 13 ม.ค. 2557, 16:57:56 น.
เอะอะก็ทิ้ง พี่งูนี่ จะทิ้งหนูสิไปอีกละ เห็นเป็นของตายรึงัย ใครก้ได้พาหนูสิหนีไปไกลๆ ที อยากเห็นงูคลั่ง


ภาวิน 13 ม.ค. 2557, 18:46:30 น.
นานๆจะได้แวะมาอ่านที เรื่องนี้ฉากต่อสู้เข้มข้นดีจริง กลิ่นเวทมนตร์โชยเต็มไปหมด พลาดไปหลายตอนตามอ่านกันตาแฉะเลย


Pat 14 ม.ค. 2557, 06:18:12 น.
คิดอย่างพูดอีกอย่าง เด็กน้อย ไม่รับรู้ด้วยหรอกนะชามัล


อสิตา 14 ม.ค. 2557, 09:41:38 น.
พูดออกไปแบบนี้ งูร้ายตายลูกเดียว


goldensun 14 ม.ค. 2557, 20:25:14 น.
ทำร้ายจิตใจสิตาราไปซะแล้ว ทำเอาใจขาวหายไปหมดเลย
เจ็ดราศรีก็กระจายซะ ดีที่สิงห์กับเสือดำรอดมาได้ แถมยังทำให้มัชฌิม์รู้ใจตัวเองอีกด้วย ต้องลุ้นป่าว คู่นี้
ชามัลพูดร้ายใส่ แล้วยังจะทิ้งสิตาราไว้อีก พลังที่มีเพิ่มขึ้น ชามัลรู้ป่าว
แล้วมิตรล่ะ ช่วงวุ่นวายจบลง หายไปไหนซะแล้ว


Zephyr 14 ม.ค. 2557, 20:36:01 น.
ป๊อดชะมัด ไม่กล้ายอมรับความจริง ยิ่งพูด คนสำคัญแบบที่ตัวเองไม่รู้ตัวยิ่งเสียใจ
เด็ก ด้วย ป๊อดอีก เฮอะ แบบนี้เรอะ คิดจะเอาอำนาจมากุมไว้กะตัว
จัดการตัวเองคนเดียวยังไม่ได้ จะไปจัดการคนหมู่มากได้ยังไง
สิต้า สั่งสอนหน่อยสิ เอาใจเอาตัวออกห่างไปเลย โยนสร้อยนั่นทิ้งก้นทะเลไปเล้ยยยย
ไม่ก้อเอาให้แตกจะได้ส่งพี่รองกลับบ้าน ก่อนพี่รองจะถลำใจไปให้นางสิงห์
ชิๆๆๆๆ ไม่ๆๆๆ ห้ามปันใจนะ เสือดำ ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ
ใช่เฟอรืชอบกงจักร เห็นกงจักร สวยดีออก หยักๆหมุน
ยิ่งเป็นอาวุธอักขระยิ่งน่าสนใจ
เอาไว้กระซวกไส้เดือนตัวใหญ่ๆได้ด้วย


ผู้หญิงเลือดเย็น 14 ม.ค. 2557, 20:44:05 น.
ยังใช้เว็บนี้ไม่ค่อยเป็นจ้ะแป้ง กำลังฝึกฝนอยู่ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account